ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [fic Attack on Titan] My Spy ฉันขอหัวใจของนายนะ (รีไวxเอเลน)

    ลำดับตอนที่ #12 : 12

    • อัปเดตล่าสุด 6 พ.ค. 57



                เสียงปืนลั่นพร้อมกันถึงสองนัด นัดแรกเจาะเข้าไปในอกของไรเนอร์ ระเบิดหัวใจจนฉีกเป็นชิ้น เขาล้มลงสิ้นใจทันที ส่วนอีกนัดวิ่งผ่านร่างเอลวินที่พุ่งเข้าไปขวาง เขาร้องออกมาคำหนึ่งก่อนล้มลงนอนแน่นิ่งแทบเท้าของเอเลน

    “คุณเอลวิน!” เด็กหนุ่มร้องเรียกด้วยความตกใจและคุกเข่าลงไปประคอง “คุณเอลวินครับ”

    “เอลวิน!” แจนเรียกด้วยน้ำเสียงตระหนกพร้อมกับวิ่งเข้ามา ตามด้วยเพตร้าและรีไว เขาเก็บปืนเข้าซองและรีบตรวจบาดแผลอย่างร้อนรน

    “ฉันยังไม่ตายน่ะ”

    เอลวินบอกเสียงแผ่วพลางยกไหล่ข้างซ้ายให้ดู รีไวถอนใจออกมาอย่างโล่งอกก่อนหันไปออกคำสั่ง

    กับเพตร้า

    “เรียกพยาบาลด่วน บอกว่าเจ้าหน้าที่ถูกยิง” เขาหันไปทางแจน “ติดต่อขอกำลังเสริมด้วย”

    สั่งเสร็จหันกลับไปดูเอลวินอีกครั้งและพบว่าเขากำลังปลอบเอเลนไม่ให้ขวัญเสีย สีหน้าอ่อนโยน

    กับมือที่แตะแก้มอย่างทะนุถนอมทำให้ชายหนุ่มบังเกิดความรู้สึกเจ็บแปลบในใจ ข้อสงสัยเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างหัวหน้าทีมกับเด็กหนุ่มหวนกลับเข้ามาอีกครั้ง รีไวบดกรามแน่นก่อนหลุดปากโพล่งออกมา

                “นายมานี่ได้ยังไง”

                “ผมได้ยินคุณฮันซี่กับคุณโคนี่คุยกันครับ”

    “เตือนแล้วใช่ไหมว่าให้อยู่แต่ในบ้าน” เขาพูดเสียงกระด้าง เอเลนมองด้วยสายตาสำนึกผิด

    “ขอโทษครับ” เสียงอ่อยลง “แต่ผมเป็นห่วง”

    “รู้หรือเปล่าว่าที่นายพุ่งเข้ามาแบบนี้มันทำให้เจ้าหน้าที่เป็นอันตราย” รีไวแทรกด้วยน้ำเสียงห้วน

    และหันไปทางฮันซี่ที่วิ่งเข้ามาหา

                “อยู่นี่เอง” เธอพูดพร้อมกับหอบหายใจ “ให้ตายสิ นึกยังไงจู่ๆถึงได้วิ่งออกมาแบบนี้” หญิงสาวหันไปบ่นกับเอเลนแต่รีไวกลับพูดอย่างไม่สบอารมณ์

                “มันน่าจะโทษความเลินเล่อของเธอมากกว่า มีเอฟบีไออยู่ด้วยถึงสองคน แต่ดันปล่อยให้เจ้าหนูนี่หนีออกมาได้”

                “ฉันคิดไม่ถึงว่าเขาจะทำแบบนั้นน่ะสิ ให้ตายเถอะ! ทั้งที่บอกให้ฟังแล้วแท้ๆว่าอันตรายก็ไม่ยอมเชื่อแถมยังหนีออกมาอีก รู้หรือเปล่าว่ามิคาสะกับอาร์มินเป็นห่วงมากแค่ไหน”

                “ขอโทษครับ” เอเลนตอบพร้อมกับก้มหน้าลง มือกำเสื้อของเอลวินแน่นด้วยความรู้สึกทั้งเสียใจและน้อยใจ

                “อย่าดุเอเลนกันนักเลย เขาไม่เป็นไรก็ดีแล้วนี่นา ใช่ไหม” คำสุดท้ายหันไปพูดกับเด็กหนุ่ม เอเลนพยักหน้าช้าๆ

    “ครับ”

    รีไวมองท่าทางของคนทั้งสองอย่างนึกขัดใจ และอยากจะประชดอะไรอีกสองสามคำแต่เปลี่ยนใจเมื่อเห็นแสงวาบวับของรถพยาบาล และเจ้าหน้าที่กู้ชีพสองคนกำลังถือเปลฉุกเฉินวิ่งตรงเข้ามา ชายหนุ่มจึงคว้าคอเสื้อเอเลน

    “หลบหน่อย”

    เขาพูดสั้นๆและยืนรอจนเจ้าหน้าที่นำตัวเอลวินขึ้นไปบนรถแล้วจึงคลายมือจากเอเลน “ไม่ตามไปเหรอ” เขาถาม เด็กหนุ่มส่ายหน้า

    “ไม่ดีกว่าครับ”

    “ทำไมล่ะ เป็นห่วงไม่ใช่เรอะ” ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมตัวเองถึงพูดแบบนั้นออกไป แต่พอเห็นสีหน้าของเอเลนแล้วชายหนุ่มกลับใจหายเพราะมันฉายความน้อยใจออกมาจางๆ

    “ถ้าคุณต้องการแบบนั้น” พูดจบก็ก้าวฉับๆขึ้นไปนั่งข้างเอลวิน ฮันซี่จึงวิ่งตามไปบอกเจ้าหน้าที่ว่าทั้งสองคนเป็นญาติกัน พอรถวิ่งออกไปแล้วเธอก็หันไปแฮ่ใส่รีไวทันที

    “นึกบ้าอะไรถึงพูดออกไปแบบนั้น รู้หรือเปล่าว่าเอเลนเขาห่วงนายแค่ไหน”

    “งั้นเหรอ” ชายหนุ่มตอบด้วยสีหน้าเฉยชาก่อนหมุนตัวเดินไปที่ร่างไร้วิญญาณของไรเนอร์ ฮันซี่รีบก้าวตาม

    “ฉันยังพูดไม่จบเลยนะ”

    “นี่ไม่ใช่เวลามาพล่ามเรื่องไร้สาระ” ชายหนุ่มพูดพลางมองเจ้าหน้าที่หน่วยพิสูจน์หลักฐานที่กำลังตรวจสภาพที่เกิดเหตุ “เธอเองก็น่าจะดูด้วย”

    พูดพร้อมกับส่งสายตาไปยังร่างที่นอนคว่ำหน้าจมกองเลือด ฮันซี่นั่งลงและมองศพอย่างพิจารณา

    “สาเหตุการตายล่ะ” หญิงสาวถามแพทย์ชันสูตร เขาพลิกร่างให้นอนหงายและชี้ไปที่อก

    “โดนยิงสองนัดครับ นัดแรกที่หัวใจ ส่วนนัดที่สอง” เขายกหัวของไรเนอร์ขึ้นและชี้รูเล็กๆใต้ท้ายทอย “เจาะเข้าไปในหัว”

    “ว่าไงนะ” รีไวพูดและย่อตัวลงไปดู “ฉันจำได้ว่ายิงไปแค่นัดเดียว”

    “จากขนาดของแผล คิดว่าน่าจะเป็นกระสุนจากปืนคนละชนิด” ฮันซี่พูดหลังจากตรวจรอยแผลคร่าวๆ “แต่ต้องเอาไปตรวจให้แน่ชัดอีกทีว่าเป็นปืนแบบไหน”

    รีไวนิ่งคิดและยืนขึ้นมองไปรอบๆ

    “กระสุนนัดที่สองถูกยิงเข้าท้ายทอย แสดงว่าคนยิงจะต้องซุ่มอยู่แถวนั้น” เขาชี้ไปยังมุมมืดของตึก ฮันซี่มองตามและใช้มือจับคางของตัวเองเหมือนใช้ความคิด แต่แล้วจู่ๆก็เดินออกไป

    “นั่นเธอจะไปไหน”

    “หาร่องรอยของคนร้ายกับปลอกกระสุน” หญิงสาวตอบทั้งที่ยังคงเดินดุ่มไปแบบนั้น รีไวรีบก้าวตามด้วยความเป็นห่วง

    “ให้ตายเถอะ ทำไมไม่รอเจ้าหน้าที่พิสูจน์”

    “มันเสียเวลา” ฮันซี่พูดพลางดึงไฟฉายออกจากกระเป๋าและส่องไปรอบๆ “ฉันลองคำนวณจากสภาพของบาดแผล คิดว่าระยะการยิงน่าจะอยู่ในราว 8-10 เมตร”

    พูดพลางก้มๆเงยๆอยู่แถวลังไม้ที่กองสูงท่วมหัว “เจอแล้ว!” เธอใช้ผ้าเช็ดหน้าหยิบวัตถุบางอย่างขึ้นมาจากพื้น “ปลอกกระสุน ยังอุ่นๆอยู่เลยด้วย”

    น้ำเสียงลิงโลดด้วยความดีใจและรีบโบกมือเรียกให้เจ้าหน้าที่นำหลักฐานที่เจอใส่ถุงพลาสติก เสร็จแล้วก็เตรียมเดินออกจากที่นั่นแต่พอรีไวไม่ตามมาด้วยหญิงสาวก็หันไปถาม

    “มีอะไรเหรอ”

    “นิดหน่อย” ชายหนุ่มตอบพลางหยิบอะไรบางอย่างยัดใส่กระเป๋า ฮันซี่มองด้วยความอยากรู้

    “อะไรน่ะ”

    “ขยะ” รีไวพูดสั้นๆ หญิงสาวนิ่วหน้า

    “คิดว่าฉันจะเชื่อเหรอ” เธอถามพอเห็นอีกฝ่ายเดินออกไปโดยไม่พูดอะไร ก็รีบก้าวตามพร้อมกับซัก “บอกหน่อยน่าว่ามันคืออะไร เกี่ยวข้องกับคนยิงไรเนอร์หรือเปล่า ถ้าใช่ทำไมไม่เก็บในซองให้เรียบร้อย ยัดใส่กระเป๋าแบบนี้หลักฐานก็เสียหายหมดน่ะสิ”

    “พูดจบหรือยัง” ชายหนุ่มถาม แต่ฮันซี่กลับส่ายหน้า

    “ฉันมีเรื่องพูดเยอะ”

    “ถ้าไม่สำคัญก็หุบปากไว้ก่อน” รีไวพูดเสียงเรียบพลางบุ้ยใบ้ไปที่เสาไฟต้นหนึ่ง พอมองตามก็เห็นกล้องขนาดเล็กติดอยู่

    “อะไรน่ะ ของคนร้ายเหรอ” หญิงสาวถาม แต่รีไวไม่ตอบ เขาก้าวยาวๆไปหยุดตรงที่เกิดเหตุซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ย้ายร่างของไรเนอร์ออกไปแล้ว จึงเหลือแค่กองเลือดเท่านั้น

      “รีไว” พอเห็นอีกฝ่ายยืนนิ่งอยู่นาน ฮันซี่จึงเรียก เขามองแจนที่กำลังยืนจดอะไรยุกยิกในสมุดอย่างครุ่นคิดก่อนหันมาที่เธอ

    “มีเรื่องหนึ่งที่เอลวินยังไม่ได้บอกให้พวกนายรู้” เขาพูด “ไรเนอร์ตัวจริงถูกฆ่าตายไปแล้ว”

    ทั้งคู่เบิกตากว้าง

    “ว่าไงนะ” แจนอุทาน “เป็นไปได้ยังไง ถ้าไรเนอร์ตัวจริงตายไปแล้ว แล้วไรเนอร์ที่มาทำงานในเอฟบีไอนี่เป็นใคร”

    “ไปกันที่อื่นเถอะ” รีไวตัดบทและเดินออกไปดื้อๆ ฮันซี่หันไปมองหน้าแจนก่อนวิ่งตาม

    “เดี๋ยวสิรีไว นายจะไม่ไปดูเอลวินหน่อยเหรอ”

    “ไม่จำเป็น” ชายหนุ่มตอบ พร้อมกับเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น เอฟบีไอสาวยิ้มกว้างเพราะรู้ว่าทำไมอีกฝ่ายถึงแสดงอาการแบบนั้นออกมา

    “นายหึงเอเลนใช่ไหม”

    “พูดบ้าอะไรของเธอ” รีไวตอบห้วนๆ แต่ฮันซี่ไม่ยอมหยุดแค่นั้น หญิงสาวรีบเดินไปตีคู่ปากก็จ้อไม่หยุด

    “คนอะไร ห่วงก็ไม่ยอมพูด รักก็ไม่ยอมบอก แต่พอเห็นเขาอยู่กับคนอื่นละก็ทำเป็นหวง แบบนี้สิบปีก็ไม่มีวันได้แอ้มหรอก”

    รีไวหยุดเดินและหันมาคว้าคอเสื้อเธอ

    “พูดพอรึยัง”

    “จ้า จ้า พอแล้วจ้า” ฮันซี่ร้องรับพร้อมกับยกมือในท่ายอมแพ้ ชายหนุ่มจึงปล่อยมือและเดินเข้าไปในร้านกาแฟของเอเลน โคนี่รีบถลันออกมารับส่วนมิคาสะกับอาร์มินลุกจากเก้าอี้ โดยเฉพาะคนแรกพอไม่เห็นเอเลน ก็พุ่งไปหารีไวอย่างร้อนใจ

    “เอเลนล่ะ” เธอถามด้วยน้ำเสียงตระหนก “เกิดอะไรขึ้น ทำไมเอเลนถึงไม่มาด้วย”

    รีไวหันหน้าไปทางอื่น ฮันซี่จึงเป็นคนตอบแทน

    “เอลวินถูกยิงได้รับบาดเจ็บถูกส่งไปโรงพยาบาล เอเลนเลยนั่งไปเป็นเพื่อนน่ะ”

    “งั้นหรอกเหรอ” น้ำเสียงโล่งใจต่างจากอาร์มิน

    “คุณเอลวินถูกยิง” เขาทวนด้วยสีหน้าตระหนก “เป็นไปได้ยังไง ก็เราวางแผนเอาไว้อย่างดีแล้วไม่ใช่เหรอครับ”

    “มันคงเป็นไปตามที่เราวางไว้ถ้าไม่มีเด็กบ้าคนหนึ่งวิ่งเข้าไปขวาง” รีไวหลุดปากอย่างเหลืออด มิคาสะหันไปทำตาวาว

    “เด็กบ้าของนายหมายถึงเอเลนใช่หรือเปล่า”

    “ก็แล้วจะมีใครอีกล่ะ” น้ำเสียงกวนอารมณ์จนคนฟังอยากเอากำปั้นยัดปาก

    “พูดแบบนั้นได้ยังไง” เสียงมิคาสะสั่นด้วยความโกรธ “ที่ทำแบบนั้นก็เพราะเอเลนเป็นห่วงนายต่างหาก เจ้าเตี้ย!

    “ว่าไงนะ”

    “ตอนแรกเอเลนตั้งใจจะแอบเอาอาหารไปให้คุณ แต่เจอผมซะก่อน” อาร์มินเป็นคนอธิบายเพราะขืนปล่อยให้มิคาสะเป็นคนพูด มีหวังอาละวาดหักแขนรีไวเป็นชิ้นแน่

    “หมายความว่ายังไง ฉันสั่งแล้วไม่ใช่หรือว่าห้ามออกไปไหนทั้งนั้น”

    “คนอย่างหมอนั่นลองได้ห่วงใครแล้วไม่ยอมฟังอะไรทั้งนั้นหรอกครับ” อาร์มินพูด “ตอนเขาจะออกไปทีแรก ผมยังต้องหาเหตุผลมาหว่านล้อมแทบตาย ถึงจะยอมเชื่อ”

    รีไวมองหน้าเด็กหนุ่ม

    “แล้วนายมาทำอะไรที่นี่”

    “คุณเอลวินสั่งให้ผมมาคอยเฝ้าสองคนนี่เอาไว้ครับ เพราะตอนเพตร้าปลอมตัวเข้ามาในร้าน เอเลนก็เกือบทำแผนแตกไปทีนึงแล้ว พอเจอเธอแอบอยู่ข้างตู้เย็น เขาก็เกือบจะร้องให้คนช่วยดีที่ผมห้ามไว้ทันไม่อย่างนั้นไรเนอร์คงรู้แล้วว่าเอเลนที่ออกจากร้านเป็นตัวปลอม”

     รีไวหันไปทางฮันซี่

    “ทำไมฉันไม่รู้เรื่อง”

    “มันฉุกละหุกจนบอกนายไม่ทัน” เอฟบีไอสาวตอบ ชายหนุ่มขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ

    “ดูเหมือนจะเป็นแค่ฉันคนเดียวสินะ”

    “ซาช่าก็ด้วย” ฮันซี่พูด “ความจริงพวกเรายังไม่คิดจะวางแผนจับไรเนอร์ แต่พออาร์มินโทร.มาบอกว่าเห็นเขามาป้วนเปี้ยนแถวร้านมิคาสะ เอลวินเลยคิดแผนจับกุมสดๆร้อนๆ ที่ไม่ได้บอกเพราะตอนนั้นนายกำลังยุ่งอยู่กับการสอบปากคำ อีกอย่างถ้าให้รู้ว่าเหยื่อล่อเป็นเอเลน นายคงไม่มีวันยอมแน่ๆ”

    รีไวยอมรับว่าเหตุผลข้อสุดท้ายเป็นเรื่องจริง และอย่างน้อยเอลวินก็ไม่ได้ปิดบังเรื่องทั้งหมด เพราะพอกลับเข้าที่ทำงาน เขาก็เล่าแผนการให้ฟังคร่าวๆ โดยบอกว่าที่ต้องรีบทำเพราะพฤติกรรมของไรเนอร์เปลี่ยนไป

    “แล้วอาร์มินเข้ามายุ่งเรื่องนี้ได้ยังไง”

    “แผนแรกคือให้เขาปลอมเป็นเอเลน แต่ติดที่ตัวเล็กกว่าเลยต้องให้เพตร้าที่มีรูปร่างใกล้เคียงแทน อีกอย่างอาร์มินเป็นคนสังเกตเห็นไรเนอร์ตั้งแต่ต้น แถมร้านดอกไม้ยังอยู่คนละมุมถนนกับร้านของมิคาสะ ทำให้จับตามองไรเนอร์ได้ตลอดเวลาโดยที่ไรเนอร์ไม่รู้ตัว”

    ฮันซี่อธิบายและพูดต่อ “ที่พวกเราตกใจก็คือ อยู่ๆเอเลนก็ลงมาหาของกินและเตรียมจะออกไปหานาย โชคดีที่เอลวินนึกเอะใจเลยสั่งให้อาร์มินคอยเฝ้า แผนการของเราเลยสำเร็จ”

    “ก็ไม่เชิง เพราะตอนนี้ไรเนอร์ตายแล้ว และพวกเราก็ยังไม่รู้อะไรเกี่ยวกับตัวเขาเลย” รีไวพูดแต่ฮันซี่กลับสั่นศีรษะ

    “ไม่หรอกรีไว ตราบใดที่มีวิทยาศาสตร์ เราก็สามารถค้นหาทุกอย่างได้เสมอ ฉันจะกลับไปที่ห้องชันสูตร ตรวจร่างกายไรเนอร์ให้ละเอียดทุกซอกทุกมุม จะได้รู้กันสักทีว่าหมอนี่เป็นใครและเกี่ยวข้องอะไรกับแอนนี่”

    รีไวพยักหน้ารับ “ดีเหมือนกัน งั้นฉันจะแวะไปดูเอลวินก่อน ส่วนคนอื่นให้แยกย้ายกันกลับบ้าน พรุ่งนี้ค่อยมาประชุมกันอีกครั้งว่าจะทำยังไงกันต่อไป”

    “ผมขอไปเยี่ยมคุณเอลวินด้วยคนนะครับ” อาร์มินพูดพร้อมกับมองด้วยสายตาอ้อนวอน ความห่วงใยที่แสดงให้เห็นออกมาทางใบหน้าทำให้รีไวอดหมั่นไส้หัวหน้าของตัวเองไม่ได้

    หนอยเจ้าเอลวิน นี่คิดจะควบสองเลยเรอะ !

    เขาคำรามในใจ แต่ก็ยอมพยักหน้าและหันไปทางแจน “นายอยู่ที่นี่ คอยคุ้มครองมิคาสะเอาไว้”

    “ด้วยความยินดีอย่างยิ่ง” แจนตอบแทบจะทันควัน แต่หญิงสาวกลับส่ายหน้า

    “ฉันจะไปพาเอเลนกลับบ้าน”

    “ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวฉันจัดการเอง” รีไวพูดพอเห็นมิคาสะทำท่าจะไม่ยอมเขาก็รีบตัดบท “พรุ่งนี้เรามีงานต้องทำอีกมาก แยกย้ายกันไปได้แล้ว”

    สั่งเสร็จก็เดินออกจากที่นั่นโดยมีอาร์มินวิ่งตาม พอขึ้นรถก็ขับออกไปทันที ในขณะที่ฮันซี่อาสาพาเพตร้ากับโคนี่ไปส่งบ้าน ส่วนตัวเธอเองย้อนกลับไปที่หน่วยชันสูตรเพื่อตรวจศพของไรเนอร์ ส่วนแจนหลังจากเกลี้ยกล่อมจนมิคาสะยอมขึ้นห้องนอนแล้ว ก็ลากเก้าอี้มาวางเรียงกันและนอนพักที่กลางร้านนั่นเอง

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×