ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [fic Attack on Titan] My Spy ฉันขอหัวใจของนายนะ (รีไวxเอเลน)

    ลำดับตอนที่ #9 : 9

    • อัปเดตล่าสุด 3 พ.ค. 57



     มือสกปรกอุดปากเอเลนเอาไว้ทันที

    หุบปาก!”

    ชายชั่วตะคอกพร้อมกับใช้มือข้างที่เหลือฉีกกระชากเสื้อของเด็กหนุ่มอย่างบ้าคลั่ง และตาลุกวาวเมื่อเห็นผิวสีขาวอมชมพูกระจ่างชัดภายใต้แสงไฟ

    ผิวสวยจัง นี่แกเป็นผู้ชายจริงๆเหรอไอ้หนู พูดพลางลูบไล้ไปตามเรือนร่างอย่างกระหาย และยิ้มอย่างชั่วร้ายเมื่อเห็นน้ำตาของเอเลนไหลพราก ไม่เอาน่า ยังไม่ถึงตอนเจ็บสักหน่อย

    มันพูดพร้อมกับก้มหน้าลงหมายลิ้มรสความหวานนุ่มของผิวเนื้อ แต่กลับหยุดค้างกลางคันเมื่อถูกฝ่าเท้าของใครบางคนยันหน้าเอาไว้  

    ขอโทษที่เข้ามาขัดจังหวะ เสียงทุ้มของรีไวดังขึ้น พออีกฝ่ายขยับเขาก็เหวี่ยงขาเตะเข้าที่หน้าอย่างแรงจนเจ้าคนตัวใหญ่หงายหลัง มันรีบลุกนั่งและใช้มือกุมปากตัวเองเอาไว้ แต่พอเห็นเลือดกับฟันที่กระเด็นออกมา คนสามานย์ก็แผดเสียงสนั่นลั่นตรอก

    ไม่เอาน่า ยังไม่ถึงตอนเจ็บสักหน่อย รีไวพูดพลางเดินไปหยุดตรงหน้า พอเห็นว่าเขาหันหลังให้ วายร้ายสองคนที่เหลือจึงพุ่งเข้าใส่พร้อมกัน และกลับกลายเป็นว่าทั้งคู่เหวี่ยงกำปั้นใส่ลม เพราะจู่ๆคนตัวเล็กกว่าก็หายวับไป

    มันหายไปไหนวะ คนหนึ่งร้องถามแต่ยังไม่ทันจบประโยคก็โดนหมัดเสยเข้าปลายคาง ยังไม่ทันล้มก็โดนเท้าของรีไวฟาดปากซ้ำอีกครั้ง มันเลยหลับสนิทตั้งแต่ร่างยังไม่กระทบพื้น

    แก!” คนที่เหลือคำรามลั่นด้วยความโกรธ แต่ยังไม่ทันได้ขยับก็โดนรีไวกระหน่ำทั้งมือและเท้าเข้าใส่ไม่ยั้ง จนร่วงตามเพื่อนไปอีกคน พอกำจัดลูกกะโล่ไปหมดแล้ว ชายหนุ่มก็หันไปที่ตัวหัวหน้าทันที มันสะดุ้งเฮือกและโบกมือเป็นพัลวัน

    ด...เดี๋ยวก่อน ค่อยๆพูดค่อยๆจากันก็ได้

    รีไวไม่ตอบแต่กลับเดินดุ่มๆเข้าไปหาด้วยสีหน้าที่ทำให้คนเห็นกลัวจนฉี่ราด เจ้าคนชั่วพยายามถดตัวหนีอย่างลนลานและรีบยกมือขึ้นป้องพร้อมกับร้องอย่างหวาดกลัว

    อย่าทำอะไรผมเลยครับ ผมแค่ทำตามคำสั่งเท่านั้น ถ้าคุณอยากได้เจ้าเด็กนั่นก็เอาไปได้เลย ผมยกให้

    คิ้วของรีไวขมวดเข้าหากัน มือคว้าคอเสื้อของอีกฝ่ายกระชากเข้าหาตัว

    หมายความว่ายังไง

    อะไรหรือครับ อีกฝ่ายถามเสียงสั่น รีไวจึงตะคอกถาม

    ที่ว่าทำตามคำสั่ง นิ้วทั้งห้าเลื่อนไปกุมรอบคอและเริ่มออกแรงเค้น บอกฉันมาเดี๋ยวนี้ว่ามันเป็นใคร

    ผ...ผมไม่รู้ครับ เขาซ่อนอยู่ในเงามืด เจ้าคนชั่วตอบด้วยใบหน้านองน้ำตา เขาสั่งให้พวกเราจัดการกับเด็กคนนี้ครับ

    รีไวบดกรามแน่น แสดงว่าคนร้ายตามดูทีมของเขาทุกฝีก้าวและคงหาวิธีกำจัดทุกทาง ซึ่งรวมถึงสังหารทุกคนที่อยู่ใกล้ตัว คิดพลางเหลือบตาไปทางเอเลนที่ตอนนี้หนีไปซุกตัวอยู่ข้างถังขยะด้วยความป็นห่วงวก่อนตวัดกลับมายังชายชั่วอีกครั้ง

    มีอีกเรื่องที่แกควรรู้ พูดพลางเงื้อหมัดขึ้น เจ้าหนูนี่เป็นของฉัน

    กำปั้นฟาดเปรี้ยงลงไปที่กรามอย่างแรงจนคนชกได้ยินเสียงเป๊าะเบาๆเหมือนกิ่งไม้หัก พอปล่อยมือ ชายร่างยักษ์ก็ร่วงไปกองกับพื้นดุจแมงกะพรุน พอจัดการทุกคนเสร็จแล้วชายหนุ่มจึงเดินไปหาเอเลน ซึ่งกำลังนั่งตัวสั่นและซุกหน้ากับเข่าของตัวเอง

    ไอ้หนู รีไวเรียกด้วยเสียงที่ฟังดูดีกว่าทุกครั้ง พอเห็นเด็กหนุ่มยังคงนั่งตัวสั่นไม่ยอมหันมามองหน้า เขาจึงยื่นมือไปแตะไหล่เบาๆ เฮ้ เจ้าหนูนี่ฉันเอง

    เอเลนหันมามอง พอเห็นว่าเป็นรีไว เด็กหนุ่มก็ผวาเข้าไปกอดพร้อมกับร้องไห้โฮ

    คุณรีไว เขาเรียกพลางซุกหน้าลงกับอก และพร่ำพูดซ้ำอย่างเสียขวัญ คุณรีไว

    ใช่ ฉันเอง ชายหนุ่มพูดพลางกอดร่างผอมบางแน่นพร้อมกับปลอบเบาๆ ไม่เป็นไรนะ เธอปลอดภัยแล้ว

    เอเลนพยักหน้าแต่ยังคงร่ำไห้ไม่หยุด มือยึดเสื้อของรีไวแน่นเหมือนไม่อยากให้เขาหนีไปไหน เอฟบีไอหนุ่มจึงจำต้องนั่งปลอบประโลมอยู่ครู่ใหญ่ พอเห็นว่าเด็กหนุ่มสงบจิตใจลงได้ เขาจึงพูด

    ฉันจะพาเธอไปส่งบ้าน เขามองหน้าที่ยังมีแววตระหนกของเอเลน ลุกไหวหรือเปล่า

    ค...ครับ เด็กหนุ่มตอบเสียงแผ่วพร้อมกับพยายามลุกขึ้น แต่ขาทั้งสองข้างกลับอ่อนปวกเปียกจนไม่สามารถทรงตัวอยู่ได้ เอเลนจึงทรุดฮวบลงไปนั่งกองกับพื้น

    ไม่ไหว ขาผมไม่มีแรงเลยครับ เด็กหนุ่มบอกเสียงแห้งพร้อมกับทำหน้าสำนึกผิดเมื่อเห็นรีไวส่ายหน้า ขอโทษครับ คุณทิ้งผะ.....อ๊า จะทำอะไรครับคุณรีไว!”

    เอเลนร้องลั่นเมื่อชายหนุ่มช้อนตัวเขาขึ้น อีกฝ่ายขมวดคิ้ว

    “อุ้มนายไง”

    ต...แต่ว่า เด็กหนุ่มพูดตะกุกตะกักพร้อมกับพยายามดิ้นให้หลุดจากอ้อมแขน แต่รีไวกลับกระชับแน่นขึ้น

    อยู่เฉยๆได้รึเปล่า ชายหนุ่มพูดเสียงเข้ม พอเอเลนหยุดดิ้นแล้วเขาจึงสั่ง ถ้าไม่อยากลงไปนอนกับพื้นก็กอดคอฉันเอาไว้

    เด็กหนุ่มโอบแขนรอบคอด้วยท่าทางขัดเขินและพยายามซุกหน้าเข้ากับลำตัวของรีไว พอได้ยินเสียงหัวใจที่กำลังเต้นเป็นจังหวะภายใต้แผ่นอกอันอบอุ่นแล้ว ใบหน้าของเอเลนก็ร้อนผ่าว เด็กหนุ่มเหลือบตาขึ้นมองคนอุ้ม แต่ดูเหมือนเขาจะไม่สนใจคนในอ้อมแขนเลยสักนิดนอกจากจะเดินไปเรื่อยๆ เมื่อไม่รู้ว่าควรทำตัวยังไงเอเลนจึงพยายามหาเรื่องคุยเพื่อทำลายความเงียบแต่นึกเท่าไหร่ก็คิดไม่ออกว่าจะพูดอะไรดี สุดท้ายเลยเอ่ยปากถามเบาๆ    

    อะ...เอ้อ ตัวผมหนักไปหรือเปล่าครับ

    หนักสิ หนักมากด้วย

    รีไวตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบค่อนไปทางดุ เด็กหนุ่มจึงจำต้องหุบปากเงียบและมองทาง

    คุณจะไปไหนหรือครับ

    พานายกลับบ้าน

    แต่นี่มันทางไปบ้านคุณไม่ใช่เหรอครับ เอเลนแย้ง และหยุดคำพูดไว้แค่นั้นเมื่อเห็นสายตาของรีไว

    ก็ไม่ได้บอกนี่ว่าจะพาไปบ้านนาย

    เขายุติการสนทนาไว้แค่นั้นและเดินต่อไปจนถึงห้องพัก พอวางเอเลนลงบนเตียงแล้วก็เดินหยิบผ้าขนหนู มาห่อน้ำแข็งจากนั้นก็นำมาประคบที่หน้าของเอเลน พอเห็นเด็กหนุ่มถอยหนีเขาก็ดุ

    อยู่นิ่งๆสิจ้าหนู

    แต่มันเย็นนะครับ

    ก็เพราะมันเย็นน่ะสิฉันถึงได้เอามาประคบ ถ้าไม่อยากให้หน้าสวยๆบวมมากไปกว่านี้ก็นอนนิ่งๆ ไม่อย่างนั้นฉันจะมัดนายเอาไว้กับเตียง

    ครับ เอเลนรับคำเสียงอ่อย ความจริงแล้วคุณน่าจะพาผมไปส่งบ้านมากกว่า จะได้ไม่ต้องมาวุ่นวายแบบนี้

    คิดหรือเปล่าว่าจะเป็นยังไง ถ้ามิคาสะเห็นนายในสภาพนี้ รีไวเตือน พอเห็นเด็กหนุ่มทำหน้าม่อยก็พูดต่อ ฉันเจอเรื่องพวกนี้เป็นประจำ ไม่วุ่นวายอะไรหรอก อีกอย่าง...

    เขาหยุดพูดพลางแนบน้ำแข็งอย่างเบามือ

    ที่นายเป็นแบบนี้ก็เพราะฉัน เพราะฉะนั้นฉันจึงต้องรับผิดชอบ

    สีหน้าสำนึกผิดของคนตรงหน้าทำให้หัวใจของเอเลนเต้นแรง

    “คุณไม่ได้ทำผิดอะไรนี่ครับ”

    “ผิดสิ ผิดที่ฉันใช้คำพูดแบบนั้น ทำให้นายเสียใจจนวิ่งออกไปเจอกับอันตราย” เขาเลื่อนน้ำแข็งไปตามรอยช้ำบนแก้ม “แต่ที่ทำไปเพราะไม่อยากให้นายเข้ามาเกี่ยวข้องกับฉันมากไปกว่านี้”

    “ทำไมล่ะครับ” เอเลนถามด้วยใบหน้าเศร้า “หรือว่าคุณเกลียดผม”

    รีไวถอนใจค่อนข้างแรงและพูดพึมพำ “ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดีน่ะสิ”

    “อะไรนะครับ”

    “เปล่า ไม่มีอะไรหรอก” ชายหนุ่มรีบปฏิเสธก่อนลุกขึ้นเดินออกจากห้อง และกลับเข้ามาอีกครั้งพร้อมอ่างน้ำกับผ้าเช็ดตัวผืนเล็ก “ถอดกางเกงออกด้วย”

    “หา!” เอเลนร้องและมองรีไวที่กำลังเปิดตู้เสื้อผ้า “ถอดทำไมครับ”

    “หรือนายจะนอนทั้งแบบนั้น” ชายหนุ่มตอบพลางจ้องชุดของเด็กหนุ่มที่ขาดวิ่นจนไม่มีชิ้นดีพร้อมกับโยนเสื้อผ้าชุดใหม่ลงบนเตียง

    “ต...แต่ผม”

    “จะถอดเองหรือให้ฉันแก้ให้” อีกฝ่ายถามเสียงเรียบแถมยังโน้มตัวลงไปหา เอเลนรีบส่ายหน้าและร้องลั่น

    “ผมถอดเองได้ครับ”

    พูดพลางปลดเสื้อออกจากตัวแต่พอจะถอดกางเกง เด็กหนุ่มก็นิ่วหน้าและอุทานออกมาเบาๆ

    “โอ๊ย!

    เสียงร้องทำให้รีไวหันมามองทันทีและขมวดคิ้วเมื่อเห็นรอยช้ำบริเวณท้องน้อย

    “นายโดนชกด้วยเหรอ”

    “ครับ” เด็กหนามรับคำและอุทานออกมาอีกครั้งเมื่อชายหนุ่มวางผ้าชุบน้ำบนหน้าท้อง “จ...จะทำอะไรครับ”

    “ประคบ” รีไวตอบสั้นๆพร้อมกับเริ่มปลดตะขอกางเกง เอเลนตะครุบมือเขาไว้ทันที

    “กางเกงผมไม่ได้ขาด ไม่ต้องถอดก็ได้มั้งครับ”

    “แต่มันสกปรก” รีไวพูดเสียงขุ่น ส่วนมือยังป้วนเปี้ยนอยู่แถวกางเกง “ถอดออกมาก่อนที่ที่นอนของฉันจะเปื้อน”

    “ทราบแล้วครับ” เด็กหนุ่มร้อง “ช่วยเอามือของคุณออกไปก่อนได้ไหมครับคุณรีไว”

    รีไวทำหน้าเสียดายแต่ก็ยอมปล่อยมือตามคำขอ กระนั้นก็ยังคงมองเอเลนไม่วางตาจนเด็กหนุ่มต้องชะงักมือกำลังรูดกางเกง

    “ช่วยหันหน้าไปทางอื่นก่อนได้ไหมครับ”

    “ทำไมล่ะ ผู้ชายเหมือนกันไม่เห็นจะต้องอายเลยนี่นา”

    ผู้ชายด้วยกันนี่แหละที่ไว้ใจไม่ได้ เด็กหนุ่มคิดด้วยใบหน้าแดงก่ำและมองอีกฝ่ายอย่างไม่ไว้ใจ รีไวอมยิ้มอย่างรู้ทัน

    “ไม่ต้องห่วง ฉันยังไม่ทำอะไรนายหรอก”

    “ที่ว่า ยัง นี่หมายถึงอะไรกันครับ” เอเลนถามพร้อมกับถอยไปจนติดหัวเตียง เอฟบีไอหนุ่มมองอย่างนึกขำแต่ยังแกล้งขมวดคิ้ว

    “ยังก็คือยังน่ะสิ” เขาพูดด้วยท่าทางรำคาญเต็มแก่ “อย่ามัวแต่ตั้งคำถาม แก้ผ้าเร็วๆฉันจะเช็ดตัวให้”

    “ไม่ต้องก็ได้ครับ”

    “หุบปากและทำตามที่ฉันสั่ง ไม่อย่างนั้น” ชายหนุ่มจ้องด้วยดวงตาวาววับราวกับฆาตกร เอเลนจึงจำต้องปลดตะขอและรูดกางเกงออกจากตัว พอถอดเสื้อผ้าเสร็จรีไวก็โยนผ้าเช็ดตัวให้

    “นุ่งซะ” เขาพูดสั้นๆพลางหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กจุ่มน้ำและบิดจนหมาด จากนั้นก็เชยคางเด็กหนุ่มขึ้นและเช็ดใบหน้าอย่างเบามือ เพราะกลัวจะเผลอไปโดนส่วนที่ช้ำเข้า

    “เจ็บก็บอกนะ” รีไวพูดเพลางเช็ดไปตามลำคอ ไล่เรื่อยไปบนอก ลำตัวและหน้าท้อง แต่พอเผลอไปโดนรอยช้ำ เอเลนก็สะดุ้งเฮือกพร้อมกับสูดปากเบาๆ เขาหยุดมือทันที

    “เจ็บเหรอ”

    “ครับ” เด็กหนุ่มยอมรับตามตรง รีไวพยักหน้าและเช็ดตัวให้อีกครั้ง แต่ระมัดระวังมากกว่าเดิม กิริยาอันนุ่มนวลผิดไปจากทุกครั้ง สร้างความแปลกใจต่อเอเลนเป็นอย่างมาก เพราะปรกติแล้วคนตรงหน้ามักใช้คำพูดกระด้าง ไม่สนใจความรู้สึกของคนอื่น แถมบางครั้งยังมีท่าทางที่หยาบคายอีกต่างหาก แต่ตอนนี้กลับดูผิดไปจากเคย แม้จะใช้คำพูดกวนโทสะ แต่เขากลับดูอ่อนโยนเอาใจใส่ การเช็ดตัวก็ทำอย่างนุ่มละมุน สัมผัสของผ้าที่ไล้เลื่อนไปตามร่างแต่ละครั้งทำให้ร้อนวูบวาบไปทั้งตัว

    เอเลนเหลือบตามองรีไว ใบหน้าขรึมดุของเขามีร่องรอยของความกังวลแฝงไว้จางๆ หรือว่าผู้ชายคนนี้กำลังเป็นห่วงเรา พอคิดแบบนั้นใบหน้าของเด็กหนุ่มก็ร้อนผ่าว ใจเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกจากอก 

    “เป็นอะไรหรือเปล่า” เสียงทุ้มเอ่ยถาม เอเลนสะดุ้งสุดตัวและรีบตอบจนลิ้นแทบจะพันกัน

    “ม...ไม่เป็นอะไรครับ”

    “แต่นายหน้าแดง” รีไวพูดพลางใช้หลังมือแตะหน้าผากของเด็กหนุ่มเบาๆ “ดูเหมือนจะมีไข้ด้วย”

    เขาโยนชุดนอนให้ “ใส่ซะ” สั่งสั้นๆแค่นั้นก็ถืออ่างน้ำออกจากห้อง และกลับมาอีกครั้งพร้อมแก้วน้ำกับยาสองเม็ด

    “กินซะ”

    “อะไรเหรอครับ”

    “ยาปลุกอารมณ์มั้ง” รีไวพูดหน้าตาย มือที่กำลังยื่นมารับหดกลับทันที “ฉันล้อเล่น ยาแก้ไข้น่ะ” ชายหนุ่มพูดและแอบหัวเราะในใจเมื่อเห็นเด็กหนุ่มมีสีหน้าลังเล “เอ้า!หยิบไปสักทีสิ หรือจะให้ฉันป้อน”

    เอเลนคว้ายาสองเม็ดใส่ปากและดื่มน้ำตามเพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะเป็นคนลงมือซึ่งแน่นอนว่าต้องไม่ใช่การกระทำที่นุ่มนวลอย่างเมื่อครู่แน่

    “ทีนี้ก็นอนได้แล้ว” เอฟบีไอหนุ่มสั่งพร้อมกับจ้องด้วยสายตาที่บ่งบอกอย่างชัดเจนว่า ถ้าไม่ทำตามนายโดนฉันกดลงไปกับที่นอนแน่ เอเลนจึงรีบล้มตัวลงนอนทันที รีไวยิ้มมุมปากและคลี่ผ้าห่มคลุมให้ เสร็จแล้วก็เริ่มปลดกระดุมเสื้อของตัวเอง พอเห็นแบบนั้นเด็กหนุ่มก็ร้องลั่น

    “ค...คุณจะทำอะไรหรือครับ”

    “ฉันจะอาบน้ำ” รีไวตอบด้วยใบหน้านิ่ง แต่เอเลนแน่ใจว่าดวงตาเรียวสีเข้มคู่นั้นฉายความเจ้าเล่ห์ออกมาวูบหนึ่งก่อนที่เจ้าตัวจะเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ เด็กหนุ่มจึงอาศัยช่วงจังหวะนั้นสำรวจห้องของชายหนุ่ม เพราะครั้งแรกที่มาเขามัวแต่ยุ่งอยู่กับการดูแลคนป่วยจนไม่มีเวลาได้ดูอะไร

    กวาดตาผ่านไปรอบแรก เอเลนต้องยอมรับกับตัวเองว่าผู้ชายคนนี้เป็นคนจำพวก รักความสะอาด เพราะทั้งห้องสะอาดเรี่ยมเหมือนเพิ่งได้รับการเช็ดถูมาใหม่ๆ โต๊ะทำงาน ชั้นที่มีหนังสือเรียงจนเต็ม ได้รับการจัดอย่างมีระเบียบ ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆวางแยกเป็นกลุ่มเพื่อสะดวกกับการใช้งาน

    ไม่ใช่แค่ข้าวของในห้องเท่านั้น กระทั่งเตียงที่นอนอยู่ก็สะอาดหมดจด หมอนก็นุ่มกำลังดี ผ้าห่มก็หอมกลิ่นอ่อนๆเหมือนเพิ่งซักมา คิดพลางสูดลมหายใจเข้าและหลับตาลง ไม่ใช้แค่กลิ่นของน้ำยาซักผ้า ยังมีกลิ่นหอมของรีไวอีกด้วย เด็กหนุ่มหวนนึกถึงตอนโดนอุ้มแล้วเผลอยิ้มออกมา มันช่างอบอุ่นเหมือนความรู้สึกในตอนนี้เลย

    เอเลนยิ้มอย่างมีความสุขและพยายามเปิดตาขึ้นมองคนที่กำลังเดินเข้ามาในห้อง แต่ยาที่กินเข้าไปเริ่มออกฤทธิ์ทำให้ง่วงงุนจึงเห็นชายหนุ่มเป็นเพียงเงาพร่าเลือน กระนั้นเขายังรู้สึกถึงความอ่อนโยนที่สัมผัสบนหน้าผากพร้อมคำพูดแว่วๆว่า ราตรีสวัสดิ์ เด็กหนุ่มจึงพึมพำตอบ

    “ราตรีสวัสดิ์ครับ คุณรีไว”

      

    */*/*/*/*

        

     

     Song for the reluctant heroes

    Oh Give me your strength

    Our life is so short

    Song for the reluctant heroes

    I wanna be brave like you

    From my heart

     

    Song for the reluctant heroes

    Oh Give me your strength

    Our life is so short

    Song for the reluctant heroes

    I wanna be brave like you.....

        

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×