คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : ตอนที่ 8 ลู่หานรูปหล่อพ่อรวย
“รีบๆกินเข้าสิไอหูช้าง!” เฉินตะคอกใส่ชานยอลที่กำลังกินมาม่าถ้วยที่4 “จะหาแดกไปถึงไหน! รู้ตัวมั้ยว่านายน่ะกินตลอดเวลาและหิวทุกเสี้ยววินาทีเลยด้วย ฉันละอยากรู้จริงๆว่าท้องไส้นายทำด้วยอะไร มันมีอุโมงค์ลับซ่อนอยู่หรอ?”
“พูดมากหน่า เนี่ยถ้วยสุดท้ายละ” ชานยอลพูดพลางซดมาม่าเข้าปาก
ตอนนี้พวกเขามาถึงเมืองจีนเรียบร้อยและกำลังนั่งทานของรองท้องกันที่ร้านอาหารเล็กๆใกล้กับโรงแรมที่พวกเขาพัก แต่มีอยู่คนนึงที่ไม่ยอมหาอะไรรองท้องแต่เป็นหาอะไรหนักท้องกินแทน
คืนนี้พวกเขามีงานเลี้ยงกลางคืนสุดหรู ซึ่งพวกเขาจะต้องแนบเนียนเข้าไปในงานประหนึ่งแขกที่ถูกเชิญมาอย่างถูกต้อง เพื่อเข้าไปตามหาเป้าหมายซึ่งก็คือ ลู่หาน
งานเลี้ยงนี้เป็นงานของนักธรุกิจระดับสูงซึ่งพวกเขามาเฉลิมฉลองเนื่องในวันระเบิดกำไรทะลุพันล้าน และ ลู่หาน คือลูกชายคนโตของคนที่เป็นหุ้นส่วนบริษัทนี้ด้วย ดังนั้นเขาจึงได้รับเชิญมางาน ได้ข่าวมาอีกว่าลู่หานคนนี้จับตัวได้ยากมากจนถึงขั้นได้ฉายา เจ้าพ่อเพลย์บอยแห่งแดนมังกร!
และเมื่อชานยอลยัดมาม่าถ้วยที่สี่หมดเกลี้ยงแล้ว พวกเขาก็รีบออกไปหาชุดสวยๆเท่ๆเข้างานกัน เวลาล่วงเลยไปเยอะ ตอนนี้แทบจะหยิบชุดที่เอื้อมถึงก่อนมาใส่เลยทันที ไหนเซมีจะต้องเข้าร้านทำผมอีก พวกเขาสายมากแล้ว
“ชุดนี้สวยมั้ย?” เซมีฉวยชุดราตรียาวสีเขียวมรกตให้เฉินกับชานยอลดู เฉินหันมาทำหน้าไม่เห็นด้วย
“ไม่เอาชุดนี้”
“ทำไมละ สวยดีออก”
“เธอไม่เหมาะกับชุดเซ็กซี่แบบนั้นหรอก แถมลากยาวด้วย ตัวก็เตี้ย ชุดอื่นเถอะ”
เซมีถลึงตาใส่เฉิน อีนี่ รู้ดีไปหมดเลยนะ เชอะ...เปลี่ยนก็ได้
เซมีวางชุดนั้นลงที่เดิมก่อนจะสะบัดหน้าใส่เฉินและไปเลือกชุดอื่นตามที่เขาบอก
ระหว่างที่เซมีกำลังเลือกชุดให้ตัวเองบังเอิญไปสะดุดกับเนคไทสีน้ำเงินเข้มที่ดูหรูหราจนต้องฉวยมาให้ชานยอล
“อันนี้สวยนะชานยอล” เธอหันตัวชานยอลเข้าหาตัวเองและจับผูกไทให้ “ว้าว หล่อเลย”
หล่อจริงๆ ความจริงชานยอลก็หล่ออยู่แล้วแต่งยังไงก็หล่ออยู่ดี
“เหยๆ” เฉินแทรก “ไม่ใช่ไปงานกันแค่สองคนนะ แล้วงานนี้ก็ไม่ใช่งานจับคู่เต้นรำด้วย ไม่ต้องมาหนุงหนิงเลย เซมีเลือกให้ฉันด้วย”
ชานยอลแอบขำคิกคักคนเดียวที่เห็นเฉินอิจฉาเขาจนออกนอกหน้า
“ได้ค่ะคุณเฉิน” เซมีพูดประชดเล็กน้อยก่อนจะเดินไปหาไทให้เฉินด้วย
เมื่อพวกเขาเลือกชุดกันเสร็จแล้วก็กระโจนเข้าร้านเสริมสวยแทบจะทันที ชานยอลกับเฉินโดนเซมีบังคับให้ช่างเซ็ตผมให้ด้วย ส่วนเธอก็จัดการนั่งนิ่งๆให้ช่างได้โชว์ฝีมือที่มีความเร็วสูงเหนือเสียง ตอนนี้ทุ่มนึงแล้ว งานกำลังจะเริ่ม ถ้าไปสายมันต้องดูแปลกๆแน่นอน นักธรุกิจที่ไหนเข้างานสายกันละ เซมีเร่งช่างซะจนช่างต้องหาคนมาช่วยถึงสามคนสำหรับหัวเธอคนเดียว
“เร็วๆ” เฉินเร่งให้เซมีรีบๆเดินมาขึ้นรถที่(ซูโฮ)เตรียมไว้ จะรีบเดินยังไงก็ได้แค่นี้แหละ ส้นสูงมันไม่ใช่เดินกันง่ายๆเหมือนผ้าใบซะหน่อย เซมีพยายามวิ่งแต่สุดท้ายก็สะดุด เฉินระเบิดหัวเราะทันทีที่เห็นเธอเซอย่างอนาจ ชานยอลรีบเข้ามาจับมือช่วยพยุงเซมีไว้ก่อนจะลากเธอขึ้นรถ
เมื่อรถมาถึงหน้าโรงแรม
“เฮ้ย!” เฉินบ่นอีกแล้วเขาไม่เคยหยุดพล่ามเลยจริงๆ “นักข่าวมาทำอะไรกันเยอะแยะ เดี๋ยวนะ นั่นมันพรมแดง...มีดารามางานนี้ด้วยหรอ?” เขาลุกลี้ลุกลนตื่นเต้นจนเหงื่อผุดหน้าผากบางๆ เซมีรีบควานหาทิชชู่มาเช็ดให้ก่อนจะย้อนเอาบีบีออกหมด
“ไม่ใช่ดาราหรอกมั้ง นักธรุกิจที่นี่ก็ดังเทียบเท่าดาราได้เลยนะ เราไปกันเถอะ” เซมีบอกเพื่อนก่อนจะดันเฉินที่นั่งติดประตูให้ลงไปได้แล้ว เฉินลังเลเล็กน้อย นักข่าวไม่ใช่น้อยๆเลยนะเนี่ย แถมเราก็เป็นคนธรรมดาไม่ได้พิสงพิเศษอะไรกับเขาเลยด้วย เฉินสูดลมหายใจลึกๆรวบรวมความกล้าและก้าวเท้าลงไป
เมื่อเท้าถึงพื้น ปุ๊บ! แชะ!!!!! แฟลชสาดเข้าตาอย่างจัง แชะ!!! แชะ!!! แชะ!!!
แฟลชรัวซะจนเฉินมองทางเดินไม่เห็น พวกเขาจะถ่ายเฉินทำไม รู้จักด้วยงั้นหรอ เฉินหันไปข้างหลังเพื่อจะรอรับเซมี และเมื่อเธอก้าวเท้าลงมา แฟลชก็สาดใส่เธอรัวยิ่งกว่ารอบของเฉินอีก นี่มันอะไรกัน พวกนักข่าวรู้จักพวกเขาได้ยังไง? มันมีอะไรน่าสนใจงั้นหรอ? หรือเป็นเพราะเซมีหน้าตาแปลกประหลาดเหมือนไม่ใช่คน? ไม่น่าจะใช่นะ ระหว่างนั้นเฉินก็เอาแต่คิดว่าทำไมนักข่าวถึงได้สนใจพวกเขา
เราเองก็หน้าตาบ้านๆ ส่วนชานยอลก็ถือว่าหล่ออยู่ แต่มันยังไม่เพียงพอต่อจำนวนแฟลชที่สาดเข้ามาเลยนะ ละก็เซมี...
เฉินหันไปสำรวจดูตัวเซมีตั้งแต่หัวจรดเท้าระหว่างที่กำลังเดินกันอยู่ เซมีเดินควงแขนชานยอลอย่างสง่างาม รอยยิ้มจางๆอยู่บนใบหน้าเธอประดุงคอยส่งยิ้มให้คนที่เห็นอยู่ตลอดเวลา ถึงตัวเธอจะเล็กและค่อนข้างเตี้ยไปหน่อย แต่เมื่ออยู่บนส้นสูงแล้วมันก็ดูสมส่วนน่ารักดี แถมชุดที่เธอใส่ก็เข้ากับสวดทรงของเธอเป๊ะ ผมที่ยกมวยขึ้นปล่อยข้างเล็กน้อยทำให้เธอดูเซ็กซี่นิดๆอีกด้วย
ว้าว...นี่มันน่าทึ่งชะมัด เราอยู่กับเธอตั้งนานทำไมเพิ่งมาสังเกตุเห็นนะ
นี่อาจจะเป็นสาเหตที่นักข่าวต่างรุมกันถ่ายพวกเขาก็เป็นได้ และเมื่อพวกเขามาถึงทางเข้าก็มีพยักงานชายต้อนรับให้อย่างดี เขาโค้งคำนับให้ทั้งสามคนก่อนจะถามอย่างสุภาพและมีมารยาทว่า
“ท่านเซมี ท่านเฉิน และท่านชานยอลสินะครับ”
ทั้งสามสะกิดกันเล็กน้อยแต่ก็พยายามเนียนๆไปเหมือนรู้เรื่อง
ทำไมถึงรู้ชื่อพวกเราด้วยละ ซูโฮอีกแล้วหรอ?
พนักงานกล่าวต้อนรับต่อว่า
“ขอขอบคุณที่ร่วมกันจัดงานให้ครั้งนี้เป็นอย่างยิ่งครับ เราหวังว่าทุกท่านที่เข้างานจะได้รับความสำเริงใจเต็มที่แน่นอนครับ”
“คะ-ค่ะ?” เซมีทวนเล็กน้อย “ร่วมจัด?...อะไรนะค่ะ?”
เฉินกระแทกสีข้างเซมีซะเกือบจุก บ่งบอกว่าให้เธอหยุดพล่าม
“ครับ” เฉินทำเนียน “ขอบคุณในความลำบากเช่นกันครับ”
“ด้วยความยินดีเป็นอย่างยิ่งครับผม” พนักงานโค้งคำนับอีกรอบ ชานยอลลากเซมีเข้างานก่อนที่เธอจะถามอะไรที่ดูผิดปกติออกไปอีก
“นี่ซูโฮทำถึงขนาดนี้เลยหรอ?” เมื่อพ้นสายตาประชากรในงานเธอก็ถามเพื่อนทันที “นี่ร่วมจัดงานเลี้ยงสุดหรูหราอลังเลิศขนาดนี้เชียว?”
“นั่นสิ งานนี้ไม่ใช่เล่นๆเลยนะ เห็นว่าจองทั้งโรงแรมเลยด้วย” เฉินเสริม
“ซูโฮซะอย่าง” ชานยอลที่เงียบอยู่นานในที่สุดก็พูด แหม ไม่ค่อยเชิดชูกันเลยนะ
ทั้งสามเดินสำรวจไปรอบๆงาน ชานยอลแวะหยิบของกินนุ่นนี่นั่นไปเรื่อย จนบางครั้งเซมีต้องจับแขนเขามาควงไว้เพื่อจะได้ยึดไม้ยึดมือให้เขาหยุดกินซะที เมื่อคนในงานเริ่มมากันครบ ภารกิจของพวกเขาก็เริ่มขึ้นเช่นกัน พวกเขาตกลงกันว่าจะแยกกันหา โดยที่เฉินอยู่ชั้นล่าง ชานยอลชั้นสอง และเซมีชั้นสามตามลำดับ ในอีกหนึ่งชั่วโมงให้มาเจอกันชั้นของชานยอลตรงบันได
ทุกคนแยกย้ายเเซมีก้าวขึ้นบันไดอย่างลำบากเพราะส้นสูง ทำไมเธอถึงไม่อยู่ชั้นหนึ่งนะ จะขึ้นมาถึงชั้นสามทำไมเนี่ย ในที่สุดก็ถึงที่หมายเธอหายใจแรงเล็กน้อยและพยายามสอดส่องหาเป้าหมายไปด้วย เธอวนชั้นสามช้าๆอย่างไม่รีบร้อน ยังไงๆงานนี้ก็เลิกเที่ยงคืน มีเวลาอีกเยอะแยะ เธอวนอยู่แบบนั้นซักพักก่อนจะเจอใครคนนึงที่เป็นชิ้นส่วนสำคัญของการหาเป้าหมาย นั่นก็คือพ่อของลู่หานนั่นเอง! นักธรุกิจที่มีหุ้นส่วนพันล้าน! เขายืนถือแก้วไวน์ในมือและพูดคุยกับเพื่อนอีกสองคนอย่างผ่อนคลาย เซมีตรงเข้าไปใกล้ๆเขาเพื่อจะส่องหาเป้าหมาย เธอเดินอ้อมไปข้างหลังและพยายามดูว่าเขาคุยกับใคร
ไม่ใช่แฮะ ไม่ใช่ลู่หาน รอยตีนกามากเกินไป แถมผมน้อยด้วย
ว่าแต่พ่ออยู่นี่แล้วลูกไปอยู่ไหน...
เซมีมองหาทางอื่น มองไปมองมาจนคอเธอแทบหลุดออกจากบ่า พวกชานยอลกับเฉินจะเจอหรือยังนะ เหมือนเขาจะไม่ได้อยู่ชั้นสามเลย
“โอ้ คุณเซมีใช่มั้ยครับเนี่ย?” จู่ๆก็มีใครทักเธอ เธอหันไปตามเสียง ปรากฏว่าเป็นเสียงของพ่อลู่หานนั่นเอง!
“คะ-ค่ะ?” เธอตกใจเล็กน้อยแต่พยายามแสดงอาหารงงงวยออกมาให้น้อยที่สุด
“แหม เพิ่งจะได้เจอตัวจริงนะ เด็กจริงๆด้วย เด็กกว่าลูกผมอีกหรือเปล่าเนี่ย? ฮะๆๆ” เขาพูดพลางหัวเราะอย่างอารมณ์ดี เซมีหัวเราะบ้างตามมารยาทผู้ดี
“ไม่หรอกค่ะ” ไม่อะไรยะ “ตัวจริงคุณ...คุณก็ดูเด็กเหมือนกันนะค่ะ” นี่ฉันพูดอะไร
“แหม ไม่ต้องพูดขนาดนั้นก็ได้มั้งครับ” เขาหัวเราะอีกครั้ง “ธรุกิจทางนั้นเป็นยังไงบ้างครับช่วงนี้ ขึ้นๆลงๆตามประสาการตลาดหรือเปล่า? ฮะๆๆๆ”
“คะ-ค่ะ? อ๋อ...ก็เรื่อยๆนั้นแหละค่ะ อย่างที่รู้กัน” แหลต่อไปนะเซมี อย่าให้หลุด
“นั่นสินะครับ สงสัยจะราบรื่นน่าดูถึงได้มีส่วนช่วยในการจัดงานนี้ถึง60เปอร์เซ็นเลยทีเดียว ฮะๆๆๆๆ”
เซมีตาโตด้วยความตกใจสองวินาทีก่อนจะปรับให้ดูในระดับปกติ
ซูโฮ นายนี่ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ
“แหม ไม่ชนาดนั้นหรอกค่ะ ฮะๆๆ” เธอลองหัวเราะแบบผู้ดีบ้าง จู่ๆความฉลาดของเธอก็พุ่งเข้ามาในสมองสั่งการให้เธอพูดอย่างแนบเนียนออกไปทันที
“ท่านคงจะมาพร้อมกับครอบครัวสินะคะ?”
“อ๋อ เปล่าครับผมมาคนเดียว” เขาตอบแทบจะทันที
เซมีทำหน้าอ๋อแต่พองาม แต่ในใจนี่ เฮ้ย แล้วลูกละ!!
“อ๋อ ท่านไม่ได้มาพร้อมใครเลยอย่างนั้นหรอค่ะ?”
“ก็ไม่เชิงหรอกครับ” เขายิ้มให้เซมี “ผมหย่ากับภรรยาไปนานโขแล้วน่ะครับ ฮะๆๆๆ”
เซมีหน้าเหวอเล็กน้อย แต่ก็พยายามดัดให้ดูเหมือน ฉันรู้แล้วละค่ะ
“ท่านนี่อารมณ์ดีตลอดเลยนะค่ะ” เซมีหันประเด็นไปทางอื่นอย่างรวดเร็ว
“ก็นั่นละครับ หลังจากหย่ากันผมก็มีความสุขตลอดเลยครับ ฮะๆๆๆ”
ยังจะเข้าประเด็นหย่าร้างครอบครัวแตกฉานอีก!
เซมียิ้มให้แห้งๆ ก่อนจะคิดได้ว่าควรจะปลีกตัวออกไปได้แล้วเดี๋ยวหน้าแตกเพล้งขึ้นมาจะทำยังไง และพอดีกับที่งานเริ่มเปิดเพลงเพื่อจะให้นักธรุกิจได้เต้นรำกันเบาๆตรงชั้นล่างสุด เซมีทำเป็นสนใจเสียงเพลงก่อนจะชะโงกทำเป็นมองลงไปจากชั้นล่างให้ออกแนว อุ๊ย เขาทำอะไรกันน่ะ แบบนี้ฉันต้องไปดูหน่อยแล้ว
“ไปเต้นรำกับผมมั้ยครับ?” จู่ๆพ่อของลุ่หานก็พูดขึ้นมา ทำเอาเซมีเกือบเซล้มบนส้นสูง “เหมือนคุณเซมีจะอยากเต้นรำเลยนะครับ ฮะๆๆๆ”
ชิบหอง...
“อ๋อ ค่ะ”
“ถ้าไม่รังเกียจ” แล้วเขาก็ยื่นมาเพื่อให้เซมีได้ควง เซมีกลืนน้ำลงคอเบาๆก่อนจะทำใจควงแขนนั่นเดินลงไปยังชั้นหนึ่ง ระหว่างที่พวกเขาเดินลงไปนั้นก็มีสายตามาจับจ้องทั้งสองคนตลอดทาง บางคนถึงกับหันไปซุบซิบกับเพื่อนกันเลยทีเดียว
อะไรยะ ไม่เคยเห็นลูกเดินกับพ่อหรอไง!
เมื่อมาถึงชั้นหนึ่งที่เขากำลังเต้นกันเบาๆอยู่นั้น เซมีรีบเหลือบมองหาเฉินทันที และเธอเจอเขากำลังนั่งเสวนากับสาวสวยห้อยเพชรบนคออย่างสนิทสนม
อีพี่เฉิน! ทำอะไรอยู่ยะ! มาช่วยฉันหน่อยสิ!
เหมือนกระแสจิตของเซมีจะส่งไปถึงเขา เฉินหันมามองและสบตากับเธอ จากนั้นเขาก็บอกลาสาวคนนั้นและจ้องไปที่เซมีกับชายวัยกลางคนที่เธอควงมาด้วย ตอนนี้สถานการณ์ค่อนข้างจะเป็นไปในทิศทางบังคับ พ่อลู่หานโค้งให้เกียรติ์เซมีก่อนจะจับมือและเอวเธอเบาๆ เซมียิ้มแห้งๆให้เขาและขาก็ขยับไปตามจังหวะเพลงเล็กน้อย เมื่อได้จังหวะหมุนตัว เซมีรีบถลึงตาใส่เฉินจนแทบจะกระเด้งออกมาจากเบ้า
ทำอะไรอยู่! รีบๆเข้ามาเอาตัวฉันออกไปสิ!!
นั่นมันพ่อลู่หานนี่! เฉินส่งกระแสจิตกลับมา
เออใช่! แต่ลู่หานไม่ได้มางานนี้ด้วย!
อะไรนะ!?
เออนั้นแหละ! ช่วยรีบๆมาเอาฉันออกไปที!
เดี๋ยวนะ! เขาต้องมาสิ! ก็ซูโฮบอกเขาจะมานี่!
แต่ฉันถามพ่อเขาแล้ว เขาบอกว่าเขามาคนเดียว ครอบครัวไม่ได้มาด้วย!
จริงดิ?! แปปนะ
แล้วเฉินก็ล้วงกระเป๋าหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโดยที่สายตาไม่ละไปจากเซมี สงสัยเขาคงจะโทรหาชานยอล เซมีก็เต้นไปตามจังหวะเพลง มีบ้างที่พ่อลู่หานชวนเธอคุยแต่เธอก็ได้แค่ยิ้มเขินๆและเออออทำเป็นรู้เรื่อง
ไม่นานเซมีก็เห็นชานยอลกุลิกุจอลงมาจากชั้นสองและเมื่อเขาเห็นเธอ เขาแทบจะพุ่งตรงเข้ามา สายตาอันหงุดหงิดนั่นเซมีรู้ทันทีเลยว่าพ่อลู่หานตกอยู่ในอันตราย เธอรีบเปลี่ยนท่าเต้น หมุนตัวติ้วๆและลากพ่อลู่หานเข้าไปข้างในลึกๆ ระหว่างนั้นก็ส่งสายตาไปบอกกับเฉินด้วยว่าให้คุมชานยอลหน่อย เฉินรีบวิ่งตรงไปคว้าชานยอลไว้ทันและทำการเจรจาเรียกสติชานยอลกลับมาซักหน่อย
“ใจเย็นๆสิเพื่อน” เฉินพูดในขณะที่เขาเขย่าตัวชานยอลแรงๆเพื่อเรียกสติ สายตาชานยอลยังคงจ้องไปที่คู่เต้นพ่อลูกนั่นไม่ห่าง “เขาคงไม่ทำอะไรเซมีหรอก นี่มันงานผู้ดีตีนแดงนะ ไม่มีเรื่องสถุลๆแบบนั้นเกิดขึ้นแน่”
ในที่สุดชานยอลก็ยอมมองหน้าเฉิน เขาถอนหายใจแต่คิ้วยังขมวดเป็นโบว์
“นั่นพ่อลู่หานนี่” ชานยอลพูด
“ใช่ แต่เซมีบอกว่าเขาไม่มา”
ชานยอลทำหน้างงเล็กน้อย เขาเปฎิเสธ
“เขาต้องมาสิ ซูโฮบอกว่าจะมา ซูโฮไม่เคยพลาดนะ”
“คงงั้นแหละ แต่ตอนนี้ก็ละสายตาจากเซมีไม่ได้ด้วย เราจะออกตามหากันยังไงละ”
“เฮ้ยนั่น!” จู่ๆชานยอลก็จะพุ่งเข้าไปในวงเต้นรำอีกครั้ง เฉินรีบคว้าเขาไว้และหันไปมองว่าเกิดอะไรขึ้น
“เฮ้ยนั่น!” เฉินก็แทบจะกระโจนเข้าไปในวงด้วยเช่นกัน
ข้างๆคู่เซมี มีคู่ของลู่หานเต้นอยู่! นั่นใช่ลู่หานแน่ๆ ลู่หานตัวจริงเสียงจริง! สูทดำไทแดงเด่นอยู่ที่อกของเขา ใบหน้าที่ดูหวานแต่แฝงความแมนอยู่ภายในเหมือนจะดูขัดกันแต่กลับรู้สึกลงตัวอย่างบอกไม่ถูก จมูก ปาก ตา ทุกสิ่งทุอย่างของเขาดูเล็กและได้รูปทุกส่วน เหมือนพระเอกในการ์ตูนหลุดออกมายังไงยังงั้นเลย เฉินมองตาแทบหลุดชานยอลพยายามจะเข้าไปแต่เฉินยังยื้อเขาอยู่
“เดี๋ยวก่อนชานยอล” เฉินห้ามเขาทั้งกายและวาจา “เราต้องวางแผน”
“ยังไง? เดี๋ยวเขาก็หายไปหรอก”
“ใจเย็นๆ นายจ้องไว้นะ”
“โอเค”
“เราเข้าไปสลับคู่ให้เซมีกับลู่หานดีมั้ย?”
“หือ? ทำไมต้องสลับ?”
“ฉันว่าถ้าเป็นผู้หญิงคุยกับเขาจะคุยง่ายกว่าผู้ชายปะ?”
“จริงหรอ?”
“จริงสิ มาเถอะ” ว่าแล้วเฉินก็ประสานมือกับชานยอลข้างนึง ส่วนข้างนึงจับไหล่เขาไว้ ท่านี่มันเหมือนกำลังจะเต้นรำเลยนะ
“นายทำอะไร” ชานยอลงงๆแต่ก็ยอมจับเอวเฉิน
“เต้นรำไง จะได้เนียนๆอยู่ในวงนานๆ มาเร็ว” ว่าเสร็จเขาก็เปิดสเต็ปการเต้นลากขาหยาบๆเข้าไปหาใกล้วงเซมีกับลู่หานเนียนๆ ชานยอลเดินไปตามแรงลากของเฉินเขาเผลอเหยียบเท้าเฉินไปรอบนึงก่อนจะรีบทำเนียนเต้นต่อไป
“เซมี” เฉินกระซิบใส่เธอเมื่อทั้งสองหันหน้ามาเจอกันโดยที่หลังชานยอลเกือบจะชนกับหลังของพ่อลู่หาน เซมีทำตาโตเล็กน้อย และบุ้ยใบ้บอกว่าเจอลู่หานแล้วเหมือนกัน ตอนนี้เธอพยายามหาวิธีเข้าไปหาเขาอยู่
“สลับคู่” เฉินทำปากให้เธออ่านได้ “เดี๋ยวพวกฉันจะสลับคู่ให้”
เซมีเออออไปตามแผนของเฉิน พวกเรารอจังหวะเพลงที่เหมาะแก่การสลับคู่อยู่สองสามเพลงจนได้ที่แล้ว เฉินก็เริ่มวาดลวดลายโชว์สเต็ปที่ชานยอลคิดว่ามันประหลาดมากใส่เขา เฉินทำตัวเป็นผู้หญิงหมุนตัวอย่างรวดเร็วก่อนจะดันชานยอลออกไปเทียบข้างๆเซมี เซมีก็เนียนหมุนตัวเหมือนเฉินและดันพ่อลู่หานออกไปเทียบข้างๆเฉินพอดี เมื่อได้จังหวะทั้งเฉินและเซมีก็หันขวับ!ไปคว้าอีกคนไว้ โดยที่พ่อลู่หานคู่กับเฉินและเซมีคู่กับชานยอลสลับกันเรียบร้อย ขั้นแรกสำเร็จ!
พ่อลู่หานหัวเราะชอบใจ เขาคงไม่ได้คิดอะไรหรอกมั้ง เฉินเองก็หัวเราะเสียงดังใส่เขาทำเนียนไปว่ากำลังสนุกกับการเต้นรำ
เซมีหันไปจ้องคู่เต้นคนใหม่อย่างโล่งอก แต่จู่ๆเธอก็ต้องหัวเราะเขินออกมาเมื่อเห็นชานยอลอมยิ้มเขินๆให้ ก็พวกเขาสองคนสนิทกันในเชิงของการเป็นเพื่อนมากกว่าที่จะมาเต้นรำกันใกล้ชิดแบบนี้ ชานยอลเก็บอาการไม่อยู่เขาเผลอยิ้มเห็นฟันและหลุดหัวเราะเล็กน้อย เซมีตีไปที่อกเขาเบาๆ
“หัวเราะอะไรยะ” เธอเองก็รู้สึกแปลกๆเหมือนกัน
“เปล่าๆ ขอโทษ” ชานยอลยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไม่เลิก
และความสนใจของเซมีที่มีให้ชานยอลก็ต้องหมดลงเมื่อมีคู่เต้นรำคนนึงมาชนพวกเขาจนทำให้เซมีสะดุดส้นสูงตัวเองเซและกำลังจะล้มแต่ดีที่ชานยอลจับเอวเธออยู่เลยไม่ได้ล้มลงพื้นอย่างอนาจ ทันไดนั่นเองเซมีก็คิดแผนสองออก
“ชานยอล” เธอกระซิบข้างๆหูเขา “เราพุ่งเข้าไปชนคู่นั้นกันเถอะ”
“โอเค” ชานยอลตกลงก่อนจะจับตัวเธอเข้ามาชิดกว่าเดิมเล็กน้อยเพื่อกันการกระแทก เขาจะใช้ตัวเองทำเป็นชนใส่ลู่หาน และจะผลักเซมีเข้าไปแทนผู้หญิงคนนั้น เมื่อได้จังหวะชานยอลกระแทกหลังใส่ลู่หานเต็มแรง และมันแรงเกินไป เกิดคาดไปหน่อยทำให้ลู่หานชนคู่ของเขาล้มลงพื้นนอนราบไปเลย คู่ลู่หานยังชนต่อไปอีกสองสามคู่ข้างหลังด้วย ทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในวงกว้าง ชานยอลอ้าปากค้างทำอะไรไม่ถูก เซมีรีบเข้าไปช่วยทั้งสองคนให้ลุกขึ้นมาและขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่ มีเจ้าหน้าที่เข้ามาเคลียร์พื้นที่ให้ ไม่นานวงเต้นรำก็กลับมาเป็นปกติ แผนของพวกเขาสำเร็จ! ถึงจะผิดคาดเล็กน้อย ตอนนี้ลู่หานเดินคนเดียวแล้ว! และเหมือนเขากำลังมองหาคู่เต้นรำคนใหม่ด้วย เซมีรีบพุ่งไปเสนอตัวเองทันทีแต่ชานยอลยื้อแขนเธอไว้แน่น เซมีหันขวับไปมองชานยอลด้วยความรีบร้อน
“มีอะไรหรอ?!”
“ระวังตัวนะ”
“หา? เออๆ โอเค”
แล้วเธอก็เข้าไปดักหน้าลู่หานทันที ตอนนี้ความอายช่วยออกไปไกลๆตาก่อนนะ เซมีจัดการเข้าไปหาและจู่โจมสนทนา
“สวัสดีค่ะ คุณลู่หานหรือเปล่าค่ะ?” เซมีฉีกยิ้มให้สุดชีวิต
ลู่หานยิ้มตอบกลับมา มันเป็นรอยยิ้มที่แสนจะอ่อนโยนและนุ่มนวลแต่แฝงไปด้วยเลศนัยบางอย่างที่ทำให้เซมีรู้สึกว่าคนๆนี้ต้องเป็นผู้ชายที่ไม่ธรรมดาแน่ๆ
“คุณเซมีสินะครับ” แม้กระทั่งลู่หานก็ยังรู้จักเธอ เขายื่นมือมาทักทาย เซมีรีบยื่นมือไปจับ แต่ก็ต้องตกใจเล็กน้อยเมื่อเขากลับฉวยมือเธอไปจุมพิตเบาๆ เล่นเอาหัวใจเซมีเต้นไม่เป็นจังหวะอยู่พักนึงเลยทีเดียว
หล่อแล้วยังเสน่แพรวพราวอีกนะ
“ผมกำลังหาคู่เต้นอยู่พอดีเลยครับ ไม่ทราบว่า...”
“ได้ค่ะ” ตกลงในพริบตา “ฉันเองก็อยากจะเต้นเหมือนกัน”
เมื่อทั้งสองเดินควงกันไปในวงเต้นรำ เซมีก็เหลือบเห็นเฉินกับชานยอลจับคู่เต้นด้วยกันอีกแล้ว มันดูคล้ายคู่เกย์มากบอกเลย ส่วนพ่อของลู่หานได้คู่ใหม่ที่สมวัยกับเขาซักที
ลู่หานโค้งก่อนจะจับเอวเซมีเบาๆ จังหวะเพลงช้าเกินไป เพลงก็น้ำเน่ามาก ลู่หานยังคงยิ้มให้เธอไม่หยุด เซมีเริ่มรู้สึกแปลกๆ มือทั้งสองข้างของเขาอยู่ที่เอวเธอ ดังนั้นมือของเซมีจึงต้องจับไหล่เขาทั้งสองข้างเช่นกัน มันค่อนข้างจะใกล้ชิดเกินไป นี่มันชิดกันจนแทบจะได้ยินเสียงหายใจแล้วนะ เซมีดันตัวเขาออกไปนิดหน่อยก่อนจะเปิดบทสนทนา
“เมื่อกี้ ฉันได้เต้นกับพ่อคุณด้วยค่ะ ท่านบอกว่าคุณไม่ได้มางานนี้”
“อ่า” เขาทำท่าเหมือนนึกอะไรออก “ผมเปลี่ยนใจน่ะ อยู่บ้านไม่มีอะไรทำครับ”
“งั้นหรอค่ะ ฉันคิดว่าคุณไม่มาจริงๆซะอีก”
“ทำไมครับ?” เขายิ้มแปลกๆให้เซมีอีกแล้ว “คุณอยากเจอผมหรอ”
“ค่ะ?” เซมีหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย ใจเธอเต้นไม่เป็นจังหวะ นี่มันเพลบอลรวยเสน่ชัดๆ หน้าตาดีก็แล้วคารมยังจะมีอีก เธอไม่รู้จะตอบกลับไปว่าอะไรเลยได้แค่ยิ้ม
“คุณเซมีแต่งงานหรือยังครับ?” เขาถามสบายๆแต่เซมีตกใจจนเผลอแสดงออกมาทางสีหน้า เขาหัวเราะและตอบเองเลย “แสดงว่ายังสินะครับ”
“ฉันเพิ่ง20เองนะค่ะ” เซมีย้ำ นี่เธอดูแก่ขนาดนั้นเลยหรอ?
“ผมหยอกเล่นน่ะ” เขาหัวเราะชอบใจ “น่ารักแบบนี้จะแต่งงานแล้วได้ยังไงละ”
เซมีหยุดหายใจไปชั่วขณะ นี่เขากำลังทำอะไร ถึงจะทำอะไรตอนนี้สมงสมองเซมีก็ปลิวไปไกลละ ภารกิจอะไรของเธอเธอจำไม่ได้ซักอย่าง ตอนนี้เธอเห็นแค่ชายหนุ่มหน้าหวานที่แฝงความเจ้าเล่ลึกๆตรงหน้าเท่านั้น หน้าเธอแดงจนรู้สึกถึงความร้อนที่แผ่ออกมา ลู่หานหัวเราะอีกแล้ว เขาคงสนุกสินะที่ทำให้เซมีทำอะไรไม่ถูกแบบนี้
“ผมขอคุยแบบไม่เป็นทางการได้มั้ยครับ?”
“คะ? อ๋อ...ได้สิค่ะ”
“งั้นผมขอเรียก เซมี เฉยๆนะ”
“ค่ะ” เธอหน้าแดงไม่หาย
“งั้นเซมีก็เรียกผมว่า พี่ลู่ เฉยๆได้มั้ยครับ?”
“...ได้ค่ะ”
“ไหนลองเรียกสิ”
“เอ่อ...พะ-พี่ลู่” หน้าเธอยิ่งแดงเข้าไปอีก
“น่ารักจังเซมี” ว่าแล้วลู่หานก็เอื้อมมือมาหยิกแก้มเธอเบาๆ ก่อนจะพูดประโยคอันน่าสะพรึงเล็กน้อย “แบบนี้กินไม่ได้แล้วละ ต้องเก็บไว้ก่อน”
เซมีเงยหน้าไปสบตาเขา...
อะไรนะ? จะกินฉันงั้นหรอ?
เธอผลักลู่หานออกไปด้วยความโกรธ สลัดความเขินอายของเด็กสาวที่ไร้เดียงสาออกไปและถลึงตาใส่ลู่หานอย่างไม่พอใจ ลู่หานตกใจจนสายตาลุกลี้ลุกลนเหมือนกวางที่กำลังโดนสิงโตจ้อง
“ฉันไม่ใช่ผู้หญิงแบบนั้นนะ!” เธอแทบจะตะโกน “นายคิดว่าผู้หญิงทุกคนเป็นแบบนั้นหมดเลยหรือยังไง?! ต่อให้หน้าตาจะดีแค่ไหนรวยล้นฟ้ายังไง แต่คิดแค่จะงาบผู้หญิงไปวันๆแบบนี้ฉันก็ไม่เอาด้วยหรอกนะ!”
เสียงเริ่มดัง ผู้คนเริ่มสนใจว่าเกิดอะไรขึ้น เฉินที่สังเกตการณ์อยู่นั้นรีบเข้ามาคว้าตัวเธอไว้ ชานยอลพุ่งตรงไปหาลู่หานและจับเขาแบกขึ้นไหล่แบบไม่ประนีประนอม เฉินลากเซมีออกไปจากงานและจับเธอโยนขึ้นรถทันที ส่วนชานยอลที่แบกลู่หานไว้บนบ่านั้นก็วิ่งขึ้นรถอีกคันที่จอดตามหลังอยู่
“ไปเลย!” เฉินสั่งคนขับให้ออกรถทันทีก่อนจะหันมาดูอาการเซมี “เธอไม่เป็นไรนะ”
“ฉันอยากจะบ้าตาย! ผู้ชายแบบนั้นฉันละเกลียดที่สุดเลย มองผู้หญิงเป็นแค่ของเล่นหรือยังไง!” เธอเดือดจนน้ำตาเกือบไหล
“ใจเย็นๆ ฉันว่าคงมีเรื่องเข้าใจผิดกันนิดหน่อย”
“ผิดตรงไหน หมอนั่นมันพูดออกมาเลยนะ ว่าจะกินฉันนะ!”
“ใจเย็นก่อน ดูสิผมยุ่งหมดละ”
ในรถชานยอล
“ฉันไม่ได้ตั้งใจ!” ลู่หานปฏิเสธ เขารู้สึกผิดมาก เมื่อกี้ชานยอลก็กะจะต่อว่าเขาอยู่เหมือนกันแต่พอเห็นสีหน้าลู่หานแล้วว่าไม่ลง เขาคงจะตกใจที่ทำให้เซมีโกรธขนาดนั้น เขายังระบายต่อไป “คือฉันไม่คิดว่าเธอจะเป็นคนแบบนั้น คือทั้งชีวิตฉันเจอแต่ผู้หญิงที่เข้ามาหาเพื่อเงินและหน้าตาของฉันทั้งนั้นเลยนะ! ฉันไม่เคยเจอแบบนี้”
ชานยอลนั่งนิ่งและฟังเงียบๆ ลู่หานลุกลี้ลุกลนสายตาลอกแลกเหมือนสติกำลังสั่นคลอน
“ฉันต้องไปบอกขอโทษเธอ ฉันทำผิดมากเลยครั้งนี้ รู้สึกได้เลยว่าตัวเองเป็นผู้ชายที่เลวแค่ไหน โอ้ยยย ไหนจะคำพูดล่วงเกินนั่นอีก! ทำอะไรลงไปลู่หาน!! เรื่องนี้นายต้องรับผิดชอบ!!” เขาขยี้หัวตัวเองแรงๆด้วยความหงุดหงิด ชานยอลได้แต่เงียบและนั่งนิ่ง
ป่านนี้เซมีคงจะเดือดน่าดู ว่าแต่เขาไม่ได้สนใจเลยหรอว่าเรากำลังลักพาตัวเขามาน่ะ
ณ ปราสาทของซูโฮ
เซฮุนกับไคนั่งดูทีวีจอยักษ์อยู่ในห้องเทรเตอร์ พวกเขาดูหนังสงครามกันและกำลังกินป็อปคอนเรื่อยๆ จู่ๆเซฮุนก็ทำเสียงแปลกๆจนไคต้องหันไปมอง
“อะไรน่ะ” ไคถามพลางหัวเราะ
“หมี๊บบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ หมี๊บๆ” เซฮุนยังไม่หยุด
“อะไรละนั่น” ไคยิ่งหัวเราะ
“หมี๊บๆ หมี๊บๆ หมี๊บบบบบบ”
“ทำอะไรของนาย!” ไคหัวเราะหนักพลางตีไหล่เรียกสติเพื่อน
“ชู่วๆ” จู่ๆเขาก็บอกให้ไคเงียบสีหน้าดูจริงจังมาก ไคพยายามกลั้นหัวเราะ “ฉันกำลังติดต่อกับยานแม่ เงียบหน่อย”
ไคกลั้นขำจนตัวสั่น เซฮุนก็ยังพยายามทำเสียงประหลาดนั่นเรื่อยๆ ตอนนี้พวกเขาไม่ได้สนใจหนังแล้ว จู่ๆไฟในห้องก็ดับพรึบ! หนังก็ดับพรึบ! แอร์ก็หยุดทำงาน และไคหยุดหัวเราะทันที เขาเขยิบเข้าไปใกล้เซฮุนและคว้าแขนเซฮุนมากอดไว้กลัวๆ
นี่มันติดต่อยานแม่จริงๆหรอวะ ลืมไปว่าหมอนี่มันบ้าและพลังก็มากมายเหลือเกิน
“เซฮุน” ไคเรียกเขาเบาๆ “นายทำอะไรน่ะ”
“ติดต่องานแม่แปป” แล้วเซฮุนก็หลับตาลง จากนั้นก็ “หมี๊บบบบ หมี๊บบบบบบ”
“เซฮุน” ไคเริ่มกลัวมากขึ้นไปอีก เขาเขยิบเข้าไปกอดเพื่อนแน่น “ติดต่อไม่ได้อีกหรอ”
“ใกล้ละๆ” เซฮุนขมวดคิ้ว เขาเงียบไปซักพักก่อนจะถามเพื่อน”ไค ทำไมมันมืดหยังงี้วะ”
“ไฟดับน่ะสิ”
“มืดจนมองไม่เห็นอะไรเลยเนี่ยนะ”
“อ๋อ นายหลับตาอยู่เพื่อน”
“เอ่าหรอ” เซฮุนค่อยๆลืมตาขึ้นมา เหมือนจะกลับมาโหมดปกติแล้ว “ยานแม่ปฏิเสธการตอบรับวะ เสียใจ”
ไคคลายกอดจากเพื่อนด้วยความโล่งอก
“นายเปิดไฟสิ” ไคบอกเขา “เมื่อกี้นายทำให้ไฟดับใช่ปะ”
“หือ?” เซฮุนทำหน้างง “ฉันเปล่านะ”
“เอ่า งั้นไฟก็ดับทั้งปราสาทเลยดิ”
“ไม่รู้ดิ”
ฮึก...ฮึก...ฮือ...เสียงร้องไห้ของผู้หญิงที่จู่ๆดังขึ้นมา ทั้งๆที่ในห้องมีแค่พวกเขาสองคน
คราวนี้เซฮุนกระโดดขึ้นไปนั่งบนตักไคแทน พวกเขากอดกันแน่น
ฮึก ฮึก ฮืออออ........ฮือ..........
“พี่จ๋า” ไคเริ่มเรียกหาพี่ พวกเขาหลับตาปี๋
ช่วย..ด้วย... ช่วยฉัน...ด้วย....
จู่ๆตรงปลั๊กไฟก็เกิดการปะทุขึ้นจนเกิดประกายไฟ เซฮุนกับไคสะดุ้งตัวโยนและกรี๊ดออกมาเสียงดังก่อนจะรีบวิ่งและพุ่งออกไปจากห้องนี้ด้วยความเร็วแสง
เสียงนั่นคืออะไรกันนะ?
ความคิดเห็น