ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC Exo x You] มาอยู่ด้วยกันนะ (เลือกพระเอกได้)

    ลำดับตอนที่ #44 : ตอนที่ 38 ตอนจบ 0.5

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.9K
      17
      2 ก.ค. 57



     

    ณ ห้องทำงานของซูโฮ

    “เราต้องเริ่มแล้วละ” ซูโฮยืนค้ำโต๊ะทำงานและกล่าวอย่างเป็นทางการพร้อมสีหน้าที่จริงจังตามสไตล์ของเขา ส่วนคนที่นั่งฟังเขาในท่าที่ผ่อนคลายก็ไม่ใช่ใครที่ไหน คริสนั่นเอง  ซูโฮกล่าวต่อ “เริ่มค้นหาครอบครัวที่จะรับเลี้ยงดูอันนาอย่างจริงจังซะที”

    “ก็ดี” คริสตอบและสายตามองไปที่เล็บตัวเองอย่างไม่ใส่ใจนัก “อันนาจะได้โตขึ้นมามีพ่อมีแม่ให้ได้เรียกเหมือนเด็กทั่วๆไป” แต่น้ำเสียงของเขาไม่ได้ดูผ่อนคลายเหมือนท่านั่งเลย...

    อันนาเป็นเด็กที่น่ารักและเธอก็ชอบคริส คริสก็ชอบเธอ เขาอยากเลี้ยงอันนาด้วยตัวเองด้วยซ้ำ แต่ทว่ามันจะไม่เป็นการดีต่ออันนาซักเท่าไหร่...เด็กดีอย่างเธอต้องมีครอบครัวที่สมบรูณ์ ไม่ใช่มีพ่อเลี้ยงแปลกๆอย่างเขา...

    “นายโอเคนะ” ซูโฮถามเมื่อเห็นอาการปากไม่ตรงกับใจของเพื่อนได้ “ฉันรู้ว่าทำใจลำบาก...ฉันเองก็รักเธอเหมือนกัน แต่ถ้าเรากักเธอไว้กับเรา...เธอจะ”

    “ฉันรู้ ฉันรู้” คริสหันไปมองเพื่อน “รู้หน่านายไม่ต้องพล่ามหรอก ฉันโอเคดี คิดว่าอายุตั้งร้อยปีกว่าๆแล้วยังทำใจเรื่องนี้ไม่ได้อีกงั้นหรอ...มันอาจจะใช้เวลาหน่อยแต่ฉันไม่เป็นไรมากหรอก ที่น่าเป็นห่วงน่ะ เซมีต่างหากละ”

    “อืม...” ซูโฮเห็นด้วย เขาค่อยๆนั่งลงพิงเก้าอี้ทำงานช้าพลางคิดทบทวนและวางแผนการอย่างรวดเร็ว คริสถอนหายใจก่อนจะยืนไปหาหนังสือที่ดูไร้สาระที่สุดในห้องมาอ่านแก้เซง

    “เอางี้” ในที่สุดซูโฮก็คิดออก “ให้เซมีทำภารกิจนี้เองซะเลย...เธอจะได้ทำใจเร็วๆ”

    “จะดีหรอ” คริสปิดหนังสือและหันไปบอกซูโฮว่าเขาไม่เห็นด้วย “ฉันว่าเราไปพูดตรงๆกับเธอเลยดีกว่า ใช้แผนจิตวิทยาแบบนี้กว่าจะเห็นผลก็อีกนานเผลอๆอาจจะไม่ได้ผลอีก ไปบอกเธอตรงๆแล้วถ้าเธอทำใจได้ก็ให้เธอทำภารกิจซะ ถ้าทำใจไม่ได้...ฉันจะทำภารกิจนี้เอง”

    “เอางั้นหรอ...” ซูโฮนั่งนิ่งและไตร่ตรองอยู่ซักพัก “โอเค...ได้...แต่ใครจะไปบอกเธอละ ฉัน...หรือ..นาย”

    “นายไง” คริสตอบทันที

    “นายดีกว่า” ซูโฮปฏิเสธ

    “นายนั่นแหละ”

    “นายดีกว่า”

    “ไหนบอกว่าสนิทกับเธอมากที่สุดไง”

    “ไม่หรอก ช่วงนี้เธอชอบเข้าไปอ้อนนายไม่ใช่หรอ”

    “โอะ นึกขึ้นได้ว่าต้องไปทำธุระกับพ่อวะ”

    “อย่ามาตอแหล นายนั่นแหละไปบอกเซมี”

    “ไม่! ฉันจะไม่ยอมอ่อนข้อให้นายอีกแล้ว!

    “ไปเถอะ!

    “ไม่!

    “บอกให้ไปไง!!

    NO!!

     

     

     

     

     

     

     

    “เรื่องมันก็เป็นแบบนี้แหละเซมี” คริสเล่าเรื่องทุกอย่างเกี่ยวกับการตามหาครอบครัวของอันนาให้เซมีได้ฟังที่ห้องของเธอ... สุดท้ายแล้วคริสก็ต้องยอมซูโฮอีกจนได้...เขาเคยเถียงซูโฮชนะบ้างมั้ยนะ...

    เซมีที่ได้ยินแบบนั้นตอนแรกเธอโกรธและโวยวายใหญ่ยืนยันว่าจะเลี้ยงดูอันนาอย่างดี จะไม่ทำให้เธอขาดความอบอุ่นหรือขาดอะไรไปในชีวิต และอีกมากมาย...แต่พอคริสอธิบายไปเรื่อยๆ...เธอก็เริ่มใจอ่อนและยอมรับความจริง

    อันนาจำเป็นต้องมีครอบครัวที่ดี...ครอบครัวที่พร้อมและยอมรับเธอ ลำพังพวกเขาในปราสาทรักเธอและเอ็นดูเธอมากแค่ไหนก็ไม่เท่ากับที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ให้ความรักแน่นอน...

    “ฉันขอพูดตรงๆเลยนะค่ะ” เซมีว่า “ฉันทำใจไม่ได้หรอกค่ะ...”

    “ฉันเข้าใจ” คริสเดินไปแตะไหล่เธอเบาๆ “ฉันเองก็เป็นเหมือนกัน”

    “แต่ว่า” เธอเงยหน้ามองคริสด้วยสายตาที่เอ่อไปด้วยน้ำใสๆ “ฉันจะพยายามค่ะ...อันนาต้องได้รับสิ่งที่ดีที่สุด ฉันจะทำภารกิจตามหาครอบครัวต้นแบบให้อันนาเองค่ะ...ฉันจะทำเอง”

    “แน่ใจนะ” คริสลูบหัวเซมีอย่างอ่อนโยน “เธอไม่ต้องฝืนหรอกนะ งานนี้ฉันกับซูโฮลงมือเองก็ได้...”

    “ไม่ค่ะ ฉันจะทำ...” เซมียืนยัน “ฉันจะหาครอบครัวที่ดีที่สุดให้อันนาเองค่ะ”

    คริสยิ้มให้เธอและยกนิ้วโป้งแสดงถึงความภูมิใจในความมุ่งของเซมี แต่ว่าจู่ๆเซมีก็ร้องไห้ออกมา...เธอบอกว่าเธอทำใจไม่ได้ เธอไม่อยากให้อันนาไป..แต่เธอก็ยื้ออันนาไม่ได้ เธอต้องให้อันนาไป...แต่ไม่อยากให้ไป เธอสับสนแต่คริสเข้าใจดี เขายิ้มและหัวเราะให้เธอ

    “มานี่มา” คริสดึงเซมีเข้ามากอดไว้ในอ้อมอกหนาของเขา “ไม่ร้องนะครับ ใช่ว่าเราพาอันนาไปไกล...เรายังไปเยี่ยมเธอได้ตลอดนี่นา...จริงมั้ย?”

    “อื้อ...” เซมีสะอื้นใส่คริส “นั่นสิค่ะ...เรายังไปหาเธอได้...” เธอเงยหน้ามองคริสทั้งน้ำตา “ฉันจะไปหาเธอทุกวันเลยคอยดู”

    “อย่าลืมชวนฉันไปด้วยนะ!” คริสขยี้หัวเซมีแรงๆก่อนจะเขกหัวเธอ “นี่แหนะ หยุดร้องไห้เหมือนเด็กได้แล้ว โตได้แล้วเธอน่ะ”

    “เจ็บอ่ะ” เซมีลูบหัวตัวเองเบาๆ “โตแล้วร้องไห้ไม่ได้หรอไงค่ะ”

    “ไม่ได้” คริสดุเล่นๆ “โตแล้วต้องเข้มแข็งห้ามอ่อนแอและห้ามร้องไห้”

    “ใจร้ายอ่ะ” เซมีตีไหล่คริสไปหนึ่งที ก่อนจะยิ้มให้เขาแบบมีเลศนัยแล้วพูดว่า “ขอกอดอีกได้มั้ยค่ะ...มันอุ่นดีอ่ะ”

    คริสหัวเราะลั่นห้องก่อนจะดึงเธอเข้ากอดแน่นจนเธอหายใจไม่ออก...

     

     

     

     

     

     

     

    “นาย” เซมีชี้ไปที่ดีโอ “และพี่”  จากนั้นก็ชี้ไปที่ลู่หาน “จะไปหาครอบครัวต้นแทบที่จะรับเลี้ยงดูอันนากับฉันวันนี้ค่ะ...ไม่ทราบว่าว่างกันหรือเปล่าเอ่ย?”

    “พี่ว่างเสมอครับ” ลู่หานตอบพลางยิ้มให้ “ดีจังที่ชวนพี่ไป คิดว่าจะไม่ได้ออกไปไหนอีกแล้วนะเนี่ย”

    “แหม พี่ลู่ก็อย่าแซวนักสิค่ะ แล้วนายละดีโอ ว่างมั้ย? วันนี้เลยนะ...”

    “เธอจะให้ฉันทำอะไรก็ทำหมดแหละ” เขาตอบแบบไม่ใส่ใจเท่าไหร่ เซมีจึงทำหน้าเหมือนจะต่อยเขาก่อนจะหันไปยิ้มให้ลู่หานและนัดเจอกันที่หน้าปราสาทตอนบ่ายโมงหลังอาหารเที่ยงทันที...

    และเมื่อทุกอย่างเรียบร้อยหมดแล้ว พวกเขาทั้งสามอยู่ในรถที่ซูโฮเตรียมไว้เรียบร้อยลู่หานที่เป็นคนขับรถก็เริ่มบทสนทนาก่อน “เราจะไปหาครอบครัวไหนกันก่อนดี?” พูดพลางรัดเข็มขัดนิรภัยและถอยรถออกมา

    “อืม...” เซมีที่นั่งข้างคนขับพลิกดูเอกสารหนาเตอะในแฟ้มสีดำไวๆ กวาดสายตามองดูรายชื่อที่เธอเช็คไว้แล้วอย่างรวดเร็ว “เราเริ่มจากใกล้ๆก่อนดีมั้ยค่ะ?...อืม...เอาเป็นครอบครัวยูก่อนละกันค่ะ”

    “บ้านพวกเขาอยู่ไหนหรอ?” ลู่หานยื่นหน้าเข้าไปใกล้เซมีเพื่อดูที่อยู่ในกระดาษ

    “นี่ค่ะ ตรงนี้...” เซมีก็ยื่นตัวออกไปใกล้ลู่หานอีก หน้าทั้งสองแทบจะติดกัน...

    “อยู่ไหนหรอ?” แต่ทว่าดีโอแทรกเข้ามาซะก่อน เขายื่นหน้าเข้าไปตรงกลางระหว่างลู่หานกับเซมี “อ๋อ อยู่แถวนี้นี่เองเนอะ”

    ระหว่างเดินทางเซมีก็เบื่อๆบวกกับไม่อยากคิดเรื่องอันนาที่กำลังจะจากไป เธอก็หยิบขนมเลย์ออกมาแกะห่อและนั่งกินเงียบๆ... เธอเห็นลู่หานเองนั่งเงียบเหมือนกันเธอจึงยื่นมันฝรั่งไปจ่อปากลู่หาน...เขาหันมามองเซมีเล็กน้อยก่อนจะยิ้มและอ้าปากกินขนมที่เธอป้อนมาให้...

    “กินบ้างเดะ” ดีโอที่นั่งข้างหลังพูดขึ้นมาเชิงน้อยใจนิดๆแต่เซมีไม่สนใจ เธอยื่นขนมอีกซองไปให้ดีโอแกะเอง... ดีโอแอบถลึงตาใส่เธอด้วย...

    เซมีป้อนขนมให้ลู่หานกินเรื่อยๆ ลู่หานก็เคี้ยวขนมที่เธอส่งมาอย่างมีความสุขไม่รู้ว่าเพราะขนมอร่อยหรืออะไรแต่หน้าเขายิ้มอยู่ตลอดเวลา บางครั้งเศษขนมติดริมฝีปากของลู่หาน เซมีก็ใจดีใช้มือตัวเองเช็ดให้เขา...และนั่นยิ่งทำให้ลู่หานยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไม่หาย เธอทั้งป้อนขนมป้อนน้ำและเช็ดหน้าให้เขา...บริการอย่างดีโดยที่เซมีไม่รู้ตัวเลยว่ารังสีอำมหิตจากดีโอค่อยๆแผ่ขยายออกไปทั่วรถแล้ว...

    “ถึงซะทีนะ” ดีโอโพล่งออกมาอย่างโล่งอกโล่งใจเหมือนเด็กติดเกมที่เพิ่งกลับมาถึงบ้านจากการไปเรียนพิเศษมา เขารีบออกจากรถและเดินไปสูดลมหายใจข้างนอกแรงๆ ลู่หานกับเซมีเดินลงมาจากรถช้ากว่าดีโอเพราะมัวแต่เก็บเศษขนมและซองขนมกันอยู่...ดูเหมือนคู่รักที่เพิ่งกลับมาจากดูโรงหนังกลางแปลง

    “รีบๆลงมาได้แล้วครับ” ดีโอเร่งเพื่อนด้วยสีหน้าหงุดหงิดเล็กน้อย “เรามีอีกหลายครอบครัวให้ไปดูนะ...”

    “เป็นอะไรของนายน่ะ” เซมีเริ่มสังเกตเห็นพฤติกรรมแปลกๆของเขา “โอเคๆ...รีบก็รีบ ปะเราเข้าไปพบพวกเขากัน”  เซมีเดินไปลากแขนดีโอและควงแขนเขาเดินตรงไปกดกริ่งหน้าบ้านของครอบครัวยู...

    ได้อยู่ใกล้เธอก็รู้สึกดีขึ้นมาแล้วละ...

    ครอบครัวยูเป็นครอบครัวฐานะปานกลางแต่สภาพการเป็นอยู่รวมๆของพวกเขาแล้วถือว่าดีมาก เมื่อเซมีกดกริ่งหน้าบ้านคุณนายยูก็เดินมาต้อนรับพวกเธออย่างดี เซมีเดินนำหนุ่มๆเข้าบ้านไป คุณนายยูนำพวกเธอไปนั่งในห้องรับแขนที่เปิดหน้าต่างโล่งเผยให้เห็นพื้นหญ้าสีเขียวข้างนอก...

    “เดี๋ยวฉันจะไปชงชานะค่ะ...แล้วก็นี่สามีดิฉันค่ะ” คุณยูเดินเข้ามาในห้องรับแขกพลางยิ้มและทักทายพวกเธออย่างเป็นกันเอง คุณนายยูแนะนำสามีของเธอให้ทุกคนรู้จัก “สามีดิฉันชื่อ แจซอกค่ะ ยู แจซอก เราทั้งคู่แต่งงานได้ห้าปีแล้วค่ะ นั่งรอน้ำชาซักครู่นะค่ะ”

    ระหว่างที่กำลังนั่งรอน้ำชาอยู่นั้นคุณแจซอกก็ได้ชวนพวกเขาคุยแบบเป็นกันเองแลไม่ทำให้รู้สึกอึดอัดเลยแม้แต่นิดเดียว...

    “พวกคุณมีลูกกันหรือยังค่ะ?” เซมีถามทันทีที่คุณนายยูเสิร์ฟน้ำชาให้

    “มีแล้วครับ” แจซอกตอบ “ลูกชายครับ ตอนนี้ไปโรงเรียน”

    “กำลังน่ารักเลยใช่มั้ยค่ะ...”

    “ครับ กำลังซนได้ที่เลย” แจซอกตอบพลางจิบชา “ผมคิดว่าน่าจะหาน้องให้เขาเล่นแก้เหงาซักคน...”

    “ดีเลยค่ะ” เซมียิ้มและชำเลืองมองดีโอกับลู่หานที่นั่งสังเกตการณ์อยู่เงียบๆ “แล้วคุณวางแผนชีวิตของลูกชายคุณไว้ยังไงบ้างค่ะ?...ดิฉันรู้ค่ะว่าเขายังเด็กแต่ก็ไม่สายที่จะคิดเรื่องอนาคตใช่มั้ยค่ะ?”

    “แน่นอนครับ” แจซอกตอบชัดเจน “ผมวางแผนชีวิตของเขาตั้งแต่เขาเกิดได้วันแรกแล้วละครับ”

    ดีโอกับลู่หานมองหน้ากันอึ้งๆ ส่วนเซมีนั้นพยายามควบคุมสีหน้าให้ดูปกติที่สุด

    ทำไมไม่วางแผนตั้งแต่ลูกยังเป็นวุ้นอยู่ละค่ะ

    “ผมคิดว่าลูกชายผมเนี่ย” แจซอกเริ่มเล่า “ประถมก็ต้องขยันเรียนและเน้นหนักไปด้านภาษาผมกะจะให้เขาเรียนซักสามภาษาในปีแรกและปีสองค่อยเพิ่มเป็นห้าภาษาพอขึ้นมัธยมผมจะให้เขาเตรียมหนังสือแพทย์รอไว้เลยครับจะได้ไม่หนักช่วงมอ.ปลายและแน่นอนว่าเขาจะสอบเข้าโรงเรียนเตรียมแพทย์ เขาต้องได้เป็นหมออย่างที่ผมคาดหวังเอาไว้เขาต้องเดินไปตามรอยเท้าของปู่ของเขาครับ ถึงแม้ท่านจะเครียดจนตายก็ไดตาม...ผมเชื่อลูกชายผมทำได้ ผมเชื่อว่าเขาไปถึงจุดนั้นแน่นอนครับ”

     

     

     

     

    หลังจากที่กลับเข้ามาในรถแล้ว...

    “อีบร้า!!” เซมีโพล่งออกมาพร้อมๆกับที่ลู่หานออกรถไปยังบ้านหลังที่สอง “ถามลูกหรือยังว่าอยากเป็นหมอมั้ยน่ะ! ถึงถามตอนนี้แล้วลูกแกจะฟังรุ้เรื่องมั้ยว่าคำว่า อนาคต มันคืออะไร! โอ้ย ฉันอยากจะบ้าตายถ้าอันนาไปอยู่กับพวกเขามีหวังลืมพวกเราแน่ๆ”

    “ทำไมถึงลืมละ?” ลู่หานถาม

    “ก็มัวแต่ไปจำตำราแทนจะจำหน้าพวกเราน่ะสิค่ะ! ไม่ไหวๆ ตัดครอบครัวยูออกไปเลย...” เธอว่าพลางพลิกไปดูครอบครัวต่อไป “นี่เลย...ครอบครัวลี ยังไม่มีลูกด้วย ไปตรงแล้วเลี้ยวซ้ายตรงไฟแดงสองค่ะพี่ลู่”

    “โอเคครับ”

    ครอบครัวลีอยู่ในบ้านหลังใหญ่ที่ค่อนข้างจะหรูหราซักนิด คุณลีหัวหน้าครอบครัวเป็นนักแสดงรุ่นใหญ่ที่มีชื่อเสียงในวงการพอสมควร เมื่อพวกเขาทั้งสามไปถึงที่บ้านและกดกริ่งเรียก คุณลีก็ออกมาต้อนรับพวกเขาด้วยตัวของเขาเองเลย...

    “เชิญครับ” คุณลีพูดพลางเดินนำพวกเขาไปยังห้องรับแขกสุดกว้างขวาง รสนิยมตกแต่งบ้านของเขาค่อนข้างดีเลยทีเดียว คุณลีค่อนข้างสูง อาจจะสูงกว่าคริสก็ว่าได้... เมื่อพวกเรานั่งกันเรียบร้อยแล้วมีแม่บ้านมาเสิร์ฟน้ำชาให้ทันที คุณลีเริ่มแนะนำตัวก่อน

    “ผมชื่อ ลี กวางซู ครับ ผมพร้อมจะรับเลี้ยงเด็กผู้หญิงคนนั้น...” เขายิ้มยิงฟันอย่างจริงใจ

    “ยินดีที่ได้รู้จักครับ” คราวนี้ลู่หานจะรับบทสัมภาษแทน “ผม ลู่หาน นี่ดีโอแล้วเธอเซมีครับ ไม่ว่าอะไรใช่มั้ยครับถ้าผมจะถามเรื่องส่วนตัวซักเล็กน้อย”

    “ว่ามาเลยครับ ได้หมดเลยครับ” คุณกวางซูเป็นกันเองยิ่งกว่าคุณแจซอกสองเท่า เขาดูอารมณ์ดีตลอดเวลา...

    “คุณไม่มีลูกสินะครับ” ลู่หานเริ่ม “คุณมีรายได้เฉลี่ยอย่างน้อยเท่าไหร่ครับในแต่ละเดือน”

    “สามแสนครับ” คุณกวางซูตอบอย่างภาคภูมิใจ “ผมเป็นหุ้นส่วรบริษัทขายเฟอร์นิเจอร์อยู่สามที่ครับ แล้วพ่อผมก็เป็นเจ้าของบริษัทหนึ่งในนั้นด้วยครับ...ถึงงานแสดงของผมจะได้เงินดีแต่ผมว่าผมจะออกจากวงการเร็วๆนี้..เพื่อปลีกตัวมาอยู่อย่างสงบๆ”

    เซมีมองหน้าดีโอและคิดว่าเขาเหมาะที่จะรับเลี้ยงดูอันนามาก เพราะเขามีเวลาเหลือเยอะ...

    “ครับ” ลู่หานยิ้มและทำหน้าพออกพอใจ “แล้วคุณคิดว่าคุณจะดูแลเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆได้ดีแค่ไหนครับ?”

    “เท่าชีวิตของผมเลยครับ” คุณกวางซูตอบอย่างมุ่นมั่น “ผมจะดูแลเธอเหมือนลูกแท้ๆของผมเลยครับ”

    เซมียิ้มดีใจที่เจอคนจริงใจและพร้อมจะดูแลอันนาอย่างดีซะที... แต่ทว่า

    “แล้ว” ลู่หานพูดต่อ “ภรรยาคุณไปทำงานหรอครับ?”

    “อ่อ เปล่าครับ” คุณกวางซูยิ้มกว้าง “ผมโสด”

     

     

     

     

     

     

    กลับเข้ามาในรถรอบที่สอง

    “โสด!!” เซมีโวยวายอีกครั้ง “แบบนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับให้คริสดูแลอันนาเลยสิ อุตส่าถูกใจคุณกวางซูอยู่แล้วเชียว ฉันน่าจะบอกให้เขารีบๆแต่งงานนะ เฮ้อ”

    “บางที” ดีโอเสริม “ถ้าเขาเกิดแต่งงานตอนที่รับอันนาไปเลี้ยงดูก่อนแล้ว มันจะยิ่งกลายเป็นเรื่องดราม่าเข้าไปอีก”

    “นั่นสิ” เซมีเห็นด้วย “เราไปหาครอบครัวต่อไปกันเถอะ”

    พวกเขาเข้าๆออกๆบ้านคนอื่นมาสี่...ห้า...หก...เจ็ด...หลังแล้วแต่ไม่มีหลังไหนที่พวกเขาถูกใจและรู้สึกพอใจเลยซักหลังเดียว ทุกบ้านล้วนแต่มีข้อบกพร่องที่อุดไม่ได้ทั้งนั้น เซมีไม่อยากให้อันนาจากไปแบบค้างๆคาๆ เธอต้องการความมั่นใจและความรักที่แท้จริงจากครอบครัวเหล่านั้น เธอต้องการครอบครัวที่เพอร์เฟ็คจริงๆ...

    ในที่สุดพวกเขาก็เจอ...บ้านที่เพอร์เฟ็คที่สุด แต่เวลาล่วงเลยไปดึกมากแล้วพวกเขาก็อ่อนล้ากันไปหมดแต่ใจยังสู้ที่จะปกป้องอันนาสุดชีวิต ดังนั้นหลังนี้แหละ...หลังนี้จะเป็นหลังสุดท้ายและหลังที่จะให้อันนาเข้าไปอยู่ด้วย

    เป็นบ้านที่ไม่เล็กไม่ใหญ่แต่อบอุ่นและสวยงามด้านในแอบหรูหราและตกแต่งด้วยของเก่าอย่างลงตัว...มีสวนเล็กๆอยู่ในตัวบ้านด้วย

    คุณสามีชื่อ โทมินจุน คุณภรรยาชื่อ ชอนซงอี

    เป็นคู่รักที่ลงตัวจนเซมีอิจฉาตาร้อนทันทีที่เห็นพวกเขาควงแขนกันออกมาต้อนรับพวกเขาหน้าบ้าน...ใบหน้าที่อิ่มเอมในความรักของคุณซงอีทำให้เซมีรับรู้ได้ถึงเส้นใยบางๆของคำว่าส่งต่อ...คุณซงอีคนนี้พร้อมจะส่งต่อความรักให้อันนาแน่นอน... ส่วนคุณโทมินจุนนั้นเป็นหนุ่มหน้าตาดีและดูหนุ่มกว่าภรรยาของเขามาก ถึงหน้าเขาจะนิ่งและเป็นคนพูดไม่เก่งเท่าคุณซงอี แต่เซมีรับรู้ได้ว่าเขาเป็นคนดีแน่นอน...

    “ว่าแต่ทำไม” ถึงรอบของดีโอที่ต้องสัมภาษพวกเขาต่อ “พวกคุณถึงไม่มีลูกละครับ แต่งงานกันสามปีแล้วใช่มั้ยครับ? ขอโทษที่ต้องถามแบบตรงไปประเด็นไปหน่อยแต่ทางเราจำเป็นต้องถามแบบนี้จริงๆครับ”

    “ไม่เป็นไรค่ะ” คุณซงอีตอบด้วยรอยยิ้ม เธอนั่งท่าสบายๆและควงแขนสามีหลวมๆเห็นแล้วอดนึกไม่ได้ว่าพวกเขาสองคนยังหวานชื่นกันแค่ไหน... “ฉันเคยเจอคำถามแรงๆกว่านี้เยอะ” เธอหัวเราะแบบผู้ดี ลืมบอกว่าคุณซงอีเป็นดาราดังมาก่อน “ที่พวกเราไม่มีลูกไม่ใช่ว่าพวกเราไม่อยากมีหรอกค่ะ... พวกเรามีไม่ได้... เอ่อ...หมอบอกว่าอะไรแล้วนะ แหม..ฉันเองก็ไม่เก่งเรื่องศัพท์ทางการแพทย์ด้วยสิ คุณค่ะอธิบายหน่อยสิ” เธอหันไปบอกสามี

    “พวกเรามีสปีชีส์ที่ต่างกันมากครับ” คุณโทมินจุนเล่าให้ฟังและเป็นการเล่าที่เข้าใจง่ายมาก... แน่ละเขาเป็นอาจารย์สอนนักเรียนนี่นา “ยกตัวอย่างเช่น ม้า กับ ลา ถึงจะผสมพันธุ์กันได้ออกมาเป็น ล่อ แต่ล่อก็ไม่สามารถสืบสายพันธุ์ต่อได้สุดท้ายล่อก็ตายไปโดยที่ยังไม่ได้ผสมพันธุ์ กรณีของผมร้ายแรงกว่านั้น ผมไม่สามารถให้กำเนิดลูกออกมาได้เลย เพราะสปีชีส์ของเราต่างกันโดยชิ้นเชิง...จะทำยังไงก็ไม่สามารถผสมได้ครับ เข้าใจที่ผมพูดมั้ย?”

    “เข้าใจครับ” ดีโอตอบ “แต่ผมสงสัยอยู่อย่างนึงครับ...พวกคุณเป็นครอบครัวที่เพอร์เฟ็คมาก...และดูท่าทางพวกคุณอยากมีลูกด้วย ผมขอแสดงความเสียใจที่พวกคุณไม่สามารถมีลูกเองได้ แต่ผมสงสัยครับ...ว่าทำไมสปีชีส์ถึงต่างกัน? คุณก็เป็นมุษย์ภรรยาคุณก็เป็นมนุษย์...ผมหมายถึง...สปีชีส์ของมนุษย์ก็ต้องเหมือนกันสิครับ ทำไมถึง...”

    “ผมมาจากดาวอื่นครับ” คุณโทมินจุนตอบเสียงเรียบแต่คุณซงอีตกใจเล็กน้อยก่อนจะแปลงเป็นหัวเราะคิกคักอย่างน่ารัก

    “คุณคงไม่เชื่อสามีฉันใช่มั้ยค่ะ?” คุณซงอีย้อนถามพวกเขา “แต่สามีฉันมาจากดาวอื่นจริงๆค่ะ...พูดง่ายๆก็คือเขาเป็นเอเลี่ยนค่ะ” เธอหัวเราะอีกครั้งก่อนจะหยุดและเงียบลงกลับเป็นทำหน้าตายในทันทีที่เห็น ดีโอ ลู่หาน และ เซมีเชื่อสนิทใจ เชื่อแบบไม่ถาม เชื่อแบบจริงจังด้วย... แน่ละ...เลย์ใช่คนบนโลกที่ไหนละ...

    “ผมเข้าใจแล้วครับ” ดีโอยิ้มให้ทั้งสองคน “ผมว่าพวกคุณนี่แหละ...คือคนจะรับเลี้ยง--

    “เดี๋ยวเราจะติดต่อมาทีหลังนะค่ะ” จู่ๆเซมีก็ลุกพรวดและบอกลาพวกเขารีบๆก่อนจะลากทั้งลู่หานและดีโอขึ้นรถไป “ปะ...เราทำภารกิจเสร็จแล้วกลับปราสาทกัน...”

    “เป็นอะไรของเธอ” ดีโอที่เข้ามานั่งในรถแล้วถามขึ้นด้วยความสงสัย “ฉันกำลังจะบอกให้พวกเขามั่นใจอยู่แล้วเชียวว่าได้รับเลี้ยงอันนาน่ะ...ทำไมจู่ๆเธอขัดจังหวะฉันละเซมี”

    “โทษที...ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันน่ะ” เซมีตอบและมองออกไปนอกหน้าต่าง “ฉันไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไร...ฉันขอโทษ”

    “เอาหน่า...” ลู่หานยังไม่สตาร์ทรถเขาหันไปคุยกับเซมีและยื่นมือไปลูบหัวเธอเบาๆ “พี่รู้ว่าเซมีทำแบบนั้นเพราะอะไร...ไม่อยากให้อันนาจากไปใช่มั้ยละ คริสมาบอกพี่แล้วละว่าให้ดูเธอด้วยน่ะ...ไม่เป็นไรนะครับ”

    เซมีหันหน้ามามองลู่หานทั้งน้ำตา... เธอไม่อยากให้อันนาไปจริงๆนั้นแหละ...

    “มานี่มา” ลู่หานดึงเธอเข้าไปกอดเหมือนที่คริสดึงเธอกอด... มันอบอุ่นแต่ไม่เหมือนกัน “ไม่ร้องแล้ว...อันนาเขากำลังจะเจอพ่อเจอแม่ที่ดีนะ...เราต้องยิ้มและโบกมือลาเธอจากใจสิ...ไม่ร้องแล้วครับเซมี ร้องไห้แบบนี้พี่ขับรถไม่ได้นะ”

    “อื้อ...” เซมีโอบกอดลู่หานแน่นก่อนจะพยายามกลั้นน้ำตาไว้ “ฉัน...” เธอคลายกอดจากลู่หาน “ฉันจะส่งอันนาด้วยรอยยิ้มแน่นอนค่ะ...” แต่น้ำตาเธอก็ไหลลงมาอีกอยู่ดี...

    “ว้าแย่จัง...” ลู่หานเช็ดน้ำตาให้เธอ “ไปนั่งข้างหลังกับดีโอนะ พี่ไม่มีสมาธิขับรถถ้าเห็นเธอร้องไห้แบบนี้...”

    “อื้อ...ขอโทษค่ะ” เซมีจึงต้องเดินลงไปนั่งข้างหลังกับดีโอแทน...

    ดีโอยื่นมือไปกุมมือเธอไว้พลางมองด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความเป็นห่วงและเข้าใจ... “เรามารอดูอันนาเติบโตอย่างสง่างามกันเถอะเซมี...หยุดร้องแล้วยิ้มให้กับอันนาได้แล้ว...” ดีโอยิ้มให้เธอและทำให้เธอยิ้มตอบกลับมา...

    ดีโอเป็นเพื่อนที่อบอุ่นและน่ารักเสมอ...เขาเข้าใจเซมีมาตลอด...เขาสามารถรู้ว่าเซมีคิดอะไรและรู้สึกยังไงโดยที่ไม่ต้องถามออกมาเป็นคำพูด ดีโอค่อยๆดึงร่างของเซมีลงมานอนบนตักเขาอย่างอ่อนโยน...ก่อนจะลูบปอยผมเธอเบาๆ...ด้วยความรัก

    และเซมีก็ผล็อยหลับไปบนตักของเขาแบบไม่รู้ตัว...

     

     

     

     

     

     

    เมื่อถึงปราสาท...

    เซมีโดนร่างของชายหนุ่มคนนึงแบกขึ้นไปบนปราสาทและตรงไปยังห้องของเธอแบบเงียบๆแต่นุ่มนวล...แรงจากการเดินขึ้นบันไดทำให้ร่างที่หลับในอ้อมแขนแข็งแรงนั้นตื่นขึ้นมาและอยู่ในสภาพครึ่งหลับครึ่งตื่น ความเหนื่อยล้าทำให้เธอไม่สามารถพูดอะไรได้มาก...

    “พี่...เฉินหรอ?” เซมีหรี่ตามองชายหนุ่มที่แบกร่างของเธออยู่ “ดีโอไปไหนแล้ว...”

    “แหม่...เห็นพี่แต่ถามถึงคนอื่นเนี่ยนะ” เฉินบอกด้วยเสียงน้อยใจ “ดีโอหลับคารถเหมือนเธอนั้นแหละ ลู่หานแบกร่างดีโอเข้าห้องไปแล้ว ส่วนฉันก็กำลังจะแบกร่างเธอเข้าห้องเหมือนกันเนี่ย...ว่าแต่ตื่นแล้วเดินเองดีมั้ยครับ?”

    “ม่ายอาวว” เซมีคล้องแขนตัวเองไปที่คอของเฉินและซบอกเขาแสดงให้เขาเห็นว่าเธอเหนื่อยและเดินไม่ไหวแค่ไหน

    “ขี้เกียจมากกว่า” เฉินรีบแทรกความคิดของเซมี “ตัวเธอก็ไม่ได้หนักอะไร พี่เดินไปส่งก็ได้...”

    “เย้ ใจดีจังเลย...” เซมีร้องออกมาแบบครึ่งหลับครึ่งตื่นก่อนจะยื่นหน้าไปหอมแฟ้มเฉินเป็นรางวัลหนึ่งทีและฟุบลงไปบนอกของเขาอีกครั้ง...

    ถึงจะเป็นเฉินก็เถอะ...แต่โดนหอมแก้มแบบไม่ทันตั้งตัวและระยะประชิดแบบนี้ก็ห้ามใจไม่ให้สั่นไม่ได้หรอกนะ...เขายิ้มแก้มป่องและหน้าแดงจนร้อนแต่ไม่มีใครรู้...

    และเมื่อถึงห้องของเซมีเฉินก็วางร่างของเธอลงเตียงและห่มผ้าให้เธอเรียบร้อย...เธอหลับในอ้อมแขนของเขาตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ เรียกอีกทีก็ไม่ตอบแล้ว เฉินยืนยิ้มให้กับร่างที่หลับใหลของเธอแบบไร้เหตุผล...

    เขายืนมองเธอนอนอยู่นาน...เปลือกตาบางๆของเธอที่พริ้มหลับไปอย่างสงบนั้นดูน่าหลงไหลจนอยากจะสัมผัส... เฉินไม่ค่อยได้เห็นใบหน้าเนียนๆของเธอเวลามันนิ่งและหลับไหลแบบนี้เท่าไหร่...เวลาเขาเห็นเธอเขาก็จะเห็นตอนเธอแวดๆแหกปากทะเลาะกับเขาอยู่ประจำ และนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นอีกด้านของเธอ มันทั้งสงบและดูบอบบางในเวลาเดียวกัน... แก้มอันเนียนนุ่มนั่นดูเย้ายวนน่าสัมผัสจนเขา...

    จนเขาเผลอจูบแก้มเธอไป...

    มารู้ตัวอีกทีตอนจูบเสร็จแล้วด้วย! เฉินจับหน้าอกตัวเองที่มันกำลังเต้นโครมครามจนแทบจะทะลุออกมาข้างนอก...เขารีบถลาออกจากห้องเธอไปยืนหอบอยู่หน้าประตู...

    นี่เขาทำอะไร...ความรู้สึกแบบนี้มันอะไรกันน่ะ...ทำไมมันชัดเจนขนาดนี้ละ...ทำไมกัน!

     

     

     

     

     

     

     

    ฟินกับพี่จงแดไปแล้ว...ตอนหน้าอยากฟินกับใครต่อดีนะ?

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×