เจ้าชายแมงโบ้ง - เจ้าชายแมงโบ้ง นิยาย เจ้าชายแมงโบ้ง : Dek-D.com - Writer

    เจ้าชายแมงโบ้ง

    เจ้าชายเกจิผู้สง่างามและสูงศักดิ์ได้กลับกลายเป็นแมงโบ้งน่ารังเกรียจ รวมการผจญภัยที่น่าตื่นเต้นได้แล้ว

    ผู้เข้าชมรวม

    506

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    506

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  11 เม.ย. 48 / 15:59 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      ในกระท่อมอันห่างไกลจากตัวเมือง เป็นดินแดนอันแสนสงบเปล่าเปลี่ยว ในเขตป่าเขาลำเนาไพรที่เขียวขจี
      ดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าในเวลาต่อมาไม่นานก็เผยความมืดให้เห็นพร้อมกับดวงดาวที่มีแสงกระพริบระยิบระยับบนฟากฟ้า
      บุรุษผู้มีนัยน์ตาสีน้ำตาล ฟันเหยเกสีเหลืองซี่หนึ่งยืนออกมา และฟ้าผ่าดังเปรี้ยงสะเทือนเลื่อนลั่น
      “จงเปลี่ยนเจ้าหนูตัวกระจิดริดนี้ให้เป็นพ่อมดผู้ยิ่งใหญ่”
      บุรุษผู้นั้นตาเบิกโพล่ง เมื่อเจ้าหนูตัวนั้นกลายเป็นเด็กชายตัวน้อยวัย 9 ปี
      ที่มีมาดเหย่อหยิ่ง  ยโส  เด็กชายผู้นั้นมองบุรุษตอบกลับแล้วเปรยว่า
      “เจ้าเป็นใคร และที่นี้ที่ไหน”
      “ข้าคือโปท่อมและที่นี้คือบ้านของข้า”
      “เจ้าชื่ออะไรรึ”โปท่อมต่อความ
      “ข้าชื่อเจ้าชายเกจิ ข้ามาที่นี่ได้ยังไงรึ” เด็กชายถามด้วยความสงสัย
      “ข้าใช้เวทเรียกเจ้ามาที่นี่”
      “เพื่อเหตุใด”เด็กชายถามต่อ
      “เจ้าต้องช่วยให้ข้าเป็นใหญ่ในพื้นที่นี้ ฮ่า ๆๆๆๆ” โปท่อมว่าความแล้วอ้าปากหัวเราะโชว์ฟันเกที่เหลือง
      “ข้าช่วยเจ้าแล้วข้าจะได้อะไรเป็นการตอบแทนล่ะ” เด็กชายถามด้วยน้ำเสียงวางอำนาจ
      “ถ้าเจ้าไม่ช่วยข้า  ข้าจะใช้เวทมนต์ฆ่าเสด็จพ่อเสด็จแม่ ของเจ้าที่ข้าจับมาทิ้งซะ”
      “บอกมาจะให้ข้าช่วยอะไรเจ้า”
      “ให้เจ้าใช้สมองอันปราดเปลื่องของเจ้าประกอบกับเวทมนต์อันเกร่งกล้าที่เจ้ามีช่วยข้าให้เป็นใหญ่”
      “แล้วข้าจะช่วยเจ้าให้เป็นใหญ่ได้อย่างไรกัน”เด็กชายถามด้วยความงงงวย
      “ให้เจ้าปราบลอร์จเลทีโบว์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งนครดอเวียเตอร์”
      “ข้าจะปราบลอร์จเลทีโบว์ได้อย่างไร  เขามีเวทมนต์อันเกร่งกล้ากว่าข้ามาก และเขายังเป็นญาติข้าอีกด้วย”
      “ถ้าเจ้าไม่ฆ่ามัน พ่อแม่ของเจ้าก็ต้องตาย เจ้าจะเลือกอย่างไหน พ่อ แม่เจ้า ตายหรือลอร์จเลทีโบว์ญาติของเจ้าตาย”
      “ข้าก็ต้องเลือกลอร์จเลทีโบว์ตายสิ” เด็กชายตอบเสียงเคร่ง
                             เช้าวันรุ่งขึ้นเด็กชายก็ออกเดินทางไปนครดอเวียเตอร์พร้อมม้าเซ็กดำซึ่งโปท่อมได้ให้เขาไว้เพื่อให้เขาเดินทางไปถึงที่เร็วขึ้น เด็กชายเดินทางผ่านทะเลทรายอันแห้งแล้งแล้วต่อด้วยป่าไม้เขียวขจี ตลอดจนเทือกเขาเงาอดำ จนไปถึงเมืองดอเวียเตอร์  นครอันสิวิลัย ที่เป็นศูนย์ร่วมความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ จึงทำให้ผู้คนต่างหลั่งไหลกันมาที่นี่ เด็กชายรู้สึกตื่นตาตื่นใจที่ได้พบผู้คนมากหน้าหลายตาประกอบกับรู้สึกทึ่งกับเทคโนโลยีใหม่ๆที่ไม่เคยเห็นมาก่อน เด็กชายเคยมาเมืองนี้เมื่อนานมาแล้วตอนที่เขายังเป็นเด็กชายตัวเล็กๆเล็กกว่านี้   เขาได้มากับเสด็จพ่อเสด็จแม่ที่เขารัก เพื่อที่จะมาเยื่อมลอร์จเลทีโบว์ซึ่งเป็นลุงของเขา ตอนนั้นลุงของเขาจัดงานเลี้ยงวันคล้ายวันเกิดของเจ้าหญิงราเควกับเจ้าหญิงราเชล ซึ่งเป็นฝาแฝดกัน เขาได้ไปร่วมงานด้วย    
                          เด็กชายขี่ม้าเข้าไปในเมืองแล้วตรงไปยังปราสาท ทางเข้าปราสาทต้องผ่านสะพานที่ทำจากแก้วใสและบริเวณเบื้องล่างก็คือเหวลึก มันทำให้ใครหลายคนไปกล้าที่จะผ่านไป แต่สำหรับเขาก็รู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อยที่จะต้องผ่านสะพายที่ทำด้วยแก้ว แต่เขาก็พยายามเตือนตัวเองอยู่เสมอว่าอย่ามองลงไปข้างล่างนั่น  และเมื่อเขาเดินทางผ่านสะพานไปเขาก็เห็นตัวปราสาท ปราสาทหลังใหญ่ที่มีสีดำทะมึน แสงของดวงจันทร์ในยามราตรีสะท้อนให้เห็นป้อมปราการที่มีทหารคุมเข้มอย่างแน่นหนา ต้นไม้เลื่อยขึ้นจรดกับห้องๆหนึ่งที่มืดสนิท บนท้องฟ้าเหนือขึ้นไปมีค้างคาวบินว่อนรอบตัวปราสาทมากมาย ยิ่งทำให้ตัวปราสาทนั้นดูน่าสะพรึงกลัวมากยิ่งขึ้น
      เด็กชายทอดเดินเข้าปราสาทอย่างอาดหาญทุกย่างก้าวสะท้อนให้เห็นความสง่างามราวเชื้อพระวงศ์ผู้มีสายเลือดสีน้ำเงิน
      “สวัสดีครับ ขอโทษที่มารบกวนผมต้องการพบลอร์ดเลธีโบว์”เด็กชายถามอย่างสุภาพแม้น้ำเสียงจะฟังดูมีอำนาจอย่างน่าประหลาด
      “ท่านเป็นใคร” ทหารองครักษ์กล่าวเสียงห้าว
      “ผม เป็นญาติกับลอร์ดเลทีโบว์”เด็กชายกล่าวตามความจริง
                            ภายในปราสาทอันน่าสะพรึงกลัวนั้นตกแต่งด้วยสถาปติยากรรมอันงดงามราวกับพิพิธภัณธ์  ซึ่งบนผนังปราสาทมีโคมไฟระย้าแขว้นไว้อยู่    ข้างๆชุดอัสวินมีเตาผิงไฟขนาดใหญ่มีบุรุษผู้หนึ่งนั้งอยู่ข้างเตาผิงไฟนั้นเพื่ออิงไฟ   แต่เมื่อความอบอุ่นของแสงจากเตาผิงไฟอันอบอุ่นมาต้องผิว
      “เจ้าชายเกจิแห่งนครแกร์ดิเอเลอร์ ต้องการเข้าพบท่านครับ”ทหารองครักษ์ประกาศเสียงดัง
      “ให้เขาเข้าพบได้”บุรุษผู้นั้นพูดเสียงแหบแห้ง
      แล้วเวลาต่อมาเจ้าชายก็เข้ามาอยู่ที่ท้องพระโรง
      “ท่านลุง ผมมีเรื่องมาขอร้องให้ท่านลุงช่วยครับ”เด็กชายพูดต่อ
      ชายแก่ผู้นั้นยืนขึ้นแล้วมองเจ้าชายน้อย
      “เจ้ามาหาข้ามีเรื่องอะไรรึ”ชายแก่ผู้นั้นพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน
        เจ้าชายน้อยกลืนน้ำลายเฮือกแล้วเอ่ยความต่อ.....................ตามแผนที่เขาวางไว้
      แน่ละแผนของเขาได้ผลแต่ก็ต้องสูญเสียอะไรบางอย่างที่มากมาย
      การสูญเสียเมืองของลอร์ดเลธีโบว์ ............
      เพื่อตกไปอยู่ในมือของโปท่อมผู้ชั่วร้าย
      และชาวบ้านที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย......
      เพื่อช่วยชีวิตเสด็จพ่อเสร็จแม่ของเจ้าชายน้อย.........




      บทที่2
             ดินแดนแห่งนครดอเวียเตอร์เคยรุ่งเรือง พื้นที่ชานเมือง ชาวบ้านมีรายได้จากการทำเกษตร เลี้ยงสัตว์และเสียภาษีให้กับแผ่นดินเพียงเล็กน้อย  ส่วนในเมืองมีรายได้มาจากการอุตสาหกรรม การผลิตเทคโนโลยีใหม่ๆ ชาวบ้านต่างอยู่รวมกันอย่างมีความสุข  แต่บัดนี้ได้เปลี่ยนไป หลังจากสามสี่เดือนที่แล้วเมื่อลอร์ดเลทีโบว์ได้จากไปจากสาเหตุใดมิมีใครทราบ จนทำให้เมืองอ่อนแอเนื่องจากขาดผู้นำอันเข้มแข็ง  จึงทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการปกครองเมื่อพ่อมดโปท่อม เข้ามาทำสงครามจนได้ปกครองนครดอเวียเตอร์    หลังจากนั้นชาวบ้านต่างเดือดร้อน เนื่องจากโปท่อมจะสั่งให้พวกทหารมาเก็บภาษีในอัตรามากและนำเงินที่ได้ไปสร้างสุขให้ตัวเอง และยังเก็บภาษีอย่างพร่ำเพรื่อ  
      แต่หลังจากเหตุการณ์นั้นเสด็จพ่อและเสด็จแม่ของเจ้าชายองค์น้อยปลอดภัยและกับไปปกครองเมืองตน
                            ส่วนลอร์ดเลธีโบว์  เจ้าหญิงราเชล เจ้าหญิงราเควและเจ้าชายน้อยหนีไปอยู่นอกเมืองเป็นการชั่วคราวก่อนเพื่อปรึกษากันหาทางช่วยชาวบ้านที่เดือดร้อนและให้ลอร์ดขึ้นปกครองอีกครั้งด้วยวิธีการฆ่าโปท่อม

      ตามแผนที่เขาเคยวางไว้คือ บอกโปท่อมว่าลอร์ดเลธีโบว์ตายแล้วเพื่อช่วยพ่อแม่ของเจ้าชายน้อย
      และหาทางออกใหม่ที่หลัง   ทั้งสองคบคิดหาวิธีมากมายเพื่อถึงตัวโปท่อมให้ได้
      สุดท้ายลงเอยแผน ให้เจ้าชายเข้าไปในปราสาทแล้วหาทางเจรจากับโปท่อมต่างๆนาๆ
      และให้ลอร์ดเลธีโบว์แอบตามไปด้วย แล้วหลังจากนั้นก็จัดการฆ่าโปท่อม
      “เราจะเริ่มทำตามแผนวันพรุ่งนี้” ลอร์ดเลธีโบว์เอ่ยเมื่อเจรจากันจบ
      “แล้วพวกเราล่ะ  จะไม่ให้ทำอะไรเลยหรือ”ราเชลกับราเควถามพร้อมกัน
      แต่ลอร์ดเลธีโบว์กลับพยักหน้ากลับเพื่อยุติการเจรจาและดำเนินแผนตามเดิม
                            ยามอาทิตย์ขึ้นจากท้องฟ้าในตอนเช้า แสงแดดรามเลียเข้ามายังผ้าม่าน
      เพื่อต้อนรับยามเช้าที่กำลังจะมาถึง  เด็กชายยกแขนขึ้นมาบังแสงแดด พร้อมรับวันใหม่ที่จะมาถึงและดำเนินตามแผน
      “เจ้ามาที่นี้มีอะไรรึ อย่าบอกน่ะว่าจะมาทวงความดีความชอบจากข้า และข้าขอเตือนเจ้าก่อนเลยว่าเจ้าจะไม่ได้อะไร ตามข้อตกลงเพียงข้าสัญญากับเจ้าเรื่องจะไม่ฆ่าพ่อแม่เจ้าและข้าก็ปล่อยพวกเขาไปแล้วเจ้ายังจะเอาอะไรจากข้าอีกเรอะ” โปท่อมเปรยเมื่อเจ้าชายน้อยมาถึงแล้ว
                        “แต่เจ้าต้องได้รับกรรม”เสียงห้วนของลอร์ดเลธีโบว์ผู้ ใช้เวทแปลงกายเป็นผึ้งเกาะชายเสื้อของเจ้าชายองค์น้อยเข้ามาปรากฏตัวขึ้นหลังจากโปท่อมพูดจบ  พร้อมกับชูคทาแล้วท่องมนท์  ตาโปท่อมเบิกโพล่งด้วยความประหลาดใจเมื่อเห็นลอร์ดที่ควรจะตายไปแล้วกับมายืนตรงหน้าเขา  แต่แล้วเวทที่ลอร์ดเลธีโมเสกก็ปะทะโดนโปท่อม   โปท่อมกลิ้งลงไปนอนบนพื้น แต่แล้วก็ใช้พลังที่เหลือ อยู่เฮือกสุดท้ายสวนกลับแต่พลาดไปปะทะกับเจ้าชายองค์น้อย      ช่วงเวลาที่แสนวิกิจ
      ล่างของเจ้าชายองค์น้อยก็หายลับไป................................................
      ไม่เหลือแม้ล่องลอย



      เจ้าชายองค์น้อยตื่นขึ้นมายามเช้าของอีกวันด้วยความปวดหล้าอย่างมาก
      ข้าอยู่ที่ไหนเนี่ย
      เจ้าชายเกจิคิดในใจ
      แต่แล้วความประหลาดใจก็วิ่งวูบเข้ามา
      เมื่อเห็นสิ่งของทุกอย่างใหญ่โตมโหราฬเมื่อเทียบกับตัวของเขาแล้ว
      เมื่อยักษ์เหรอ!!
      “ในที่สุดเจ้าโปท่อมผู้ชั่วร้ายก็ตายลง ด้วยฝีมือของลอร์ดเลธีโบว์ แต่ก็สงสารเจ้าชายเกจิน่ะที่โดนลูกหลงอย่างนั้น ”
      เสียงแหลมเล็กที่ฟังดูแล้วคุ้นหูหรือเกิน
      เจ้าชายเปรยในใจ
      แล้วแหงนมองต้นเสียง
      เจ้าหญิงราเชลกับราเคว!!
      “ฉันอยู่นี้ ” เจ้าชายเกจิตะโกนเรียกพวกหล่อน
      “เธอได้ยิงเสียงอะไรไหมราเชล” ราเควถามราเชล
      “ช่ายฉันก็ได้ยินน่ะ”
      “หรือหูแว่ว”
      “ไม่น่ะ  ราเชล ราเคว ฉันเองเจ้าชายเกจิมองลงมาข้างล่างสิ!! ”เจ้าชายเกจิยังไม่หมดความพยายามตะโกนร้องเรียกพวกหลอน
      “ดูนั่นสิน่ารักจังเจ้าหนอนตัวน้อย”
      ในที่สุดพวกหลอนก็เห็นเขาแล้ว เจ้าชายถอนหายใจเฮือกยาวๆอย่างโล่งใจ
      “อย่าแตะมันน่ารังเกรียจออก”
      น่ารังเกียจเหรอ
      เจ้าชายเกจิคิดในใจแล้วก้มลงมองตัว ตัวเอง
      หา!!!!!!!
      แต่แล้วเจ้าชายก็ตะนักถึงความเปลี่ยนแปลง
      เขาเป็นหนอน!!  ช่ายหนอนน่าเกรียดและที่แย่ที่สุดมันมีขนยาว!!
      “ไม่ฉันว่ามันน่ารักออก ดูสิราเชล” ราเคว หยิบหนอน ตัวน้อยขึ้นมา
      “ฉันจะตั้งชื่อให้แกว่า เอ่อ แมงโบ้ง  เป็นไง”
      “เจ้ามาอยู่บ้านข้าได้ไงจ๊ะ เจ้าแมงโบ้งน้อย”
      “ราเชล ราเควมานี้ลูก  พ่อมีอะไรจะบอกเจ้าสองคนแหนะ”
      “อะไรเหรอค่ะ”เจ้าหญิงทั้งสองมองหน้ากันด้วยความสงสัย
      “เราเลิกหาเจ้าชายเกจิเถอะเขาคงตายไปแล้ว แต่พ่อก็เสียใจกับเรื่องนี้น่ะเสียใจจริงๆ”
      ลอร์ดเลธีโบว์เปรยกับลูกสาวด้วยน้ำเสียงที่เศร้าสรด
      “แต่เราจะบอกพ่อกับแม่ของเขายังไงดีล่ะค่ะ  เค้าคงเสียใจแย่เลย”เสียงแผ่วเบาดังมาจากราเชล





                                          บทที่3
      “ฉันว่าปล่อยมันได้แล้วน่ะราเคว”
      “ไม่มีทางหรอก”
      เสียงดังที่ปลุกเจ้าชายเกจิให้ตื่นขึ้นมา
      “ดูมันสิตื่นแล้วเพราะเจ้าปลุกมัน!”เสียงแหลมที่ดูเหมือนเสียงคำรามดังมาจากราเควนั้นเรียกให้เขามองเธอ
      “นี่พวกเธอต้องช่วยฉันน่ะ” เจ้าชายเกจิพูดกับพวกหลอนด้วยเสียงดังคล้ายเสียงตะโกนก้อง
      “เจ้าแมงโบ้งพูดได้ด้วย”เสียงใสของเจ้าหญิงราเชลดังขึ้น
      “ฉันรู้สึกว่ามีเวทอะไรบางอย่างอยู่แถวๆนี้ด้วย แล้วเจ้าล่ะรู้สึกไหม”
      “ช่ายจริงด้วย มันอยู่ใกล้ๆนี่เอง”
      “นั่นเจ้าแมงโบ้ง!!”เสียงสองเสียงเปรยพร้อมกันราวกับนัดแนะ

      “เจ้าถูกสาป แย่จังเลยน่ะเจ้าแมงโบ้ง” น้ำเสียงฟังดูหวานหูดังมาจากราเชล
      “ข้าบอกแล้วว่าข้าคือเจ้าชายเกจิ เรียกเกจิสิ” น้ำเสียงตวัดห้วนคราวนี้ดังมาจากเจ้าชายเกจิ
      “แต่ข้าจะเรียกเจ้าว่าเจ้าชายเกจิก็ต่อเมื่อเจ้าเปลี่ยนร่างแล้วเท่านั่น และในเมื่อตอนนี้เจ้ายังเป็นหนอนข้าก็จะเรียกเจ้าว่าแมงโบ้ง” เจ้าหญิงราเควเอ่ยบ้างด้วยน้ำเสียงยั่วโมโห
      แล้วทั้งสองก็หัวเราะเมื่อเห็นสภาพของเจ้าชายผู้สูงศักดิ์กลายเป็นหนอนผู้ต่ำต้อยที่ยังวางภูมิอยู่
      “เออ พวกเจ้าอยากเรียกอะไรข้าก็เรียกไป” คำพูดต่อมาของเจ้าชายเกจิก็ทำให้เจ้าหญิงทั้งสองพระองค์หยุดหัวเราะ
      “โธ่ พวกเราขอโทษเจ้าแมงโบ้ง ” เจ้าหญิงราเชลเปรยก่อนกลับไปหัวเราะอีก
      “แต่พวกเจ้าต้องช่วยข้าน่ะ”
      “ช่วยอะไรรึ”
      “ร่วมพลังเวทกัน แล้วเสกข้าให้กลับไปอย่างเดิมไง”

      “จันทราและพลังวิเศษทุกสรรพสิ่งจงมารวมกันที่นี้ แล้วเปลี่ยนเจ้าหนอนให้กลับไปเป็นเจ้าชายเกจิคนเดิม” แต่แล้วแสงสว่างรอบๆก็พลันรวมตัวกันแล้วตรงไปที่ร่างหนอนแมงโบ้งนั้น
      ร้อน โอย! เจ็บ!
      คำสบถที่หลุดมาจากเจ้าชายเกจิก็ดังขึ้นหลังจากความเงียบสงบบังเกิดขึ้นมานาน
      “เย่ เหมือนเดิมแล้ว”
      “ช่าย”
      แอ๊ด!!
      “ทำอะไรกันอยู่เด็กๆ” ลอร์ดเลธีโบว์ก้าวเดินเข้ามาในห้อง
      “พ่อดูนี่สิเจ้าชายเกจิ” เจ้าหญิงราเชลเปรยขึ้น
      “ไม่เห็นมีอะไรเลย”ไง
      “ก็นี้ไง……”เจ้าหล่อนชะงังเมื่อหันกลับไปดูเจ้าชายเกจิ
      แล้วตาของเจ้าหญิงก็เบิกกว้าง
      เจ้าหนอนแมงโบ้ง!
      ทำไมเป็นแบบนี้
      ก็เมื่อกี้....
      ความประหลาดใจแล่นเข้าแวบหัวใจเจ้าหญิง

        ลอร์ดเลธีโบว์เปรย “เวทที่พวกเจ้าใช้ถอนคำสาปนั้นถอนได้แค่ครึ่งนึงเท่านั้น”
      “เจ้าจะกลายเป็นมนุษย์ในตอนกลางคืนส่วนกลางวันเป็นหนอน”
      เพราะฉะนั้นเจ้าต้องหายาสมุนไพรถอนพิษ”
      “ข้าช่วยได้อย่างมากก็แค่คำแนะนำเท่านั้น”ลอร์ดเลธีโบว์เอ่ยเสียงเข้ม
      “มันอยู่ที่ไหนล่ะครับ”

      และแล้วเจ้าหญิงราเคว เจ้าหญิงราเชล และเจ้าชายเกจิก็ออกเดินทางไปสิวิลัย
      เมืองวารีสิวิลัย
      นี้เหรอ?
      เจ้าชายเกจิคิดในใจขณะกวาดตามองรอบๆ  มันเป็นทะเลสีเขียวสดใสระยับเมื่อน้ำทะเลนั้นต้องแสงแดดราวของล้ำค่าที่อยู่แสนไกล
      “นี่คิดเรอะว่าที่นี่เป็นเมืองวารีสิวิลัย” เสียงใสดังขึ้นจากเจ้าหญิงราเชลเมื่อเห็นสีหน้าฉงนของเจ้าหนอนแมงโบ้งที่อยู่บนฝ่ามือของเธอ
      “พวกเราเคยไปมาแล้วน่ะ” เจ้าหญิงราเชลรีบแจกแจงเมื่อเห็นสีหน้าประหลาดใจจากเจ้าแมงโบ้ง
      “เราต้องลงไปใต้น้ำ และโน้นทางไป  ” หลอนชี้ไปในทะเลอันกว้างใหญ่ และพึมพำมนต์บางอย่าง
      “ฟลอน่าราเวล” แล้วฟองอากาศขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นรอบๆตัวหล่อน
      “ฟลอน่าราเวล” เจ้าหญิงราเควพูดบ้าง
      ฟองอากาศรอบๆตัวนั้น สามารถป้องกันน้ำได้หายห่วงเลย
      แล้วทั้งสามคนก็พร้อมเดินทางไปยังเมืองวารีสิวิลัย
      “พวกเจ้าเคยมาที่เมืองวารีสิวิลัยกันด้วยรึ”เลียงเปรยจากเจ้าหนอนแมงโบ้งดังขึ้นหวังชวนคุย
      “ช่ายตอนที่เรายังเป็นเด็กเล็ก”เสียงใสจากเจ้าหญิงราเควดังขึ้นแล้วต่อความต่อ
      “มันสนุกมากเลย สวยงาม และแสนจะสงบ”
      “ดูนั้นนางเงือก มันสวยสง่างามแต่....….”เสียงใสจากเจ้าหญิงอีกพระองค์จะต่อความต่อแต่ก็หยุดลงเมื่อนางเงือกนั้นตรงดิ่งมายังทั้งสามคน
      “แต่อะไร?” น้ำเสียงประหลาดใจดังมาจากหนอนแมงโบ้งที่โพล่ขึ้นมาจากกระเป๋าเสื้อ
      “อ้า!  หนีเร็ว มันกำลังหิว” เจ้าหญิงทั้งสองรีบว่ายไปตามสายน้ำโดยมีเจ้าแมงโบ้ง
      ที่ดูจะสบายสุดที่เอาแต่นอนกินแรงอยู่ในกระเป๋าเสื้อของราเชล
      “มันไปรึยัง”เจ้าแมงโบ้งตะโกนถามเมื่อเวลาผ่านไปครึ่งชั่วโมง
      “ยังเลย” เจ้าหญิงกระซิบ
      “มันต้องการอะไรเหรอ” เจ้าแมงโบ้งถามด้วยความสงสัย
      “เพราะต้องการกินเราน่ะสิ เมื่อมันหิวมันจะไม่ปราณีปราสัยเลยเมื่อเห็นมนุษย์มันจะกินอย่างเดียว
      แต่ถ้ามันอิ่มแล้วมันจะเป็นเงือกที่ใจดีผิดกันเลยล่ะ” เจ้าหญิงราเควอธิบายเป็นเสียงกระซิบ
      “แต่มันหิวไม่บ่อยหรอก กระเพาะมันเล็กน่ะ เราซวยเกินไป มันกินอาหารทีปีละหนเอง”
      เจ้าหญิงราเชลเปรยต่อด้วยเสียงที่แผ่วเบา
      “อ้า ข้าเจออาหารอันโอชะสำหรับปีนี้แล้ว” เสียงๆหนึ่งดังขึ้น
      นางเงือก!
      เราตายแน่!!
      “หนีเร็ว!  ว่ายตามมาราเชล”ราเควว่ายน้ำด้วยความเร็วจี๋อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
      “ทางนี้!!” ทั้งสองว่ายกระหืดกระหอบด้วยความเร็วตามสันชาติญาณการเอาตัวรอด
      “เร็วซิ! ว่ายไปถึงช่องแคบนั้นก็จะลอดแล้ว”ราเชลพูดด้วยเสียงแทบตะโกนด้วยความหวาดกลัว
      เมื่อเห็นนางเงือกนั้นว่ายตาวราเควติดๆ  
      “ยื่นแขนมาราเคว” ราเชลบอกราเควเมื่อเธอถึงช่องแคบนั้นแล้วซึ่งราเควก็รีบทำตามทันทีแต่แล้วนางเงือกก็กัดเข้าที่ฟองอากาศของราเคว! ฟองอากาศที่ห่อหุ้มรอบๆราเควก็แตกโพลก !
      กริ๊ด!!!
      ราเควกริ๊ดเสียงดังลั่นแล้วหล่อนก็สำลักน้ำ แล้วไอโคก เคก
      “โนเลซ” เจ้าหนอนแมงโบ้งรีบร่ายเวท
      สำเร็จ! เจ้านางเงือกรีบปล่อยขาของราเควเมื่อปากของมันกำลังบิดเบี้ยว
      อ้า!!!!!!!!!!!!
      มันร้องด้วยความตกใจละคนประหลาดใจ
      ราเชลรีบดึงราเควให้ห่างจากเจ้านางเงือกแสนร้ายกาจนั้น
      “ฟลอน่าราเวล ” ราเชลร่ายเวทไปที่ราเควแล้วฟองอากาศก็ปรากฏกายขึ้นรอบตัวราเคว
      “เป็นอะไรมากไหม” แมงโบ้งถาม
      “บาดแผลนิดหน่อยน่ะ” แล้วราเควก็เอามือตัวเองไปจับที่แผลตรงขาแล้วร่ายเวทแผลเป็นนั้นก็หายไปในพริบตา
      “ทำไมมันถึงไม่ตามมาถึงช่องแคบนี้ล่ะ” เจ้าหนอนแมงโบ้งถามด้วยน้ำเสียงสงสัย
      “นายอยากให้มันตามมาฆ่าพวกเราถึงที่นี้รึไง”ราเควตะคอกใส่เจ้าหนอนแมงโบ้ง
      “ใจเย็นหน่าราเคว เรารอดมาได้ก็เพราะแมงโบ้งน่ะ”ราเชลบอกราเควแล้วหันมาคุยกับแมงโบ้ง
      ที่หล่อนเอาออกมาจากกระเป๋าเสื้อแล้ว
      “ที่มันไม่มาถึงที่นี้ก็เพราะเลยช่องแคบไปแล้วมันจะเป็นป่าน้ำมีพิษ แต่พิษสำหรับพวกมันน่ะไม่ใช่มนุษย์อย่างพวกเรา พิษแบบนั้นไม่มีผลกับพวกเราและป่าน้ำนี้นี่แหละที่เรามาตามหาสมุนไพร”
      “เดี๋ยวเราเข้าไปเก็บสมุนไพรก็กลับได้แล้วล่ะ”
      แล้วทั้งสองก็แยกย้ายไปเก็บสมุนไพรที่ต้องการแล้วมุ่งหน้ากลับปราสาทของลอร์ดเลธีโบว์




      บทที่4
      “เรากลับมาแล้วค่ะ ท่านพ่อ” ราเควตะโกนร้องเรียกแต่คำตอบก็กลับมาเป็นความเงียบไม่มีอะไรเกิดขึ้น
      “ดูนั้นราเชล”   ราเควชี้ไปที่โต๊ะทำงานของท่านพ่อ  
      มันเป็นจดหมาย
      ราเชลคิดในใจแล้วเดินตรงเข้าไปเปิดอ่านจดหมายทันที


        ถึง ราเชลและราเคว
                  
                         พ่อต้องเดินทางไปปราสาทฮอสกิ้นส์ทางตอนใต้อย่างเร่งด่วนเมื่อลูกกลับมาจากเมืองวารีสิวิลัยแล้วลูกก็คงได้สมุนไพรมาแล้ว    ลูก ดูในตำราอีกแผ่นหนึ่งที่พ่อเขียนไว้  ถ้าลูกทำตามทุกอย่างแล้วเจ้าชายก็จะถูกถอนคำสาป

      ปล.พ่ออาจจะกลับมาอีก5วันข้างหน้า
                                                
                                     จาก ลอร์ดเลธีโบว์



      “นี้ใช่ไหม” ราเควถามราเชลเมื่อหล่อนอ่านจบ
      “อาจใช่”เสียงเจ้าชายเกจิดังขึ้น  ทั้งราเชลและราเควก็หันกลับไปมองเจ้าชาย
      ทำไมเป็นร่างเจ้าชายเกจิ?
      ใช่แล้วนี้คือตอนกลางคืน เจ้าหนอนแมงโบ้งเลยเปลื่ยนร่างกลายเป็นเจ้าชายคนเดิม    
      คำสาปที่พวกเราช่วยกันถอนไปแล้วครึ่งหนึ่งเลยทำให้เป็นแบบนี้
      แต่ทั้งสองก็หันกลับไปสนใจแผ่นกระดาษอีกแผ่น
                
         การแก้คำสาป สามัคคีกัน ไว้จงดี
                          แล้วทุกอย่างจะกลับคืนดั่งเดิม
                               แล้วเจ้าจะเห็นคุณค่าของคำว่ามิตรภาพ

      “มันหมายความว่าอะไร”
      “ช่างเหอะน่าพรุ่งนี้ค่อยหาวิธี  ดึกแล้วไปนอนกันก่อนดีกว่า” เจ้าหญิงราเชลเปรยเมื่อก้มมองนาฬิกาข้อมือ
      ดวงจันทร์ในยามค่ำคืนส่องแสงสว่างสะท้อนให้เห็น ดวงดาวในท้องฟ้าที่เป็นประกายระยิบระยับ
      “ขอให้พรุ่งนี้เป็นไปดังคาดหวังเถอะ”เจ้าชายเกจิอธิฐาน

      หยาดน้ำฝนที่ค้างบนใบไม้ใบหญ้าตกลงมากระทบหลังคา แหมะๆ
      เสียงนกประสานเสียงกันในยามเช้าตรู่ ฟังดูนุ่มนวลน่าฟัง เมื่อฝนหยุดตกแล้ว
      ดวงอาทิตย์ก็สาดแสงทำให้เกิดรุ้งกินน้ำสีขึ้น แสงแดดอ่อนในยามเช้าสาดส่องเข้ามาภายในห้องนอนอันโอ่โถง  
      “อรุณสวัสดิ์ นอนกันอยู่อีกเรอะราเชล ราเคว” เสียงทุ้มนุ่มดังมาจากเจ้าชายเกจิ
      “ดูฉันสิกลับมาเป็นมนุษย์ดังเดิมแล้ว” เสียงนั้นยังต่อความต่อ
      “เงียบๆหน่อยหน่าเจ้าแมงโบ้งเรากำลังนอนอยู่ไม่เห็นเรอะ ไปไกลๆเลยไป่”เสียงแหลมจากเจ้าหญิงราเชลดังขึ้น
      โซรก!!
      “อ้า!  หนาว! น่ะ”
      “ช่ายเอาน้ำมาสาดพวกเราทำไม....” แล้วเจ้าหญิงทั้งสององค์ก็ลืมตาขึ้น
      แล้วจ้องเจ้าชายเกจิ
      “ทำไมนายเป็นคนล่ะ!”น้ำเสียงประหลาดใจดังขึ้นจากเจ้าหญิงราเคว
      “ฉันเข้าใจข้อความในจดหมายนั่นแล้วที่  สามัคคีกัน ไว้จงดี
         แล้วทุกอย่างจะกลับไปเป็นดั่งเดิม  แล้วเจ้าจะเห็นคุณค่าของคำว่ามิตรภาพ”
      “ที่ท่านลุงให้เราไปเก็บสมุนไพรที่นครวารีสิวิลัยนั้น จริงๆแล้วต้องการให้เราสามัคคีและเป็นมิตรที่ดีต่อกันแล้วเวทที่เจ้าสองคนและข้ารวมกันก็จะบังเกิดผลอย่างเติมประสิทธิภาพ”
      วันรุ่งขึ้นเจ้าชายเกจิก็ขอบคุณเจ้าหญิงทั้งสองที่ช่วยเขาพร้อมๆกับบอกลาพวกเธอแล้วเขาก็ออกเดินทางไปหาครอบครัวที่แสนอบอุ่นของเขา

      จบบริบูรณ์บาม

                                                                                                                                                                                                                                                                                    แด่นันทนาเพื่อนผู้แสนดีฟันเหยิน ปัจจุบันไม่ใส่แว่น
                                                                                                             ผู้จุดประกายเรื่องราว

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×