ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic] KnB : Reaching You [ AoKise ]

    ลำดับตอนที่ #5 : ::Chapter4::

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 670
      7
      16 ส.ค. 58

                 [Talk] สารภาพตามตรงค่ะว่าแอบดองเรื่องนี้เพราะแว่บไปแต่งฟิคดาบ กำลังป่วยดาบได้ที่ 

     ประกอบกับบทนี้เขียนยากมากกก พิมพ์ไปลบไปไปหลายครั้ง ขนาดที่เอามาลงยังคิดว่าไม่ดีเลยค่ะ ไว้คงกลับมารีไรท์ทีหลัง นั่งพิมะ์เที่ยงคืนยังตีสี่ ยิ่งแต่งยิ่งมึน คำผิดกับภาษาจะมาเกลาทีหลังนะคะ Y-Y

      


          เมื่อเจ็บปวดเสียยิ่งกว่าความเจ็บปวด เสียใจเสียยิ่งกว่าความเสียใจ
    เช่นนั้นแล้วจะสรรหาคำใดมาเรียกขานมันดี....

     

    ฝันแย่ๆทำให้เขาตื่นขึ้นมาในกลางดึก...
    เหลือบมองเวลาตีสามกว่าๆแล้วก็ถอนหายใจ เขาไม่มีใจจะนอนต่อแล้ว...
    กำลังจะเอื้อมมือไปเปิดไฟที่หัวเตียง ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นเงาจะคุ่มๆอยู่ข้างๆ
                    หระ...หรือว่านั่น...
    คิเสะกลืนน้ำลายเฮือก ดวงตาจ้องเป๋งไปทางเงานั้น 
                    เจ้าเงานั่นลักษณะเหมือนคน แต่เมื่อนึกดูแล้วก็ตระหนักได้ว่าห้องนี้มีเขาอยู่คนเดียว... 
    เมื่อสมองประมวลผลสรุปอันน่าหวาดผวาออกมาได้ อดีตนายแบบหนุ่มก็แทบอยากจะกรี๊ด มือที่ยื่นออกมาได้เพียงครึ่งเดียวค่อยๆหดกลับมา หวังว่าเจ้าสสารตรงนั้นจะไม่รู้สึกตัว
    ทว่า....
    “อ๊ากกกกกกก!!!”
    เสียงกรีดร้องดังลั่นไปทั่วหอพักในคืนดึกสงัด...

    ************

                    เสียงฝีเท้าที่ย่ำอย่างสม่ำเสมออาจไม่มีใครได้ยินในยามกลางวัน แต่ไม่ใช่ในช่วงเช้าที่ฟ้ายังไม่ทันสาง
    ร่างสูงใต้เสื้อฮู้ดสีเทาวิ่งไปตามทาง การออกกำลังกายเรียกเม็ดเหงื่อให้ผุดตามผิวสีเข้มแม้ในยามอากาศเย็น
                    อาโอมิเนะ ไดกิ กำลังรู้สึกอารมณ์ไม่ดี...
    หนึ่งคือเขาฝันร้าย
    และสองคือฝันนั้นดันเกี่ยวกับเจ้าหมาที่หายหัวไปเป็นปีๆอย่างคิเสะ...
                    เคยได้ยินมาว่า ความฝันเป็นกระบวนการในการจัดการความทรงจำอย่างหนึ่ง กลางวันคิด กลางคืนก็ฝัน
    แต่เขาไม่ได้คิดถึงหมอนั่นสึกหน่อย!
                    ฝีเท้าค่อยๆผ่อนลงเพื่อคูลดาวน์ ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ หลังสัญญาณแจ้งเตือนจากนาฬิกาดังว่าฮาร์ทบีทกำลังเข้าสู่โซนอันตราย
    '...ฉันจะเลิกหลงใหลนาย”
    'ลาก่อนนะ อาโอมิเนจจิ...'
    ห่าเอ๊ย”
                    สบถด้วยความหงุดหงิดเมื่อเสียงที่ไม่เคยอยากจำได้สักนิดกำลังดังก้องอยู่ในหัว ทั้งๆที่เป็นเพียงคำพูดในความฝันเท่านั้น แต่เขากลับรู้สึกหงุดหงิดราวกับอีกฝ่ายได้มาพูดต่อหน้าเขาจริงๆ
                    มันไม่ทางเกิดขึ้นอยู่แล้ว... เจ้านั่นไม่มีทางลืมเขาไปได้หรอก
    คำพูดที่เฝ้าบอกกับตัวเองอย่างหนักแน่นเสมอมา หากในวันนี้เขารู้ดีว่ามันกำลังสั่นคลอนอย่างช้าๆ ตามระยะทางและเวลาที่ห่างกัน...
    “จะให้ทำยังไงวะ”
    มือยกขึ้นกุมศรีษะ บนเส้นผมที่ชื้นเหงื่อ
    '...แค่พูดความจริงมันยากขนาดนั้นเลยหรอครับ'
    ...ความจริง...
    นัยน์ตาสีน่ำเงินเข้มแข็งกร้าว น่ากลัวราวกับหล่อหลอมขึ้นมาจากโทสะและทิฐิทั้งปวง
    ในเมื่ออยากหลบหน้า อยากลืมกันถึงขนาดหนีไปแบบนี้ ฉันก็จะไม่ให้นายลืมไปได้ง่ายๆหรอก...
    จะลืมฉันมันไม่ง่ายหรอกนะ คิเสะ...

    *********

    ไม่ใช่ผีแน่นะ?”
    ไม่ใช่”
    มีหลักฐานรึเปล่า”
    โธ่ ไม่เอาน่าพ่อโตเกียวบอย ผีที่ไหนจะมานั่งคุยกับนายได้แบบนี้”
    มันก็จริง...
                    นักเรียนต่างชาติที่เพิ่งจะส่งเสียงกรี๊ดดังลั่นหอไปหมาดๆ ตอนนี้ขดตัวอยู่ในผ้าห่มอยู่ที่มุมเตียง ส่วนตรงปลายเตียงนั้นคือเจ้าของเงาลึกลับที่เกือบทำเอาหัวใจวายตาย
    แล้วเธอ...”
    เรเชล” ผู้ต้องสงสัยว่าเป็นผีเอ่ย “นั่นชื่อฉัน”
    อ่า... เรเชล เธอมาทำอะไรในห้องฉัน ไม่สิ... เธอเข้ามาได้ยังไงต่างหาก?!
    หือ? ก็ไม่เห็นยาก เสน่ห์ของผู้หญิงน่ะรู้จักมั้ย”สาวลึกลับพูดเจือหัวเราะ แถมยังยักคิ้ว ราวกับว่ามันเป็นเรื่องสุดแสนธรรมดาเหมือนการกินอาหาร
    ว่าแต่นายเสียมารยาทชะมัด ฉันดูเหมือนผีตรงไหน หือ?
                    ดวงตาสีทองมองคนพูดอย่างกล้าๆกลัวๆ จริงอยู่ว่าร่างบางสูงเกือบร้อยเจ็ดสิบกับเส้นผมสีดำ นัยน์ตาสีฟ้ามีเสน่ห์ จะดูห่างไกลคำว่าผีไปเยอะ แต่เมื่ออยู่ในความมืดต่อให้สวยแค่ไหนแล้วเขาจะไปมองเห็นเรอะ!
    “...อาจจะเป็นผีลักหลับ”
    นายว่าไงนะยะ”
    ง่า... เปล่า...”
                    เรเชลมองดูหนุ่มต่างชาติที่นั่งงึมงำแถมขดตัวในผ้าห่มอย่างกับดักแด้แล้วก็อดส่ายหน้าไม่ได้
    นี่น่ะหรอ หนุ่มฮอตในสนามบาสคนนั้น ดูยังไงก็แค่โกเด้นทรีฟเวอร์...
                    “มาเข้าเรื่องดีกว่า ฉันมันเรื่องให้นายช่วย”พูดพลางกระเถิบเข้าไปใกล้อีกฝ่าย แล้วคว้าผ้าห่มโยนทิ้งไปอีกทาง
    อ๊ากกก”
    พลั้วะ!
    นายจะกรี๊ดหาอะไร?!”
    คิเสะกุมหัวที่ถูกตบอย่างไร้ปรานี นัยน์ตาสีทองมีน้ำตาเอ่อคลอ
    เธอจะทำมิดีมิร้ายฉัน”
                    ราเชลแทบจะกรอกตาเป็นเลขแปดเมื่อได้ยินคำตอบสุดแสนจะงี่เง่านั้น
    ช่างเถอะ... นายรู้มั้ยว่าฉันเรียนรัฐศาสตร์ และพรุ่งนี้มีงานบายเนียร์”
    ไม่รู้...”
    ตอบตรงๆ เพราะเขาแทบไม่รู้เรื่องของคณะอื่นเลยจริงๆ ยิ่งไม่นับว่าเขาไม่เคยรู้จักเรเชลมาก่อน
    นายต้องไปกับฉัน”
    หา?!”
                    อา... ให้ตายเถอะ เขาเจอผู้หญิงมาไม่น้อยนะ แต่แบบนี้รับมือยากที่สุด พวกไม่ค่อยฟังคนอื่น...
    มีปัญหา?”นัยน์ตาสีฟ้าจ้องมา ดูหาเรื่องประหนึ่งว่าถ้าปฏิเสธจะบีบคอให้ตาย
    ตะ...แต่เราไม่รู้จักกันนี่หน่า”
    นายชื่อเรียวตะใช่มั้ย”
    ริมฝีปากเคลือบลิบสติกสีนู้ดขยับเป็นรอยยิ้มที่ดูเจ้าเล่ห์อย่างร้ายกาจ ทำเอาคนมองเหงื่อตก
    ชะ...ใช่”
    หือม์”หญิงสาวเลิกคิ้วขึ้น ปลายนิ้วชี้มาทางตัวเอง
    แล้วฉันชื่ออะไร”
    เร... เรเชล”
    นั่นไง! เรารู้จักกันแล้ว ดังนั้นนายต้องไปงานกับฉัน~”
    หา! แต่...”
     เสียงที่กำลังโวยวายถูกขัดด้วยนิ้วชี้ที่แตะลงมาบนริมฝีปาก
    ฉันจอดรถไว้ที่ลาน พรุ่งนี้ทุ่มตรงขับมารับฉันที่หอSC3 แต่งตัวหล่อๆด้วยนะพ่อหนุ่มอิมพอร์ต”
     โยนกุญแจรถลงบนเตียง ก่อนที่จะลุกขึ้นยืน ไม่วายขู่ทิ้งท้ายอีกหนึ่งประโยค
    ถ้านายเบี้ยวนัด ฉันจะฟ้องว่านายขโมยรถ บาย”
                    พูดจบ ร่างบางก็เดินฉับๆออกจากห้องไป ส่วนคิเสะในตอนนี้ติดสตั้นท์ไปเรียบร้อยแล้ว สมองที่ยังไม่ค่อยตื่นกำลังไล่เรียงเหตุการณ์ทั้งหลายทั้งแหล่สลับกับมองกุญแจรถที่นอนแอ้งแม้งอยู่บนเตียง
    ทำไมอยู่ดีๆถึงมีเรื่องยุ่งมาหาจนได้เนี่ย
    คิเสะแทบอยากจะร้องไห้...

    *********

                    “เฮ้ยๆๆๆ ได้ข่าวว่าเมื่อเช้าแกกรี๊ดลั่นหอเลยหรอวะ เจอผีหลอกเข้าให้รึไง”
    ยามเช้าที่โรงอาหาร เริ่มต้นจากการที่ถูกเจ้าเพื่อนแซวเอาพร้อมหัวเราะดังลั่นอย่างกลัวคนอื่นไม่รู้
    เงียบปากไปเลย ฉันไม่ได้เจอผีสักหน่อย”
                    “ไม่ใช่ผีแต่เป็นแม่มดใช่มั้ย”เสียงสูงแทรกขึ้น พร้อมเจนที่เพิ่งเดินมาถึงโต๊ะ เธอวางถาดอาหารลงแล้วจ้องมาทางเพื่อนต่างชาติอย่างคาดโทษ
    สารภาพมาซะดีๆ เรียวตะ นายไปหิ้วนังแม่มดเรเชลมานอนด้วยใช่มั้ย”
    คำถามที่ทำให้คิเสะพ่นนมในปากใส่หน้าแมทเต็มๆ 
                    “หาา!? เธอว่าไงนะ!?”
    ตอนนี้เค้าลือกันให้แซ่ดว่าเห็นเรเชลเดินออกมาจากห้องของนาย”
    จริงหรอวะ นายแม่งร้ายจริงๆ ทำเป็นเงียบแต่ฟันเรียบเลยนะเว้ย!”แมทพูดอย่างตื่นเต้นพร้อมโยนกระดาษทิชชู่ซึ่งใช้เช็ดหน้าใส่ตัวต้นเหตุ แววตาพราวระยับด้วยความอยากรู้อยากเห็น
    ไม่ใช่อย่างนั้น! คือว่ามัน...”
                    สุดท้ายคิเสะจึงได้ร่ายยาวอธิบายถึงเหตุการณ์เมื่อเช้า และจบท้ายด้วยเสียงโอดครวญ
    ฉันจะทำยังไงดีอ่าาา ฮรือออ”
                    “โหยย ไปเลยเพื่อน! สาวสวยขนาดนั้นมาชวนนายออกงานเชียวนะ”แมทสนับสนุน หากผู้หญิงคนเดียวในกลุ่มกลับจัดการผลักคนยุแรงๆไปทีแล้วรีบค้าน
    มันดูน่าสงสัยไม่ใช่หรอยะ เรเชลเลยนะ เร-เชล ยัยนั่นฮอตจะตาย แถมยังคาบผู้ชายไปกินเกือบหมดมหาลัยแล้ว”
    ที่แท้ก็อิจฉาที่ตัวเองไม่ฮอตใช่มั้ยล่ะ...”
    ยังอยากมีปากไว้กินข้าวมั้ย แมท”
                    คิเสะมองดูเพื่อนสองคนที่เริ่มทะเลาะกันแล้วก็ฟุบหน้าลงกับโต๊ะ รู้สึกอยากจะร้องไห้
    ฮรือ... ทำไมฉันต้องเจอกับเรื่องยุ่งๆแบบนี้ด้วย
                    “เฮ้ย แต่ถ้าเรียวตะไม่ไปก็เจอฟ้องเรื่องรถสิ ถึงจะมีหลักฐานว่าไม่ได้ทำจริง แต่มันก็จะเป็นเรื่องใหญ่ไม่ใช่หรือไง นี่ก็ใกล้สอบไฟนอลแล้วหน่า”
    แมทพูดเรื่องสำคัญออกมา ที่เมื่อเจนคิดตามแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ มือบางตบเบาๆลงบนไหล่ของเพื่อนที่ท่าทางหมดอาลัยตายอยากสุดๆ
                    “มันก็ถูก... เรียวตะ งานนี้นายคงต้องไปแล้วล่ะ”

    *********

                    เวลามักผ่านไปเร็วเสมอในยามที่เราต้องการให้มันเดินช้าๆ...
    คิเสะมองดูรถจาร์กัวร์สีเมคัลลิคคันงามแล้วกลืนน้ำลาย 
    นะ...นี่ถ้าเผลอไปเฉี่ยวโดนอะไรเข้า เขาไม่มีทางใช้คืนไหวหรอกนะ...
                    คนไม่มีทางเลือกได้เพียงสตาร์ทรถอย่างระมัดระวังและมุ่งตรงไปยังหอSC3 หอพักไฮคลาสซึ่งหรูกว่าหอเก่าๆของเขาอย่างเทียบไม่ติด และนั่นรวมไปถึงค่าพักอาศัยที่แพงแสนแพงอีกด้วย
                    “ฉันนึกว่านายจะไม่มาซะแล้ว”เรเชลพูดขึ้นแทนคำทักทายขณะที่เข้ามาในรถโดยไม่รออีกฝ่ายลงมาเปิดประตูให้ วันนี้เธอใส่ชุดเดรสสีน้ำเงินเข้มตัดกับผิวขาว แต่งหน้าสวยและทาลิปสีแดงสด ปฏิเสทไม่ได้ว่าสวยเสียจนทำให้คนมองจนเหลียวหลังได้ง่ายๆ
                    “ก็เธอเล่นขู่ฉันไว้นี่หน่า”คนถูกมัดมือชกแอบบ่นงึมงำขณะที่รถเคลื่อนตัวออกจากรั้วหอพักช้าๆ
    ถามตรงๆนะ มีคนอื่นตั้งเยอะทำไมเธอไม่ชวนล่ะ พวกเราไม่เคยคุยกันสักครั้งด้วยซ้ำ”
    หญิงสาวมองเสี้ยวหน้าของคนที่นั่งข้างกาย เรียวปากขยับยิ้ม
    “ฉันเคยเห็นนายเล่นบาส” หล่อนว่า
    นายดูดี เป็นคนต่างชาติ นั่นทำให้นายเด่น และไม่รู้ข่าวแย่ๆเกี่ยวกับฉัน ก็แค่นั้นแหละ”
    อันที่จริงก็เคยได้ยินมาบ้าง...”
    ประโยคที่ทำให้คิ้วโก่งขมวดเข้าหากันเล็กน้อย
    แล้วนายคิดว่าไง”
    ก็ไม่มีอะไร”คิเสะตอบ “เธอจะทำอะไรก็เรื่องของเธอ ไม่เกี่ยวกับฉันนี่”
                    ประโยคนั้นทำให้เรเชลหันไปมอง ในแสงสลัวนั้น เสี้ยวหน้าของคนที่กำลังขับรถอย่างตั้งอกตั้งใจดูดีสมกับที่เคยเป็นนายแบบมาก่อน
                    “นั่นยิ่งทำให้ฉันชอบนาย”หล่อนพูด “ผู้ชายคนอื่นอยากควงฉันออกงานมีเยอะแยะ แต่พวกนั้นขี้โอ่ แถมยังปากมากชอบแต่งเรื่องฉันมั่วซั่วอีก เจอแต่คนแบบนี้มากๆเข้าทำฉันเซ็ง”
                    “แต่เธอทำตัวเองไม่ใช่หรือไง”สารถีจำเป็นที่กำลังเพ็งสมาธิแทบทั้งหมดไปกับการระวังไม่ให้ขับไปเฉี่ยวอะไรเข้าถาม “อ่า... ฉันหมายถึง ข่าวแย่ๆของเธอมันคงไม่มีถ้าเธอทำตัวดีๆ ถูกมั้ย”
                    “ข่าวลือมักเกินจริง... แต่ก็ถูกของนาย ฉันไม่ได้เป็นคนดีเลิศอะไร”เรเชลเบือนสายตาไปมองทางกระจกแทน “ฉันแค่ทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการ สนุกให้เต็มที่ ทำทุกอย่างที่อยากทำ แต่ก็ยังรู้ลิมิตตัวเองอยู่นะ”ท้ายประโยคเจือเสียงหัวเราะ มือบางตรวจดูความเรียบร้อยของทรงผมเมื่อเห็นว่ารถแล่นผ่านประตูโรงแรมอันเป็นสถานที่จัดงานเข้ามา ก่อนจะหันมาพูดกับอีกฝ่ายอีกครั้ง
    “ฉันใช้ชีวิตแบบที่ในอนาคตจะไม่มานั่งเสียใจเด็ดขาด”

    ***********

                    งานเลี้ยงที่เต็มไปด้วยแสงสี เสียงดนตรี และที่ขาดไม่ได้คือแอลกอฮอล์พร้อมเสิร์ฟไม่มีอั้น จบลงที่สุดท้ายแล้วสาวสวยคนดังอย่างเรเชลดื่มจนเมาแทบคุยไม่รู้เรื่อง ลำบากคนถูกบังคับมาอย่างคิเสะที่นอกจากต้องเดินตามคุณเธอไปทั่วงานและเป็นขี้ปากให้ชาวบ้านนินทาแล้ว ยังต้องพาหล่อนมาส่งถึงหอพักอีก
                    วางร่างในชุดราตรียาวลงบนเตียงกว้าง ก่อนจะถอนหายใจออกมายาวๆเมื่อพบว่าตอนนี้ตีสองแล้ว
    คิเสะรู้สึกเหนื่อยราวกับพลังงานทั่วร่างถูกสูบออกไปทั้งๆที่แค่เดินไปเดินมาอยู่ในงานเท่านั้น อาจเป็นพราะเขาต้องคอยปั้นหน้ายิ้มสู้ความอึดอัดในงาน เพราะแต่ละคนที่ได้เจอเขาก็แทบไม่รู้จัก ส่วนมากก็เป็นนักศึกษาคณะเดียวกับเรเชลทั้งนั้น
                    “จะกลับแล้วหรอ...”เสียงของคนเมาฟังดูลอยๆ ประโยคนั้นเป็นคำถาม แต่มือที่จับแขนเขาเอาไว้กับคำพูดต่อมากลับเป็นคำสั่ง “นายห้ามกลับนะ”
    “อ่า... แต่นี่มันดึกแล้ว แถมฉันก็ไปงานกับเธอมาเรียบร้อยแล้วนี่หน่า”พูดแล้วก็กำลังจะลุก แต่อีกฝ่ายไม่ยอม ทั้งยังกระชากแขนอย่างแรงจนเข้าเสียหลักล้มลงบนเตียง ดวงตาสีฟ้าฉ่ำวาวปรือเปิดขึ้น จ้องมองมาตรงๆ
                    “นอนกับฉัน”
    “หา
    ?!
    คำพูดตรงๆที่ทำเอาหนุ่มเอเชียร้องเสียงหลง ใบหน้าขาวขึ้นสีจางขณะที่รีบผุดลุกขึ้นจากเตียงทันที
    “มะ...เมาจนเพี้ยนแล้วหรอ
    ?! ฉันไม่ใช่แฟนเธอนะ”
    อันที่จริงในฐานะหนุ่มฮอตเขาก็เคยเจอสถาณการณ์แบบนี้มาไม่น้อย แต่นั่นมันก่อนที่เขาจะหันมาทุ่มความสนใจให้กับบาส
    ! ก่อนที่จะได้ลองรักใครจริงๆสักคน!
    ถ้าย้อนกลับไปสักห้าหกปีก่อนเขาก็คงไม่ลังเลล่ะนะ แต่ตอนนี้ขอเลือกเผ่นดีกว่า...
    “พักเยอะๆนะเรเชล ฉันกลับละ บ๊ายบา...”
    คำสุดท้ายกลืนหายไปในลำคอเมื่ออยู่ๆเรียวปากก็ถูกประทับปิดท่ามกลางความตื่นตะลึง ดวงตาสีทองเบิกกว้าง กว่าจะเรียกสติกลับมาได้ก็ตอนที่จูบเผ็ดร้อนนั้นผ่านไป
                    “นายบ้ารึเปล่าเนี่ย
    !”เสียงหวานเจือความหงุดหงิดเต็มที่ หญิงสาวตวัดขาขึ้นคร่อมร่างสูงเอาไว้ ดวงตาฉ่ำแบบคนเมามองหน้าอีกฝ่ายอย่างหาเรื่อง
    “นายมีแฟนมั้ย
    ?
    “มะ...ไม่...”
    คนถูกทับไว้กับเตียงตั้งตัวไม่ถูก แต่อีกฝ่ายไม่ปล่อยให้เขางงได้นาน มือบางคว้าคอเสื้อเขาแล้วกระชากเสียง
    “งั้นแค่ทำมัน โอเค๊
    ?
                    อดีตนายแบบหนุ่มรู้สึกตามสถาณการณ์ตรงหน้าไม่ถูก แต่ร่างนุ่มนิ่มที่เบียดไปมาอยู่บนตัวกับมือที่เริ่มถอดเสื้อเขาออกอย่างช่ำชองทำให้สติเริ่มถูกอย่างอื่นมาครอบงำ
    จะยังไงเขาก็เป็นผู้ชาย... พนันได้เลยว่าผู้ชายคนไหนมาเจอสาวสวยกระโดดคร่อมเอาแบบนี้ ร้อยทั้งร้อยก็ทนไม่ได้
    !
                    น่าสลดที่ตัวเขาเองก็เป็นหนึ่งในร้อยเปอร์เซ็นต์นั้นด้วย...
     กว่าจะรู้ตัวว่าทำอะไรลงไปก็ตอนที่ตื่นขึ้นมาเพราะกลิ่นควันบุหรี่ นัยน์ตาสีทองปรือขึ้นช้าๆ เมื่อกวาดมองไปรอบๆแล้วพบว่าที่นี่ไม่ใช่ห้องตัวเอง ก็ได้แต่ยกมือขึ้นกุมหน้า
                    อ่า... คิเสะ เรียวตะ นายกลับมาเป็นผู้ชายหิวโซแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
    ?!
    “ตื่นแล้วไม่ใช่หรือไง
    ?”เสียงหวานทักขึ้นเมื่อสังเกตว่าคนข้างกายขยับ ทว่าเมื่อหันไปมองและพบว่าอีกฝ่ายกำลังนอนหันหลังให้แถมยังดึงผ้าห่มขึ้นสูงอย่างกับสาวน้อยโดนล่อลวงแล้วก็อดขำไม่ได้
    “ไม่เอาน่า... มีเซ็กส์กับฉันมันแย่ขนาดนั้นเชียว
    ?
    ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ เรเชลจึงหันไปให้ความสนใจกับโทรศัพท์ในมือต่อ บุหรี่กลิ่นเปปเปอร์มินต์ถูกส่งเข้าปาก ก่อนระบายออกมาเป็นควันสีเทา
                    “อาโอมิเนะ ไดกิ...”
    ชื่อที่อยู่ๆก็หลุดออกมาจากปากของหญิงสาวทำให้อดีตนายแบบเบิกตากว้างแล้วผุดลุกขึ้น หันหน้ามามองอีกฝ่าย และเมื่อเห็นว่าที่อยู่ในมือบางคือโทรศัพท์ของเขาจึงได้รีบคว้ามันคืนมา
                    “ทำอะไรของเธอ
    ?!”คิเสะถาม ด้วยเสียงที่แทบเป็นการตะคอก นัยน์ตาสีทองจ้องบนหน้าจอที่แสดงหน้าต่างแชทของโปรแกรมไลน์ โชคดีที่เรเชลแค่เปิดเข้าไปแต่ไม่ได้พิมพ์อะไร
    “นายโกรธงั้นหรอ
    ?”หญิงสาวเจ้าของห้องถาม ดวงตาสีฟ้าหรี่มองเพื่อจับสังเกตุ
                    เธอเจอคนมาก็มาก และคนอย่างคิเสะ เรียวตะ ก็ดูเป็นประเภทใจเย็นไม่มีเรื่องกับใคร ขนาดที่ว่าโดนหล่อนบังคับสารพัดยังไม่โกรธ แต่กลับมาโมโหเพราะเธอพูดชื่อของคนๆเดียวออกไป
                    “ขอโทษที่เปิดดูโดยไม่ขอ แล้วนั่นเพื่อนนายที่ญี่ปุ่นใช่มั้ย
    ?
    คำถามที่ทำให้คิเสะนิ่งไป มือที่ถือโทรศัพท์กำแน่นอย่างเห็นได้ชัด
                    เพื่อน....งั้นหรอ
    ?
    สำหรับเขาและอาโอมิเนจจิ ตอนนี้เป็นอะไรกันแน่ ยังเรียกได้ว่าเป็นเพื่อนกันอยู่รึเปล่า หรือว่าแท้จริงแล้วอีกฝ่ายไม่เคยเห็นเขาเป็นกระทั่งเพื่อนมาก่อน...
    “เปล่า... ก็ไม่เชิง”เขาตอบ ทำท่าจะตัดประโยคสนทนา หากอีกฝ่ายกลับไม่ยอมให้เป็นเช่นนั้น
                    “งั้นนายก็ชอบเขาล่ะสิ”
    ดวงตาสีทองหันไปมองเรเชลในทันที โดยสบเข้ากับดวงตาสีฟ้าที่เหมือนมองเขาออกอย่างทะลุปรุโปร่ง
    มันเป็นเวลาสักพักก่อนที่คิเสะจะหาเสียงของตัวเองเจอ เรียวปากฝืนขยับยิ้มบางๆ แสร้งทำเป็นว่าหัวเราะ
                    “อย่ามาล้อเล่นน่า... หมอนั่นเป็นผู้ชาย ฉันไม่ได้เป็นเกย์สักหน่อย”
    และมันน่ารังเกียจ... สำหรับการที่ผู้ชายคนหนึ่งถูกผู้ชายอีกคนมาชอบ...
                    น้ำเสียงและคำพูดตัดรอนเย็นชาหวนกลับเข้ามาในความคิด แจ่มชัดราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน
    “แล้วยังไง”หญิงสาวถาม คิ้วโก่งขมวดเข้าหากัน “หรือนายคิดว่ามันผิด
    ? ไม่เอาน่าเรียวตะ นี่มันยุคไหนแล้ว ไอ้ประเด็นเหยียดLGBTQ*มันแผ่วลงไปตั้งเยอะ ถ้านายชอบผู้ชายสักคนมันก็ไม่ได้หมายความว่านายเป็นเกย์ เรื่องของความรู้สึกรักมันไม่เกี่ยวกับเพศสภาพหรอกนะ การเอากรอบเรื่องเพศมาจำกัจเป็นเรื่องที่โคตรห่วย ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับว่าคนๆนั้นพิเศษสำหรับนายมากกว่า”
                    “ฉันไม่คิด... แต่คนอื่นคิดนี่หน่า”เขาถอนหายใจ ความขมขื่นในอกเริ่มทวีขึ้นจนทนไม่ได้ “หยุดคุยเริ่งนี้เถอะ”
    “สรุปว่านายชอบหมอนั่น”เรเชลก็ยังคงเป็นเรเชลที่ไม่ฟังคนอื่น เธอหยุดเพื่อสูบบุหรี่ชั่วครู่ ก่อนจะหันมาสบตาคนข้างๆ แล้วพูดอย่างจริงจัง
                    “จะหาว่าฉันยุ่งเรื่องของนายก็ได้นะ แต่ฉันจะบอกอะไรให้ เราน่ะเป็นปัจเจกบุคคล อย่าปล่อยให้คนอื่นมาทำให้ตัวนายรู้สึกด้อยค่า เหมือนที่นายไม่ได้สนข่าวแย่ๆของฉัน นายก็ไม่ต้องไปสนว่าคนอื่นเขาจะมองนายยังไง สังคมจะมองนายยังไง ตราบใดที่ไม่ได้ไปทำให้คนอื่นเดือดร้อน การต่างไปจากคนส่วนมากของสังคม มันไม่ได้หมายความว่าเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง จริงอยู่ว่ามันแปลกจากคนอื่น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะผิด นายเข้าใจที่ฉันพูดมั้ย”
                    ภายในห้องกว้างถูกปกคลุมไปด้วยความเงียบและกลิ่นมินท์จางๆของบุหรี่ คิเสะก้มหน้าลงต่ำ จมอยู่กับความคิดของตัวเอง
                    เขายอมรับได้นานแล้ว... ยอมรับว่าตัวเองรักอาโอมิเนจจิ ตอนแรกนั้นเขากลัว... กลัวที่จะยอมรับความจริง กลัวสายตาคนรอบข้าง ทว่าในท้ายที่สุด เมื่อชั่งน้ำหนักดูแล้ว เขาจะไม่สนเลยว่าคนอื่นจะมองยังไง จะคิดยังไง ขอเพียงแค่เขาได้อยู่ข้างๆ ขอเพียงแค่อาโอมิเนจจิรักเขาบ้างแม้เพียงสักนิด...
    แต่มันไม่มีทางเป็นไปได้...ไม่มีเลย....
                    “ขอบใจนะ เรเชล”
    เขาหันมายิ้มให้อีกฝ่าย ตอนนี้เขาพบว่าอันที่จริงแล้วเรเชลก็ไม่ใช่คนไม่ดีเหมือนที่เคยได้ยินมาเลย
                    “ไม่ต้องหรอก ฉันก็รบกวนนายไว้เยอะ”หล่อนว่า ก่อนจะลุกขึ้น คว้าเอาเสื้อคลุมที่พาดอยู่บนเก้าอี้ขึ้นมาใส่ “ว่าแต่นายเคยบอกหมอนั่นไปรึยัง”
    “ก็...เคยบอกไปแล้ว”คิเสะตอบเสียงแผ่ว ส่วนเรเชลก็รีบถามต่อ “จริงอะ
    ? แล้วเป็นไงบ้าง”
    “เขาบอกว่าฉันมันน่ารังเกียจ”

    ประโยคเบาแสนเบาที่เอ่ยออกมาด้วยความเจ็บปวด ลำคอเหมือนโดนเข็มนับร้อยๆเล่มทิ่มแทง ขอบตาร้อนผ่าว คิเสะกรอกตาขึ้น พยายามข่มความรู้สึกในใจ
                    เรเชลมองภาพนั้นแล้วจึงถอนหายใจ ก่อนยกมือขึ้นตบไหล่อีกฝ่ายเบาๆ
    “หมอนั่นแม่งโคตรห่วย”
    คำพูดสั้นๆที่คล้ายจะแทนคำปลอบใจ ทำให้คิเสะหัวเราะออกมาพลางพยัคหน้า “เห็นด้วยเลย”
    คนห่วยๆที่ไม่ได้แคร์ความรู้สึกเขาสักนิด...
    คนที่เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ทุกครั้งที่ทำตัวแย่ๆจนเขารู้สึกถอดใจ แต่สุดท้ายแล้วก็กลับมาทำดีด้วยจนมีความหวัง
    คนที่เขารัก... เป็นคนที่แย่จริงๆ
    “นายมีอะไรไม่สบายใจก็บอกฉันได้ จำไว้ว่าฉันถือว่านายเป็นเพื่อน”เรเชลว่า หล่อนก้าวลงจากเตียง เรียวปากประดับรอยยิ้มกว้าง
    “นายรู้มั้ยว่ามนุษย์ทนความเจ็บปวดได้อย่างน่าทึ่งเลยล่ะ ดังนั้นถึงจะเจ็บ หรือเหนื่อยแค่ไหน ขอแค่ทำเต็มที่เพื่อให้ไม่ต้องมานั่งเสียใจภายหลังก็พอ”

    *************

                    นัยน์ตาสีทองจ้องมองดูหน้าต่างของไลน์อยู่เนิ่นนานโดยไม่ได้พิมพ์อะไร เพียงไล่สายตาอ่านไปทีละข้อความซ้ำไปซ้ำมาอยู่อย่างนั้น

    อาโอมิเนจจิ! ฉันมาถึงอเมริกาแล้วล่ะ!’
    อาโอมิเนจจิ วันนี้เปิดคลาสวันแรก ตื่นเต้นมากเลยล่ะ ชักประหม่านะเนี่ย TAT’
    ในมหาลัยมีสนามบาสใหญ่มากเลย อ๊ะ ฉันก็ยังเล่นบาสอยู่นะ! คนที่นี่ก็เก่งมากเลยล่ะ แต่ฉันก็ชนะ เมื่อไหร่ฉันจะชนะอาโอมิเนจจิได้บ้างนะ...
    ตอนนี้อาโอมิเนจจิทำอะไรอยู่ สบายดีรึเปล่า? ส่วนฉันสบายดี แค่คิดถึงบ้านนิดหน่อย แหะๆ
    พระอาทิตย์ตกดิน แสงสะท้อนกับหิมะสวยมากเลย มีจุดชมวิวดีๆด้วยแหละ ถ้าอาโอมิเนจจิอยู่ด้วยก็คงดีเนอะ
    คริสมาสต์อีฟ
    ~! เพื่อนที่นี่ทิ้งฉันไปหมดเลยอ่ะ คิดถึงญี่ปุ่นจังเลย อาโอมิเนจจิมีออกไปไหนรึเปล่า?’
    วันคริสมาสต์... ฉันคิดถึงอาโอมิเนจจิ
    วันนี้ฉันก็ยังคิดถึงอาโอมิเนจจิ
    คิดถึงนะ
    คิดถึงนะ
    คิดถึงนะ...
    ข้อความมากมาย... ที่ตามด้วยสัญลักษณ์ Exclamation mark [!] บ่งบอกว่ามันไม่เคยไปถึงผู้รับ...
                    เขาได้แต่พิมพ์เรื่องราวต่างๆที่ต้องการบอกกับอีกฝ่าย สิ่งที่อยากคุยด้วย สถานที่ซึ่งอยากให้อาโอมิเนจจิได้มาเห็น แต่เขาไม่เคยต่ออินเตอร์เน็ท ดังนั้นมันจึงไม่มีวันถูกส่งไปถึง...
    เรื่องที่จะไม่เสียใจในภายหลังนั้นหรอ...
    มุมปากขยับขึ้นเป็นเส้นโค้งบางๆอย่างขมขื่น ปลายนิ้วแตะลงบนหน้าจอ ท่ามกลางความลังเลที่อยู่ระหว่างความกล้าและความหวาดกลัว ในที่สุดแล้วจึงได้เอ่ยออกมา
    “ฉันคง... เสียใจมากไปกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว”
                    ตัวอักษรถูกร้อยเรียง ก่อนที่สัญญาณอินเตอร์เน็ทจะนำมันส่งไปถึงใครอีกคนที่อยู่แสนห่างไกล...

     

    *********

    [Talk] อย่างที่บอกค่ะว่าบทนี้แต่งได้ยากลำเข็ญมาก
                 อะไรที่ยากหรอคะ
    ? ตัวยัยเรเชลเนี่ยแหละค่ะTvT เป็นตัวละครที่ดูเกินๆล้นๆ แต่จะตัดออกก็ไม่ได้ เราต้องการตัวละครที่มาผลักคิเสะให้ก้าวไปข้างหน้า ไม่ใช่ย่ำอยู่กับที่ และอยากได้สไตล์ที่เป็นสาวนอกหัวสมัยใหม่(เป็นหนุ่มไม่ได้เดี๋ยวเรื่องมันจะยิ่งรักหลายเศร้า 555+) แต่ทำใจไว้แล้วว่าต้องมีคนไม่ชอบแหล่ะค่ะ เราต้องการเขียนเรื่องนี้ให้มันดูมีความสมจริงสักหน่อย ดังนั้นฉาก
    one night stand ที่ลังเลว่าจะลบออก สุดท้ายเลยไม่ได้ลบค่ะ(แบบโลกไม่สวยคือมันมีความสัมพันธ์ในแง่นี้จริงๆ ไม่ได้รักกันหรอก เป็นแค่เรื่องแรงขับของร่างกาย) ไม่ถูกใจใครขอกราบอภัยอย่างแรงค่า ฮรือออ TwT
                อาโฮ่กำลังกลับเข้ามามีบทบาทในฟิคนี้(ที่ไม่ใช่แค่ในอดีต/ในความทรงจำของคีจัง) เราจะเริ่มเขียนแง่มุมของคนใจดำแล้วค่ะ
                ตอนนี้ตัวละครหลักๆน่าจะเริ่มเข้าที่เข้าทางแล้ว ตอนจบก็แต่งไว้คร่าวๆแล้ว(แอบกลัวตอนจบไม่ถูกใจคนอ่านจังเลย ฮา) เหลือแค่ดำเนินเรื่องไปให้ถึงเท่านั้น ถ้ามีคนรออ่านอยู่ขอคอมเม้นท์เป็นพลังงานให้ไรท์เตอร์ด้วยนะคะ
    T^T

    ขอบคุณมากค่า

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×