เฮ้ย!! เรื่องที่ผมอยากจะบอกนี้น่ะมันคงจะเป็นอะไรที่น่าเบื่อ
มันเป็นประสบการที่ผมมิอาจลืม
ตัวผมเป็นขี้แย ใช่ เมื่อก่อนนี้ใครๆก็เรียกผมว่าไอ้ขี้แย ได้ขี้แย
เฮ้ย!! นี้ล่ะชีวิตของผม ของผู้ชายคนหนึ่ง
ที่เคยถูกเรียก "ว่าขี้แย"
ใช่นั้นอาจจะเป็นเมื่อก่อนนี้
แต่ว่าถึงยังไงผมก็อยากจะบอกเอาไว้วักหน่อยนะ
การที่ผม "ร้องไห้ในวันนั้น"
มันทำให้ผมเข้มแข็งในวันนี้
เอาเป็นว่าผมจาลองเล่าอะไรให้ได้อ่านล่ะกัน
มันการร้องไห้ครั้งสุดท้ายของตัวผม
และผมก็ให้สัญญาไว้แล้วว่า
ผมจะไม่มีทางเสียน้ำตาอีกเป็นอันขาด
แต่ทำไมกันผมถึงทำไม่ได้
ผมน่ะอยากจะเป็นคนที่เข้มแข็งกับเขาก็แค่นั้นเอง
เอาล่ะการร้องไห้ครั้งสุดท้ายของผม
มันไม่ใช่เมื่อผมเป็นเด็ก
แต่มันเป็นตอนที่ผมโต
ไม่ได้ว่าร้องให้ให้ใคร หรือมีเหตุการณ์ใด
แต่ที่ผมร้องไห้เพราะคำพูดของพี่ที่ผมรักที่สุด
และคำพูดของแม่ที่ผมรักยิ่งกว่าใครๆ
แต่พวกเขากับทำให้ผมร้องไห้
แน่นอนล่ะพวกเขาไม่รู้ว่าผมร้อง
ผมน่ะแค่ไดรู้ว่าผมได้ระบายแล้วก็พอ
เรื่องมันก็มาจากตัวผมหรืออาจจะไม่ใช่ก็ได้
ทำไมน่ะหรือ เพราะคำพูดองพวกเขามันไม่ได้เจาะจง
แต่ทำไมผมถึงคิดว่าเขาว่าผม
ที่จริงน่ะผมหยุดร้องไห้มาเป็นปีแล้วล่ะ
ก็ตั้งแต่ผมอายุประมาณ5-6ขวบ
จนตอนนี้ผมอายุได้14ปีแล้ว
มันอาจจะนานมากที่ผมไม่เคยได้เสียน้ำตาออก
ถึงจะมีบ้างก็เพราะความเจ็บที่ได้รับทางร่างกาย
แต่ทำไมกันน่ะหรือที่ผมบอกว่า
ผมร้องไห้น่ะ และนี้ก็เป็นการร้องไห้ที่แปลกว่าทุกครั้ง
ใช่แล้วการร้องไห้ครั้งนี้ผมไม่ได้บาดเจ็บ
แต่ทำไมกันผมถึงร้องไห้
เอางี้ดีกว่าลองมาฟังเหตุผลดูซิว่าผมหรือคนที่พูดกับผมเป็นคนผิด
ตั้งแต่ผมเปิดร้านเกมมานี้เมื่อตอนอายุประมาณ8ขวบได้
ผมกับพี่ก็ช่วยกันดูแลมาตลอด
จนถึงเมื่อประมาณอายุได้10ปี
ทำไมกันพี่ที่ผมรัก และแม่ที่ผมรักยิ่งกว่าสิ่งใด
ถึงได้มีคำพูดแบบนี้
"นี้กุ้งดูแลร้านยังไงห๋า"
"ทำไมไม่ดูแล สอนก้ไม่จำไอ้น้องไม่ได้เรื่อง"
"แล้วเนี้ยไม่จำเวลาเขาเล่นเท่าไรก็ไม่รู้"
คำด่าเหมือนกับว่าเอาอารมโกธรมาลงที่เรา
ผมโดนแบบนี้ทุกวัน ขอย้ำว่าทุกวัน
โดนมาเป็นปีเลยก็ว่าได้
คำพูดพวกนี้มันทำให้ผมคิดจะฆ่าตัวตายหลายครั้งมาก
แต่เมื่อเวลาที่ผมคิดมักจะมีแต่อารมแค้นไม่มีอาการเศร้า
เหมือนกับว่าผมกดอารมเศร้าเอาไว้ในอก
และก็รอวันที่มันจะระเบิดออก
เมื่อผมแค้นผมก็จะนึกถึงคำ คำนึง
ที่มันทำให้ผมต้องสวมหน้ากาก
ทำให้ผมต้องการเป็นตัวเองที่ไม่ใช่ตัวเอง
คำนี้ก็คือคำว่า
"เราเจ็บแค่นี้น่ะเล็กน้อย แต่คนอื่นน่ะเจ็บยิ่งกว่า"
มันเป็นประโยคสั้นๆเท่านั้น
เมื่อนึกได้ทีไรนั้น
ผมก็ต้องกดต้องเก็บอาการเอาไว้
แล้วก็สวมหน้ากากที่ว่าด้วยความร่าเริงเอาไว้
พอลับหลังผมอาจจะโกธรบ้าง
แต่ว่าอารมเศร้าที่ทำให้ผมอยากจะร้องให้
มันถูกเก็บไว้ในใจที่ลึกมาก
มันเหมือยทะเลสาบที่มักจำมีน้ำเพิ่มขึ้น
และเมื่อมันเพิ่มจนล้นออกมาผมก็ไม่อาจกลั้นเอาไว้ได้
คิดดูนะคับผมต้องทนรับแรงกดดันทุกวัน
โดนเขาว่าในทางที่ไม่ดีขอผม
เป็นเวลามากกว่า 3 ปี
ใช่มันอาจจะดีดูนานเหมือนไม่มีอะไร
เพราะผมต้องทนใส่หน้ากากเอาไว้
ปิดบังอารมเศร้า อารมโกธร เอาไว้ด้านในสุดขอหัวใจ
แต่ท่าทะเลสาบมันมีขอบเขตแต่น้ำมันก็เพิ่มไม่หยุดนั้น
ทะเลสาบที่มันมีขอบเขตจะทนรับน้ำที่เพิ่มไม่มีหยุดได้ไหวงั้นหรือ
และวันที่น้ำนั้นมันล้นออกมา
ใช่วันนั้นผมก็ยังพยายามใส่หน้ากากาเอาไว้
ผมกลับมาจากโรงเรียน
ยิ้มแย้มหน้ารัก แจ่มใส ทักทายเป็นกันเอง
เส็จแล้วผมก็เข้ามาดูเกม เมื่อเครื่องว่างผมก็นั่งเล่นบ้าง
ก็ผมเป็นเด็กนินา
ใช่วันนั้นผมนั่งเล่นเกมอยุ่
พี่ของผมที่เรียนโรงเรียนเทคนิกเขาจะกลับประมาณ1ทุ่ม
เขาเดินเขามาไม่ทันพูดอะไรแล้วก็ออกไป
ผมน่ะรู้อยุ่แลวว่าเขาออกไปไหน
เพราะว่ามีเครื่องว่างแต่เขาไม่เล่น
นั้นเพราะอะไรเขาคงจะกลับบ้านไปนอนพัก
ผมเขาใจดีอะนี้เพราะคนเราไปเรียนมาก็ต้องมีล้ากันบ้าง
แต่ก่อนที่เขาจะลงนั้น
ผมให้เขาสอนวิธีลงโปรแกรมให้
เขาบอกจนจบแล้วเขาก็ออกไป
ในระหว่างที่เขาไม่อยู่
ผมนั่งลงโปรแกรมจนผมทำไม่ไหว
เพราะผมทดลองลงทามที่เขาบอกมาเป็นสิบๆรอบแล้ว
แต่ลงไม่สำเร็จครั้นจะไปตามเขามาดูก็ไม่ได้
เพราะผมรู้ว่าเขากลับไปน่ะเขากลับไปนอน
ผมก็ไม่อยากจะไปรบกวนเขาไม่อยากไปปลุกเขา
ผมลงจนสุดความสามารถ
จนปวดหัวและก็ขอไปเล่นเกมรอดีกว่า
คิดดูนะครับผมเล่นได้ไม่ถึง20นาที
พี่ผมเขาก็ขึ้นมา
เมื่อผมเห็นเขาเข้ามาตอนนั้น
มีเครื่องว่างแค่เครื่องผมกับเครื่องที่กำลังลงโปรแกรมไว้เท่านั้น
ถูกแล้วล่ะเพราะผมต้องการใช่โปรแกรมนั้น
แต่ตัวผมไม่อาจลงได้
เขามาผมก็จัดแจงถามว่าทำอย่างไรแต่เกมผมยังไม่ได้ออกนะ
เขาเข้ามามองที่จอคอมทั้ง2
แล้วก็พูดว่า
"อะไรวะโปรแกรมยังลงไม่ได้เสือกไปเล่นเกม"
น่ะดูซิครับผมยังไม่ได้ทำอะไรเขา
เขามาถึงก็ว่าแล้วไม่ใช่แค่นั้น
พอผมบอกไปว่าผมพยายามลงแล้วแต่มันลงไม่ได้
เขาบอกว่าอะไรน่ะหรือ เขาบอกว่า
"อะไรวะไม่พยายามเล่า เอาแต่เล่นเกมมันจะลงได้ไหม"
คำพูดที่ออกมานั้นมันดูเหมือนว่าคนที่ผิดคือผม
แต่ว่าไม่ใช่แค่นั้นพี่ผมน่ะไม่พอใจอะไรก็จะไปยกเรื่อง
มาอ้าง เอาเรื่องที่แย่ๆของผมมาใช่ด่าผม
ทั้งๆที่มัยก็จบไปแล้วกังไปยกมาด่า
ผมงงมาก เพราะว่าทั้งๆที่ผมไม่ได้ทำอะไรผิดเลย
กับต้องโดนดุด่าถึงขนาดนี้
ถ้าเป็นคุณล่ะจะคิดอย่างไร
เอผมถึงขีดสุดผมก็ได้พูดออกไปว่า
มาถึงน่ะยิ้มให้กันซักนึดได้ไหม
ผมขอบอกว่าผมพูดไปดีๆไม่มีกระแทกเสียง
แต่เขากับบอกว่า
"เงียบไปเลยวะ อย่างมาอ้าง"
สีหน้าเขาเหมือนเกียจผมมาก
ผมก็ได้แค่หน้างอออกไป
แต่มันแค่นั้นผมคงจะไม่ร้องไห้หลอก
ถ้าแม่ผมไม่ไปตอกย้ำ
แม่ผมน่ะถามว่าทะเลาะอะไรกับพี่แกอีกล่ะ
ผมก็บอกไปว่าไม่มีอะไรครับ
อาการตอนนั้นผมอยากร้องไห้มากที่สุด
เลยขอแม่ลงบ้านก่อนดีกว่า
แต่แม่ผมกับทำหน้าโกธรบ่นอุบอิบเบาๆ
แต่ผมก็พอจับใจความได้ว่า
"อะไรเนี้ยมาถึงก็จะหนีลงบ้านอะล่ะ"
ใช่เลยคำพูดนี้มันตอกย้ำผม
ที่ต้องทนกับแรงกดดันมาถึง4ปี
ผมน้ำตาคลอเบ้า ผมไม่ฟังใครรีบลงมาบ้าน
ใช่ครั้งนี้ผมคิดจะตายจริงๆ
ผมร้องไห้อยู่นาน ทั้งโทษคนอื่นและตัวเอง
แต่ผมก็ยังจำคำนั้นได้ผมก็ทำให้ผมกลายเป็น
โทษตัวเองมากกว่าที่จะไปโทษคนอื่น
ว่าตัวเองนั้นน่ะมันไม่ได้เรื่องมันเลวขนาดไหน
แต่ผมก็ให้คำพูดว่าครั้งนี้เราทนไม่ได้แต่ครั้งต่อไปเราจะทน
ผมก็พยายามขยาดขนาดทะเลสาบของผมให้มันใหญ่
ขนาดที่ว่าไม่ว่าน้ำจะมาขนาดไหนผมก็จะไม่ให้มันล้นออกมาอีก
อย่างเป็นอันขาด.........
ใช่นี้เป็นการร้องไห้ครั้งสุดท้ายของผม
เฮ้ย!!ได้ระบายซักที
เอาเป้นว่าถ้ามีโอกาสผมจะลองแต่งเรื่องอะไรมาให้อ่านเล่นๆกันนะครับ
แล้วที่ผมถามว่าใครผิดน่ะ
ให้เก็บไว้ในใจดีกว่านะ
แล้วอย่างให้น้ำตามันออกมาแบบผมล่ะครับ
ปล. อ่านจบแย้วไปอ่านนิยายอื่น ๆ ของผมต่อด้วยนะครับมีอีกเยอะ
ปล. (อีกที) อ่านแย้วเม้มให้ด้วยจิ
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น