คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #24 : จับกุมครั้งที่ 20 [100%]
เช้าวันต่อมา
หลังจากที่มาร์คส่งข้อความฝากให้แทฮยองดูแลโรงพัก
แทฮยองก็รีบกลับมาจากบ้านพักตากอากาศแต่เช้าตรู่และมายังโรงพักทันที
“สวัสดีครับ” แทฮยองก้มหัวและกล่าวทักทายให้กับผู้รักษาความปลอดภัยหน้าโรงพักด้วยความอ่อนน้อมก่อนจะส่งยิ้มให้และเดินเข้าไปในโรงพัก
“น้องแทฮยองนี่เป็นคนดีจังเลยเนอะ
ยอมก้มหัวให้กับเราด้วย”
ชายที่ทำหน้าที่เป็นผู้รักษาความปลอดภัยหันไปคุยกับเพื่อนร่วมงานของตนซึ่งเป็นผู้รักษาความปลอดภัยเช่นกัน
“ใช่เลย
ขนาดเราเป็นแค่ยามนะ”
ทั้งสองชื่นชมแทฮยองหลังจากที่เขาเดินไปแล้วแต่ใช่ว่าจะเดินไปไกลกว่าที่แทฮยองจะได้ยินคำชมนั้น
“พวกโง่เอ้ย” เขาพูดออกมาเบาๆและกระตุกยิ้มมุมปาก
ทางด้านของมาร์คจูเนียร์และแจ็คสัน
ที่บอกว่าพวกเขานั้นมีธุระก็คือธุระเรื่องของเจบีนั่นเอง
ทั้งสามตอนนี้อยู่ที่บ้านของผู้บังคับบัญชาการหรือว่าพ่อเลี้ยงของแจ็คสันนั่นเอง
“พ่อครับ
ผมว่าเรื่องเจบีมันต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากล ผมเชื่อว่าเจบีมีเหตุผลเสมอ”
แจ็คสันพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงและมีสีหน้าที่จริงจังที่มักไม่ค่อยได้เห็นมากนัก
“ผมก็เชื่ออย่างนั้นครับผบ.”
จูเนียร์หรือจินยองพูดขึ้น
“ผม… รู้มาว่าบอสใหญ่ที่ค้ายานั่นคือพ่อเลี้ยงของเจบี”
“!!”
ทั้งสามคนมีท่าทีตกใจกับสิ่งที่มาร์คพูดออกมา
“หมวดรู้ได้ยังไง” เป็นผบ.ที่พูดขึ้นมาทำลายความเงียบ
เพราะมีแต่คนอึ้งกับสิ่งที่มาร์คพูด
“คือผม
แอบสืบประวัติมาน่ะครับ…จริงๆแล้วคนที่เซ็นรับเลี้ยงเจบีน่ะเป็นเพียงลูกน้องเท่านั้น
แต่คนที่เลี้ยงเจบีจริงๆคือบอสใหญ่”
“…” เมื่อมาร์คพูดจบก็เกิดความเงียบอีกครั้ง
“ผมว่าเราถามเบาะแสของบอสใหญ่จากเจบีดีไหมครับ” แจ็คพูดขึ้นทำลายความเงียบนั้น
“ใช่ๆ
มาร์คเราไปถามเจบีเรื่องบอสใหญ่กันเถอะ”
“ไม่ได้/ไม่ได้” ทั้งมาร์คและผู้บัญชาการพูดออกมาพร้อมกัน
มาร์คจึงเลิกคิ้วเล็กน้อยเพราะผบ.เหมือนรู้อะไรอยู่สักอย่าง
“ให้ตายยังไงเจบีก็ไม่บอกหรอก”
ผบ.พูดขึ้นพร้อมเอื้อมมือไปหยิบแก้วกาแฟมาจิบกาแฟเพื่อปิดบังสีหน้าของตนเอง
มาร์คที่มองทุกการกระทำของผบ.แล้วรู้สึกตะขิดตะขวงใจจึงตัดสินใจพูดออกไป
“ผบ.มีอะไรจะบอกพวกผมหรือเปล่า”
“น้องชายเจบี”
“น้องชาย?” จินยองทวนคำพูดของผบ. พร้อมความรู้สึกที่งุนงง น้องชายอะไรกัน
“เจบีไม่มีน้องชายนะพ่อ”
“แบมแบม” มาร์คพูดขณะที่มองไปที่ผบ.อย่างไม่วางตา
ชายที่อายุมากกว่ามองกลับมาด้วยอาการอึ้งเล็กน้อยก่อนจะวางแก้วกาแฟลงและถอนหหายใจออกมาเฮือกใหญ่จากนั้นเขาจึงตัดสินใจพูด
“จริงๆแล้วฉันเป็นเพื่อนกับพ่อของเจบีและแบมแบม
เราเป็นเพื่อนกันตั้งแต่สมัยเด็กๆ พ่อของเจบีนั้นชอบที่จะปลูกต้นไม้
มีความฝันว่าอยากเป็นเจ้าของไร่ สวนต่างๆที่ต้องอยู่กับดอกไม้ใบหญ้าส่วนฉันก็อยากเป็นตำรวจเราสองคนมีความฝันที่ต่างกันมาก
เมื่ออายุ20เราต้องแยกจากกัน
ฉันต้องเข้ามาเป็นตำรวจที่เมืองกรุง
ส่วนเจ้านั่นก็กำลังจะสร้างครอบครัวกับสาวคนหนึ่งซึ่งก็คือแม่ของเจบีและแบมแบมนั่นเอง…”
ทั้งสามคนตั้งใจฟังที่ผบ.เล่าอย่างจดจ่อและมาร์คสังเกตได้ว่าผบ.กำลังแสดงด้านที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน
เหมือนผบ.ดูเศร้ามากๆและน้ำเสียงที่ดูสั่นเครือนั้นอีก
“แต่เจ้านั่นดันไปยืมเงินไอบอสใหญ่เพื่อมาทำไร่
สวนที่ตัวเองตั้งใจอยากจะทำ แต่ก็ไม่ได้สำเร็จตามที่หวัง ไม่มีเงินคืนเขา…ฉันก็รู้มาแค่นี้แหละ
แต่เรื่องที่ทำให้เสียใจมาตลอดคือฉันไม่สามารถปิดคดีของเจ้านั่นได้…”
“คดีฆ่ายกครัวใช่ไหมครับ”
มาร์คพูดขึ้น
“ใช่
ฉันโทษตัวเองมาตลอดว่าฉันไม่ดีพอ ถึงตามจับอะไรไม่ได้เลย อีกทั้งสองคนนั้นฉันก็หาไม่เจอแม้กระทั่งศพ…” แจ็คสันเห็นท่าไม่ดีของพ่อเลี้ยงตนจึงเดินไปกอดปลอบ
“พ่อทำดีสุดแล้ว
พวกผมจะทำคดีนี้เอง ผมจะพยามให้มันดีที่สุด”
“ตอนนี้ผมว่าเราต้องจับไอบอสให้ได้ในฐานะนักค้ายาเสพติดก่อนนะครับ
แล้วถึงจะสาวคดีของพ่อแม่เจบีไปด้วยเลย” มาร์คพูดขึ้น
จินยองแจ็คสันและผบ.ก็ต่างเห็นด้วย
“เราจะเข้าไปเป็นลูกน้องมันไหม”
จินยองพูด
“กูว่ามันเสี่ยงไป
พวกลูกน้องมันเคยเห็นหน้าเราแล้ว… หรือว่าจะแทฮยองดี”
เมื่อแจ็คสันพูดจบมาร์คก็นุกได้ว่าคำสุดท้ายที่เจบีพูดกับเขาคือให้ระวังแทฮยอง
เขาไม่รู้หรอกว่าระวังเรื่องอะไร แต่ตอนนี้เขาจะต้องจับตาสังเกตแทฮยองเป็นพิเศษ
“เราต้องหาหลักฐานเพื่อมามัดตัวบอสใหญ่
หลักฐานอะไรก็ได้ ยิ่งเยอะยิ่งดี มันจะได้ดิ้นไม่หลุด” แจ็คสันพูดจบทุกคนเหมือนจะเห็นด้วยทุกอย่างเว้นแต่มาร์คที่ยังไม่เห็นด้วย
“ไม่เอาแทฮยอง”
“กูก็ได้นะ
กูไม่ค่อยได้ออกไปบู้เท่าไหร่ พวกมันคงไม่เคยเห็นหน้ากู”
จินยองพูดขึ้น เขาอยากช่วยเจบีไม่ว่าจะด้วยวิธีอะไร
เขาไม่อยากให้เพื่อนเขาติดคุกเพราะพ่อเลี้ยงเลวๆคนนั้น
ทั้งสี่คนได้ตกลงแผนกันเรียบร้อยโดยจินยองจะเข้าไปเป็นลูกน้องและเอาข้อมูลที่จะมัดตัวไอบอสใหญ่ให้มากที่สุดโดยจินยองจะเข้าปลอมตัวเป็นลูกน้องของบอสใหญ่ในอีก3วันข้างหน้า
ระหว่างนี้พวกเขาก็ต้องทำงานในโรงพักตามปกติโดยที่เรื่องนี้ไม่แค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ก็คือพวกเขาทั้งสี่คน
มาร์ค แจ็คสัน จินยอง ผู้บังคับบัญชาการและหน่วยปราบปรามพิเศษ
ภายในวันเดียวกันของช่วงเวลาบ่ายสามโมงตอนนี้ทั้งสามคนอยู่ประจำโต๊ะของตนในโรงพัก
โดยที่มาร์คก็ไม่ลืมที่จะคอยจับตามองแทฮยองเป็นพิเศษ
หลายครั้งที่สายตาของมาร์คและแทฮยองสบกันพอดีแต่แทฮยองกลับไม่มีทีท่าตกใจหรือสงสัยอะไร
เขากลับยิ้มให้กับมาร์คทุกครั้งไป มาร์คนั่งอ่านแฟ้มคดีของครอบครัวเจบีก็ได้แต่ถอนหายใจ
เพราะในแฟ้มนั้นมีแค่รูปของพ่อแม่เจบีและรูปถ่ายในบ้านที่ข้าวของกระจัดกระจายบ่งบอกว่ามีการบุกรุกเท่านั้น
มาร์คที่นั่งเงียบๆอยู่บนเก้าอี้มาสักพักก็ได้ถอนหายใจออกมา
แทฮยองที่เดินมาแล้วเห็นพอดีจึงถามขึ้น
“หมวดมาร์คเป็นไรหรือเปล่าครับ” แทฮยองถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง เขาดูปกติดีทุกอย่าง
ไม่มีท่าทีของคนไม่ดีเลยสักนิด
“…”
“ผมเอาน้ำหวานๆมาให้ดื่มไหมครับ
เผื่อหมวดจะได้รู้สึกดีหน่อย”
“…เป็นคนดีจังนะ”
มาร์คพูดพร้อมเงยหน้ามองอีกคน
“คะ..ครับ”
แทฮยองกำลังทำตัวไม่ถูกหลังจากมาร์คได้เอ่ยชมเขา
มาร์คเห็นอย่างนั้นจึงโน้มตัวมาข้างหน้าและตั้งศอกสองข้าง
นิ้วมือสองข้างประสานกันและค่อยๆเอาคางวางลงไป
เขายิ้มกระตุกมุมปากหนึ่งทีก่อนที่จะพูดเอ่ยคำขอบคุณ
“ขอบคุณนะครับ”
“เรื่องเล็กน้อยมากเลยครับหมวด
เดี๋ยวผมไปเตรียมช้อคโกแลตเย็นมาให้นะครับ” พูดจบแทฮยองก็รีบเดินออกไปและเดินไปยังห้องครัว
แต่มาร์คที่ได้ยินคำว่าช็อคโกแลตเย็นก็นึกถึงแบมแบมขึ้นมา
หันหน้าไปมองนาฬิกาก็นึกได้ว่าแบมแบมคงเลิกเรียนแล้ว ตอนนี้คงอยู่ที่ร้านน้ำของฟ้า
“กำ
ไม่น่าสั่งแทฮยองไปเลย น่าจะสั่งกับร้านฟ้า”
“บ่นไรคนเดียวครับเพื่อน” แจ็คสันที่เพิ่งกลับจากห้องน้ำได้ถามขึ้น
“ป่าวว” มาร์คลากเสียงกลบเกลื่อน
กลัวแจ็คสันจะรู้ว่าเขาน่ะกำลังนึกถึงเด็กแก้มบวมคนนึงอยู่
“พิม้ากๆๆ”
“อย่าเชียงดังจิมินยี่!”
“หื้ม
เสียงเหมือนน้องมึงเลยมาร์ค เสียงมาจากตรงที่รับแจ้งความอ่ะ”
มาร์คชะเง้อมองตามเสียงที่ได้ยินแว่วๆ หรือสองแสบและแม่จะมาหาเขา
“กูว่าใช่”
มาร์ครีบลุกออกจากโต๊ะและมุ่งไปตรงที่แจ้งความโดยเดินผ่านหน้าแทฮยองไปอย่างไม่ได้สนใจอะไร
“อ่าวหมวดครับ
ช็อคโกแลตเย็นดะ..ได้แล้ว
อ่าว”
แทฮยองมองหลังของมาร์คและยกมือขึ้นเกาหัวตัวเองอย่างงงๆ
“อันนี้ทำให้มาร์คหรอกๆ
ขอกินนะ”
แจ็คสันที่เห็นเหตุการณ์ตรงหน้าจึงฉวยโอกาสหยิบช็อคโกแลตเย็นที่แทฮยองเตรียมมาให้มาร์คไปเลย
“มาร์คไม่กินแล้วล่ะ
ขอน้า”
“…คะ..ครับ”
แทฮยองเดินกลับมาห้องครัวและโยนถาดที่รองช็อคโกแลตเย็นลงอ่างล้างจานอย่างไม่สบอารมณ์
ในใจเขาคิดเพียงว่าอยากจะออกไปจากที่นี้เร็วๆ แต่ก็ยังไปไหนไม่ได้
เพราะพ่อของเขากำลังจะขนยาล็อตใหญ่ เขาต้องอยู่เพื่อเป็นไส้ศึกไปก่อน
ส่วนเรื่องของจินยองที่เขาแอบชอบนั้นดูท่าทางจะไม่ได้พัฒนาความสัมพันธ์ได้ง่ายๆ
ดูเหมือนว่าจินยองจะสนใจเจบีและผองเพื่อนมากกว่า ไม่มีช่องว่างให้เขาแทรกเลย
“ผมอยากจะรู้ว่าคุณจะเลือกผมหรือไอคนคุกนั้น” แทฮยองพูดขึ้นแต่ทว่าได้ยินเสียงฝีเท้ากำลังเดินตรงมาในครัวเขาจึงรีบหยิบถาดในอ่างล้างจานและทำเป็นกำลังเก็บเข้าชั้นให้เรียบร้อย
“ฉันก็นึกว่าเขาเป็นอะไร
เสียงดังตกใจหมด” เป็นจินยองที่เดินเข้ามาและถามขึ้น “อ่าวแทฮยองเองหรอ”
“อ่าครับ
ขอโทษทีนะครับหมวด เมื่อกี้ผมเผลอทำถาดหลุดมือแล้วมันตกใส่อ่างล้างจานน่ะครับ”
“ไม่เป็นไรๆ”
“ครับ..”
“เอ่อ… หมวดกินข้าวยังครับ”
ในห้องเกิดสภาวะที่เงียบและไม่มีใครพูดอะไร
จินยองกำลังล้างแก้วของตนเอง แทฮยองเลยตัดสินใจเป็นฝ่ายชวนคุยก่อน
“ยังเลย
ว่าจะเอาอาหารคาวหวานอร่อยๆที่แม่กับผมทำไปฝากเจบี แต่ก็ลืมไปว่าเยี่ยมไม่ได้แล้ว อุตส่าห์ตั้งใจทำเค้กฝอยทองสุดฝีมือเลยนะเนี่ย” จินยองที่กำลังล้างฟองออกจากตัวแก้วน้ำได้พูดขึ้น
เขาพูดไปและล้างไปโดยไม่ได้สนใจหรือมองหน้าแทฮยองเลย
“หมวดชอบทำขนมหวานสินะครับ..อิจฉาหมวดเจบีจัง ได้ทานขนมอร่อยๆฝีมือหมวดด้วย..”
“ฮ่ะๆ” จินยองไม่ได้ตอบอะไรแต่กลับหัวเราะออกมาเบาๆ
“แล้ว…อาหารพวกนั้นล่ะครับ”
“ผมเอาไปให้ลุงยามหน้าโรงพักแล้วล่ะ
แกดีใจใหญ่เลย บอกไม่ได้กินฝีมือแม่ผมกับมานานแล้ว”
“ลุงยามหรอครับ
โชคดีจัง”
“ไม่แค่ลุงยามหรอกหน่า
คนอื่นๆในที่นี้ก็เคยกินหมดแล้ว” จินยองเอื้อมมือไปหยิบผ้าขนหนูมาเช็ดน้ำที่แก้วออก
โดยไม่ได้สังเกตว่าคนที่เขาสนทนาด้วยมีสีหน้าที่ไม่ค่อยดีนัก
“อ๋อ…ครับ”
แทฮยองรู้สึกน้อยใจนิดๆที่คงมีแค่เขาคนเดียวที่ยังไม่ได้ทานอาหารฝีมือจินยอง
“เป็นไรน่ะเรา
สีหน้าไม่ค่อยดีเลย” จินยองถามขึ้น
“อ๋อ
สงสัยง่วงๆน่ะครับ เมื่อเช้ามาเข้าเวรแต่เช้าเลย”
ทางด้านของมาร์คที่เดินมาดูว่าใช่แฝดกับแม่เขาหรือเปล่าที่มาหา
เพราะเสียงมันเหมือนมากๆ แถมยังมีชื่อว่ามินนี่ๆ และยังพูดไม่ชัดอีก
เมื่อมาร์คเดินมาถึงด้านหน้าที่รับแจ้งความก็ทำให้เขายิ้มกว้างออกมา
เพราะว่าสองแฝดและแม่มาที่นี้จริงๆ
“พิม้ากกกก!”
มินนี่และมิกกี้รีบวิ่งเข้าไปหามาร์คเมื่อทั้งสองเห็นมาร์คเดินออกมาจากห้องทำงาน
“นุคิดถึงพิม้าก”
“พ้มก็คิดถึง”
เด็กน้อยสองคนกำลังแย่งกันพูดคิดถึงพี่ชายของตนทำให้มาร์คยิ่งยิ้มกว้างขึ้นไปอีก
เด็กสองคนนี้คือขุมเอเนอจี้ของเขา ได้เห็นรอยยิ้มหรือได้ฟังเสียงหัวเราะของเด็กสองคนนี้เขาก็รู้สึกมีกำลังใจแล้ว
“แม่มีธุระอะไรหรือเปล่าครับถึงมาหาผมที่นี้เลย”
“จริงๆแม่โดนวิ่งราวน่ะลูก
แต่ว่าจับได้ละล่ะ”
“ลุงคงนั้นนิสายมะดีเลยย!” มิกกี้แฝดชายของมินนี่ได้ชี้ไปที่ผู้ชายผู้ที่วิ่งราวกระเป๋าคุณแม่ของเขา
ชายผู้ที่วิ่งราวได้นั่งก้มหน้าไม่กล้าสู้หน้าเด็กๆ
“คุณแม่ไม่ต้องหวงนะครับ
เดี๋ยวเราจะทำตามกระบวนกฎหมายให้” แจ็คสันพูดขึ้น
“ขอบคุณนะมากเลยนะ.. เอ๊ะ จินยองลูก” แม่ของมาร์คหันไปเจอจินยองที่กำลังเดินมาทางนี้พอดีเลยเอ่ยทักทาย
“อ่าว
สวัสดีครับคุณแม่”
จินยองเห็นอย่างนั้นจึงรีบวิ่งเข้าไปกอดทักทายแม่ของเพื่อนตนเอง
มือสวยเอื้อมไปลูบหัวจินยองเบาๆ
หญิงวัยกลางคนที่โดนกอดก็เอาแต่ยิ้มขำๆกับความน่ารักของเพื่อนลูกชาย
“หื้มม จินยองดูหม่นๆนะช่วงนี้
ระวังตัวหน่อยก็ดีนะลูก”
“…”
มาร์ค
แจ็คสันและจินยองต่างเงียบกับสิ่งที่แม่ของมาร์คพูดออกมา
แม่มาร์คอาจจะแค่บังเอิญพูดมันออกมาแค่นั้นก็ได้
แต่เจ้าตัวก็รู้สึกว่าหวั่นๆกับคำพูดของคุณแม่ของมาร์ค
“พิม้ากๆ
มินยี่หยักกิงหนมเค้ก”
“มิกจี้ก็ด้วยยย”
“ใช่
เมื่อกี้เราผ่านร้านคาเฟ่หนึ่งแถวๆสถานีตำรวจนี่แหละลูก
สองแฝดเห็นขนมเค้กแล้วอยากทาน แต่แม่พามาที่นี้ก่อน”
มาร์ครู้ว่าสองแฝดหมายถึงคาเฟ่ของฟ้า เขารีบดูนาฬิกาว่าตอนนี้กี่โมงแล้ว
เมื่อเห็นว่ายังอยู่ในเวลาที่ดีเขาจึงยกยิ้มขึ้นมา
“เดี๋ยวผมพาไปครับแม่”
หลังจากที่มาร์คพาแฝดและแม่ออกจากสถานีตำรวจด้วยหน้าตาที่สดใสสุดๆ
ทำให้แจ็คสันอดหรี่ตาสงสัยเพื่อนตัวเองไม่ได้ เพราะมาร์คดูสดใสผิดปกติ
“แบมแบมไง” จินยองพูดขึ้น
“หูยจู! รู้หรอว่ากูคิดไรอยู่”
แจ็คสันเบิกตากว้างหลังจากที่ได้ยินสิ่งที่จินยองเอ่ยออกมา
“หน้ามึงมันบอกทุกอย่างอ่ะไอเจ๊ก”
“เจ๊กพ่อง…”
ร้านน้ำของฟ้า
เสียงกระดิ่งดังขึ้นเป็นสัญญาณของคนเข้าออกร้าน
ฟ้าเงยหน้าจากสมุดบัญชีร้าน เมื่อเห็นว่าใครมาก็ทำเธอยิ้มออกมา
“ไอมาร์ค!”
“ชู่ว” มาร์ครีบส่งสัญญาณให้ฟ้าพูดเบาๆ พร้อมกับสอดสายตามองไปรอบๆร้าน
ชะเง้อมองจนฟ้าดูออกว่ามาร์คกำลังหาใคร
เพราะถ้ามองหาโต๊ะนั่งก็คงไม่ชะเง้อหานานมากหรอก
โต๊ะว่างก็อยู่ข้างหน้าเขาแต่เขาไม่ได้สนใจ
ฟ้ายิ้มขำให้กับเพื่อนชายคนเดียวของตัวเอง
ดูก็รู้ว่าหาเด็กน้อยแก้มบวมอยู่
“ไปส่งน้ำ” ฟ้าพูดออกมาแค่นั้นทำให้มาร์คกระแอมออกมาเบาๆ
ก่อนจะหันไปเปิดประตูให้กับแม่และแฝดที่เดินมาที่หลัง
“แม่นี่ฟ้า
เพื่อนผมเอง” แม่ของมาร์คยิ้มให้กับปลายฟ้า
ฟ้าเธอรีบยกมือไหว้กับผู้ที่อายุมากกว่าและยิ้มให้
ส่วนสองแฝดตอนนี้กำลังเกาะตู้วางเค้ก เด็กๆดูตื่นเต้นกับเค้กตรงหน้าเป็นพิเศษ
“มีแบ็กแมนด้วย มินยี่หยักกิงอานนี้” นิ้วน้อยๆป้อมๆจิ้มกระจกย้ำๆอยู่อย่างนั้น
แฝดอีกคนก็เหมือนจะไม่ยอมกันเหลือบไปเห็นเค้กลายหมีพูห์ก็เอานิ้วจิ้มกระจกเชิงว่าจะเอาชิ้นนั้นเช่นกัน
“มินยี่ทำไมเลือกลายแบ็กแมนอ่ะ
อย่ามากิงแบ็กแมนของมิกจี้นะ!”
“มิกจี้ก็อย่ามากิงพี่หมีพูห์ของมินยี่นะ!”
“จากิง!”
“มินยี่ก็จากิง!”
“กริ๊ง กริ๊ง”
เสียงกระดิ่งที่บ่งบอกว่ากำลังมีคนเปิดประตูเข้ามาทำให้มาร์คและปลายฟ้าหันไปมอง
ส่วนแม่ของมาร์คก็ยังคงยืนหันหลังให้เพราะกำลังเลือกเมนูที่กำลังจะสั่งอยู่
เป็นแบมแบมที่เดินเข้ามา แว้บแรกที่เห็นหมวดมาร์คจึงโค้งให้เล็กน้อย
แต่สองแสบกลับเถียงกันไม่หยุดจึงทำให้มาร์คไม่ได้หันไปสนใจแบมแบมจริงจัง
“มินยี่จากิงแบ็กแมนพ้ม
ฮือๆๆ”
“มิกจี้ก็จากิงพิหมีหนู
แง”
ทั้งสองร้องงอแงออกมาจึงทำให้มาร์ครีบเดินไปหา
“มันเป็นของกินครับ
มิกกี้กินพี่หมีพูห์พี่หมีพูห์ก็ยังไม่ไปไหน พี่แบทแมนก็ด้วย” มาร์คพูดปลอบเด็กแฝดสองคนทำให้เสียงงอแงของทั้งเงียบลง
ทั้งสองต่างก็กอดอ้อนมาร์คและมองหน้ากันและขอโทษขอโพย
“มินยี่ขอโทษนะมิกจี้..”
“มิกจี้ก็ขอโทษนะ”
“ไปรอที่โต๊ะได้แล้วลูกแม่สั่งเค้กให้พวกหนูละ”
แบมแบมยิ้มให้กับความน่ารักของเด็กแฝดทั้งสอง
เขาเห็นว่าแฝดผู้หญิงหน้าเหมือนมาร์คมากๆ
ส่วนแฝดชายก็คงหน้าเหมือนผู้หญิงที่ยืนหันหลังอยู่หน้าเคาท์เตอร์
แบมแบมเห็นเพียงแว้บเดียวเท่านั้น แว้บที่เธอหันมาบอกให้ลูกของเธอนั่ง
“กินไรไหมมาร์ค”
“ไม่ครับ” พูดจบมาร์คก็อุ้มสองแฝดไปนั่งที่โต๊ะ แบมแบมมองตามมาร์คแต่ไม่รู้ทำไมเขารู้สึกจุกๆข้างใน
สองคนนั้นคงเป็นลูกของมาร์ค ส่วนผู้หญิงที่ยืนสั่งเมนูอยู่ก็คงเป็นภรรยา..
แบมแบมเดินเข้าไปหาปลายฟ้าที่เคาท์เตอร์เขามองหน้าของแม่มาร์คและยิ้มให้เล็กน้อยก่อนจะทำออเดอร์ที่เธอสั่งไปเมื่อกี้กับปลายฟ้าส่วนฟ้าก็ไปเตรียมเค้กให้สองแฝด
หญิงสาววัยกลางคนมองหนุ่มน้อยตรงหน้าอย่างเอ็นดู ทำไมมาร์คไม่น่ารักดูนุ่มนิ่มแบบนี้บ้างนะ
มาร์คมองแม่ของตัวเองที่กำลังมองแบมแบมอย่างเอ็นดู
เขายกยิ้มขึ้นมาอย่างพอใจ แม่คงชอบแบมแบมสินะ แหงสิ แม่ชอบอะไรที่นุ่มนิ่มๆ
แล้วดูแก้มของเด็กคนนั้น น่าฟัดชะมัด
“ยิ้มอารัย” มินนี่พูดขึ้นหลังจากที่เห็นมาร์คจู่ๆก็ยิ้ม
“พิม้ากเล่นกับพี่วีหรือเปล่า”
“หื้ม? วีไหนครับเรา”
“พี่วีที่มาเล่นกับหนูบ่อยๆ
แต่หม่ามี๊ไม่เคยคุยด้วยหรอก มีแต่มินยี่กับมิกจี้แค่นั้น”
“เวร…” มาร์คสบถออกมาหลังจากฟังน้องของตนพูดจบ ก็นะ เด็กๆมักมีเซ้นอะไรแบบนี้กัน
แบมแบมยกออเดอร์ทั้งหมดมาเสิร์ฟที่โต๊ะของมาร์ค
เด็กๆทั้งสองดูตื่นเต้นกับเค้กแบทแมนกับหมีพูห์กันใหญ่
“ว้าวว
ขาหนมเค้กมาแย้วว”
“ขอบคุณมากคั้บพิคนน่ารักก”
แบมแบมเขาก้มหัวทักทายมาร์คอีกครั้งแต่ไม่ได้พูดอะไร
มาร์คจึงเป็นคนเปิดบทสนทนาขึ้นมาก่อน
“เป็นไงบ้าง
ไม่ค่อยเห็นเลยช่วงนี้”
“ก็เรื่อยๆครับหมวด..เอ่อ แล้วหมวดเจอหมวดเจบีบ้างไหม”
แบมแบมถามหาถึงพี่ชายของตน เขาติดต่อเจบีไม่ได้เลยเป็นห่วงนิดหน่อย
เห็นมาร์คบอกว่าพี่ชายเขาไปทำงานที่ชายแดน
“ก็ทำงานอยู่อ่ะแหละ
แต่ไม่ได้ใช้เครื่องมือสื่อสารไรเลย ทำไมถามถึงแต่หมวดเจบีล่ะ”
“อ๋อเอ่อ… ป่าวครับ”
“สนิทกันหรอ เอ๊
แปลกๆนะ หรือชอบหมวดเจบี” มาร์คแกล้งถาม
“ไม่มีไรหรอกครับ
กินให้อร่อยนะครับ” แบมแบมรีบก้มหัวและเดินออกมา
แต่ก็ยังได้ยินบทสนทนาของเขากับแม่มาร์คที่แบมแบมคิดว่าเป็นภรรยาของเขา
“ลูกไปแกล้งหนุ่มน้อยรักของแม่ทำไม”
“หื้ม แม่หรอ” แบมแบมนึกยิ้มขำในใจ เขาคิดว่าแม่มาร์คเป็นภรรยามาร์คสิอีก
“พิม้ากกก
มินยี่จากิงนมช้อคแลตแก้วนั้น ป้อนโหน่ย”
พี่มาร์ค? บ้าจริงที่เขาคิดมันผิดหมดเลย
เด็กแฝดสองคนนั้นคงเป็นน้องของมาร์คที่ห่างกันมากๆ แม่มาร์คยังดูสาวดูสวยไม่แปลกที่เขาจะคิดว่าเป็นภรรยามาร์ค
แต่ก็แปลกที่ในใจเขากลับรู้สึกพองโตแปลกๆเมื่อรู้ว่าสองแฝดนั้นไม่ใช่ลูกมาร์ครวมถึงผู้หญิงที่มาด้วยก็เป็นแม่ของมาร์ค
มาถึงวันที่จินยองต้องแทรกแซงตัวเองเข้าไปในกลุ่มพวกนั้นแล้ว
เขาตั้งใจไว้หนวดไม่โกนเพื่อไม่ให้ดูเป็นผู้ชายเจ้าสำอางค์เกินไป พวกนั้นอาจจะไม่ไว้ใจ
ทำตัวโทรมๆเหมือนคนโอมเลสได้ยิ่งดี
“โอเคนะมึง” มาร์คถาม
“อดห่วงมึงไม่ได้เลยจู”
“กูโอเค
กูอยากช่วยเจบี”
“อือ”
มาร์คเดินเข้าไปกอดให้กำลังใจจินยองแจ็คสันเห็นอย่างนั้นจึงเดินเข้าไปกอดด้วยแต่ดันน้ำตาไหลซะได้
“กูไม่ได้ไปตายอิแจ็คการีน
ร้องทำไม”
“ก็มันอันตราย…” แจ็คสันเบะปากเล็กน้อยก่อนจะใช้มือเช็ดน้ำตาแบบลวกๆ
“โชคดีนะ” มาร์คเอื้อมมือไปตบไหล่จินยองเบาๆเป็นการให้กำลังใจ
“กูไม่ยอมตายหรอก
ถ้าเพื่อนกูยังไม่ได้ออกจากคุก”
“ฮือ… เพื่อนหรือผัว”
“ไอสัดยังจะเล่น” มาร์คหันไปตีหัวแจ็คสันเบาๆทำให้จินยองยิ้มออกมา
เขาเข้าใจว่าแจ็คสันพยายามทำให้เขาผ่อนคลาย ไม่กังวล
แจ็คสันรู้ดีว่าจินยองน่ะขี้กลัวที่สุดในกลุ่มแล้ว
ขี้กลัวกว่าแจ็คสันอีกแต่จินยองมักไม่ค่อยแสดงออกว่ากลัว
จินยองแยกกับมาร์คและแจ็คสัน
ตอนนี้เขาอยู่แถวตลาดแห่งนึง ตอนนี้เป็นเวลาสี่โมงเย็น
ก่อนหน้านั้นเขาสืบมาว่าพอร์ชและมินแจหรือลูกน้องของบอสใหญ่นั้นมักจะมาเดินซื้อของแถวนี้บ่อยๆ
จินยองเดินๆอยู่สักพักเขาก็เห็นว่าพอร์ชกับมินแจเดินหอบวัตถุดิบเต็มไม้เต็มมือไปหมด
สงสัยวันนี้ที่บ้านบอสมีปาร์ตี้แหง
“โคตรซวยเลยว่ะทำไมต้องเราสองคนด้วยวะ
หนักก็หนัก”
“เออเลิกบ่น
ถือๆไปเถอะ”
“ไม่ไรหรอก
ไอเราก็เสือกแขนไม่ดีกันทั้งคู่ ซ้อมต่อสู้นักไปหน่อย”
ทั้งสองสนทนากันระหว่างเดินไปขึ้นรถของตน
จินยองให้สัญญาณกับหน่วยปราบปรามเพื่อทำตามแผน จากนั้นหน่วยปราบปราม3-4คนก็เข้าประชิดมินแจและพอร์ช
“เห่ย
พวกเอ็งจะทำไรวะ”
“ซื้อของมาขนาดนี้
เงินเยอะล่ะสิ เอาเงินของแกมาให้หมด”
หนึ่งในหน่วยปราบปรามพูดขึ้นพร้อมขู่เอาเงินจากมินแจและพอร์ช
“ไม่มี”
ผลั้ว
“เห่ย!!” มินแจล้มลงไปกองกับพื้นพอร์ชเห็นท่าไม่ดีจึงจะหยิบโทรศัพท์โทรเรียกลูกน้องของบอสใหญ่คนอื่นๆให้มาช่วย
แต่ว่าโดนขายาวๆของหน่วยปราบปรามเตะโทรศัพท์นั้นทิ้งไปก่อน
“จะตุกติกกับกูหรอวะ!”
อึก!
หน่วยปราบปรามรุมเตะต่อยมินแจและพอร์ชกันไม่ยั้งมีคนหนึ่งในกลุ่มส่งสัญญาณให้จินยองวิ่งออกมาช่วยพวกนั้น
“หยุดนะเว่ย” จินยองวิ่งเข้าไปทำเป็นขวาง
“หลบไปเถอะถ้ามึงไม่อยากตาย”
มินแจและพอร์ชมองจินยองอย่างมีความหวัง
ขืนจินยองหนีไปเขาได้น็อคคาตีนพวกนี้แน่
“พวกมึงมาทำคนไม่มีทางสู้ทำไมวะ
เป็นโจรก็เป็นให้มันดีๆหน่อย โคตรไม่แมนเลย”
ที่จินยองพูดอย่างนั้นเพราะตอนนี้ทั้งมินแจละพอร์ชใส่เฝือกที่แขนทั้งคู่เลย
“แล้วมึงจะทำไม”
หน่วยปราบปรามเลือกที่จะต่อยเข้าไปที่แก้มของจินยองไปหนึ่ง
ทำเขาค้างไปนิด
เจ็บชะมัด…
จินยองเลือกถีบไปที่อกของหน่วยปราบปรามคนนั้น
พวกเขากำลังชกต่อยกันอย่างลูกผู้ชายทำให้มินแจกับพอร์ชเห็นว่าลีลาการชกต่อยของจินยองนั้นไม่ธรรมดาเลย
แถมยังมาช่วยเขาอีก
สามนาทีถัดมา
หน้าของจินยองมีเลือดช้ำและเลือกออกเล็กน้อยที่มุมปาก
คนของหน่วยปราบปรามได้หนีไปแล้วเพราะจินยองส่งสัญญาณให้
ถือสู้กันนานกว่านี้ได้ตายกันไปข้างพอดี
“เป็นอะไรมากไหมครับ” จินยองรีบสิ่งไปถามมินแจและพอร์ชที่นอนกองอยู่กับพื้น
“ไม่..โอ้ย” มินแจร้องออกมา จินยองจึงอาสาจะขับรถให้
“งั้นผมขับรถไปส่ง ขอกุญแจด้วยครับ” มินแจส่งกุญแจให้จินยองอย่างง่ายดาย เขากดรีโมทเพื่อปลดล็อคประตูและขับรถมายังตรงที่มินแจและพอร์ชอยู่
“นายจะไม่ว่าเราหรอพี่
เอาคนนอกเข้าไป”
“ช่างเหอะ เขาช่วยชีวิตเรา
เขาดูไม่อันตรายอะไร ใส่แว่นอีก”
“อย่าดูคนที่ภายนอกดิพี่”
“ก็ภายนอกกูเห็นก่อน และอีกอย่าง
เขาวิ่งเข้าช่วยเราจากพวกอันธพาลอย่างไม่คิดเลยนะ มึงควรขอบคุณเขา”
เมื่อจินยองขับรถมาถึงจึงรีบลงรถและช่วยประคองมินแจและพอร์ชขึ้นรถไป
ทั้งสองบอกเส้นทางไปเรื่อยๆจนตอนนี้จินยองขับมาจนถึงบ้านของบอส
ประตูบานใหญ่นั้นเป็นสีทึบ
ไม่มีช่องว่างที่สามารถมองเห็นข้างในได้เลยและก็ไม่สามารถปีนได้ด้วยเพราะประตูเป็นลักษณะเรียบไปหมด
มินแจใช้รีโมทกดประตูอัตโนมัติเพื่อเปิดประตูออก
จินยองขับเข้าไปอย่างใจเย็น เพราะนี่เสมือนว่าเขากำลังมาเหยียยบถ้ำเสือ
รถซีอาร์วีสีดำมาจอดยังหน้าประตูทางเข้าในตัวบ้าน
จินยองดับรถและรีบออกมาเปิดประตูให้กับมินแจและพอร์ช
เขาทั้งสองลงจากรถด้วยความทุลักทุเล ประจวบเหมาะกับที่บอสใหญ่เดินมาจากในบ้านพอดี
“พวกแกไปทำไรมา”
จินยองเงยหน้ามองผู้ที่พูดอยู่
เขารู้เลยว่าคนนี้คือบอสใหญ่แน่นอน
“แล้วนั่นแกเป็นใคร” บอสใหญ่มองมาที่จินยองอย่างไม่สบอารมณ์มากนัก “แกเอาเข้ามาได้ยังไง!”
“บอสฟังก่อนครับ
คือว่าเขาช่วยพวกผมไว้ เขาเลยอาสามาส่งครับ”
“แล้วสภาพแบบนี้พวกแกจะทำอาหารให้ฉันกินได้ยังไง”
“…”
มินแจและพอร์ชเป็นลูกน้องที่สามารถทำได้ทุกอย่าง รวมไปถึงเรื่องอาหารการกิน
บอสใหญ่ไล่แม่บ้านออกหมดแล้วเพราะว่าเขากำลังทำการใหญ่ เลยต้องเอาออกให้หมด
เหลือแค่ผู้ที่ไว้ใจได้เท่านั้น
“แก ทำอาหารเป็นไหม”
“ได้ยินไหมฉันถาม”
“คะ..ครับ!” จินยองที่ไม่รู้ตัวว่าบอสใหญ่กำลังพูดถึงเขา มินแจที่ยืนอยู่ข้างๆจึงใช้ศอกสะกิดไปที่จินยองเพื่อให้รู้ตัว
“แกทำงานไร”
“คือผม..รับจ้างในตลาดครับ”
“แกทำอาหารเป็นใช่ไหม
งั้นแกมาทำให้ฉันกินหน่อย ถ้าถูกปากฉันจ้างแกต่อ บวกกับทำงานบ้านให้ด้วย
เดือนละสี่หมื่น ที่พักฟรี”
“ผมจะทำให้เต็มที่ครับ!”
จินยองแอบยิ้มในใจเพราะมาถูกทาง
เรื่องฝีมือทำอาหารเขาไม่แพ้ใครอยู่แล้ว มินแจและพอร์ชนำทางจินยองไปที่ครัว
เขาเริ่มทำอาหารจากวัตุดิบที่มี
“งงอ่ะดิว่าทำไมซื้อวัตถุดิบมาเยอะ”
จินยองไม่ตอบแต่ว่าเงยหน้าฟังรอคำตอบจากมินแจและมือก็หั่นผักไปด้วย
“อันนี้อ่ะอยู่ได้สองวัน
แกจัดสรรเมนูดีๆ กูก็หวังให้มึงมำอาหารถูกปากนะ กูกับมินแจจะได้มันทำงานครอบจักรวาลสักที”
“ใช่ สู้นะ
กูเป็นกำลังใจให้.. เอ้าละนี่มึงชื่อไรกูไม่ได้ถามชื่อเลย กูพอร์ชนะ”
“กูมินแจ”
“ผมจินยองครับ” จินยองยิ้มให้ก่อนจะกลับมาตั้งใจทำอาหาร ส่วนอาหารที่เขาทำให้บอสทานก็คือต้มยำทะเลรวม
ทอดมันกุ้งและผัดผักแบบไม่ใส่เนื้อสัตว์ ของหวานก็จะเป็นเค้กฝอยทอง
เมนูทั้งหมดนี้ใช้เวลาทำหนึ่งชม.กว่าๆ
จากนั้นจินยองก็ยกไปเสิร์ฟที่โต๊ะ พร้อมกับบอสใหญ่ที่เดินมาพอดี
เขานั่งลงรอจินยองจัดวางอาหารและตักข้าวให้
คำแรกที่เขาตักเข้าปากถือว่าถูกใจอย่างมากและไม่อยากเชื่อว่าจินยองจะเป็นทำอาหารอร่อยขนาดนี้
“ต่อไปเป็นอาหารหวานนะครับ ผมทำเค้กฝอยทองสูตรไม่หวานมาก”
จินยองที่กำลังเสิร์ฟเค้กได้พูดอธิบายอาหารหวานของเขาทำให้บอสใหญ่ประทับใจที่จินยองใส่ใจตรงที่ไม่ทำหวานจนเกินไป
เพราะเขาอายุเยอะแล้ว กินหวานมากไม่ได้
“เค้กฝอยทองของโปรดฉันเลยและนายทำอร่อยมาก” บอสยิ้มอย่างพอใจให้กับจินยอง
“ขอบคุณครับ”
“เอาเป็นว่าฉันให้นายทำงานที่นี้นะไม่ต้องไปทำงานที่ตลาดละ
นายชื่อ…”
“จินยองครับ จินยอง”
“โอเคจินยอง
ตั้งแต่นี้ต่อไป นายจะต้องดูแลเรื่องงานบ้านทั้งหมดของที่นี้
รวมถึงการไปจ่ายตลาดเอง ฉันจะให้อาทิตย์ละหมื่นในการซื้ออาหาร
ขาดเหลือยังไงก็บอกได้”
“ผมเริ่มวันนี้เลยได้ไหมครับ
จริงๆผมไม่มีบ้านให้กลับไปเอาของหรือย้ายของอะไร”
จินยองพูดขึ้นแต่ไม่ได้สบตาบอสใหญ่
“ได้ มินแจ พอร์ช
ฉันฝากจัดการด้วยนะ หาห้องหาเสื้อผ้าให้ด้วย”
พูดจบบอสใหญ่ก็เดินไปจากโต๊ะอาหาร มินแจและพอร์ชก็รีบเดินเข้ามาหาจินยอง
“ผมฝากตัวด้วยครับคุณพอร์ชและคุณมินแจ” :)
เอาล่ะแมวน้อยของเราเข้ามาถ้ำเสือแล้ว จะเป็นยังไงรอติดตามน้าตะเอง ตอนนี้ยาวหน่อยเพราะมาตัดจบให้จินยองเข้ามาอยู่ในบ้านบอส
กว่าจะบิ้วให้ตัวเองพิมพ์มันยากมากค่ะแง กว่าจะได้แต่ละตอนคือบิ้วแล้วบิ้วอีก ขอบคุณกำลังใจจากรีดเดอร์มากน้า เห็นคอมเม้นละก็ชื่นใจรวมถึงคนที่ตามไรท์มาตั้งแต่นมนาน แงๆ ขอบคุณที่ยังติดตามกันนะคะ บอกฟีดแบคไรท์ด้วยน้าเผื่อไรท์ตกหล่นอะไรไปแล้วทำรีดเดอร์งงๆ
ขอบคุณรีดน่ารักที่ยังติดตามอ่านและรีดที่คอยคอมเม้นส่งฟีดแบคไรท์ตลอดๆนะคะ <3
#หมวดมาร์ค
ความคิดเห็น