คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #25 : จับกุมครั้งที่ 21 [100%]
ภายในบ้านของลลิดา เธอกำลังนั่งอ่านหนังสือเล่มโปรดแต่ใจลอยไปนึกถึงเรื่องเก่าๆที่มีความสุขกับครอบครัวของแบมแบม ตั้งแต่ที่เกิดเรื่องไม่ดีกับครอบครัวแบมแบม เธอต้องทำหน้าที่แม่และน้าที่ดีให้กับเขา ถึงจะเหนื่อยและบางครั้งอยากจะคุยกับพี่สาวของตนบ้างแต่มันทำไม่ได้ เธอได้แต่มองดูรูปที่เคยถ่ายด้วยกันและพูดระบายออกมา มันยากกับการที่จะเลี้ยงเด็กคนหนึ่งให้เป็นคนดี อีกทั้งเธอไม่เคยมีลูกจึงถือว่าเป็นเรื่องยากสำหรับเธอ หลายครั้งที่แบมแบมพบเหตุการณ์ที่เธอคุยกับแม่ของเขากับรูปถ่ายเขาจึงตั้งใจเป็นภาระให้กับลลิดาให้น้อยที่สุด ตั้งใจเรียนและรับทำงานพาร์ทไทม์บ้าง
“อ่านอะไรอยู่หรอครับ”
เสียงแบมแบมพูดขึ้นหลังจากที่เปิดประตูเข้ามาและเห็นน้าของตนก้มหน้าอ่านหนังสืออยู่
เมื่อลลิดาที่ตกอยู่ในภวังค์นานๆได้ยินเสียงแบมแบมเข้าก็ทำเธอสะดุ้งตกใจ
“เปล่าน่ะ
น้ากำลังคิดอะไรเพลินๆ”
“ผมไม่เห็นพี่เจบีเลยอะครับ
ช่วงนี้น่าจะงานหนัก”
"เดี๋ยวพี่เขาว่างก็แวะมาหาเราเองแหละลูก"
ภายในบ้านของบอสใหญ่จินยองกำลังเตรียมอาหารกลางวันอยู่นั่น
บอสใหญ่ก็ได้เดินเข้ามาหาเขา ภายในห้องครัวเงียบสงัด จินยองไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไรเพียงแต่ก้มหัวเคารพเท่านั้น
จู่ๆก็เป็นฝ่ายบอสเองที่พูดขึ้นมาก่อน
“วันพรุ่งนี้ฉันจะไปบ้านพักตากอากาศ
ฉันจะให้นายไปด้วย เตรียมคิดเมนูอร่อยๆด้วยล่ะ”
เมื่อพูดจบเขาก็เดินออกไปพร้อมกับหยิบไก่ทอดชิ้นพอดีคำที่จินยองเตรียมเสิร์ฟสำหรับกลางวันนี้เข้าปาก
ดูบอสใหญ่จะชอบฝีมือการทำอาหารของจินยองเข้าให้แล้ว
“ลูกชายฉันต้องชอบอาหารฝีมือจินยองแน่ๆ” บอสใหญ่พูดขึ้นเมื่อเดินพ้นผ่านประตูห้องครัวไปแล้ว
ยองไม่ทันฟังว่าบอสใหญ่พูดอะไรเพียงแต่ได้ยินชื่อตัวเองแว่วๆเท่านั้น
หลังจากบอสใหญ่รับประทานอาหารกลางวันเสร็จจินยองก็ต้องเก็บกวาด
เช็ดโต๊ะและล้างจาน ระหว่างที่เขาล้างจานอยู่เงียบๆนั้น
พอร์ชและมินแจก็เดินเข้ามาหา
“เหนื่อยไหมวะ
จัดการเองทุกอย่าง” พอร์ชพูดขึ้น
“ไม่หรอก
แต่บ้านใหญ่ขนาดนี้ทำไมมีแม่บ้านน้อยจัง” ได้ยินอย่างนั้นมินแจจึงเป็นฝ่ายตอบคำถามของจินยอง
“มันก็เคยมีเยอะนะแต่ช่วงนี้บอสเซฟตัวเองน่ะ”
“เซฟตัวเอง?”
“อ๋อ ปะ..เปล่า ก็แบบ คงเบื่อล่ะมั้งที่เห็นแม่บ้านเยอะไปหมด”
“อ๋อ” จินยองทำเป็นเข้าใจแบบไม่สงสัยอะไร
ได้ยินแบบนี้เขาก็พอจะรู้แล้วว่าบอสใหญ่กำลังระวังตัวเองอย่างมาก แต่ไม่ทันคิดว่าคนที่เขาชอบฝีมือทำกับข้าวนักหนาเนี่ยคือสายสืบของตำรวจ
บอสใหญ่ไว้ใจพอร์ชและมินแจมากเกินไป
แค่จินยองจัดฉากทำเป็นไปช่วยมินแจและพอร์ชก็ไว้ใจเขาแล้ว
โรงพัก
มาร์ค
แจ็คสันและแทฮยองที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เขาทั้งสามดูอ่อนเพลียเพราะวันนี้มีประชาชนมาแจ้งความเยอะมาก
ยังโชคดีที่ไม่มีเหตุร้ายเกิดภายนอก
“วันนี้หมวดจินยองหยุดหรอครับ” แทฮยองถามขึ้นหลังจากถือกาแฟเข้ามาสองแก้วให้กับมาร์คและแจ็คสัน
ก่อนจะยื่นให้ทั้งสองคน
“ขอบใจ” แจ็คสันกล่าว
“จินยองหรอ
น่าจะยังอยู่กับที่บ้านน่ะ เห็นว่างานศพคุณตาทำพิธีหลายวัน”
“งั้นแสดงว่าหมวดจินยองก็ลายาวๆเลยสิครับ”
“ใช่
แต่จินยองทำงานแทบไม่ได้หยุดเลย ถือได้พักผ่อนไปในตัวด้วย”
“คิดถึงจินยองใช่ป้ะ” แจ็คสันหันมาถามด้วยสีหน้าจริงจังก่อนที่แทฮยองจะทำตัวไม่ถูก
“ฉันคิดถึงมันมาก! ไม่มีใครมาด่าเล้ย!” แทฮยองแอบถอนหายใจข้างใน
เขานึกว่าแจ็คสันจะจับได้ซะอีกว่าเขาแอบชอบหมวดจินยอง
“กูด่าให้มะ
แทนไอจินยองมัน เออจะว่าไปก่อนมันจะหยุดยาวๆมันก็ฝากกูให้ด่าอยู่นะ”
“ไม่ต้องเลยไอมาร์ค
มึงจะหลอกด่ากู!” แทฮยองแอบขำแจ็คสันและมาร์ค
รอยยิ้มที่ดูใสซื่อเหมือนไม่น่าใช่คนไม่ดี
มาร์คที่ทำทียกถ้วยกาแฟขึ้นจิบแต่ตาก็ยังจ้องมองไปที่เด็กหนุ่มข้างหน้าอย่างสงสัย
“ระวังแทฮยองไว้ให้ดีๆ”
คำที่เจบีบอกกับเขาก่อนที่มาร์คจะเดินออกจากห้องขังนักโทษชั่วคราว
“ตื๊ดๆ….” เป็นอีกครั้งที่แบมแบมโทรหาพี่ชายของตนเองไม่ติด
เจบีหายไปหลายวันแล้วโดยไม่มีการติดต่ออะไรเลย
ถึงมาร์คจะบอกว่าเจบีไปปฏิบัติหน้าที่ก็เถอะ แต่อย่างน้อยก็น่าจะติดต่อกลับมาบ้าง
“ไง โทรหาแฟนอ๋อวะไอแบม” เสียงบีไอดังขึ้นหลังจากที่เห็นแบมแบมยืนขมวดคิ้วกับโทรศัพท์
“อย่ามายุ่ง”
“วันนี้ดุจังว้า” บีไอยื่นมือลูบคางของแบมแบมเบาๆอย่างยั่วยุ
“ไม่มีอารมณ์มาตีด้วยหรอกนะ” แบมแบมมองค้อนก่อนจะหยิบกระเป๋าและเดินหนีจากบีไอ
แบมแบมมีแพลนว่าจะไปร้านคาเฟ่ของฟ้า
เจ้าตัวเดินมาเรื่อยๆระหว่างทางก็คิดถึงเรื่องของเจบี มันแปลกๆเกินไป
ถึงมาร์คจะบอกว่าเจบีไปปฏิบัติงานที่ชายแดนอาจไม่มีเครื่องมือสื่อสารหรือสัญญาณโทรศัพท์
มันแปลกที่ก่อนหน้าจะไปเจบีก็ไม่บอกอะไรเขาเลย
เรื่องนี้ทำให้แบมแบมคิดมากจนแสดงสีหน้ากังวลออกไปแต่ตัวเขาเองคงไม่รู้ตัว
“เจ้าแบม” เป็นยุนอาที่เดินเข้ามาทักทายตบบ่าแบมแบมหลังจากที่เห็นบวกกับสีหน้าไม่ดีนั้นอีก
“อ้าวพี่ยุนอาพี่ชยอนู
สวัสดีครับ” แบมแบมยกมือไหว้ทักทายทั้งสอง
“เป็นอะไรเราทำไมถึงทำหน้าเหมือนกังวลอะไรอยู่” ชยอนูถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง
“ใช่หน้าแกมันดูกังวลมากๆ
เรื่องในครอบครัวหรือเปล่า”
แบมแบมไม่ตอบเพียงแต่พยักหน้าเป็นคำตอบ
ยุนอายกมือขึ้นลูบหัวน้องเบาๆ
ก่อนจะยิ้มให้กำลังใจ
“พี่ไม่รู้หรอกว่าเรื่องอะไรแต่พี่เชื่อว่ามันจะต้องดีขึ้น” ได้ยินอย่างนั้นแบมแบมจึงเข้าไปกอดยุนอา
เหมือนเด็กน้อยที่ยุนอาก็ไม่ค่อยเห็นน้องในมุมนี้นัก
รวมถึงชยอนูที่เอื้อมมือมาลูบผมแบมแบมเบาๆ
“ไปคาเฟ่กันไหมพี่” แบมแบมถามขึ้น
“ไปดิปะ
เดี๋ยวฉันเลี้ยง”
แบมแบม ยุนอา
ชยอนูทั้งสามครเดินจากมหาลัยมาร้านคาเฟ่ของฟ้าเพียงห้านาที
ชยอนูและยุนอาเดินเอากระเป๋าไปวางที่โต๊ะ
เป็นแบมแบมที่มาถึงก็เดินไปหน้าเคาท์เตอร์สั่งเมนูเครื่องดื่มจากฟ้าทันที
“อ่าวแบม
ไม่เห็นหน้าเลยนะ” ฟ้าเอ่ยทักเด็กหนุ่มตรงหน้า
“งานเยอะอะพี่
ช่วงนี้งานเยอะมากไหมพี่ ผมอาจเจียดเวลามาช่วยได้”
“ไม่ค่อยเยอะมากหรอก
เยอะเป็นช่วงๆ แต่ฉันกับแฟนก็ช่วยกันถึงบางครั้งจะคิดถึงแกก็เถอะ
แต่ก็รู้อะว่าแกคงยุ่งๆ”
“อีกอาทิตย์นึงก็ปิดเทอมละครับ
คราวนี้จะอยู่ให้เบื่อหน้าไปเลย”
พูดจบแบมแบมก็หันไปสนใจตู้เค้กและพินิจเลือกชิ้นที่อยากกินที่สุด
ยุนอาและชยอนูเดินมาที่เคาท์เตอร์
ฟ้ายิ้มทักทายทั้งสองก่อนจะเอ่ยแซว
“แหนะ ใช่มะๆ”
ฟ้าไม่พูดอะไรมากแต่สิ่งที่พูดออกมาทำเอาชยอนูยืนเงียบๆไม่พูดอะไรเพราะอาย
เป็นยุนอาที่พูดขึ้น
“ใช่ ทำไมหย๋อพี่ฟ้า” พูดจบก็ทำทีกอดแขนชยอนู ฟ้าที่เห็นอย่างนั้นจึงแกล้งเบะปากใส่
แต่ก็นึกขำแต่ก่อนยุนอาชอบมาเล่าเรื่องชยอนูให้เธอฟังบ่อยๆ สมัยที่แอบชอบชยอนู
แต่ตอนนี้ได้เป็นแฟนกันแล้วช่วงนี้หลอดพลังของความสุขคงเต็ม
“แฮ่ม” แบมแบมทำทีกระแอมขึ้นหลังจากเห็นยุนอากอดแขนชยอนู
“อะไรติดคอบวมบวม”
“เปล่าครับ
คู่รักเลือดสาด”
“เห่ยทำไมเรียกงั้น
ฮ่ะๆ” ฟ้าที่ได้ยินอย่างนั้นจึงถามด้วยความสงสัย
“ก่อนจะคบกันอะพี่
มีเหตุการณ์ตีกันนิดหน่อย พี่ชยอนูซวยอะเพราะอีกฝ่ายมันเล่นงานผิดคน”
“อ๋ออออ
แล้วตอนนี้นายเป็นไงบ้างชยอนู”
“หายดีแล้วครับ
ขอบคุณนะครับ” พูดจบชยอนูก็ยิ้มขอบคุณให้กับฟ้า
“แหงแหละ ยาดีอะดิ๊”
แบมแบมเอ่ยแซวทำให้ชยอนูหันหน้าไปอีกทาง
เพื่อหลบสีหน้าของเขาที่กำลังเขินอาย
“นี่ก็อายเก่ง”
ยุนอาหันไปตีแขนชยอนูเบาๆด้วยความมันเขี้ยว “นี่ก็แซวเก่ง” แบมแบมไม่ตอบอะไรเพียงแต่ยักไหล่กวนๆใส่อีกฝ่าย
“กริ๊งกริ๊ง” เสียงกระดิ่งของร้านดังขึ้นทำให้แบมแบมหันมองไปที่ประตู
เป็นมาร์คที่เปิดประตูเข้ามา แบมแบมก้มหัวทักทายก่อนจะทำทีหันไปสนใจเค้กในตู้โชว์
ตึกตึก
ไม่ใช่เสียงรองเท้าของตำรวจแต่เป็นเสียงใจของแบมแบมที่จู่ๆก็เต้นแปลกๆ
เจ้าตัวที่รู้สึกๆด้ของใจที่เต้นแปลกๆจึงเกิดความสงสัยในตัวเอง
วันนี้มาร์คทำไมดูเปล่งประกายแปลกๆ
ดูดีขึ้น ทั้งๆที่มาร์คก็ใส่ชุดฟอร์มเป็นปกติ
เขาทั้งเคยเห็นมาร์คแบบใส่ชุดฟอร์มและนอกเครื่องแบบมาแล้วแต่ไม่เคยรู้สึกเหมือนวันนี้เลย
“สวัสดีแบมแบม” มาร์คเอ่ยขึ้น
“สวัสดีครับหมวด” ไม่มีสนทนาต่อจากนั้น มาร์คเพียงเอ่ยทักทายแบมแบม
ปกติมาร์คจะดูอยากคุยกับเขามากกว่านี้
ฟ้าที่เห็นสถานการณ์ดูตึงๆจึงเริ่มเอ่ยถามเพื่อทำลายความเงียบ
“วันนี้ทานไรดีคะหมวด”
“ขอช้อคโกแลตเย็นแก้วนึง
หวานๆเลยนะ” มันผิดปกติเพราะปกติมาร์คจะดื่มหวานไม่มาก
“นั่งรอที่โต๊ะก่อนนะ
เดี๋ยวยกไปให้” มาร์คไม่ตอบอะไรเพียงแค่เดินไปเฉยๆ
แบมแบมที่เห็นอย่างนั้นก็รู้สึกได้ว่ามาร์คแปลกๆไป
มาร์คมานั่งที่โต๊ะติดริมหน้าต่าง
เหตุผลที่เขาแปลกๆไปแบบนี้เพราะเรื่องที่โรงพักทั้งนั้น เรื่องเจบี
เป็นห่วงจินยองไหนจะคอยจับตาแทฮยองอีก เขาอยากจะจบเรื่องบ้าๆพวกนี้สักที
อยากได้เจบีกลับมา พ่อเลี้ยงเจบีถูกจับได้จินยองจะได้ไม่ต้องปลอมตัวแล้ว
สักพักเมนูเครื่องดื่มที่มาร์คสั่งไปก็ถูกยกมาเสิร์ฟเป็นแบมแบมที่ยกมาเสิร์ฟให้กับเขา
“หมวดเป็นอะไรหรือเปล่าครับ”
มาร์คที่กำลังตกอยู่ในภวังค์ก็ได้สะดุ้งนิดหน่อยเพราะเสียงที่พูดกับเขานั้นเป็นเสียงของแบมแบม
“เอ่อ… เรื่องงานน่ะ”
“คือว่า
ถึงเราจะไม่ได้สนิทอะไรกันมาก แต่หมวดเล่าให้แบมฟังได้นะ”
การเรียกแทนตัวเองว่าแบมของแบมแบมจะรู้ไหมว่าทำให้อีกฝ่ายรู้สึกใจพองโตแปลกๆ
“ตอนนี้หมวดยังไม่รู้จะเริ่มพูดอะไรก่อน
อยากอยู่เงียบๆคนเดียว”
“อ๋อ…ครับ” แบมแบมรู้สึกหน้าชา
ไม่รู้ว่าคิดผิดหรือเปล่าที่เข้ามาคุยกับมาร์คแบบนี้
“ขอไลน์หน่อยสิ
เผื่อหมวดนึกออกว่าจะพูดอะไร แล้วจะทักไป”
วันถัดมา
เจบีอยู่ในคุกตำรวจมาหลายวันแล้วแต่ยังไม่มีทีท่าว่าทางผู้บังคับบัญชาการจะจัดการอย่างไร
เขานั่งอยู่ในนั้นแต่ละวันมันช่างผ่านไปช้าเหลือเกิน .ในตอนนี้คนที่เขาจะนึกถึงมากที่สุดก็คงจะเป็นแบมแบม
เด็กนั่นไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพี่ชายตัวเองอยู่ในคุก เจบีคิดว่าป่านนี้น้องชายคงรู้สึกกังวลที่จู่ๆเขาก็หายไปโดยไม่บอกแล้วก็คงไปถามพวกมาร์คและมาร์คก็คงเลือกที่จะโกหก
ซึ่งมันก็เป็นความจริงกับสิ่งที่เจบีคิด การที่เขาได้มานั่งในคุกของตำรวจนี้ทำให้เขามีเวลานึกถึงเรื่องราวต่างๆที่ผ่านมา
ถึงย้อนเวลากลับไปได้เขาก็ยังจะทำแบบนี้ ชะตาเขามันถูกกำหนดแบบนี้
เจบีจำต้องทนก้มหน้ารับชะตากรรมตรงนี้ไป
แต่อย่างน้อยสวรรค์ก็ไม่ได้เล่นตลกกับเขาไปซะหมด
ก็ยังส่งเพื่อนที่ดีและแบมแบมที่ยังมีชีวิตอยู่
“ก๊อกๆ” เสียงเคาะประตูดังขึ้นทำให้เจบีหบุดจากห้วงความคิดและหันไปมองที่ต้นเสียง
“ผอบอ” เจบีเพียงแต่พูดออกมาแต่กลับไร้ปฏิกิริยาตอบสนองเหมือนแต่ก่อนที่จะต้องลุกขึ้นทำความเคารพผู้บัญชาการอย่างแข็งขันแต่ตอนนี้แรงจะลุกยืนของเขายังจะไม่มี
เขาไม่กล้าทำแบบนั้นแล้ว ความเป็นตำรวจในตัวเขามันหายไปหมดตั้งแต่ที่จินยองยื่นปืนมาและตกใจที่บุคคลปลายกระบอกนั้นเป็นเจบี
หลังจากที่เจอผอบอแล้วเจบีก็ถูกนำตัวมายังห้องสอบสวน
มีผอบอที่นั่งอยู่ตรงข้ามเขา เจบีไม่กล้าสบตาผู้บังคับบัญชาการ เขาหักหลังอาชีพตัวเองและเขาพร้อมรับโทษทั้งหมด
“มันแย่ใช่ไหม
ในนั้นน่ะ” เป็นผอบอที่พูดขึ้นเปิดบทสนทนา
เจบีไม่ตอบอะไรเพียงแต่พยักหน้าเท่านั้น
“เงยหน้ามองผมเถอะหมวดเจบี”
เจบีรู้สึกแปลกใจที่ทำไมผู้บังคับบัญชาการของเขาถึงยังเรียกตัวเขาว่าหมวดเจบี
เมื่อได้ยินอย่างนั้นเจบีจึงค่อยเงยหน้าขึ้น
หน้าเจบีดูอ่อนล้า เหมือนคนที่ฝึกซ้อมหนักๆแล้วไม่ได้พัก
“คิดถึงน้องไหม”
“ครับ คิดถึง
น้องผมสบายดีใช่ไหมครับ น้องผมไม่ได้เป็นอะใช่ไหมครับ
ไอยอสใหญ่มันไม่ได้ทำอะไรน้องผมใช่ไหมครับ….”
“พอก่อนๆ ใจเย็นๆ
แบมแบมไม่เป็นอะไรทั้งนั้นแหละ น้องชายหมวดปลอดภัยดี” เมื่อได้ยินอย่างนั้นเจบีก็ได้ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งใจ
“ฉันขอโทษนะที่ปิดคดีครอบครัวนายไม่ได้
ฉันจับคนร้ายไม่ได้…” จู่ๆหัวหน้าก็พูดขึ้น “ฉันมันเป็นเพื่อนที่ไม่ดีเลยใช่ไหม ฉันขอโทษนะ พ่อนายน่ะ เป็นเพื่อนที่สุดที่ฉันเคยเจอมา” เจบีไม่พูดอะไร เขาไม่ใข่เด็กที่จะเข้าใจอะไรยาก
น้ำตาของเขาค่อยๆเอ่อล้นออกมา เขายังจำความรู้สึกนั้นได้ ความรู้สึกที่เขาสูญเสียทั้งพ่อและแม่ไป
“มันเป็นอดีตไปแล้วนะครับ”
“…”
“สักวันคนที่ทำลายชีวิตครอบครัวผมมันต้องได้รับผลกรรม
และจะต้องเป็นผมเองที่ลากมันลงนรก”
.”นายรู้ดีว่าใครที่เป็นเบื้องหลัง”
“ครับ”
“ส่วนเรื่องโทษของนายน่ะ
ฉันจะมาจัดการหลังจากที่จัดการบอสใหญ่ได้แล้ว”
“จริงหรอครับ” ผอบอพยักหน้าเป็นคำตอบ
“แต่ฉันปล่อยนายออกไปไม่ได้
มันอาจส่งผลกระทบต่ออะไรหลายๆอย่างรวมถึงน้องชายนายด้วย…ตอนนี้เพื่อนของนายหมวดจินยองกำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่”
“ปฏิบัติหน้าที่? บอกผมทีว่าจินยองไม่ได้ปลอมตัวเข้าไป”
เจบีมีสีหน้าเครียดขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด
ผอบอไม่ต้องอะไรเพราะจินยองปลอมตัวเข้าไปจริงๆ
“ถ้าบอสมันรู้ความจริง
จินยองได้ตายก่อนจะได้อ้าปากพูดแน่ๆครับ”
“ที่เพื่อนเสี่ยงขนาดนั้นหนึ่งมันคือหน้าที่และสองมันมาจากนาย
เพื่อนอยากจะช่วยนาย นายรู้ไหมว่าทุกคนรักนายขะ…”
“แต่ผมยังหักหลังพวกเขาได้ลงรวมถึงหักหลังอาชีพตัวเอง”
“ฉันเชื่อว่าถ้านายเลือกได้นายคงไม่ทำ” ผอบอพูดทิ้งท้ายไว้เท่านั้นก่อนจะลุกขึ้นยืนและเดินออกจากห้องสอบสวนไป
เจบีตกอยูในความเงียบ
เขาเหมือนจะร้องไห้ออกมาอีครั้ง ผอบอเหมือนเป็นคนที่ดูเขาออกที่สุดแล้ว ใช่
ถ้าเขาเลือกได้เขาจะไม่ทำมัน แต่เขาอยู่ในสภาวะที่เลือกไม่ได้ ก็ต้องก้มหน้าก้มตาทำตามคำสั่งไป
“ถ้าไม่มีเราสักคนมันคงจะดีกว่านี้”
“หมอ! ช่วยเขาให้ได้นะครับ ช่วยชีวิตเขาให้ได้มากที่สุดเท่าที่หมอจะทำได้ ได้โปรดเถอะครับ!!”
“โธ่เว่ย!!!”
“ไอมาร์คใจเย็นก่อน!! ไอมาร์ค ไอมาร์คมึงมองหน้ากู ตั้งสติ!! เจบีมันไม่เป็นอะไร
มึงเชื่อกู! นะ”
ตัดจบตอนมันแบบนี้แหละ55555 100%ละค้าบ ทำไมหมวดเจบีถึงเป็นงั้นไปได้กันนะ
คัมแบคจ้า มีใครคิดถึงหมวดมาร์คไหมคะ อิอิ ไรท์หายไปนานมากกกกก ตอนนี้กำลังเขียนอยู่นะคะแต่ก็แอบเอามาลงนิดหน่อยให้หายคิดถึง
*****ขอบคุณทุกคนมากเลยนะคะที่ยังติดตามพี่หมวดมาร์ค ไรท์ซึ้งใจมาก เกินคาดมากๆๆๆๆ T_T คิดถึงนะคะ กอดๆ <3
ความคิดเห็น