[SF] เธอจะเชื่อไหม (Destiny)
วันนั้นถ้าฝนไม่ตก....ถ้าฟ้าไม่มืดมัว
และถ้าตัวฉันไม่ได้นั่งอยู่ตรงนั้น....แล้วเธอไม่ได้มายืนอยู่ข้างฉัน
............. เราก็คงไม่มีโอกาสได้พบกัน.......
ในวันที่ฟ้ามัวแบบนี้ สายฝนที่โปรยปรายลงมาทำให้ผมไม่สามารถออกไปไหนได้ แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร เพราะโดยปกติอาชีพของผมก็ไม่ค่อยได้ออกไปไหนกับใครเขาอยู่แล้ว
เวลาที่แสนสบายอย่างนี้ทำให้ผมค่อยๆละสายตาออกจาหน้าจอคอมพิวเตอร์ ผมพาตัวเองมาหยุดอยู่ที่ระเบียงกว้างของงห้องนั่งเล่น เปิดประตูบานใสนั้นออกเพื่อให้ห้องได้รับไอเย็น ม่านสีขาวผืนโปร่งพลิ้วไปตามแรงลม บรรยากาศแบบนี้เอง ที่นำพาให้หัวใจของผมโลดแล่นออกไปไกล.....
..... วันนั้น....ก็เป็นวันฝนตกเหมือนวันนี้สินะ............
“ครืน!! ....” เสียงฟ้าร้องทำให้ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมอง
“อ้าว...ฝนตกซะแล้ว” ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งเร่งสาวเท้าให้ยาวขึ้น สายตามองหาที่หลบฝน โชคไม่ดีเอาเสียเลยที่ฝนดันมาตกซะก่อนที่เขาจะถึงบ้าน ทั้งๆที่มันอยู่ถัดไปไม่กี่ซอยข้างหน้า
“เกือบเป็นลูกหมาตกน้ำซะแล้ว..” ใต้ชายคาหน้าคาเฟ่เล็กๆ เขาหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับละอองน้ำที่เกาะอยู่ตามปอยผม
“ขอโทษครับ ตอนนี้ร้านของเราปิดแล้วครับ” เสียงที่ดังขึ้นทางด้านหลัง ทำให้เขาต้องหันไปมอง เจ้าของเสียงคือชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ ในชุดผ้ากันเปื้อนสีดำเรียบ
“อ๊ะ!!! ผมแค่มาหลบฝนเท่านั้น ขอโทษครับนะครับ ผมเกะกะรึเปล่า”
“ถ้างั้นก็ไม่เป็นไรหรอกครับ” เมื่อรู้เหตุผล ชายหนุ่มก็ตอบออกไป น้ำเสียงที่อ่อนน้อมนั้นให้ความรุสึกที่น่าแปลกใจเมื่อได้ฟัง
เวลาผ่านไปเรื่อยๆ นาทีแล้วนาทีเล่า แต่ฝนเจ้ากรรมก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเสียที จนในที่สุด เสียงประตูบานเดิมก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“เอ่อ ถ้าคุณไม่รีบ..เข้ามาข้างในก่อนสิครับ” ชายคนเดิมเดินออกมาอีกครั้ง พร้อมกับชักชวนให้เขาเข้าไปหลบฝนในร้าน
เมื่อเดินเข้ามาในร้าน สิ่งแรกที่สัมผัสได้ คือกลิ่นหอมของกาแฟที่อบอวลอยู่ภายในร้าน เมื่อมองไปรอบๆ ก็พบว่าที่นี่เป็นเพียงคาเฟ่เล็กๆ มีโต๊ะเพียงไม่กี่โต๊ะ และเคาน์เตอร์บาร์เล็กๆที่อยู่ด้านในสุด เป็นร้านเรียบๆที่ถูกตกแต่งด้วยสีขาวนวล รับกับพื้นไม่สีอ่อนให้ความรู้สึกอบอุ่นเมือนบ้านหลังน้อย
ชายหนุ่มพาเขามานั่นที่เคาน์เตอร์บาร์ด้านใน
“คุณเป็นเจ้าของที่นี่เหรอครับ เอ่อ..” เขาเป็นคนเริ่มบทสนทนาก่อน แต่ก็ยังไม่รู้เลว่าชายคนนั้นชื่ออะไร
“ครับ ผมชื่อคังอิน เป็นเจ้าของร้านนี้” ชายหนุ่มตอบพร้อมรอยยิ้ม
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ ผมชื่ออีทึก ร้านของคุรน่ารักมากเลย ..” ดวงตาคู่สวยกวาดมองไปรอบๆ พลางชื่นชมให้เจ้าของร้านฟัง
“ขอบคุณครับ ...แต่นอกจากร้านสวยแล้วเนี่ย ของที่ผมทำยังอร่อยอีกด้วยนะ ถ้าคุณไม่รังเกียจ ...วันนี้เป็นโอกาสดีที่เราได้รู้จักกัน ผมไม่คิดเงิน ” ชายหนุ่มเอ่ยพร้อมรอยยิ้มที่ดูท่าทางภูมิใจ ว่าพลางหันไปหยิบข้าวของบนชั้นวางของด้านหลัง
“แต่..เอ่อ... จะดีเหรอครับ” ใบหน้าสวยกระอักกระอ่วนด้วยความเกรงใจ
“ดีสิ ไม่ต้องเกรงใจหรอก ขนมนี่วันนี้ขายไม่หมดน่ะ คุณไม่กิน ผมก็ต้องกินเองอยู่ดี” ชายหนุ่มหยิบขนมออกจากเตาอบแล้ววางมันบนจายใบเล็ก
เบอรี่พายอุ่นๆส่งกลิ่นหอมอบอวลไปทั่วร้าน ผลเบอรี่สีแดงชุ่มฉ่ำถูกอัดแน่นอู่ภายใต้แป้งพายเหลืองสวยหอมกลิ่นเนยน่าอร่อย
“น่าอร่อยจัง ”เขาว่าพลางสูดกลิ่นหอม
“เครื่องดื่มล่ะ จะรับอะไรดี”ชายหนุ่มถกแขนเสื้อขึ้นเพื่อความคล่องตัว เอ่ยถามคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม
“ขอเป็นชาละกันครับ” เขาตอบ สายตาละจากจานขนมชั่วครู่ เมื่อเงยหน้าขึ้นก้พบกับใบหน้าของเจ้าของร้าน
.....อืม ดูดีๆแล้วก็หล่อเหมือนกันนะเนี่ย....เขาคิดในใจ
“นี่ครับ...เป็นไงครับ อร่อยใช่มั้ย?” ชายหนุ่มส่งถ้วยชาให้ ถามความเห็นถึงขนมฝีมือเขาเอง
เขาไม่ตอบ ได้แต่พยักหน้าหงึกหงัก เคี้ยวพายตุ้ยๆ
.......อร่อยขนาดนั้นเชียว....น่ารัก......ทำไมนะ คนๆนี้ถึงทำให้เข้านึกถึงคำนี้ขึ้นมาได้....สงสัยเราชักจะเพี้ยนซะแล้ว
ทั้งสองคุยกันไปเรื่อยๆ เรื่องราวต่างๆ ถูกหยิบยกขึ้นมาเล่าราวกับว่าตนกำลังคุยอยู่กับเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันมาแสนนาน เรื่องแล้ว เรื่องเล่า จนเวลาล่วงเลยมาจนช่วงหัวค่ำ
“หา...ป่านนี้แล้วเหรอเนี่ย!...ผมคงต้องขอตัวก่อนล่ะครับ ค่ำมากแล้ว” เขาพลิกข้อมือขึ้นดูนาฬิกาพลางเอ่ยลากับคู่สนทนา
“อืม ...แต่ฝนยังไม่หยุดตกดีเลยนะ” เมื่อเห็นว่าฝนยังไม่หยุดตกดี จึงหยิบยกขึ้นมาเป็นข้ออ้าง
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ซาลงมากแล้ว” เขาตอบ พร้อมส่งยิ้มน้อยๆให้
“ถ้างั้น ..คุณเอาร่มไปด้วยนะ เผื่อระหว่างทางฝนอาจจะตกลงมาอีกรอบ คุณจะได้ไม่เปียก” ชายหนุ่มเริ่มมองหาบางสิ่ง สิ่งที่จะเป็นตัวเชื่อม ไม่ให้ความสัมพันธ์ที่เพิ่งจะเริ่มขึ้นนั้นต้องผ่านเลยไป
“จะดีเหรอครับ” เขารู้สึกเกรงใจที่จะต้องรบกวนคนๆนี้อีกครั้ง
“เอาไปเถอะครับ... มีเวลาว่าง ค่อยแวะมาคืน บ้านคุณอยู่ไม่ไกลนี่ครับ” ชายหนุ่มเดินไปส่งเขาที่หน้าร้านพร้อมกับส่งร่มคันเล็กให้
“ขอบคุณมากนะครับ วันนี้นอกจากผมจะไม่เปียกแล้วยังได้กินของอร่อยอีกด้วย ...ผมไปนะครับ”
ชายหนุ่มมองส่งเขาไปจนลับสายตา ระหว่างทางกลับบ้าน เขากระชับร่มในมือไว้แน่น พลางปล่อยให้ความรู้สึกยินดีนั้นโลดแล่นไป ..........อบอุ่น...
“เฮ้อ....” เสียงถอนใจบางๆดังออกมาจากริมฝีปากที่กำลังเผยยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว
อยากจะร้องเพลงเหลือเกิน ................. อะไรกันนะที่ทำให้เขารู้สึกอยากจะกระโดดโลดเต้นไปตลอดทางที่สายฝนชุ่เบามฉ่ำ โปรยปรายลงมาเป็นฝอยละอองบาง
“ ทึกกี้ .. ทึกกี้.....เป็นอะไรรึเปล่า ทำไมมานอนตรงนี้ ” ใครบางคนปลุกผมให้ตื่นขึ้นจากเรื่องราวในอดีต
“อือ...กลับมาแล้วเหรอ คังอินนน” เมื่อลืมตาขึ้นมาก็พบว่า เขาก็คือคนที่ผมนึกถึงเมื่อกี๊นี่เอง
“ทำไมมานอนตากลมอยู่ตรงนี้ล่ะ เดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก” คังอินพูดเป็นเชิงดุผมหน่อยๆ เขาว่าพลางยื่นหน้าเข้ามาใกล้ วัดอุณภูมิร่างกายของผมผ่านทางหน้าผาก
“ ชั้นไม่ป่วยหรอกน่า เพราะว่าตอนนี้ชั้นกอดหมีอ้วนอยู่ อุ๊นอุ่น!!!” ไม่พูดเปล่า โผเข้าไปกอดให้หายคิดถึงซะหน่อย
“นี่ ไม่ต้องเลย เดี๋ยวไม่สบายขึ้นมาจะยุ่ง ไปอาบน้ำเลย” คังอินส่ายหน้าน้อยๆ แล้วไล่ให้ผมไปอาบน้ำ
.... เมื่อออกมาจากห้องน้ำ ผมก็เห็นว่าคังอินนั่งรออยู่ที่โซฟาในห้องนั่งเล่นอยู่ก่อนแล้ว ในมือถือไดร์เป่าผมเอาไว้....
“อ้าว เสร็จแล้วเหรอ ...มานั่งนี่ มา” คังอินว่าพลางตบที่โซฟา ที่ข้างๆเขา
“นี่คังอิน...”ผมเรียกคนที่นั่งอยู่ข้างหลัง
“หือ ว่าไง” เขาตอบไปพลาง มือก็ซับละอองน้ำที่เกาะอยู่บนเส้นผมของผมอย่างเบามือ
“นายว่ามั้ย ว่าเราสองคนเนี่ยมาเจอกันได้ยังไงนะ”
“ อืม นั่นสิ ว่าแต่ถามทำไมเนี่ย”
“นายว่าเป็นไปได้ไหม ว่าโชคชะตาพาให้เรามาเจอกันน่ะ” ผมถามออกไปตามที่ใจคิด
“ ไม่รู้สิ ชั้นว่าอาจจะเป็นฝนก็ได้นะ เมฆที่มืดครึ้มพานายมาเจอฉันไง” คังอินตอบ คำตอบนั้นมันทำให้ผมต้องแอบยิ้ม .... นี่เขายังจำได้ด้วยเหรอเนี่ย.......
คังอินไม่ได้พูดอะไรต่อ ส่วนผมก็นั่งยิ้มแล้วก็แอบดีใจอยู่คนเดียว
“คังอินนน......”ผมทำลายความเงียบขึ้นมาอีกครั้ง
“หือ...”
“ขอบคุณนะ ที่นายกับฉันได้มาพบกัน.......”
คังอินไม่ได้ตอบอะไร แต่ความรู้สึกดีๆที่เขาตอบรับคำพูดของผมนั้น มันส่งผ่านมาทางอ้อมกอดอบอุ่นที่สวมกอดจากทางด้านหลัง วงแขนแกร่งนั้นกระชับไหล่บางๆไว้ด้วยความมั่นคงและอบอุ่น
เธอจะคิดเหมือนฉันมั้ย......ว่าความรักของสองเรานั้นได้ถูกกำหนดไว้ก่อน
และชีวิตองเราก็ถูกวางไว้ให้พบกัน
แล้วเธอจะเชื่อไหม ......ว่าหัวใจของฉันนั้นเฝ้ารอเธอยู่ ในทุกๆวัน
และจะรอจนถึงวันนั้น ที่ฝันเป็นจริง
-----------------------------------------------------------------------------------------
จบแล้วค่ะ เรื่องแรก (เพลงเธอจะเชื่อไหม ของ พี่ก้อ ณัฐพล ค่ะ เพราะมากๆ)
คือแต่ละเรื่องมันจะจบในตอนอ่ะค่ะ แล้วต่อเนื่องกัน
มันคงเป็นฟิคที่ไม่มีอะไรในกอไผ่ 555 ขอโทษด้วยนะคะ
ขอบคุณมากนะคะ ที่เข้ามาอ่าน
ถ้าช่วยทิ้งข้อความติชม แนะนำ หรืออื่นๆไว้ก็ขอบคุณมากๆเลยค่ะ เราจะด้รู้ว่ามีคนมาอ่านบ้างป่าว5555
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น