คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #21 : บทที่ 21 กัด
บทที่ 21
กัด
ความวิตกในเรื่องการทดลองทำให้เอเลนนอนกระสับกระส่ายบนเตียงตลอดทั้งคืน กว่าจะข่มตาให้หลับตาได้ก็เกือบรุ่งสางแต่ก็ไม่สนิทนัก เพียงได้ยินเสียงนกตัวกระจ้อยเด็กหนุ่มก็สะดุ้งตื่นลืมตาโพลง เมื่อเห็นแสงสีทองระเรื่อจับขอบฟ้าเขาก็ลุกขึ้นเก็บที่นอนล้างหน้าอาบน้ำผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าลงไปช่วยเพตร้าในโรงครัว
“อรุณสวัสด์ครับคุณเพตร้า” เด็กหนุ่มเอ่ยทักทันทีที่เห็นหญิงสาวหันมามองด้วยความแปลกใจ
“อรุณสวัสดิ์จ้ะเอเลน วันนี้ตื่นเช้าจังเลยนะ”
“ผมนอนไม่หลับน่ะครับ” เอเลนตอบด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยสู้ดีนักเพตร้ามองเขาอย่างเห็นใจ
“กังวลเรื่องการทดลองหรือจ๊ะ” ถามทั้งที่ตัวเองก็รู้สึกแบบเดียวกันแต่ประสบการณ์ที่ต้องเผชิญหน้ากับไททันทุกครั้งในการออกสำรวจทำให้เธอสามารถเก็บอารมณ์เอาไว้ได้ เอเลนหยิบมันฝรั่งขึ้นมาหมุนไปมา
“ครับ” เขาตอบตามตรง “ผมกลัวว่าจะควบคุมตัวเองไมได้เหมือนตอนนั้น”
“อย่าคิดมากสิ” เพตร้าปลอบ “ตอนกำแพงทรอสต์แตกทุกอย่างมันวุ่นวายสับสนอลหม่านไปหมดอย่าว่าแต่เธอเลยทหารบางคนยังสติแตกจนทำอะไรไม่ถูกแต่สุดท้ายแล้วพวกที่ชิงทรอสต์กลับคืนมาได้สำเร็จคือทหารฝึกหัด ตามความคิดของฉันนะเอเลนเก่งกว่าผู้ใหญ่บางคนเสียอีก”
คำพูดของเธอควรทำให้คนฟังสบายใจขึ้นมาบ้างแต่เอเลนกลับสั่นศีรษะ
“ผมเป็นภาระของคนอื่นมากกว่าครับ” พูดพร้อมกับหวนนึกถึงตอนที่ถูกทหารจากกองกำลังรักษาการณ์ล้อมกรอบตรงกำแพง หากอาร์มินกับมิคาสะไม่ช่วยเอาไว้เขาคงถูกคนพวกนั้นฆ่าไปแล้ว
“เธอเป็นคนอุดกำแพงนะเอเลน” เพตร้าพูดด้วยสีหน้าขึงขัง “ลำพังพวกเราไม่มีทางทำแบบนั้นได้แน่ เมื่อก่อนหน่วยสำรวจคิดกันหัวแทบแตกเพื่อหาทางชิงชิกันชินาร์คืนมาจากไททันแต่ทำยังไงก็ไม่เห็นทางกระทั่งเธอปรากฏตัวขึ้น วีรกรรมของเธอที่เขตทรอสต์จุดประกายแห่งความหวังให้กับพวกเรานะ”
สิ่งที่ได้ยินทำให้เอเลนรู้สึกดีขึ้นแต่ก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้นเพราะเมื่อนึกได้ว่าก่อนอุดกำแพง เขา-ในร่างไททัน- เกิดอาการสติหลุดจนเกือบจะฆ่ามิคาสะ ถ้าเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นซ้ำอีกครั้งระหว่างการทดลองเขาจินตนาการไม่ออกเลยว่าจะเป็นอย่างไร
ไม่สิ หากอาละวาดต่อหน้าหน่วยรีไวแล้วละก็จุดจบของเขามีเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
ความตาย
สีหน้าที่เริ่มดีขึ้นกลับม่อยลงไปอีกครั้ง มันฝรั่งที่ถือไว้หลุดจากมือร่วงลงกลับลงไปในตะกร้า เพตร้าซึ่งจับตามองอยู่ตลอดเวลาเห็นแบบนั้นแล้วจึงรู้ว่าเด็กหนุ่มผู้เป็นหัวใจของภารกิจสำคัญยังคงอยู่ในความวิตกกังวล เพื่อไม่ให้เขาต้องตกอยู่ในความหดหู่ไปมากกว่านี้เธอจึงรีบพูด
“ฉันเชื่อในตัวเธอนะ”
เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองอย่างนึกไม่ถึง “อะไรนะครับ”
เพตร้าเอียงคอน้อยๆพร้อมกับส่งยิ้มให้
“ฉันเชื่อว่าเธอจะพาพวกเราไปสู่ความสำเร็จ” มือยกตะกร้ามันฝรั่งขึ้น “เพื่อพิสูจน์ว่าฉันคิดไม่ผิด เราช่วยกันทำมื้อเช้าให้เสร็จก่อนพวกเขาตื่นกันเถอะ”
กลิ่นหอมของซุปลอยจากโรงครัวลากชายสามคนออกจากห้อง ออรูโอ้เป็นคนแรกที่ปรากฏตัวในห้องอาหาร พอเห็นควันลอยกรุ่นจากหม้อเขาก็ปรี่เข้าไปหาพร้อมกับสูดกลิ่นอันเย้ายวนเข้าปอด
“หอมเป็นบ้า” มือหยิบทัพพีทำท่าจะตักจึงโดนเพตร้าหวดดังเผียะ
“รอหัวหน้าก่อนสิยะ”
“ขืนทำแบบนั้นมีหวังฉันหิวจนตายแหง” จอมปากมากประชด “หัวหน้าออกไปข้างนอกกับคุณฮันซี่ตั้งแต่เช้าจะกลับเมื่อไหร่ก็ไม่รู้”
“หัวหน้าออกไปตรวจบ่อน้ำที่จะใช้ทดลองวันนี้อีกเดี๋ยวก็กลับแล้ว” เอลโด้ซึ่งก้าวตามมากล่าวแก้พลางรินน้ำชาใส่ถ้วยของตัวเองกับกุนเทอร์ เอเลนจึงหันมาถามด้วยความอยากรู้
“บ่อน้ำที่ว่าอยู่ไกลไหมครับ”
“ก็ไม่ไกลนักหรอกเดินตัดป่าด้านหลังไปหน่อยก็ถึง” คราวนี้กุนเทอร์เป็นคนตอบพลางซดชาเข้าไปหนึ่งอึก “ฉันลืมบอกไปวันนี้นอกจากพวกเราแล้วคุณฮันซี่ยังเรียกคนในสังกัดมาช่วย คงไม่อยากให้การทดลองผิดพลาด”
“เตรียมมาเพื่อช่วยกันเชือดเจ้าเด็กเหลือขอนี่มากกว่า” ออรูโอ้แย้ง “ถึงจะดูเพี้ยนๆแต่ลึกแล้วคงรู้จักกลัวเหมือนกัน”
“ไร้สาระน่าออรูโอ้หัวหน้าฮันซี่เรียกพวกเขามาช่วยขนย้ายอุปกรณ์ต่างหาก” เพตร้าแทรกกลางคันทำให้จอมปากมากทำเสียงจุ๊ออกมาอย่างขัดใจ
“เชอะ!วุ่นวายเป็นบ้า แกจะเป็นไททันหรืออะไรฉันไม่สนหรอกแต่ถ้าก่อปัญหาขึ้นมาเมื่อไหร่เป็นได้เจอดีแน่”
ออรูโอ้ตั้งใจจะขู่เอเลนให้มากกว่านั้นแต่โดนขัดด้วยศอกของเพตร้าที่กระแทกลงบนสีข้าง แต่ผู้ที่ทำให้เขาสงบปากสงบคำลงได้ไม่ใช่เธอหากเป็นผู้ที่ทุกคนกล่าวถึงเพราะเมื่อรีไวก้าวเข้ามาในห้องทั้งหมดก็หุบปากเงียบและรีบลุกขึ้นทำความเคารพ
“อรุณสวัสดิ์ครับหัวหน้ารีไว หัวหน้าหมู่ฮันซี่” เอลโด้เป็นคนกล่าว รีไวไม่พูดอะไรขณะเดินไปนั่งประจำที่ส่วนฮันซี่ปรี่เข้าไปหาเอเลนพร้อมกับร้องทัก
“ไงจ๊ะเอเลนวันนี้เป็นยังไงบ้าง”
“สบายดีครับ” เด็กหนุ่มตอบพลางชำเลืองตาไปทางคนตัวเตี้ยที่กำลังยกชาขึ้นดื่ม “คุณเอลโด้บอกว่าพวกคุณไปตรวจบ่อน้ำ มันใช้งานได้ไหมครับ”
“ฉันคิดว่าน่าจะได้” ฮันซี่ตอบพลางหย่อนตัวลงนั่งข้างๆและกล่าวขอบคุณเพต้าที่นำมื้อเช้ามาให้ พอตักซุปเข้าปากเธอก็ทำตาโต “อร่อยเป็นบ้า”
เพตร้ายิ้มกว้างรับคำชม “ฉันแค่หั่นมันฝรั่งเท่านั้นค่ะคุณฮันซี่คนปรุงจริงๆคือเอเลนต่างหาก”
“จริงหรือ” ฮันซี่พูดเสียงสูงและหันกลับไปทางเด็กหนุ่มหมายป้อนคำชมแต่พอเป็นขนมปังกับซุปในชามของเขาไม่พร่องเลยสักนิดเธอจึงถามด้วยความเป็นห่วง “กินไม่ลงหรือเอเลน”
“ครับ” เด็กหนุ่มรับคำเบาๆแต่ดวงตากลับชำเลืองไปทางคนหัวโต๊ะพร้อมหวังเล็กๆในใจว่าจะได้ยินเสียงเตือนด้วยความเป็นห่วงแต่รีไวกลับนั่งกินอาหารไปเรื่อยๆเหมือนไม่สนใจเขาเลย
“กังวลเรื่องการทดลองวันนี้ใช่ไหม” ฮันซี่ถามพอเอเลนผงกศีรษะรับเธอจึงถอนใจออกมาเบาๆ “อย่ากลัวไปเลยมันก็แค่การทดสอบอะไรนิดหน่อย ฉันไม่ใจร้ายเหมือนพวกสารวัตรทหารที่จ้องแต่จะเชือดเธอนะเอเลน”
“ผมทราบครับ”
“งั้นก็ดี ทีนี้ก็จัดการของที่อยู่ตรงหน้าเธอซะ กินให้หมดทานให้เยอะๆจะได้มีแรงแปลงร่างเป็นไททันที่แข็งแรงให้ฉันดู”
พูดพร้อมกับตบไหล่เด็กหนุ่มเพื่อให้กำลังใจและหยุดเมื่อรีไวพูดพอให้เธอได้ยิน
“เหมือนพวกโรคจิตเป็นบ้า”
ฮันซี่หันไปยิ้มระรื่น “ฉันยอมรับเพราะนอกจากไททันแล้วฉันไม่สนอย่างอื่น”
รีไวมองหัวหน้าหมู่เจ้าปัญญาอย่างเอือมระอาในความเพี้ยนก่อนเอนสายตาไปที่เอเลนพอเห็นเด็กหนุ่มค่อยๆละเลียดซุปเข้าปากเขาก็มุ่นคิ้ว
“เอ้า!มัวแต่ยืดยาดอยู่ได้ รีบกินให้เสร็จจะได้ออกไปจัดการให้จบเรื่อง”
ไม่ต้องเตือนย้ำเป็นครั้งที่สอง เอเลนรีบกัดขนมปังสลับกับดื่มซุปจนหมด ล้างถ้วยชามทำความสะอาดครัวและห้องอาหารแล้วทั้งหมดก็มุ่งหน้าไปยังด้านหลังของปราสาทจนถึงบ่อหินเก่าแก่รูปทรงกลม ขอบบ่อสูงจากพื้นดินขึ้นมาประมาณหนึ่งเมตรมีบันไดเชือกผูกรอไว้ เอเลนชะโงกหน้าลงไปมองด้วยใจคอไม่ค่อยดีนักรีไวสังเกตเห็นจึงเอ่ยถาม
“กลัวหรือ”
“แค่กังวลนิดหน่อยเท่านั้นครับ” เอเลนตอบฮันซี่ซึ่งเสร็จจากการซักซ้อมแผนการกับลูกน้องเดินมาสมทบ เธอยื่นหน้ามองลงไปยังก้นบ่อและทำเสียงงึมงำในลำคอคล้ายคนเสียสติก่อนหันกลับไปทางเด็กหนุ่ม
“พร้อมหรือยัง”
“ครับ” เอเลนรับคำพร้อมกับผงกศีรษะรับ สาวแว่นจึงออกคำสั่ง “งั้นก็ลงไปได้แล้ว ค่อยๆปีนลงไปนะฉันไม่อยากให้เธอบาดเจ็บก่อนกลายร่าง”
ทั้งคู่ยืนรอจนกระทั่งเอเลนลงไปถึงก้นบ่อแล้วฮันซี่จึงป้องปากตะโกน “ทำตามแผนที่คุยกันเอาไว้นะเอเลน ถ้าพวกข้างบนเตรียมตัวพร้อมแล้วฉันจะยิงกระสุนควันบอกเธอให้เธอแปลงร่างเป็นไททัน หลังจากนั้นพวกเราจะตัดสินใจต่อเองว่าจะทำยังไง”
“รับทราบครับ” เอเลนเงยหน้าขึ้นรับคำ ฮันซี่กวาดตามองไปรอบๆอีกครั้งพร้อมกับหัวร่อต่อกระซิกอย่างถูกอกถูกใจและพูดพึมพำกับตัวเอง
“วิเศษ ถ้าเป็นบ่อน้ำแบบนี้ถึงจะกลายเป็นไททันในสภาพที่ควบคุมตัวเองไม่ได้ละก็คงเอาอยู่”
จากนั้นทั้งเธอและรีไวก็ขึ้นม้าไปรอสังเกตการณ์ห่างจากบ่อน้ำพอสมควร เมื่อเห็นทุกคนเตรียมพร้อมหัวหน้าหมู่เจ้าปัญญาก็ยิงกระสุนควันขึ้นฟ้า เอเลนเห็นควันสีเขียวพุ่งปราดผ่านปากบ่อจึงยกมือขวาขึ้นพลางคิดในใจว่าถ้าตัวเขาเป็นไททันแล้วอาละวาดคงถูกหน่วยรีไวฆ่าตายแน่ๆ คิ้วสีอ่อนมุ่นเข้าหากันด้วยความกังวลก่อนตัดสินใจกัดมือข้างนั้นเต็มแรง
เหนือขึ้นไปบนพื้นดินรีไวกับฮันซี่ยืนรอให้ไททันโผล่ขึ้นมาอย่างใจจดจ่อแต่รออยู่นานก็ไม่มีสิ่งใดปรากฏขึ้น ฮันซี่จึงบ่นออกมา
“ไม่เห็นสัญญาณที่ยิงไปหรือเปล่า”
อกรีไวแทบระเบิดเพราะความเป็นห่วงเอเลน เกิดอะไรขึ้นทำไมเด็กบ้านั่นถึงไม่แปลงร่างจะว่าถูกสัตว์มีพิษทำร้ายก็ไม่น่าเป็นไปได้เพราะเขาสั่งให้คนลงไปตรวจจนแน่ใจว่าปลอดภัยแล้วถึงสามรอบ จะว่าเจ้าเด็กเหลือขอนั่นเกิดปอดแหกขึ้นมาก็ไม่น่าใช่เพราะดูแววตาแล้วแม้จะมีความหวาดกลัวอยู่บ้างแต่ความมุ่งมั่นตั้งใจยังเต็มเปี่ยม ความคิดร้อยแปดวิ่งพล่านอยู่ในหัวจนรีไวแทบกระตุ้นม้าเข้าไปดูเดี๋ยวนั้นแต่ด้วยหน้าที่และสถานภาพทำให้เขาจำต้องรักษากิริยาไม่แสดงอาการอะไรนอกจากพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ไม่หรอก มันไม่ใช่สิ่งที่สั่งได้ดังใจ” มือกระตุกบังเหียนบังคับม้าให้เดินตรงไปที่บ่อพร้อมกับออกคำสั่งเสียงดัง “เฮ้!เอเลน ยุติการทดลองชั่วคราว”
พูดพลางลงจากหลังม้ายื่นหน้ามองลงไป ฮันซี่ซึ่งตามมาสมทบเอ่ยปากถามด้วยความสงสัย
“เกิดอะไรขึ้นเหรอ” เธอชะโงกหน้ามองลงไปและอ้าปากค้างเมื่อพบว่าที่ก้นบ่อเอเลนกำลังยืนหอบหายใจ ปาก มือข้างขวาและร่างกายซีกหนึ่งเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด”หา!”
ใบหน้าอันแสนปวดร้าวของเด็กหนุ่มเงยขึ้น ดวงตาสีเขียวที่เต็มไปด้วยความตื่นตระหนก ไม่เข้าใจและผิดหวังสบโดยตรงกับรีไวก่อนเลื่อนไปทางฮันซี่
“คุณฮันซี่ผมแปลงเป็นไททันไม่ได้”
ฮันซี่หันไปมองหน้ารีไวเชิงขอความเห็นเขาจึงสั่งให้ลูกน้องลงไปนำเอเลนขึ้นจากบ่อเพื่อทำการปฐมพยาบาล ระหว่างพันแผลเอเลนก็แอบชำเลืองมองไปทางหัวหน้าผู้แข็งแกร่งเป็นระยะพอเห็นอีกฝ่ายทำทีเหมือนไม่สนใจเด็กหนุ่มก็เริ่มคิดว่ารีไวคงผิดหวังกับความล้มเหลวในครั้งนี้ ดีไม่ดีอาจเลยเถิดไปถึงขั้นหมดความมั่นใจในตัวเขาไปแล้วก็ได้
การที่เอเลนไม่สามารถแปลงร่างได้ทำให้ฮันซี่ต้องทบทวนการทดลองทั้งหมดใหม่อีกครั้ง เธอกับลูกหน่วยแยกไปหารือกันในป่าส่วนหน่วยพิเศษรวมถึงรีไวนั่งล้อมวงดื่มชากันตรงโต๊ะที่จัดเตรียมไว้โดยเอเลนนั่งคู่กับออรูโอ้ กุนเทอร์ เอลโด้และเพตร้านั่งเรียงกันด้านตรงกันข้ามส่วนรีไวแยกตัวไปยืนตามลำพังแต่ไม่ห่างจากคนทั้งห้ามากนัก ระหว่างดื่มชาตาเรียวสีเทาก็ชำเลืองมองเอเลนอย่างครุ่นคิด เขาอาจจะผิดหวังกับความล้มเหลวในการทดลองในขณะเดียวกันก็รู้สึกโล่งใจที่ไม่ต้องลงมือทำร้ายเอเลน พอมองมือที่ถูกผ้าพันเอาไว้แล้วหัวหน้าผู้แข็งแกร่งก็เริ่มหงุดหงิด เพราะความคิดบ้าๆของยัยแว่นโรคจิตแท้ๆทำให้คนที่เขารักต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนี้แต่ที่น่าแปลกใจก็คือเหตุใดแผลจากรอยกัดจึงไม่สมานตัว ทั้งที่ในรายงานระบุเอาไว้ว่าหลังแปลงร่างเอเลนสามารถรักษาตัวเองได้
หรือนี่เป็นผลกระทบจากการที่แปลงร่างไม่สำเร็จ ?
“กัดที่มือแล้วแผลก็ไม่มีการฟื้นตัวสินะ”
รีไวหันไปถามเอเลนดื้อๆ เด็กหนุ่มมองมือของตัวเองก่อนตอบเสียงแผ่ว
“ครับ”
สีหน้าของรีไวเครียดขึ้น เขาไม่อยากเร่งรัดหรือสร้างความกดดันต่อเอเลนอันที่จริงแล้วเขาอยากเข้าไปกอดพร้อมพูดปลอบใจด้วยซ้ำแต่ในสถานการณ์เช่นนี้คงทำอย่างนั้นไม่ได้ ที่สำคัญคือเวลาที่กระชั้นเข้ามาทุกทีอีกสองวันหน่วยสำรวจจะต้องออกนอกกำแพง เขาจะมามัวเอาใจเจ้าเด็กขี้แยนี่ไม่ได้เด็ดขาด
“ถ้านายแปลงเป็นไททันไม่ได้การอุดวอลล์มาเรียก็เป็นเพียงวิมานในอากาศ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงค่อนไปทางดุก่อนเน้นประโยคสุดท้ายให้เข้มขึ้น “นี่เป็นคำสั่งทำอะไรสักอย่างซะ”
พอเห็นเอเลนทำหน้าจ๋อยพร้อมรับคำเบาๆว่าครับแล้วความเจ็บปวดก็วิ่งผ่านวูบเข้าในหัวใจ นี่เขาทำบ้าอะไรลงไป เจ้าหนูไททันกำลังหมดอาลัยตายอยากแทนที่จะเข้าไปให้กำลังใจเขากลับออกคำสั่งให้ทำในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ คิดพลางบีบถ้วยในมือแน่นก่อนเดินห่างออกไปอีกนิดและข่มใจไม่หันกลับมามองอีกเลย พอเห็นหัวหน้าเริ่มหงุดหงิดเพตร้าจึงตามไปคุยทิ้งให้บรรดาหนุ่มๆนั่งอยู่ที่เดิม
“อย่าเพิ่งเศร้าไปสิเอเลน”เอลโด้เห็นเด็กหนุ่มทำหน้าเหมือนกำลังจะร้องไห้เอ่ยขึ้น เอเลนส่ายหน้าช้าๆ
“แต่ว่าผม...”
“เอาน่า อย่างน้อยนายก็เป็นมนุษย์มากกว่าที่คิดไว้ แบบนั้นมันไม่ใช่เรื่องที่ไร้ประโยชน์หรอก ดีกว่าเอาชีวิตไปทิ้งอีกนะ”
เอลโด้ปลอบอย่างใจดีแม้ดวงตาจะฉายความกังวลอยู่บ้างแต่ดูเหมือนกุนเทอร์จะมีความคิดต่างเล็กน้อยเพราะเขาจ้องเอเลนตรงๆ
“เออ ไม่ใช่ว่าระวังตัวเกินเหตุหรอกเหรอ”
จากคำพูดแสดงว่าเขามีความระแวงในตัวของเด็กหนุ่มซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะมนุษย์ทั่วไปย่อมไว้ใจคนที่แปลงร่างเป็นไททันไม่ลง ขณะที่กุนเทอร์กับเอลโด้สลับกันปลอบเอเลนจอมปากมากอย่างออรูโอ้กลับไม่กล่าวอะไรออกมาสักคำ ปฏิกิริยาที่ผิดไปจากเคยของเขายิ่งสร้างความกดดันให้กับเอเลนเป็นอย่างยิ่งเพราะนั่นแสดงให้เห็นว่าตลอดเวลาที่ผ่านมารุ่นพี่ทุกคนไม่เคยวางใจในตัวเขาเลย
แล้วหัวหน้ารีไวล่ะคิดยังไงเห็นเขาเป็นมนุษย์คนหนึ่งหรือไททันที่รอเวลาฆ่าทิ้ง
ยิ่งคิดก็ยิ่งเจ็บเมื่อไม่รู้จะทำยังไงเอเลนจึงหันไปสนใจชาที่วางตรงหน้า มือข้างที่พันแผลเลื่อนไปหยิบช้อนแต่ความเจ็บแปลบที่แล่นปราดขึ้นไปทั้งแขนทำให้มันหลุดร่วงตกพื้น เอลโด้เห็นเข้าพอดีจึงเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
“ไม่เป็นไรนะ”
“ครับ” ตอบไม่เต็มเสียงนักเพราะใจมุ่งแต่จะหยิบช้อน ด้วยระยะที่ห่างจากโต๊ะทำให้เอเลนต้องเอื้อมไปจนสุดแขนแม้จะเจ็บจนมือสั่นเด็กหนุ่มก็ตั้งใจมั่นว่าต้องหยิบมันให้ได้ พอปลายนิ้วแตะช้อนพลันบังเกิดแสงสว่างวาบขึ้นตามด้วยเสียงระบิดสนั่นดัง
ตูม!!!
โต๊ะตัวนั้นแตกออกเป็นเสี่ยงรุ่นพี่ทั้งสามโดนแรงอัดกระเด็นไปคนละทิศละทาง รีไวที่อยู่ห่างหันหน้าไปมองด้วยความตระหนกเช่นเดียวกับทหารของหน่วยสำรวจที่กระจายกันออกไปพอได้ยินเสียงระเบิดกับควันสีขาวที่พวยพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าแล้วทุกคนต่างร้องถามกันเซ็งแซ่
“อะไรน่ะ!”
“มีอะไรเกิดขึ้นเหรอ?”
ท่ามกลางกลุ่มควันอันหนาทึบเงาเลือนรางของอะไรบางอย่างค่อยๆปรากฏขึ้นอวดโฉมให้ขวัญของทุกคนแตกกระเจิง
ไททัน!!!
เอเลนนั่งคุกเข่าอยู่บนร่างของไททันที่ดูเหมือนจะก่อตัวไม่สมบูรณ์ มีเพียงช่วงอกตั้งตระหง่านอยู่บนพื้นราวก้อนเนื้อยักษ์ผุดขึ้นมาจากดิน ซีกขวาที่เชื่อมติดกับมือข้างที่เจ็บของเอเลนสร้างกล้ามเนื้อสีแดงสดพร้อมแขนและมือส่วนซีกซ้ายมีเพียงซี่โครงเท่านั้น ก้อนเนื้อขนาดมหึมาส่งเสียงดังฉ่าขณะปล่อยหมอกสีขาวอันเกิดจากไอร้อนตลบไปทั่ว สิ่งที่เกิดขึ้นอย่างไม่คาดฝันทำให้เอเลนตกใจมาก ใบหน้าของเด็กหนุ่มเต็มไปด้วยความหวาดหวั่นเขาพยายามดึงมือข้างที่ติดกับก้อนเนื้อให้หลุดปากก็พร่ำพูด
“ทำไมมาเป็นเอาตอนนี้”
ช่วงที่กำลังลนลานจนทำอะไรไม่ถูกพลันหูก็ได้ยินเสียงนุ่มทุ้มของรีไวดังขึ้นทางด้านหลัง
“ใจเย็นๆ”
คำพูดดังกล่าวทำให้เอเลนใจชื้นขึ้นเป็นกอง เขารีบหันไปมองพร้อมกับระร่ำระลัก
“หัวหน้ารีไว นี่มัน...”คำพูดหยุดค้างแค่นั้นเมื่อเห็นรีไวกำลังยืนอยู่ตรงกลางระหว่างเขากับรุ่นพี่ทั้งสี่ที่กำลังถือดาบด้วยท่าทางที่พร้อมจะพุ่งเข้ามาจัดการตัวประหลาดอย่างเขา ถ้าเช่นนั้นประโยคที่รีไวพูดเมื่อครู่ก็ไม่ได้หมายถึงเขาแต่เป็นลูกหน่วยที่ตกอยู่ในอาการอกสั่นขวัญแขวนจนอาจลงมือทำอะไรโดยไม่รู้ตัว
“ก็บอกให้ใจเย็นๆไง” หัวหน้าทหารตัวเตี้ยกล่าวย้ำพร้อมยกมือขึ้นห้าม “พวกนายน่ะ”
ที่ต้องทำเช่นนั้นเพราะสีหน้าของลูกน้องทั้งสี่แสดงให้เห็นถึงความหวาดกลัว ชิงชังและพร้อมที่จะฆ่าเอเลนทุกขณะจิต ระหว่างที่กำลังตกอยู่ในความตึงเครียด อีกด้านฮันซี่ซึ่งเข้าไปหารือกับลูกน้องเพื่อปรับเปลี่ยนแผนได้ยินเสียงระเบิดเช่นเดียวกัน เธอรีบเดินย้อนกลับมาทางบ่อน้ำพร้อมกับถามด้วยความแปลกใจ
“เสียงอะไรน่ะ”
พอเห็นควันสีขาวพวยพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าพร้อมกับภาพมัวๆของไททันเท่านั้นหัวหน้าหมู่เจ้าปัญญาก็เบิกตากว้างกระโดดตัวลอย
“โว้ว ว้าว ยะฮู้!”
เธอร้องพร้อมกับวิ่งเข้าไปหาด้วยความดีใจแต่เอเลนไม่ได้สนใจมองเพราะมัวกังวลอยู่กับท่าทางที่น่ากลัวของรุ่นพี่
“เอเลน!มันหมายความว่ายังไง!” เอลโด้ร้องถามพลางกระชับดาบแน่นขึ้นแต่สมองที่ยังตื้อตันทำให้เด็กหนุ่มนึกอะไรไม่ออกนอกจากรับคำสั้นๆ
“ครับ”
“ทำไมถึงแปลงร่างโดยไม่ขออนุญาต ตอบฉันมาเดี๋ยวนี้” รุ่นพี่ป้อนคำถามอย่างดุดันรีไวจึงรีบปราม
“เอลโด้!”
ออรูโอ้ซึ่งยืนจังก้าอยู่อีกด้านชี้ดาบไปยังเอเลน “บอกมาเดี๋ยวนี้ว่าคิดบ้าอะไรอยู่”
“ไม่หรอกเรื่องนั้นเอาไว้ทีหลัง” กุนเทอร์พูดขึ้นบ้าง ใบหน้าเคร่งขรึมมองเอเลนอย่างมุ่งร้าย “พิสูจน์สิว่าตัวแกไม่ใช่ศัตรูของมนุษยชาติ พิสูจน์เร็วๆเข้าสิ นั่นเป็นความรับผิดชอบของแกนะ”
ท่าทางเงอะงะทำอะไรไม่ถูกของเอเลนทำให้ทั้งสี่มองว่าเขากำลังวางแผนทำเรื่องอันตราย ออรูโอ้จึงขยับเข้าไปหนึ่งก้าวและเงื้อดาบขึ้น
“ถ้าแกขยับแขนข้างนั้นละก็ฉันจะตัดหัวแกทิ้ง”
คำพูดก้าวร้าวของจอมปากมากทำให้รีไวนึกฉุนขึ้นมา เขาไม่ยอมให้เจ้าบ้าพวกนี้แตะต้องเอเลนแม้ปลายนิ้ว หากไม่ใช่คนของหน่วยรีไวแล้วละก็ป่านนี้คงโดนเตะสั่งสอนไปแล้ว
“ออรูโอ้ ฉันบอกให้ใจเย็นไง”
ห้ามพลางถอยเข้าไปใกล้เอเลนอีกก้าวการกระทำของเขาทำให้เพตร้าเบิกตาโพลง
“หัวหน้าถอยออกมาจากเอเลนด้วยใกล้เกินไปแล้วนะคะ”
ชายหนุ่มรู้ดีว่านั่นเป็นคำเตือนจากความห่วงใย แต่เวลานี้เขาเป็นห่วงเอเลนมากกว่าชีวิตของตัวเอง
“ไม่หรอกพวกนายต่างหากที่ต้องถอยออกไป”
“ทำไมคะ” สาวสวยคนเดียวของหน่วยพิเศษร้องถาม รีไวหันไปมองหน้าเธอ
“นี่เป็นคำสั่ง”
ระหว่างที่โต้ตอบกับเพตร้าลูกน้องที่เหลือยังคงตั้งเป้ามุ่งแต่จะเล่นงานเด็กหนุ่มซึ่งบัดนี้ยืนนิ่งไม่พูดไม่จาอยู่บนร่างครึ่งตัวของไททัน
“เป็นบ้าอะไรเอเลน พูดอะไรบ้างสิ”
“อย่าทำตัวมีพิรุธนะ”
“รีบพิสูจน์มาสิว่าแกเป็นมนุษย์”
ทั้งสามสลับกันพูดอย่างสับสนอลหม่านสร้างความกดดันต่อเอเลนเป็นที่สุด ทั้งที่อยู่ด้วยกันมาเกือบเดือนผจญกับภยันตรายมาด้วยกันหลายครั้งจนคิดว่าเป็นพวกเดียวกัน ที่แท้ทุกคนก็ไม่ต่างไปจากพวกกองสารวัตรทหารที่จ้องจะฆ่าเขาลูกเดียว เสียงตะโกนอื้ออึงของรุ่นพี่ทำให้หัวใจของเอเลนเต็มไปด้วยความเจ็บปวด ความรู้สึกครั้งที่อยู่ในห้องสอบสวนหวนกลับเข้ามาอีกครั้ง เพื่อยุติความโกลาหลเด็กหนุ่มจึงจำต้องระเบิดคำพูดออกมา
“ช่วยเงียบกันสักเดี๋ยวจะได้มั้ยครับ!”
จังหวะเดียวกันนั้นเองฮันซี่วิ่งมาถึงพอดี เธอมองเอเลน ไม่สิ! ต้องบอกว่าเธอมองก้อนเนื้อไททันด้วยความดีใจจนเนื้อเต้นก่อนร้องเรียก “เอเลน!”
กระโดดพรวดเดียวไปยืนตรงหน้ามือที่สั่นระริกยื่นออกไปพร้อมกับพูดอย่างหื่นกระหาย “ขอฉันจับหน่อยได้ไหม นะ ตกลงนะ ขอจับนิดนึง”
มือทั้งสองแตะเข้าที่กล้ามเนื้อสีแดงเต็มๆ ควันสีขาวพวยพุ่งขึ้นมาทันที สัมผัสอันร้อนระอุทำให้หัวหน้าหมู่คนเก่งรีบชักมือกลับกระโดดเหยงๆ “ร้อนๆ”
ประสบการณ์ดังกล่าวไม่ได้สร้างความหวาดกลัวให้กับเธอเลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามเธอกลับมองมือที่แดงก่ำทั้งสองข้างอย่างลิงโลดปากก็พร่ำพูด “เนื้อที่ไม่มีผิวหนังหุ้มมันร้อนสุดๆไปเลย”
น้ำเสียงตื่นเต้นอย่างสุดระงับก่อนหันกลับไปทางเด็กหนุ่มที่ยืนตกตะลึงอ้าปากค้างกับท่าทางอันวิปริตผิดไปจากคนอื่นของเธอ “แล้วเอเลนไม่ร้อนบ้างเลยเหรอ แล้วพวกข้อต่อกระดูกล่ะเป็นยังไง เหมือนของคนปรกติไหม”
ฮันซี่ปล่อยคำถามออกมาเป็นชุดนั่นเองที่ทำให้เอเลนได้สติ เขามองมือข้างขวาที่เชื่อมติดกับเนื้อของไททัน
“ใช่แล้วถ้าเรารีบดึงแขนออกมาละก็”
เด็กหนุ่มออกแรงดึงจนสุดกำลังเพราะแม้จะมีเพียงแค่มือเท่านั้นแต่การเชื่อมของติดของไททันเหนียวยิ่งกว่ากาว การกระทำดังกล่าวสร้างความตื่นตกใจให้กับรุ่นพี่เป็นอย่างมาก ออรูโอ้ยกดาบขึ้นพร้อมกับตะโกน
“นั่นแกจะทำอะไร!”
เอเลนไม่ตอบ เขาไม่มีเวลามาตอบคำถามโง่ๆของรุ่นพี่เพราะตอนนี้สิ่งเดียวที่ควรทำให้เร็วที่สุดคือดึงร่างกายให้หลุดจากไททันไม่เช่นนั้นมันจะขยายตัวมากไปกว่านี้ คิดพลางรวบรวมพลังทั้งหมดอีกครั้งสูดลมหายใจเข้าไปจนเต็มปอดดึงมือสุดแรง
คว่ากกก!!!
เนื้อที่เชื่อมกับมือของเอเลนฉีกออกปล่อยร่างเด็กหนุ่มร่วงลงไปกระแทกพื้น รีไวขยับเข้าไปหาด้วยความเป็นห่วงส่วนฮันซี่พอเห็นไอร้อนอันเกิดจากการสลายตัวของไททัน เธอจึงยกมือขึ้นกุมศีรษะทั้งสองข้างพร้อมกับโวย
“เดี๋ยวสิเอเลน ใจร้อนเกินไปแล้ว” คำพูดค้างไว้แค่นั้นเมื่อดวงตาอยากรู้อยากเห็นมองไปยังมือของไททันพอเห็นสิ่งที่อยู่บนปลายนิ้วมหึมาแขนทั้งสองก็ลดลง เธออุทานอย่างนึกเอะใจ “เอ๋!”
เอเลนที่หลุดจากไททันลงไปนั่งคว่ำหน้าค่อยๆดันตัวให้ลุกขึ้น เขาเหลือบตาดูมือข้างขวาและปวดใจลึกๆเมื่อพบว่ารอยกัดหายไปหมดแล้ว มันหมายความว่ายังไง เขาเป็นตัวประหลาดเป็นศัตรูของมนุษยชาติจริงๆอย่างนั้นหรือ
น้ำตาเอ่อล้นคลอเบ้าเอเลนจึงใช้เปลือกตากั้นมันเอาไว้ไม่ให้ไหลรินออกมา เสียงฝีเท้าของใครบางคนที่เดินมาหยุดยืนข้างตัวทำให้เขาเงยหน้าขึ้นมอง พอเห็นว่าเป็นใครเท่านั้นหัวอกของเด็กหนุ่มก็สะอื้นไห้ น้ำตารื้นกลับขึ้นมาอีกครั้ง
“หัวหน้า” เรียกเสียงแผ่วจนแทบไม่หลุดจากปาก เวลานี้เขาไม่ต้องการสิ่งใดทั้งนั้นนอกจากอ้อมแขนอันแข็งแกร่งของผู้ชายคนนี้ รีไวมองเด็กหนุ่มด้วยความเป็นห่วง ทั้งที่อยากจะดึงขึ้นมากอด อยากจุมพิตเพื่อปลอบขวัญแต่สายตาของลูกน้องที่จ้องตรงมาที่เด็กหนุ่มทำให้จำต้องระงับความปรารถนาทั้งหมด สิ่งที่ทำได้ในเวลานี้จึงมีเพียง
“รู้สึกยังไงบ้างล่ะ”
หัวใจของเอเลนแห้งเหี่ยวลง ความคาดหวังอันแสนหวานที่วาดไว้เมื่อครู่พังทลายไม่มีชิ้นดี เขาตีความประโยคดังกล่าวว่าเป็นเพียงคำถามที่ปราศจากเยื่อใย เด็กหนุ่มก้มหน้าหอบหายใจอย่างเหนื่อยอ่อนก่อนตอบ
“ไม่ดีเลยครับ”
*/*/*/*/*/*
ความคิดเห็น