หลังจากถูกมณเทียรตัดขาดชีวิตไก๋จึงโดดเดี่ยว แต่โชคก็ได้ช่วยให้มีคนดีๆเข้ามาช่วยเหลือเธอ ในบรรดาคนเหล่านั้นไก๋สนิทกับแพทที่สุด เพื่อนคนนี้พาเธอไปรู้จักกับป้าณีและลุงตั้ม(พ่อแม่ของแพท)ซึ่งกลายมาเป็นพ่อแม่บุญธรรมของเธอต่อมา ครอบครัวใหม่ของเธอชอบทำบุญมากและมีสวนผลไม้อยู่ที่ภาคเหนือ
แม้ชีวิตของเธอจะดีชึ้นแต่เธอยังลืมมณเทียรไม่ลง ขณะเรียนอยู่เธอได้คบกับรุ่นพี่ต้าแต่นั้นก็ไม่ได้ช่วยให้เธอลืมมณเทียรได้เลย เธอดีใจมากที่วันหนึ่งพี่ต้าเป็นฝ่ายมาบอกเลิกเธอเอง เธอจึงตั้งใจเรียนจนจบและวางแผนจะไปช่วยงานในสวนของพ่อและแม่บุญธรรม
ส่วนมณเทียรก็ใช้ชีวิตเหมือนหุ่นยนต์ เขาพยายามมุ่งสมาธิไปกับงานแต่กระนั้นเขาก็ยังคงฝันเห็นไก๋ในบางครั้ง แม้จะใช้ชีวิตอยู่กับปัจจุบันแต่นั้นกลับทำให้เขาแย่ลง
วันหนึ่งเขารู้สึกไม่ค่อยสบายจึงแปรงฟันได้ช้าลงนั้นทำให้เขาได้เห็นตัวเองในกระจกนานขึ้น
“นี่ฉันกำลังทำบ้าอะไรอยู่”
และยิ่งตอนกลางวันเลขาของเขาซื้อชาเย็นมาแทนกาแฟเย็นที่เขามักจะกินเป็นปกติยิ่งทำให้เขาคิดถึงไก๋จนขังตัวเองอยู่ในห้องแล้วร้องไห้เป็นชั่วโมง
พอกลับมาบ้านเขาก็พบคุณหนูหยกผู้เป็นภรรยาคนปัจจุบันยื่นใบหย่าให้เซ็นเพราะมณเทียรเอาเวลาไปทำงานโดยไม่เคยสนใจเธอเลย นั้นเป็นครั้งแรกที่มณเทียรยิ้มด้วยใจจริงในรอบหลายปีที่ลาจากกับไก๋ เขาลาออกจากงานทันทีจึงโดนเจ้าสั่วอุดมด่า สุดท้ายก็ตัดพ่อตัดลูกกันอีกครั้ง
มณเทียรเก็บของทุกอย่างแล้วย้ายไปเช่าหอราคาถูกอยู่ คืนนั้นเขาถามตัวเองว่า “เขาเป็นใคร เขาต้องการอะไร” ใบหน้าของไก๋ก็ผุดขึ้นมาในใจแต่มณเทียรก็พยายามลืมมันไปซะเพราะเขายังจำได้ว่าไก๋ทำอะไรไว้กับเขา
กลางดึกเขาตื่นขึ้นมาเพราะฝันเห็นไก๋อีกแล้ว เขาไม่อยากจะให้อภัยเธอแต่ในความฝันกว่าร้อยครั้งตลอดหลายปีคือเขาเอื้อมมือออกไปหาเธอ
“หากความฝันมาจากจิตใต้สำนึก ถ้างั้นฉันก็ไม่เคยโกรธเธอเลย ฉันยังรักเธอตลอดมา”
รุ่งเช้ามณเทียรจึงกลับไปที่ที่ทั้งสองพบกันครั้งแรก มหัศจรรย์! ไก๋อยู่ตรงนั้น เธอมาเยี่ยมพี่เชงเพื่อบอกลาจะไปอยู่ภาคเหนือและกลับมาดูสถานที่เก่าๆก่อนจะไป
ไก๋เป็นฝ่ายทักทายก่อน มณเทียรถามเธอว่าเป็นไงบ้าง มาทำอะไร ไก๋จึงบอกไปและขอลาเพราะไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อ แต่มณเทียรก็รั้งเธอไว้แล้วบอกว่าที่ผ่านมาเขาอยู่ยังไง และตอนนี้เขาทรมาณแค่ไหน
“ฉันขอโทษ ฉันช่วยอะไรเธอไม่ได้” มณเทียรเงียบไปซักพักใหญ่
“ไปหาอะไรกินกัน”
มณเทียรบอกว่ามื้อนี้เขาเลี้ยงเองแต่ไก๋ไม่ยอม หลังกินเสร็จจึงต่างคนต่างจ่ายและก่อนจะจากกันมณเทียรก็พูดขึ้น
“ฉันเคยมีเมียนะ เธอเป็นคนขายชาเย็น ฉันรักเธอมาก แต่พอเราแต่งงานกันไม่นานเธอก็กลายเป็นคนที่ฉันไม่รู้จักและทำลายส่วนสำคัญในชีวิตฉัน ฉันอยากได้เธอคนเดิมกลับมา ถ้าการขอโทษและให้อภัยจะพาเธอกลับมาได้ฉันจะทำมันทั้งสองอย่าง”
ว่าเสร็จมณเทียรก็ทิ้งแหวนแต่งงานวงเก่าที่เธอเคยสวมไว้บนโต๊ะพร้อมบอกว่าพรุ่งนี้เขาจะไปที่ตลาดอีก และจะรออยู่ที่เดิม
คืนนั้นไก๋กลับไปนอนคิดพร้อมโทรปรึกษาครอบครัว เธอไม่อยากกลับเป็นเหมือนเก่าเพราะรู้สึกผิดแต่ใจหนึ่งอยากจะสวมแหวนและกลับไปหาเขา เธอไม่ชอบที่มณเทียรทนทุกข์อยู่แบบนี้แต่เธอก็ไม่อยากให้เขาผูกพันกับเธอมากขึ้น สุดท้ายเธอจึงพาครอบครัวทั้งสามไปด้วยเพื่อให้พวกเขาเป็นคนปลอบใจมณเทียร
ทั้งห้าพากันไปกินข้าว พบโต๊ะป้าณีใช้ธรรมะมาช่วยให้มณเทียรบรรเทาความเศร้าจากชีวิตที่มีอดีตอันเลวร้ายแต่ดู ไก๋สักเกตได้ว่ามณเทียรจ้องหน้าป้าณีไม่กระพริบและดูไม่สนใจกับธรรมะของเธอเลย
“เทียร เธอเป็นอะไร”
มณเทียรไม่บอกแต่กลับถามชื่อสกุลดั้งเดิมของป้าณีแทน จากนั้นเขาจึงหลับตาและหยิบรูปในกระเป๋าตังออกมาพร้อมมองหน้าป้าณีและเล่าวัยเด็กที่ถูกแม่ทิ้งทั้งน้ำตา ลุงตั้มกับแพทพยายามปลอบเขาว่าไม่เป็นไรแต่ไก๋กลับสังเกตได้ว่าป้าณีมีอาการแปลกๆ
มณเทียรยื่นรูปครอบครัวในวัยเด็กของเขาให้ดูพร้อมพูดว่า
“แม่จำผมไม่ได้จริงๆเหรอ?”
ทุกคนอึ้งไปกันหมดจนพูดอะไรไม่ออก มณเทียรก็วิ่งหนีไป
คืนนั้นทุกคนขับรถออกไปตามหา ไก๋รู้ว่ามณเทียรพักอยู่ที่ไหนเพราะตอนกินข้าวด้วยกันเมื่อวานเขาเป็นคนบอกเอง แต่เมื่อไปหาดูแล้วมณเทียรไม่อยุ่ตรงนั้น
สุดท้ายเธอจึงออกตามหายังสถานที่ต่างๆที่พอจะนึกออก ไก๋วิ่งมองหามณเทียรไปทุกหนแห่งพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาไม่หยุดจนเธออ่อนล้านั่งลงบนสะพานแห่งหนึ่ง เธอมองลอดซี่ลูกกรงออกไปและเห็นมณเทียรยืนอยู่ตรงนั้น
สุดท้ายเธอก็พาเขากลับห้องเช่าได้ ไก๋ขออยู่กับเขาที่นี้คืนนี้เพราะกลัวเขาจะทำอะไรบ้าๆและขอให้ทุกคนกลับไปเพราะมณเทียรไม่อยากจะเห็นพวกเขา
พอเข้ามาในห้องเธอก็ถามอย่างห่วงใยว่ารู้สึกเป็นไงบ้าง เหนื่อยไหม อยากได้อะไรไหม แต่มณเทียรก็ประชดประตัดพ้อไปหมด
“สุดท้ายเธอก็จะทิ้งฉันไปเหมือนแม่ฉัน”
ไก๋บังเอิญไปเห็นแหวนแต่งงานอีกวงเธอจึงสวมมันและใช้วงที่มณเทียรให้สวมให้เขา
“นี่คือสัญญา ฉันจะไม่จากเธอไปไหน จากนี้ และตลอดไป”
ทั้งสองคืนดีกันคืนนั้น ตอนเช้าป้าณีพาพาทั้งสองไปกินข้าวแต่ถึงแม้ว่าเธอจะเอาใจใส่มณเทียรแค่ไหนแต่เขาก็ตั้งกำแพงไว้ตลอด ในวันสุดท้ายมณเทียรก็ตัดสินใจไปอยู่กับไก๋ที่เหนือโดยเขาขออยู่ในฐานะลูกจ้าง
สามปีผ่านไปพี่ชายของมณเทียรก็โทรมาถามว่าเป็นอยู่ไงบ้างและอาศัยอยู่ที่ไหนเพราะตอนนี้ธุรกิจของครอบครัวโดนโกงไปและเขาต้องหางานทำ จะพาพ่อมาฝากให้ดูแลซักสองสามเดือน แต่มณเทียรก็รู้ว่าพี่เขาตั้งใจจะเอาเจ้าสัวอุดมมาทิ้งให้เขาเลี้ยงจึงวางสายไป
ไก๋จึงขอร้องให้พาเจ้าสัวมาเลี้ยงดูที่นี้ก็ได้แต่มณเทียรก็ไม่ยอมจนต้องให้คนอื่นๆมาช่วยขอร้องมณเทียรจึงยอมพาไก๋และแม่บินกลับไปดูแลพ่อที่กรุง
อดีตเจ้าสัวยังคงเป็นคนเอาแต่ใจเหมือนเดิมแม้ตอนนี้จะเดินไม่ได้จนมณเทียรเอือมระอา แต่สิ่งที่มณเทียรเกือบจะบีบคอเขาให้ตายคามือคืออดีตเจ้าสัวรังเกียจไก๋จนเหวี่ยงจานใส่เธอที่กำลังตั้งท้อง สุดท้ายเขาและพี่ต้องหารือกันว่าจะสั่งสอนพ่อยังไงดี
“เขาไม่ยอมฟังใครทั้งนั้นเพราะคิดว่าตัวเองดีไปซะทั้งหมด”
“อาจจะยังมีคนที่เขายอมฟัง”
สองพี่น้องจึงพาไปหาญาติผู้ใหญ่คนเดียวที่ยังเหลืออยู่ผู้ที่ฐานะเป็นลุงของเจ้าสัวอุดม
“เราเป็นผู้ใหญ่เราต้องทำตัวให้ผู้น้อยอยากเคารพ ไม่ใช่ว่าเพราะเขาเป็นผู้น้อยจึงมีหน้าที่เคารพเรา”
ด้วยคำสอนนี้อุดมจึงยอมลดทิฐิลง หลังจากนั้นมณเทียรก็สอนสูตรลับของบะหมี่กระดูกอ่อนไว้ให้พี่ชายใช้เป็นอาชีพ และยังซื้อที่เปิดร้านและช่วยดูแลสอนวิธีเป็นเจ้าของร้านที่ดีให้
เจ็ดเดือนผ่านไปเมื่อมณเทียรเห็นว่าทุกอย่างลงตัวแล้วเขาจึงลาพ่อกลับสวนที่เหนือและสัญญาว่าจะกลับมาเยี่ยมทุกปี เขาให้เหตุผลว่าเขาไม่อยากให้ลูกตัวเองโตขึ้นมาให้สภาวะแวดล้อมแบบนี้
ลุงตั้มและป้าณียกพื้นที่ไร่สวนส่วนหนึ่งและมณเทียรและไก๋เป็นเจ้าของ และในปั้นปลายชีวิตพวกเขาอาศัยอยู่อย่างสุขสบายและตายอย่างสงบ ลูกหลานได้ฝังร่างของทั้งคู่ไว้ที่ปลายไร่
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น