( nu'est ) ` r o s e ✿ baekren
แม้ว่าภายนอกจะงดงามเพียงใด แต่เพราะภายในยังมีหนามแหลมซ่อนอยู่ ได้โปรดอย่ามัวหลงใหลกับกลิ่นหอมของกุหลาบ ได้โปรด หนีไปเถอะ คังดงโฮ... เพราะคนคนนี้ไม่อยากทำร้ายนายด้วยมือของตนเอง..
ผู้เข้าชมรวม
587
ผู้เข้าชมเดือนนี้
3
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
“ผมรักคุณ”
“ได้โปรดคบกับผมเถอะ”
“แน่ใจหรอที่พูดมาน่ะ”
“เดี๋ยวสิ”
“ฉันขอโทษนะ.....”
“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกก”
` ✿ r o s e - - - - - -
ผมเป็นคนถูกสาป
ด้วยเหตุผลบางอย่าง ผมจึงถูกสาปให้อยู่ลำพัง
บางทีมันอาจเป็นคำสาปที่เลวร้ายยิ่งกว่าในเทพนิยายเรื่องใดๆ
เลวร้ายยิ่งกว่าคำสาปของอสูรที่ถูกสาปจนกระทั่งพบหญิงสาวคนนั้น
เลวร้ายยิ่งกว่าคำสาปของเจ้าหญิงที่หลับใหลรอเพียงเจ้าชายคนเดียว
เพราะคำสาปของผมนั้นคงเป็นคำสาปที่ไม่มีวันจางหาย
คำสาปที่สาปให้ผมอยู่เพียงลำพังตลอดไป..
ชื่อของผมคือเร็น.. ผมจำไม่ได้หรอกว่าชื่อเดิมของผมนั้นมีชื่อเต็มว่าอะไร เพราะความทรงจำทั้งหมดผมก็เลือนหายไปทั้งหมดตั้งแต่ตอนนั้น ทั้งๆที่ชื่อเร็นนี่น่าจะมาจากคำว่าดอกบัว แต่ใครๆก็บอกว่าผมเหมือนกับดอกกุหลาบ ดอกไม้อันเป็นเครื่องหมายแห่งความรัก ดอกไม้ที่ดูงดงาม และไม่ว่าเมื่อไรก็มีคุณค่ามากกว่าดอกไม้ทั้งมวล เหมือนกับราชินีแห่งดอกไม้
ผมก็คงเป็นเช่นนั้น ... มีรูปลักษณ์ที่งดงามยิ่งกว่าใคร เพียงแต่ภายในแล้วก็เปราะบาง เป็นเพียงแค่ดอกไม้ดอกหนึ่งเท่านั้น..
“เด็กคนนั้นไงเร็น”
“สวยเหมือนที่เขาว่ากันจริงๆด้วย”
“รู้สึกเหมือนใจข้าเต้นเลยล่ะ”
ผมมองชาวบ้านที่พากันวิพากษ์วิจารณ์ผมด้วยสีหน้าเรียบเฉยเหมือนทุกที แม้ว่าใบหน้าผมจะไม่แสดงสีหน้าใดก็ตามแต่ผู้คนก็พากันพูดถึงราวกับเพิ่งได้เห็นผมเป็นครั้งแรก ผมดึงผ้าคลุมขึ้นมาปิดหน้า ไม่ต้องการจะฟังความเห็นใดๆจากผู้คนที่ผมไม่รู้จักอีก
ไม่อยากรับรู้... คำพูดที่ออกมาจากปากของคนพวกนั้น
มนุษย์.. ช่างเป็นสิ่งมีชีวิตที่บอบบางและน่ารังเกียจ
สายตาคู่หนึ่งกำลังมองผมอย่างไม่วางสายตาเหมือนเช่นเคย ผมไวต่อความรู้สึกพวกนี้ ความรู้สึกที่กำลังถูกจ้องมอง แม้ว่าจะเป็นเรื่องปกติที่ถูกมอง แต่ความรู้สึกที่ถูกจ้องอย่างหลงใหลแบบนั้นมันต่างออกไป หรือบางทีนี่อาจจะเป็นหนึ่งในผลของคำสาปในตอนนั้นด้วยเช่นกันนะ? เรื่องนี้ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน เพียงแต่ว่าผมรู้ว่าตอนนี้ใครบางคนกำลังมองผมอย่างหลงใหลจากทางด้านหลัง
ผมพยายามที่จะไม่ใส่ใจและเดินไปซื้อของ เพราะไม่ชอบที่จะพบปะกับผู้คน ผมจึงเลี่ยงโอกาสที่จะได้เจอกับคนอื่นโดยการหนีขึ้นไปอยู่กลางป่าต้องห้ามนั่นเพียงลำพัง ผมไม่มีครอบครัวที่จะต้องดูแล ไม่มีพ่อ แม่หรือใครที่จะมากังวล ดังนั้นผมจึงใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นอย่างเงียบสงบ เกินกว่าที่ควรจะเป็น นานๆทีจึงจะลงมาซื้อของที่ในเมืองนี่ ไม่ใช่ว่าอยู่ไม่ได้โดยไม่ลงมาหรอก เพียงแค่ผมกลัวว่าจะลืมว่าบนโลกนี้ยังมีคนอื่นๆอยู่เท่านั้นเอง และคนในหมู่บ้านนี้ก็ไม่ได้มีใครที่ความสำคัญกับผมโดยตรง จะพูดให้ถูกคือ ไม่มีใครที่รู้จักผมเป็นการส่วนตัวอยู่แถวนี้นั่นเอง
ผมหันกลับไปมองยังที่มาของความรู้สึกประหลาดๆ เด็กหนุ่มที่ดูจะอายุประมาณสิบเจ็ดสิบแปด ผมของเขาเป็นสีบลอนด์ เท่าที่ดูแล้วไม่น่าจะสูงเกินผมแต่กลับดูแข็งแรงกว่าร่างบางของผมเป็นไหนๆ แต่นั่นก็เป็นแค่รูปลักษณ์ภายนอกที่หลอกตา ไม่ต่างอะไรจากดอกกุหลาบ ที่ไม่ได้งดงามเหมือนที่เห็น
ผมไม่ได้ติดใจอะไรในเด็กหนุ่มคนนั้นเป็นพิเศษ ทุกๆอย่างก็เหมือนกับทุกๆทีที่มีคนจ้องมอง เพียงแต่ในแววตาคู่นั้นที่สะท้อนเห็นแต่ใบหน้าของผมเท่านั่น แววตาที่ดูมุ่งมั่นเสียจนทำให้ผมสามารถเดาได้ว่าต่อไปเด็กหนุ่มคนนี้จะทำอะไร ผมได้แต่ถอนหายใจออกมาเพียงแค่คิดว่าต่อจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น
“ผมชื่อคังดงโฮ” เด็กหนุ่มเดินเข้ามาแนะนำกับผมพร้อมกับรอยยิ้ม. ผมพยักหน้าเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรกลับไป หวังเพียงแค่เด็กคนนี้จะมองไปทางอื่นและหยุดสานสัมพันธ์กับผมเสียที
“ผมไม่เคยเห็นคุณแถวนี้เลย” ผมมองเด็กหนุ่มคนนี้อีกครั้ง.. ไม่แปลกที่จะไม่เคยเห็น แต่ที่น่าแปลกคือไม่เคยได้ยินเรื่องราวของผมบ้างเลยหรอ? หรือว่าไม่รู้กันแน่ว่าผมคือคนคนนั้นที่ผู้คนต่างพากันพูดถึง
“....... ไม่รู้จักฉันงั้นหรอ” ผมพูดออกมาเบาๆ เด็กหนุ่มคนนั้นสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะตกอยู่ในภวังค์ คงเพราะความใกล้ระหว่างเราสองคน กลิ่นของดอกกุหลาบที่โชยออกมานั่นคงจะทำงานเหมือนเช่นเคย ผมถือโอกาสนี้เดินผ่านเด็กคนนั้นออกนอกหมู่บ้านไปก่อนที่จะรู้สึกตัว
มันไม่ดีซักเท่าไหร่หรอกนะ ถ้าหากว่าผมจะต้องทำร้ายคนอีกคน
` ✿ r o s e - - - - - -
ผมไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับตัวเองเมื่อก่อนซักเท่าไหร่ แต่ก็พอจะรู้ว่าเมื่อก่อนนี้ผมก็คงจะไม่ใช่คนดีซักเท่าไหร่ ผมจึงต้องตกมาอยู่ในสภาพนี้... แต่พอถึงตอนนี้ผมก็คงจะทำอะไรไม่ได้ ผมวางตะกร้าลงเพื่อจะเปิดประตูรั้วคฤหาสน์หลังใหญ่ที่เงียบสงบแห่งนี้ ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นของพ่อมดหนุ่มคนหนึ่งที่ยังอยู่ในความทรงจำของผมเสมอ. ผมก้าวเดินเข้าไปในเขตของคฤหาสน์เก่าที่แสนคุ้นเคยแต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าคู่หนึ่งที่เดินตามมา
“คังดงโฮ?”
“ทำไมถึงตามฉันมาถึงที่นี่ล่ะ” ผมถามด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ และยกแก้วชาที่ถูกเพนท์เป็นลายกุหลาบสีแดงสดที่เคยได้รับมาจากหนึ่งในชายหนุ่มจากหมู่บ้านที่ผมเองก็จำไม่ได้ว่าเมื่อไหร่ เดือนที่แล้ว ปีที่แล้ว สิบปีที่แล้ว หรือร้อยปีที่แล้วกันแน่...
“ผม... อยากรู้จักคุณครับ” รอยยิ้มที่ถูกส่งมาให้ และแววตาที่ยังมองเห็นเพียงเขาอยู่ในนั้นเหมือนเช่นเคยทำให้ผมรู้สึกเจ็บปวดอยู่ข้างใน ช่างน่าสงสารเหลือเกิน.. เด็กคนนี้เองก็คงจะโดนมนต์สะกดเหมือนกับคนอื่นๆสินะ..
“....... คนอย่างฉันน่ะ ไม่ต้องรู้จักซะจะดีกับคุณมากกว่านะ .......” ผมพูดเบาๆ ดันแก้วชากุหลาบที่ชงเองเมื่อครู่ให้กับเด็กหนุ่มตรงหน้าพร้อมกับเรดเวลเว็ตเค้กที่ผมทำทิ้งไว้ตั้งแต่เช้า เดินทางมานี่ใช่ใกล้ๆ แถมอุณหภูมิข้างนอกตอนนี้ก็ใช่จะเหมาะกับการเดินซักเท่าไหร่ นี่ย่างเข้าสู่หน้าหนาว และหิมะก็เริ่มตกแล้ว ต่อให้เป็นเด็กหนุ่มที่แข็งแรงแค่ไหนก็คงจะเหนือยและอ่อนแรงเป็นธรรมดา และผมเองก็ใช่ว่าจะเป็นคนใจร้ายขนาดนั้น
ถึงแม้ที่จริงแล้วผมจะไม่มีหัวใจมาตั้งแต่แรกก็เถอะ
“กินซะเถอะ มันดีกับคุณ” ผมพยักหน้าเล็กน้อยก่อนที่ร่างหนานั่นจะหยิบถ้วยใบเล็กของผมขึ้น รอยยิ้มน้อยๆปรากฎขึ้นที่มุมปาก นานแค่ไหนแล้วนะที่ผมไม่ได้พูดคุยกับใคร..
“คุณอยู่ที่นี่คนเดียว?” เด็กหนุ่มถาม และมองไปรอบๆห้องอย่างสงสัย ห้องรับแขกที่ถูกตกแต่งด้วยสีโทนอ่อนราวกับห้องของเจ้าหญิงในเทพนิยายนั่นไม่ใช่สิ่งที่ผมชอบ หากแต่เป็นสิ่งที่ถูกหยิบยื่นมาไม่ต่างอะไรจากรูปลักษณ์ที่ผมไม่เคยต้องการนี่... แต่ผมก็ไม่คิดที่จะเปลี่ยนมันหรอก เตาผิงที่มีประกายไฟสีสดลุกโชนให้ความอบอุ่นได้ไม่แพ้กับห้องไม้โอ๊คในนิทานปรัมปราพวกนั้น
“ใช่....”
“คุณไม่เหงา?” ผมส่ายหน้าเล็กน้อยและยิ้มเจื่อนๆให้ .. เพราะอยู่อย่างนี้จนชินแล้ว และอีกส่วนหนึ่ง ผมยอมทนเหงาดีกว่าจะต้องทำร้ายใครอีก ไม่มีทางเลือกสินะ...
“ชินแล้วน่ะ” ผมแค่นหัวเราะออกมา และหยิบชาขึ้นมาจิบอีกรอบ รสของชากุหลาบที่ผมทั้งเกลียดและรักมันในวันนี้ ทั้งๆที่กลิ่นหอมของมันนั้นแพร่กระจายอยู่ทั่วปากแต่ผมกลับทำใจชอบกลิ่นหอมของมันไม่ลง รสของมันช่างเลี่ยนและน่ารังเกียจสำหรับผม ไม่ต่างอะไรกับบ้านหลังนี้ที่งดงามแต่เพียงภายนอกเท่านั้น..
“.... นี่ก็ดึกแล้ว ถ้าไม่เป็นการรังเกียจอะไรคืนนี้ผมขอค้างที่นี่ก็แล้วกัน” เด็กคนนั้นพูดด้วยรอยยิ้มขี้เล่น และล้มตัวลงนอนกับโซฟาด้วยทีท่าสบายใจ ทิ้งให้เจ้าบ้านอย่างผมมองแล้วถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้ เด็กก็คือเด็ก... คังดงโฮยังเด็กนักหากเทียบกับผม.. แถมยังเป็นเด็กดื้ออีกต่างหาก..
` ✿ r o s e - - - - - -
เพราะที่นี่ไม่ใช่เพียงคฤหาสน์ธรรมดาๆ และผมก็ไม่ใช่คนปกติ เพราะฉะนั้นผมจึงไม่อยากให้เด็กคนนั้นอยู่ที่นี่นานๆ มันจะไม่เป็นการปลอดภัยกับตัวเขาเอง.. แต่กระนั้นผมก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะด้วยรอยยิ้มนั้น ผมจึงใจอ่อน ได้แต่หลอกตัวเองว่าพรุ่งนี้ผมคงสามารถแข็งใจไล่เด็กคนนี้กลับไปยังหมู่บ้านได้อย่างปลอดภัย
ไม่มีใครรู้นอกจากผม ว่าที่นี่อันตรายแค่ไหน
จากวันก็กลายเป็นเดือน และอย่างช้าๆ เดือนแต่ละเดือนก็ค่อยผ่านไป ผมมั่นใจว่าที่หมู่บ้านผู้คนคงตามหาคังดงโฮกันให้ทั่ว แต่ไม่ว่าอย่างไรเด็กคนนี้ก็ไม่ยอมจากผมไปง่ายๆ เขาได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของบ้านหลังใหญ่นี่อย่างช้าๆในความคิดของเขา เพียงแต่ในความจริงนั่นไม่ใช่.. ดอกกุหลาบที่โหดร้ายนั่นก็เหมือนกับผม.. ต้องคำสาป และไม่อาจรับใครเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของมันได้...
ภายในรั้วที่เต็มไปด้วยดอกกุหลาบ ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถผ่านเข้ามายังเขตตัวบ้านได้ถ้าผมไม่เป็นคนพาเข้ามา รวมถึงมนุษยภายนอกก็ไม่สามารถมองเห็นหรือตามหาที่แห่งนี้ได้หากไม่มีผมนำทาง นั่นก็เป็นเรื่องที่ผมรู้ดี.. ดังนั้นจึงไม่มีใครสามารถพบกับเด็กคนนี้ได้หากเขาไม่ออกไปด้วยตนเอง นั่นเป็นเรื่องน่าลำบากใจอย่างยิ่ง
ในที่ที่ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดๆนอกจากต้นกุหลาบและผมอาศัยอยู่อย่างนี้ คังดงโฮจะสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้นานเท่าไหร่กัน...
เด็กคนนั้นอาสาทำงานบ้าน ทำทุกอย่างตั้งแต่ตัดกิ่งกุหลาบ ล้างจาน ทำความสะอาดคฤหาสน์หลังใหญ่นี้ จนไปทั้งงานพื้นฐานอย่างซักผ้า เด็กคนนั้นก็ทำมันด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม คำพูดหวานที่ค่อยๆละลายกำแพงในใจผมอย่างช้าๆนั่นทำให้ผมชักใจอ่อน ซึ่งนั่นทำให้ผมกลัว
หากว่าซักวันผมไม่หยุดเรื่องทุกอย่างลง.. ผมก็รู้ดีว่าคังดงโฮก็คงจบลงเหมือนกับคนอื่นๆ
หายไปอย่างเงียบสงบ และทิ้งให้ผมอยู่กับความเจ็บปวดเพียงลำพัง
“สามเดือน สิบสองวัน” ผมพูดด้วยเสียงเย็นๆเหมือนเช่นเคย ใบหน้าของผมที่ไม่แสดงความรู้สึกใดๆอาจทำให้ใครที่ได้เห็นรู้สึกได้ถึงความเย็นเฉียบ ทว่าในแววตาของเด็กหนุ่มคนนั้นมองเห็นเพียงแค่ผม เด็กคนนั้นที่ตกหลุมรักผมจนไม่รู้สึกกลัวหรือรังเกียจความห่างเหินที่มีเสียมากมาย ทำไมกันนะ เด็กคนนี้ถึงไม่ยอมถอยออกไป ผมมองปฏิทินที่แขวนอยู่บนกำแพง ซักวันเด็กคนนี้ก็ต้องกลับไป.. ผมรู้ดีแก่ใจ แม้ลึกๆแล้วผมอยากจะรั้งให้เด็กคนนี้อยู่ด้วยเพียงใด แต่ผมก็รู้ว่าผมคงสบายใจกว่าหากปล่อยเด็กคนนี้กลับไปบ้านอย่างปลอดภัย ดีกว่าอยู่ที่นี่ที่ผมไม่อาจรู้ได้ว่าเด็กคนนี้จะต้องหายไปในวินาทีใดวินาทีหนึ่งหากผมพลาด
“ป่านนี้คนในหมู่บ้านคงตามหาคุณกันให้วุ่น” ผมพูดและส่ายหัวเล็กน้อย ดงโฮยิ้มกว้างให้ผมพร้อมกับดอกกุหลาบสีชมพูที่ยื่นมาให้ นี่คงเป็นดอกใดดอกหนึ่งจากดอกไม้นับพันในสวนสินะ คงจะแอบตัดมาตอนที่ไปตัดแต่งช่อดอกกุหลาบเป็นแน่ ผมรับดอกไม้มาไว้กับมือโดยระมัดระวังไม่ให้มือผมสัมผัสกับมือของอีกฝ่าย
แม้แต่นิดเดียวก็ไม่ได้... หากพลาดเพียงนิดเดียวทุกอย่างก็จบสิ้น
“ก็อาจจะเป็นอย่างนั้น.. แต่จะเป็นไรไป ผมอยู่นี่กับคุณสบายใจกว่าตั้งเยอะ” ดงโฮพูดพร้อมกับรอยยิ้มที่จริงใจ รอยยิ้มอย่างที่ผมอยากจะมอบให้เขา แต่ที่ทำได้ตอนนี้ก็ทำได้เพียงแค่ฉาบใบหน้าที่เรียบเฉยทับรอยยิ้มที่ซ่อนอยู่ในใจไว้ก็เท่านั้น.. หากผมเป็นคนปกติก็คงดีสินะ..
“สบายใจงั้นหรือ? คุณสบายใจกับการที่อยู่ในบ้านที่มีแค่ดอกกุหลาบแบบนี้น่ะเหรอ?” ผมพูด มองไปรอบๆคฤหาสน์ที่ว่างเปล่าของผม... ผมเกลียดที่นี่ เกลียดมันมากพอๆกับที่ผมเกลียดที่ตัวเองเป็นอยู่ตอนนี้ เกลียดทุกๆอย่างในชีวิตของผม และเกลียดที่ผมไม่อาจไปจากมันได้เลย..
“แค่ได้เห็นคุณผมก็มีความสุขแล้วล่ะ เร็น” ผมมองตาของเด็กหนุ่มคนนั้นที่มีแววตามุ่งมั่น ทำให้ผมนึกย้อนไปถึงคนคนหนึ่งในอดีต คนเพียงคนเดียวในอดีต ที่ผมจดจำ และจะไม่มีวันลืม
` ✿ r o s e - - - - - -
“แค่ได้เห็นเจ้า ข้าก็มีความสุขแล้วล่ะ เร็น” ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งผู้มีใบหน้าสมบูรณ์แบบไม่ต่างอะไรไปจากเขาพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ ใบหน้าที่ไม่ปรากฎรอยยิ้มในวันนั้นมองเขาด้วยสายตาที่ไม่สามารถอ่านออกได้ ดอกกุหลาบสีแดงสดถูกหยิบยื่นมาให้เขา กลีบสีแดงของมันสัมผัสกับผิวใสทำให้เห็นถึงความแตกต่างของผิวที่ขาวดุจหิมะในเหมันต์ฤดูของเด็กหนุ่มกับสีแดงฉานปานโลหิตของกุหลาบแห่งฤดูใบไม้ผลิ
ฮวัง มินฮยอน นักเวทย์ที่หลงใหลในความงดงามของดอกกุหลาบ..
ใช่แล้ว คนคนนั้นคือคนแรกที่เปรียบมินกิเป็นดอกกุหลาบ และยังเป็นเจ้าของคฤหาสน์กุหลาบที่งดงามกลางป่าลึกนั่นอีกด้วย นักเวทย์หนุ่มจากตระกูลเก่าแก่ที่อยู่เพียงลำพังในป่าลึก ไม่คุ้นเคยกับการพบปะผู้คนเสียเท่าใด แม้จะเป็นเจ้าของกุหลาบนับพันดอกแต่กลับไม่รู้จักวิธีดูแลมันอย่างถูกต้อง ยิ่งกับมนุษย์ที่มีจิตใจแล้ว สำหรับมินฮยอนแล้วมันไม่ใช่เรื่องสำคัญซักเท่าใด กับการที่มนุษย์คนหนึ่งจะมีชีวิตอยู่หรือหายไปจากโลก นักเวทย์ที่แสนลึกลับที่คนในหมู่บ้านต่างพากันหลงใหล แต่ก็ไม่ใช่กับเขา... เร็น เด็กหนุ่มที่ครั้งหนึ่งเคยได้ชื่อว่างดงามที่สุด
นักเวทย์หนุ่มที่หลงใหลในรูปลักษณ์ของกุหลาบที่งดงาม และมัวเพลิดเพลินกับความงามนั้นจนลืมระวังหนามแหลมที่ตนเป็นคนติดไว้เอง..
“ข้าอยากกลับบ้าน” เด็กหนุ่มหน้าสวยพูดอย่างแผ่วเบา เขาไม่ชอบใจนักกับปราสาทที่เต็มไปด้วยดอกกุหลาบแห่งนี้ และเขาก็ไม่ชอบรอยยิ้มที่ดูลึกลับนั่น ทุกๆอย่างที่เกี่ยวข้องกับฮวัง มินฮยอนทำให้เด็กหนุ่มธรรมดาๆอย่างเร็นกลัวเสียจนตัวสั่น แต่กระนั้นเด็กหนุ่มผู้งดงามก็ยังคงไว้ซึ่งท่าทีที่งามสง่า ใบหน้าที่ไร้ที่ตินั่นยังคงซ่อนความกลัวไว้ภายใต้ใบหน้าที่เรียบเฉย
“เจ้าเหมาะกับที่นี่มากกว่าในหมู่บ้าน” นักเวทย์หนุ่มพูด และยื่นเค้กกุหลาบให้เด็กหนุ่มหน้าสวยที่รับมันมาอย่างไม่เต็มใจนัก
“แต่ข้าเกลียดที่นี่!!!” เป็นครั้งแรกที่เด็กหนุ่มกล้าขึ้นเสียงใส่อีกฝ่าย ตั้งแต่เกิดมาเขายังไม่เคยโดนใครก้าวก่ายชีวิตเขาเหมือนกับมินฮยอน ไม่ว่าดวงใจของมินฮยอนนั้นจะมีความรักให้เด็กหนุ่มอยู่มากเท่าไหร่แต่คนที่ได้รับความรักนั้นกลับไม่ต้องการมันแม้แต่นิด
“แต่ข้ารักเจ้า! เร็น!!!”
ภาพของความทรงจำเก่าๆยังคงอยู่เหมือนเดิมในจิตใจ
ความรักแต่เพียงฝ่ายเดียวของมินฮยอนที่สุดท้ายได้ทำร้ายชายหนุ่มเองและพันธนาการผมไว้กับปราสาทที่งดงามทว่ากลับเหมือนคุกสำหรับผม แววตาที่มั่นในความรักอย่างที่ผมไม่ได้เห็นมานานปรากฎอยู่ในสายตาของคัง ดงโฮ นั่นทำให้ผมกลัว
ผมกลัวเหลือเกินว่ามินฮยอนจะรู้
คำสาปนั่นคงจะทำให้เด็กที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่อีกคนต้องเจ็บปวด เพราะผมเป็นเหมือนดอกกุหลาบ ที่สวยงามเสียจนทำให้คนที่ถือมันหลงใหลเสียจนไม่ทันระวังหนามแหลมจนกว่าจะโดนหนามแหลมนั้นตำเสียจนต้องเจ็บปวด ดงโฮก็เช่นกัน เพราะตอนนี้เขายังคงหลงใหลกับใบหน้าที่เรียบเฉยของผมเสียจนไม่รู้สึกถึงความเยียบเย็นของผมและคฤหาสน์หลังนี้..
ไม่รู้... ว่ามีอะไรรอเขาอยู่ในอนาคต
“ไปเถอะ ดงโฮ หนีไปจากที่นี่ซะ ที่นี่ไม่ใช่ที่ของนาย” ผมตัดสินใจพูดออกไปอย่างลำบากใจ แม้ว่าใบหน้าของผมก็ยังคงแลดูเย็นชาเหมือนทุกที.. ไม่ได้ ผมจะต้องไม่แสดงความรู้สึกใดๆให้เด็กคนนี้เห็น ผมไม่อยากให้เขาเกิดความรู้สึกผูกพันกับคนที่ต้องคำสาปอย่างผม เด็กหนุ่มคนนี้สดใส มีรอยยิ้มและแววตาที่บริสุทธิ์อย่างที่ผมไม่เคยเห็นมานาน.. เป็นคนที่เข้ามาสร้างความสุขเล็กๆให้เกิดขึ้นในชีวิตของคนที่มีเพียงความว่างเปล่าอย่างผม และทำให้หัวใจที่เคยชินชาด้วยความเงียบเหงามานานกลับเต้นแรงได้อีกครั้ง..
เพราะแบบนั้น ผมจึงไม่อยากต้องทำร้ายเขาด้วยมือของผมเอง
ผมกลัวเกินกว่าที่จะยอมเปิดใจให้เขาเข้ามาในใจของผม
เด็กคนนั้นมองหน้าผม แววตาของเขาที่มีแววตาที่เหนื่อยล้ามองมาที่ผมอย่างตัดพ้อ เป็นครั้งแรกที่ผมไม่ได้เห็นรอยยิ้มบนใบหน้านั้น ดงโฮกัดริมฝีปากบน เด็กคนนี้คงไม่อยากจากผมไปจริงๆ ผมรู้ดี และคงเหนื่อยกับความพยายามที่จะคอยยิ้มและฝืนทำท่าทีสดใสกับคนใจร้ายที่ไม่เคยแสดงออกอะไรให้เขาเห็น
ขอโทษนะ คังดงโฮ..
“ ผมจะอยู่ที่นี่กับคุณ.... “ เด็กหนุ่มพูดด้วยสีหน้าไม่พอใจพร้อมกับก้าวมาหาผมที่ก้าวถอยหลบดงโฮที่เดินเข้ามาหา และถอนหายใจกับความดื้อรั้น หนีไปซะเถอะดงโฮ... ที่นี่มันอันตรายเกินไป
“ออกไปซะ ดงโฮ... นายต้องหนีไป” ผมยื่นคำขาด ก่อนจะเดินออกไปเพื่อรักษาระยะหว่างระหว่างผมกับเขา หลายครั้งที่เด็กหนุ่มเข้ามาใกล้ผมเกินควร เกินกว่าเส้นที่ผมเคยขีดไว้กับคนทั่วไป แต่เพราะเป็นเด็กคนนี้ เด็กคนที่สามารถทำให้หัวใจของผมเต้นเหมือนครั้งที่ผมยังไม่เป็นแบบนี้ได้อีกครั้ง
คัง ดงโฮทำได้ ในสิ่งที่ไม่เคยมีใครทำได้
“ผมไม่ไปไหนทั้งนั้น!!!” ดงโฮพูดและเดินเข้ามาอีก ผมมองเด็กหนุ่มด้วยแววตาที่แข็งกร้าวมากขึ้น หวังจะให้เด็กคนนี้ได้กลัวและหนีไปในที่สุด
เพราะผมต้องคำสาป... การที่ดงโฮอยู่ที่นี่มีแต่จะเจ็บปวดเสียเปล่า
“ไม่ได้!! นายต้องไป” ผมพูดเสียงแข็งและถอยห่างออกจากดงโฮไปอีกก้าว ผมผิดเองตั้งแต่แรกที่ปล่อยให้เด็กคนนี้ตามผมมา.. ผิดที่ปล่อยให้เด็กคนนี้เข้ามาใกล้เกินไปตั้งแต่แรก จนตอนนี้การจะไล่ให้ดงโฮออกไปจากที่เขายืนอยู่นี่ก็ยากเกินไป ลึกๆแล้วผมเองก็ผิดที่เผลอใจอ่อนเพียงแค่ได้เห็นแววตาที่มุ่งมั่นและเต็มไปด้วยความอบอุ่นนั่นแม้รู้ดีว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับดงโฮ
ฉันเข้าใจนายแล้ว ฮวัง มินฮยอน...
ตอนนั้นเองความรักก็คงทำให้เจ้ากลายเป็นแบบนี้
ลุ่มหลงในความรักจนกลายเป็นความเห็นแก่ตัว
เพราะอยากจะเก็บดอกกุหลาบที่สวยงามนั่นไว้เพียงลำพัง
สุดท้ายความรักที่ทั้งหอมหวานและความอบอุ่นนี่จึงย้อนมาทำร้ายทั้งตัวเราเอง และคนที่เรารัก
ตอนนี้ฉันก็ไม่ต่างอะไรกับนายเลย...
ผมหันหลังเดินกลับเข้าไปในตัวบ้าน ทิ้งให้ร่างหนายืนอยู่ลำพัง ผมคิดว่าถ้าเขาเจอเหตุการณ์แบบนี้ก็คงจะล่าถอยและกลับบ้านไปเอง แต่ผมคิดผิด.. ฉับพลัน มือหนาที่แข็งแกร่งของเด็กหนุ่มจับเข้าที่แขนผม เสียง ‘ซ่า’ และความร้อนที่ผิวทำให้ผมเบิกตากว้างและต้องหันกลับไปมองดงโฮที่กระเ.สือกกระสนเข้ามาเพื่อรั้งผมไว้
ไม่... ไม่นะ มันจะจบลงแบบนี้ไม่ได้
ผมรีบสะบัดมือหนานั้นออกจากตัวผมทันที ไอสีขาวที่ลอยขึ้นจากมือคู่นั้นกับร่างกายที่ค่อยละลายราวกับเป็นเพียงน้ำแข็งที่ละลายลงเมื่อโดนไฟ ดงโฮอ้าปากเหมือนพยายามจะพูดอะไรบางอย่างทว่าเลือดสีแดงก่ำไม่ต่างจากสีของกุหลาบทีผมเห็นจนลายตาก็ทะลักออกมาจากปากหนาจนเปื้อนโดยรอบ ร่างของแบคโฮที่กำลังละลายหายไปอย่างช้าๆกับสีหน้าทรมาณนั่นทำให้ผมอยากเข้าไปปลอบประโลม แต่ผมก็รู้ดีว่าหากยิ่งผมเข้าใกล้เด็กคนนี้มากเพียงใดมีแต่จะทำร้ายร่างสูงตรงหน้านี่เสียมากกว่า
“ผ...ผม... รักคุณ”
คำพูดสั้นๆเพียงคำพูดเดียวทำให้น้ำตาของผมไหลลงมาจากตา ผมกลั้นมันไว้ไม่อยู่อีกแล้ว กำแพงน้ำแข็งที่ผมพยายามสร้างไว้ก็พังทลายลงมาอย่างห้ามไม่อยู่ คังดงโฮที่กำลังตายลงอย่างช้าๆโดยที่ผมไม่อาจทำอะไรได้... ผมมองภาพนั้นด้วยตาที่พร่ามัว ดงโฮทรุดลงกับพื้น เนื้อกายของเขาที่กำลังละลายหายไป และสายเลือดที่ปกคลุมกายนั้นทำให้ผมไม่อาจฝืนยืนอยู่ได้..
ยิ่งผมรักดงโฮมากเพียงใด ยิ่งผมแสดงออก จ้องมอง เอื้อนเอ่ยหรือสัมผัสดงโฮมากเพียงใดมีแต่ก็จะทำร้ายดงโฮไปมากกว่านี้ ทำให้เด็กหนุ่มตรงหน้าต้องตายลงไปเร็วกว่านี้ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่อาจหยุดน้ำตาที่ไหลลงมานี้ได้. ความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ในใจมันมีมากเกินกว่าที่ผมเองจะคุมไว้อยู่ เพราะทุกอย่างที่เป็นคังดงโฮทำให้ใจของผมสั่นไหว ยิ่งกว่าใครที่ผมเคยพบเจอมา เพราะอย่างนั้นจนถึงตอนนี้การจะเก็บมันเอาไว้ก็ไม่อาจทำได้อีก
ผมช่างอ่อนแอเหลือเกินที่ปล่อยให้ความรู้สึกของผมต้องฆ่าใครอีกคน
ดวงตาของดงโฮเต็มไปด้วยเลือดที่ไหลออกมาอย่างน่ากลัว จนผมต้องเบือนหน้าหนีจากภาพตรงหน้า แต่น้ำตาเจ้ากรรมก็ยังคงไหลออกมาอย่างไม่หมดสิ้น ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ตอนนี้เขาไม่อาจช่วงดงโฮได้อีกแล้ว เพราะโชคชะตากำหนดมาให้เป็นเช่นนี้ ไม่ว่าใครก็คงไม่อาจช่วยดงโฮได้
“ฮึก...” ผมมองดงโฮที่เหลือเพียงแค่ท่อนบนกระเ.สือกกระสนเข้ามาหาผม แขนทั้งสองข้างที่เคยหยิบยื่นความทรงจำดีๆมากมายหายไปมีแต่เพียงกองเลือดสีแดงก่ำเท่านั้นที่เหลืออยู่ ใบหน้าของดงโฮเปื้อนไปด้วยเลือด ตาทั้งสองที่เคยมองผมอย่างอ่อนโยรนกลวงโบ๋ มีเพียงเลือดสีแดงที่ไหลออกมาอย่างไม่หยุดหย่อน เช่นเดียวกับปากหนาที่เคยพร่ำเอ่ยคำหวาน ก็มีเพียงแต่โลหิตที่ไหลทะลักออกมาจนน่ากลัว บัดนี้คังดงโฮที่เคยหล่อเหลาก็ไม่ต่างอะไรจากซากคน.. ที่ละผลของการรักดอกกุหลาบที่เต็มไปด้วยหนามแหลมอย่างเขา
ดอกกุหลาบที่มีดีแค่เพียงภายนอก และต้องคำสาปให้ทนอยู่กับความทรมาณนี่ชั่วนิรันด์
“ฉ... ฉันรักนายนะ คังดงโฮ”
` ✿ r o s e - - - - - -
“ข้ารักเจ้า เชว มินกิ” ชายหนุ่มร่างสูงเชยคางมนให้หันขึ้นมองเขา เด็กหนุ่มที่มีผมสีน้ำตาลอ่อนปัดมือใหญ่นั้นออกอย่างไม่ใยดี เชวมินกิ เด็กหนุ่มวัยสิบหกปี เป็นเด็กธรรมดาๆที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้าน ทว่ากลับไปเป็นที่ต้องตาต้องใจของพ่อมดหนุ่มนามว่าฮวังมินฮยอน พ่อมดที่หลงใหลในดอกกุหลาบ แต่เปลี่ยนเร็นที่เคยเป็นเหมือนดอกบัวสีขาวที่บริสุทธิ์ให้กลายเป็นดอกกุหลาบที่แสนงดงาม ทว่ากลับมีหนามแหลมทิ่มแทงทุกคนที่ย่างกรายเข้ามาใกล้
มินกิเป็นเด็กที่ไม่ค่อยยิ้ม ไม่ค่อยพูด ไม่ค่อยชอบการแสดงออกเสียเท่าไหร่นัก คิดอะไรก็จะพูดไปตรงๆ เพราะเป็นเช่นนั้น มินฮยอนที่ไม่อาจได้ความรักจากเด็กหนุ่มผู้เย็นชาจึงกลายเป็นความรักที่ปนไปด้วยความแค้น ความขมขื่นที่เก็บไว้ปนไปกับความหลงใหลที่ทวีคูณให้ความรู้สึกของมินฮยอนที่มีต่อมินกิมากยิ่งขึ้น แม้มินฮยอนจะพาเร็นมาที่ปราสาทกุหลาบที่ซ่อนอยู่กลางป่าลึกและกักตัวไม่ให้มินกิไปพบเจอใคร พยายามสร้างความผูกพันข้อผูกมัดกับเด็กหนุ่มมากมายแต่เด็กคนนั้นก็ไม่เคยแสดงอาการใดๆให้เห็นถึงความรู้สึกหวั่นไหวแม้แต่น้อย
เวลาไม่ได้ทำให้เชว มินกิเปิดใจให้เขาแม้แต่นิดเดียว
และวันหนึ่งความรักที่เต็มไปด้วยความหลงใหลนั้นก็แปรเปลี่ยนกลายเป็นความแค้น เมื่อว่าดวงใจของมินกิไม่มีวันที่จะเป็นของเขาแล้ว มินฮยอนก็มิอาจยอมให้ใครได้รับความรักจากเด็กหนุ่มที่เขารักเสียจนหมดใจคนนี้ได้เช่นเดียวกัน
มินกิผลักร่างสูงออกอย่างสุดแรง จนร่างของชายหนุ่มกระเด็นไปชนตู้หนังสือ มินฮยอนมองร่างบางด้วยสายตาที่โกรธเกรี้ยว ฉับพลัน ด้านมืดในจิตใจได้เข้าครอบงำเขาจนทำให้ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีมืดบอด เขาปล่อยให้ความโกรธแค้นเข้ามาและตัดสินใจที่จะทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไปตลอดกาล
‘ งดงามดั่งดอกกุหลาบสวย,อันตรายดุจหนามแหลมคม
หอมหวนเยี่ยงกลิ่นของบุษบา,ทว่ากลับโหดร้ายยิ่งกว่ารัตติกาล
ขอหากความงามของเจ้าเป็นเหมือนดั่งยาพิษ
ลงโทษคนผิดผู้มีใจเย็นชา
ไม่ว่าเจ้าจะทำสิ่งใดขอให้วอดวาย
ไม่ว่าสัมผัสใดๆของเจ้าผู้เป็นดั่งน้ำแข็งมอบความตายให้กับทุกสรรพสิ้ง
ขอให้ผู้ใดที่ได้สัมผัสเจ้าผู้เย่อหยิ่งต้องได้พบกับความพินาศ
หากผู้ใดได้มองเห็นสีหน้าใดๆหรือสิ่งใดที่ข้าไม่ได้
ขอให้ดวงเนตรของมันมืดบอด ลูกตาที่ใช้มองจงแหลกสลายเหลือเพียงความว่างเปล่า
หากผู้ใดได้ลิ้มรสความหวานใดที่ข้ามิได้ลิ้ม
ขอลิ้นผู้นั้นจงใช้การไม่ได้ และถูกตัดหายไปอย่างปริศนา
หากผู้ใดได้ดอมดมกลิ่นหอมของเจ้าอย่างที่ข้ามิเคย
ขอผู้นั้นจงพบกับจุดจบที่น่าสมเพช ขออากาศรอบกายแปรเปลี่ยนเป็นยาพิษ
ที่ทำลายให้กายนั้นแสนปวดจนกว่ามิอาจหายใจ
หากผู้ใดได้ยินคำหวานที่เจ้าเอื้อนเอ่ย หรือได้ล่วงรู้ถึงความลับของเจ้า
ขอผู้นั้นได้รับรู้ถึงคมมีดแหลมของคำพูดที่เจ้าเคยเอ่ยกับค่าด้วยท่าทีเย็นชา
ขอให้เนื้อตัวของมันมีรอยแผลนับร้อยนับพันที่กรีดไว้
หากผู้ใดได้สัมผัสกายเจ้า แม้เพียงปลายผม
ขอให้สัมผัสของเจ้าทำลายสิ่งนั้นให้มอดม้วยมรณา
และขอให้เจ้าได้อยู่เป็นนิรันดร์
มองวังวนแห่งคำสาปนี้ชั่วกัปกัลป์ เหมือนดังที่ใจเจ้านั้น ไม่มีวันเป็นของข้า’
แต่มินฮยอนก็ไม่มีทางรู้เลยว่าอันที่จริงแล้วความรู้สึกในใจของมินกินั้นก็ไม่ได้เย็นชาอย่างที่เขาเห็น แต่จากวันนั้นความบริสุทธิ์ของดอกบัวสีขาวก็ถูกทำให้แปดเปื้อน กลายเป็นดอกกุหลาบที่แม้งดงามแต่ก็เต็มไปด้วยหนามแหลม และสุดท้าย คนคนแรกที่ต้องทุกข์ทรมาณกับคำสาปนั้น ก็คือเขาเอง
เพราะมินฮยอนที่มัวแต่ลุ่มหลงกับภายนอก ไม่เคยรับรู้ถึงความรู้สึกที่อ่อนโยนอยู่ภายใน
และสุดท้ายก็จำต้องหายไป เพราะหนามแหลมร้ายที่ตนเป็นคนติดไวเอง
` ✿ r o s e - - - - - -
“ขอโทษนะ....” ร่างเล็กเอ่ยออกมาเบาๆ มือเล็กโอบกอดดงโฮที่ตอนนี้เหลือเพียงแค่โครงร่างที่ไม่อาจมองว่าเป็นคนไว้แนบกาย เลือดสีเข้มเปรอะเสื้อสีขาวที่เขาสวมใส่อยู่ แต่เร็นไม่นึกรังเกียจแม้แต่น้อย ตอนนี้ เขารู้แค่เพียงแค่ว่า เขารักเด็กหนุ่มคนนี้มากเพียงใด น้ำตาที่ไหลออกมาไม่อาจเรียกให้ดงโฮย้อนกลับมาชีวิตได้อีกแล้วดงโฮที่ตอนนี้มิอาจมองเห็นใบหน้าที่งดงาม หรือจับจ้องร่างของมินกิที่โอบกอดเขาอยู่ได้แต่เพียงรับรู้ถึงความรู้สึกอบอุ่นจากอ้อมกอดนั้น แม้ว่ามันจะแสนทรมาณยิ่งกว่าดาบนับพันทิ่มแทง ทว่าคำพูดจากปากบางที่เขาหลงใหลนั้นกลับทำให้ชายหนุ่มเหยียดยิ้มออกมาด้วยความสุขเพียงครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะสลายหายไปจากโลกนี้ตลอดกาล..
“ฉันรักนายนะ คังดงโฮ....”
[ e n d ]
ผลงานอื่นๆ ของ moestro ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ moestro
ความคิดเห็น