คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ::Chapter4::
[Talk] สารภาพตามตรงค่ะว่าแอบดองเรื่องนี้เพราะแว่บไปแต่งฟิคดาบ กำลังป่วยดาบได้ที่
ประกอบกับบทนี้เขียนยากมากกก พิมพ์ไปลบไปไปหลายครั้ง ขนาดที่เอามาลงยังคิดว่าไม่ดีเลยค่ะ ไว้คงกลับมารีไรท์ทีหลัง นั่งพิมะ์เที่ยงคืนยังตีสี่ ยิ่งแต่งยิ่งมึน คำผิดกับภาษาจะมาเกลาทีหลังนะคะ Y-Y
เมื่อเจ็บปวดเสียยิ่งกว่าความเจ็บปวด เสียใจเสียยิ่งกว่าความเสียใจ
เช่นนั้นแล้วจะสรรหาคำใดมาเรียกขานมันดี....
ฝันแย่ๆทำให้เขาตื่นขึ้นมาในกลางดึก...
เหลือบมองเวลาตีสามกว่าๆแล้วก็ถอนหายใจ
เขาไม่มีใจจะนอนต่อแล้ว...
กำลังจะเอื้อมมือไปเปิดไฟที่หัวเตียง
ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นเงาจะคุ่มๆอยู่ข้างๆ
หระ...หรือว่านั่น...
คิเสะกลืนน้ำลายเฮือก
ดวงตาจ้องเป๋งไปทางเงานั้น
เจ้าเงานั่นลักษณะเหมือนคน แต่เมื่อนึกดูแล้วก็ตระหนักได้ว่าห้องนี้มีเขาอยู่คนเดียว...
เมื่อสมองประมวลผลสรุปอันน่าหวาดผวาออกมาได้
อดีตนายแบบหนุ่มก็แทบอยากจะกรี๊ด มือที่ยื่นออกมาได้เพียงครึ่งเดียวค่อยๆหดกลับมา
หวังว่าเจ้าสสารตรงนั้นจะไม่รู้สึกตัว
ทว่า....
“อ๊ากกกกกกก!!!”
เสียงกรีดร้องดังลั่นไปทั่วหอพักในคืนดึกสงัด...
************
เสียงฝีเท้าที่ย่ำอย่างสม่ำเสมออาจไม่มีใครได้ยินในยามกลางวัน
แต่ไม่ใช่ในช่วงเช้าที่ฟ้ายังไม่ทันสาง
ร่างสูงใต้เสื้อฮู้ดสีเทาวิ่งไปตามทาง
การออกกำลังกายเรียกเม็ดเหงื่อให้ผุดตามผิวสีเข้มแม้ในยามอากาศเย็น
อาโอมิเนะ ไดกิ
กำลังรู้สึกอารมณ์ไม่ดี...
หนึ่งคือเขาฝันร้าย
และสองคือฝันนั้นดันเกี่ยวกับเจ้าหมาที่หายหัวไปเป็นปีๆอย่างคิเสะ...
เคยได้ยินมาว่า
ความฝันเป็นกระบวนการในการจัดการความทรงจำอย่างหนึ่ง กลางวันคิด กลางคืนก็ฝัน
แต่เขาไม่ได้คิดถึงหมอนั่นสึกหน่อย!
ฝีเท้าค่อยๆผ่อนลงเพื่อคูลดาวน์
ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้
หลังสัญญาณแจ้งเตือนจากนาฬิกาดังว่าฮาร์ทบีทกำลังเข้าสู่โซนอันตราย
'...ฉันจะเลิกหลงใหลนาย”
'ลาก่อนนะ อาโอมิเนจจิ...'
“ห่าเอ๊ย”
สบถด้วยความหงุดหงิดเมื่อเสียงที่ไม่เคยอยากจำได้สักนิดกำลังดังก้องอยู่ในหัว
ทั้งๆที่เป็นเพียงคำพูดในความฝันเท่านั้น
แต่เขากลับรู้สึกหงุดหงิดราวกับอีกฝ่ายได้มาพูดต่อหน้าเขาจริงๆ
มันไม่ทางเกิดขึ้นอยู่แล้ว...
เจ้านั่นไม่มีทางลืมเขาไปได้หรอก
คำพูดที่เฝ้าบอกกับตัวเองอย่างหนักแน่นเสมอมา
หากในวันนี้เขารู้ดีว่ามันกำลังสั่นคลอนอย่างช้าๆ ตามระยะทางและเวลาที่ห่างกัน...
“จะให้ทำยังไงวะ”
มือยกขึ้นกุมศรีษะ บนเส้นผมที่ชื้นเหงื่อ
'...แค่พูดความจริงมันยากขนาดนั้นเลยหรอครับ'
...ความจริง...
นัยน์ตาสีน่ำเงินเข้มแข็งกร้าว
น่ากลัวราวกับหล่อหลอมขึ้นมาจากโทสะและทิฐิทั้งปวง
ในเมื่ออยากหลบหน้า อยากลืมกันถึงขนาดหนีไปแบบนี้
ฉันก็จะไม่ให้นายลืมไปได้ง่ายๆหรอก...
จะลืมฉันมันไม่ง่ายหรอกนะ คิเสะ...
*********
“ไม่ใช่ผีแน่นะ?”
“ไม่ใช่”
“มีหลักฐานรึเปล่า”
“โธ่ ไม่เอาน่าพ่อโตเกียวบอย
ผีที่ไหนจะมานั่งคุยกับนายได้แบบนี้”
มันก็จริง...
นักเรียนต่างชาติที่เพิ่งจะส่งเสียงกรี๊ดดังลั่นหอไปหมาดๆ
ตอนนี้ขดตัวอยู่ในผ้าห่มอยู่ที่มุมเตียง ส่วนตรงปลายเตียงนั้นคือเจ้าของเงาลึกลับที่เกือบทำเอาหัวใจวายตาย
“แล้วเธอ...”
“เรเชล” ผู้ต้องสงสัยว่าเป็นผีเอ่ย “นั่นชื่อฉัน”
“อ่า... เรเชล เธอมาทำอะไรในห้องฉัน
ไม่สิ... เธอเข้ามาได้ยังไงต่างหาก?!”
“หือ? ก็ไม่เห็นยาก
เสน่ห์ของผู้หญิงน่ะรู้จักมั้ย”สาวลึกลับพูดเจือหัวเราะ แถมยังยักคิ้ว ราวกับว่ามันเป็นเรื่องสุดแสนธรรมดาเหมือนการกินอาหาร
“ว่าแต่นายเสียมารยาทชะมัด
ฉันดูเหมือนผีตรงไหน หือ?”
ดวงตาสีทองมองคนพูดอย่างกล้าๆกลัวๆ
จริงอยู่ว่าร่างบางสูงเกือบร้อยเจ็ดสิบกับเส้นผมสีดำ นัยน์ตาสีฟ้ามีเสน่ห์
จะดูห่างไกลคำว่าผีไปเยอะ
แต่เมื่ออยู่ในความมืดต่อให้สวยแค่ไหนแล้วเขาจะไปมองเห็นเรอะ!
“...อาจจะเป็นผีลักหลับ”
“นายว่าไงนะยะ”
“ง่า... เปล่า...”
เรเชลมองดูหนุ่มต่างชาติที่นั่งงึมงำแถมขดตัวในผ้าห่มอย่างกับดักแด้แล้วก็อดส่ายหน้าไม่ได้
นี่น่ะหรอ หนุ่มฮอตในสนามบาสคนนั้น
ดูยังไงก็แค่โกเด้นทรีฟเวอร์...
“มาเข้าเรื่องดีกว่า
ฉันมันเรื่องให้นายช่วย”พูดพลางกระเถิบเข้าไปใกล้อีกฝ่าย
แล้วคว้าผ้าห่มโยนทิ้งไปอีกทาง
“อ๊ากกก”
พลั้วะ!
“นายจะกรี๊ดหาอะไร?!”
คิเสะกุมหัวที่ถูกตบอย่างไร้ปรานี
นัยน์ตาสีทองมีน้ำตาเอ่อคลอ
“เธอจะทำมิดีมิร้ายฉัน”
ราเชลแทบจะกรอกตาเป็นเลขแปดเมื่อได้ยินคำตอบสุดแสนจะงี่เง่านั้น
“ช่างเถอะ... นายรู้มั้ยว่าฉันเรียนรัฐศาสตร์
และพรุ่งนี้มีงานบายเนียร์”
“ไม่รู้...”
ตอบตรงๆ
เพราะเขาแทบไม่รู้เรื่องของคณะอื่นเลยจริงๆ ยิ่งไม่นับว่าเขาไม่เคยรู้จักเรเชลมาก่อน
“นายต้องไปกับฉัน”
“หา?!”
อา... ให้ตายเถอะ
เขาเจอผู้หญิงมาไม่น้อยนะ แต่แบบนี้รับมือยากที่สุด พวกไม่ค่อยฟังคนอื่น...
“มีปัญหา?”นัยน์ตาสีฟ้าจ้องมา
ดูหาเรื่องประหนึ่งว่าถ้าปฏิเสธจะบีบคอให้ตาย
“ตะ...แต่เราไม่รู้จักกันนี่หน่า”
“นายชื่อเรียวตะใช่มั้ย”
ริมฝีปากเคลือบลิบสติกสีนู้ดขยับเป็นรอยยิ้มที่ดูเจ้าเล่ห์อย่างร้ายกาจ
ทำเอาคนมองเหงื่อตก
“ชะ...ใช่”
“หือม์”หญิงสาวเลิกคิ้วขึ้น
ปลายนิ้วชี้มาทางตัวเอง
“แล้วฉันชื่ออะไร”
“เร... เรเชล”
“นั่นไง! เรารู้จักกันแล้ว
ดังนั้นนายต้องไปงานกับฉัน~”
“หา! แต่...”
เสียงที่กำลังโวยวายถูกขัดด้วยนิ้วชี้ที่แตะลงมาบนริมฝีปาก
“ฉันจอดรถไว้ที่ลาน
พรุ่งนี้ทุ่มตรงขับมารับฉันที่หอSC3 แต่งตัวหล่อๆด้วยนะพ่อหนุ่มอิมพอร์ต”
โยนกุญแจรถลงบนเตียง
ก่อนที่จะลุกขึ้นยืน ไม่วายขู่ทิ้งท้ายอีกหนึ่งประโยค
“ถ้านายเบี้ยวนัด ฉันจะฟ้องว่านายขโมยรถ
บาย”
พูดจบ
ร่างบางก็เดินฉับๆออกจากห้องไป ส่วนคิเสะในตอนนี้ติดสตั้นท์ไปเรียบร้อยแล้ว
สมองที่ยังไม่ค่อยตื่นกำลังไล่เรียงเหตุการณ์ทั้งหลายทั้งแหล่สลับกับมองกุญแจรถที่นอนแอ้งแม้งอยู่บนเตียง
ทำไมอยู่ดีๆถึงมีเรื่องยุ่งมาหาจนได้เนี่ย
คิเสะแทบอยากจะร้องไห้...
*********
“เฮ้ยๆๆๆ
ได้ข่าวว่าเมื่อเช้าแกกรี๊ดลั่นหอเลยหรอวะ เจอผีหลอกเข้าให้รึไง”
ยามเช้าที่โรงอาหาร
เริ่มต้นจากการที่ถูกเจ้าเพื่อนแซวเอาพร้อมหัวเราะดังลั่นอย่างกลัวคนอื่นไม่รู้
“เงียบปากไปเลย
ฉันไม่ได้เจอผีสักหน่อย”
“ไม่ใช่ผีแต่เป็นแม่มดใช่มั้ย”เสียงสูงแทรกขึ้น
พร้อมเจนที่เพิ่งเดินมาถึงโต๊ะ
เธอวางถาดอาหารลงแล้วจ้องมาทางเพื่อนต่างชาติอย่างคาดโทษ
“สารภาพมาซะดีๆ เรียวตะ
นายไปหิ้วนังแม่มดเรเชลมานอนด้วยใช่มั้ย”
คำถามที่ทำให้คิเสะพ่นนมในปากใส่หน้าแมทเต็มๆ
“หาา!? เธอว่าไงนะ!?”
“ตอนนี้เค้าลือกันให้แซ่ดว่าเห็นเรเชลเดินออกมาจากห้องของนาย”
“จริงหรอวะ นายแม่งร้ายจริงๆ
ทำเป็นเงียบแต่ฟันเรียบเลยนะเว้ย!”แมทพูดอย่างตื่นเต้นพร้อมโยนกระดาษทิชชู่ซึ่งใช้เช็ดหน้าใส่ตัวต้นเหตุ
แววตาพราวระยับด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“ไม่ใช่อย่างนั้น! คือว่ามัน...”
สุดท้ายคิเสะจึงได้ร่ายยาวอธิบายถึงเหตุการณ์เมื่อเช้า
และจบท้ายด้วยเสียงโอดครวญ
“ฉันจะทำยังไงดีอ่าาา ฮรือออ”
“โหยย ไปเลยเพื่อน!
สาวสวยขนาดนั้นมาชวนนายออกงานเชียวนะ”แมทสนับสนุน
หากผู้หญิงคนเดียวในกลุ่มกลับจัดการผลักคนยุแรงๆไปทีแล้วรีบค้าน
“มันดูน่าสงสัยไม่ใช่หรอยะ
เรเชลเลยนะ เร-เชล ยัยนั่นฮอตจะตาย แถมยังคาบผู้ชายไปกินเกือบหมดมหาลัยแล้ว”
“ที่แท้ก็อิจฉาที่ตัวเองไม่ฮอตใช่มั้ยล่ะ...”
“ยังอยากมีปากไว้กินข้าวมั้ย แมท”
คิเสะมองดูเพื่อนสองคนที่เริ่มทะเลาะกันแล้วก็ฟุบหน้าลงกับโต๊ะ
รู้สึกอยากจะร้องไห้
ฮรือ...
ทำไมฉันต้องเจอกับเรื่องยุ่งๆแบบนี้ด้วย
“เฮ้ย แต่ถ้าเรียวตะไม่ไปก็เจอฟ้องเรื่องรถสิ
ถึงจะมีหลักฐานว่าไม่ได้ทำจริง แต่มันก็จะเป็นเรื่องใหญ่ไม่ใช่หรือไง
นี่ก็ใกล้สอบไฟนอลแล้วหน่า”
แมทพูดเรื่องสำคัญออกมา ที่เมื่อเจนคิดตามแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ
มือบางตบเบาๆลงบนไหล่ของเพื่อนที่ท่าทางหมดอาลัยตายอยากสุดๆ
“มันก็ถูก...
เรียวตะ งานนี้นายคงต้องไปแล้วล่ะ”
*********
เวลามักผ่านไปเร็วเสมอในยามที่เราต้องการให้มันเดินช้าๆ...
คิเสะมองดูรถจาร์กัวร์สีเมคัลลิคคันงามแล้วกลืนน้ำลาย
นะ...นี่ถ้าเผลอไปเฉี่ยวโดนอะไรเข้า
เขาไม่มีทางใช้คืนไหวหรอกนะ...
คนไม่มีทางเลือกได้เพียงสตาร์ทรถอย่างระมัดระวังและมุ่งตรงไปยังหอSC3 หอพักไฮคลาสซึ่งหรูกว่าหอเก่าๆของเขาอย่างเทียบไม่ติด
และนั่นรวมไปถึงค่าพักอาศัยที่แพงแสนแพงอีกด้วย
“ฉันนึกว่านายจะไม่มาซะแล้ว”เรเชลพูดขึ้นแทนคำทักทายขณะที่เข้ามาในรถโดยไม่รออีกฝ่ายลงมาเปิดประตูให้
วันนี้เธอใส่ชุดเดรสสีน้ำเงินเข้มตัดกับผิวขาว แต่งหน้าสวยและทาลิปสีแดงสด
ปฏิเสทไม่ได้ว่าสวยเสียจนทำให้คนมองจนเหลียวหลังได้ง่ายๆ
“ก็เธอเล่นขู่ฉันไว้นี่หน่า”คนถูกมัดมือชกแอบบ่นงึมงำขณะที่รถเคลื่อนตัวออกจากรั้วหอพักช้าๆ
“ถามตรงๆนะ
มีคนอื่นตั้งเยอะทำไมเธอไม่ชวนล่ะ พวกเราไม่เคยคุยกันสักครั้งด้วยซ้ำ”
หญิงสาวมองเสี้ยวหน้าของคนที่นั่งข้างกาย
เรียวปากขยับยิ้ม
“ฉันเคยเห็นนายเล่นบาส” หล่อนว่า “นายดูดี เป็นคนต่างชาติ นั่นทำให้นายเด่น
และไม่รู้ข่าวแย่ๆเกี่ยวกับฉัน ก็แค่นั้นแหละ”
“อันที่จริงก็เคยได้ยินมาบ้าง...”
ประโยคที่ทำให้คิ้วโก่งขมวดเข้าหากันเล็กน้อย
“แล้วนายคิดว่าไง”
“ก็ไม่มีอะไร”คิเสะตอบ “เธอจะทำอะไรก็เรื่องของเธอ
ไม่เกี่ยวกับฉันนี่”
ประโยคนั้นทำให้เรเชลหันไปมอง ในแสงสลัวนั้น เสี้ยวหน้าของคนที่กำลังขับรถอย่างตั้งอกตั้งใจดูดีสมกับที่เคยเป็นนายแบบมาก่อน
“นั่นยิ่งทำให้ฉันชอบนาย”หล่อนพูด
“ผู้ชายคนอื่นอยากควงฉันออกงานมีเยอะแยะ แต่พวกนั้นขี้โอ่ แถมยังปากมากชอบแต่งเรื่องฉันมั่วซั่วอีก
เจอแต่คนแบบนี้มากๆเข้าทำฉันเซ็ง”
“แต่เธอทำตัวเองไม่ใช่หรือไง”สารถีจำเป็นที่กำลังเพ็งสมาธิแทบทั้งหมดไปกับการระวังไม่ให้ขับไปเฉี่ยวอะไรเข้าถาม
“อ่า... ฉันหมายถึง ข่าวแย่ๆของเธอมันคงไม่มีถ้าเธอทำตัวดีๆ ถูกมั้ย”
“ข่าวลือมักเกินจริง...
แต่ก็ถูกของนาย ฉันไม่ได้เป็นคนดีเลิศอะไร”เรเชลเบือนสายตาไปมองทางกระจกแทน “ฉันแค่ทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการ
สนุกให้เต็มที่ ทำทุกอย่างที่อยากทำ แต่ก็ยังรู้ลิมิตตัวเองอยู่นะ”ท้ายประโยคเจือเสียงหัวเราะ
มือบางตรวจดูความเรียบร้อยของทรงผมเมื่อเห็นว่ารถแล่นผ่านประตูโรงแรมอันเป็นสถานที่จัดงานเข้ามา
ก่อนจะหันมาพูดกับอีกฝ่ายอีกครั้ง
“ฉันใช้ชีวิตแบบที่ในอนาคตจะไม่มานั่งเสียใจเด็ดขาด”
***********
งานเลี้ยงที่เต็มไปด้วยแสงสี
เสียงดนตรี และที่ขาดไม่ได้คือแอลกอฮอล์พร้อมเสิร์ฟไม่มีอั้น จบลงที่สุดท้ายแล้วสาวสวยคนดังอย่างเรเชลดื่มจนเมาแทบคุยไม่รู้เรื่อง
ลำบากคนถูกบังคับมาอย่างคิเสะที่นอกจากต้องเดินตามคุณเธอไปทั่วงานและเป็นขี้ปากให้ชาวบ้านนินทาแล้ว
ยังต้องพาหล่อนมาส่งถึงหอพักอีก
วางร่างในชุดราตรียาวลงบนเตียงกว้าง
ก่อนจะถอนหายใจออกมายาวๆเมื่อพบว่าตอนนี้ตีสองแล้ว
คิเสะรู้สึกเหนื่อยราวกับพลังงานทั่วร่างถูกสูบออกไปทั้งๆที่แค่เดินไปเดินมาอยู่ในงานเท่านั้น
อาจเป็นพราะเขาต้องคอยปั้นหน้ายิ้มสู้ความอึดอัดในงาน เพราะแต่ละคนที่ได้เจอเขาก็แทบไม่รู้จัก
ส่วนมากก็เป็นนักศึกษาคณะเดียวกับเรเชลทั้งนั้น
“จะกลับแล้วหรอ...”เสียงของคนเมาฟังดูลอยๆ
ประโยคนั้นเป็นคำถาม แต่มือที่จับแขนเขาเอาไว้กับคำพูดต่อมากลับเป็นคำสั่ง “นายห้ามกลับนะ”
“อ่า... แต่นี่มันดึกแล้ว แถมฉันก็ไปงานกับเธอมาเรียบร้อยแล้วนี่หน่า”พูดแล้วก็กำลังจะลุก
แต่อีกฝ่ายไม่ยอม ทั้งยังกระชากแขนอย่างแรงจนเข้าเสียหลักล้มลงบนเตียง ดวงตาสีฟ้าฉ่ำวาวปรือเปิดขึ้น
จ้องมองมาตรงๆ
“นอนกับฉัน”
“หา?!”
คำพูดตรงๆที่ทำเอาหนุ่มเอเชียร้องเสียงหลง
ใบหน้าขาวขึ้นสีจางขณะที่รีบผุดลุกขึ้นจากเตียงทันที
“มะ...เมาจนเพี้ยนแล้วหรอ?! ฉันไม่ใช่แฟนเธอนะ”
อันที่จริงในฐานะหนุ่มฮอตเขาก็เคยเจอสถาณการณ์แบบนี้มาไม่น้อย แต่นั่นมันก่อนที่เขาจะหันมาทุ่มความสนใจให้กับบาส! ก่อนที่จะได้ลองรักใครจริงๆสักคน!
ถ้าย้อนกลับไปสักห้าหกปีก่อนเขาก็คงไม่ลังเลล่ะนะ แต่ตอนนี้ขอเลือกเผ่นดีกว่า...
“พักเยอะๆนะเรเชล ฉันกลับละ บ๊ายบา...”
คำสุดท้ายกลืนหายไปในลำคอเมื่ออยู่ๆเรียวปากก็ถูกประทับปิดท่ามกลางความตื่นตะลึง
ดวงตาสีทองเบิกกว้าง กว่าจะเรียกสติกลับมาได้ก็ตอนที่จูบเผ็ดร้อนนั้นผ่านไป
“นายบ้ารึเปล่าเนี่ย!”เสียงหวานเจือความหงุดหงิดเต็มที่ หญิงสาวตวัดขาขึ้นคร่อมร่างสูงเอาไว้
ดวงตาฉ่ำแบบคนเมามองหน้าอีกฝ่ายอย่างหาเรื่อง
“นายมีแฟนมั้ย?”
“มะ...ไม่...”
คนถูกทับไว้กับเตียงตั้งตัวไม่ถูก แต่อีกฝ่ายไม่ปล่อยให้เขางงได้นาน
มือบางคว้าคอเสื้อเขาแล้วกระชากเสียง
“งั้นแค่ทำมัน โอเค๊?”
อดีตนายแบบหนุ่มรู้สึกตามสถาณการณ์ตรงหน้าไม่ถูก
แต่ร่างนุ่มนิ่มที่เบียดไปมาอยู่บนตัวกับมือที่เริ่มถอดเสื้อเขาออกอย่างช่ำชองทำให้สติเริ่มถูกอย่างอื่นมาครอบงำ
จะยังไงเขาก็เป็นผู้ชาย...
พนันได้เลยว่าผู้ชายคนไหนมาเจอสาวสวยกระโดดคร่อมเอาแบบนี้ ร้อยทั้งร้อยก็ทนไม่ได้!
น่าสลดที่ตัวเขาเองก็เป็นหนึ่งในร้อยเปอร์เซ็นต์นั้นด้วย...
กว่าจะรู้ตัวว่าทำอะไรลงไปก็ตอนที่ตื่นขึ้นมาเพราะกลิ่นควันบุหรี่
นัยน์ตาสีทองปรือขึ้นช้าๆ เมื่อกวาดมองไปรอบๆแล้วพบว่าที่นี่ไม่ใช่ห้องตัวเอง
ก็ได้แต่ยกมือขึ้นกุมหน้า
อ่า...
คิเสะ เรียวตะ นายกลับมาเป็นผู้ชายหิวโซแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?!
“ตื่นแล้วไม่ใช่หรือไง?”เสียงหวานทักขึ้นเมื่อสังเกตว่าคนข้างกายขยับ
ทว่าเมื่อหันไปมองและพบว่าอีกฝ่ายกำลังนอนหันหลังให้แถมยังดึงผ้าห่มขึ้นสูงอย่างกับสาวน้อยโดนล่อลวงแล้วก็อดขำไม่ได้
“ไม่เอาน่า... มีเซ็กส์กับฉันมันแย่ขนาดนั้นเชียว?”
ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ เรเชลจึงหันไปให้ความสนใจกับโทรศัพท์ในมือต่อ บุหรี่กลิ่นเปปเปอร์มินต์ถูกส่งเข้าปาก
ก่อนระบายออกมาเป็นควันสีเทา
“อาโอมิเนะ
ไดกิ...”
ชื่อที่อยู่ๆก็หลุดออกมาจากปากของหญิงสาวทำให้อดีตนายแบบเบิกตากว้างแล้วผุดลุกขึ้น
หันหน้ามามองอีกฝ่าย และเมื่อเห็นว่าที่อยู่ในมือบางคือโทรศัพท์ของเขาจึงได้รีบคว้ามันคืนมา
“ทำอะไรของเธอ?!”คิเสะถาม ด้วยเสียงที่แทบเป็นการตะคอก นัยน์ตาสีทองจ้องบนหน้าจอที่แสดงหน้าต่างแชทของโปรแกรมไลน์
โชคดีที่เรเชลแค่เปิดเข้าไปแต่ไม่ได้พิมพ์อะไร
“นายโกรธงั้นหรอ?”หญิงสาวเจ้าของห้องถาม ดวงตาสีฟ้าหรี่มองเพื่อจับสังเกตุ
เธอเจอคนมาก็มาก
และคนอย่างคิเสะ เรียวตะ ก็ดูเป็นประเภทใจเย็นไม่มีเรื่องกับใคร
ขนาดที่ว่าโดนหล่อนบังคับสารพัดยังไม่โกรธ แต่กลับมาโมโหเพราะเธอพูดชื่อของคนๆเดียวออกไป
“ขอโทษที่เปิดดูโดยไม่ขอ
แล้วนั่นเพื่อนนายที่ญี่ปุ่นใช่มั้ย?”
คำถามที่ทำให้คิเสะนิ่งไป มือที่ถือโทรศัพท์กำแน่นอย่างเห็นได้ชัด
เพื่อน....งั้นหรอ?
สำหรับเขาและอาโอมิเนจจิ ตอนนี้เป็นอะไรกันแน่
ยังเรียกได้ว่าเป็นเพื่อนกันอยู่รึเปล่า หรือว่าแท้จริงแล้วอีกฝ่ายไม่เคยเห็นเขาเป็นกระทั่งเพื่อนมาก่อน...
“เปล่า... ก็ไม่เชิง”เขาตอบ ทำท่าจะตัดประโยคสนทนา
หากอีกฝ่ายกลับไม่ยอมให้เป็นเช่นนั้น
“งั้นนายก็ชอบเขาล่ะสิ”
ดวงตาสีทองหันไปมองเรเชลในทันที โดยสบเข้ากับดวงตาสีฟ้าที่เหมือนมองเขาออกอย่างทะลุปรุโปร่ง
มันเป็นเวลาสักพักก่อนที่คิเสะจะหาเสียงของตัวเองเจอ เรียวปากฝืนขยับยิ้มบางๆ
แสร้งทำเป็นว่าหัวเราะ
“อย่ามาล้อเล่นน่า...
หมอนั่นเป็นผู้ชาย ฉันไม่ได้เป็นเกย์สักหน่อย”
และมันน่ารังเกียจ... สำหรับการที่ผู้ชายคนหนึ่งถูกผู้ชายอีกคนมาชอบ...
น้ำเสียงและคำพูดตัดรอนเย็นชาหวนกลับเข้ามาในความคิด
แจ่มชัดราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน
“แล้วยังไง”หญิงสาวถาม คิ้วโก่งขมวดเข้าหากัน “หรือนายคิดว่ามันผิด? ไม่เอาน่าเรียวตะ นี่มันยุคไหนแล้ว ไอ้ประเด็นเหยียดLGBTQ*มันแผ่วลงไปตั้งเยอะ ถ้านายชอบผู้ชายสักคนมันก็ไม่ได้หมายความว่านายเป็นเกย์
เรื่องของความรู้สึกรักมันไม่เกี่ยวกับเพศสภาพหรอกนะ การเอากรอบเรื่องเพศมาจำกัจเป็นเรื่องที่โคตรห่วย
ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับว่าคนๆนั้นพิเศษสำหรับนายมากกว่า”
“ฉันไม่คิด...
แต่คนอื่นคิดนี่หน่า”เขาถอนหายใจ ความขมขื่นในอกเริ่มทวีขึ้นจนทนไม่ได้ “หยุดคุยเริ่งนี้เถอะ”
“สรุปว่านายชอบหมอนั่น”เรเชลก็ยังคงเป็นเรเชลที่ไม่ฟังคนอื่น เธอหยุดเพื่อสูบบุหรี่ชั่วครู่
ก่อนจะหันมาสบตาคนข้างๆ แล้วพูดอย่างจริงจัง
“จะหาว่าฉันยุ่งเรื่องของนายก็ได้นะ
แต่ฉันจะบอกอะไรให้ เราน่ะเป็นปัจเจกบุคคล อย่าปล่อยให้คนอื่นมาทำให้ตัวนายรู้สึกด้อยค่า
เหมือนที่นายไม่ได้สนข่าวแย่ๆของฉัน นายก็ไม่ต้องไปสนว่าคนอื่นเขาจะมองนายยังไง
สังคมจะมองนายยังไง ตราบใดที่ไม่ได้ไปทำให้คนอื่นเดือดร้อน
การต่างไปจากคนส่วนมากของสังคม มันไม่ได้หมายความว่าเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง
จริงอยู่ว่ามันแปลกจากคนอื่น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะผิด
นายเข้าใจที่ฉันพูดมั้ย”
ภายในห้องกว้างถูกปกคลุมไปด้วยความเงียบและกลิ่นมินท์จางๆของบุหรี่
คิเสะก้มหน้าลงต่ำ จมอยู่กับความคิดของตัวเอง
เขายอมรับได้นานแล้ว...
ยอมรับว่าตัวเองรักอาโอมิเนจจิ ตอนแรกนั้นเขากลัว... กลัวที่จะยอมรับความจริง
กลัวสายตาคนรอบข้าง ทว่าในท้ายที่สุด เมื่อชั่งน้ำหนักดูแล้ว เขาจะไม่สนเลยว่าคนอื่นจะมองยังไง
จะคิดยังไง ขอเพียงแค่เขาได้อยู่ข้างๆ
ขอเพียงแค่อาโอมิเนจจิรักเขาบ้างแม้เพียงสักนิด...
แต่มันไม่มีทางเป็นไปได้...ไม่มีเลย....
“ขอบใจนะ
เรเชล”
เขาหันมายิ้มให้อีกฝ่าย ตอนนี้เขาพบว่าอันที่จริงแล้วเรเชลก็ไม่ใช่คนไม่ดีเหมือนที่เคยได้ยินมาเลย
“ไม่ต้องหรอก
ฉันก็รบกวนนายไว้เยอะ”หล่อนว่า ก่อนจะลุกขึ้น
คว้าเอาเสื้อคลุมที่พาดอยู่บนเก้าอี้ขึ้นมาใส่ “ว่าแต่นายเคยบอกหมอนั่นไปรึยัง”
“ก็...เคยบอกไปแล้ว”คิเสะตอบเสียงแผ่ว ส่วนเรเชลก็รีบถามต่อ “จริงอะ? แล้วเป็นไงบ้าง”
“เขาบอกว่าฉันมันน่ารังเกียจ”
ประโยคเบาแสนเบาที่เอ่ยออกมาด้วยความเจ็บปวด
ลำคอเหมือนโดนเข็มนับร้อยๆเล่มทิ่มแทง ขอบตาร้อนผ่าว คิเสะกรอกตาขึ้น
พยายามข่มความรู้สึกในใจ
เรเชลมองภาพนั้นแล้วจึงถอนหายใจ
ก่อนยกมือขึ้นตบไหล่อีกฝ่ายเบาๆ
“หมอนั่นแม่งโคตรห่วย”
คำพูดสั้นๆที่คล้ายจะแทนคำปลอบใจ ทำให้คิเสะหัวเราะออกมาพลางพยัคหน้า “เห็นด้วยเลย”
คนห่วยๆที่ไม่ได้แคร์ความรู้สึกเขาสักนิด...
คนที่เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ทุกครั้งที่ทำตัวแย่ๆจนเขารู้สึกถอดใจ
แต่สุดท้ายแล้วก็กลับมาทำดีด้วยจนมีความหวัง
คนที่เขารัก... เป็นคนที่แย่จริงๆ
“นายมีอะไรไม่สบายใจก็บอกฉันได้ จำไว้ว่าฉันถือว่านายเป็นเพื่อน”เรเชลว่า
หล่อนก้าวลงจากเตียง เรียวปากประดับรอยยิ้มกว้าง
“นายรู้มั้ยว่ามนุษย์ทนความเจ็บปวดได้อย่างน่าทึ่งเลยล่ะ ดังนั้นถึงจะเจ็บ
หรือเหนื่อยแค่ไหน ขอแค่ทำเต็มที่เพื่อให้ไม่ต้องมานั่งเสียใจภายหลังก็พอ”
*************
นัยน์ตาสีทองจ้องมองดูหน้าต่างของไลน์อยู่เนิ่นนานโดยไม่ได้พิมพ์อะไร
เพียงไล่สายตาอ่านไปทีละข้อความซ้ำไปซ้ำมาอยู่อย่างนั้น
‘อาโอมิเนจจิ! ฉันมาถึงอเมริกาแล้วล่ะ!’
‘อาโอมิเนจจิ วันนี้เปิดคลาสวันแรก ตื่นเต้นมากเลยล่ะ ชักประหม่านะเนี่ย
TAT’
‘ในมหาลัยมีสนามบาสใหญ่มากเลย อ๊ะ ฉันก็ยังเล่นบาสอยู่นะ! คนที่นี่ก็เก่งมากเลยล่ะ แต่ฉันก็ชนะ เมื่อไหร่ฉันจะชนะอาโอมิเนจจิได้บ้างนะ...’
‘ตอนนี้อาโอมิเนจจิทำอะไรอยู่ สบายดีรึเปล่า?
ส่วนฉันสบายดี แค่คิดถึงบ้านนิดหน่อย แหะๆ’
‘พระอาทิตย์ตกดิน แสงสะท้อนกับหิมะสวยมากเลย มีจุดชมวิวดีๆด้วยแหละ
ถ้าอาโอมิเนจจิอยู่ด้วยก็คงดีเนอะ’
‘คริสมาสต์อีฟ~! เพื่อนที่นี่ทิ้งฉันไปหมดเลยอ่ะ คิดถึงญี่ปุ่นจังเลย อาโอมิเนจจิมีออกไปไหนรึเปล่า?’
‘วันคริสมาสต์... ฉันคิดถึงอาโอมิเนจจิ’
‘วันนี้ฉันก็ยังคิดถึงอาโอมิเนจจิ’
‘คิดถึงนะ’
‘คิดถึงนะ’
‘คิดถึงนะ...’
ข้อความมากมาย... ที่ตามด้วยสัญลักษณ์ Exclamation mark [!] บ่งบอกว่ามันไม่เคยไปถึงผู้รับ...
เขาได้แต่พิมพ์เรื่องราวต่างๆที่ต้องการบอกกับอีกฝ่าย
สิ่งที่อยากคุยด้วย สถานที่ซึ่งอยากให้อาโอมิเนจจิได้มาเห็น แต่เขาไม่เคยต่ออินเตอร์เน็ท
ดังนั้นมันจึงไม่มีวันถูกส่งไปถึง...
เรื่องที่จะไม่เสียใจในภายหลังนั้นหรอ...
มุมปากขยับขึ้นเป็นเส้นโค้งบางๆอย่างขมขื่น ปลายนิ้วแตะลงบนหน้าจอ
ท่ามกลางความลังเลที่อยู่ระหว่างความกล้าและความหวาดกลัว ในที่สุดแล้วจึงได้เอ่ยออกมา
“ฉันคง... เสียใจมากไปกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว”
ตัวอักษรถูกร้อยเรียง
ก่อนที่สัญญาณอินเตอร์เน็ทจะนำมันส่งไปถึงใครอีกคนที่อยู่แสนห่างไกล...
*********
[Talk] อย่างที่บอกค่ะว่าบทนี้แต่งได้ยากลำเข็ญมาก
อะไรที่ยากหรอคะ? ตัวยัยเรเชลเนี่ยแหละค่ะTvT
เป็นตัวละครที่ดูเกินๆล้นๆ แต่จะตัดออกก็ไม่ได้
เราต้องการตัวละครที่มาผลักคิเสะให้ก้าวไปข้างหน้า ไม่ใช่ย่ำอยู่กับที่
และอยากได้สไตล์ที่เป็นสาวนอกหัวสมัยใหม่(เป็นหนุ่มไม่ได้เดี๋ยวเรื่องมันจะยิ่งรักหลายเศร้า
555+) แต่ทำใจไว้แล้วว่าต้องมีคนไม่ชอบแหล่ะค่ะ
เราต้องการเขียนเรื่องนี้ให้มันดูมีความสมจริงสักหน่อย ดังนั้นฉาก one
night stand ที่ลังเลว่าจะลบออก สุดท้ายเลยไม่ได้ลบค่ะ(แบบโลกไม่สวยคือมันมีความสัมพันธ์ในแง่นี้จริงๆ
ไม่ได้รักกันหรอก เป็นแค่เรื่องแรงขับของร่างกาย) ไม่ถูกใจใครขอกราบอภัยอย่างแรงค่า
ฮรือออ TwT
อาโฮ่กำลังกลับเข้ามามีบทบาทในฟิคนี้(ที่ไม่ใช่แค่ในอดีต/ในความทรงจำของคีจัง)
เราจะเริ่มเขียนแง่มุมของคนใจดำแล้วค่ะ
ตอนนี้ตัวละครหลักๆน่าจะเริ่มเข้าที่เข้าทางแล้ว
ตอนจบก็แต่งไว้คร่าวๆแล้ว(แอบกลัวตอนจบไม่ถูกใจคนอ่านจังเลย ฮา)
เหลือแค่ดำเนินเรื่องไปให้ถึงเท่านั้น ถ้ามีคนรออ่านอยู่ขอคอมเม้นท์เป็นพลังงานให้ไรท์เตอร์ด้วยนะคะT^T
ขอบคุณมากค่า
ความคิดเห็น