คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : เพื่อนกัน ฉันและเธอ
สายหมอกยามเช้าก่อตัวเป็นม่านธรรมชาติแสนสวยงาม ท่ามกลางธรรมชาติอันงดงามบนเนินเขา
ถูกปกคลุมไปด้วยพันธุ์ไม้นานาชนิด ณ ที่แห่งนี้เป็นที่ตั้งของโรงเรียนสหศึกษาชื่อดังแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่
ซึ่งผู้ปกครองหลายคนต่างใฝ่ฝันอยากจะให้บุตรหลานของตนได้เข้ามาศึกษาเล่าเรียนเพราะความเป็นเลิศทั้งในด้านกีฬาและวิชาการของโรงเรียนแห่งนี้ติดอันดับต้นๆ
ของประเทศ
ดวงอาทิตย์เริ่มโผล่พ้นขอบฟ้าทำให้ม่านธรรมชาติที่มองเห็นเริ่มบางตา
ทิ้งไว้เพียงหยาดน้ำค้างที่เกาะอยู่ตามยอดหญ้าส่องแสงระยิบระยับติดตรึงใจวันนี้ประธานชมรมอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้ใช้สนามบาสเกตบอลของโรงเรียนเป็นจุดนัดพบเพื่อพานักเรียนในชมรมฯ
ไปเข้าค่ายที่ภูกระดึง เสียงพูดคุยเจื้อยแจ้วเหมือนนกกระจอกแตกรังเมื่อนักเรียนเริ่มทยอยมารวมตัวกันเพราะต่างดีใจที่จะได้เดินทางไปในสถานที่ท่องเทียวในฝัน
“ขยับไปหน่อยได้มั้ย...นั่งแบบนี้แล้วเมฆจะนั่งได้ยังไง”
“เมฆก็ไปนั่งที่อื่นซิ แอนบอกจะนั่งกับแพร”
เสียงเด็กหนุ่มสาวสองคนกำลังเถียงกันระหว่างหาที่นั่งในรถ
“ไม่เอา แอนไปนั่งกับแก้มแล้ว
เมฆจะนั่งกับแพรตรงนี้” เด็กหนุ่มบอก
“ก็แอนบอกจะมานั่งกับแพรนี่ ..งั้น..เดี๋ยวแพรไปถามแอนก่อน แก้มบอกแพรเองว่าเก้าจะนั่งด้วย
แล้วจะมานั่งกับแอนได้ยังไง” เด็กสาวบอกน้ำเสียงเต็มไปด้วยความแปลกใจเพราะตกลงกับเพื่อนไว้แล้วว่าจะนั่งด้วยกันแพรวาทำท่าจะลุกออกไปขึ้นรถอีกคันหลังจากขึ้นรถคันนี้ยังไม่ถึงสิบนาที
“รถคันนั้นเต็มแล้ว
เมฆถึงต้องมานี่ไงห้องอื่นมาก่อนเราที่นั่งเลยไม่พอ” เสียงบอกเรียบๆ อย่างไม่สบอารมณ์เขารึอุตส่าห์วางแผนไว้ซะดิบดียายนี่ทำมาเป็นเรื่องมาก
เมฆินทร์หรือเมฆ วรเมธากุล เด็กหนุ่มจากกรุงเทพผู้รักธรรมชาติเป็นชีวิตจิตใจ เมฆย้ายมาเรียนที่นี่ตอนขึ้นชั้นมัธยมศึกษาปีที่สี่เพราะคุณพ่อของเมฆแต่งงานใหม่กับเศรษฐีนีในจังหวัดนี้
หลังจากเลิกกับแม่ของเมฆได้ไม่นาน
“แอนน่าจะจองที่นั่งให้แพรด้วยนะ..ก็เรา เราคุย...” เด็กสาวยังพูดไม่ทันจบก็ถูกเด็กหนุ่มขัดขึ้น
“ก็บอกว่ารถคันนั้นเต็มแล้ว...แพรนี่พูดไม่รู้เรื่องรึไง
ทำไมนั่งกับเมฆมันจะเป็นอะไร..ถ้าไม่อยากให้เมฆนั่งด้วย..เมฆไปนั่งที่อื่นก็ได้!”
เสียงบอกกระแทกอย่างไม่พอใจทำให้แพรวาหน้าจ๋อยค่อยๆ
นั่งลงที่เดิม
“ไม่..ไม่ใช่อย่างนั้น...แพร..แพรแค่สงสัยเพราะทุกที...”
เสียงพูดอ่อยๆ ยังไม่ทันจบเมฆก็ขัดขึ้นอีกครั้ง
“แล้วยังไง ทุกทีมันเป็นยังไง แล้วตกลงจะให้เมฆนั่งด้วยรึเปล่า”
เสียงถามห้วนๆ บ่งบอกถึงความเป็นคนเจ้าอารมณ์ เด็กสาวพยักหน้าไม่กล้าพูดอะไรอีกเพราะอยู่กันมาเกือบสามปีรู้นิสัยคนที่มาขอนั่งด้วยเป็นอย่างดี
แพรวา สุรนารถเตโชสาวน้อยผู้หลงรักเพื่อนชายตั้งแต่เมื่อไหร่เจ้าตัวก็ไม่เคยรู้
แพรวาเคยนึกสงสัยตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงต้องแอบปลื้มเมฆได้ขนาดนี้.. แต่ก็ไม่น่าจะแปลกอะไรเพราะเมฆทั้งหล่อแล้วก็รวย
สาวๆ หลายคนก็ปลื้มเมฆกันทั้งนั้นที่สำคัญเมฆยังเป็นนักกีฬาบาสเกตบอลของจังหวัดอีกด้วยแพรวาคิดแอบชำเลืองมองใบหน้าคมที่นั่งหลับตาพิงเบาะท่าทางเหมือนไปอดหลับอดนอนมาจากไหน
แพรวาอมยิ้มนั่งมองใบหน้าคมคิดไปเรื่อยเปื่อย อยู่ๆ เมฆก็ลืมตาขึ้นมา
“มองอะไร!”
“ปะ..ปะ..เปล่า” คนที่ไม่ทันตั้งตัวติดอ่างขึ้นมาทันทีแสร้งหันหน้าหนี
มองออกไปนอกหน้าต่าง เมฆยิ้มยกมุมปากถูกใจเมื่อเห็นแก้มใสๆ ค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นสีชมพูหลังถูกจับได้ว่าแอบมองตนเองอยู่
แพรวาน่ารักเรื่องนี้เมฆรู้ดีกว่าใคร โดยเฉพาะตากลมใสเหมือนตากวางกับจมูกเชิดๆนั่น
เวลาแพรวาทำหน้างอปากกับจมูกแทบจะติดกันจนเมฆอยากจะกัดจมูกรั้นๆ นั่นนัก แพรวากับเมฆเป็นเพื่อนสนิทกันตั้งแต่เริ่มเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่
4 คุณคเชนทร์ สุรนารถเตโช คุณพ่อของแพรวาย้ายมารับราชการเป็นนายตำรวจใหญ่อยู่ที่เชียงดาวทำให้แพรวาต้องย้ายโรงเรียนตามมาด้วย
คุณแม่ของแพรวาเสียชีวิตไปหลังจากคลอดแพรวาได้ไม่ถึงเดือนเพราะเกิดโรคแทรกซ้อนสมัยนั้นโรงพยาบาลต่างจังหวัดยังกันดารนัก
แพรวาต้องย้ายโรงเรียนตามคุณพ่อมาตลอดตั้งแต่เรียนอยู่ชั้นประถม ป้าสำอางเป็นคนรับใช้คนสนิทของท่านผู้หญิงพรรณราย
สุรนารถเตโชถูกส่งให้มาช่วยดูแลเรื่องงานบ้านให้สองพ่อลูก พื้นเพครอบครัวของแพรวาไม่ค่อยมีใครรู้อะไรมากเพราะคุณคเชนทร์จะเป็นคนเงียบๆ
ไม่ชอบวุ่นวายกับใคร อีกทั้งยังเป็นนายตำรวจตงฉินที่ใครๆ ต่างพากันเกรงขาม
คนในทราบแต่เพียงว่าคุณพ่อของคุณคเชนทร์เป็นลูกหลานเจ้านายในสมัยก่อนและมีคุณคเชนทร์เป็นลูกชายเพียงคนเดียว
เสียงนักเรียนในรถต่างพูดคุยกันด้วยความตื่นเต้นที่จะได้ไปเข้าค่ายที่ภูกระดึง
ว่ากันว่า..หากใครต้องการพิสูจน์รักแท้ให้พาคนที่เรารักมาเที่ยวที่ภูกระดึงเพราะการเดินทางมาที่นี่ไม่ใช่เรื่องง่าย
อากาศที่หนาวเหน็บเย็นจับขั้วหัวใจ หากไม่รักกันจริงอาจถึงขั้นต้องเซย์กู๊ดบาย...เรื่องนี้คู่รักคงต้องไปพิสูจน์กันเอาเอง
ปีนี้เป็นปีแรกที่ทางชมรมฯ จัดให้นักเรียนได้ไปเข้าค่ายค้างคืนนอกสถานที่
กลุ่มของแพรวาและเมฆมีเพื่อนสนิททั้งหมดรวมกันแปดคน ชัฎ เคน ว่าน แอน
แก้มและเก้าทั้งหมดเรียนอยู่ห้องเดียวกันสายวิทย์-คณิต เพื่อนในกลุ่มหลายคนได้เป็นตัวแทนนักเรียนไปแข่งขันด้านกีฬาและวิชาการ
เมฆเองเคยได้เหรียญทองซีเกมส์จากการแข่งขันว่ายน้ำทชัฎเพื่อนสนิทอีกคนในกลุ่มเคยได้เหรียญทองในการแข่งขันคณิตศาสตร์โอลิมปิกถึงสองปีซ้อน
ทำให้นักเรียนกลุ่มนี้เป็นที่จับตาของอาจารย์และเพื่อนนักเรียนด้วยกันเพราะไม่ใช่แค่เรียนดีเท่านั้น
แต่ฐานะทางบ้านของแต่ละคนถือว่าไม่ธรรมดา คุณบดินทร์ ไพศาลสินธุ์ พ่อของชัฏเป็นนักธุรกิจแถวหน้าของเมืองไทย
ถ้าจัดอันดับเศรษฐีในเมืองไทยขณะนี้อันดับหนึ่งคงหนีไม่พ้นคุณพ่อของชัฏที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์และรับเหมาก่อสร้างครอบคลุมไปทั่วทั้งในประเทศและภูมิภาคเอเชียแถมยังมีหุ้นดีๆมากมายในตลาดหลักทรัพย์ทั้งในและต่างประเทศ
คุณสมภพ วรเมธากุล
พ่อของเมฆเป็นนักธุรกิจทำปางไม้อยู่ทางภาคเหนือแต่งงานกับคุณจรัสศรี
ซึ่งเป็นเศรษฐีนีในจังหวัดเชียงใหม่มีลูกชายหนึ่งคนอ่อนกว่าเมฆหลายปี หลังจากแยกทางกับคุณแม่ของเมฆด้วยเหตุผลบางอย่างที่เมฆเองก็ค่อยเข้าใจอะไรมากนัก
คุณหญิงพรพิมล อัศวเทวินทร์คุณแม่ของเมฆเป็นนักธุรกิจแถวหน้าของเมืองไทยทำธุรกิจโรงแรมในเครืออัศวเทวินทร์และมีบริษัทรับเหมาก่อสร้างโรงกลั่นน้ำมัน
ทำให้สองหนุ่มหล่อค่อนข้างจะฮอทมากเป็นพิเศษ ส่วนคนอื่นๆ ในกลุ่มถึงแม้ครอบครัวจะไม่ถึงขั้นมหาเศรษฐีแต่ฐานะทางบ้านก็จัดว่าดี
พ่อของเคนรับราชการ ครอบครัวของเก้าและแก้มพ่อกับแม่รับราชการด้วยกันทั้งสองคน
ครอบครัวของแอนและว่านค้าขายอยู่ในตัวเมืองจังหวัดเชียงใหม่
ทุกปีในช่วงฤดูหนาวอากาศที่เชียงใหม่จะหนาวจัด โดยเฉพาะปีนี้้บนยอดภูมีอุณหภูมิติดลบเกือบสิบองศานักท่องเที่ยวสามารถเห็นแม่คะนิ้งอยู่ตามภูเขาสูง
“แพรไม่หนาวหรือไง ทำไมใส่เสื้อบางอย่างนี้” เมฆถามขึ้นหลังจากที่รถเคลื่อนตัวออกจากโรงเรียนมุ่งสู่จังหวัดลำปาง
วันนี้แพรวาสวมเสื้อยืดแขนสั้นสีขาวสกรีนภาพธรรมชาติสวยน่ารักแต่มันไม่เหมาะกับอากาศของวันนี้เอาเสียเลย..เมฆคิดขมวดคิ้วมองใบหน้าหวาน
“ไม่หรอก แพรว่าอากาศกำลังเย็นสบายแต่ถ้าออกไปนอกรถก็ไม่แน่เหมือนกัน..แพรมีเสื้อแขนยาวมาอีกตัวนึงแต่อยู่ในกระเป๋า”
แพรวาบอกหันมายิ้มโชว์ฟันขาวก่อนจะหันไปก้มหน้าเขียนอะไรบางอย่างซึ่งเมฆมองแพรวาอยู่นานแล้ว
อดไม่ได้ที่จะถาม
“แพรจดอะไร..เมฆเห็นแพรนั่งจดตั้งแต่ออกมาจากโรงเรียนแล้ว”
“อ๋อ..จดบันทึกน่ะ เมื่อคืนแพรว่าจะเขียนซะหน่อยแต่ดันทำรายงานจนดึกเลยง่วงต้องเอามาเขียนวันนี้
ใกล้เสร็จแล้วหละ...อ่ะ..เสร็จพอดี” เด็กสาวบอกพับไดอารี่เล่มสวยเก็บใส่กระเป๋าเป้ หันมาหาเมฆพูดด้วยน้ำเสียงเนือยๆ
“เฮ้อ....สงสัยแพรจะเมารถการเขียนหนังสือในรถนี่มันช่างเวียนหัวดีซะจริง”
แพรวาบอกบิดขี้เกียจนิดนึงก่อนจะนึกขึ้นมาได้ว่ามีเรื่องสงสัยจะถามเมฆหลายครั้งแต่ลืมทุกที
“เออ...ทำไมเมฆย้ายชมรมมานี่ล่ะ
จริงๆอยู่บาสก็ดีอยู่แล้วนี่” เสียงหวานถามทำท่าง่วงนอนยกมือปิดปากหาวเมฆมองแล้วอมยิ้มขำ
“ไม่หล่ะ เทอมสุดท้ายแล้ว เมฆขี้เกียจเมฆว่าจะสละสิทธิ์ที่จะไปแข่งขันที่จังหวัดเดือนหน้าด้วย”
“ทำไมล่ะ เท่จะตาย แพรเห็นสาวๆ กรี๊ดกร๊าดกันใหญ่
เมฆน่าจะชอบ อุตส่าห์ไปหว่านเสน่ห์ไว้ตั้งสองปีไม่ใช่เหรอ”
เสียงหวานถามทำหน้าไม่อยากเชื่อเพราะเห็นเพื่อนผู้ชายแห่กันไปสมัครเข้าชมรมบาสเกตบอลกันเพราะมีสาวๆ
สวยๆ คอยไปเกาะขอบสนามเชียร์กันทุกครั้งที่มีการซ้อมหรือแข่งขันจนแทบจะไม่มีที่ว่างให้ยืน
“ถึงเมฆไม่ได้อยู่ชมรมบาส
แพรไม่ต้องกล้วว่าเมฆจะเสน่ห์น้อยลงหรอก..ง่วงรึไงแพร" เมฆตอบขมวดคิ้วตอนหันมาเห็นแพรวาอ้าปากหาวติดต่อกันหลายครั้งแพรวาพยักหน้าตาเริ่มปรือ
"ถ้าง่วง..แพรก็นอนไปก่อนไว้ใกล้ถึงแล้วเมฆจะปลุกเอง”
น้ำเสียงฟังดูนุ่มนวลผิดกับทุกทีที่ชอบสั่งให้ทำโน่นทำนี่
เมฆหยิบสายเสียบ MP4 ออกมาเสียบหูฟังข้างหนึ่งไว้ที่หูข้างขวาของตนเองแล้วปรับพนักพิงให้เอนนอน
ส่วนหูฟังอีกข้างส่งให้แพรวา ตัวเมฆเองนั่งกอดอกหลับตาลงเพราะรู้สึกเพลียอยากพักสายตาเหมือนกัน
เพราะเมื่อคืนเมฆอยู่อ่านหนังสือจนดึก
“ขอบใจนะ” เสียงหวานบอกเอียงศีรษะพิงไหล่เมฆมือสอดเข้าไปกอดแขนเมฆค่อยๆ
หลับตาลง เมฆลืมตาขึ้นมาขมวดคิ้วมองทำหน้าแปลกใจ
“เป็นอะไร หนาวเหรอ”
เสียงถามด้วยความห่วงใย
แพรวาสั่นหน้าไม่ยอมพูด
“ปากแข็งจริงๆ เห็นไหมพูดยังทันขาดคำเลย”
เมฆบ่นทำเสียงดุ ท่าทางแบบนี้เมฆเห็นจนชินแล้ว เมฆขยับแขนถอดเสื้อนอกของตัวเองออกมาห่มให้ร่างบางแพรวาอมยิ้มถูกใจเงยหน้าขึ้นมามองซบหน้าลงข้างแขนแกร่งอีกครั้ง
เมฆเผลอยิ้มอย่างไม่รู้ตัวทั้งๆ ที่ตอนแรกคิดอยากจะจับมาเขกกะโหลกซักที มือแกร่งเอื้อมมาลูบผมหนาท่าทีอ่อนโยนก่อนหลับตาลงอีกครั้ง
ไม่นานก็รู้สึกว่าศีรษะของแพรวาค่อยๆ เลื่อนลงๆ เมฆลืมตาขึ้นมาอีกครั้งก้มลงมองริมฝีปากหนายกขึ้นน้อยๆ
นึกขำท่าทางหลับง่ายหลับลึกของแพรวา สองมือจับจับไหล่มนขยับมาชิดลำตัวอมยิ้มนึกถึงเรื่องราวของตัวเองกับแพรวาในช่วงสองปีที่ผ่านมา
ในวันเปิดเรียนวันแรก วันนั้นนักเรียนในห้องมาโรงเรียนกันแต่เช้าเพื่อมาจับจองที่นั่ง
เมฆนั่งอยู่เกือบหลังสุดติดขอบหน้าต่างมองเห็นเด็กสาวหน้าตาน่ารักเดินหน้าตาตื่นเข้ามาในห้องสายกว่าใครๆ
กวาดสายตามองรอบๆ ห้องก่อนจะมาหยุดที่ตัวเมฆเพราะที่นั่งข้างๆ ว่างอยู่
เมฆจำได้ว่าตอนนั้นเขาเห็นนักเรียนชายในห้องจ้องมองเด็กสาวคนนั้นแทบไม่กระพริบตา
รวมทั้งชัฏกับเคนที่นั่งถัดจากเขาด้วย ตอนนั้นเมฆรู้สึกไม่ถูกชะตากับสองคนนั้นเท่าไรนัก
แพรวาเองท่าทางจะรู้ตัวว่าถูกจับตามองเพราะดูท่าทางขัดเขิน
ค่อยๆ เดินเข้ามาหาเมฆ
"ตรงนี้มีใครนั่งหรือยังคะ”เสียงหวานเอ่ยถาม
“ไม่” ตนเองตอบสั้นๆ ทำเหมือนไม่สนใจเพราะรู้ว่าตอนนี้ใครๆ
ต่างก็พากันมองมาที่ตนเอง แพรวายิ้มหวานรีบบอกขอบใจวางกระเป๋านักเรียนลงบนโต๊ะแล้วนั่งลงที่เก้าอี้ว่างทันที
ตอนนั้นเมฆได้ยินเสียงโห่ดังมาจากคนที่ไม่ค่อยถูกชะตาที่นั่งข้างๆ
จนแทบอยากจะลุกไปเตะ...ยังดีที่ตอนนั้นเขาไม่ลุกขึ้นไปไม่งั้นอาจเป็นเขาที่จะถูกเตะหรือโดนถีบออกมาจากห้องเป็นแน่
เมฆนึกขำ ตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงตอนนี้ทั้งเมฆกับแพรวาแทบจะไม่เคยห่างกันเลย
พวกเขาสองคนไปไหนมาไหนด้วยกันเสมอตอนแรกเมฆคิดว่าแพรวาติดเมฆ แต่พอขึ้นชั้น ม. 5
เมฆถึงเพิ่งรู้ตัวว่าจริงๆ แล้วเป็นเมฆเองต่างหากที่เป็นฝ่ายเกาะติดแพรวาเพราะหลังจากพ่อเมฆแต่งงานใหม่แล้วมีลูกชายด้วยกัน
เมฆก็ยิ่งรู้สึกอ้างว้างเหมือนเด็กหลงทาง แม่ของเมฆเป็นคนเจ้าระเบียบ เป็นสาวสังคมและเป็นนักธุรกิจที่วันๆ
ทำแต่งานไม่ค่อยมีเวลาให้ลูกชายเหมือนแม่คนอื่น เมฆรู้ว่าตัวเองชอบทำตัวให้เด่นเพื่อเรียกร้องความสนใจจากทุกคน
ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าหน้าผมหรือแม้แต่การเป็นนักบาสของโรงเรียนก็ตาม เมฆรู้ด้วยว่าไอ้สองตัวที่นั่งอยู่ข้างๆ
ก็ไม่ค่อยชอบเมฆซักเท่าไหร่เพราะเมฆเห็นสองคนนั้นชอบคุยกันแล้วแอบมองมาที่เมฆตลอด
แต่เมฆไม่เคยสนใจ จนกระทั่งได้มาสนิทกับแพรวา แพรวาทำให้เมฆรู้จักคำว่า...เพื่อน...
เมฆรู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูกเวลาที่แพรวาขอความช่วยเหลือ เพราะรู้สึกว่าตนเองเป็นคนสำคัญของแพรวา
เมฆชอบไปขลุกอยู่ที่บ้านแพรวาในวันหยุดเพราะรู้สึกอบอุ่นมากกว่าอยู่กับพ่อของตนเองซะอีก
คุณพ่อของแพรวาเป็นคนใจดีผิดกับนายตำรวจหลายคนที่เมฆเคยเห็น เมฆยิ้มก่อนจะหลับตาลงอีกครั้งมีแพรวานอนซุกตัวอยู่ข้างๆ
ท่าทางมีความสุข หลังจากนั้นไม่นานบรรยากาศในรถก็เงียบลงจนกระทั่งเข้าสู่จังหวัดอุตรดิษฐ์
คนที่นอนอย่างสุขสบายมาหลายชั่วโมงก็ร้องขึ้นเสียงดัง
“โอ๊ย..เมื่อยจังเลยอ่ะ”
เมฆเพิ่งจะหลับไปได้ไม่นานสะดุ้งตื่นขึ้นมา
"เต็มอิ่มแล้วหรือไง.. เมฆว่าใกล้ถึงจะปลุกแพร” เสียงบอกเรียบๆ เอื้อมมือมาลูบผมยุ่งๆ
ของแพรวาให้เข้าที่เข้าทาง
“อึมม..ถึงไหนแล้วเนี่ย”
เสียงหวานถามท่าทางยังงัวเงียมือเรียวยกขึ้นบีบคอตัวเองไปด้วย
“อีกครึ่งชั่วโมงคงถึงที่พัก
เป็นอะไรปวดคอเหรอ ไหนเมฆดูซิ” น้ำเสียงถามด้วยความเป็นห่วงมือหนาเอื้อมมากดนวดคอให้แพรวาท่าทีอ่อนโยนโดยไม่รู้ว่าทุกอากัปกิริยาของทั้งคู่เป็นที่สนใจของใครหลายคนตั้งแต่ขึ้นรถมาแล้ว
“อืม...แพรยังงงหัวอยู่เลย
เมื่อคืนกว่าจะทำรายงานอาจารย์มะลิเสร็จก็ปาเข้าไปเกือบตี 2
แน่ะ” เสียงบอกออเซาะเอียงคอมาซบไหล่เมฆ
ก่อนจะขมวดคิ้วทำหน้ายุ่งเพราะเสียงอีกฝ่าย
“สมน้ำหน้า”
เสียงบอกไม่จริงจังนักเพราะเคยเตือนแพรวาหลายครั้งแล้วเรื่องรายงานฉบับนี้
.. แพรวาไม่ค่อยชอบทำรายงาน จะรอวันสุดท้ายนั่นแหละถึงจะออกสตาร์ท
“ทำไมเมฆต้องสมน้ำหน้าแพรด้วย!”
พอได้ยินเมฆพูดแบบนั้นคนที่มีความขยันน้อยอยู่แล้วก็เริ่มออกอาการรวน
“อ้าว!...คนขี้เกียจก็ต้องชดใช้กรรมไง”
เมฆบอกไม่ยอมเข้าข้างแพรวาเหมือนเคย
“ไอ้บ้า! ไม่ต้องมาทำพูดดีเลย..แพรไม่ขยันเหมือนเมฆนี่..นี่แน่ะสมน้ำหน้าแพรเหรอ!!”
เสียงแหวดังตามด้วยเสียงดังอั๊ก..อั๊ก….
.....กร๊อด…
”เจ็บนะ...แพร!”
เมฆดุเริ่มโมโหหันมาจับมือแพรวาไว้แน่น
“ก็เมฆมาสมน้ำหน้าแพรก่อนทำไมล่ะ!”
คนที่ไม่รู้ว่าตัวเองผิดเริ่มพูดไม่รู้เรื่องเถียงฉอดๆ
อย่างไม่ยอมแพ้
“ก็เมฆบอกให้แพรทำตั้งนานแล้ว..แพรก็บอก.เดี๋ยว
เดี๋ยวอยู่นั่นแหละ แล้วเป็นไงรู้สึกหรือล่ะยังตอนนี้”
เมฆบอกจับมือบางไว้แน่นไม่ยอมปล่อยพอแพรวาพยายามบิดมือออกเมฆก็กำแน่นขึ้นไปอีกแพรวาเริ่มเจ็บน้ำตาคลอ
เมฆชะงักเพราะรู้ว่าตัวเองบีบแรงไปค่อยๆ คลายมือออก แพรวาสะบัดมือได้ดึงหูฟังปาใส่หน้าเมฆอย่างไม่พอใจ
เมฆขมวดคิ้วก้มหยิบหูฟังที่ตกลงบนพื้นขึ้นมาปากกำลังจะต่อว่า แต่ต้องใจอ่อนเพราะเห็นคนบ่อน้ำตาตื้นนั่งเช็ดน้ำตาป้อยๆ
เมฆได้แต่ถอนใจ
ไม่พูดอะไรค่อยๆ หลับตาลงศีรษะพิงเบาะ นานๆ จะแอบชำเรืองมองสาวน้อยข้างๆ
“นี่!....แพร.....แพร” คนขี้สงสารชวนคุย
“………”
เงียบไม่มีเสียงตอบ
“แพร....เมฆพูดเล่นน่ะ”
“……….”
“จะไม่พูดใช่ไม๊.....แพรวา!!!” ขี้สงสารก็จริง..แต่ก็มีโมโหนะ!
“………..”
“ไม่อยากพูด…ก็ไม่ต้องพูด…เมฆไม่ง้อแล้วนะเคยตัวจริงๆ เลยแพรเนี่ย!” เมฆบอก คนมีใจอยู่นิดเดียวยกมือขึ้นป้ายน้ำตาที่ร่วงแหมะๆๆ
ทันทีราวกับสั่งได้ เมฆส่ายหน้าใจอ่อนยวบแต่ไม่พูดอะไรปล่อยให้ร้องไปเดี๋ยวเหนื่อยก็หยุดเองนั่นเหละ
บทจะรั้นก็ไม่มีใครเกินแพรวา เมฆคิด
รถตู้วิ่งมาจอดปั๊มน้ำมันในอำเภอภูกระดึง
นักเรียนต่างลงไปทำธุระส่วนตัวและซื้อของอาจารย์คมกฤษที่ปรึกษาชมรมฯ อีกทั้งยังเป็นอาจารย์ประจำชั้นของเมฆและเพื่อนๆ
บอกให้นักเรียนรีบกลับมาขึ้นรถเพราะกลัวว่าจะมืดเสียก่อนที่จะไปถึงที่พัก
“หลีกทางหน่อย....แพรจะไปเข้าห้องน้ำ!”
เสียงแหวร้องบอก..ยังค้างอยู่น่ะเข้าใจม่ะ..แถมไอ้ตัวดีก็นั่งนิ่งอยู่นานแล้วไม่มีทีท่าว่าจะลุกขึ้น ทั้งๆที่คนอื่นก็ลงไปกันหมดแล้ว
“นึกว่าเป็นใบ้ซะอีก”
เมฆเงยหน้าขึ้นมาสบตา
จากตอนแรกที่สงสารแต่ตอนนี้บอกได้เลยว่า....หมั่นไส้
“นี่แน่ะ..!.”
คนนิสัยไม่ดีใช้เท้าเหยียบเท้าเมฆที่ยื่นออกมา
เด็กหนุ่มชักเท้ากลับไม่ทันเลยโดยเหยียบแบบเต็มๆ
“โอ๊ย! เจ็บนะ... แพร!!”
เมฆพูดกระโดดเหย็ง
ลุกขึ้นเดินตามหลังแพรวาที่วิ่งหนีลงจากรถ
“แพร..แพร.. รอด้วย”
เสียงแอนร้องตะโกนตามมาด้านหลังแพรวาที่กำลังวิ่งไปเข้าห้องน้ำ
“แอน แอนนั่งคันไหนอ่ะ” แพรวาหยุดชะงักหันมาตามเสียงเรียกถามเพื่อน
“แอนอยู่อีกคัน โน่นคันนั้นน่ะ”
ทันทีที่ตามมาถึงแอนรีบบอกแพรวาชี้ไปที่รถตู้อีกคันที่จอดอยู่หลังรถตู้ที่แพรวาและเมฆนั่งมา
“แอนนั่งกับแก้มตอนแรกแอนจะไปเรียกแพรแล้วแต่พอดีแก้มมันงอนเก้าเลยมาขอนั่งด้วยแล้วเมฆเดินมาพอดีเลยบอกจะไปนั่งกับแพรเอง” แอนบอก
“เป็นแบบนั้นเหรอ...รถคันของแอนเต็มหรือเปล่า”
แพรวาถามทำหน้าคิดตามคำพูดของแอน
ขณะที่ทั้งสองคนกำลังเดินไปเข้าห้องน้ำ
“ไม่เต็มหรอกรถแอนเป็นคันสุดท้ายที่ออกจากโรงเรียนแพรถามทำไมเหรอ”
เพื่อนสาวถามทำหน้าสงสัย
“ดีจังเลย งั้นขอแพรไปนั่งด้วยซิ”แพรวาบอกทำหน้ายินดี
“อ้าว..แล้วเมฆละจะนั่งกับใคร ก็เมฆบอกจะนั่งกับแพรนี่”แอนถามอย่างแปลกใจ
“ช่างเมฆเหอะ”
แพรวาบอกทำทีเป็นไม่สนใจ
แอนยิ้มไม่ได้ถามอะไรสงสัยงอนกันอีกแล้วสองคนนี้ สองสาวพากันเข้าไปจัดการธุระส่วนตัวในห้องน้ำ
เมฆมองตามแพรวาตั้งแต่ลงจากรถแล้วกำลังคิดว่าจะไปง้อเพราะ
ถ้าขืนปล่อยให้งอนแบบนี้ สงสัยวันนี้คงไม่ได้คุยกัน ขณะที่เมฆกำลังคิดอะไรเพลินๆ อยู่นั้นก็ต้องชะงักเพราะได้ยินเสียงร้องทักจากทางด้านหลัง
“พี่คะ...คือ..”
เมฆหันมาขมวดคิ้วมองหน้าสาวน้อยน่ารักสองคนที่กำลังเดินเข้ามาหาท่าทางเขินอาย
พยายามนึกอยู่ว่าเคยเห็นที่ไหนมาก่อน
“อ๋อ!
น้องนั่นเองพี่เคยเห็นเราที่ขอบสนามบ่อยๆ ขอบใจนะที่ไปเชียร์พวกพี่”
เมฆหัวเราะขยิบตายิ้มให้เด็กสาวอย่างขี้เล่น
“เอ่อ..คือพี่มีแฟนหรือยังคะ”
เสียงหวานถามอย่างอายๆ
เมฆอึ้งไปนิดก่อนจะพยักหน้าแทนคำตอบ
“ใช่ผู้หญิงที่พี่นั่งด้วยหรือเปล่าคะ” เสียงถามอย่างอยากรู้
“อึมมมม..”
เมฆตอบในลำคอคิดถึงคนที่เพิ่งทะเลาะกันเมื่อครู่
เด็กสาวหน้าจ๋อยก่อนเมฆจะขอตัวโบกมือให้เด็กสาวแล้วเดินไปเข้าห้องน้ำปล่อยให้สองสาวมองตามอย่างน่าสงสาร ขณะที่กำลังนึกถึงใบหน้าหวานอยู่นั้น
“โอ๊ย!...ไอ้..”
เมฆกำลังจะหันไปด่าเพราะอยู่ๆ
ก็โดนตบหัว
“เสน่ห์แรงนะมึง
ขนาดมายังงี้ยังมีสาวมาตอด...เหม่อห่าอะไรวะ! กูเรียกตั้งนานเสือกไม่ได้ยิน”
ชัฏบอกเดินมากอดคอเมฆ
เมฆไม่ได้พูดอะไร ตอนนี้ชัฏกับเขาเป็นเพื่อนที่สนิทกันที่สุดตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ทั้งๆ ที่ตอนแรกเขาไม่ชอบหน้าชัฏซักเท่าไร
สองหนุ่มพากันเดินไปเข้าห้องน้ำ เมฆแยกกับชัฏหลังจากออกจากห้องน้ำเพื่อมาขึ้นรถ
ขมวดคิ้วสงสัยเพราะยังไม่เห็นแพรวากลับขึ้นมาทั้งๆ
ที่น่าจะมาถึงก่อนเมฆนานแล้ว
“ถ้าเรียบร้อยแล้วก็รีบขึ้นรถเลย
ช่วยครูดูเพื่อนข้างๆ ด้วยว่ามากันครบหรือยัง” อาจารย์คมกฤษยืนรอนักเรียนอยู่ข้างรถร้องบอก
“ยังครับอาจารย์...แพรวายังไม่กลับมาเลยครับ”เมฆรีบบอก
“แพรวาไปนั่งรถคันหลังค่ะฝากให้หนูบอกอาจารย์ด้วย”เพื่อนที่ขึ้นรถเป็นคนสุดท้ายบอกอาจารย์คมกฤษ
อาจารย์คมกฤษพยักหน้ารับรู้
“งั้น.. ครบแล้วนะ เมฆเดี๋ยวครูไปนั่งกับเธอก็แล้วกัน”
เสียงบอกก่อนจะก้าวขึ้นไปนั่งด้านใน
หลังจากนั้นรถทั้งสี่คันก็ค่อยๆ เคลื่อนตัวออกจากปั๊มน้ำมันมุ่งสู่จุดหมายปลายทาง
ความคิดเห็น