คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #20 : The Other Sky side stories 03 *แก้คำผิด + อธิบายตอนนี้เล็กน้อย*
A differant start of DISASTER
ผมลืมตาขึ้นมาท่ามกลางความแสงสว่างเจิดจ้า…
ที่มีเงาของใครหลายคนกำลังมุงดูอยู่ไม่ห่าง
ใคร---
อึก---!!?
ท่ามกลางสายตาตื่นเต้นยินดีของพวกเขา
ผมก้มมองลงไปที่หน้าอกและท้องของตัวเอง…
เพื่อพบว่ามันถูกผ่าออกและเปรอะไปด้วยเลือด
เสียงเครื่องวัดชีพจรที่เมื่อกี้ไม่มีเสียง…
กำลังดั่งถี่ขึ้นมาด้วยความเร็วน่าตื่นตระหนก
คำพูดที่จับใจความได้แค่ว่าสำเร็จ…
เสียงหัวใจที่เหมือนได้ยินดังจากนอกร่างกายทำให้หัวเขารู้สึกอื้ออึงไปหมด
ผมหมดสติลงอีกครั้ง
..............................................................................
ทันทีที่รู้สึกตัว---
ก็มีเพียงไม่กี่อย่างที่คิดออก
เขาขยับไม่ได้
เขากำลังถูกจับ
แล้วทำไมผมถึง--
เจ็บ
เจ็บอะไรขนาดนี้
เหมือนมีบางสิ่งถูกบังคับให้เปลี่ยนแปลง--
จากที่รู้สึกเหมือนโอบอุ้มทุกสิ่งไว้
ตอนนี้กลับเหมือนอย่างถอยห่างออกไป
อย่างล่องลอยไม่มีจุดหมายอยู่ข้างๆ...แทน….
สองความรู้สึกถูกประสานเข้าหากัน
ทั้งขัดแย้งทั้งลงตัว….
และสัญชาตญาณของเขากำลังบ้าคลั่ง
มีใครบางคนกำลังร่ำร้องหาผม
กำลังกรีดร้องและขอความช่วยเหลือทั้งที่หยิ่งทระนงในศักดิ์ศรี
เราทั้งคู่ต่างก็กำลังถูกจับ ถูกขัง ถูกจองจำ
ผมต้องไป---
หญิงในชุดขาวสังเกตุเห็นถึงความผิดปกติและพุ่งตรงเข้ามาใกล้เพื่อดูอาการ
เพื่อพบกับเด็กที่กำลังคุ้มคลั่งทั้งที่ไม่ได้สติ
หัวที่ปวดร้าวแสนสาหัสทำให้เขาอยากหวีดร้องสุดเสียง
แต่เพียงแค่เกร็งหน้าท้องน้ำตาก็คลอเบ้า...ทั้งที่นึกว่าบ่อน้ำตาแห้งเหือดไปแล้วแท้ๆ?
เมื่อมีมือแตะตัวเข้าเพื่อทำอะไรบางอย่าง
ปากของเขาก็อ้าออกเพื่อกัดทุกสิ่งทุกอย่างที่เข้ามาใกล้
รสคาวในปากทำให้รู้สึกตัวขึ้นมาบ้างว่ากัดถูกใครบางคนเข้า
หรือไม่...ก็เป็นลิ้นของเขาเองละมั้ง?
ความทรงจำตั้งแต่วันที่เกิดมาทั้งสองเข้าแทรกแซงและตัดขาดความคิดที่ยังไม่ทันก่อเกิดของคนที่พึ่งฟื้นสติ
ความทรงจำทั้งสองที่แยกออกจากกันแต่ก็รู้สึกเหมือนประสบมาด้วยกันทั้งคู่
จุดจบอันน่าเศร้าของสองชีวิต
สึนะโยชินภาที่สูญสลาย
และ
027...เมฆาที่ไร้ซึ่งอิสรภาพ...
จิตทั้งสองถูกหลอมรวมเข้าหากัน…
เพราะถูกนำออกไปครึ่งนึง
จึงไม่เมฆา
เพราะถูกยัดเข้ามาอีกครึ่งนึง
จึงไม่นภา
เป็นกึ่งกลาง
ทั้งที่จิตใจโอบอุ้มแต่ร่างกายกลับผลักไสและสันโดษ
เขาไม่สามารถสานสัมพันธ์กับธาตุอื่นดั่งนภาได้อีกแล้ว…
แต่ด้วยนิสัยจากโลกเดิม ก็ไม่สามารถอยู่อย่างโดดเดี่ยวได้โดยไม่พังทลาย…
นภาอื่นจะสานสัมพันธ์กับเขาได้หรือไม่?
นั่นก็แล้วแต่อนาคตจะนำพาแล้ว….
………………………………………………………….
ร่างเล็กๆในสภาพยับเยินถูกตรึงไว้ด้วยอุปกรณ์ที่เยอะจนน่าใจหาย
เด็กอายุไม่กี่ขวบปีดูจะสงบลงแล้ว…
ร่องรอยการถูกคุกคามตามตัวและดวงตาโกรธเกรี้ยวไม่มีใครกล้าสบ ตวัดไปมองที่ผู้มาใหม่ที่ถูกลากมาไว้ในกรงเดียวกันด้วยสภาพไม่ต่างกันนัก
ดวงตาสีน้ำตาลวาวโรจน์---ประกายสีม่วงตวัดกลับไปกลับมากับสีน้ำตาลในดวงตาอย่างน่าอัศจรรย์---
ถ้าหากมีแหวนประจำธาตุหรืออาวุธอยู่ใกล้ๆทั้งห้องคงมีไฟเมฆาท่วมท้นเพราะคุณสมบัติเพิ่มพูน...
หรือหากมีนภาอยู่ใกล้ๆคงได้มอมเมากับไฟบริสุทธิ์ที่ไร้ผู้ครอบครอง...
แต่สำหรับเจ้าของเปลวเพลิงอย่างเขาแล้วในหัวกลับมีเพียงความรู้สึกที่เหมือนถูกหมอกแห่งความโกรธเกลียดควบคุมจนคิดอย่างอื่นไม่ได้---
นอกจากการทำลายโซ่ตรวนและผู้ขัดขวางเขาให้หายไป...
เมฆาสมควรที่จะล่องลอยอยู่บนนภาไม่ยึดติดกับสิ่งใด…
ไม่ใช่ถูกล่ามขังอยู่บนดินดั่งวิหคไร้ปีกเช่นนี้…
ความรู้สึกทั้งหมดคล้ายกับถูกลักษณะไฟธาตุเมฆากลืนกินไปทั้งหมด
ยิ่งนานวันเข้าสติสัมปชัญญะก็จะค่อยๆลดต่ำลงจนจะกลายเป็นเดรัจฉานกราดเกรี้ยวไร้สมองไปในไม่ช้า---
ซึ่งนั่นก็คงเป็นสิ่งที่พวกนักวิจัยโสมมเหล่านั้นหวังเอาไว้นั่นแหล่ะนะ
สึนะได้แต่กระชากแขนขาจากโซ่ตรวนจนมีแผลเหวอะตามข้อมือข้อเท้าเต็มไปหมด
ต่อให้ต้องเสียขาหรือแขนซักข้าง ถ้าหากออกไปจากที่นี่ได้ สัญชาตญาณของเขาก็ยอมรับความสูญเสียนั่นเป็นความสำเร็จแต่โดยดี
ดวงตาสีน้ำเงินข้างเดียวตวัดขึ้นมาสบกับเขาทั้งที่หายใจรวยริน
ความทรงจำอันแสนเลือนลางของเขาถูกบดบังด้วยความรู้สึกโกรธเกรี้ยว
แต่ว่า…
บางสิ่งบางอย่างกลับทำให้เขาสงบลง…
แม้จะเล็กน้อยแต่ทุกอย่างก็ดูจะชัดเจนขึ้นมาบ้าง
ทำไม...เขาก็ไม่รู้เหมือนกัน...
“027…?”
“...”
“คุฟุฟุ….ยังมีชีวิตอยู่อีกเหรอครับ?”
เพราะอาละวาดไปไม่น้อย...ปากที่เคยเป็นอิสระจนไปกัดใครเขาได้เองก็ถูกริบไปโดยการยัดที่อุดปากที่เหมือนตะกร้อครอบปากสุนัข...ที่ไม่รู้จงใจรึเปล่าแต่รัดแน่นจนเข้าเนื้อ...จะพูดโดยที่ไม่เจ็บตัวเพิ่มนั้นเรียกว่าเป็นไปไม่ได้...
คนที่ถูกถามจึงทำได้เพียงพ่นลมหายใจแรงๆตอบรับเท่านั้น
“เธอใช่มั้ยครับ...ที่อาละวาดจนพวกวิปริตเลือดท่วมขนาดนั้น?”
น้ำเสียงสมน้ำหน้าทั้งที่หน้าตาอิดโรยกล่าวถามทั้งที่รู้คำตอบ
ประกายเย้ยหยันปนพึงพอใจในตาผมเองก็คงยืนยันมันไม่ยากนัก
“เอาเมฆามาขังกรง...ผมละอยากจะรู้จริงๆว่าพวกวิปริตนั่นอยากให้เธอเป็นบ้าหรืออยากตายเพราะเมฆาคลั่งกันแน่…? ถึงสภาพเธอจะดูทำอะไรไม่ค่อยได้ก็เถอะคุฟุฟุ...”
ผมกลอกตาตอบเขาที่สภาพไม่ได้ต่างกับผมเสียเท่าไร ใครซักคนที่มีตาสีน้ำเงินข้างเดียวที่ผมจำชื่อไม่ได้
แต่จะบอกว่าชื่อก็คงไม่ถูก...เพราะไม่ว่าจะเกิดมาในเอสทราเนโอ้หรือจะถูกจับมายังไงๆก็จะถูกเรียกด้วยหมายเลขเหมือนกันทั้งนั้น
ผมเองก็ถูกเรียกจนลืมชื่อเดิมไปแล้วเหมือนกัน
โชคดีที่มีอีกความทรงจำผุดขึ้นมาจนนึกความเป็นมาของตัวเองได้บ้าง…
เด็กครึ่งรัสเซียญี่ปุ่นที่มาเที่ยวเวนิสกับครอบครัวจนถูกจับมาเมื่อหลายปีก่อน
พ่อแม่แสนอบอุ่นที่ตอนนี้จะเป็นตายร้ายดียังไงก็ไม่รู้…หวังว่าจะยังไม่ตาย...
เขาจดจำโลกภายนอกอย่างสัมผัสเบาบางของดอกซากุระที่ปลิวมาตามลม(หรือถ้าลมพัดแรงนี่อาวุธสังหารชัดๆพัดเข้าตาแทบบอด) ความหนาวเย็นของฤดูหนาวในรัสเซียไปยันรสชาติของไอศกรีมโคนรสช็อกโกแล็ตมินต์ที่ถือไว้ตอนถูกดึงเข้าตรอกมืดๆขึ้นมาได้ก็เพราะถูกอีกความทรงจำกระตุ้น...
มีเพียงชื่อเท่านั้นที่จำไม่ได้...
พวกเราเงียบลงเมื่อกรงข้างๆถูกลากเด็ก…? หรือสัตว์อะไรซักอย่างมาขังไว้ร่วมกับเด็กที่นิ่งสนิทเหมือนตายไปแล้ว
จากจำนวนเด็กๆที่เคยมีในคุกโสโครกนี่
ตอนนี้ที่รอดมาได้จนแทบไม่เหลือความเป็นคนก็มีอยู่แค่นี้เท่านั้น…
“นับจากวันนี้ไปผมชื่อโรคุโด มุคุโร่...สายหมอกที่ผ่านนรกมาครบทั้ง 6 ขุม”
ร่างผอมแห้งค่อยๆยันตัวลุกขึ้นมาโค้งแล้วผายมือออกราวกับเป็นสุภาพบุรุษชนชั้นสูง
จนเซไปข้างหน้าหัวเฉียดท้องผมที่พึ่งถูกผ่าตัดทดลองและกำลังอักเสบได้ที่ไปเพียงนิด…
สภาพไม่เจียมแล้วยังจะทำตัวสูงส่งแท้ๆเจ้าหัวสัปปะรดนี่...
“ไปด้วยกันมั้ยครับ..?”
คนที่เซถลาเงยหน้าขึ้นมาพูดคำชวนไม่มีที่มาที่ไปเหมือนพึ่งไม่ได้เกือบหน้าคว่ำ...
“ออกไปแก้แค้นต่อมาเฟีย...และทำลายล้างโลกโสโครกนี่ไปด้วยกันเถอะครับ...คุฟุฟุ...”
ริมฝีปากของผมกระตุกยิ้มขึ้นมาทั้งที่ถูกครอบปากเอาไว้
ทั้งที่ผู้พูดไม่ได้ดูน่าเชื่อถือเลยแท้ๆ...
ดวงตาสีแดงข้างนั้นลืมขึ้นมาคู่กับสีน้ำเงิน
ตัวอักษรที่ผมอ่านไม่ออกหมุนสลับไปมาเหมือนกำลังรับประกันว่าต้องออกไปได้แน่
ดวงตาโกรธเกรี้ยวสบตอบมันอย่างเต็มใจ
แค่ได้ยินคำว่า“ออกไป”จะให้ทำอะไรผมก็ทำทั้งนั้น…
ที่ครอบปากและโซ่ตรวนไม่รู้กี่ชั้นถูกอะไรบางอย่างปลดขาดไป
สามง่ามหรืออาวุธหนึ่งเดียวที่โผล่ขึ้นมาในมือเขาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยนั่นคงเป็นคำตอบ…
แต่คงเพราะอีกฝ่ายอยู่ในสภาพไม่สมบูรณ์...พอลองเพ่งดูดีๆก็เห็นได้ว่าในมือของเขามีพวงกุญแจพวงใหญ่อยู่ต่างหาก
ผมเลิกคิ้วใส่เขาที่ยักไหล่เหมือนไม่แคร์ว่าผมจะเห็นภาพเท่ห์ๆอย่างสามง่ามตัดโซ่หรือภาพเด็กขะมักเขม้นไล่ไขกุญแจทีละดอกอยู่
ผมมองท่าทางไม่แยแสที่โดนเผยไต๋แล้วส่ายหัวเอือมๆ...แล้วหัวเราะขึ้นจมูกอย่างที่ไม่ได้ทำมานาน...ก่อนจะโค้งตัวโดยที่ไม่ได้ผายมือแบบโง่ๆตามเขา...แต่เป็นตามแบบฉบับหรือธรรมเนียมการทักทายของคนญี่ปุ่น
“ยินดีที่ได้รู้จักโรคุโด มุคุโร่...ผมคือซาวาดะ สึนะโยชิ...เมฆาที่โอบอุ้มทุกสิ่ง...และจะไม่ถูกล่ามไว้กับพื้นดินอีก...”
เพราะจำไม่ได้ว่าเคยชื่อว่าอะไร...ชื่ออันเป็นที่รักจากแฟมิลี่ในความทรงจำที่สองจึงถูกนำมาใช้อย่างไม่ลังเล…
คนที่ไม่มีอะไรจะเสียแล้วอย่างเขาจะนำชื่อคนตายมาใช้ก็คงไม่ผิดหรอกมั้ง….
เขา---โรคุโดฉีกยิ้ม...ดูได้ใจที่ผมเองก็ทำตัวโง่ๆอย่างการโค้งแนะนำตัวเหมือนไม่ได้เป็นหนูทดลองสกปรกในห้องขัง
เสียงการขยับจากกรงถัดไปทำให้พวกเราหันไปมอง...
“พ--พวกเราจะไปด้วย…”
“...อืม…”
เพื่อพบกับเด็กหนุ่มผมสีบลอนด์ที่มีรอยแผลพึ่งตกสะเก็ดอยู่กลางใบหน้ากำลังเกาะกรงขังอยู่ในสภาพเหนื่อยหอบเหงื่อท่วมตัวจากฤทธิ์การทดลองที่พึ่งจบไป…
และเด็กหนุ่มผมสีดำสนิทที่มีรอยเลขคล้ายบาร์โค้ดราวกับเป็นสินค้าอยู่ข้างแก้มผู้ยืนอยู่ข้างๆเขา…
ใบหน้าตายด้านสนิทดูโหลลึกไร้ก้นบึ้งสบเข้ากับผมแว่บหนึ่งและตวัดกลับไปหาเจ้าของตาสองสีข้างๆ
“แน่นอน...พวกคุณก็ถูกเชิญด้วยเช่นกัน”
โรคุโด มุคุโร่ผายมือไปที่อีกทั้งสองแล้วแย้มยิ้มเชิญชวน…
“ฉันคือโจชิม่ะ เคน! อรุณที่แค่มีฟันพวกนั้นก็เปลี่ยนร่างกายได้ตามใจนึก!”
เขาตบอกแล้วฉีกยิ้มเหี้ยมแนะนำตัวอย่างภาคภูมิในชื่อใหม่ที่ตั้งให้ตัวเอง
ในเมื่อเปลี่ยนร่างกายเขาให้วิปริตไปแล้วก็จะขอใช้ความวิปริตนี้คืนสนองให้!!
“คาคิโมโตะ……...จิคุสะ...สายฝน………………...พิษ”
เสียงแหบเบาเหมือนถูกใช้งานมากเกินไปกระซิบบอกแล้วก้มหัวให้พวกเขาเล็กน้อย
เพราะถูกใช้เป็นหนูทดลองพิษซ้ำแล้วซ้ำอีกจนเกิดภูมิต้านทาน...หลังจากนี้ไม่ว่าจะพิษอะไรก็ใช้กับเขาไม่ได้ผลอีกแล้ว...
พิษในร่างกายที่พวกคุณมอบให้...ลองลิ้มรสและกรีดร้องจนกล่องเสียงแทบพังไปแบบผมเถอะครับ...
พวกเรามองหน้ากันก่อนที่เสียงเอะอะโวยวายตามหามาสเตอร์คีย์ที่หายไปจะดังขึ้นมาจากทางเดินนอกห้องโสมมนี่…
“รู้จักกันแล้วเราก็ออกไปด้วยกันเถอะครับคุฟุฟุ...สึนะโยชิ เคน จิคุสะ…”
ฝันร้ายแห่งมาเฟียได้ถูกก่อตั้งขึ้นแล้ว…..
อนาคตของพวกเขาจะถูกเปลี่ยนแปลงไปหรือไม่...อย่างไรกันนะ?
…………………………………………………..
//โดยปาไหหม้อกะละมังใส่เพราะเอาตอนตอนขั้นแทนเนื้อเรื่อง--
คือรีบอร์นค่าตัวแพงไง---จะออกที่ต้องมีอะไรขวางกั้น….//อาโพไม่ได้แอบหัวเราะชั่วร้ายอยู่หลังจอเลยจริงๆนะ55555555555555555555555555555555555555555555555555555555555+
แฟนคลับสัปป้าว่าไงคะ ชอบมุคุโร่ตอนเด็กที่มาดยังไม่คงที่ของอาโพกันรึเปล่า? หรือต้องแก้ไขอะไรยังไงบอกกันได้นะคะ ส่วนตัวคิดว่าเขียนง่ายกว่าฮิบาริเยอะเลยฟฟฟ
ที่เขียนนี่ยอมรับว่าคิดถึงมุคุโร่...บทนางนั้น..............ช่างห่างไกล...
แต่ในตอนนี้พอใส่สึนะเข้าไปในกลุ่มก็ดูจะทำให้ความเป็นเจ้าเป็นนายระหว่างมุคุ เคนและจิคุสะดูซอฟท์ลงเยอะเลย ความสัมพันธ์น่าจะเปลี่ยนไปเป็นเพื่อนกันและอาจจะพัฒนาไปสนิทสนมขั้นแตะเนื้อต้องตัวฟัดเหวี่ยงเล่นหัวกันได้--- แบบนี้ก็อบอุ่นดีไปอีกแบบน่า---ถ้าเขียนต่อไปแก็งนี้จะเปลี่ยนไปขนาดไหนอาโพเองก็อยากจะรู้เหมือนกัน...
อาจจะมีมุคุโร่ที่ยิ้มโดยที่ไม่แสยะยิ้มหัวเราะเหมือนชาวบ้านทั่วไปไม่ใช่คนบ้าหลุดมาจากโรงพยาบาลก็เป็นได้---แอบอยากเห็นภาพที่กลุ่มนี้หัวเราะเล่นหัวกันแบบเด็กไทยจัง...
มุมคำถามมมมประจำตอนจ้า---
สึนะที่เป็นนภากับเมฆาอย่างละครึ่ง...ขัดแย้งแบบชวนปวดหัว จะมีนภาที่ไหนมาพิชิตใจได้ทูน่าไปไว้ข้างตัวรึเปล่าน้าาาาาาาา? คิดยังไงกัน? (จริงๆก็แอบวางตัวไว้เบาๆคนนึง---แค่ก---)
ยังไงก็
ความคิดเห็น