ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Reborn Yaoi] From boss to teacher! จากบอสมาเป็นครู!

    ลำดับตอนที่ #20 : The Other Sky side stories 03 *แก้คำผิด + อธิบายตอนนี้เล็กน้อย*

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 5.27K
      196
      19 เม.ย. 60




    A differant start of DISASTER





    ผมลืมตาขึ้นมาท่ามกลางความแสงสว่างเจิดจ้า…


    ที่มีเงาของใครหลายคนกำลังมุงดูอยู่ไม่ห่าง


    ใคร---

    อึก---!!?

    ท่ามกลางสายตาตื่นเต้นยินดีของพวกเขา

    ผมก้มมองลงไปที่หน้าอกและท้องของตัวเอง…


    เพื่อพบว่ามันถูกผ่าออกและเปรอะไปด้วยเลือด


    เสียงเครื่องวัดชีพจรที่เมื่อกี้ไม่มีเสียง…

    กำลังดั่งถี่ขึ้นมาด้วยความเร็วน่าตื่นตระหนก

    คำพูดที่จับใจความได้แค่ว่าสำเร็จ…

    เสียงหัวใจที่เหมือนได้ยินดังจากนอกร่างกายทำให้หัวเขารู้สึกอื้ออึงไปหมด


    ผมหมดสติลงอีกครั้ง


    ..............................................................................


    ทันทีที่รู้สึกตัว---

    ก็มีเพียงไม่กี่อย่างที่คิดออก


    เขาขยับไม่ได้

    เขากำลังถูกจับ


    แล้วทำไมผมถึง--

    เจ็บ

    เจ็บอะไรขนาดนี้

    เหมือนมีบางสิ่งถูกบังคับให้เปลี่ยนแปลง--

    จากที่รู้สึกเหมือนโอบอุ้มทุกสิ่งไว้

    ตอนนี้กลับเหมือนอย่างถอยห่างออกไป

    อย่างล่องลอยไม่มีจุดหมายอยู่ข้างๆ...แทน….

    สองความรู้สึกถูกประสานเข้าหากัน

    ทั้งขัดแย้งทั้งลงตัว….


    และสัญชาตญาณของเขากำลังบ้าคลั่ง


    มีใครบางคนกำลังร่ำร้องหาผม

    กำลังกรีดร้องและขอความช่วยเหลือทั้งที่หยิ่งทระนงในศักดิ์ศรี

    เราทั้งคู่ต่างก็กำลังถูกจับ ถูกขัง ถูกจองจำ

    ผมต้องไป---


    หญิงในชุดขาวสังเกตุเห็นถึงความผิดปกติและพุ่งตรงเข้ามาใกล้เพื่อดูอาการ

    เพื่อพบกับเด็กที่กำลังคุ้มคลั่งทั้งที่ไม่ได้สติ


    หัวที่ปวดร้าวแสนสาหัสทำให้เขาอยากหวีดร้องสุดเสียง

    แต่เพียงแค่เกร็งหน้าท้องน้ำตาก็คลอเบ้า...ทั้งที่นึกว่าบ่อน้ำตาแห้งเหือดไปแล้วแท้ๆ?


    เมื่อมีมือแตะตัวเข้าเพื่อทำอะไรบางอย่าง

    ปากของเขาก็อ้าออกเพื่อกัดทุกสิ่งทุกอย่างที่เข้ามาใกล้

    รสคาวในปากทำให้รู้สึกตัวขึ้นมาบ้างว่ากัดถูกใครบางคนเข้า

    หรือไม่...ก็เป็นลิ้นของเขาเองละมั้ง?


    ความทรงจำตั้งแต่วันที่เกิดมาทั้งสองเข้าแทรกแซงและตัดขาดความคิดที่ยังไม่ทันก่อเกิดของคนที่พึ่งฟื้นสติ

    ความทรงจำทั้งสองที่แยกออกจากกันแต่ก็รู้สึกเหมือนประสบมาด้วยกันทั้งคู่

    จุดจบอันน่าเศร้าของสองชีวิต


    สึนะโยชินภาที่สูญสลาย

    และ

    027...เมฆาที่ไร้ซึ่งอิสรภาพ...


    จิตทั้งสองถูกหลอมรวมเข้าหากัน…

    เพราะถูกนำออกไปครึ่งนึง

    จึงไม่เมฆา

    เพราะถูกยัดเข้ามาอีกครึ่งนึง

    จึงไม่นภา

    เป็นกึ่งกลาง

    ทั้งที่จิตใจโอบอุ้มแต่ร่างกายกลับผลักไสและสันโดษ

    เขาไม่สามารถสานสัมพันธ์กับธาตุอื่นดั่งนภาได้อีกแล้ว…


    แต่ด้วยนิสัยจากโลกเดิม ก็ไม่สามารถอยู่อย่างโดดเดี่ยวได้โดยไม่พังทลาย…


    นภาอื่นจะสานสัมพันธ์กับเขาได้หรือไม่?


    นั่นก็แล้วแต่อนาคตจะนำพาแล้ว….


    ………………………………………………………….


    ร่างเล็กๆในสภาพยับเยินถูกตรึงไว้ด้วยอุปกรณ์ที่เยอะจนน่าใจหาย

    เด็กอายุไม่กี่ขวบปีดูจะสงบลงแล้ว…

    ร่องรอยการถูกคุกคามตามตัวและดวงตาโกรธเกรี้ยวไม่มีใครกล้าสบ ตวัดไปมองที่ผู้มาใหม่ที่ถูกลากมาไว้ในกรงเดียวกันด้วยสภาพไม่ต่างกันนัก

    ดวงตาสีน้ำตาลวาวโรจน์---ประกายสีม่วงตวัดกลับไปกลับมากับสีน้ำตาลในดวงตาอย่างน่าอัศจรรย์---


    ถ้าหากมีแหวนประจำธาตุหรืออาวุธอยู่ใกล้ๆทั้งห้องคงมีไฟเมฆาท่วมท้นเพราะคุณสมบัติเพิ่มพูน...

    หรือหากมีนภาอยู่ใกล้ๆคงได้มอมเมากับไฟบริสุทธิ์ที่ไร้ผู้ครอบครอง...


    แต่สำหรับเจ้าของเปลวเพลิงอย่างเขาแล้วในหัวกลับมีเพียงความรู้สึกที่เหมือนถูกหมอกแห่งความโกรธเกลียดควบคุมจนคิดอย่างอื่นไม่ได้---


    นอกจากการทำลายโซ่ตรวนและผู้ขัดขวางเขาให้หายไป...



    เมฆาสมควรที่จะล่องลอยอยู่บนนภาไม่ยึดติดกับสิ่งใด…

    ไม่ใช่ถูกล่ามขังอยู่บนดินดั่งวิหคไร้ปีกเช่นนี้…



    ความรู้สึกทั้งหมดคล้ายกับถูกลักษณะไฟธาตุเมฆากลืนกินไปทั้งหมด

    ยิ่งนานวันเข้าสติสัมปชัญญะก็จะค่อยๆลดต่ำลงจนจะกลายเป็นเดรัจฉานกราดเกรี้ยวไร้สมองไปในไม่ช้า---

    ซึ่งนั่นก็คงเป็นสิ่งที่พวกนักวิจัยโสมมเหล่านั้นหวังเอาไว้นั่นแหล่ะนะ


    สึนะได้แต่กระชากแขนขาจากโซ่ตรวนจนมีแผลเหวอะตามข้อมือข้อเท้าเต็มไปหมด


    ต่อให้ต้องเสียขาหรือแขนซักข้าง ถ้าหากออกไปจากที่นี่ได้ สัญชาตญาณของเขาก็ยอมรับความสูญเสียนั่นเป็นความสำเร็จแต่โดยดี


    ดวงตาสีน้ำเงินข้างเดียวตวัดขึ้นมาสบกับเขาทั้งที่หายใจรวยริน

    ความทรงจำอันแสนเลือนลางของเขาถูกบดบังด้วยความรู้สึกโกรธเกรี้ยว

    แต่ว่า…

    บางสิ่งบางอย่างกลับทำให้เขาสงบลง…

    แม้จะเล็กน้อยแต่ทุกอย่างก็ดูจะชัดเจนขึ้นมาบ้าง

    ทำไม...เขาก็ไม่รู้เหมือนกัน...


    “027…?”

    “...”

    “คุฟุฟุ….ยังมีชีวิตอยู่อีกเหรอครับ?”

    เพราะอาละวาดไปไม่น้อย...ปากที่เคยเป็นอิสระจนไปกัดใครเขาได้เองก็ถูกริบไปโดยการยัดที่อุดปากที่เหมือนตะกร้อครอบปากสุนัข...ที่ไม่รู้จงใจรึเปล่าแต่รัดแน่นจนเข้าเนื้อ...จะพูดโดยที่ไม่เจ็บตัวเพิ่มนั้นเรียกว่าเป็นไปไม่ได้...


    คนที่ถูกถามจึงทำได้เพียงพ่นลมหายใจแรงๆตอบรับเท่านั้น


    “เธอใช่มั้ยครับ...ที่อาละวาดจนพวกวิปริตเลือดท่วมขนาดนั้น?”


    น้ำเสียงสมน้ำหน้าทั้งที่หน้าตาอิดโรยกล่าวถามทั้งที่รู้คำตอบ

    ประกายเย้ยหยันปนพึงพอใจในตาผมเองก็คงยืนยันมันไม่ยากนัก


    “เอาเมฆามาขังกรง...ผมละอยากจะรู้จริงๆว่าพวกวิปริตนั่นอยากให้เธอเป็นบ้าหรืออยากตายเพราะเมฆาคลั่งกันแน่…? ถึงสภาพเธอจะดูทำอะไรไม่ค่อยได้ก็เถอะคุฟุฟุ...”

    ผมกลอกตาตอบเขาที่สภาพไม่ได้ต่างกับผมเสียเท่าไร ใครซักคนที่มีตาสีน้ำเงินข้างเดียวที่ผมจำชื่อไม่ได้

    แต่จะบอกว่าชื่อก็คงไม่ถูก...เพราะไม่ว่าจะเกิดมาในเอสทราเนโอ้หรือจะถูกจับมายังไงๆก็จะถูกเรียกด้วยหมายเลขเหมือนกันทั้งนั้น


    ผมเองก็ถูกเรียกจนลืมชื่อเดิมไปแล้วเหมือนกัน

    โชคดีที่มีอีกความทรงจำผุดขึ้นมาจนนึกความเป็นมาของตัวเองได้บ้าง…

    เด็กครึ่งรัสเซียญี่ปุ่นที่มาเที่ยวเวนิสกับครอบครัวจนถูกจับมาเมื่อหลายปีก่อน

    พ่อแม่แสนอบอุ่นที่ตอนนี้จะเป็นตายร้ายดียังไงก็ไม่รู้…หวังว่าจะยังไม่ตาย...


    เขาจดจำโลกภายนอกอย่างสัมผัสเบาบางของดอกซากุระที่ปลิวมาตามลม(หรือถ้าลมพัดแรงนี่อาวุธสังหารชัดๆพัดเข้าตาแทบบอด) ความหนาวเย็นของฤดูหนาวในรัสเซียไปยันรสชาติของไอศกรีมโคนรสช็อกโกแล็ตมินต์ที่ถือไว้ตอนถูกดึงเข้าตรอกมืดๆขึ้นมาได้ก็เพราะถูกอีกความทรงจำกระตุ้น...


    มีเพียงชื่อเท่านั้นที่จำไม่ได้...


    พวกเราเงียบลงเมื่อกรงข้างๆถูกลากเด็ก…? หรือสัตว์อะไรซักอย่างมาขังไว้ร่วมกับเด็กที่นิ่งสนิทเหมือนตายไปแล้ว

    จากจำนวนเด็กๆที่เคยมีในคุกโสโครกนี่

    ตอนนี้ที่รอดมาได้จนแทบไม่เหลือความเป็นคนก็มีอยู่แค่นี้เท่านั้น…


    “นับจากวันนี้ไปผมชื่อโรคุโด มุคุโร่...สายหมอกที่ผ่านนรกมาครบทั้ง 6 ขุม”

    ร่างผอมแห้งค่อยๆยันตัวลุกขึ้นมาโค้งแล้วผายมือออกราวกับเป็นสุภาพบุรุษชนชั้นสูง

    จนเซไปข้างหน้าหัวเฉียดท้องผมที่พึ่งถูกผ่าตัดทดลองและกำลังอักเสบได้ที่ไปเพียงนิด…


    สภาพไม่เจียมแล้วยังจะทำตัวสูงส่งแท้ๆเจ้าหัวสัปปะรดนี่...


    “ไปด้วยกันมั้ยครับ..?”


    คนที่เซถลาเงยหน้าขึ้นมาพูดคำชวนไม่มีที่มาที่ไปเหมือนพึ่งไม่ได้เกือบหน้าคว่ำ...


    “ออกไปแก้แค้นต่อมาเฟีย...และทำลายล้างโลกโสโครกนี่ไปด้วยกันเถอะครับ...คุฟุฟุ...”


    ริมฝีปากของผมกระตุกยิ้มขึ้นมาทั้งที่ถูกครอบปากเอาไว้


    ทั้งที่ผู้พูดไม่ได้ดูน่าเชื่อถือเลยแท้ๆ...


    ดวงตาสีแดงข้างนั้นลืมขึ้นมาคู่กับสีน้ำเงิน

    ตัวอักษรที่ผมอ่านไม่ออกหมุนสลับไปมาเหมือนกำลังรับประกันว่าต้องออกไปได้แน่

    ดวงตาโกรธเกรี้ยวสบตอบมันอย่างเต็มใจ


    แค่ได้ยินคำว่า“ออกไป”จะให้ทำอะไรผมก็ทำทั้งนั้น…


    ที่ครอบปากและโซ่ตรวนไม่รู้กี่ชั้นถูกอะไรบางอย่างปลดขาดไป

    สามง่ามหรืออาวุธหนึ่งเดียวที่โผล่ขึ้นมาในมือเขาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยนั่นคงเป็นคำตอบ…

    แต่คงเพราะอีกฝ่ายอยู่ในสภาพไม่สมบูรณ์...พอลองเพ่งดูดีๆก็เห็นได้ว่าในมือของเขามีพวงกุญแจพวงใหญ่อยู่ต่างหาก

    ผมเลิกคิ้วใส่เขาที่ยักไหล่เหมือนไม่แคร์ว่าผมจะเห็นภาพเท่ห์ๆอย่างสามง่ามตัดโซ่หรือภาพเด็กขะมักเขม้นไล่ไขกุญแจทีละดอกอยู่


    ผมมองท่าทางไม่แยแสที่โดนเผยไต๋แล้วส่ายหัวเอือมๆ...แล้วหัวเราะขึ้นจมูกอย่างที่ไม่ได้ทำมานาน...ก่อนจะโค้งตัวโดยที่ไม่ได้ผายมือแบบโง่ๆตามเขา...แต่เป็นตามแบบฉบับหรือธรรมเนียมการทักทายของคนญี่ปุ่น


    “ยินดีที่ได้รู้จักโรคุโด มุคุโร่...ผมคือซาวาดะ สึนะโยชิ...เมฆาที่โอบอุ้มทุกสิ่ง...และจะไม่ถูกล่ามไว้กับพื้นดินอีก...”


    เพราะจำไม่ได้ว่าเคยชื่อว่าอะไร...ชื่ออันเป็นที่รักจากแฟมิลี่ในความทรงจำที่สองจึงถูกนำมาใช้อย่างไม่ลังเล…

    คนที่ไม่มีอะไรจะเสียแล้วอย่างเขาจะนำชื่อคนตายมาใช้ก็คงไม่ผิดหรอกมั้ง….


    เขา---โรคุโดฉีกยิ้ม...ดูได้ใจที่ผมเองก็ทำตัวโง่ๆอย่างการโค้งแนะนำตัวเหมือนไม่ได้เป็นหนูทดลองสกปรกในห้องขัง


    เสียงการขยับจากกรงถัดไปทำให้พวกเราหันไปมอง...

    “พ--พวกเราจะไปด้วย…”

    “...อืม…”

    เพื่อพบกับเด็กหนุ่มผมสีบลอนด์ที่มีรอยแผลพึ่งตกสะเก็ดอยู่กลางใบหน้ากำลังเกาะกรงขังอยู่ในสภาพเหนื่อยหอบเหงื่อท่วมตัวจากฤทธิ์การทดลองที่พึ่งจบไป…

    และเด็กหนุ่มผมสีดำสนิทที่มีรอยเลขคล้ายบาร์โค้ดราวกับเป็นสินค้าอยู่ข้างแก้มผู้ยืนอยู่ข้างๆเขา…

    ใบหน้าตายด้านสนิทดูโหลลึกไร้ก้นบึ้งสบเข้ากับผมแว่บหนึ่งและตวัดกลับไปหาเจ้าของตาสองสีข้างๆ


    “แน่นอน...พวกคุณก็ถูกเชิญด้วยเช่นกัน”

    โรคุโด มุคุโร่ผายมือไปที่อีกทั้งสองแล้วแย้มยิ้มเชิญชวน…


    “ฉันคือโจชิม่ะ เคน! อรุณที่แค่มีฟันพวกนั้นก็เปลี่ยนร่างกายได้ตามใจนึก!”

    เขาตบอกแล้วฉีกยิ้มเหี้ยมแนะนำตัวอย่างภาคภูมิในชื่อใหม่ที่ตั้งให้ตัวเอง

    ในเมื่อเปลี่ยนร่างกายเขาให้วิปริตไปแล้วก็จะขอใช้ความวิปริตนี้คืนสนองให้!!


    “คาคิโมโตะ……...จิคุสะ...สายฝน………………...พิษ”

    เสียงแหบเบาเหมือนถูกใช้งานมากเกินไปกระซิบบอกแล้วก้มหัวให้พวกเขาเล็กน้อย

    เพราะถูกใช้เป็นหนูทดลองพิษซ้ำแล้วซ้ำอีกจนเกิดภูมิต้านทาน...หลังจากนี้ไม่ว่าจะพิษอะไรก็ใช้กับเขาไม่ได้ผลอีกแล้ว...

    พิษในร่างกายที่พวกคุณมอบให้...ลองลิ้มรสและกรีดร้องจนกล่องเสียงแทบพังไปแบบผมเถอะครับ...



    พวกเรามองหน้ากันก่อนที่เสียงเอะอะโวยวายตามหามาสเตอร์คีย์ที่หายไปจะดังขึ้นมาจากทางเดินนอกห้องโสมมนี่…


    “รู้จักกันแล้วเราก็ออกไปด้วยกันเถอะครับคุฟุฟุ...สึนะโยชิ เคน จิคุสะ…”


    ฝันร้ายแห่งมาเฟียได้ถูกก่อตั้งขึ้นแล้ว…..


    อนาคตของพวกเขาจะถูกเปลี่ยนแปลงไปหรือไม่...อย่างไรกันนะ?





    …………………………………………………..






    //โดยปาไหหม้อกะละมังใส่เพราะเอาตอนตอนขั้นแทนเนื้อเรื่อง--

    คือรีบอร์นค่าตัวแพงไง---จะออกที่ต้องมีอะไรขวางกั้น….//อาโพไม่ได้แอบหัวเราะชั่วร้ายอยู่หลังจอเลยจริงๆนะ55555555555555555555555555555555555555555555555555555555555+

    แฟนคลับสัปป้าว่าไงคะ ชอบมุคุโร่ตอนเด็กที่มาดยังไม่คงที่ของอาโพกันรึเปล่า? หรือต้องแก้ไขอะไรยังไงบอกกันได้นะคะ ส่วนตัวคิดว่าเขียนง่ายกว่าฮิบาริเยอะเลยฟฟฟ

    ที่เขียนนี่ยอมรับว่าคิดถึงมุคุโร่...บทนางนั้น..............ช่างห่างไกล...


    แต่ในตอนนี้พอใส่สึนะเข้าไปในกลุ่มก็ดูจะทำให้ความเป็นเจ้าเป็นนายระหว่างมุคุ เคนและจิคุสะดูซอฟท์ลงเยอะเลย ความสัมพันธ์น่าจะเปลี่ยนไปเป็นเพื่อนกันและอาจจะพัฒนาไปสนิทสนมขั้นแตะเนื้อต้องตัวฟัดเหวี่ยงเล่นหัวกันได้--- แบบนี้ก็อบอุ่นดีไปอีกแบบน่า---ถ้าเขียนต่อไปแก็งนี้จะเปลี่ยนไปขนาดไหนอาโพเองก็อยากจะรู้เหมือนกัน...

    อาจจะมีมุคุโร่ที่ยิ้มโดยที่ไม่แสยะยิ้มหัวเราะเหมือนชาวบ้านทั่วไปไม่ใช่คนบ้าหลุดมาจากโรงพยาบาลก็เป็นได้---แอบอยากเห็นภาพที่กลุ่มนี้หัวเราะเล่นหัวกันแบบเด็กไทยจัง...


    มุมคำถามมมมประจำตอนจ้า---

    สึนะที่เป็นนภากับเมฆาอย่างละครึ่ง...ขัดแย้งแบบชวนปวดหัว จะมีนภาที่ไหนมาพิชิตใจได้ทูน่าไปไว้ข้างตัวรึเปล่าน้าาาาาาาา? คิดยังไงกัน? (จริงๆก็แอบวางตัวไว้เบาๆคนนึง---แค่ก---)


    ยังไงก็

    ขอประกาศปิดรับโอซีคาร์แรกเตอร์ ณ ที่นี้
    (แต่ถ้าใครอุตส่าห์ทำเสร็จแล้วก็ส่งกระซิบมาแทนแล้วกันเนอะ ถ้าตอนนั้นอาโพยังไม่ได้ปักใจก็จะยังรับไว้พิจารณาน้า อาโพแค่ไม่อยากให้มันวุ่นวายนักอ่านคนอื่นเฉยๆค่ะ มาวุ่นวายกับอาโพคนเดียวพอเนอะ ฮา---)

    จะโดนแฟนคลับรีบอร์นจ้วงเอามั้ยนี่---ให้ความหวังมา 2 ตอนแล้ว
    555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555+

    อื้อหือลืมอธิบายว่าที่เป็นกึ่งเมฆาเพราะร่างกายสึนะในมิตินี้เป็นเมฆาบริสุทธิ์ไม่มีนภาเจือปนนะคะ แต่ก็อย่างที่รู้กันว่าวิญญาณที่มาเข้าร่างนี่เป็นนภาบริสุทธิ์ 
    และเพราะจิตใจกับร่างกายไม่ประสานกันอย่างแรง สึนะเลยสับสนว่าตัวเองเป็นใครกันแน่ระหว่างเด็กที่ถูกทดลองจนฟื้นขึ้นมากับความทรงจำประหลาดหรือบอสวองโกเล่ที่ตายแล้วมาเข้าร่างใหม่

    ร่างกายกับจิตใจคงตีกันประมาณว่าอยากคุยกับเขาแทบตายแต่พอเขาเข้าหาก็ถอยครืดไม่ก็ตัดเยื่อใยฉับๆหนีหายไปทั้งอย่างนั้นเลย....
    พอเขียนอธิบายแล้วนี่มันอาการซึนเดเระไม่ใช่เรอะ555555555+
    จริงๆตอนแรกเกือบเขียนไปอีกทางเลย---เป็น ฮิบาริ สึนะโยชิ (นั่นชื่อไม่ใช่คู่ชิบ) อารมณ์ประมาณเกิดในตระกูลฮิบาริ นิสัยเลยคล้ายๆกันแบบบ้าคลั่งเกรี้ยวกร้าดแล้วค่อยมาสงบตอนโตเพราะได้เจอกับนภาของตัวเอง เป็นพี่ชายหรือน้องชายเคียวยะมันฟังดูน่าเบื่อไป...อยากให้เป็นพ่อไปด้วยซ้ำแค่ก---แอบมโนว่าไปกุ๊กกิ๊กกับฟงก็ยังได้...//ชักเพ้อหนัก
    เอาเป็นว่าพอก่อน...ทุกคนช่วยลดสปาต้ากับอีโต้ในมือลงก่อนเถอะค่ะฟฟฟฟฟ 



    ApologiZE
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×