ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC Exo x You] มาอยู่ด้วยกันนะ (เลือกพระเอกได้)

    ลำดับตอนที่ #10 : ตอนที่ 9 คริสและเรื่องเร้นลับ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.64K
      29
      20 มี.ค. 57

     

    คืนเดียวกันนั้นเอง

    “ฉันสามารถยกของที่หนักกว่าตัวเอง16เท่าได้สบายๆ” เทากำลังยืนโม้ให้ดีโอและแบคคยอนฟังในห้องโถง

    “ไหนโชว์สิ” แบคคยอนที่นั่งเหยียดอยู่บนโซฟายาวพูดขึ้น โดยที่มีดีโอนั่งข้างๆและกำลังให้ความสนใจกับเทาตรงหน้าเป็นอย่างยิ่ง ตอนเด็กๆดีโอเคยฝันมาตลอดว่าซักวันเขาจะกอบกู้โลกใบนี้ด้วยพละกำลังของตัวเขาเอง

    “ได้เลย” เทาพูดพลางเดินตรงมาหาพวกเขาจากนั้นก็ยกทั้งโซฟาที่แบคกับดีโอนั่งอยู่ขึ้นเหนือหัวได้สบายๆเหมือนแค่ยกหมอนยัดขนนกเท่านั้น เขาแทบจะไม่ต้องออกแรงเลยด้วยซ้ำ

    “ว้าว!!” แบคคยอนที่ขาห้อยโตงเตงร้องออกมาด้วยความตื่นเต้น

    “สุดยอดเลย” แม้กระทั่งดีโอยังออกปากชม

    แล้วเทาก็วางพวกเขาลงช้าๆตรงที่เดิม เทายิ้มเขินแต่ก็ทำท่าเหมือนจะโชว์ออฟต่อเล็กน้อย

    “ฉันกระโดดได้สูงกว่าส่วนสูงตัวเองหลายเท่าเหมือนกันนะ”

    “ไหนทำให้ดูหน่อย” ดีโออยากจะเห็นมันจริงๆ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาสนใจคนอื่นมากขนาดนี้

    “ไม่ได้หรอก” เทาปฏิเสธ “เพดานมันต่ำเกินไป”

    แบคคยอนกับดีโอมองหน้ากันอึ้งๆ

    เพดานปราสาทที่นี่ยังต่ำไปหรอ! นี่เขากระโดดได้สูงแค่ไหนกันน่ะ? ถึงก้อนเมฆเลยหรือเปล่า?

    จู่ๆประตูห้องโถงก็เปิด ปัง! อย่างรุนแรง มีเด็กผู้ชายวัยใกล้เคียงสองคนวิ่งหน้าเหวอพร้อมร้องโหยหวนตามเข้ามา เซฮุน กับ ไค นั่นเอง พวกเขาวิ่งตรงมาหาแบคคยอนกับดีโอและกระโดดลงโซฟาโดยที่ ไคกอดดีโอแน่นพร้อมหลับตาปี๋ ส่วนเซฮุนก็รัดตัวแบคคยอนไว้ซะหายใจไม่ออก เทาเริ่มรู้สึกแปลกๆเขามองตรงไปที่ประตู แต่ก็ไม่ได้มีอะไรตามพวกเขามา ดีโอพยายามแกะไคออกไปเพราะเขากอดแน่นเหลือเกิน

    “นี่พวกนายเป็นอะไร!” ดีโอถาม “ไปเจอผีมาหรอไง!

    เมื่อพูดถึงผีไคก็ร้องกรี๊ดอีกครั้งและกอดดีโอแน่นขึ้นไปอีก ส่วนเซฮุนตอนนี้ร้องไห้โฮเหมือนมีใครตาย แต่แบคคยอนกำลังจะตายจริงๆเพราะแรงรัดของเซฮุน เทาเริ่มรู้สึกแปลกๆอีกแล้ว เขาเดินไปนั่งร่วมแก๊งกับเพื่อนๆอย่างหวั่นๆพลางมองไปรอบๆห้อง

    “อะไรเนี่ย!” แบคคยอนตะโกนออกมาด้วยความสังสัยสุดขีด “ตกลงไปเจออะไรมา!

    “ฮือ ฮือๆ พี่แบค ฮืออออ” เสียงสะอื้นของเซฮุนตอบเขากลับมา

    “อะไรๆ เกิดอะไรขึ้น!

    “พี่แบค...ช่วยด้วย”

    “ช่วยอะไร ไหนเล่าให้รู้เรื่องก่อนสิ”

    แต่เซฮุนได้แต่ร้องห่มร้องไห้ด้วยความกลัวสติสตังเขาไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลย ดีโอหันไปถามไคแทน

    “ไค ช่วยคลายกอดฉันก่อนนะ แล้วก็เล่าเรื่องให้ฉันได้เข้าใจด้วย อยู่ๆก็กระโจนเข้ามาแบบนี้ฉันคงจะรู้อยู่หรอกว่าหนีอะไรมา”

    ไคไม่ได้คลายกอดจากดีโอแต่เขามีสติมากพอที่จะเล่าให้ทุกคนได้เข้าใจด้วยประโยคสั้นๆ

    “ผมกับเซฮุน...โดนผีหลอก!

    “เฮ้ย!” เป็นเสียงของเทาที่ตกอกตกใจ เขาเริ่มเขยิบเข้าไปใกล้ดีโอบ้าง “จะ-จริงหรอ?”

    “อือ ได้ยินเสียงร้องไห้ ทั้งๆที่ในนั้นมีแค่ผมกับเซฮุนสองคน” ไคเล่าไปตัวสั่นไป

    “บ้าหน่า” ดีโอผู้ไม่กลัวอะไรในโลกเอ่ยขึ้น “พวกนายหูฝาดไปหรือเปล่า”

    “ไม่นะพี่” ไคปฏิเสธ เขาเงยหน้าขึ้นมามองดีโอด้วยความตั้งใจจะเล่ามาก “จู่ๆไฟในห้องก็ดับ แล้วก็มีเสียงผู้หญิงร้องไห้...แถมบอกว่าช่วยด้วย ช่วยด้วย อ๊ากกกกกกก ขนลุก!” ไคเริ่มควบคุมตัวเองไม่อยู่เขากอดรัดดีโออีกครั้ง ส่วนดีโอก็พยายามเขยิบออกไปให้ไกลจากไคแต่ก็ดันไปติดกับเทาอีกข้างนึง ตอนนี้เทาเริ่มเข้ามาควงแขนดีโอด้วยความกลัวนิดๆ ดีโอมองทั้งเทาและไคพลางถอนหายใจ

    “ฮือออ ฮือออ”

    “นั่นๆ!!” ไคตะหวาดใส่หูดีโอด้วยความตกใจ “เสียงมันมาอีกแล้ว พี่ได้ยินมั้ย!!

    “นี่มันเสียงเซฮุน!” แบคคยอนตอบกลับไป ก่อนจะหันไปว่าคนที่เกาะเขาแน่น “แล้วนายก็หยุดร้องได้ละ ไม่มีอะไรแล้วเนี่ย อย่างอแงสิเฮ้ย!

    “ช่วยด้วย...” เซฮุนยังไม่หยุด “ช่วยผมด้วยพี่แบค...”

    “อะไร? ไม่มีอะไรแล้วเนี่ย”

    “มีสิ...” เซฮุนสะอื้นไม่หาย “ช่วยด้วยพี่แบค...”

    “อะไร? มีตรงไหน? ใจเย็นๆสิเซฮุน นายอาจจะเกิดภาพหลอนไม่ก็หูฝาดอยู่นะ ไม่มีหรอกเชื่อพี่เถอะ”

    “ไม่ใช่นะพี่...” เซฮุนเขยิบเข้าไปรัดแบคแน่นกว่าเดิม เขาซบอกแบคพร้อมพูด “ผมรู้สึกว่ามีใครจับหัวผมอยู่อ่ะ ฮืออออ”

    ทุกคนที่เหลือหันขวับไปมองบนหัวเซฮุน แต่มัน ว่างเปล่า...ไม่มีอะไรเลย จู่ๆท้องไส้แบคคยอนก็เริ่มปั่นป่วนเล็กน้อย

    “บ้าหน่า ไม่มีใครจับหัวนายอยู่เลยนะเซฮุน คิดไปเองหรือเปล่า” แบคยังคงเชื่อว่าไม่มีอะไร

    “พี่!” จู่ๆเซฮุนก็ตะโกนออกมา “มันจับหัวผมแน่นขึ้นอ่ะพี่!! ผมกลัว!!

    “ใจเย็นๆเซฮุน ไม่มีอะไรๆ” แบคคยอนเริ่มปลอบเขาอย่างจริงจัง เขาลูบหลังเซฮุนเพื่อให้อาการดีขึ้น มันอาจจะเป็นเพราะอาการประสาทของเซฮุนกำเริบอีกก็ได้ เขาถึงได้เป็นแบบนี้ แต่ที่รู้ตอนนี้คือเทากอดดีโอแน่นพอๆกับไคไปเรียบร้อย

    “พี่!!” เซฮุนเริ่มลนลานเขาแทบจะขึ้นไปนั่งบนตักแบคคยอน “มันจับขาผมแล้ว!! พี่ช่วยด้วย!!

    แบคคยอนได้แค่กอดเขาแน่นขึ้นพร้อมพูดปลอบใจให้เขาใจเย็น

    และแล้วทั้งห้องก็ต้องผวาเมื่อจู่ๆร่างของเซฮุนก็เหมือนโดนอะไรที่มองไม่เห็นกระชากจากที่ขาแล้วลากไปลงนอนราบกับพื้นห้อง แบคคยอนที่กอดเขาอยู่นั่นก็ล้มคว่ำทับตัวเซฮุนอีกที ทุกคนตื่นตระหนกทำอะไรไม่ถูก เซฮุนได้แต่ร้องไห้ด้วยความกลัว แบคคยอนที่สติเกือบจะปลิวก็รีบคว้าแขนเซฮุนไว้ ดีโอพยายามลุกจะไปช่วยแต่เขากลับโดนอีกสองคนรัดซะขยับไม่ได้เลยแม้แต่มิลเดียว

    แบคคยอนค่อยๆพยุงร่างของเซฮุนที่กำลังร้องไห้จ้าให้ลุกขึ้นมานั่ง แต่ก็ต้องผวารอบสองเพราะร่างของเซฮุนโดนกระชากที่ขาอีกครั้ง แบคคยอนรีบจับแขนเขาไว้และยื้อมันสุดชีวิตแต่แรงลากมหาศาลเหลือเกิน ทั้งสองสู้อยู่ซักพักก่อนที่ฝ่ายนั้นจะยอมปล่อยขาเซฮุนอย่างกระทันหันทำให้แบคคยอนหงายหลังเล็กน้อย เขารีบเข้าไปดูอาการเซฮุนทันที

    นี่มันไม่ใช่เล่นๆแล้วนะ!!  

     

    ในเวลาเดียวกัน หน้าปราสาท

    เมื่อรถจอดนิ่งสนิทที่หน้าประตู เซมีก็รีบก้าวเท้าลงจากรถอย่างหงุดหงิด เขายังเคืองลู่หานไม่หายถึงแม้ชานยอลจะโทรมาเจรจาและบอกว่าลู่หานรู้สึกผิดมากแค่ไหนแล้วก็ตาม แน่นอนที่ชานยอลยอมทำแบบนั้นก็เพราะลู่หานขอร้องอีกที ลู่หานเป็นกังวลกับเรื่องนี้มาก เมื่อเขาเห็นเซมีเดินลงจากรถแล้ว เขาก็รีบพุ่งออกไปคว้าแขนเธอให้หันมาคุย แต่เซมีสะบัดออกพร้อมทำหน้าไม่พอใจใส่เขา

    “พี่ขอโทษ” ลู่หานทำหน้าเศร้า “พี่ผิดไปแล้ว ให้พี่ได้อธิบายก่อนได้มั้ย”

    “พรุ่งนี้ละกันค่ะ” เซมีปัดอย่างไร้เยื่อใย เธอเดินสะบัดหน้าขึ้นบันไดไปพร้อมขยี้ผมตัวเองให้ปล่อยสยายลงมาอย่างหงุดหงิด ลู่หานทำท่าจะเข้าไปยื้อเธออีกครั้งแต่โดนเฉินห้ามไว้ก่อน เฉินบอกรอให้เธอใจเย็นกว่านี้แล้วคุยจะง่ายกว่า ถึงลู่หานจะอึดอัดและไม่ชอบสถานการณ์อย่างนี้แต่เขาคงต้องยอม เพราะเขาไม่เคยเจอผู้หญิงแบบเซมีมาก่อน อะไรๆก็ต้องไม่ได้ดั่งใจอยู่แล้ว เขาถอนหายใจพร้อมพยักหน้าเข้าใจ

    “งั้นเราเข้าไปข้างในกันก่อน” เฉินเดินเข้าไปจับแขนลู่หาน ชานยอลก็เดินมาจับแขนอีกข้างนึงเช่นกัน พวกเขาคงกำลังกลัวว่าเมื่อลู่หานได้สติแล้วเขาจะหนีไป

    “ไม่ต้องทำขนาดนี้ก็ได้” ลู่หานบอกพวกเขาพลางมองหน้าทั้งสองคนเหนื่อยๆ “ฉันรู้แล้วละ ซูโฮเขาส่งจดหมายมาบอกฉันล่วงหน้าหลายวันละ ฉันเข้าใจดี”

    เฉินกับชานยอลมองหน้ากันแปปนึงก่อนจะปล่อยเขาให้เดินเข้าปราสาทไปเอง แต่เมื่อลู่หานก้าวขาเข้าไปปุ๊ปเขาก็ต้องถอนกลับออกมาทันที เฉินมองพฤติกรรมแปลกๆนั่นก่อนจะถาม

    “เป็นอะไรน่ะ?”

    “อ่อ ไม่มีอะไรหรอก” ลู่หานหันมายิ้มจืดๆให้เฉิน ก่อนจะก้าวเท้าเดินเข้าไปอีกครั้ง “ก็แค่รู้สึกว่ามีไฟฟ้าสถิตอยู่ในบ้านหลังนี้ไม่น้อยเลยนะ”

    “หือ? ยังไง?” เฉินถาม พวกเขาเดินไปตามทางเดินกว้างๆพร้อมกับสนทนาเล็กๆ โดยที่มีชานยอลเดินตามหลังทั้งสองคน

    “รู้ใช่มั้ย? ว่าฉันมีพลังไฟฟ้าในตัว?”

    “พอรู้อยู่บ้าง”

    “นั่นแหละ ฉันก็จะมีประสาทสัมผัสเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ดี ถ้าเกิดมีอะไรที่ทำให้กระแสไฟฟ้ามันไม่สเถียรหรือเสียสมดุลไปฉันจะรู้สึกได้ และบางครั้งอาจจะรู้ถึงสาเหตุเลย”

    “ว้าว” เฉินทำเสียงตื่นเต้น “ฟังแล้วเท่ไม่เบาเลยนะ”

    “ไม่หรอก” ลู่หานถ่อมตน ถ้ากับผู้ชายแล้วลู่หานก็เหมือนคนปกติที่ไร้พิษสงแต่อย่างใดเลยจริงๆ แถมยังดูเหมือนเขาจะค่อนข้างจริงใจและมองโลกในแง่ดีด้วยซ้ำ

    จู่ๆชานยอลที่เดินตามหลังพวกเขาก็วิ่งพุ่งผ่ากลางชนกระแทกเข้ากับไหล่เฉินอย่างแรง ลู่หานหันไปมองว่าชานยอลวิ่งไปหาอะไร ปรากฏว่าเขาเจอเซมียืนนิ่งและหันหน้าเข้าทางประตูห้องโถงที่กำลังเปิดอ้า เธอเหม่อลอยเหมือนคนไร้วิญญาณ เธอนิ่งซะจนไม่เหมือนคนปกติ อาจจะช็อคหรือเป็นอะไรซักอย่าง ทั้งเฉินและลู่หานวิ่งตามชานยอลไปดูอย่างรีบร้อน ชานยอลเรียกเธอแต่เธอไม่ตอบ ชานยอลลองเรียกเธอด้วยเสียงที่ดังกว่าเดิมเธอก็ไม่ตอบ ชานยอลเขย่าตัวเธอเธอก็ยังไม่ตอบสนอง ลู่หานที่วิ่งมาถึงและจะลองเขย่าตัวเธอบ้างปราฏกว่าเมื่อแตะไปที่ตัวเธอแล้วเกิดไฟฟ้าสถิตที่ค่อนข้างรุนแรงจนเขาต้องรีบถอนมือออกมา

    พลั่ก! เสียงเหมือนอะไรหล่นลงพื้น ลู่หานหันไปมองข้างหลังว่าเสียงอะไร

    “เฮ้ย! เฉิน!” เป็นเฉินที่นอนสลบอยู่ใกล้ๆสภาพเขาเหมือนโดนไฟช็อตผมเผ้าชี้ฟูและเกิดรอยไหม้ตามตัวเล็กน้อย ลู่หานรีบนั่งลงไปดูอาการเขา

    ยังไม่ตาย

    “เกิดอะไรขึ้น!” ชานยอลถามด้วยเสียงอันสั่นเทา ทั้งเซมีทั้งเฉินเป็นอะไรกันหมด

    “สงสัยตอนฉันแตะตัวเซมี เฉินคงมาโดนตัวฉันพอดีน่ะ กระแสไฟฟ้าเลยไหลผ่านไปที่ตัวเขา”

    “แล้วเกิดอะไรขึ้นกับเธอ” ชานยอลหมายถึงเซมีที่กำลังเหม่อลอยเหมือนคนไร้วิญญาณ

    “ฉันไม่รู้ ฉันไม่เคยเจอ แต่ไฟฟ้าสถิตในตัวเธอแรงมาก มันเหมือนมีพลังงานบางอย่าง”

    “ผีสิงน่ะ!!” จู่ๆเสียงจากในห้องโถงก็ดังขึ้น เป็นเสียงของดีโอนั่นเอง เขาพยายามยกคอตัวเองให้พ้นขอบโซฟาเพื่อจะได้คุยกับชานยอลและลู่หาน เขายังขยับไปไหนไม่ได้เพราะไคกับเทากอดแน่นเหมือนเดิม ส่วนแบคคยอนก็กำลังปลอบใจเซฮุนที่กำลังร้องไห้จนจะใกล้ชักอยู่แล้ว

    “แล้วต้องทำยังไง?” ชานยอลที่ไม่เคยกลัวสิ่งไดก็ถามกลับไปทันที การที่เขาอยู่ในป่ามานานมันทำให้ทุกๆอย่างในโลกนี้ดูไม่มีอะไรน่ากลัวเลยสินะ

    “ไม่รู้!” ดีโอตอบกลับมาอย่างไร้ความหวัง

    ลู่หานยื่นแขนกะจะลองแตะตัวเธออีกครั้งแต่แล้วเขาก็ต้องสะดุ้ง เมื่อจู่ๆเซมีก็กรีดร้องโหยหวนดังก้องไปทั่วปราสาท

    “อย่ามาแตะตัวฉัน!!เซมีที่ไม่ใช่เสียงเซมีตะคอกใส่ทุกๆคน “ฉันเกลียดพวกแก!!

    ทุกคนนิ่งเหมือนจะกลั้นหายใจด้วยซ้ำ แม้กระทั่งเซฮุนที่สะอื้นหนักๆเมื่อกี้ยังหยุดเลย ชานยอลจ้องเข้าในดวงตาของเซมีแต่ดวงตานั่นมันไม่ใช่ของเธอแน่ๆ ชานยอลเขย่าตัวเธอแรงๆพร้อมตะโกนเรียกสติอย่างไม่เกรงกลัว

    “เซมี!! เซมีเป็นอะไร!!

    เธอปัดมือชานยอลออกไปอย่างแรง แล้วคะตอกใส่

    “ออกไป!! ฉันเกลียดพวกแก!! ออกไป!!!

    เธอตะคอกแรงซะจนคอของเซมีแหบจนรับรู้ได้ ชานยอลเริ่มโมโห

    “อย่าทำร้ายร่างกายเซมีนะ!! ออกมาสู้กันตัวตัวเลยดีกว่ามา!!

    “แกเป็นใคร!! ฉันไม่รู้จักแก!!!

    “ชานยอลไงชานยอล!! หยุดสิงร่างคนอื่นแล้วออกมาสู้กันอย่างลูกผู้ชายดีกว่า!!

    “ฉันไม่ใช่ผู้ชาย!!!

    “อะอ่าวหรอ” ชานยอลหน้าเสียเล็กน้อยแต่ก็เก็กโหดต่อไป “แต่ไปสิงร่างคนอื่นแล้วทำให้บาดเจ็บแบบนี้มันก็ไม่ถูกนะ!

    “ออกไป!!!

    “เธอสิออกไป! ออกไปจากร่างเซมีเดี๋ยวนี้นะ!!” ชานยอลใช้ไม้แข็ง เขายึดแขนที่ดิ้นรนจะต่อสู้ของเซมีไว้แน่นจากนั้นอ้อมไปรัดจากข้างหลังตัวของเซมีโดยที่ระวังให้ร่างกายเธอเจ็บน้อยที่สุด ผีที่อยู่ข้างในร้องโหยหวนจนลู่หานที่ยืนดูสถานการณ์ตรงนั้นต้องอุดหู แม้กระทั่งหนุ่มเพลบอยรวยเสน่หน้าตาดีอย่างลู่หานก็รับมือกับเรื่องผีๆสางๆแบบนี้ไม่ได้ ดีโอที่พยายามจะเข้ามาช่วยก็ออกมาไม่ได้เหมือนกัน มีแต่ชานยอลเท่านั้นที่สามารถต่อกรกับสิ่งนั้นได้อยู่ ทั้งสองขัดขืนกันอยู่นานจน

    “เฮ้ยๆ เงียบๆหน่อย” คริสนั่นเอง และเขามากับซูโฮด้วย ก่อนหน้านี้พวกเขาออกไปข้างนอกมาโดยที่บอกเด็กๆว่าจะไปเคลียร์เรื่องโรงพยาบาลที่เพิ่งระเบิดไป สงสัยเรื่องเคลียร์กันยาวถึงได้กลับมาช้าขนาดนี้ ชานยอลร้องเรียกหาซูโฮทันทีที่เห็นเขา แต่ซูโฮกลับมองดูสถานการณ์อย่างใจเย็นก่อนจะบุ้ยใบ้ให้เป็นหน้าที่ของคริส

    “เอ่อ...” คริสเดินเข้ามาหาเซมีช้าๆ ชานยอลที่ขึงแขนเธอไม่ทันได้สังเกตว่าตอนนี้เธอหยุดขัดขืนแล้ว คริสกล่าวต่อ

    “ฉันยังไม่ตาย”

    ทุกคนนิ่ง...และต่างจับจ้องไปที่คริสโดยเฉพาะเซฮุนที่ตอนนี้เหมือนหายกลัวเป็นปลิดทิ้ง ยังไม่ตาย? หมายความว่าไง?

    “เป็นไปไม่ได้!!เซมีเริ่มโหยหวนอีกครั้ง

    “ชานยอล ปล่อยเธอก่อน” คริสหันไปสั่งและชานยอลก็ทำตามทันที เมื่อปล่อยเซมีออกปุ๊ปเธอก็พุ่งเข้าไปบีบคอคริสเหมือนคนบ้า คริสแกะมือเธอออกอย่างง่ายดายก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเรียบ “ตายมานานแล้วก็เงี่ย เปลี่ยนไปเยอะเลยนะกาอิน”

    เซมีนิ่งก่อนจะปล่อยเสียงร้องไห้สุดสยองออกมาพร้อมน้ำตา เธอนั่งลงบนพื้นด้วยความเศร้าสุดบรรยาย คริสนั่งลงใกล้ๆเธอและโน้มตัวลงไปกอดเธอไว้ในอ้อมแขน ขณะนั้นเองเซฮุนก็ยืนขึ้นช้าๆเขาพยายามมองพ่อตัวเองชัดๆ เขาไม่เคยเห็นโมเม้นนี้ของพ่อตัวเองมาก่อน มันอบอุ่นแปลกๆแฮะ

    “ฉันขอโทษ” คริสพูดกับเซมีเบาๆ “ฉันขอโทษ ขอโทษที่ฉันยังไม่ตาย”

    เสียงร้องของเซมียิ่งหนักขึ้นแต่ไม่ได้โหยหวน กลับเป็นเสียงของหญิงสาวค่อนข้างขัดเจน เหมือนเป็นเสียงของคนร้องไห้...

    “กาอิน” คริสยังคงพูดต่อ “ไม่ต้องรอฉันแล้วนะ ไปเถอะ ไม่ต้องเป็นห่วงฉัน”

    เซมียังคงร้องไห้โดยที่ไร้คำตอบไดๆ

    “ฉันกลับมาอยู่กับซูโฮอย่างที่เธอต้องการแล้วละ สบายใจได้เลย”

    ทั้งสองกอดกันอยู่นานจนกระทั่งเซมีหยุดร้องไห้ ชานยอลเห็นบางสิ่งบางอย่างที่ดูคล้ายควันแต่มันก็ขาวเกินไปพวยพุ่งออกมาจากตัวของเซมีก่อนจะประกอบร่างกลายเป็นใบหน้าของหญิงสาวใบหน้าสดใสร่าเริงกำลังส่งยิ้มให้ทุกๆคน

    “ฉันขอโทษที่ทำให้พวกนายกลัว ฝากขอโทษเซมีด้วยบอกเธอฉันไม่ได้ตั้งใจ
    คริส นายคือเหตุผลเดียวที่ฉันยังอยู่ที่นี่ ฉันขอโทษที่ฉันไม่สามารถมาแบบดีๆได้ เพราะฉันอยู่มานานเกินไป นานจนบางสิ่งบางอย่างในตัวฉันแปรเปลี่ยนเหมือนที่นายบอก แต่ฉันไม่อยากเชื่อเลยเมื่อนายมาพบฉันทุกสิ่งที่เปลี่ยนไปก็กลับมาเหมือนเดิม” เธอยิ้มให้คริสอย่างอ่อนโยนจนทุกคนที่เห็นสัมผัสได้ “นายต้องบอกทุกๆคนเกี่ยวกับเรื่องนายนะ ทั้งนายและซูโฮ ฉันรักพวกนายมาก มากจนฉันลืมพวกนายไม่ได้แม้กระทั่งฉันตายไป แต่ตอนนี้ฉันได้รับรู้แล้วละ ความทรงจำมันจะไม่มีวันเลือนหายแม้ร่างกายจะสลายไปก็ตาม ฉันเข้าใจแล้วละ ฉันไม่มีอะไรค้างคาอีกต่อไป”

    จากนั้นเธอก็หายลับไปปล่อยให้มีแค่สายลมพัดผ่านเบาๆ

    และในที่สุดเซมีก็สลบไป ชานยอลรีบฉวยตัวเธอกลับมาจากอ้อมแขนคริส ดีโอที่พ้นจากคุกของไคและเทาแล้วก็รีบวิ่งมาหาเธอเช่นกัน แต่ไม่นานไม่ถึงนาที เซมีที่เป็นเซมีคนเดิมก็ตื่นและทำหน้านิ่งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เธอลุกขึ้นยืนและเดินเข้าไปหาซูโฮตาจับจ้องที่ใบหน้าของซูโฮไม่ละไปไหน จากนั้นเธอก็ถามคำถามที่ทำเอาทุกคนตาค้างกันไปเลยว่า

    “ซูโฮ...ตกลงอายุเท่าไหร่คะ?...26ปี? 100ปี? หรือ 500ปีกันแน่?”

    ทุกคนเงียบและนิ่งสนิทมีเพียงรอยยิ้มบนในหน้าของซูโฮเท่านั้นที่เคลื่อนไหวอยู่ เขาอ้าปากจะตอบแล้วแต่คริสแทรกซะก่อน

    100กับอีก26ปีน่ะ”  ทุกคนหันไปสนใจคริสทันที เขายังพูดต่อว่า “อ้อ แล้วก็...ฉันกับซูโฮอายุห่างกันนะ ห่างกันมากเลยด้วย ห่างกันเดือนเดียวน่ะ”

     

    เช้าวันต่อมา ณ ห้องพักสำหรับผู้ป่วยในปราสาท

    “ห๊า!! เป็นอมตะ!!” เฉินที่นอนบนเตียงคนป่วยทวนคำที่เซมีเพิ่งได้เล่าให้เขาฟังไปหยกๆด้วยเสียงอันแหลมสูง เซมี ดีโอและแบคคยอนมาเยี่ยมดูอาการของเฉินหลังจากที่ชานยอลเพิ่งจะออกไป

    “ค่ะพี่จงแด เข้าใจถูกแล้วค่ะ” เซมีเริ่มเหนื่อยกับรีแอคชั่นที่โอเว่อร์ของเฉิน

    “ยังไม่พอแค่นั้นนะ” ดีโอยังจะเพิ่มความน่าสนใจเข้าไปอีก เขากล่าวต่อ “ไม่มีวันแก่ด้วย จะอายุ25ตลอดกาล”

    เฉินอ้าปากค้างส่ายหน้าช้าๆเหมือนไม่อยากเชื่อ ดีโอพยักหน้าช้าๆบอกให้เขาเชื่อเถอะ เซมีส่ายหน้าช้าๆบอกฉันเบื่อจริงๆ เฉินพยักหน้าอีกครั้งบอกมีอีกมั้ย? เล่ามาอีกสิ ดีโอส่ายหน้าบอกรู้มาแค่นี้แหละ เซมีส่ายหน้าฉันเบื่อจริงๆ

    “โอ้ย! หยุดส่ายหน้าแล้วพูดมาตรงๆไม่ได้เลยหรอไง! กูปวดหัว!” แบคคยอนที่นั่งอยู่อีกฝั่งของเตียงระเบิดออกมาในที่สุด  

    “เออ  ว่าแต่เซมี” แบคคยอนเปลี่ยนเรื่องทันทีที่เห็นพวกเขาเงียบ

    “หือ?”

    “ชานยอลดูเป็นห่วงเธอมากเลยนะ ตอนนั้นน่ะ มีเขาคนเดียวอ่ะที่กล้าสู้กับผีตัวนั้น” แบคคยอนเล่าและยังทำหน้าโอเว่อร์ไม่แพ้เฉินเลย ดีโอแอบชำเลืองมองเซมี

    เราก็เป็นห่วงเธอนะ แต่เราติดอยู่กับ...

    “ชานยอลเขาก็เป็นห่วงคนอื่นอยู่แล้วละ” เซมียักไหล่พลางตอบประมาณเป็นเรื่องธรรมดาของชานยอล “อย่างตอนที่ฉันเจอเขาครั้งแรกในป่านะ เขายังเป็นห่วงดีโอเลย แถมยังช่วยรักษาขาให้ดีโออย่างดีเลยด้วย”

    “งั้นหรอ...” แบคคยอนทำหน้าประมาณ  ไม่น่าจะใช่ มันต้องมีอะไรมากกว่านั้นสิ

    “ฉันเห็นด้วยกับแบคคยอน” คราวนี้เฉินเอามั่ง เขาไม่เคยที่จะไม่ได้อยู่ในวงสนทนาเลย แทรกเข้ามาได้ทุกเรื่องจริงๆ

    “ตอนไปงานเลี้ยงของนักธรุกิจอะไรนั่น เขาก็ดูเป็นห่วงแถมยัง...หวงเธอด้วยนี่นา!!” เฉินเพิ่มระดับเสียงในตอนท้ายเน้นๆ เพื่ออะไรไม่รู้

    “ก็ธรรมดาปะ ฉันกำลังตกที่นั่งลำบาก เขาก็ต้องเป็นห่วงฉันสิ ไม่เหมือนพี่หรอก ไม่คิดจะเข้ามาช่วยฉันเลย” เธอย้อนกลับไป

    “บ้าหรอ ฉันก็จะเข้าไปช่วยเธอนั้นแหละ แต่ฉันไม่ได้เว่อเหมือนชานยอลนะ”

    “ว่าแต่” อยู่ๆดีโอก็เข้ามาแทรกบ้าง “ทำไมเธอเรียกเฉินว่าพี่แล้วเรียกชานยอลว่าชานยอล ทั้งๆสองคนนี้อายุเท่ากัน”

    “ฉันด้วย!” แบคคยอนยกมือ “เธอเรียกฉันว่าแบคคยอนเฉยๆเหมือนกัน”

    เซมีหันมาสนใจประเด็นเล็กน้อย นั่นสิ ทำไมกันนะ?

    “งั้นฉันควรเรียกแบคคยอนว่าพี่ด้วยปะ? พี่แบค?”

    ทุกคนทำเสียงอ้วกเหมือนนัดหมาย แบคคยอนคัดค้านหัวชนฝา

    “อย่าๆ อย่าเรียกขนลุกวะ บรื้อ~

    “ทำไมเล่า! เออๆไม่เรียกก็ได้ แล้วชานยอลต้องเรียกพี่ด้วยปะ?”

    “ไหนลองเรียกสิ” ดีโอสั่ง

    “พี่ชานยอล”

    ทุกคนเงียบเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่

    “พี่ชานยอล?” เซมีเรียกอีกครั้ง  “เป็นไง ดูขัดๆกันป่าว? พี่ชานยอล?”

    “ก็...” ดีโอเริ่มแสดงความคิดเห็น “ก็ดี...มั้งนะ แต่แค่ยังไม่ชินเท่าไหร่”

    “งั้นหรอ...ฉันควรรวกเรียกชานยอลว่าพี่ชานยอลสินะ โอเคจะลองเปลี่ยนดู”

    “ถ้าทำได้แล้วไปสอนเซฮุนด้วยนะ” แบคคยอนเปิดประเด็นใหม่

    “สอนอะไร?” เซมีถามกลับ

    “สอนให้มันเรียกพ่อมันให้ได้ไง”

    ทุกคนพนักหน้าเข้าใจพร้อมกัน เฉินพยักหน้าบอกเห็นด้วยอย่างยิ่ง ดีโอพยักหน้าบอกสมควรจะสอนจริงๆนั้นแหละ เซมีพยักหน้าบอกไม่ต้องห่วงฉันจะสอนเขาเอง แบคคยอนส่ายหน้าบอกเล่นมุกนี้อีกแล้วนะพวกมึง

    “โอเค” เฉินยอมเลิกเล่นส่ายหน้ากลับมาพูด “ภารกิจต่อไปคือ “ทำให้เซฮุนเรียกคริสว่าพ่อให้ได้”ละกัน”

    “บ๊ะ” ดีโอแซวนานๆครั้งเขาจะแกล้งชาวบ้าน “ทำตัวเป็นซูโฮไปได้ มาสั่งภารกงภารกิจ”

    “โอเคครับ!” ได้ผลกับแบคคยอนนะ เขายอมเล่นกับเฉิน “ผมจะทำภารกิจนี้ให้ดีที่สุด”

    “ดีมากพลทหารแบค!” เฉินยังเล่นต่อ “เธอละทหารหญิงเซมี!

    “พร้อมค่ะท่านรองผบ.สูงสุด!” แม้กระทั่งเซมีก็เล่นด้วย

    “เหลือนายคนเดียวแล้วนะพลจัตวาร้อยตรีดีโอ!

    “เฮ้ยๆ” แบคขัด “ทำไมหมอนี่ได้ยศยาวอยู่คนเดียวละ ของฉันแค่พลทหารเองนะ!

    “อย่าน้อยใจหน่าเรื่องแค่นี้เอง”

    “ไม่ยุติธรรมเลยอะ” แบคทำแก้มป่อง ดีโอหัวเราะเหมือนกำลังดูตลกสามช่า

    “เปลี่ยนให้แบคเถอะพี่เฉิน จะได้จบๆ” เซมีเสนอ

    “เออๆ ก็ได้ๆ เอาใหม่นะ” เฉินกระแอมก่อนพูด “นายพร้อมมั้ย-

    ไม่ทันที่เฉินจะเล่นบทผบ.รอบสองจบประโยค เซฮุนเป้าหมายของพวกเขาก็โผล่มาพร้อมรอยยิ้มที่ไร้พิษภัย

    “ผมมาเยี่ยมพี่เฉินครับ”

    เฉินยังคงสวมบทบาทผบ. เขาสูดลมหายใจและพูดเสียงดังแข็งแรง

    “เริ่มภารกิจ ณ บัดนาว!

    “พวกพี่เล่นอะไรกัน ผมเล่นด้วยๆ” เขาเหมือนเด็กเลยจริงๆ

    “เซฮุน” เซมีเริ่มด้วยการทำเสียงเบาๆก่อน “เราไม่ได้เล่นอะไรกันหรอก แต่ฉันมีเรื่องจะถามนายเรื่องนึง

    “ได้สิๆ แต่ไม่เอายากๆนะพี่”

    “ไม่ยากๆ” เฉินแทรก ดีโอมองเหตุการณ์อยู่เงียบๆ

    แบคคยอนกลับเป็นคนถามเขาแทน

    “เวลานายเรียกคริส นายเรียกว่าอะไร?” แบบตรงประเด็นไปเลย

    เซฮุนนิ่งหน้าที่ร่างเริงนั้นหายไปในทันที

    “เอ่อ...” เขาพยายามคิด คิ้วติดกัน เหงื่อเริ่มผุดขึ้นบนหน้าผาก “เรียกว่า...”

    ซักพักเขาก็เงียบและก้มหน้าหงอยๆลงเหมือนจะยอมรับว่า ไม่รู้จะเรียกยังไงเหมือนกัน แบคคยอนแอบสบตากับดีโอรอดูว่าเขาจะตอบหรือไม่ แต่ปรากฏว่าเสียงสะอื้นของเซฮุนออกมาแทน เซมีรีบเข้าไปกอดปลอบใจไม่ให้เซฮุนปล่อยโฮเสียงดัง เฉินรีบหาประเด็นใหม่มาคุยจนพูดไม่รู้เรื่อง ดีโอลุกขึ้นยืนมองซ้ายมองขวาเหมือนกำลังหาของ ส่วนแบคคยอนรีบแกะส้มที่เป็นของเยี่ยมอย่างรวดเร็วและปรี่เข้าไปป้อนเซฮุนทันที เมื่อเขาได้กินส้ม...

    “ส้มอร่อยอ่ะ ผมขอกินอีกได้มั้ยพี่เฉิน” เขากลับมาร่างเริงปกติแล้ว

    “อ๋อ ได้สิๆ ไม่พอเดี๋ยวพี่ออกไปซื้อให้ที่ตลาด”

    “ใจดีจังเลย รักพี่เฉินจัง” แล้วเซฮุนก็เดินมาจุ๊บแก้มเฉินเบาๆก่อนจะนั่งแกะเปลือกส้มอย่างสบายใจ เฉินสะพรึงจนช็อคนิ่งไปเกือบสิบวินาที เซมีกลั้นขำจนตัวสั่น ดีโอต้องมุดเข้าไปใต้เตียงเพื่อหัวเราะออกมา ส่วนแบคคยอนบอกปวดฉี่ขอเข้าห้องน้ำแล้วก็ออกไประเบิดหัวเราะคนเดียวข้างนอก

     

    เหมือนทุกๆอย่างในปราสาทจะราบรื่น...แต่พวกเขาไม่รู้ตัวเลยว่า กำลังจะมีแขกมาอยู่กับพวกเขาเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคน ที่สำคัญไปกว่านั้นคือ เขาไม่ได้เกิดบนโลกด้วยสิ...

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×