ดุจใต้แสงสวรรค์ ภาค 2 (โซ่ตรวน) - ดุจใต้แสงสวรรค์ ภาค 2 (โซ่ตรวน) นิยาย ดุจใต้แสงสวรรค์ ภาค 2 (โซ่ตรวน) : Dek-D.com - Writer

    ดุจใต้แสงสวรรค์ ภาค 2 (โซ่ตรวน)

    ไม่มีเวลาเขียนเป็นเรื่องยาวจึงเขียนเป็นเรื่องสั้นแทน

    ผู้เข้าชมรวม

    59

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    59

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    2
    หมวด :  ซึ้งกินใจ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  17 พ.ย. 56 / 20:35 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
    ไก๋เป็นคนขายชาเย็นในตลาดผู้มีภาระหน้าที่เป็นโซ่ตรวนที่รั้งเธอไว้  วันหนึ่งเธอได้พบกับมณเทียรผู้ที่เข้ามาช่วยปลดโซ่ให้เธอแต่สุดท้ายแล้วเธอกลับทิ้งเขาไป  ตอนนี้โซ่ตรวนเส้นใหม่ที่พันธนาการเธอไว้คือความรู้สึกผิด
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
       หลังจากถูกมณเทียรตัดขาดชีวิตไก๋จึงโดดเดี่ยว  แต่โชคก็ได้ช่วยให้มีคนดีๆเข้ามาช่วยเหลือเธอ  ในบรรดาคนเหล่านั้นไก๋สนิทกับแพทที่สุด  เพื่อนคนนี้พาเธอไปรู้จักกับป้าณีและลุงตั้ม(พ่อแม่ของแพท)ซึ่งกลายมาเป็นพ่อแม่บุญธรรมของเธอต่อมา  ครอบครัวใหม่ของเธอชอบทำบุญมากและมีสวนผลไม้อยู่ที่ภาคเหนือ
       
        แม้ชีวิตของเธอจะดีชึ้นแต่เธอยังลืมมณเทียรไม่ลง  ขณะเรียนอยู่เธอได้คบกับรุ่นพี่ต้าแต่นั้นก็ไม่ได้ช่วยให้เธอลืมมณเทียรได้เลย  เธอดีใจมากที่วันหนึ่งพี่ต้าเป็นฝ่ายมาบอกเลิกเธอเอง  เธอจึงตั้งใจเรียนจนจบและวางแผนจะไปช่วยงานในสวนของพ่อและแม่บุญธรรม
       
        ส่วนมณเทียรก็ใช้ชีวิตเหมือนหุ่นยนต์  เขาพยายามมุ่งสมาธิไปกับงานแต่กระนั้นเขาก็ยังคงฝันเห็นไก๋ในบางครั้ง  แม้จะใช้ชีวิตอยู่กับปัจจุบันแต่นั้นกลับทำให้เขาแย่ลง
       
        วันหนึ่งเขารู้สึกไม่ค่อยสบายจึงแปรงฟันได้ช้าลงนั้นทำให้เขาได้เห็นตัวเองในกระจกนานขึ้น
       
        “นี่ฉันกำลังทำบ้าอะไรอยู่”
       
        และยิ่งตอนกลางวันเลขาของเขาซื้อชาเย็นมาแทนกาแฟเย็นที่เขามักจะกินเป็นปกติยิ่งทำให้เขาคิดถึงไก๋จนขังตัวเองอยู่ในห้องแล้วร้องไห้เป็นชั่วโมง
       
        พอกลับมาบ้านเขาก็พบคุณหนูหยกผู้เป็นภรรยาคนปัจจุบันยื่นใบหย่าให้เซ็นเพราะมณเทียรเอาเวลาไปทำงานโดยไม่เคยสนใจเธอเลย  นั้นเป็นครั้งแรกที่มณเทียรยิ้มด้วยใจจริงในรอบหลายปีที่ลาจากกับไก๋  เขาลาออกจากงานทันทีจึงโดนเจ้าสั่วอุดมด่า  สุดท้ายก็ตัดพ่อตัดลูกกันอีกครั้ง
       
        มณเทียรเก็บของทุกอย่างแล้วย้ายไปเช่าหอราคาถูกอยู่  คืนนั้นเขาถามตัวเองว่า  “เขาเป็นใคร  เขาต้องการอะไร”  ใบหน้าของไก๋ก็ผุดขึ้นมาในใจแต่มณเทียรก็พยายามลืมมันไปซะเพราะเขายังจำได้ว่าไก๋ทำอะไรไว้กับเขา  
       
        กลางดึกเขาตื่นขึ้นมาเพราะฝันเห็นไก๋อีกแล้ว  เขาไม่อยากจะให้อภัยเธอแต่ในความฝันกว่าร้อยครั้งตลอดหลายปีคือเขาเอื้อมมือออกไปหาเธอ
       
        “หากความฝันมาจากจิตใต้สำนึก  ถ้างั้นฉันก็ไม่เคยโกรธเธอเลย  ฉันยังรักเธอตลอดมา”
       
        รุ่งเช้ามณเทียรจึงกลับไปที่ที่ทั้งสองพบกันครั้งแรก  มหัศจรรย์!  ไก๋อยู่ตรงนั้น  เธอมาเยี่ยมพี่เชงเพื่อบอกลาจะไปอยู่ภาคเหนือและกลับมาดูสถานที่เก่าๆก่อนจะไป
       
        ไก๋เป็นฝ่ายทักทายก่อน  มณเทียรถามเธอว่าเป็นไงบ้าง  มาทำอะไร  ไก๋จึงบอกไปและขอลาเพราะไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อ  แต่มณเทียรก็รั้งเธอไว้แล้วบอกว่าที่ผ่านมาเขาอยู่ยังไง  และตอนนี้เขาทรมาณแค่ไหน
       
        “ฉันขอโทษ  ฉันช่วยอะไรเธอไม่ได้”  มณเทียรเงียบไปซักพักใหญ่
       
        “ไปหาอะไรกินกัน”  
       
        มณเทียรบอกว่ามื้อนี้เขาเลี้ยงเองแต่ไก๋ไม่ยอม  หลังกินเสร็จจึงต่างคนต่างจ่ายและก่อนจะจากกันมณเทียรก็พูดขึ้น
       
        “ฉันเคยมีเมียนะ  เธอเป็นคนขายชาเย็น  ฉันรักเธอมาก  แต่พอเราแต่งงานกันไม่นานเธอก็กลายเป็นคนที่ฉันไม่รู้จักและทำลายส่วนสำคัญในชีวิตฉัน  ฉันอยากได้เธอคนเดิมกลับมา  ถ้าการขอโทษและให้อภัยจะพาเธอกลับมาได้ฉันจะทำมันทั้งสองอย่าง”
       
        ว่าเสร็จมณเทียรก็ทิ้งแหวนแต่งงานวงเก่าที่เธอเคยสวมไว้บนโต๊ะพร้อมบอกว่าพรุ่งนี้เขาจะไปที่ตลาดอีก  และจะรออยู่ที่เดิม
       
        คืนนั้นไก๋กลับไปนอนคิดพร้อมโทรปรึกษาครอบครัว  เธอไม่อยากกลับเป็นเหมือนเก่าเพราะรู้สึกผิดแต่ใจหนึ่งอยากจะสวมแหวนและกลับไปหาเขา  เธอไม่ชอบที่มณเทียรทนทุกข์อยู่แบบนี้แต่เธอก็ไม่อยากให้เขาผูกพันกับเธอมากขึ้น  สุดท้ายเธอจึงพาครอบครัวทั้งสามไปด้วยเพื่อให้พวกเขาเป็นคนปลอบใจมณเทียร
       
        ทั้งห้าพากันไปกินข้าว  พบโต๊ะป้าณีใช้ธรรมะมาช่วยให้มณเทียรบรรเทาความเศร้าจากชีวิตที่มีอดีตอันเลวร้ายแต่ดู  ไก๋สักเกตได้ว่ามณเทียรจ้องหน้าป้าณีไม่กระพริบและดูไม่สนใจกับธรรมะของเธอเลย
       
        “เทียร  เธอเป็นอะไร”
       
        มณเทียรไม่บอกแต่กลับถามชื่อสกุลดั้งเดิมของป้าณีแทน  จากนั้นเขาจึงหลับตาและหยิบรูปในกระเป๋าตังออกมาพร้อมมองหน้าป้าณีและเล่าวัยเด็กที่ถูกแม่ทิ้งทั้งน้ำตา  ลุงตั้มกับแพทพยายามปลอบเขาว่าไม่เป็นไรแต่ไก๋กลับสังเกตได้ว่าป้าณีมีอาการแปลกๆ
       
        มณเทียรยื่นรูปครอบครัวในวัยเด็กของเขาให้ดูพร้อมพูดว่า
       
        “แม่จำผมไม่ได้จริงๆเหรอ?”
       
        ทุกคนอึ้งไปกันหมดจนพูดอะไรไม่ออก  มณเทียรก็วิ่งหนีไป
       
        คืนนั้นทุกคนขับรถออกไปตามหา  ไก๋รู้ว่ามณเทียรพักอยู่ที่ไหนเพราะตอนกินข้าวด้วยกันเมื่อวานเขาเป็นคนบอกเอง  แต่เมื่อไปหาดูแล้วมณเทียรไม่อยุ่ตรงนั้น  
       
        สุดท้ายเธอจึงออกตามหายังสถานที่ต่างๆที่พอจะนึกออก  ไก๋วิ่งมองหามณเทียรไปทุกหนแห่งพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาไม่หยุดจนเธออ่อนล้านั่งลงบนสะพานแห่งหนึ่ง  เธอมองลอดซี่ลูกกรงออกไปและเห็นมณเทียรยืนอยู่ตรงนั้น
        สุดท้ายเธอก็พาเขากลับห้องเช่าได้  ไก๋ขออยู่กับเขาที่นี้คืนนี้เพราะกลัวเขาจะทำอะไรบ้าๆและขอให้ทุกคนกลับไปเพราะมณเทียรไม่อยากจะเห็นพวกเขา
       
        พอเข้ามาในห้องเธอก็ถามอย่างห่วงใยว่ารู้สึกเป็นไงบ้าง เหนื่อยไหม  อยากได้อะไรไหม  แต่มณเทียรก็ประชดประตัดพ้อไปหมด
       
        “สุดท้ายเธอก็จะทิ้งฉันไปเหมือนแม่ฉัน”
       
        ไก๋บังเอิญไปเห็นแหวนแต่งงานอีกวงเธอจึงสวมมันและใช้วงที่มณเทียรให้สวมให้เขา
        “นี่คือสัญญา  ฉันจะไม่จากเธอไปไหน  จากนี้  และตลอดไป”
       
        ทั้งสองคืนดีกันคืนนั้น  ตอนเช้าป้าณีพาพาทั้งสองไปกินข้าวแต่ถึงแม้ว่าเธอจะเอาใจใส่มณเทียรแค่ไหนแต่เขาก็ตั้งกำแพงไว้ตลอด  ในวันสุดท้ายมณเทียรก็ตัดสินใจไปอยู่กับไก๋ที่เหนือโดยเขาขออยู่ในฐานะลูกจ้าง
       
        สามปีผ่านไปพี่ชายของมณเทียรก็โทรมาถามว่าเป็นอยู่ไงบ้างและอาศัยอยู่ที่ไหนเพราะตอนนี้ธุรกิจของครอบครัวโดนโกงไปและเขาต้องหางานทำ  จะพาพ่อมาฝากให้ดูแลซักสองสามเดือน  แต่มณเทียรก็รู้ว่าพี่เขาตั้งใจจะเอาเจ้าสัวอุดมมาทิ้งให้เขาเลี้ยงจึงวางสายไป
       
        ไก๋จึงขอร้องให้พาเจ้าสัวมาเลี้ยงดูที่นี้ก็ได้แต่มณเทียรก็ไม่ยอมจนต้องให้คนอื่นๆมาช่วยขอร้องมณเทียรจึงยอมพาไก๋และแม่บินกลับไปดูแลพ่อที่กรุง
       
        อดีตเจ้าสัวยังคงเป็นคนเอาแต่ใจเหมือนเดิมแม้ตอนนี้จะเดินไม่ได้จนมณเทียรเอือมระอา  แต่สิ่งที่มณเทียรเกือบจะบีบคอเขาให้ตายคามือคืออดีตเจ้าสัวรังเกียจไก๋จนเหวี่ยงจานใส่เธอที่กำลังตั้งท้อง  สุดท้ายเขาและพี่ต้องหารือกันว่าจะสั่งสอนพ่อยังไงดี
       
        “เขาไม่ยอมฟังใครทั้งนั้นเพราะคิดว่าตัวเองดีไปซะทั้งหมด”
       
        “อาจจะยังมีคนที่เขายอมฟัง”
       
        สองพี่น้องจึงพาไปหาญาติผู้ใหญ่คนเดียวที่ยังเหลืออยู่ผู้ที่ฐานะเป็นลุงของเจ้าสัวอุดม
       
        “เราเป็นผู้ใหญ่เราต้องทำตัวให้ผู้น้อยอยากเคารพ  ไม่ใช่ว่าเพราะเขาเป็นผู้น้อยจึงมีหน้าที่เคารพเรา”
       
        ด้วยคำสอนนี้อุดมจึงยอมลดทิฐิลง  หลังจากนั้นมณเทียรก็สอนสูตรลับของบะหมี่กระดูกอ่อนไว้ให้พี่ชายใช้เป็นอาชีพ  และยังซื้อที่เปิดร้านและช่วยดูแลสอนวิธีเป็นเจ้าของร้านที่ดีให้
       
        เจ็ดเดือนผ่านไปเมื่อมณเทียรเห็นว่าทุกอย่างลงตัวแล้วเขาจึงลาพ่อกลับสวนที่เหนือและสัญญาว่าจะกลับมาเยี่ยมทุกปี  เขาให้เหตุผลว่าเขาไม่อยากให้ลูกตัวเองโตขึ้นมาให้สภาวะแวดล้อมแบบนี้
       
        ลุงตั้มและป้าณียกพื้นที่ไร่สวนส่วนหนึ่งและมณเทียรและไก๋เป็นเจ้าของ  และในปั้นปลายชีวิตพวกเขาอาศัยอยู่อย่างสุขสบายและตายอย่างสงบ  ลูกหลานได้ฝังร่างของทั้งคู่ไว้ที่ปลายไร่
       

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×