ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC Exo x You] มาอยู่ด้วยกันนะ (เลือกพระเอกได้)

    ลำดับตอนที่ #12 : ตอนที่ 11 แม่

    • อัปเดตล่าสุด 26 มี.ค. 57


     

    คืนเดียวกัน

    “ฉันไม่ออกไปหายัยคนนั้นเด็ดขาด!” แบคคยอนตะโกนลั่นกลางห้องชานยอล สีหน้าที่เคยดูร่าเริงและสดใสนั่นหายไปแทนที่ด้วยสีหน้าที่ตื่นตระหนกตกใจเป็นที่สุด เขากลายเป็นแบคคยอนคนที่ชานยอลเจอครั้งแรกที่ห้องสมุดไปแล้ว

    “ใจเย็นสิแบคคยอน” เฉินที่ลุกขึ้นยืนเหมือนพร้อมจะตั้งรับกับอะไรที่พุ่งเข้ามา เขาดูมึนงงละไม่เข้าใจเท่าไหร่แต่เขาเป็นคนเดียวที่กล้าถาม “นายหมายความว่าไง? แม่นาย...แม่นายมาหานายไม่ใช่หรอ...นายควร--

    “ไม่!!” แบคคยอนตะคอกกลับไปใส่เฉินจนเซฮุนที่ยืนมองสถานการณ์ที่ประตูห้องสะดุ้ง “นั่นไม่ใช่แม่ฉัน! ฉันไม่มีแม่แบบนั้น!

    “เกิดอะไรขึ้น” เสียงดีโอดังมาจากนอกประตู เขาคงจะได้ยินเสียงดังจึงเดินมาดู เซมีเองก็เหมือนกันเธอเดินตามกลังดีโอเข้ามา

    เกิดความเงียบอยู่นานจนกระทั่งเซฮุนพูดด้วยเสียงหวาดๆ

    “ผะ..ผมเห็น” เขาเริ่ม ทุกๆคนจับจ้องไปที่เขา “ผมเห็นผู้หญิงคนนั้นบอกว่า...เขาคือแม่ของพี่แบค ละ-แล้วเธอก็กำลังวางแผนทำอะไรซักอย่าง...ผะ-ผมไม่แน่ใจว่าเธอจะทำอะไร ผมหนีมาซะก่อน แต่มันไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ ผมรู้สึกได้ คือผม..ผมกำลังจะบอกว่า...” เหงื่อเขาผุดขึ้นมากมายบนหน้าผาก เซมีเชื่อทุกคำที่เซฮุนพูดมา เซฮุนไม่เคยทำนายอะไรพลาดเลย

    “บอกว่าไร” เฉินเร่งเมื่อเห็นเซฮุนนิ่งเงียบและลังเล

    “จะบอกว่า” เซฮุนมองหน้าแบคคยอน “...แผนของเธอ...เลวร้ายมาก...มากจริงๆ ผมคิดว่า...อาจจะต้องมีใครตาย”

    ทุกคนอึ้งและนิ่งเงียบ มีแค่เสียงลมหายใจที่รุนแรงของแบคคยอนเท่านั้นที่ได้ยิน

     

     

    ทางด้านห้องรับแขกชั้นล่างปราสาท ซูโฮ คริส และ ผู้หญิงชุดดำ กำลังนั่งคุยกันอยู่
    เหมือนสถานการณ์จะอึดอัดเล็กน้อยเพราะคริสเอาแต่แผ่ส่งรังสีไม่ไว้ใจออกมา คริสและซูโฮนั่งตรงข้ามกับแขก เธอนั่งตัวตรงและมีท่าทีที่ผ่อนคลายเหมือนจะมาคุยกันเรื่องธรุกิจทั่วไป มีถ้วยชาและกาน้ำชาวางบนโต๊ะเรียบร้อยแต่ยังไม่มีใครจิบ

    “แสดงว่า” ซูโฮกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบ โดยที่มีคริสคอยสังเกตแขกอย่างไม่วางตา “คุณเอลล่า ต้องการว่าจ้างองกรค์ของผมเพื่อออกตามหาลูกชายสินะครับ”

    “ใช่ค่ะ ถูกต้องแล้ว” เอลล่าหยิบชาขึ้นมาจิบเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อ “เขาหายตัวไปเมื่อสี่ปีที่แล้ว ตอนเขาอายุ20...” น้ำเสียงของเธอดูไม่มั่นใจเล็กน้อย “เขาเป็นเด็กผู้ชาย ร่างไม่สูงมาก ผิวขาวหน้าตาน่ารักและนิสัยดีมากค่ะ” น้ำเสียงของเธอสั่นช่วงประโยคหลัง

    ซูโฮตั้งใจฟังเขาหยิบชาขึ้นมาจิบบ้าง ความจริงซูโฮรู้มาก่อนแล้วว่าเอลล่าเป็นแม่ของแบคคยอน เขารู้เรื่องประวัติก่อนหายตัวของแบคคยอนมาเยอะพอสมควร เขารู้ด้วยว่าครอบครัวของแบคมีแม่เป็นหัวหน้าครอบครัว พ่อเขาเป็นอาจารย์สอนมหาวิทยาลัย และค่อนข้างจะมีนิสัยเงียบขรึมไม่พูดไม่จา ส่วนแม่เป็นหัวหน้าหน่วยสืบสวนคดี ไม่ผิดเลยที่เธอจะดูเป็นคนฉลาดรู้จักการวางตัวและคอยใช้สายตามองสังเกตเรื่องต่างๆรอบตัวเป็นระยะๆ ถึงอย่างนั้นเองครอบครัวของแบคคยอนก็ดูเป็นครอบครัวที่มีความสุขดี เพราะแบคเกิดมาพร้อมเสียงหัวเราะ เขาร่าเริงและทำให้พ่อแม่ยิ้มได้เสมอ แต่ไม่รู้ทำไม แบคคยอนถึงได้หนีออกจากบ้านและตัดขาดจากครอบครัวไปแบบนั้น

    “วันนี้” เธอเริ่มเล่าต่อไป “ฉันลืมเอาเอกสารที่เกี่ยวข้องมาให้ค่ะ ถ้าทางคุณตกลงเรื่องงาน...”

    “อ๋อ ครับได้อยู่แล้ว” ซูโฮยิ้มอย่างใจดีไปให้เธอ ในขณะที่คริสหันมามองเขาด้วยสายตาตำหนิ “แต่ผมขอถามอะไรหน่อยได้มั้ยครับ”

    “ได้สิค่ะ” เธอตอบพลางยกชามาดื่มอีกครั้ง

    “คุณไปรู้เรื่ององค์กรของเรามาจากใครหรือครับ”

    เธอยิ้มให้ซูโฮ เธอคงกำลังคิดเหมือนกันละว่าซูโฮไม่ได้ไว้ใจใครง่ายๆ “ฉันต้องขอโทษด้วยที่ฉันต้องบอกว่า” เธอวางถ้วยชาลง “ฉันสืบเรื่องงานของคุณอยู่ช่วงหนึ่ง”

    คริสหรี่ตามองเธออย่างไม่ไว้ใจทันที แต่เธอไม่ได้สนใจคริส เธอหันไปสบตากับซูโฮและตั้งใจเล่า

    “พอดีว่าวันนั้นมีคดีใหญ่คดีนึงเกิดขึ้นค่ะ” ซูโฮยิ้มให้เธอก่อนจะจิบชาอีก เธอเล่าต่อ “แล้วฉันก็ต้องแปลกใจเมื่อคดีนั้นมันจบแบบรวดเร็วจนน่าสงสัยแต่ไม่มีอะไรน่าสงสัย เข้าใจที่ฉันพูดมั้ยค่ะ?” ซูโฮยิ้มและพยักหน้าเบาๆ เธอเหมือนจะพอใจและเล่าต่อ “ฉันเลยแอบสืบเรื่องที่ไม่มีอะไรน่าสงสัยนั้น จนขุดมาเจอปราสาทหลังนี้ ต้องขอยอมรับเลยว่าข้อมูลที่รู้นั่นถือว่าน้อยมาก แต่ฉันก็พอจะเดาได้ว่าคุณกำลังรวบรวมกลุ่มคนที่สังคมไม่ยอมรับ มาอยู่รวมกันและปล่อยตัวเขาออกไปเมื่อสังคมเริ่มยอมรับใช่มั้ยค่ะ?”

    “ใช่ครับ ใช่หมดเลย” ซูโฮยิ้มอีกครั้ง จนคริสรู้สึกว่ายิ้มมากไปแล้ว

    “แต่นั่นละค่ะ” เธอเล่าต่อ “ฉันยังรู้มาอีกว่าคุณมีฝีมือในการแทรกแซงเข้าได้ทั้งหน่วยของเอกชนและรัฐเพื่อสืบหาคนเหล่านั้น...และใช่ค่ะ ฉันก็เลยมาหาคุณเพื่อจะให้คุณทำงานให้กับฉันไงค่ะ” เธอพูดเสร็จก็จิบชาจากนั้นก็รินให้ทั้งซูโฮและตัวเองเมื่อเห็นว่ามันเหลือครึ่งแก้วแล้ว

    “ผมเข้าใจแล้วครับ” เขาหยิบชาขึ้นมาจิบตามมารยาท “แต่ผมต้องเสียใจด้วยครับ”

    “เรื่องอะไรค่ะ” เอลล่าสนใจ เห็นได้ชัดว่าสีหน้าเธอประหลาดใจไม่น้อย

    “ลูกชายคุณอยู่กับพวกเรามาซักพักนึงแล้วครับ” ซูโฮยิ้ม เขารู้สึกเหมือนได้ทำบุญครั้งใหญ่ให้แม่กับลูกได้พบกันอีกครั้ง แต่คริสยังคงทำหน้าแบบเดิม และคริสต้องเปลี่ยนจากหน้าเดิมกลายเป็นตกใจจนเผลออ้าปาก เมื่อเห็นว่าสีหน้าของเอลล่าหุบยิ้ม
    แวบนึงก่อนจะมีสีหน้าที่ชิงชังเต็มไปด้วยความแค้น คริสจ้องเขม็งและดูเหมือนซูโฮไม่ได้สังเกตเห็นเหมือนคริส เพราะเขากำลังจิบชาบ้านั่นอยู่ เสี้ยววินาทีต่อมาเธอก็เปลี่ยนสีหน้ากลับไปเป็นเรียบเฉยและเริ่มหัวเราะเล็กๆ

    “มีอะไรหรือครับ?” ซูโฮแปลกใจเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะ แทนที่จะเป็นเสียงตื่นเต้นดีใจ

    “ฉันว่าคุณคงเข้าใจผิดแล้วละค่ะ” เธอยกมือขึ้นปิดปากเพราะกำลังหัวเราะ

    “ยังไงครับ?” ซูโฮทำหน้างงเล็กน้อย

    “ฉันไม่ได้มาตามหา...” เธอเว้นช่วงเล็กน้อยไม่รู้ว่าทำไม “ตามหาแบคคยอนหรอกค่ะ”

    ความไม่ไว้ใจของคริสเพิ่มขึ้นปรี๊ด สมองของซูโฮทำงานอย่างรวดเร็วทันที

    “แต่ลูกชายของคุณ--

    “ฉันมีสามีสองคนค่ะ” เธอตอบเสียงเรียบเหมือนกำลังคุยกันเรื่องปกติ ซูโฮตกใจเล็กน้อย คริสเผยอยิ้มออกมา เธอเล่าต่อ “ฉันว่าแบคคยอนคงไม่ได้คิดว่าฉันเป็นแม่เขาอีกต่อไปแล้ว...” น้ำเสียงเธอสั่นเล็กน้อยเธอพยายามข่มมันแต่ก็ได้ผลน้อยเต็มที “เขาเกลียดฉันที่...ที่หลอกเขามาตลอด ความจริง...หลังจากที่แบคคยอนออกจากบ้านไปสามีฉันก็หย่ากับฉันทันที...” เธอพยายามข่มเสียงที่สั่นอีกครั้ง “เขาบอกว่าฉัน...ไม่มีค่าพอแล้ว ถ้าแบคคยอนไม่อยู่ เขาก็ไม่ต้องการให้ฉันอยู่เหมือนกัน แต่นั่นละค่ะ...มันเป็นเพราะการหายตัวไปของลูกชายคนโตของฉัน ฉันเลยกังวลและหวาดกลัวจนไม่เป็นตัวของตัวเอง ในที่สุดแบคคยอนเขาก็รู้...ว่าฉันมีลูกอีกคน และ...และฉันรักลูกคนโตของฉันมากด้วย เขาเลย...”

    “ผมเข้าใจครับ” ซูโฮรีบเข้ามาแทรกเมื่อเห็นเธอตัวสั่น “คุณคงลำบากมากสินะครับช่วงหลังมานี้”

    “ค่ะ” เธอเริ่มกลับมาเป็นปกติ “แต่ฉันก็เป็นคนแบบนี้แหละค่ะ เสียใจมากแค่ไหน เจ็บปวดยังไง ฉันก็จะไม่แสดงออกมาให้คนอื่นรู้เด็ดขาด” เธอยิ้มเศร้าๆ “ความหวังแรกของฉันคือตามหาลูกชายคนโต ส่วนแบคคยอน...ฉันว่าต้องให้เวลาเขาหน่อย”

    “ใช่ครับ” ซูโฮเห็นด้วย “ผมว่าต้องให้เวลาเขาคิด เดี๋ยวเขาคงจะเข้าใจเองละครับ ยังไงเขาก็เป็นลูกชายของคุณ”

     

     

    และเมื่อเจรจาต่อรองข้อตกลงและแลกเปลี่ยนข้อมูลการติดต่อเสร็จแล้ว ถึงเวลาที่เอลล่าต้องบอกลาซูโฮ

    “ขอบคุณมากนะค่ะ ฉันซาบซึ้งในความเมตตาของคุณมาก” เธอยืนขึ้นและจับมือกับซูโฮโดยไม่ได้สนใจคริสเลย “ถ้ามีเรื่องไม่เข้าใจ โทรมาถามฉันได้เสมอนะค่ะ”

    “ครับแน่นอน เดี๋ยวผมออกไปส่ง”

    “ไม่ต้องค่ะ ฉันไปเองได้ ขอบคุณค่ะ”

    “ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมไปส่ง”

    “ฉันไม่เป็นไรจริงๆค่ะ” เธอยืนยัน “นี่ก็ดึกมากแล้ว ฉันมารบกวนไม่รู้เวล่ำเวลาเลยนะค่ะ ถ้าคุณยังไปส่งฉันคงจะลำบากใจแย่”

    “งั้นหรือครับ ถ้างั้น...”

    “ค่ะ ไม่เป็นไร ราตรีสวัสดิ์นะค่ะ คุณควรจะนอนพักเยอะๆ”

    “ครับ คุณเองก็เช่นกัน” ซูโฮยิ้มให้เธอก่อนที่เธอจะเดินหันหลังและออกจากปราสาทไป

    “ฉัน” คริสพูดทันทีเมื่อเห็นเธอลับสายตา “ฉันไม่ชอบผู้หญิงคนนั้นเลยให้ตายสิ”

    “อีกแล้วนะนาย”

    “ไม่ใช่เว้ยซูโฮ มันแปลกๆ”

    “ผู้หญิงที่ดูสุขุมทุกคนนายก็ไม่ชอบทั้งนั้นแหละ จะไปยึดติดกับอะไรแบบนั้นทำไมนักหนา เป็นแบบนี้นายถึงได้ไม่เคยจีบเธอคนนั้นติดซักที” ซูโฮหัวเราะ
    "เงียบไปเลยนายน่ะ” คริสหันไปเหล่ใส่ซูโฮอย่างไม่พอใจ

     ให้ตายสิ ฉันไม่ชอบเลยจริงๆนะ

     

     

     

    ที่ห้องชานยอลตอนนี้เหลือแค่ชานยอลคนเดียวแล้ว เพราะมันดึกเกินไปทุกคนควรจะกลับไปนอนที่ห้องตัวเองและแบคคยอนก็เหมือนไม่อยากจะเล่าอะไรให้ใครฟังด้วย สุดท้ายแม่ของเขาก็ไม่ได้มาหาเขา แน่นอนว่าซูโฮเข้าไปคุยและทำความเข้าใจกับแบบคยอนตามลำพังมาแล้ว และเหมือนแบคคยอนจะเอาแต่ส่ายตัวปฏิเสธเสียงแข็งว่ายังไงๆเธอคนนั้นก็ไม่ใช่แม่ของเขา ซูโฮเลยต้องยอมทิ้งให้เขาอยู่กับตัวเอง

    เซมีผู้ที่ไม่เคยหลับใหล เธอนอนกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียงและคิดทบทวนเรื่องราวของแบคคยอน เขามีอะไร ทำไมถึงทำหน้าตกใจขนาดนั้นเมื่อรู้ว่าแม่มา ทำไมถึงไม่เล่าอะไรเลย...ไม่เล่าเลยว่าแม่เขาโหดร้ายหรือยังไง เธอควรจะไปหาแบคคยอนดีมั้ย เธอรู้ว่าแบคคงยังไม่หลับแน่ๆ สีหน้าตื่นตระหนกของแบคมันไม่ใช่เรื่องเล่นๆนะ มันต้องมีอะไรบางอย่าง แต่ซูโฮก็น่าจะไปถามและบอกอะไรเขาแล้วละ ซูโฮน่าจะจัดการให้เขารู้สึกดีขึ้นมาบ้าง ระหว่างที่กำลังคิดอยู่นั้นเธอแทบไม่ได้ยินเสียงเคาะประตูห้องเลย ดังนั้น

    “ขอโทษนะ ฉันเคาะแล้วเธอไม่...” แบคคยอนนั่นเอง ไม่ต้องไปหาแต่เขามาหาเซมี สีหน้าเขายังดูตื่นๆถึงมันจะน้อยลงแล้วก็ตาม

    “แบค!” เซมีรีบลุกขึ้นไปหา “นาย...ไม่เป็นไรใช่มั้ย มานั่งก่อนสิ” เธอจูงมือแบคให้มานั่งที่เตียง สีหน้าเขาเหมือนกำลังสับสน เขากำลังคิดว่าจะเล่าให้เธอฟังดีหรือเปล่า

    “แบคฉันพร้อมจะฟังทุกอย่าง” เซมีตอบราวกับเธออ่านใจเขาออก แบคคยอนมองตาเซมีอย่างลังเลอยู่พักใหญ่ และเมื่อเขาคิดว่าเขารู้เรื่องของเซมีมาเกือบหมดเขาก็สมควรที่จะเล่าเรื่องของเขาให้เซมีฟัง

    “ฉันมีพี่ชายต่างพ่อ” แบคคยอนเริ่มและมันก็ทำให้เซมีตกใจจนตาโตทันที เขามองเซมีเหมือนจะลังเลอีกครั้ง แต่เซมียื่นมือมาจับมือเขาแน่น เขาจึงตัดสินใจเล่าต่อ “เขาหายตัวไปเมื่อสี่ปีก่อน...เกือบๆจะห้าปีแล้ว เขามาบอกฉัน...ว่าผู้หญิงคนนั้น(แม่)เป็นไอ้นั่น

    เซมีทำหน้างง ไอ้นั่น คืออะไร และแบคก็สังเกตเห็น

    “ฉันพูดไอ้นั่นออกไปไม่ได้” เขาตอบให้กับสีหน้างงๆของเซมี “ไม่งั้นฉันจะหมดสติไปทันทีและตื่นมาอีกตอนเช้าแล้ว ผู้หญิงคนนั้นสาปฉันไว้”

    “อะไรนะ?”

    “เธอสาปฉันไว้ ถ้าพูดไอนั่นออกไป ฉันจะหมดสติไปเลย ฉันเคยลองแล้ว และมันก็เป็นจริงๆด้วย ลองเดาสิ ว่าเธอเป็นอะไรถึงจะสาปฉันได้”

    “เอ่อ...ไม่แน่ใจ”

    “ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันไว้บอกเธอสุดท้าย...เธอน่ากลัวมาก เธอสาปทุกคนที่เข้ามาขวางทางเธอ” แบคคยอนไม่รอให้เซมีถาม เขาเล่าต่อ “วันนั้นเป็นคืนที่มืดกว่าปกติ ตอนฉันนั้นอายุซักสิบหกสิบเจ็ดมั้ง ฉันกำลังเดินกลับบ้านหลังจากที่แอบไปเที่ยวกับเพื่อนมา เมื่อไปถึงหน้าบ้านฉันก็พบกับพี่ชายของฉัน เขาดูเหมือนคนใกล้จะบ้า มือสั่นตัวสั่นและเหงื่อออก เมื่อเขาเห็นฉันเขาก็รีบเข้ามาหาฉันและบอกว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นไอนั่น ตอนแรกฉันเชื่อสนิทใจเลยว่าพี่ฉันบ้า เขาบอกว่าเขาเป็นพี่ชายฉัน เขาบอกว่าผู้หญิงคนนั้นมีครอบครัวสองครอบครัว มีลูกชายสองคน นั่นคือฉันและเขา และเธอจะสาปฉันให้กลายเป็นไอนั่นเหมือนเธอ เหมือนที่เธอพยายามสาปพี่ชายของฉัน พี่ฉันบอกว่าให้รีบหนีออกจากบ้านตอนอายุ20 อย่าให้เธอรู้ อย่าให้เธอเห็น ให้หนีออกไปเงียบๆและไกลที่สุด ซักพักเสียงฟ้าผ่าดังเปรี้ยงทั้งๆที่ไม่มีฝนหรือลมไดๆ พี่ฉันสะดุ้งจนหงายเลยละ ปรากฏว่าที่เขาสะดุ้งนั้นเป็นเพราะผู้หญิงคนนั้น ซึ่งในตอนนั้นฉันยังคิดว่าเขาเป็นแม่ เธออยู่ข้างหลังฉันตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ และพอฉันหันไปดูพี่ที่นอนหงายอยู่ เขาก็หายตัวไปแล้ว ตอนนั้นฉันเชื่อสนิทเลยว่าพี่ฉันบ้า แต่...” ตัวแบคคยอนเริ่มสั่น เซมียังคงจับมือเขาแน่น “แต่อยู่มาวันนึง...เซมีเธอรู้ใช่มั้ยว่าฉันมองอดีตของคนอื่นได้”

    “อะ-อืม”

    “นั่นแหล...เรื่องมันเลยจนมาถึงตอนฉันอายุ20พอดี วันนั้นเป็นวันที่สดใสพ่อและผู้หญิงคนนั้นพาฉันไปเดินเล่นที่สวนสาธารณ และเราวางแผนไว้ว่าหลังจากเดินเล่นเสร็จก็จะไปกินข้าวร้านที่อาหารเพื่อฉลองวันเกิดฉัน...และเหตุการณ์ที่พลิกผันก็เกิดขึ้น ระหว่างที่ผู้หญิงคนนั้นกำลังคุยกับพ่ออยู่ เธอหันมาสบตากับฉัน...ที่ฉันคิดว่าตอนนั้นเป็นสายตาที่อ่อนโยน เธอสบตากับฉันได้5วินาที ซึ่งเธอไม่ได้ตั้งใจหรอก แต่ฉัน...จู่ๆฉันก็เข้าไปในอดีตของเธอ...” ตัวแบคเริ่มสั่นแรงขึ้นเซมีต้องจับแขนเขาแน่น “เธอน่ากลัวมาก...เธอไม่ได้ให้กำเนินฉันเซมี” แบคหันมาสบตาเซมี “เธอเก็บฉันมาเลี้ยงและตกลงปิดเป็นความลับกับพ่อ ซะ-เซมี...” เขาสั่น สั่นมากเซมีโอบกอดเขาและพยายามข่มให้เขาสั่นน้อยลง น้ำตาของแบคคยอนไหลลงช้าๆด้วยความกลัว เขากลั้นใจเล่าต่อ “ฉันเห็นเธอสาปพี่ชายฉัน...และมันสำเร็จ...พี่ชายฉันดิ้นอย่างทุรนทุรายและทรมานมาก...ฉันเห็นกับตา...เธอกรีดแขนเขาเป็นแผลลึก...และ...และยัดใส่เลือดสีดำลงไปพร้อมทำปากขมุบขมิบน่าเกลียดมาก...อดีตไม่เคยโกหก...ถึงฉันอยากให้มันเป็นเรื่องโกหกก็ตาม ตลอดเวลาที่เธอเลี้ยงฉันมา...เธอหวังแค่วันนั้นวันเดียว...วันที่เธอจะได้สาปฉันให้กลายเป็นแบบเธอ...รู้มั้ยเซมี...ผู้หญิงคนนั้นเขาสาปพ่อฉันด้วย...เขาสาปให้พ่อหลงรักและเขาสาปให้พ่อเป็นคนเงียบขรึมไม่พูดไม่จา...ทั้งๆที่พ่อ...พ่อไม่ใช่แบบนั้นเลย เธอยังสาปพ่อเรื่อยๆเวลามนต์ของเธอเริ่มจางหาย...ฉันกลัวมาก เธอรู้มั้ย...ว่าผู้หญิงคนนั้นกินอะไร”

    เซมีกลั้นหายใจและกอดแบคคยอนแน่น

    “เธอกินทารก เซมี”

    พวกเขาสองคนกอดกันแน่นและตัวสั่นพอๆกัน

    “ทารกจะทำให้ผู้หญิงคนนั้นดูสาวและมีพลัง เธอรู้ใช่มั้ยว่าผู้หญิงคนนั้นน่ากลัวแค่ไหน...ฉันถึงไม่อยากไปพบไง...แต่ตอนนี้ฉันอายุเลย20แล้ว เธอจะสาปฉันไม่ได้อีกต่อไป แต่เธอ...เธออาจจะรู้ว่าฉันรู้ความลับของเธอ เธออาจจะ...อาจจะมาฆ่าฉัน”

    “ไม่หรอก” เซมีปลอบใจถึงเสียงจะสั่นเต็มที่ “ไม่มีทาง ตราบไดที่นายอยู่ที่นี่”

    “ฉันเห็นแก่ตัวมาก...ฉันไม่รู้ว่าพ่อเป็นยังไงบ้าง...ฉันสงสารพ่อ ฉันอยากเจอพ่อและอยากบอกขอโทษที่หนีมา”

    “ไม่ใช่ความผิดของนายแบค นายทำถูกแล้ว พ่อคงเข้าใจ”

    “ยะ-ยังมีอีกนะ” แบคพยายามจะเล่าต่อ

    “พอก่อนก็ได้นะแบค ฉันว่าขืนเล่าไปเรื่อยๆแบบนี้--

    “ไม่ ไหนๆก็เล่าแล้ว เอาให้จบ” แบคเริ่มมุ่งมั่นอีกครั้ง เขาหยุดสั่นความกลัวเริ่มกลายเป็นความกล้า “ยัยนั่นอายุเกือบจะร้อยปีแล้ว ตัวจริงหน้าแก่หนังเหยี่ยวมากแน่ๆ อันนี้ถึงไม่เห็นฉันก็พอเดาได้ ฉันรู้ว่าเวลาของยัยนั่นกำลังจะหมดลงในไม่ช้า และ...มันต้องการคนสืบสายเลือดคนต่อไป...ฉันแน่ใจว่าพี่ชายของฉันจะได้ แต่ว่านะเซมี พี่ของฉันก็หนีไป...ฉันไม่รู้ว่าเขาทำได้ยังไง แต่เขาหนีไปได้ ฉันยังเห็นสีหน้าที่เคียดแค้นของยัยนั่นได้ดี สะใจไม่เบา...เซมีฉันยอมรับว่าฉันกลัว แต่ตอนนี้มันก็ทำอะไรฉันไม่ได้ ฉันตัดสินใจแล้ว พรุ่งนี้ฉันจะถามซูโฮว่ายัยนั่นต้องการอะไร แล้วฉันจะ...จะ...”

    “นายจะฆ่าเธอหรอ”

    แบคคยอนหันมาสบตาเซมี...เขาลังเลอีกแล้ว แต่เขาแค้นเหลือนเกิน

    “ฉะ-ฉันไม่รู้เซมี” เขาหลบตาเธอ “ฉันไม่รู้จะทำยังไง แต่ที่รู้คือยัยนั่นต้องมีแผนอะไรซักอย่างแน่ๆ เหมือนที่เซฮุนบอกไง ฉันต้องขัดขวางแผนเลวๆนั่น”

    “ฉันด้วย” เซมีเสนอ

    “ไม่ได้เซมี!” แบคห้ามทันที “ฉันไม่ยอมให้คนอื่น-

    “นายคือครอบครัวของฉัน และฉันก็ไม่ใช่คนอื่นของนายด้วย ฉันจะไม่ยอมให้นายเป็นอะไรเพราะยัยปีศาจนั่นหรอก ฉันจะช่วยนาย”

    “ตรงๆละกัน” แบคคยอนถอนหายใจ “ฉันเองก็ต้องหาพรรคพวกเหมือนกัน แต่ฉัน...”

    “ฉันจะไปบอกชานยอลดีโอเฉินเซฮุนเทาหรือทุกคนเลย ยิ่งคนเยอะๆเราก็จะได้เปรียบ”

    แบคคยอนดูท่าทางจะตกใจมาก “ฉันไม่ให้พวกเขาเข้ามาเสี่ยงเพราะฉัน--

    “เพราะนายหรอ!” เซมีขึ้นเสียง “มันไม่ใช่เพราะนายแล้วมั้ง! มันเป็นเพราะยัยปีศาจนั่นต่างหากแบค อย่ามาทำตัวเป็นฮีโร่บุกเดี่ยวเลย ไม่ได้ผลหรอก”

    ถึงตอนนี้จะตึงเครียดแต่แบคคยอนก็ยิ้มออกมา กำลังใจเขากลับมาแล้ว

    “เออ ก็ดี! เอาก็เอา!” ในที่สุดเขาก็ตกลง “ฉันจะบอกให้ว่ายัยนั่นเป็นอะไร”

    “มาเลย!

    “เดี๋ยวก่อน ฉันนอนห้องเธอได้นะ”

    “ตามสบายเพราะฉันไม่นอนอยู่แล้ว”

    “ดีมาก ยัยนั่นน่ะ เป็นแม่มดที่ชั่วร้ายที่สุดในศตวรรษ” และเขาก็ตาเหลือกหมดสติไปเลย ปล่อยให้เซมีขนลุกขนพองอยู่ในห้องคนเดียว

     

     

     

    ตอนเช้าตรู่ ทุกคนถูกปลุกด้วยเสียงหวอจากรถพยาบาล

    เซมียืนร้องไห้ให้กับร่างที่กำลังโดนรุมฉุดให้ขึ้นเตียงฉุกเฉิน และร่างนั้นคือ ซูโฮ เขากำลังจะหมดแรงเพราะเขาไออย่างหนักไอออกมาเป็นเลือดด้วย มีเลือดกระจายเต็มตัวเขาไปหมด เซมีร้องไห้โฮพยายามจะเข้าไปหาซูโฮแต่เธอโดนดีโอลากออกมา คริสสั่งให้ทุกคนอยู่ที่บ้านจนกว่าเขาจะกลับมา ระหว่างนั้นซูโฮก็โดนยกขึ้นรถโดยที่มีคริสตามไปด้วย ทั้งปราสาทดกระวนกระวายกับเรื่องที่เกิดขึ้น ซูโฮ...ไม่เคยเป็นแบบนั้น เขาสุขภาพดีตลอด ทำไมถึงได้เกิดเรื่องแบบนี้...

    เซมีปล่อยโฮอย่างหนักระหว่างที่อยู่ในอ้อมแขนดีโอ ดีโอกอดเธอแน่นราวกับเธอจะแตกสลายไปถ้าเขาปล่อย ชานยอลเข้ามาโอบทั้งสองคนไว้ด้วยอ้อมแขนกว้างอีกที เซฮุนร้องไห้เงียบๆคนเดียว แบคคยอนรู้ทันทีเลยว่านั่น...

    ฝีมือของยัยแม่มดแน่ๆ

     

     

    ผ่านสามชั่วโมง

    พวกเขาทุกคน ดีโอ ชานยอล แบคคยอน ลู่หาน เทา เฉิน เลย์ ไค คริส และ เซมี รวมตัวกันอยู่ในห้องโถง แบคคยอนจัดการเล่าเรื่องแม่ของเขาที่เป็นแม่มดให้ทุกคนได้ฟังหมดแล้ว ทั้งห้องเงียบอยู่นานจนคริสเอ่ยขึ้น

    “น้ำชานั่นแน่ๆ” เขาบอกด้วยความมั่นใจ “ยัยแม่มดปาหี่นั่นต้องใส่ลงไปในน้ำชาแน่ๆ”

    “ซูโฮเป็นยังไงบ้างครับ” ดีโอถามคริส “เขาจะหายมั้ย”

    คริสส่ายหน้า “ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว แต่ก็ยังไอเป็นเลือดอยู่ เขาบอกให้ฉันรีบมาดูพวกนาย เผื่อยัยนั่นหวนกลับมาตอนที่พวกเราไม่อยู่ ว่าแล้วเชียวว่าทำไมรู้สึกแปลกๆ ซูโฮน่ะใจดีและเชื่อใจคนเกินไป แต่ก็นั่นละ คนเลวๆมักจะแพ้ใจดีๆอย่างซูโฮตลอด ยกเว้นยัยแม่มดนั่น” ตอนหลังประโยคเขาพูดด้วยน้ำเสียงแห่งความแค้น

    “ฉันจะไปตามหาพี่ชายของแบค” จู่ๆเซมีก็เอ่ยขึ้น ทุกคนหันขวับไปมองเธอ “ฉันว่าเขาช่วยซูโฮได้ เขาต้องรู้วิธีแก้คำสาปแน่ๆ ใช่มั้ยแบค” เธอหันไปขอความคิดเห็นแบคคยอน ที่ตอนนี้กำลังเหม่อลอยเพราะคิดอะไรอยู่ เขาสะดุ้งเมื่อเซมีเรียกชื่อ

    “อะ-เอ่อ ฉันไม่แน่ใจ อาจจะใช่”

    “เราต้องรีบไป” เซฮุนพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ต้องไปเดี๋ยวนี้”

    “เราหรอ?” เซมีหันไปถามเซฮุน “ฉันไม่คิดว่าจะเป็นเราหรอกนะ เรื่องนี้มันอันตรายเกินไป ถ้าพวกเราไปกันหมดจะไม่มีใครเหลือ”

    “แต่--

    “เมื่อคืนฉันไม่ได้นอน...แน่ละก็ฉันนอนไม่ได้ ฉันคิดแผนไว้แล้ว เราจะส่งไปคนไปหาตัวพี่ชายแบคคยอนเป็นทีม ฉันแบ่งทีมไว้แล้วด้วย โดยที่ทุกๆทีมจะมีฉันกับแบคคยอนร่วมด้วยทุกครั้ง”

    ชานยอลเหมือนทำท่าจะขัด แต่เซมียกมือให้เขาเงียบไปด้วยสีหน้าที่จริงจังจนชานยอลต้องยอม เธอกล่าวต่อไป

    “และฉันต้องบอกว่าเสียใจมาก ที่ต้องพูดว่าไคกับเฉินต้องอยู่ที่นี่ และจะไม่ได้ไปร่วมทีมกับเรา”

    ทั้งสองแย้งขึ้นมาทันที ไคเริ่มเรียกร้องสิทธิน้องชาย เขาไม่ยอมปล่อยให้เซมีไปแน่ถ้าเขาไม่ได้ไป แต่ชานยอลก็สยบพวกเขาให้นิ่งได้

    “พวกนายไม่มีพลังอะไรเลย...เพราะฉะนั้นถ้าไปมันอาจจะเป็นตัวถ่วงสำหรับพวกเรา” ทั้งห้องเงียบ “แล้วก็ไม่ต้องห่วงหรอกนะไค พี่สาวนายน่ะฉันจะปกป้องเอง และฉันเชื่อว่าทุกๆคนก็อยากจะปกป้องเธอที่สุดด้วย”

    เกิดความเงียบขึ้น เฉินทำหน้าไม่พอใจเล็กน้อย ส่วนไคพยายามเก็บอาการให้มากที่สุดแต่น้ำตาของเขาก็ไหลอาบแก้มเงียบๆ

    “เข้าใจกันแล้วนะ” เซมีต่อ “เซ็ตแรก...ฉัน แบคคยอน ดีโอ ชานยอล และ คริส เราจะเริ่มออกเดินทางกันวันนี้ตอนบ่าย”

    “ฉันขอไปทุกรอบด้วยคน” คริสเสนอขึ้นมา “ฉันว่าฉันไปได้นะ ถึงเธอจะห้าม”

    “ไม่ห้ามหรอกค่ะ” เซมีหันไปยิ้มให้คริส “ฉันรู้ว่าซูโฮสำคัญแค่ไหน”

    “ก็ดี เตรียมตัวให้พร้อม เราจะไปรับมือกับพ่อมดซึ่งอาจจะดีแต่เขาก็เป็นพ่อมดที่มีสายเลือดของแม่มดปีศาจอยู่ด้วย เพราะฉะนั้น อย่าประมาท” คริสกล่าวเสียงดังเพื่อให้ทุกคนได้ยิน “เราจะกลับมาเมื่อได้อะไรมาบ้าง แล้วเราจะเปลี่ยนทีมต่อไป เข้าใจนะ”

    “ใช่ค่ะ แผนเราอาจจะไม่ดีเท่าไหร่นัก เราต้องยืดหยุ่นให้มาก เพราะเราไม่รู้ว่าเราจะไปเจอกับอะไรบ้าง” เซมีเสริม

    “เป็นแค่แม่มดแก่ๆ” จู่ๆดีโอก็เอาบ้าง “ฉันไม่กลัวเลยซักนิด วิ่งตามฉันทันหรือเปล่ายังไม่รู้เลย”

    ชานยอลหันไปยิ้มท้าทายกับดีโอ “ถ้าฉันเขี้ยวยัยแม่มดลงคอคงจะเหนียวติดฟันน่าดู”

    เฉินที่ดูผ่อนคลายลงแล้วเข้ามาแทรกบ้าง “นายคงจะแปรงฟันธรรมดาๆไม่ได้แล้วละชานยอล เดี๋ยวฉันจะซื้อยาล้างห้องน้ำกับแปรงขัดส้วมรอนะ”

    เกิดเสียงหัวเราะและกำลังใจขึ้น

    พวกเขาไม่ยอมหรอก...ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามที่มาทำกับซูโฮและครอบครัวของเขาแบบนั้น พวกเขาไม่ยอมให้เด็ดขาด!

    “เดี๋ยว” แบคคยอนขัดขึ้นมา ทำเอาทุกคนหยุดหัวเราะก่อนจะหันไปมองเขาเป็นตาเดียว “เราจะไปตามหาซิ่วหมินก่อนไม่ใช่หรอ”

    “ซิ่วหมินคือใคร” ชานยอลถาม เมื่อเห็นทุกคนเริ่มมองหน้ากันอย่างงงๆ

    “อ่อ ลืมบอกน่ะ พี่ชายฉันชื่อซิ่วหมิน” แบคคยอนแก้

    “อ่าใช่ๆ” คริสเพิ่งนึกออก “เราต้องออกตามหาพี่ชายแบคคยอนเพื่อมาแก้คำสาปก่อน แต่นั่นละ ยังไงๆเขาก็ขึ้นชื่อว่าพ่อมดนี่”

     

    อะไรจะรอพวกเขาอยู่...และซิ่วหมินจะเป็นพ่อมดที่ดีหรือไม่...

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×