ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic] KnB : Reaching You [ AoKise ]

    ลำดับตอนที่ #3 : ::Chapter2::

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 656
      7
      25 พ.ค. 58

    -2-

     

     

    Snowflakes fall like tears that running down my face.*
    [เกล็ดหิมะโปรยปรายคล้ายน้ำตาไหลรินบนใบหน้าฉัน]

    I wanna hold you just one more time

    [ปรารถนาจะโอบกอดแม้เพียงหนึ่งครั้ง]

    I think of you night & day.

    [คะนึงหาไม่ว่ากลางวันหรือกลางคืน]

    Wondering if you still feel the same.  

    [จะเป็นอย่างไรนะหากนายก็รู้สึกเหมือนกัน]



     
                    คิเสะ เรียวตะ ถอนหายใจออกมายาวๆขณะที่กำลังเดินเตร่ไปตามถนน
    เขามาอยู่อเมริกาได้เกือบปีนึงแล้ว การปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นชินทำให้เขารู้สึกอึดอัดอยู่บ้างในช่วงแรกๆ กระนั้นเพื่อนๆในคณะก็คอยให้ความช่วยเหลือชาวต่างชาติแบบเขาเป็นอย่างดี อาจเป็นเพราะต่างก็เป็นวัยรุ่นจึงได้สนิทสนมกันง่ายล่ะมั้ง
                    ถึงอย่างนั้นก็เถอะ... บ่อยครั้งเขาเองก็รู้สึกเหงาและคิดถึงญี่ปุ่นขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้...
    หิมะโปรยปรายลงมาจากฟากฟ้า แสงไฟจากร้านค้าที่ประดับตกแต่งด้วยกระดิ่ง สายรุ้ง และเถาฮอลลี่ แต่งแต้มสีสรรของค่ำคืนให้อบอุ่นสว่างสไว
    ใช่... วันนี้เป็นวันคริสมาสต์อีฟ...
                    อดีตนายแบบที่ปัจจุบัณดำรงสถาณะนักศึกษาปีหนึ่งคณะวิศวะการบินถอนหายใจออกมายาวๆอีกครั้ง เมื่อคิดได้ว่าคริสต์มาสต์ปีแรกในต่างแดนของเขาช่างโด่ดเดี่ยวอะไรขนาดนี้ ไม่มีทั้งครอบครัวหรือแฟน เพื่อนฝูงก็แยกย้ายกันไปฉลองกับคนสำคัญ  ถ้านี่เป็นที่ญี่ปุ่นล่ะก็ หนุ่มฮอตอย่างเขาไม่มีทางต้องมาเดินเหงาอยู่คนเดียวกลางหิมะแบบนี้แน่ๆ
    “คิดถึงจังเลยน๊า...”
    ควันจางๆลอยออกจากริมฝีปากเมื่อเขารำพึงเบาๆกับตัวเอง คิดถึงครอบครัว คิดถึงเพื่อนๆ และยังไม่อาจปฏิเสธได้ว่าเขายังคิดถึง
    คนๆนั้นเหลือเกิน...
                    ดวงตาสีทองมองขึ้นไปบนฟ้า ตอนนี้ก็สองทุ่มแล้ว ความจริงเขาควรจะรีบหาที่พักตั้งแต่ถึงสนามบินเมื่อตอนเที่ยง แทนที่จะมาเดินเรื่อยเปื่อยแบบนี้          
                    บินตรงจากโคโลนาโดมาฟลอริด้าโดยไม่ได้วางแผนไว้ก่อน ยิ่งในช่วงเทศกาลแบบนี้ด้วย เป็นการกระทำที่สิ้นคิดจริงๆ
    แถมดิสนีย์เวิร์ลคนยังเยอะจนเล่นอะไรไม่ได้อีก...
    เมื่อนึกถึงสวนสนุกอันเป็นเป้าหมายของตัวเองแล้ว ใบหน้าหล่อๆก็พลันบึ้งตึง
                    ทั้งๆที่กะมาเล่นให้ลืมเหงาแท้ๆ มาเสียเที่ยวชะมัดเลย
    “อ๊ะ
    !
                    และเพราะมัวแต่คิดอะไรเพลินๆจนลืมดูทาง รู้ตัวอีกทีเขาก็เดินชนเข้ากับอะไรบางอย่างเข้าซะแล้ว ร่างเพรียวเซไปด้านหลังหลายก้าว ก่อนจะรีบโค้งตัวลงเมื่อเห็นว่าที่เขาชนนั้นไม่ใช่บางสิ่ง แต่เป็น
    บางคนต่างหาก
    “ขอโทษครับ ไม่สิ...
    Sorry”แม้จะมาอยู่อเมริกาได้เกือบปีแล้ว แต่นิสัยหลุดภาษาญี่ปุ่นตอนตกใจก็ยังแก้ไม่หายซะที
                     คิเสะยังคงก้มหน้าหลับตาปี๋เมื่อเห็นว่าคนที่เขาไปเดินชนเข้าให้ไม่ได้พูดอะไรกลับมา แถมยังยืนอยู่นิ่งๆไม่ขยับอีกด้วย
    หวา... เขาเงียบไปนานเลยแหะ โดนโกรธรึป่าวเนี่ย...
    “คิเสะ
    ?
    น้ำเสียงทุ้มต่ำที่ออกเสียงชื่อเขาชัดเจนเป๊ะๆตามสำเนียงญี่ปุ่นทำให้ดวงตาคู่สวยกระพริบปริบๆ เขาเงยหน้าขึ้น มองสำรวจคนตรงหน้าอย่างครุ่นคิด
                    เอ... ตัวสูงๆแบบนี้ หน้าโหดๆแบบนี้ ผมสีแดงๆดำๆแบบนี้...
    “อ๊า
    ! เพื่อนของคุโรโกจจิ!
    เสียงอุทานดังๆกับดวงตาที่เบิกกว้างเหมือนไข่ห่าน ทำให้
    เพื่อนของคุโรโกจจิรู้สึกขมับเต้นตุบๆ
                    รู้อยู่หรอกนะว่าไม่ได้เจอกันมานาน แต่ไอ้ท่าทางแบบนี้มันอะไรกัน คงไม่ใช่ว่าหมอนี่ลืมชื่อเขาไปแล้วหรอกนะ
    !
    “คากามิโว้ย ไม่เจอกันไม่กี่ปี ลืมชื่อฉันไปแล้วเรอะ”
    และนั่นทำให้ดวงตาโตๆของคิเสะ เรียวตะเบิกกว้างขึ้นอีกแทบเป็นเท่าตัว
    “คากามิจจิ
    !!
    สีหน้าติดสตั้นท์ของคิเสะพลันเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มกว้างทันทีเมื่อความคิดต่างๆเริ่มเข้าที่เข้าทาง ทั้งยังคว้ามือของอีกฝ่ายมาเขย่าๆด้วยความดีใจ
                    “ทำไมคากามิจจิมาอยู่ที่นี่ได้อ่ะ ไม่สิๆ ฉันได้ยินมาเหมือนกันว่านายมาเล่นบาสใน
    NBAหลังจบมอปลาย สุดยอดไปเลยน๊าา”
    คากามิมองท่าทางตื่นเต้นจนเกินเหตุแล้วก็ถอนหายใจออกมา ถึงจะไม่ได้เจอหรือคุยกันมาเป็นปีๆ แต่คิเสะดูจะไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิด
                    “เรื่องฉันน่ะช่างมันเถอะ ว่าแต่ทำไมนายถึงมาอยู่ที่นี่ คุโรโกะบอกว่านายเรียนอยู่โคโลลาโดไม่ใช่เรอะ”
    “คือว่านะ วันนี้คริสมาสต์อีฟใช่มั้ยล่ะ แล้วเพื่อนๆฉันก็ไปเที่ยวกับแฟนกันหมดเลย ฉันเหงาก็เลยว่าจะมาดิสนี่ย์เวิร์ลซะหน่อย แต่คนเยอะมากๆจนเข้าไปเล่นไม่ไหวเลยอ่ะ"
    คากามิมองดูท่าทางซึมซือคอตกเหมือนหมาหลงของอีกฝ่าย ไอ้บ้าที่คิดจะมาสวนสนุกคนเดียวในวันเทศกาลแบบนี้คงมีแต่หมอนี่คนเดียวเท่านั้นแหละ
                    “แล้วคากามิจจิอ่ะ วันนี้ไม่ไปฉลองหรอ”คิเสะเอียงคอถาม
    ถึงคากามิจจิจะหน้าโหดไปนิด ดูน่ากลัวไปหน่อย แต่ก็คงไม่ถึงขนาดไร้ญาติขาดมิตรหรอกมั้ง...
    “ไปกินข้าวกับครอบครัวมาแล้ว กำลังจะกลับบ้าน”
    คำตอบของอีกฝ่ายทำให้คนถามตาเป็นประกาย เมื่อไอเดียดีๆผุดวาบเข้ามาในหัว คิเสะคว้ามือหนาเอาไว้ พร้อมทำตาปริบๆอย่างน่าสงสารสุดๆ(ซึ่งในสายตาของคากามิมันดูน่าตบหัวทิ่มมาก)
    “คากามิจจิ~~ บ้านนายอยู่แถวนี้หรอ ขอฉันไปค้างด้วยได้มั้ยอ่าาา”
    “ไม่ได้”
    คำตอบห้วนสั้นทันควันที่ทำให้อดีตนายแบบน้ำตาแทบไหล
    จะลังเลสักหน่อยก็ไม่ได้หรือไง โธ่
    !
    “ขี้งก! คากามิจจิใจร้ายมาก ฉันเป็นเพื่อนเก่านายนะ!
    ดวงตาคู่คมมองดูคนที่โวยวายอยู่ข้างๆด้วยหางตา คิ้วเฉียงขมวดเข้าหากันเล็กน้อย
    นี่เราไปสนิทกันตอนไหนวะ...
    “แล้วทำไมฉันต้องให้นายมาพักด้วยเล่า โรงแรมไม่มีรึไง”

    “ก็ใช่น่ะสิ! ฉันไม่ได้จองไว้อ่ะ!
    คำตอบที่ทำให้นักบาสหนุ่มแทบหน้ามืด เขาอยากจะตบหัวสีทองๆของไอ้บ้านี่สักที ไม่สิ... ไม่ใช่แค่อยาก แต่เขาตบไปเรียบร้อยแล้วต่างหาก
                    “ไอ้บ้าที่ไหนมันมาเที่ยวช่วงไฮซีซั่นแล้วไม่จองโรงแรมไว้ก่อนวะ
    !
    “โอ๊ยย ฉันเจ็บน๊า”คนถูกตบลูบหัวตัวเองป้อยๆ
    ฮรืออ คากามิจจิแรงเยอะชะมัด ตะกี๊สาบานได้เลยว่าเขาเห็นดาวด้วยล่ะ...
    “สม”
    คากามิว่า พร้อมถอนหายใจออกมาเป็นครั้งที่ร้อยแปด เขามองดูหิมะที่เริ่มตกหนักขึ้นเรื่อยๆ สลับกับหน้าปัดนาฬิกาซึ่งแสดงเวลาสามทุ่มเศษๆ
                    ช่วงไฮซีซั่นแบบนี้คงหาโรงแรมไม่ได้ง่ายๆ แถมนี่ก็ตั้งสามทุ่มเข้าไปแล้ว...
    “ช่วยไม่ได้... จะยอมให้ครั้งนึงละกัน”
    ประโยคที่เหมือนแสงสว่างส่องมาจากฟากฟ้า ดวงตาสีทองที่เคยโศกสลดแปรเปลี่ยนเป็นใสปิ๊ง คิเสะกระโดดกอดแขนคากามิไว้แน่น พร้อมยิ้มกว้างจนตาหยี่
                    “เย้
    ! ไม่ต้องนอนข้างถนนเป็นสาวน้อยไม้ขีดไฟแล้ว! คากามิจจิใจดีที่สุดเลย~”
    เมื่อกี้ยังด่าว่าใจร้ายอยู่เลยไม่ใช่หรอวะ...
    คากามิส่ายหน้าไปมาอย่างเอือมๆพร้อมสลัดแขนออกเมื่อเห็นว่าคนรอบข้างเริ่มมองพวกเขาด้วยสายตาแปลกๆ
                    “ฉันก็แค่ไม่อยากเห็นคนแข็งตายเท่านั้นแหละ สงสารคนเจอศพ”พูดทิ้งทายก่อนจะเดินนำไป ไม่สนใจเสียงเจื้อแจ้วที่โอดครวญไล่หลังมา
    หิมะสีขาวตกลงมาจากฟากฟ้า... ทับถมลงบนพื้นดินอย่างเงียบงัน
    ทั้งๆที่ตั้งใจว่าจะใช้เวลาช่วงหยุดคริสมาสต์ไปอย่างเงียบๆเหมือนปีก่อนๆ...
    ...คริสมาต์ปีนี้คงเสียงดังน่าดู...

    ***************

                    ญี่ปุ่น: โอไดบะ
                   

                    “ไม่รู้ว่าคีจังจะเป็นยังไงบ้างน๊า...”เสียงหวานของหญิงสาวผมสีชมพูเปรยขึ้นลอยๆกับคนข้างตัว เธอนึกไปถึงคนที่ตอนนี้อยู่ห่างไกลคนละซีกโลก คนที่ไปจากญี่ปุ่นด้วยใบหน้าเศร้าขนาดนั้น...
                    “เห็นว่าจะไปฟลอริด้าน่ะครับ”คุโรโกะตอบ ดวงตาสีฟ้ามองตรงไปเบื้องหน้า จากระเบียงของห้าง
    Aqua Cityสามารถมองเห็นแสงไฟจากสะพานสายรุ้งที่เต็มไปด้วยผู้คนมากมาย โดยเฉพาะคู่รักที่มาเที่ยวกันในคืนคริสมาสตร์อีฟ
                    คิเสะไปอเมริกาได้เกือบปีนึงแล้ว เพราะว่าเวลาไม่ตรงกัน พวกเขาจึงได้แค่คุยไลน์กันสั้นๆในบางวันเท่านั้น ส่วนมากก็เป็นการไถ่ถามสารทุกข์สุขดิบทั่วไปกับรูปของกินกับสถาณที่ต่างๆซึ่งอีกฝ่ายชอบส่งมาให้
                    “เป็นห่วงหรอครับ... เรื่องคิเสะคุงกับอาโอมิเนะคุง”
    โมโมอิถอนหายใจ อากาศที่เริ่มหนาวนั้นทำให้เกิดเป็นไอขาวจางๆ
    “เห็นแล้วก็อดไม่ได้น่ะจ้ะ”เธอพูด “ไดจังน่ะ ทั้งๆที่ก็คิดถึง แต่ก็ไม่ยอมคุยกับคีจังเลย แถมตอนนี้ยังคบผู้หญิงมั่วไปหมด ไม่ได้จริงใจกับใครเลยแท้ๆ ในฐานะผู้หญิงฉันเกลียดมากเลยล่ะ”
                    “ผมเข้าใจโมโมอิซังนะครับ แต่พวกเรายังไงก็เป็นคนนอกอยู่ดี”คุโรโกะพูด พลางจับมือบางที่เย็นเฉียบไว้เบาๆ “แต่แปลกนะครับที่อย่างอาโอมิเนะคุงจะเป็นที่นิยมในหมู่ผู้หญิงได้”
                    ประโยคที่ทำให้คนเป็นเพื่อนสมัยเด็กของผู้ถูกนินทาหัวเราะออกมา เมื่อนึกไปถึงหน้าตาโหดๆที่ไม่ได้น่าเข้าใกล้เลยสักนิด
    “เพราะดูอันตรายละมั้ง”หยุดไปเล็กน้อยเพื่อครุ่นคิด “จะว่ายังไงดี บางครั้งผู้หญิงก็ชอบคนที่ดูอันตรายนิดๆน่ะ ยิ่งเวลาไดจังเล่นบาสด้วย เพื่อนฉันหลายคนยังบอกว่าเท่เลย”
                    “คนเล่นกีฬามักมีเสน่ห์สินะครับ”อดีตตำนานเงาแห่งสังเวียนบาสพยัคหน้าอย่างเห็นด้วย “แต่คงยกเว้นผมไว้คน”
    โมโมอิมองคนข้างๆ ทั้งเส้นผมสีฟ้า ดวงตาที่เหมือนจะมองไปอย่างไร้จุดหมาย เรียวปากขยับเป็นรอยยิ้มบางๆ “แต่สำหรับฉันแล้ว เท็ตสึคุงเท่กว่าไดจังเยอะเลย”
                    คนที่สำคัญกับเราน่ะ ต่อให้คนอื่นมองว่ายังไงก็ไม่ได้ควรค่ากับการใส่ใจเลย
    ถึงคนอื่นอาจมองว่าคนๆนี้จืดจางจนมองหาไม่เจอ แต่สำหรับเธอเขาเป็นคนที่พิเศษที่สุด...
                    “โมโมอิซังอยากไปดูสะพานใกล้ๆมั้ยครับ”คุโรโกะถาม เขาจับมือบางไว้แน่นขึ้น หวังว่าความอบอุ่นและความสุขที่อยู่ในใจนี้จะสามารถส่งผ่านปลายนิ้วไปได้
                    “ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ คนมันเยอะนี่หน่า มองจากตรงนี้ก็พอแล้วล่ะ”
    เกล็ดหิมะบางๆเริ่มตกลงมาอย่างเชื่องช้า เป็นเรื่องแปลกที่โตเกียวจะมีหิมะตกตั้งแต่เดือนธันวา
    หิมะแรกของปี... จะนำไปสู่การเริ่มต้นของสิ่งใหม่ๆรึเปล่านะ...

    **************
                   

                    คิเสะเริ่มตระหนักถึงอำนาจของทุนนิยมได้อย่างกระจ่างแจ้งก็ในตอนนี้นี่เอง...
    แมนชั่นหรูกลางเมือง ห้องชุดชั้นบนสุดที่สามารถมองลงมาเห็นวิวที่เขาถือวิสาสะเรียกมันว่าวิวของเศรษฐี แถมยังเฟอร์นิเจอร์และการตกแต้งภายในเรียบหรูสไตล์โมเดิร์นนี่อีก...
                    นี่มันหรูเกินไปแล้ว
    ! กว้างกว่าห้องพักของเขาเกือบสิบเท่า! นี่เขาต้องทำงานอีกกี่ปีถึงจะมีปัญญาซื้อห้องชุดหรูๆแบบนี้ได้กันเนี่ย
    คิดเปรียบเทียบกับห้องแคบๆในหอพักนักศึกษาของตัวเองแล้วก็แทบน้ำตาไหลพราก โลกนี้ช่างไร้ซึ่งความยุติธรรม
    !           
                    “เฮ้ยๆ อย่าเที่ยวค้นบ้านคนอื่นซี้ซั้วสิ”
    นักบาสเจ้าของห้องออกเสียงปรามเมื่อเห็นว่าแขกจำเป็นของตัวเองเริ่มไม่อยู่สุข คิเสะเดินสำรวจรอบๆห้อง ดวงตาส่องประกายเหมือนกับเด็กเจอของถูกใจ
                    ได้อยู่ที่ดีๆแบบนี้มันน่าอิจฉาชะมัดเลย
    ! อ๊ะ... เดี๋ยวนะ นี่มันอะไรกัน?
    สายตาไปสะดุดเข้ากับขวดแก้วสองสามขวดบนโต๊ะ ต้องขอบคุณอาชีพนายแบบที่ทำให้เขาพอจะมีความรู้อยู่บ้างว่าเจ้าสิ่งนี้มันคือรองพื้นและเมคอัพเบส
                    นะ... นี่คากามิจจิใช้ของแบบนี้ด้วยหรอเนี่ย...
    และเหมือนว่าอีกฝ่ายจะสัมผัสได้ถึงสายตาแปลกๆที่จ้องมา คากามิเหลือบมองของบนโต๊ะแวบหนึ่ง ก่อนจะรีบพูดขึ้นเพื่อดับความคิดพิเรนทร์ๆของคิเสะ
                    “ไม่ต้องจ้องแบบนั้น ฉันไม่มีวันใช้พวกมันแน่”
    คนโดนรู้ทันเบิกตากว้าง ก่อนจะรีบส่ายหน้ารัวๆ “เปล่านะ
    ! ฉันไม่ได้คิดแบบนั้นซะหน่อย วะ... ว่าแต่ทำไมคากามิจจิถึงมีของพวกนี้ได้อะ”เขารีบกลบเกลื่อนไปถามเรื่องอื่น ทั้งๆที่รู้อยู่หรอกว่าทำได้ไม่เนียนเลยสักนิด...
                    “ไม่ใช่ของฉัน ของแฟน”
    คำตอบด้วยเสียงเรียบๆและหน้านิ่งๆนั้นกลับทำให้คิเสะเบิกตากว้างกว่าเก่า ปากที่ไวกว่าความคิดหลุดพูดไปด้วยความตกใจ
    “ห้ะ
    ! อย่างคากามิจจิเนี่ยนะ!?
    ประโยคที่ทำให้ขมับของคนฟังเต้นตุบๆ ยิ่งเห็นสีหน้าตกใจสุดขีดของคนตรงหน้าแล้วก็ยิ่งหงุดหงิด
    จับมันโยนออกนอกห้องไปเลยดีมั้ยวะเนี่ย...
                    “ง่า... ขอโทษ ฉันไม่พูดแล้วก็ได้”
    คิเสะที่สัมผัสได้ถึงไอทมิฬรีบก้มหน้างุดและนั่งลงสงบเสงี่ยม ขืนพูดมากไปกว่านี้เขากลัวว่าจะได้ออกไปนอนตากหิมะจริงๆซะแล้ว
                    “นายนั่งรอตรงนั้นแหละ เดี๋ยวฉันไปเตรียมห้องให้”คากามิสั่งแล้วจึงเดินเข้าไปยังอีกห้องหนึ่ง พอเปิดประตูเข้าไปแล้วก็ยังไม่วายชะโงกหน้าออกมากำชับอีกที “อย่าได้ค้นอะไรมั่วซั่วล่ะ”
                    “รับทราบ”คิเสะขานตอบอย่างขึงขัง แล้วจึงหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋า มองดูการแจ้งเตือนจากโซเชี่ยลมีเดียต่างๆแล้วก็ยิ้มออกมา
                    เทคโนโลยีพวกนี้ แม้มันอาจทำให้ปฏิสัมพันธ์ของคนแย่ลง แต่ในทางกลับกัน มันก็สามารถเชื่อมโยงคนที่อยู่ห่างออกไปคนละซีกโลกเข้าไว้ด้วยกันได้...
    ไล่ตอบข้อความจากเพื่อนๆที่ทักมาทั้งในไลน์จนครบ แล้วจึงลุกเดินไปยังกระจกใส มองดูทิวทัศน์ยามค่ำคืนของฟอริด้าที่เต็มไปด้วยแสงไฟจากพาหนะและร้านค้า เขาตัดสินใจยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปเอาไว้ แล้วจึงอัพโหลดลงอินเทอร์เน็ต


    คริสมาสต์อีฟแรกในชีวิตนักศึกษาต่างแดนของผมล่ะ!
    หิมะตกไม่ยอมหยุดเลย ดิสนี่ย์เวิร์ลก็คนเยอะจนเล่นไม่ได้อ่ะ เสียใจจัง
    (oTдT)o
    แต่ว่านะ... ก็ยังมีเรื่องดีๆเข้ามาโดยบังเอิญล่ะ ชีวิตมันก็เป็นงี้ล่ะเนอะ
    สุขสันต์วันคริสมาสต์อีฟจากอากาศ-15องศาครับ
    *・゜゚・*\(^O^)/*・゜゚・* #florida #christmaseve #cold #destiny
    เมื่อคิเสะกดแชร์โพสต์ในอินสตราแกรมและเฟสบุ๊คเสร็จ คากามิก็เดินมาเรียกพอดี
                    “เตรียมห้องเสร็จแล้ว นายรีบๆไปอาบน้ำเถอะ ตากหิมะมาเดี๋ยวก็ไม่สบายกันพอดี”
    “อื้อ ขอบคุณมากนะคากามิจจิ”คิเสะยิ้มกว้าง เขาเก็บโทรศัพท์ก่อนจะเดินเข้าไปในห้อง... น่าจะเป็นห้องไว้สำหรับให้แขกมาพักโดยเฉพาะมั้ง เพราะดูไม่เหมือนห้องที่มีคนอยู่ประจำสักเท่าไหร่
    มองดูผ้าปูเตียงใหม่เอี่ยมกับเสื้อผ้าที่เตรียมไว้ให้เรียบร้อยแล้วเขาก็ต้องกระพริบตาปริบๆ ไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะเตรียมให้พร้อมขนาดนี้
                    อันที่จริง... สมัยมัธยมเขาเองก็ไม่ได้สนิทกับคากามิจจิมากมาย ส่วนมากที่ได้พบกัน อีกฝ่ายจะเป็นเหมือนของแถมที่ติดสอยห้อยตามคุโรโกจจิมามากกว่า
    “เป็นคนใจดีกว่าที่คิดนะเนี่ย...”
    พึมพำกับตัวเองพร้อมยิ้มออกมา ก่อนที่เขาจะหยิบเสื้อและผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำไปอย่างสบายอารมณ์
                    และคิเสะ เรียวตะ ก็พบกับเรื่องชวนตกใจอีกครั้ง...
    หลังจากที่เขาอาบน้ำเสร็จก็ได้กลิ่นหอมๆลอยมา พอเดินตามกลิ่นออกไปก็พบกับภาพของผู้ชายตัวสูงเกือบสองเมตรกำลังคาดผ้ากันเปื้อนพร้อมถือกระทะควงตะหลิวอย่างคล่องแคล่ว
                    “เออ... มีอะไรให้ฉันช่วยมั้ยอะ”
    คิเสะที่ดึงสติกลับเข้าร่างมาได้ถามขึ้น การมาขอพักกันหน้าด้านๆแบบนี้ทำให้จิตสำนึกฝ่ายดีเริ่มบอกให้เขาทำอะไรที่เป็นประโยชน์สักอย่าง
    “ไปนั่งอยู่เฉยๆเลยไป”
    แต่ดูเหมือนเจ้าของบ้านจะไม่ต้องการให้เขาช่วยแหะ...
                    คนโดนปฏิเสธทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้อย่างว่าง่าย เขาเท้าคางมองคนที่กำลังขะมักเขม้นกับการทำอาหาร คากามิจจิที่ไม่ได้เจอกันมาสองปี จะว่าเปลี่ยนไปก็ไม่ใช่ แต่จะว่าไม่เปลี่ยนเลยก็ไม่เชิง
    ดูเหมือนจะสูงขึ้นหน่อยนึงรึเปล่านะ....
                    ขณะที่กำลังคิดอะไรเพลินๆ รู้ตัวอีกที จานพาสต้าหอมฉุยก็ถูกวางไว้ให้ตรงหน้า
    “กินซะสิ นายยังไม่ได้กินข้าวเย็นใช่มั้ยล่ะ”
                    คิเสะกลืนน้ำลายลงคอ พอได้ยินคากามิจจิพูดแล้วก็นึกขึ้นมาได้ว่าตั้งแต่ลงจากเครื่องมาก็ยังไม่ได้กินอะไรเลยสักอย่าง
    และเมื่อพาสต้าคำแรกถูกตักเข้าปาก ดวงตาสีทองก็วาววูบ เขารีบหันไปมองเจ้าของผลงานทันที
                    “คากามิจจิสุดยอดดด นี่มันอร่อยมากเลยอ่ะ
    ! ไม่รู้มาก่อนเลยว่านายทำอาหารเป็นด้วย!
    สูง รวย แถมยังทำอาหารเก่ง โอ๊ย... นี่เขาชักอิจฉาแฟนของคากามิจจิแล้วนะ
    !
    ท่าทางปลาบปลื้มกับดวงตาเป็นประกายวิ้งๆทำให้คนถูกชมหัวเราะหึๆด้วยความภูมิใจเล็กๆ เขาขยี้เส้นผมสีทองที่ยังเปียกอยู่ของอีกฝ่ายเร็วๆ พลางเอ่ย
                    “กินเสร็จแล้วก็เป่าผมให้แห้งด้วย ฉันไปนอนก่อนล่ะ”
    พูดจบก็หันหลังเดินออกจากครัว แต่กลับถูกคว้ามือเอาไว้ก่อน ทำให้เขาต้องหันไปมอง
    “นี่ ขอบคุณมากๆเลยนะคากามิจจิ ถ้าไม่บังเอิญเจอกันล่ะก็ ฉันคงแย่แน่เลยอ่ะ”
    ท่าทางจริงจังอันหาได้ยากยิ่งจากคิเสะ เรียวตะ ทำให้เขานิ่งไปชั่วครู่
                    อเมริกามีตั้งห้าสิบรัฐ การได้เจอกันแบบนี้เป็นเรื่องบังเอิญมากจริงๆนั่นแหละ
    “คราวหน้าอย่าลืมจองที่พักละกัน ไม่งั้นฉันเก็บค่าพักแน่”พูดพลางผลักหัวอีกฝ่ายเบาๆไปหนึ่งที แล้วจึงเดินออกไปจากครัว
                    คิเสะมองไล่หลังเจ้าของบ้านไป เรียวปากขยับขึ้นเป็นรอยยิ้มจางๆ
    คนเราดูแต่หน้าไม่ได้จริงๆนั่นแหละ ทั้งๆที่ดูน่ากลัวแบบนั้น แต่กลับใจดีมากเลย ผิดกับอีกคนจริงๆ...
    สมองพลันนึกถึงคนที่ไม่อยากคิดถึงที่สุด เขาสะบัดหัวแรงๆ ก่อนจะรีบจัดการกับอาหารค่ำแล้วล้างจานให้เรียบร้อย คิเสะเดินกลับเข้ามาในห้องนอน ทิ้งตัวลงบนเตียงนุ่มๆอุ่นๆที่ทำให้เปลือกตาหนักอึ้ง
                    หนึ่งปีแล้วสินะที่ตัดสินใจ
    หนีมา...
    มือเรียวคว้าหมอนมากอดเอาไว้ เมื่อหลับตาลง ภาพของคนๆหนึ่งที่ไม่เคยหายไปจากความทรงจำก็ปรากฏขึ้นอย่างชัดเจน
                    แผ่นหลังนั้นเหยียดตรง... ดวงตาสีน้ำเงินคู่นั้นมองไปข้างหน้า มองไปยังที่ที่เขาไม่อาจเอื้อมไปถึง
    ทั้งๆที่อยู่ไกลขนาดนี้... ทั้งๆที่ไม่ได้เห็นหน้า หรือได้ยินเสียงมาตั้งนานแล้วแท้ๆ...
    หยาดน้ำตาไหลผ่านผิวแก้ม ซึมลงบนผืนผ้า ความปวดร้าวแผ่กระจายไปทั้งใจเมื่อความเป็นจริงตอกย้ำให้รู้ว่า แม้จะไม่มีเขาอยู่ แม้ว่าจะไม่ได้เห็นหน้ากัน อาโอมิเนะ ไดกิ ก็ไม่เคยรู้สึกอะไรเลยสักนิด
                    มีแต่เขาที่คิด... และมีแต่เขาที่เจ็บ
    นั่นก็เพราะว่ามีแต่เขาเท่านั้นที่รัก...
    เลขดิจิตัลของนาฬิกาแสดงเวลาเที่ยงคืน ในตอนที่เขากลับตาลง
                    วันคริสมาสต์แรกของชีวิตในอเมริกา... ฉันคิดถึงนายเหลือเกิน....

    ***************************

                    Good morning  Kagamicchi!

                    ขอโทษที่ออกไปก่อนโดยไม่ได้ลานะ แบบว่าไฟลท์บินเช้ามากเลยอ่ะ ไม่อยากปลุกคากามิจจิด้วย
    ขอบคุณสำหรับที่พักและข้าวเย็นนะ ไว้วันหลังจะตอบแทนให้ได้เลย สุขสันต์วันคริสมาต์น๊าาา (
    >_<)//
    ปล.
    Shalala1
    ßไอดีไลน์ อย่าลืมแอด!
    K.R.
                    ดวงตาไล่อ่านตัวหนังสือบนกระดาษโน๊ตที่ถูกแปะไว้บนโต๊ะกินข้าว
    มาไวไปไวอย่างกับพายุ... คิดพลางเดินกลับเข้าไปหยิบโทรศัพท์ในห้อง ปลดล๊อคหน้าจอ พิมพ์ไอดีที่คิเสะทิ้งไว้ในกระดาษลงไปและกดค้นหา ภาพโปรไฟล์ของคนผมทองที่ฉีกยิ้มกว้างก็ปรากฏขึ้นมาบนแอพลิเคชั่น
                    ...
    Merry X’mas…
    พิมพ์ข้อความสั้นๆส่งไป ก่อนที่จะปิดหน้าจอลง บนเรียวปากปรากฏรอยยิ้มจาง...

     
     

    The evening’s lights, coloring the nights busy avenues**

    [แสงยามเย็น กับสีสันในค่ำคืนที่วุ่นวาย]

    Down the street brings back memories of you.

    [ถนนที่ทอดยาวนั้นหวนคืนความทรงจำถึงนาย]

    Now I am watching, as lovers pass me by,

    [มองดูคู่รักที่เดินผ่านฉันไป]

    Finding your shadows, in the views of my eyes.

    [เฝ้าเพียงหวังจะพบเงาของนายในนั้น]

    Now I am here, all alone.

    [ฉันอยู่ตรงนี้นะ กับความอ้างว้าง]

    Remembering the time we used to laugh together.

    [หวนคำนึงถึงวันเวลาที่เราเคยหัวเราะด้วยกัน]

    In the fall of the cold

    [ท่ามกลางความหนาวเย็น]

    I still think of you.

    [ฉันยังคงคิดถึงนาย]

    Wondering if you feel the same.

    [จะเป็นอย่างไรนะหากนายก็รู้สึกเช่นเดียวกัน]



    * ทั้งขึ้นต้นและท้ายบทเป็นเนื้อเพลงเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเพลงของแก๊กต์ ชื่อ12月のLove song ค่ะ แปลเป็นไทยก็เพลงรักเดือนสิบสอง ถ้าจะหาฟังแนะนำเวอร์ชั่นภาษาญี่ปุ่นมากกว่า เพราะแกร้กกี้พูดอิ้งไม่ชัดค่ะ ตามสำเนียงนิฮงจินล่ะนะTvT แต่ชอบความหมายของเนื้อร้องภาษาอังกฤษเลยนำมาใส่ไว้ค่า

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×