ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Reborn Yaoi] From boss to teacher! จากบอสมาเป็นครู!

    ลำดับตอนที่ #19 : คาบเรียนที่ 16!! "Mi manchi Così tanto…"

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 6.58K
      302
      3 เม.ย. 60




    คาบเรียนที่ 16...(ผมคิดถึงคุณมาก...)


    อ่า...ตอนนี้ถ้าจะบอกว่าตระกูลผมเป็นผู้สืบทอดการเป็นนินจาแทนการเป็นมาเฟียก็คงไม่ผิดนัก--
    เพราะช่วงสองสามวันมานี้เขาทั้งต้องย่องเบา กระโดด ปีนป่าย พรางตัวไปกับทุกสิ่งทุกอย่างรอบๆตัวเพื่อหลบบุคคลมหันตภัยทั้งสาม…

    หนึ่งเลย...ก็ไม่พ้นเคียวยะ...ที่ดูจะอารมณ์ร้ายขึ้นเรื่อยๆทุกๆครั้งที่เห็น...
    คุซะคุง(คุซาคาเบะ)รองกรรมการคุมกฎที่ควบหน้าที่เลขาและผู้ช่วยอีกสองคนก็พลัดกันตามเก็บศพเด็กนักเรียนที่ไม่ว่าเคียวยะจะผ่านไปทางไหนก็ร่วงตายกันเป็นเบือจนดูคล้ายซอมบี้เข้าไปทุกๆชั่วโมง...

    ผมขอโทษนะครับทั้งสามคน…

    แต่ถ้าให้เลือกซวยเองเขาก็ไม่เอาเช่นกัน--

    สอง...แน่นอนว่าเป็นเบียคุรัน...ที่ลางสังหรณ์สุดยอดของผมกรีดร้องจนปวดหัวว่าอย่าไปเข้าใกล้…ยิ่งเวลาเดินไปเจอเข้าแล้วได้ยินเสียงเขาฮัมเพลงโปรดตั้งแต่โลกก่อนอย่างอารมณ์ดีด้วยแล้ว...

    “มาเต้นรำกับดนตรีและร้องเพลงด้วยกันเถอะ~
    มาร่วงหล่นลงบนฝ่ามือฉันอย่างงดงามเป็นไงหล่ะ~?
    มาเต้นรำกับดนตรีและบอกลาโลกใบนี้ไปด้วยกัน~
    ด้วยความปราถนาที่บ้าคลั่ง--
    ฉันจะครองครองทุกสิ่งทุกอย่างไว้ในมือนี้เอง~”

    ฟังผ่านๆก็ไม่เท่าไร...แต่ถ้าคุณรู้ว่าเบียคุรันในทุกๆโลกพากันทำแบบนั้นแล้ว...ยิ่งฟังมันก็ยิ่งสยองขึ้นทุกครั้งที่ได้ยิน…
    ถ้าร้องเฉยๆก็ไม่เป็นไรแต่ถ้าคิดจะทำแบบเบียคุรันโลกอื่นละก็…
    อาเมน...

    ถ้าเป็นไปได้อย่าเข้ามาใกล้อีกเลยผมนะ…มาชเมลโล่ซัง…

    และคนที่สาม…
    คนที่ไม่ได้เห็นตัวจริงๆจังๆนับตั้งแต่บนดาดฟ้า..
    รีบอร์น…
    ไม่รู้ว่าวางแผนอะไรอยู่ถึงได้หายไปเงียบๆไม่มีมาปิดปากหรือว่าตอแยอะไรเลย…

    คนที่ทำอะไรไม่แคร์สื่ออย่างเจ้านั้นมาอยู่เงียบๆนี่แหล่ะน่าห่วง(ชีวิตตัวเอง)เป็นที่สุด!

    สึนะโยชิย่องเบาผ่านหน้าห้องอันแสนคุ้นตาที่เคยโดนเคียวยะลากไปนอนแบ่บอยู่บนโซฟาอย่างเงียบเชียบ…
    ฝีเท้าเบาเยี่ยงนี้แม้แต่นินจาก็คงต้องเรียกพี่แล้ว---
    เพราะขืนไม่เงียบแล้วเจ้าตัวอยู่ในห้องได้ซี้แหงกลายเป็นศพไม่มีญาติแน่ๆ…

    อ่อใช่เมื่อสองสามวันมานี้เขาก็จ็อกกิ้งไม่ขาดยามเช้า(จนได้เจอเรียวเฮที่ไปๆมาๆก็ตกลงว่าจะวิ่งด้วยกันเท่าที่ทำได้)และออกเดินสำรวจไปรอบๆนามิโมริในยามเย็นจนเรียกได้ว่าได้ผ่านไปทั่วแล้ว--

    ไปเดินเล่นจนเริ่มสนิทกับแมวสีส้มลายเสือตัวนึงที่เขาเรียกในใจว่านัทจัง---
    มันมีแผงคอ(เหนียง--)ฟูๆคล้ายๆนัทสึแต่คงเพราะเป็นแมวจรจัดเลยไม่ได้ขี้กลัวขนาดนั้น---แต่ก็ระแวงและตะปบมือเขาไปหลายรอบเหมือนกันตอนพยายามผูกมิตร---
    ที่ไม่ได้เรีบกว่านัทสึก็เพราะรู้ว่าในอนาคตมันจะไปซ้ำกันนั้นแหล่ะนะ
    ถึงจะไม่ได้เอามาเลี้ยงแต่ก็อย่าไปทำให้สับสนจะดีกว่า...

    อะแฮ่ม---มัวแต่อวดแมวอยู่นั่นกลับเข้าเรื่องเถอะ
    โดยรวมแล้วบ้านเรือนหรือห้างก็เหมือนเดิมเกือบหมด แค่มีถนนบ้างเส้นที่เขาเคยผ่านในโลกเก่าแต่เป็นทางตันในโลกนี้---แต่นั่นก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเขามาจากอนาคต 7 ปีที่นามิโมริของที่นั่นก็เปลี่ยนแปลงไปเหมือนกัน รึเปล่า
    ที่เปลี่ยนแน่ๆเลยก็คงจะเป็นอพาร์ตเม็นท์ใหม่เอี่ยมสูงลิบท่าทางหรูหราไม่เข้ากับตัวเมืองนั่นแหล่ะนะ
    เท่าที่จำได้มันน่าจะอยู่ในเขตที่ใกล้เมืองหลวงกว่านี้…? แต่ก็ช่างเถอะ---ใช่ว่าเขาจะไปเข้าพักทั้งที่มีบ้านอยู่เสียเมื่อไร

    สึนะคว้ากระเป๋าตัวเองแล้วมองลอดม่านหน้าต่างห้องพักครูไปพบกับร่างที่ยืนจังก้าแผ่รังศีอำมหิตเหมือนรอใครอยู่หน้าโรงเรียน…

    โอเค๊---เขาไม่กลับทางหน้าโรงเรียนก็ได๊---

    เคียวยะชักจะอาการหนักขึ้นทุกวัน..
    แต่ขืนเอาตัวเองเข้าไปยุ่งตอนนี้คงได้โดนเหมารวมทั้งส่วนของตัวเองและของอิเอยาสึคุง(หรือจริงๆก็รีบอร์น)ที่ลากเจ้าตัวไปเป็นผู้พิทักษ์แน่ๆ…
    เอาเป็นว่าจนกว่าฝ่ายนั้นจะเคลียร์กันจบสึนะโยชิจะไม่ยุ่ง---

    แต่พอมาคิดๆดู นอกจากมุคุโร่แล้วก็คงมีแค่ไม่กี่คนที่ทำให้เจ้าตัวอาการหนักขนาดไปยืนดักหน้าโรงเรียนขนาดนั้น...
    สึนะคิดว่ามันค่อนข้างน่าเสียดายที่ตัวเองคลาดกับมุคุโร่จนไม่ได้เห็นเขากสนประสาทตีฮิบาริโดยที่ตัวเองไม่ต้องเข้าไปห้ามการต่อสู้...
    โอ้สวรรค์ทรงโปรด---อย่างน้อยเขาก็ไม่ต้องรับหน้าที่นั้นแล้ว!!!

    ขอยืนไว้อาลัยอิเอยาสึคุงเป็นเวลาสามนาที…

    อ่า---เขาไม่ได้พูดถึงช่วงเวลาที่อยู่กันเลยสินะ งั้นจะขอบอกตอนนี้เลยแล้วกันว่าหลังจากที่ข้ามมิติมา พอรวบรวมข้อมูลและดูปฏิทินก็พบว่าเขาอยู่ในช่วงเวลาที่ถือว่าย้อนอดีตมาได้เจ็ดปี---
    สรุปง่ายๆเลยก็คือพวกอิเอคงสู้กับแกงค์โกคุโยไปไม่นานมานี้...และอย่างที่ได้เห็นกัน พี่ดีโน่เองก็มาสอนอยู่นามิโมริชั่วคราว...ซึ่งก็แปลว่าศึกวาเรียนั้นอยู่ไม่ไกลจนเกินไปเช่นกัน…
    อย่างมากก็เดือนนึง อย่างน้อยก็คงสองอาทิตย์นับจากนี้…

    แน่นอนว่าสึนะไม่คิดจะเข้าไปยุ่ง…
    แต่ถึงยังไงเขาก็คงขอเฝ้าดูอยู่ห่างๆละนะ....
    ก็แหม...แซนซัสตอนนี้นะน่ากลัวจนเขาจำขึ้นใจ---
    พวกวาเรียเองตอนนี้ก็นับว่าเป็นศัตรูตัวฉกาจ...ที่เกือบจะพรากชีวิตวองโกเล่รุ่นที่เก้าไปแล้ว..
    ที่สำคัญแซนซัสก็ดูจะต้องใช้เวลาอีกหลายปีเพื่อเป็นห่วงเป็นใยผู้พิทักษ์(แบบไม่แสดงออก)ขึ้นมาบ้าง ไม่ใช่ใช้แล้วทิ้งหรือถ้าทำงานพลาดก็ต้องตาย…
    เหมือนมาม่อนที่เลือกที่จะหนีไปตอนที่สู้กับมุคุโร่แล้วแพ้
    จะว่าไป...เขาเองคงจะไม่ได้เจอกับอดีตผู้พิทักษ์สายหมอกที่ป่านนี้คงโดนจับแช่น้ำรอให้เขา---ไม่สิ รอให้อิเอไปต่อรองกับวินดีเช่จนพาออกมาได้สินะ…
    ถึงจะอยากช่วยให้ออกมาเร็วขึ้นกว่าเดิม...แต่ตัวเขาที่เป็นแค่คุณครูต็อกต๋อยและไม่มีชื่อเสียงอะไรไปเดิมพันหรือรับรองกับเยเกอร์หรือเบอร์มิวด้า...ก็ทำได้แค่กัดฟันทนรอให้อิเอเข้ารับเป็นรุ่นที่สิบ...ถึงจะได้เห็น“กายเนื้อ”ของอดีตผู้พิทักษ์สายหมอกของเขา...มุคุโร่...อีกครั้ง 

    ไม่ใช่ภาพลวงตา…

    คิดแล้วก็หดหู่...เพราะหลังจากได้กายเนื้อคืนมาก็ถูก...ถูกฆ่าโดยมาเฟียที่แสนเกลียดนั่นซ้ำแล้วซ้ำอีก…
    โคลมเองก็…
    ขอโทษนะมุคุโร่ ขอโทษนะโคลม...ฉันไม่น่าดึงพวกนายเข้ามาในโลกมาเฟียนี้เลย---
    ไม่สิ...คนที่ไปทำข้อตกลงกับมุคุโร่โดยที่ไม่ได้ปรึกษาเขาเลยซักคำก็พ่อ---อิเอมิทสึต่างหาก
    ไม่ใช่ว่าไม่รู้สึกขอบคุณที่มอบข้อตกลงนั้นให้มุคุโร่จนได้มาเป็นผู้พิทักษ์ของเขา…
    แต่ก็ไม่เข้าใจจริงๆว่าคิดยังไงถึงได้ไปเลือกมุคุโร่มา?
    บางทีเขาเองก็คงมีอยู่ละมั้งลางสังหรณ์สุดยอดนะ...

    ยังไงซะ อิเอมิทสึ ซาวาดะเองก็มีสายเลือดของท่านรุ่นที่หนึ่งอยู่เหมือนกันนี่นะ…

    เดี๋ยวก่อนนะ…
    ร่างกายของมุคุโร่
    อิเอมิทสึ..
    สายเลือด…
    ท่านรุ่นที่หนึ่ง
    และภาพลวงตา!!!!

    เขาลืมเรื่องที่เอ็นม่ะเคยเล่าให้ฟังไปซะสนิท! 
    เรื่องที่เดม่อน สเปดในร่างของจูลี่ย์ คาโต้เป็นคนฆ่าครอบครัวโคซาโตะ ทำให้พ่อแม่และมามิจัง...น้องสาวของเขาตายไป...โดยให้คิดว่าเป็นฝีมือของอิเอมิทสึ---และให้ชิม่อนมีความแค้นต่อวองโกเล่…
    ทั้งหมดก็เพื่อให้ตัวเองได้หลอกล่อวิญญาณของมุคุโร่ออกจากร่างในวินดีเช่แล้วยึดร่างเขาเพื่อจัดการกับวองโกเล่ซะเอง!!

    แต่ว่า...เรื่องทั้งหมดก็เป็นแผนของท่านรุ่นที่หนึ่งเพื่อจัดการเดม่อน…เช่นกัน…
    เขาควรจะเข้าไปยุ่มย่ามกับมันดีมั้ย?

    เขาทำไม่ได้หรอก...
    เขายอมให้เอ็นมะต้องเสียครอบครัวกับต้องทนฝันร้ายเรื่องที่น้องสาวตายต่อหน้าต่อตาโดยที่อยู่เฉยๆไม่ได้หรอก!!
    ชิม่อนแฟมิลี่ที่เหลือเอง...ก็เสียครอบครัวไปทุกคน…
    เด็กพวกนั้น---ไม่ได้---ทำไม่ได้หรอก--!!!

    ขอโทษนะครับท่านรุ่นที่หนึ่ง…
    แต่เดม่อนนะ...ผมจะหาทางจัดการเอาเองก็แล้วกัน…
    ผมไม่ต้องการให้ทุกคนต้องมีแผลใจ...ไม่อยากให้ทาเคชิต้องโดนคาโอรุทำร้ายจนเข้าโรงพยาบาล...ไม่อยากให้โคลมถูกลักพาตัวไป…
    ไม่อยากให้ทุกคนต้องสู้กันเอง!
    เพราะอย่างนั้น...ถ้าหากเดม่อนปรากฎตัวขึ้นเมื่อไร…
    จะมีแหวนหรือไม่มี...ผมก็จะส่งเขากลับไปหาคุณด้วยไฟที่ได้รับสืบทอดมาจากคุณเอง...

    ฟู่ว…
    ใจเย็นๆสึนะ...อย่าพึ่งรีบร้อน...นี่ยังพึ่งศึกชิงแหวน…
    ยังมีเวลากลับไปแก้ไข...
    เพราะเอนม่ะไม่เคยบอกว่าเธอตายตอนอายุเท่าไร--แต่บอกว่าตายไปเมื่อ 7 ปีก่อนตอนที่พวกเขาอายุ 14 ปี…
    บ๊าเอ๊ย!
    มันหมายความมว่าเขามาไม่ทัน...
    สงครามชิม่อนและวองโกเล่...ดูท่าแล้วยังก็คงต้องเกิด...
    สงครามที่อาจจะสมควรต้องเกิดเพื่อจัดการกับเดม่อน
    หากเขาย้อนเวลากลับไปได้…

    “ย้อนเวลา…”

    แรมโบ้!!!
    แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็มีเวลาแค่ 5 นาที…
    จะทำยังไ------
    “จะกลับแล้วเหรอครับซาวาดะซัง?”

    เสียงคุ้นหูดังขึ้นจากข้างหลัง
    สัญชาตญาณการเอาตัวรอดทำให้หัวใจของเขาเต้นระรัว--ตัวหันกลับไปหาอีกฝ่ายด้วยความเร็วที่ทำเอาคนๆนั้นเผลอตื่นตัวตามจนต้องยกมือขึ้นสองข้างเป็นท่ายอมแพ้เพื่อโชว์ว่าไม่ได้มาร้าย---

    เป็นอดีตพี่ชายแสนดีที่กล่าวทัก
    ร่างกายที่เครียดเกร็งผ่อนคลายลงแทบจะทันที...
    แต่คำเรียกห่างเหินนั่นก็ทำเอาเศร้าใจอยู่หน่อยๆ
    ไว้ค่อยคิดเรื่องชิม่อนกับเดม่อนที่หลังแล้วกัน

    สึนะส่ายหัวเรียกสติก่อนจะหันไปมองเจ้าของเสียง

    “เอ่อ--ขอโทษที่ทำให้ตกใจนะ---ฮะๆ?”
    อ่า...ดูจากสภาพสะบักสะบอมแล้วนี่ก็คงใกล้ช่วงเวลาที่วาเรียจะมาแล้วละมั้ง
    ไม่อย่างนั้นคงไม่ต้องไปเป็นกระสอบทรา---อะแฮ่ม--ครูฝึกพิเศษให้กับเคียวยะจนน่วมขนาดนี้--

    เอ๊ะ? หรือว่าเพราะซุ่มซ่ามล้วนๆเลยกันนะนั่น…พี่ดีโน่? 
    .
    .
    .
    .
    .

    ทำยังไงถึงได้เปลี่ยนจากลุงหนวดหร๊อมแหร็มเหมือนโรมาริโอ้ไปหน้าตาดูดีแบบที่ญี่ปุ่นเรียกว่าอะไรนะ? บิโชเน็นรึเปล่า? ไปได้???

    เมื่อบอสคาบัคโรเน่หนุ่มเห็นเขาคนนั้นที่ไรก็อดคิดขึ้นมาไม่ได้เสียทุกที…

    บางทีถ้าเขาจับโรมาริโอ้โกนหนวดอาจจะออกมาดูดีก็ได้นะ?
    อ่า แต่แว่นตาของสึนะโยชิก็ยังคงเชยระเบิดจนเขาอยากหักมันทิ้งจริงๆ…

    ถ้าเขาเป็นคนใส่คงโดนรีบอร์นยิงแว่นแตกไปแล้วฮะๆ---

    “จะกลับแล้วเหรอครับซาวาดะซัง?”

    พอรู้ตัวก็หลุดถามเจ้าของแผ่นหลังที่ยืนนิ่งๆนั่นออกไปแล้ว…

    และเมื่อเห็นอีกฝ่ายแข็งทื่อไปเพราะถูกเรียกโดยไม่ทันตั้งตัวดีโน่ถึงได้นึกขึ้นได้ว่าชาวญี่ปุ่นมักจะเขินอายต่อคนต่างชาติ--นับประสาอะไรกับเขาที่อยู่ๆก็ดุ่มๆเข้าไปถามเหมือนสนิทกันมานาน--
     
    บ้าเอ๊ย! พลาดอีกแล้ว--- 

    ‘ควับ!’
    ที่ดีโน่ไม่ได้คิดว่าจะเกิดขึ้นหลังจากนั้นก็คงเป็นสายตาดั่งทหารผ่านศึกที่ตวัดกลับมาตรงๆ---กระเป๋าที่อีกฝ่ายถือไว้ถูกกระชับแน่น...เหมือนว่าถ้าหากถูกโจมตีก็คงเป็นกระเป๋านั่นที่จะใช้ฆ่าเขา---

    ดีโน่ยกมือขึ้นเพื่อโชว์มือให้อีกฝ่ายดูโดยที่ไม่กล้ากระดุกกระดิก…
    ใบหน้าซีดขาวพยายามส่งยิ้มที่คิดว่าเป็นมิตรที่สุดออกไป

    “เอ่อ--ขอโทษที่ทำให้ตกใจนะ---ฮะๆ?”

    ใบหน้าซูบผอมมองเขาอย่างตกใจ--แต่เมื่อแววตาสีน้ำตาลแข็งกร้าวนั้นสบเข้ากับเขา---กระเป๋าในมือก็ถูกลดลงทันทีพร้อมด้วยท่าทีที่อ่อนลงจนไม่น่าเชื่อว่าพวกเขาพึ่งเจอกันไม่กี่ครั้ง…
    ไม่ใช่ว่าสนิทกันจนไว้ใจและลดการ์ดลงง่ายดายขนาดนี้

    การเชื่อใจคนที่รู้จักกันแค่ผิวเผินได้ง่ายๆเป็นความสามารถที่ดีโน่มีไม่ได้
    ก็นะเขาไม่ใช่คนธรรมดานี่ 
    เอ...หรือว่าซาวาดะจะไม่เห็นเขาเป็นภัยเฉยๆ?
    แต่น่าอิจฉาชะมัด...ชีวิตที่ไม่ต้องคอยรบราฆ่าฟันตลอดเวลา...แค่ห่วงเรื่องปากท้องตังเองก็พอเนี่ย...
    ถ้าเขาไม่ได้เป็นมาเฟียก็คงจะดี…
    เป็นรอบที่เท่าไรแล้วนะที่คิดแบบนั้นขึ้นมา?
    อ๊า---ชักอยากจะเป็นครูไปเรื่อยๆไม่ต้องกลับอิตาลีซะแล้วสิ…

    ดีโน่เห็นอีกฝ่ายส่ายหัวไปมาเหมือนกำลังไล่ความคิดอื่นออกจากหัวแล้วอมยิ้มจางๆพร้อมลดมือลง

    เขาทั้งเหมือนทั้งไม่เหมือนรีบอร์นเลย--
    เวลาที่เหนื่อยล้าจนยืนแทบไม่ไหวแล้วถูกเข้าใกล้มากเกินไป--ก็จะเหวี่ยงทุกอย่างเข้าใส่จนกว่าจะยืนยันได้ว่าปลอดภัย--
    นี่ถ้าเขาไม่ได้โดนมากับตัวตอนที่รีบอร์นเหวี่ยงไปรอบนั้นจะเป็นยังไงนะ?

    แต่ซาวาดะนะเป็นแค่พลเรือนธรรมดาไม่ใช่รึไง?
    ทำไมถึงได้…

    ดีโน่ปรับสีหน้าให้กลับไปเป็นแบบเดิมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

    “อ๊ะ! ขอโทษทีนะทั้งที่พึ่งรู้จักกันแท้ๆ---”เขาทำหน้าเลิ่กลั่กนึกอยากเอาหัวโขกกำแพงที่เข้าไปทักคนจากข้างหลังโดยไม่ให้ซุ่มให้เสียงแทนที่จะรู้ดีที่สุดว่าไม่ควร---จนไม่ทันเห็นใบหน้านึกเอ็นดูของครูประจำชั้นหนุ่ม(ที่กำลังนึกอยากถามว่าโรมาริโอ้อยู่ด้วยกันรึเปล่า?)

    ถึงแบบนั้นท่าทางเหลอหลาของดีโน่ก็ยังทำให้อีกฝ่ายหัวเราะเบาๆจนเขาอดใจชื้นไม่ได้

    หนุ่มผมทองยิ้มแห้งๆตอบก่อนจะเกาหัวแล้วเท้าคางลงกับที่กั้นระหว่างโต๊ะครู---

    แก้ไข...“พยายาม”จะเท้าคางต่างหาก

    “โอ๊ะ---”ไม่รู้เท้าคางยังไงให้วืดแต่หน้าเหลอหลาหนักกว่าเก่าของพ่อหนุมผมทองก็ทำให้ครูสอนศิลปะประจำชั้นมัธยมต้องคว้าข้อศอกของเขาเอาไว้ไม่ให้เจ็บตัวไปมากกว่าเดิม--
    “ไม่เป็นไรนะครับพ---คาวัลโลเน่ซัง?”

    สึนะโยชิซังมองหน้าเขาที่ถูกฉุดตัวเอาไว้ไม่ให้ล้มและดันให้ลุกขึ้นไปยืนอย่างมั่นคงได้แล้วถึงได้ปล่อยและถอยออกไปเว้นระยะห่างอย่างคนไม่ชอบถูกก้าวก่ายพื้นที่ส่วนตัว…?

    หวา...เป็นคนหวงตัวหรอกเหรอ?
    ถ้าอย่างนั้นก็น่าจะตั้งการ์ดไม่ยอมลดสิ…
    เป็นคนที่ขัดแย้งกันเองชะมัด

    “ฉันไม่เป็นไรขอบใจนะ! ซุ่มซ่ามให้เห็นซะแล้วสิแฮะๆ”เขากล่าวขอบคุณพลางเอื้อมมือขึ้นไปเกาต้นคอเขินๆกับการวืด---ที่ไม่เท่ห์เอาซะเลย…

    เพราะว่าเป็นบอส...ก็เลยมักถูกคาดหวังให้สง่างามตลอดเวลา…
    เรื่องความซุ่มซ่ามนั้นสำหรับดีโน่แล้วเปรียบเหมือนปมด้อยที่แม้แต่รีบอร์นก็แก้ไม่หาย…
    ต้องขอบคุณลูกน้องและผู้พิทักษ์ที่อดทนอยู่ข้างๆเกือบตลอดจนเขาเลิกซุ่มซ่ามตลอดเวลา---
    กลายมาเป็นซุ่มซ่ามเวลาไม่มีลูกน้องแทน...

    “ไม่เป็นไรหรอกครับ---ผมเองก็ซุ่มซ่ามเหมือนกัน”
    ใบหน้าที่ดูเหมือนยังขาดสารอาหารยิ้มอายๆคืนมาให้เช่นกัน

    อ่ะใช่-- จะว่าไปคนๆนี้ถูกเรียกว่าอาจารย์ห่วยงั้นสินะ…?
    ทั้งที่การตอบสนองของร่างกายก็ออกจะเร็ว…
    หืม...หรือว่าเพราะไม่ค่อยฉลาดกันนะ?
    ไม่ได้ๆอย่ามัวแต่วิเคราะห์ประชาชนธรรมดาสิ--

    “แต่ว่า...มีอะไรรึเปล่าครับคาวัลโลเน่ซัง?”
    “อ๋อใช่! กำลังจะกลับบ้านใช่รึเปล่าซาวาดะซัง?”
    “เอ--ใช่ครับ...มีอะไรรึเปล่า?”
    “งั้นขอรบกวนถามหน่อยนะ พอดี ฉันพึ่งมาที่ญี่ปุ่นได้ไม่นานนะ เลยยังไม่มีเพื่อนเป็นคนญี่ปุ่นเท่าไร---พอจะแนะนำร้านซูชิหรือร้านดื่มดีๆให้หน่อยได้รึเปล่า?”
    “เห!? พึ่งมาแต่พูดญี่ปุ่นชัดมากเลยเก่งมากเลยครับดีโน่ซัง! แล้วก็..นั่นสินะครับ---ถ้าเน้นอาหารก็คงเป็นทาเคซูชิ--แต่ที่นั่นหลังห้าโมงจะดื่มอย่างเดียวก็ได้นะครับ? แต่ถ้าอยากได้บรรยากาศร้านเหล้าก็ต้องมิคาสึจิน---อ่ะแต่รถเข็นโอเด้งริมสะพานกลางใกล้ๆก็อร่อยนะครับ ที่นั่นตอนกลางคืนอาจจะหนาวหน่อยๆแต่กินโอเด้งร้อนๆอร่อยมากเลยนะครับ”

    อธิบายเสร็จสึนะก็นึกขอบคุณตัวเองที่ไปสำรวจที่ทางมาก่อน...ไม่อย่างนั้นได้ซวยพูดไม่ออกบอกไม่ถูกจนผิดวิสัยคนที่เกิดและโตที่นี่แน่ๆ...
    แต่ร้านพวกนี้ก็อร่อยจริงๆนั่นแหล่ะ
    มิคาสึจินออกจะอันตรายหน่อยๆแต่อย่างดีโน่ถึงไปก็คงไม่มีปัญหาอะไร
    ร้านโอเด้งพี่แกก็ไม่น่าจะเคยลอง แนะนำไปน่าจะชอบนะ
    ส่วนทาเคซูชิแม่ก็คงสั่งไปกินที่บ้าน---

    ลมหายใจสึนะสะดุดไปเมื่อคิดถึงนานะขึ้นมา…
    ผู้หญิงที่เขารักที่สุดในโลก
    และผู้หญิงที่รักเขาที่สุด..รักตั้งแต่ที่เขาเกิดมาโดยที่ไม่ได้สนใจว่าเขาจะห่วยแค่ไหน…
    ถึงจะรักรองจากเจ้าพ่อบ้านั่นนิดหน่อยก็เถอะ..

    อยากเจอจัง...แต่ก็ทำไม่ได้…
    แค่แม่ตัวเองก็ยังไปหาไม่ได้เลย…
    น่าสมเพชชะมัด...

    เขาไม่รู้ตัวว่าตัวเองนิ่งไปจนถูกอดีตพี่ชายที่ตอบรับว่าอยากลองโอเด้งสะกิดแขน

    “ซาวาดะซัง--เป็นอะไรรึเปล่า?”
    “เอ๋--ไม่เป็นไรครับ--ผมแค่คิดถึง….คนๆนึงขึ้นมา..” 

    บอสของคาวัลโลเน่เลิกคิ้วก่อนจะค่อยๆพิจารณาสายตาของอีกคน…

    เป็นสายตาของการสูญเสียก็จริง...แต่ไม่ได้ถึงขั้นตาย…
    โคม่า? ไม่น่าใช่แต่ดูเหมือนจะไปมาหาสู่ไม่ได้..
    ถูกบอกเลิกในร้านอาหารหรืออะไรแบบนั้นงั้นเหรอ?

    เพราะว่าเป็นบอสของแกงค์มาเฟียดีโน่จึงไม่ค่อยมีเพื่อน…
    ที่มีอยู่ก็เรียกได้ว่าเพื่อนไม่เต็มปาก...จะสคอวลโล่ที่กลายเป็นเทพดาบและวาเรียหรือโรมาริโอ้เองที่เป็นผู้พิทักษ์เสียมากกว่า…
    นี่เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ว่าทำไมเขาถึงไม่อยากเป็นมาเฟีย…
    แต่ถึงยังไงชีวิตของคนทั้งแฟมิลี่ที่พ่อทิ้งไว้ให้พร้อมๆกับนามสกุลที่ได้มาแต่กำเนิดนี้…
    เขาก็ละทิ้งมันไปไม่ได้อยู่ดี…

    แต่อย่าว่าแต่เพื่อนเลย…
    คนรักเป็นตัวเป็นตนตั้งแต่สมัยมัธยมเขาก็ไม่ได้มี…
    ตอนนั้นพอถูกรู้นามสกุลก็ถูกทิ้งเหมือนกันละนะ...
    ส่วนตอนนี้..คู่นอนนะใช่...แต่คนรัก..เฮ้อ…

    “คิดแล้วเศร้า---ไปซัดเหล้าร้านโอเด้งแก้ช้ำใจที่สาวไม่แลกันดีกว่าสึนะ!”
    ประโยคที่อีกฝ่ายพูดออกมาอย่างหมดอาลัยตายอยากทำเอาสึนะโยชิต้องเลิกคิ้ว---

    สึนะ?

    ยิ่งเขาทันได้เห็นสีหน้ากระอักกระอวนของอีกคนก่อนที่มันจะเปลี่ยนไปเป็นเหลอหลาเหมือนไม่ได้ตั้งใจจะพูดทั้งประโยคนั้นทั้งชื่อเล่นของเขาออกมายิ่งแล้วใหญ่---

    เพราะดูเหมือนว่าตัวดีโน่นั้นตั้งใจมาถามเพื่อพาแฟมิลี่ของเขาไปพักผ่อนไม่ได้ตั้งใจมาชวนไปด้วยกัน
    แล้วยังเรียกชื่อเล่นเขาออกมาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยอีก..?
    เจ้าตัวก็น่าจะรู้นี่น่าว่าการข้ามขั้นจากนามสกุลไปเรียกชื่อเล่นเลยนี่มันค่อนข้างจะ...

    ใบหน้าเอ๋อๆสบกับใบหน้าเหลอหลา---
    ก่อนจะหลบตากันโดยไม่ได้นัดหมาย---

    ก็ไม่รู้หรอกนะว่าหลบทำไมแต่มันต้องหลบนี่!

    ริ้วแดงๆบนใบหน้าคนชวนแบบกะทันหันนั่นแหล่ะมั้งที่ทำให้ต้องหลบ---
    ใช่...ดีโน่กำลังอับอายได้ที่เลยที่มาดสุภาพบุรุษที่มีอยู่ตลอดกลายเป็นอะไรไปแล้วก็ไม่รู้…
    อยู่ๆก็ชวนเขาไปดื่มไม่พอ อยู่ๆก็โพล่งเรื่องชีวิตรักที่ไม่ค่อยมีออกไปอีก--

    แต่แทนที่จะถอยห่างออกไปอย่างหวาดๆคนตรงหน้าเขากลับกำลังหัวเราะแทบเป็นแทบตายและกำลังปาดน้ำตาที่ไหลจากการหัวเราะมากเกินไปจนเขาอยากจะโดดลงจากหน้าต่างชั้น 27 จากอพาร์ตเม็นต์ที่เขาอยู่...

    แต่ว่า...ถ้าได้เพื่อนใหม่ด้วยคำพูดแบบเมื่อกี้...เขาก็จะทนอายไปก่อนก็แล้วกัน!
    .
    .
    .
    ความรู้สึกหดหู่ เศร้าๆปนสมเพชตัวเองเรื่องแม่--นานะซังของเขาถูกคลื่นความมึนของม้าพยศหนุ่มดีดเปรี้ยงไปจนอดหัวเราะแบบที่ไม่ได้ทำมานานไม่ได้

    ไม่ว่าจะโลกไหนเขาก็ยังคงเป็นเจ้าห่วยคอยให้ทุกคนยื่นมือมาช่วยอยู่เรื่อย---
    ทำให้เขาได้ปลดปล่อยความรู้สึกที่เก็บกักไว้ผ่านการร้องไห้...การต่อสู้หรือกระทั่งการหัวเราะได้...ทั้งที่ตอนนี้ไม่ได้สนิทกันด้วยซ้ำ
    จะทาเคชิ เคียวยะหรือพี่ดีโน่ก็บ้าบอยื่นมือมาให้คว้าไว้ตอนที่กำลังจะแตกสลายเสมอเลย...

    เจ้าพวกบ้าเอ๊ย!
    มันแปลกไม่ใช่รึไง!
    ฉันเป็นสึนะโยชิตัวปลอมนะ!
    ถ้ายังใจดีกับฉันอยู่แบบนี้ฉันจะเหลิงนะเฮ้ย!

    ไอ้เพลงโปรดที่ร้องว่า ขอเพียงหนึ่งมือเท่านั้น...ดูแล้วยังไงก็คงจะไม่พอแล้ว
    จะผิดมั้ยถ้าเขาจะโลภมากจนอยากคว้าไว้มากกว่าหนึ่งมือ?

    จะทำให้ตัวฉันระเบิดเพราะความรู้สึกทั้งหมดนี้รึไงกัน!

    ใบหน้าอับอายที่มีรอยยิ้มแหยๆประทับอยู่เพราะถูกหัวเราะใส่แบบไม่มีกั๊กทำเอาเขาที่กำลังปาดน้ำตาที่ไหลออกมาตอนหัวเราะอดตอบรับกลับไปด้วยรอยยิ้มและคำเรียกแบบล้อเลียนไม่ได้…

    “ตกลงครับดี-โน่-ซัง!”
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    บนใบหน้าเอ๋อๆกับเหลอหลาเมื่อครู่ถูกแทนที่ด้วยรอยยิ้มกริ่มเหมือนรู้กัน…
    ทั้งที่พึ่งจะรู้จักกันแท้ๆ...
    แต่ทำไม…
    เขาถึงได้รู้สึกเหมือนได้สิ่งสำคัญกลับคืนมากันนะ?
    .
    .
    .
    .
    .
    หากทั้งสองคนเป็นคนที่เชื่อใจได้ถาพที่เห็นก็คงเป็นภาพที่อบอุ่นของการพบและทำความรู้จักกันแบบเปิ่นๆของลูกศิษย์คนแรกของเขา...กับเพื่อนใหม่...
    แต่เพราะว่าไม่ใช่….รีบอร์นจึงทำได้แค่เพียงมองผ่านกล้องด้วยสายตาเย็นชาเท่านั้น...
    ไม่ใช่แค่ยามาโมโตะ...
    ดีโน่…
    แม้แต่แกเองก็………….

    เขาไม่มีเวลาสืบอะไรมากกว่านี้แล้ว…
    ไม่อย่างนั้น…
    สึนะโยชินี่อาจจะแทรกซึมและทำลายพวกเขาก่อนที่ข้อมูลจะมาถึง
    เขาไม่อยากให้มันสายเกินไป
    ต้องรีบลงมือแล้ว
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    “ห่ะ!? สึนะอายุมากกว่าตั้งสองปีเลยเหรอเนี่ย--!”
    “แค่เกือบสองปีต่างหา---”
    บทสนทนาระหว่างการซดสาเกบนรถขายโอเด้งของทั้งสองพลันชะงักลงโดยความรู้สึกที่ทำเอาขนลุกซู่…
    คนอายุน้อยกว่าเกือบๆสองปีอย่างรุ่นที่สิบของคาวัลโลเน่ขมวดคิ้วกับความรู้สึกนี้แล้วเขยิบเข้าใกล้อีกคนอย่างไม่รู้ตัว…
    ในขณะที่ถึงจะแปลกใจแต่คนแก่กว่าก็ยิ้มรับความเป็นห่วงเป็นใยของอีกคน---

    หรือว่าเคียวยะจะรู้ตัวว่าคลาดกับพวกเขาแล้ว?

    “เคียวยะ...ละมั้งนั้น?”
    ดูท่าอดีตพี่ชายที่ผันตัวมาเป็นเพื่อนร่วมงานและเพื่อนร่วมดื่มของเขาเองก็จะคิดเช่นเดียวกัน

    ถึงจะรู้ว่าพรุ่งนี้กลับไปต้องเจออะไร---แต่พอเทียบกับที่เคยเป็นลูกศิษย์ของจอมซาดิมส์อย่างรีบอร์นแล้วแค่นี้สำหรับพวกเขาก็ยังถือว่าจิ๊บๆ---
    (ถึงอดีตศิษย์พี่จะไม่รู้เรื่องนั้นก็เถอะ)
    ทั้งสองกลับไปดื่มสาเกร้อนในมือด้วยรอยยิ้มกริ่ม--

    ถ้าจะถามว่าทำยังไงถึงได้คลาดกับหัวหน้ากรรมการคุมกฏอย่างเคียวยะมาได้---
    ก็ขอตอบแบบภาคภูมิใจเลยว่า!!

    พากันปีนข้ามกำแพงโรงเรียนหนีมา!!

    ถึงจะถูกนักเรียนบางคนเห็นแต่ก็รอดมาได้ละนะ!
    แล้วก็ดีนะที่คุณบอสคนข้างๆนี่ถึงจะซุ่มซ่ามแต่ก็โดนแค่กิ่งไม้ครูดนิดหน่อยไม่ได้ตกมาคอหัก!
    แต่ก็นะ...เพราะเคียวยะให้คนดักไว้ทางออกข้างหลังแล้วตัวเองดักอยู่ข้างหน้านี่นา…
    ทั้งเขาทั้งดีโน่ซังก็เลยเห็นพ้องต้องใจกันว่า...ออกด้านข้างก็แล้วกัน…

    “สึนะ! แด่การโดดกำแพงนามิโมริครั้งแรก!”ดีโน่ยื่นสาเกร้อนแก้วที่เจ้าของรถ
    “ฮะๆๆ ทำเหมือนจะได้ปีนกันอีกงั้นแหล่ะดีโน่ซัง---ทำอะไรเกรงใจกล้ามผมด้วย--”

    สึนะเบ่งกล้ามที่ตอนนี้เรียกได้ว่าไม่มีตัวตนให้อีกฝ่ายดูด้วยท่าทีมาดแมนแฮนด์ซั่มจนดีโน่หัวเราะก๊ากอย่างหมดมาด---
    แล้วพากันดื่มสาเกร้อนสองแก้วนั้นลงไปอย่างเอร็ดอร่อย---และเอื่อยเชื่อยไปตามประสาคนนั่งดื่ม

    จนมีอะไรบางอย่างร่อนลงบนหัวฟูๆของเขาอย่างนุ่มนวล…
    “ทำผิดกฎทำผิดกฎ~ จะขย้ำจะขย้ำ~”
    เสียงเจื้อยแจ้วบนหัวของเขาทำให้สึนะอมยิ้มแล้วบิโอเด้งชิ้นเล็กๆส่งไปให้นกน้อยตัวป้อมสีเหลืองอย่างเคยชิน---

    “อ่ะเจ้าตัวเล็ก---กินซะแล้วอยู่เงียบๆไม่ต้องไปเรียกฮิบาริคุงมาเข้าใจมั้ยหึ๊?”

    ติดสินบนนกให้เคยชิน---จะได้ไม่ไปฟ้องเจ้านายไงหล่ะ!!!
    ความฉลาดนี้ได้แต่ใดมากันสึนะ---

    “พรืด----ถ้าเป็นนกของเคียวยะต้องกินแล้วกลับไปฟ้องแล้วเอาอาหารจากคุซาคาเบะคุงอีกต่อนึงแหง--”
    ดีโน่ตอบรับเขาอย่างอารมณ์ดีพร้อมจิ้มๆลูบๆเจ้านกสีเหลือง---และค้นพบว่าผมสึนะนุ่มมา----

    “ปีนกำแพงโรงเรียน…ผิดนัดกับจ่าฝูง….จะขย้ำให้ตาย!!!”



    วงแตกสิจ๊ะ---
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    “อาจารย์หน้าปูดมาแบบสุดขั้ววววว!!!?”
    “เรียวเฮคุงครับ เดี๋ยวก็โดนเพื่อนบ้านปากะละมังใส่หรอก---บอกกี่ครั้งแล้วว่าเช้าๆแบบนี้ห้ามตะโกนนะหึ๊?”

    อรุณสวัสดิ์ครับทุกท่าน...ใช่ครับผมยังมีชีวิตอยู่ไม่ได้ตายอีกรอบแต่อย่างใด--ถึงหน้าตาจะมีรอยฟกช้ำเพิ่มขึ้นจากทอนฟ่ามหาประลัยที่ไม่รู้มีระบบติดตามหรือไงถึงได้ตามมาฟาดถึงร้านโอเด้ง!

    “แต่มันสุดขั้ววว---!!!”ผมเอามือปิดปากเรียวเฮก่อนจะโดนปาหม้อไหกะละมังใส่จริงๆ---
    “พี่คะ...อย่ารบกวนคนอื่นสิ”เคียวโกะจังที่แสนดีก็ทำการตีแขนพี่ชายตัวเองเบาๆเพื่อปรามก่อนจะหันมาทักทายผมด้วยท่าทีน่ารักดั่งเคย
    ผมเอ่ยทักตอบไปก่อนที่เราทั้งสามคนจะเดินไปโรงเรียนด้วยกัน---

    ไม่ใช่แค่คุณหรอก…
    ผมเองก็ค่อนข้างงงๆเหมือนกันว่ามันมาจบอีหรอบนี้ได้ยังไง…

    แต่เมื่อเช้าของสองสามวันก่อนผมก็ไปวิ่งของผมอยู่ดีๆระหว่างทางกลับพอเลี้ยวตรงหัวมุมก็โดนชนเปรี้ยงกลิ้งไปนอนมึนอยู่หน้าบ้านซาซางาว่ะ…
    คงไม่ต้องบอกว่าโดนอะไรหรือใครชนด้วยซ้ำ…

    “โธ่พี่ละก็--ไปวิ่งชนใครอีกแล้วคะเนี่ย--เอ๋? ครูซาวาดะ?”
    “อาจารย์ประจำชั้นสุดขั้วววว!!!”

    ยอมรับเลยครับว่าเมื่อก่อนก็ไม่ค่อยได้มาบ้านนี้ซักเท่าไร(เพราะเรียวเฮก็ย้ายไปอยู่อิตาลีกับเขาส่วนเคียวโกะจังก็แต่งงานและย้ายออกไปอยู่กับสามี)จนหลงๆลืมๆไปว่ามันอยู่ใกล้บ้านเขาที่สุดจากคนแถวๆนี้…
    สุดท้ายก็เข้าไปดื่มชารับคำขอโทษแบบสุดขั้วของคนพี่และอาหารเช้าฝีมือคนน้อง
    เป็นบรรยากาศที่น่าคิดถึง...อาหารฝีมือเคียวโกะกับการทานอาหารเช้าร่วมกับเรียวเฮ…
    ถึงจะอยากกินอีกทุกวันแต่ก็นะ เป็นอาจาร์ยแล้วจะไปกินข้าวบ้านลูกศิษย์ฟรีๆทุกวันก็คงจะแปลกๆนั่นแหล่ะ?
    ถ้าไม่นับรีบอร์นที่ขอค้าจ้างเป็นอาหารกับที่อยู่ละก็นะ

    แต่พอขอตัวกลับบ้านไปเตรียมตัว พอออกจากบ้านมาอีกทีก็มาเจอะเข้ากับสองศรีพี่น้องที่กำลังจะไปโรงเรียนเช่นกันอีกรอบ…
    สุดท้ายก็เดินไปด้วยกันอย่างมึนๆ…
    พอเห็นว่าเงียบๆก็เลยชวนคุยเรื่องข้าวกลางวันว่าวันนี้ทำอะไรมากินกันไปจนถึงเรื่องการบ้านที่เรียวเฮลืมทำ เรื่องนัทจังเมวจรจัดที่ทั้งสองคนเองก็เคยเจอหรือกระทั่งร้านเค้กเปิดใหม่ที่ฟังดูน่าไปลองตามสรรพคุณที่เคียวโกะจังกล่าวชม…

    แล้วก็กลายมาเป็นว่าเป็นเรื่องปกติที่จะเดินไปโรงเรียนด้วยกันไปแล้ว
    สามวันมานี้ก็เลยสนิทกันมากขึ้นจนน่าใจหาย
    และมันก็ทำให้ผมได้เห็นว่าความต่างของอายุนั้น...เป็นยังไง
    ไม่ได้รู้สึกเหมือนมีผีเสื้อบินอยู่ในท้องหรืออยากจับมือถือแขนเหมือนสมัยเขาอายุ14
    แต่เป็นความรู้สึกเอ็นดูจนอยากแกล้งยีหัวเล่นหรือลูบหัวให้กำลังใจมากกว่า
    บางทีเขาอาจจะเข้าใจผิดไปเองว่าตัวเองตกหลุมรักเคียวโกะ
    หรืออาจจะตกหลุมรักนั่นแหล่ะ แค่ปีนออกมาได้ตั้งนานแล้วดันไม่รู้ตัว?

    ซึ่งก็ดีแล้วหล่ะ เขายังไม่อยากโดนจับเข้าคุกเพราะไปชอบเด็กที่อายุน้อยกว่า 10 ปีหรอกนะ--

    และเพราะทำอาหารกันทั้งคู่ สึนะก็เลยเหมือนได้เชฟฝึกหัดมาพร้อมๆกับน้องสาวและลูกศิษย์ 
    ทั้งพูดคุยแลกเปลี่ยนสูตรและถามความเห็นเรียวเฮที่กินง่ายเน้นอาหารที่ให้พลังงานและดีต่อสุขภาพ

    เช้านี้เองก็เช่นกัน
    แค่เช้านี้ร่องรอยที่ได้จากทอนฟ่าเมื่อวานมันแจ่มชัดขึ้นมาร่วมถึงความเจ็บหรือปวดหน่วงๆตามร่างกายจนอดร้องโอดโอยอ้อนสองพี่น้องไม่ได้ว่าโดนฮิบาริแกล้งมา---

    “คุณอิเอ~เช้านี้ฮารุทำอาหารกลางวันมาให้ด้วยร๊ากกกกค่า!”
    “ไม่เอ๊า!! นี่มันพอยซั่นคุ๊กกิ้งของเบียงกี้นี่!!!”
    “แว๊ก! อาหารของอาเจ๊---”
    “อ้าวโกคุเดระนอนเล่นอีกแล้วเหรอฮะๆๆ--”
    “ไงศิษย์น้อง! จะรีบไปไหนเหรอ---อึ๋ย...ไง...เคียวยะ”

    เสียงดังกันในแบบที่ว่าถึงยังไม่ได้เขาโรงเรียนแต่---

    “ก่อความวุ่นวาย...อยู่รวมกันเป็นฝูง---จะขย้ำให้ตาย!!!”

    ความครื้นเครงก็เดินทางมาหาให้ถึงที่---

    “โอ้!!! ซาวาดะวิ่งแข่งกันสุดขั้ว!!”เรียวเฮซึ่งไม่ได้เข้าใจเหตุผลอะไรเลยก็วิ่งไล่ตามอิเอคุงที่กำลังถูกฮารุวิ่งไล่เพื่อให้กล่องเบนโตะอาบยาพิษท่าทางสยดสยองในมือไปในทันที---
    ทิ้งไว้เพียงกระเป๋านักเรียนที่นอนแอ้งแม้งอยู่บนพื้น...

    “พี่คะ! กระเป๋า--”

    แต่เรียวเฮก็หายลับไปแล้วพร้อมๆกับอิเอยาสึและฮารุ…
    เหลือไว้เพียงทาเคชิที่กำลังเขี่ยๆฮายาโตะให้ตื่นและเคียวยะที่กำลังไล่ฟาดดีโน่ที่สะดุดฮายาโตะอีกที---
    เคียวโกะจังได้แต่ถอนใจยิ้มๆแล้วก้มลงเพื่อจะเก็บกระเป๋าขึ้นมา--
    ถ้าผมไม่ตัดหน้าเธอแล้วหยิบมาถือไว้เองละก็นะ

    “เดี๋ยวผมเอาไปให้เองครับ...ยังไงก็ต้องไปสอนห้องเรียวเฮคุงอยู่แล้ว--”

    “ก๊ากๆตายซะเถอะรีบอร์น!!!”

    น้ำเสียงที่ไม่ได้ยินมานานหลังจากเจ้าของมันโตเป็นทำให้สึนะยิ้มค้างไป…

    พี่สึนะผมกลัว---
    เจ็บ---ฮือออ อด-ทน-ไ--อ๊าาาาา---!
    ขาของผม---ฮึก---ผมไม่เป็นไร----ไม่--เป็น-----อะไรเลย---
    สะสบายมาก แค่นี้จิ๊บๆไม่เจ็บ---อุ่ฟ--อั่ก!!
    ผม----อ...ทนพอแล้วใ...มั้ย…..ฮะ…
    พี่ส...นะ

    เสียงสุดท้ายที่ผมได้ยินผ่านโทรศัพท์ของน้องชายตัวเอง…

    “อ่า...ทำได้ดีมากเด็กดี...ทำได้ดีมาก…อีกนิดเดียวแรมโบ้---หน่วยกู้ภัยกำลังพาเธอออกมา---”

    ผมได้แต่พร่ำบอกเขาทั้งน้ำตา…
    ทั้งๆที่เสียงปลายสายเงียบลงไปแล้ว…
    ลางสังหรณ์ทำให้ผมรู้ว่า….ร่างกายของเขาอยู่ตรงไหน….ทันทีที่ไปถึง
    ผมขุดเขาขึ้นมาจากซากตึกที่ถล่มลงมาเพราะระเบิด…
    ตอนแรกแรมโบ้ไม่ได้รับบาดเจ็บมากนัก
    แต่ตึกนั่นถูกระเบิดอีกครั้ง…ถัดจากนั้นสามนาที
    น้องชาย---น้องชายของเขาก็เลย---

    “แมลงวัลแถวนี้น่ารำคาญจังนะ--”

    ผัวะ!!!

    “แงงงงงงงงงงงงงงงงงง๊!!! อด--ทนไว้--ไม่ไหวแล้วแงงงงงง!!”
    “อย่าเล่นแรงสิจ้ะรีบอร์นจัง โอ๋ๆแรมโบ้จัง--”
    “ฮึกเคียวโก้---ขอหนมหน่อยเด้---”

    “...”

    ยังตะโกนโหวกเหวกและร้องไห้เสียงดัง
    ยังหายใจ
    ยังเด็ก
    ยังมีชีวิต…
    สึนะมองเด็กวัยห้าขวบในอ้อมกอดของเคียวโกะด้วยแววตาล้ำลึก…
    เขาอยากจับต้องและปลอบโยนน้องชายที่ตัวเล็กยิ่งกว่าเก่า...แต่ก็กลัว…
    ถ้าหากว่าเขาแตะต้องแล้วบุบสลายไปจะทำยังไง…

    ร่างกายไขว่ขว้าหาที่พึ่ง…
    ที่พึ่งหรือความรู้สึกปลอดภัยหนึ่งเดียวที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่ตอนแรกจนถึงตอนสุดท้าย…
    คนๆเดียวที่เขาพูดได้เต็มปากว่าถึงแตะต้องยังไงก็ไม่มีทางมีรอยขีดข่วน

    สึนะโยชิคว้าเด็กวัยห้าขวบอีกคนที่ยืนอยู่บนกำแพงใกล้ๆมากอด
    เอ่ยถ้อยคำปลอบโยน ลูบหัว จนถึงจุมพิตหน้าผากด้วยความรัก…

    ท่ามกลางความวุ่นวายรอบๆตัว
    รีบอร์นนิ่งอึ้งอยู่ในอ้อมกอดของเขา
    สึนะยิ้มบางๆแล้วแนบใบหน้าลงกับหมวกปีกสีดำแถบส้มอันแสนคุ้นเคย…
    เพราะรับรู้ว่าเลออนในรูปร่างปืนถูกจ่ออยู่ที่หัวใจตัวเอง ตั้งแต่ที่คิดคว้าคนๆนี้มากอด…

    “Mi manchi Così tanto…”

    (ผมคิดถึงคุณมาก...)



    ‘เปรี้ยง!!’



    “Ma io non riconoscerlo”

    (แต่ฉันไม่รู้จักแก)
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    TBC…?


    WOWOWOWOWOWOWOWOWOWOWOWOWOWOWOWOWOWOWOWOWOW


    ช็อคมั้ยหล่ะ…
    ฮันน่อว--โดนหลอกแล้วว่าจะจับเข่าคุยกัน! น่าเสียดายที่มัวแต่วุ่นวายกับเรื่องโอซีจนไม่ทันวันโกหก!
    แหม---แต่เฮียแกเป็นนักฆ่าเนอะ เข้าใกล้ไปมีปืนลั่นเปรี้ยงปร้างแน่นอนอยู่แล้ว--

    เฮียโน่เด่นมว๊ากกกกเพราะเดี๋ยวผ่านศึกชิงแหวนไปนางก็ต้องกลับอิตาลีแล้ว ช่วงนี้ก็ให้บทนางหน่อยฟฟฟ มีฮิเบริด์ด้วยกิ๊วก๊าวมากๆ---แอบคล้ายมีโมเม๊นท์ D2718 อารมณ์หนีไปเที่ยวกับกิ๊กแล้วภรรยา?/สามี? มาตามกลับบ้านฟฟฟ ใครจิ้น D18 หรือ 1827 หรือ D2718 ก็จิ้นกันไปตามสะดวกนะคร่ะอร่าว่าไอ้รอยฟกช้ำนั้นมาจากไหน---
    แต่ดีโน่โคตรทำคะแนน! แป็ปๆเรียกชื่อเล่นแล้ว! เนียนยิ่งกว่ายาม่ะอีก! วิกฤตแล้วค่ะทุกคน---
    ปมชิม่อนกับเดม่อนนี่ก็เรื่องใหญ่อีกเรื่องฟฟฟ อาโพหล่ะปวดเฮด--
    ปล.แล้วก็ใครเขียนอิตาลีเป็นโปรดช่วยเราที...ที่เขียนอยู่ข้างบนนั้นตบตีกับอากู๋จนได้มา…ถถถ
    ปล.งงกันมั้ยคะว่าตรงไหนเขียนถึงใคร...อาโพชอบเขียนจากมุมมองของบุคคลที่สามคะ--แต่บางทีก็ต้องเขียนสลับไปมุมมองบุคคลที่หนึ่งด้วย เอาจริงๆก็เริ่มงงเองเหมือนกันฟฟฟ

    คำถามประจำตอนนนนน---
    คิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่สึนะถูกยิง? หรือคิดว่าถูกยิงรึเปล่า?

    คุณ Mameawmc - มีแน่นอนค่ะแต่แน่นอนว่าต้องมีอะไรเปลี่ยนเพราะเฮียเบียก็มาอยู่นี่แล้ว?
    คุณ Ninehannah - กราบขอบคุณและขอโทษซักสามที---สามีสุดท้ายก็ออกนิดเดียวเองรู้สึกผิดจังค่ะฟฟฟฟ
    คุณ The killer of Despair - อื้อหือออออ ไม่ต้องเล่นปงปืนก็ได๊----อัพแล้วจ้าๆใจเย็นๆค่อยๆวางปืนลง---
    คุณ SOMEBEAR - ไปเชียร์เขาทำไม! ปล่อยเขากลับสู่ธรรมชาติไปจะได้ไม่เป็นภาระทูน่า---//โดนมังกรกล่องงาบ---
     คุณ Ning Nong - เหนือเมฆพอมั้ยคะงานนี้---555555555555555555555555555+
    คุณ ติ่งลวงโลก - อื้อหือพลาดคำว่าราชการไปได้ฟฟฟ ไว้รีไรท์เมื่อไรเราจะแก้นะคะฟฟฟ แอบไม่ทันอาทิตย์นั้นที่บนแต่ก็มาเร็วกว่าปกติแล้วนะ ฮิ้วววว~

    สำหรับใครที่อยากสมัครโอซีแบบฟอร์มทั้งสองจะอยู่ในคอมเม็นท์ที่ 1 และ 2 ของตอนนี้นะคะ
    สามารถก็อปปี้แบบไปเขียนใส่และแปะรูปได้ตามใจชอบเลย!
    ใครทำเสร็จแล้วก็ส่งแบบฟอร์มในตอบกลับของความเห็นที่1หรือ2เลยนะคะ จะได้ไม่รบกวนคอมเม็นต์อื่นเนอะ 




    ApologiZE





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×