สาวพลังวาย กับ นายหน้าหล่อ - สาวพลังวาย กับ นายหน้าหล่อ นิยาย สาวพลังวาย กับ นายหน้าหล่อ : Dek-D.com - Writer

    สาวพลังวาย กับ นายหน้าหล่อ

    หญิงสาวผู้ชอบอ่านนิยายวาย กลับต้องมาเจอกับ นายประธานนักเรียนหนุ่มจอมเฮี๊ยบ แถมยังลากเธอเข้ามาเกี่ยวในเรื่องยุ่งๆอีก

    ผู้เข้าชมรวม

    372

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    372

    ความคิดเห็น


    6

    คนติดตาม


    4
    หมวด :  นิยายวาย
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  4 ธ.ค. 51 / 04:40 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    http://stream.popcornfor2.com/Sakura
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

       " ทาคาชิ ชั้นรักนายมานานแล้ว เป็นของชั้นเถอะ " ร่างสูงกดแขน และ คร่อมร่างบางลงกับที่นอน

       " นายบ้าไปแล้วหรอ พวกเราเป็นผู้ชายนะ อย่าทำอย่างนี้เลย ค่อยๆคุยกันดีกว่า " ร่างบางพยายามขัดขืนอย่างสุดกำลัง แต่ด้วยร่างกาย และ กำลังที่น้อยกว่าจึงไม่อาจทำให้ร่างสูงขยับได้แม้แต่น้อย

       " ถ้านายทำอย่างนี้ ชั้นจะเกลียดนายไปตลอดชีวิต " เมื่อใช้ไม้เเข็งไม่ได้ผล ร่างบางจึงเริ่มหันมาใช้ไม้อ่อน คู่กับ น้ำตาที่ทำให้ร่างสูงจำต้องยอมเลิกลาแต่โดยดี

       " ชั้นขอโทษ ชั้นแค่อยากแสดงให้นายรู้ว่าชั้นรักนายแค่ไหน "

       " เนี่ยหรอที่บอกว่ารักชั้น... "

       " นักเรียนคะอีก 15 นาทีจะหมดเวลาพักกลางวัน นักเรียนคนไหนต้องการยืมหนังสือ ขอให้ทะยอยมากันได้เเล้วนะคะ " เสียงบรรณารักษ์ประกาศข้อความดังขึ้นขัดจังหวะร่างๆหนึ่งที่กำลังจดจ่ออยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ ร่างบางที่มีผมเปียยาวครึ่งหลัง บวกกับหน้าหวานๆ และตาตี่ๆจนออกหมวยถึงกับบ่นออกมาอย่างหัวเสีย

       " โธ่เอ้ย กำลังเข้าด้าย เข้าเข็มเลยเชียว เจ้านี่ก็บีบจังเลยน้ำตาอ่ะ แล้วเมื่อไหร่จะได้เสียกันซะทีเนี่ยไอ้พวกนี้  เฮ้อ.." สาวหมวยหน้าหวานบ่นออกมาโดยที่ไม่ได้รู้ตัวเลยว่า ไอ้คำพูดที่เธอบ่นออกมาเมื่อตะกี้ มันลอยไปเข้าหูร่างสูงที่กำลังเดินไปยืมหนังสือข้างหลังเธอเต็มๆ จนถึงกับหยุดมาดูหน้า และ ชื่อของผู้พูดทันที

       " คอมพิวเตอร์โรงเรียนเค้ามีไว้ให้ค้นหาข้อมูลที่เกี่ยวกับการศึกษา ไม่ใช่ให้เธอมาเปิดหานิยายอ่านอย่างนี้นะ คุณนุชรินทร์ " ทันทีที่ร่างสูงพูดจบ ร่างบางถึงกับรีบใช้วิชาหัตถ์พันเทวดาเลื่อนเมาท์เพื่อกดกากบาทสีขาวในสี่เหลี่ยมสีแดงอย่างรวดเร็ว จนหน้าต่างอินเตอร์เนตที่เมื่อครู่มีอยู่เกือบสิบกว่าหน้าหายไปภายในเวลาไม่ถึงห้าวินาที และเมื่อเธอหันมาเพื่อดูต้นกำเนิดเสียงนั้นจึงพบกับ ชายหนุ่มที่เป็นที่หมายปองของสาวๆทั้งโรงเรียน ด้วยหน้าตาที่หล่อ ตี๋ และ ขาวอย่างดาราเกาหลี พร้อมตำแหน่งประธานนักเรียนที่เป็นที่ไว้ใจของอาจารย์ทุกคน  ซึ่งอาจจะรวมถึงเธอด้วยถ้าคำพูดเมื่อครู่ไม่ได้ออกมาจากปากของหนุ่มตรงหน้า

       " การอ่านนิยายก็เป็นการเพิ่มประสบการณ์ และ เปิดโลกทัศน์ ให้ชีวิตนะคะคุณประธานนักเรียน เผื่อคุณจะไม่ทราบ และขอโทษนะนี่มัน ฟิคชั่น ต่างหากล่ะ " เรื่องอะไรที่เธอจะปล่อยให้ชายหนุ่มแขวะเธอได้คนเดียวเล่า ทันทีที่คิด ปากจึงตอบสนองต่อสิ่งที่สมองเพิ่งจะคิดได้ทันที จากนั้นจึงเดินเชิดด้วยมาดนางพญาหงส์ขาวออกจากห้องสมุดไปทันที ทิ้งชายหนุ่มที่เพิ่งคุยด้วยเมื่อครู่ให้ยืนขำ อยู่กับคำเถียงข้างๆคูๆของเจ้าหล่อน

                                                       ################################

              หลังเหตุการณ์ที่ห้องสมุดผ่านพ้นมาได้ 2 อาทิตย์ สาวน้อยหน้าหมวยนุชรินทร์จึงกลับมาใช้บริการห้องสมุดโรงเรียนได้อย่างปกติ ผิดก็แต่การเพิ่มของสัมผัสที่หกเวลาเธอนั่งอ่านฟิคชั่น นั่นคือการรับรู้สิ่งต่างๆรอบตัวได้ในรัศมี 5 เมตรซึ่งเธอเเน่ใจว่าจะเป็นประโยชน์กับเธออย่างมากมายในอนาคตรวมถึงการที่จะไม่ถูกนายประธานนักเรียนจอมเก๊กนั่นว่าเธอได้อีก

       " คราวนี้ล่ะ แม่จะเซฟกลับไปอ่านบ้านด้วยเลย จะได้ไม่ต้องไปเจอะเจอนายประธานมาดเข้มนั่นอีก " สาวน้อยเริ่มพิมพ์เว็บเจ้าประจำของเธอก่อนที่จะเริ่มแผ่ออร่าที่เพิ่งฝึกสำเร็จออกมาคุมภายในรัศมีอย่างรวดเร็ว

       " ดูเหมือนคุณจะว่างมากเลยนะคุณนุชรินทร์ ถึงได้ชอบมาเพิ่มประสบการณ์ชีวิตโดยอินเตอร์เนตโรงเรียนเป็นประจำเนี่ย " ร่างสูงกล่าวเสียงเรียบตามแบบฉบับเจ้าตัวที่ร่างบางคิดว่า(มัน)คงเป็นมาตั้งแต่เกิด ก่อนที่จะหันหลังกลับมายิ้มเหมือนจะประกวดนางงาม แต่ถ้าสังเกตดีๆจะเห็นว่าใต้ใบหน้ายิ้มแย้มนี้ หัวใจเธอกำลังสูบฉีดโลหิตเพื่อไปเลี้ยงร่างกายด้วยความถี่ 83 ครั้ง/นาที

       " แล้วมีอะไรหรอคะคุณประธานนักเรียนสุดหล่อ  ดูเหมือนนายก็ว่างไม่เบาเหมือนกันนะถึงต้องมายุ่งกับเรื่องของชั้นได้ตลอด " ทันทีที่ร่างบางพูดจบ ทั้งสองเหมือนจะปล่อยลำเเสงจากตาเข้าปะทะกันอย่างไม่ยอมแพ้ จนในที่สุด ชายหนุ่มผู้ที่ดำรงตำแหน่งประธานนักเรียนในขณะนี้จึงตัดสินใจละสายตาลง ก่อนจะเอ่ยประโยคต่อมาที่ทำให้สาวหน้าหมวยถึงกับสาบานว่าจะฆ่าชายหนุ่มให้ได้ ถ้ามีโอกาส

       " ในเมื่อคุณมีเวลามากนัก งั้นผมขอแต่งตั้งคุณให้เป็นคณะกรรมการจัดงานวิชาการ โดยมีผลตั้งแต่วันนี้และเชิญไปรับงานได้ที่ห้องกรรมการนักเรียนหลังเลิกเรียนวันนี้ด้วย " สาวหมวยถึงกับอึ้งสนิท นึกไม่ถึงว่าชายหนุ่มจะมาในรูปนี้ จนผ่านไปซักพักหญิงสาวจึงเพิ่งรู้สึกตัวว่าตัวเองควรคัดค้านให้ถึงที่สุด แต่โอกาสของเธอก็ดูเหมือนจะหมดไปเรียบร้อยแล้ว เนื่องจากคนที่เพิ่งยัดเยียดตำแหน่งคณะกรรมการฯให้เธอสดๆร้อนๆเมื่อครู่หายตัวไปเรียบร้อยเเล้ว เธอจึงทำได้เเค่บ่นไปบ่นมาอย่างหัวเสียคนเดียว

                                                    ###############################

       " นี่เอก ทำไมนายถึงมอบงานนี้ให้ยัยนั่นทำนะ ทั้งที่ปกตินายก็เข้มงวดเวลามอบงานให้คนอื่นแท้ๆ " รองประธานหนุ่มผู้เป็นทั้งเพื่อน และ ผู้ช่วยฯ ถามชายหนุ่มทันทีที่พ้นเขตห้องสมุด แต่คำตอบที่ได้กลับกลายเป็นสิ่งที่เขาเกลียดที่สุดเวลาที่เจ้าเพื่อนสนิทเขาใช้เลื่ยง

       " แล้วนายมีปัญหาอะไรเกี่ยวกับการตัดสินใจของชั้นงั้นหรอ " ร่างสูงถามกลับด้วยสีหน้า และ น้ำเสียงที่สามารถ แช่เเข็งคนได้ทั้งโรงเรียน แต่นั่นย่อมไม่ใช่กับ นายวาโย  ชัยสิริวรชัย ผู้ที่สามารถสร้างภูมิคุ้มกันจากการถูกแช่แข็งสด(สิ่งมีชีวิต)ของชายหนุ่มตรงหน้าได้

       " ก็ไม่มีอะไรหรอก ชั้นก็แค่สงสัยว่าทำไมถึงต้องเป็นเธอเฉยๆ " ชายหนุ่มไม่กล้าถามอะไรมากอีก เพราะถึงเเม้เขาจะมีภูมิต้านทานที่เหนือกว่าคนอื่น เพราะคบกันมาแต่เด็กเนื่องจากพ่อแม่สนิทกัน แต่นับวันการแช่เเข็งของเจ้าเพื่อนของเขาคนนี้ชักจะเก่งขึ้นเรื่อยๆจนเขาเองก็หนาว วูบๆอยู่เหมือนกัน

                                                                 ##############################

            กิ๊ง ก่อง กอง ก่อง

       " ขอเชิญคณะกรรมการนักเรียนทุกท่าน ประชุมพร้อมกันที่ห้องสภานักเรียนในเวลานี้ด้วยค่ะ " สิ้นเสียงประกาศของประชาสัมพันธ์สาว สาวหมวยถึงกับถอนหายใจอย่างปลงตก เพราะถึงเวลาแล้วที่เธอจะต้องเผชิญกับชะตากรรมอันโหดร้ายของเธอที่ชายหนุ่มเป็นผู้โยนมาให้

              หลังจากวนหาห้องคณะกรรมการนักเรียนอยู่เกือบครึ่งชั่วโมง เธอจึงรู้ว่า (ไอ้)ห้องคณะกรรมการนักเรียนที่ประกาศอยู่เมื่อครู่ ก็ คือห้องกิจการนักเรียนที่หญิงสาวเดินผ่านเป็นสิบๆรอบขณะเดินวนหาอยู่นั่นเอง และหลังจากสงบสติอารมณ์ที่กำลังพลุ่งพล่านอยู่หน้าประตูสักพัก เธอจึงผลักประตูเข้าไปเบาๆ แต่เห็นได้ชัดว่าการที่เธอต้องการเปิดเข้าไปเบาๆนั้นไม่ได้ให้ผลที่เธอต้องการสักนิด เพราะประตูเจ้ากรรมฝืดซะจนเกิดเสียงดังตอนเปิด จนทำให้ทั้งห้องต้องหันมามองยังต้นเสียงทันที

       " เธอมาช้านะ นุชรินทร์ หาห้องไม่เจอรึไง " เลขานุการหนุ่มนาม ชัยชาญ สุรเหมะ เอ่ยด้วยน้ำเสียงขำๆกับสาวหมวยตรงหน้า

       " พอดีหลงทางนิดหน่อยน่ะค่ะ " หญิงสาวตอบพลางคิดในใจ ' ใครมันจะไปรู้ยะว่าห้องกรรมการนักเรียน มันก็คือ ห้องกิจการนักเรียนเนี่ยแล้วทำไมไม่ประกาศออกมาตั้งแต่แรกนะจะได้ไม่ต้องเดินขาลากอย่างนี้ ' ดูเหมือนประธานฯหนุ่มจะรู้ความคิดของหญิงสาวที่กำลังบ่นในใจอยู่ตอนนี้จึงอมยิ้มกับท่าทางของหญิงสาวตรงหน้า  แล้วจึงตัดบทให้หญิงสาว และ คณะกรรมการฯ แนะนำตัวกัน

       " สวัสดีค่ะทุกคน ชั้น น.ส.นุชรินทร์ สุรสิทธโกศล เพิ่งรับตำแหน่งเมื่อเที่ยงนี้ ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ " เมื่อถึงประโยคว่าเพิ่งรับตำแหน่งเมื่อเที่ยง เธอจงใจเน้นเสียงและหันไปทางชายหนุ่มที่ทำให้เธอต้องมาอยู่ที่นี่ ซึ่งคงไม่มีใครสังเกตนอกจากเจ้าตัวก่อเรื่องเอง เเต่ถึงกระนั้นเมื่อดูจากสีหน้าชายหนุ่มก็ดูจะไม่มีอาการสะทกสะท้านใดๆเหมือนตัวเองไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเหตุการครั้งนี้ ซึ่งอาการที่เกิดขึ้นนี้ทำให้สาวน้อยที่จงใจเน้นเสียงเมื่อครู่เกิดอาการหางตากระตุกอยากตบคนขึ้นมาทันที ส่วนรองประธานเมื่อสังเกตเหตุการณ์แล้วจึงรู้ทันทีว่าสงครามเย็นกำลังจะบังเกิดขึ้นในห้องนี้จึงรีบลากทุกคนเข้าประเด็นการจัดงานโรงเรียนตามเดิมสงครามที่กำลังจะเกิดจึงได้ยุติลงด้วยความดีความชอบของรองประธานฯหนุ่มไปได้อย่างหวุดหวิด

       " อย่างที่ทุกคนรู้ในงานวิชาการของโรงเรียนเราทุกๆปี จะมีร้านค้าจากนอกโรงเรียนเข้ามาเช่าพื้นที่ภายในโรงเรียนเพื่อตั้งบู๊ทสินค้าต่างๆ แต่ปีนี้ อ.สั่งว่าให้ชมรมต่างๆ และ พวกเรา จัดกิจกรรม เพื่อใช้เเสดงในหอประชุม ปัญหาก็คือเรื่องการจัดแบ่งงบประมาณเพราะเราไม่รู้ว่าจะใช้วิธีอะไรในการแบ่งเกณฑ์การให้งบแต่ละชมรม

       " ….... " เมื่อกล่าวมาถึงตรงนี้ทุกคนจึงต้องร่วมกันคิด แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่วิธีใดๆที่จะสามารถใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด ทำให้สาวหมวยเริ่มจะเกิดอาการหงุดหงิดขึ้นมาอีกรอบเพราะอาการเงียบของบรรดาคณะกรรมการนักเรียนทั้งหลาย จนในที่สุดก่อนที่สติอันน้อยนิดของเธอกำลังจะขาดนั้น ได้มีเจ้าชายขี่ม้าขาวรูปหนึ่งกล่าวขึ้นมา

       " เราจะใช้วิธีการเเบ่งงบไว้ส่วนหนึ่งก่อน แล้วนำที่เหลือมาหารกันแล้วค่อยแจกจ่ายให้ชมรมต่างๆ และถ้าชมรมไหนมีงบประมาณเกินกว่าที่เราแจกให้ค่อยทำเรื่องมาเบิกทีหลัง ตกลงมั้ย " หลังจากที่ได้ฟังความคิดเห็นของประธานนักเรียนหนุ่มที่เธอเคยสบประมาทแล้ว ทำให้เธอเริ่มจะรู้สึกว่าข่าวลือเสียๆหายๆต่างๆที่มีเมื่อตอนชายหนุ่มรับตำแหน่งประธานนักเรียนใหม่ๆคงจะเป็นพวกประธานคนเก่าที่ไม่พอใจชายหนุ่มตรงหน้าเธอเป็นแน่แท้ คิดได้ดังนั้นหญิงสาวจึงคิดอยากจะขอโทษชายหนุ่มที่เธอถือทิฐิด้วยมาตลอดขึ้นมานิดหน่อย

       " ตกลงว่าเราได้งบมา 2 หมื่น รวมกับที่ระดมทุนกับพวกนักเรียน และ ผู้ปกครองอีก รวมแล้วทั้งหมดก็ 45,320 บาท หักเป็นงบสำรอง แล้วแบ่งอกสำหรับ 15 ชุมนุม ทั้งหมดได้เท่าไหร่นะ ไหนใครมีเครื่องคิดเลขบ้างเนี่ย " เหรัญญิกหนุ่มรีบคำนวณหางบประมาณ

       " แบ่งให้ชุมนุมละ 2500 บาท ที่เหลืออีก 7820 บาท เก็บเป็นงบสำรองก็แล้วกันดีมั้ยคะ " คำตอบ เชิงคำถามดังมาจากสาวหมวยทำเอาเหรัญญิกหนุ่มถึงกับต้องหันมามองเธออย่างงงๆก่อนจะกดเครื่องคิดเลขคิดตามอย่างรวดเร็ว

       " โอ้โห เธอนี่สุดยอดเลยนะรินทร์ คิดเร็วจริงๆขนาดไม่ใช้เครื่องคิดเลขนะเนี่ย " เหรัญญิกหนุ่มอึ้งไปสักพัก ก่อนจะชมสาวหมวยตรงหน้า และอีกหลายเสียงในห้องสภานักเรียน

       " พอดีที่บ้านช่วยเดคิดบัญชีที่ร้านบ่อยน่ะค่ะ เเหะๆ " เมื่อเธอพูดจบจึงมีเสียงหัวเราะจากบรรดารุ่นพี่ทั้งหลายที่ฟังเธอพูด และถ้าเธอตาไม่ฝาดเธอคิดว่าเธอเห็นเจ้าคนขี้เก๊กนั่นยิ้มนิดๆถึงจะเเค่เเวบเดียวก็เถอะ ทำให้เธอเผลอยิ้มตามไปโดยไม่รู้ตัว

       " เธอนี่มีอะไรให้ชั้นแปลกใจเสมอเลยนะนุชรินทร์ ในเมื่อวันนี้ก็ตกลงเรื่องต่างๆกันได้แล้ว ยังไงก็เเยกย้ายกันกลับบ้านเถอะ แล้วอย่าลืมมาประชุมเรื่องสถานที่จัดงานพรุ่งนี้เช้าด้วยล่ะ โดยเฉพาะคุณนุชรินทร์กรุณาอย่ามาสายอีก " เมื่อประธานหนุ่ม และ คนอื่นๆเดินออกไปจากห้องเรียบร้อยแล้ว สาวหมวยจึงถอนหายใจออกมาอย่างปลงตก

       ' นี่ พรุ่งนี้ยังต้องมาอีกหรอเนี่ย เฮ้อออ ทำไมมันยุ่งอย่างนี้นะกรรมการนักเรียนรึ คนจัดงานเนี่ย ' เมื่อเห็นว่ามีแต่เธอคนเดียวที่อยู่ในห้อง เธอจึงเริ่มเก็บของแล้วกลับบ้านอย่างรวดเร็วเพราะห้องสภาฯนี้อยู่ในอาคารเก่า ซึ่งเธอเองก็ได้ยินเรื่องราวเชิงไสยศาสตร์เกี่ยวกับอาคารหลังนี้มาไม่น้อยจริงๆ

                                                    ###############################

             การประชุมตอนเช้าผ่านพ้นไป โดยที่มีการลงมติกันให้ตั้งเวที 2 ที่คือ เวทีในร่มจะอยู่ที่โรงยิม เผื่อสภาพอากาศไม่เป็นใจ ส่วนเวทีหลักจะตั้งไว้ที่สนามบอลกลางแจ้งซึ่งตอนแรกตกลงกันไม่ได้ว่าจะเลือกที่ไหนระหว่าง 2 ที่ เธอจึงเผลอหลุดปากออกมาว่าให้สร้างทั้งสองที่เลย แต่ไม่รู้ทำไมนายวาโย ชัยสิริวรชัย รองประธานหนุ่มจอมกวนนั่นมันถึงกับคิดเป็นจริงเป็นจังไปได้ คนอื่นก็ไม่รู้เฮี้ยนอะไรมาเหมือนกันดันเห็นด้วยซะอีก ผลที่ออกมาจึงกลายเป็นมีแต่คนเข้ามาชื่นชมเธอ ทั้งๆที่ไอ้ที่เธอพูดไปน่ะเพราะจะประชดต่างหากการประชุมภาคเช้าจึงจบลงด้วยความดีความชอบของเธอ

       "นี่ๆเป็นไงบ้างยะ ท่านกรรมการนักเรียนคนใหม่ " เพื่อนซี้สาวถามเธอทันทีที่เจอหน้า

       " อืม ก็ดีนะถ้าไม่รวมว่าแกต้องนั่งฟังความคิดของทุกคนที่ไม่เหมือนกันสุดๆเนี่ย " สาวหมวยตั้งใจกล่าวประชดสุดๆ แต่เพื่อนเธอกลับฟังเป็นอีกอย่าง ทำเอาเธอต้องมานั่งปลงกับความคิดของคนรอบข้างเธอที่ชักจะแปลกกันใหญ่แล้ว

       ' เมื่อไหร่พวกนี้จะเข้าใจชั้นซะทีเนี่ย  ' สาวหมวยคิดอย่างปลงๆ

                                                   ###############################

             หลังจากผ่านช่วงเช้าไปอย่างน่าเบื่อที่สุดในความคิดของหญิงสาว เวลาพักเที่ยงที่เธอรอคอยจึงมาถึง หญิงสาวรีบลุกทันทีที่ได้ยินเสียงออดบอกเวลา เพื่อหนีคำถามต่างๆที่เพื่อนเธอต้องระดมยิงใส่เธอเป็นชุดๆ เธอจึงไม่คิดจะเข้าไปกินในโรงอาหารเหมือนทุกวัน  แต่กลับเลือกมานั่งหลบอยู่ที่ประจำของเธอซึ่งไม่ค่อยมีใครรู้จักนักนั่นก็คือในส่วนในสุดของห้องสมุด เพราะมีแต่หนังสือเก่าๆ และยากๆ จึงไม่ค่อยมีคนมานั่งอ่านมากนัก ผิดแต่วันนี้เธอดันเจอกับคนๆหนึ่งที่เธอรู้จักดีนั่งอ่านหนังสือเล่มหนาเกือบ10 เซนติเมตร และเล่มอื่นๆที่มีขนาดใกล้เคียงกับที่เจ้าตัวกำลังอ่านวางอยู่เป็นตั้งบนโต๊ะข้างหน้าเจ้าตัว เธอจึงกะจะเดินเข้าไปทัก แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าตอนเธออ่านหนังสือ เธอไม่ชอบเวลามีคนมาทักเท่าไหร่นัก เธอจึงเดินไปเลือกหนังสือที่อ่านค้างไว้คราวก่อนที่ชั้นมานั่งตรงข้ามกับชายหนุ่มแทน ผ่านไปเกือบ 40 นาที ชายหนุ่มจึงเงยหน้าจากหนังสือที่อ่าน แล้ว พบว่าเก้าอี้ข้างหน้าตนที่เคยว่างตอนนี้กลับมีสาวน้อยหน้าหมวยโผล่มานั่งตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้  คิ้วของชายหนุ่มจึงขมวดนิดหน่อยก่อนจะกลับเป็นแบบปกติที่สาวๆทุกคนลงความเห็นว่า เท่ระเบิด หล่อลากรถพ่วง

       " ไม่ยักรู้ว่าคนอย่างเธอ ก็อ่านหนังสือแบบนี้ได้นะคุณนุชรินทร์ " สาวน้อยหน้าหมวยจึงเงยหน้าจากหนังสือที่อ่านก่อนจะส่งสายตาประมาณว่า ' ถ้าคนอย่างนายอ่านได้ มีรึชั้นจะอ่านไม่ได้ ' ก่อนจะกลับไปสนใจหนังสือในมือตนเองต่อ

       " เสาร์นี้เธอว่างมั้ย " หญิงสาวถึงกับเงยหน้าขึ้นทันทีเพื่อดูว่าเธอไม่ได้หูฝาด ก่อนจะมองหน้าชายหนุ่มแบบงงๆ

       " อย่าเข้าใจผิด ชั้นแค่จะให้เธอช่วยเลือกของขวัญให้น้องสาวชั้นเฉยๆ เธอเป็นผู้หญิงน่าจะรู้เรื่องนี้ดีกว่าผู้ชายอย่างชั้น " ถ้าเธอฟังไม่ผิดเธอคิดว่าน้ำเสียงดูอ่อนลงนิดหน่อยเพื่อพูดถึงน้องสาวตัวเอง

       " อืม เสาร์นี้เหรอ งั้นนายออกค่ารถให้ชั้นด้วยล่ะ แล้วชั้นจะรอหน้าโรงเรีนตอน 9 โมงละกัน " ทันทีที่พูดจบเสียงออดขึ้นคาบบ่ายก็ดังขึ้น เธอจึงเดินไปเก็บหนังสือ ก่อนจะรีบเดินออกจากห้องสมุดเพื่อไปเรียนคาบต่อไป ร่างสูงที่ยังคงนั่งอยู่ที่เก้าอี้จึงถอนหายใจออกมาหลังจากเห็นหลังของเธอลิบๆ ก่อนจะหยิบหนังสือไปคืนชั้น และ ขึ้นเรียนคาบต่อไป

                                                    ##################################

                และแล้ววันเสาร์อันน่าจับตามองก็มาถึง หลังจากหญิงสาวตัดสินใจเลือกชุดอย่างขะมักเขม้น อยู่นานเกือบครึ่งชั่วโมง จึงตัดสินใจสวมเสื้อยืดสีขาว ทับในทับกางเกงยีนขาสี่ส่วน เพื่อความคล่องตัว แล้วจึงไปรอที่จุดนัดพบก่อนเวลา 15 นาที แต่เมื่อเธอไปถึงกลับพบชายหนุ่มยืนรออยู่ก่อน  จากนั้นทั้งคู่จึงไปเลือกดูของตามสถานที่ต่างๆ  จนบ่ายกว่าๆ ทั้งสองจึงรู้ตัวว่าการขาดอาหารกลางวันไปหล่อเลี้ยงกระเพาะอาหารนั้นอาจทำให้ท้องร้องได้ จึงตัดสินใจหาร้านอาหารเพื่อเติมพลังงานกันเป็นการด่วน จนมาเจอกับร้านเล็กๆข้างถนนแต่บรรยากาศดูร่มรื่นจากต้นไม้ที่ปลูกหน้าร้าน และการจัดร้านที่เหมือนอยู่ในสวน ซึ่งหายากเต็มทีในเมืองใหญ่ ทั้งสองจึงตัดสินใจเข้าไปนั่งทานอาหารในร้านดังกล่าวทันที

       " น้องสาวนายนี่ อายุเท่าไหร่แล้วล่ะ " หญิงสาวพยายามชวนชายหนุ่มคุยขณะรออาหาร แต่ดูเหมือนชายหนุ่มตรงหน้าจะเอาแต่ปั้นหน้านิ่งตลอด ทำให้หญิงสาวถึงกับหงุดหงิด ทั้งที่ ตั้งใจว่าวันนี้จะอารมณ์ดีทั้งวันแท้ๆ แต่กลับต้องมาเสียแผนเพราะชายหนุ่มตรงหน้า

       " ตกลงว่านายจะบอกชั้นได้มั้ยว่าน้องนายอายุเท่าไหร่แล้ว ชั้นจะได้ช่วยเลือกถูก " เมื่อชายหนุ่มยังคงทำหน้าเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นความอดทนของหญิงสาวจึงขาดผึงลงทันที ก่อนจะลุกขึ้นและเดินออกจากร้านทันทีทำให้ร่างสูงถึงกับต้องวิ่งตามมาจับข้อมือเธอไว้  แล้วจึงกล่าวขอโทษ ซึ่งเธอเองก็รู้ว่าคำขอโทษของคนตรงหน้าหายากแค่ไหน เธอจึงยอมยกโทษให้ก่อนจะเดินกลับเข้าร้าน ซึ่งเมื่อพวกเธอมาถึงกับข้าวที่สั่งได้มาพอดี ทั้งสองจึงลงมือกินกันต่อโดยไม่ได้พูดอะไรกันอีก

       " 12 " ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ

       " อะไรนะ " หญิงสาวออกอาการงง เมื่ออยู่ดีๆชายหนุ่มก็พูดขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

       " นายจะใบ้หวยหรอ " ทันทีที่เธอนึกออก จึงถามออกมาอย่างกวนๆ ทำให้บรรยากาศเครียดๆเมื่อครู่หายไปจากโต๊ะอาหาร

              เมื่อทั้งสองคนรับประทานอาหารกันเรียบร้อยแล้ว จึงออกไปหาซื้อของตามจุดประสงค์เดิมที่ตั้งใจมา จนในที่สุดจึงได้เป็นตุ๊กตาหมีน้อยสีชมพูนวลตาตัวหนึ่งโดยการเลือกจากหญิงสาว

       " ขอบใจนะ " ร่างสูงกล่าวเสียงเรียบตามสไตล์ของชายหนุ่มก่อนแยกย้ายกันกลับ แต่คราวนี้กลับไม่ทำให้สาวหมวยนึกโกรธ แต่ทำเอาเธอยิ้มไม่หุบตั้งแต่กลับถึงบ้านเลยทีเดียว ข้างชายหนุ่มตัสต้นเหตุก็มีอาการไม่ต่างกันนักผิดแต่รอยยิ้มของชายหนุ่มมีอยู่จางๆไม่ถึงขั้นบานเต็มหน้าเหมือนหญิงสาว ดูเหมือนการไปซื้อของด้วยกันวันนี้จะเริ่มเกิดอะไรบางอย่างขึ้นในใจของทั้งสองคนทีละน้อยอย่างเงียบๆ โดยที่ทั้งคู่ไม่รู้สึกตัวเลยว่าเริ่มมีสายใยเส้นบางๆเกาะเกี่ยวระหว่างทั้งสองเอาไว้

                                                            ############################

              หลายอาทิตย์ผ่านไปจากเหตุการณ์หวานๆคราวที่แล้ว ในสายตาคนรอบข้างดูเหมือนจะเห็นตรงกันว่า ทั้งคู่เริ่มสนิทกันมากขึ้นอย่างชัดเจน โดยจากการเรียกชื่อจริงกันเต็มยศ ก็เปลี่ยนเป็นเรียกชื่อเล่นกันอย่างสนิทใจ และมักจะหายไป(ห้องสมุด)ด้วยกันบ่อยๆ จนเหรัญญิกหนุ่มแห่งห้องกรรมการนักเรียนถึงกับล้อเวลาเห็นทั้งสองกลับมาด้วยกันเสมอ จนในที่สุดงานที่ทุกคนต่างรอคอยจึงมาถึง ร้านค้าแผงลอยมากมาย เข้ามาจับจองพื้นที่สำหรับขายของในโรงเรียนอย่างรวดเร็ว และอาจมีจำนวนมากกว่าทุกๆปีที่เคยจัดมา เพราะเป็นปีที่ครบรอบ 101 ปีของโรงเรียนซึ่งไม่ได้มีแค่นักเรียนในโรงเรียนเท่านั้น แต่ยังอนุญาตให้นักเรียนจากโรงเรียนใกล้เคียงสามารถเข้ามาเดินชมงานได้ตามสบายจากที่ทุกๆปีได้จำกัดเฉพาะเด็กในโรงเรียนเท่านั้น จำนวนผู้เข้าชมในปีนี้จึงมีจำนวนเพิ่มขึ้นถึงเกือบเท่าตัวของปีที่แล้วทีเดียว นั่นหมายถึงงานของพวกคณะกรรมการก็จะเพิ่มมากขึ้นอย่างมหาศาลด้วย เพราะต้องคอยดูแลความสงบภายใน และ นอกบริเวณงาน ให้เรียบร้อยตลอดเวลา ทำให้ทั้งชายชอบเก๊ก และ สาวหน้าหมวย ถึงกับขอลามานั่ง(อู้)ก่อนจะกลับไปทำหน้าที่ต่อทีหลัง

       " ทำไมชั้นไม่เห็นทุกปีคนมาเยอะขนาดนี้เลยเนี่ย " สาวหมวยกล่าวออกเชิงบ่นมากกว่าจะเป็นคำถามแต่ชายหนุ่มตรงหน้าเธอกลับตอบออกมา " ก็ปีนี้เราประชาสัมพันธ์ไว้เยอะ  ทั้งโฆษณา ทั้งประกาศ เพราะครบรอบ 70 ปีของโรงเรียนเราพอดี " ทั้งๆที่เมื่อก่อนต่อให้ง้างปากชายหนุ่มก็ไม่ยอมพูด ผิดกับเมื่อครู่ที่ถึงหญิงสาวไม่ได้ถาม แต่เขาก็ชอบ และ อยากที่จะตอบเธอตลอด จนชายหนุ่มยังนึกแปลกใจกับตัวเองที่เปลี่ยนไปอย่างมากตั้งแต่เริ่มเจอหญิงสาวตรงหน้า

       " เฮ้อ เมื่อไหร่จะได้ไปเที่ยวกับเค้าซะทีน้า ต้องมาติดแหงกอยู่กับงานตลอดเนี่ย " หญิงสาวเอนตัวลงบนพื้นหญ้าข้างหลังเธออย่างหมดแรง

       " ไปเดินดูงานด้วยกันมั้ย " ชายหนุ่มถามขึ้นมาจนหญิงสาวถึงกับหันกลับมาจ้องหน้าว่าฟังอะไรผิดรึเปล่าที่เจ้าคนขี้เก๊กคนนี้ยอมชวนเธอไปเที่ยวที่ฟังยังไงมันก็เหมือนขอเดทซะขนาดนั้น

       " จะได้เลิกบ่นซะที รำคาญ " คำแก้ตัวของชายหนุ่มที่หญิงสาวถึงกับอยากจะบริการนวดหน้าด้วยฝ่าเท้าให้ชายหนุ่มฟรีๆไม่คิดค่าบริการ

       " โถ ทำเป็นมาชวน ไม่มีใครเค้าคบน่ะสิ 555 " ชายหนุ่มจ้องหน้าผู้หญิงตรงหน้าเขาที่ดูยังไงก็ไม่เห็นจะมีความเป็นผู้หญิงเค้าซะทีก่อนจะเดินไปดูงานคนเดียวซึ่งทำให้สาวหน้าหมวยต้องหยุดหัวเราะแล้วรีบเดินตามชายหนุ่มไปแทน

               บริเวณงานเต็มไปด้วยบรรดาข้าวของเครื่องใช้ ของกินต่างๆทั้งพื้นเมือง และ สากล ที่ชายหนุ่ม และ หญิงสาวถึงกับเห็นพ้องกันว่ามีตั้งตั้งแต่สากกะเบือ ยัน เรือรบ ทั้งคู่เพิ่งเดินเลือกของไปได้ไม่กี่ร้าน แต่ จำนวนถุงของกิน และ ของกระจุกกระจิก ในมือหญิงสาวมีจำนวนมากจนเกือบถือไม่ไหว และดูท่าจะยังคงมีจำนวนเพิ่มขึ้นต่อไปถ้าคนชอบเก๊กข้างๆไม่ทักซะก่อน แล้วรวบถุงทั้งหมดในมือหญิงสาวไปถือเองหมด

       " ถือไม่ไหวก็ยังจะซื้อ รั้น " ชายหนุ่มว่าก่อนจะเดินหนี หญิงสาวจึงยิ้มออกมาก่อนจะมองตามหลังชายหนุ่มที่ปากแข็งเป็นเพชร

       ' ตอนแรกๆดูขี้เก๊กขนาดนั้นแท้ๆ ทำไมพักนี้ชอบมาทำเป็นใจดีตลอดเลยนะ ' หญิงสาวคิดก่อนจะเดินตามเบ๊จำเป็นที่เธอเพิ่งได้มาสดๆร้อนๆ

               หลังจากชายหนุ่มจัดการนำของ(ของเจ้าหล่อน)ไปเก็บเรียบร้อยทั้งคู่จึงกลับไปเดินตรวจงานต่อทำเอาคนในห้องสภานักเรียนอดไม่ได้ต้องล้อทั้งคู่ไปตามๆกันผิดแต่ครั้งนี้ทั้งคู่ดูเหมือนจะยิ้มอายๆทั้งที่ปกติถ้าไม่ได้คำด่ากลับมาจากหญิงสาว ก็ต้องโดนแช่แข็งจากสายตาชายหนุ่มประธานนักเรียนตลอด ทำเอาทุกคนถึงกับงงกับปฏิกิริยาที่ได้กลับมาของทั้งคู่

      'ไอ้พวกนี้มันพัฒณาเว้ย'

                                                                                            ****************************************

              หลังจากผ่านงานโรงเรียนอันยาวนาน(ในการเตรียม)มาได้เเล้ว ตอนนี้งานคณะกรรมการอย่างพวกเธอถึงกับสบายขึ้นกว่าเดิมมากทีเดียว ถ้าไม่นับถึงการที่เธอ  กับ นายประธานนั่นจะต้องมาคอยเดินตรวจโรงเรียนในตอนพักกลางวัน และ หลังโรงเรียนเลิกทุกวันเเทนรุ่นพี่ ม.6 ในคณะกรรมการนักเรียนด้วยเหตุผลที่ว่า

      "เหนื่อยต้องรีบกลับไปอ่านหนังสือ จะแอ็ดฯแล้ว" ซึ่งเธอค่อนข้างจะเเน่ใจทีเดียวว่า ' มันโม้ ' เพราะ 3 อาทิตย์ที่แล้วเจ้าพวกรุ่นพี่ของเธอยังฉลองที่ได้โควต้ากันอยู่เลย คิดแล้วก็เเค้นนักเพราะเจ้าพวกนั้นแท้ๆเชียวทำให้เธอต้องมาอยู่ กับ อีตาหล่อนี่ทุกวัน ถึงจะเจ็บใจที่ต้องชมว่าเค้าหล่อก็เถอะ แต่อีตานี่ก็หน้าตาดีจริงๆนั่นแหล่ะ เฮ้อ...แพ้คนหล่อจริงๆเล้ยเรา

              วันนี้ตาประธานนั่นบอกให้เธอกลับไปก่อน ไม่ต้องเดินตรวจ เพราะเดี๋ยวจะตรวจเอง ทำเอาสาวหมวยถึงกับประหลาดใจทีเดียว

      'แปลก..รึว่าอีตานี่จะไข้ขึ้น มีอย่างที่ไหนอยากเดินตรวจโรงเรียน แต่ก็ดีแฮะวันนี้จะได้ไม่ต้องอยู่กะตานั่นอีก ไหนๆก็เลิกเร็วแล้วชวนยัยส้มไปดูหนังดีกว่า ' ถึงแม้เธอจะคิดเช่นนั้น แต่เอาเข้าจริงๆเธอกลับรู้สึกโหวงๆเหมือนขาดอะไรไปอย่าง แต่ก็รีบลบความรู้สึกนั้นออกทันทีที่เธอรู้สึกตัวก่อนจะชวนยัยส้มเพื่อนสนิทไปดูหนังด้วย

      "ส้ม วันนี้ไปดูหนังกันเหอะ "

      "วันนี้ไม่ว่างอ่ะ ติดเรียนพิเศษ แล้ววันนี้เเกไม่ต้องเดินตรวจหรอถึงมาชวนชั้นได้เนี่ย" เพื่อนสาวถามอย่างประหลาดใจ

      "ก็ไม่รู้ อยู่ดีๆตาประธานนั่นก็บอกวันนี้ชั้นไม่ต้องเดินตรวจ นี่ก็ยังงงๆอยู่เลย"ว่าแล้วเธอก็คิดว่าเดี๋ยวจะต้องขึ้นไปดูสาเหตุที่ทำให้เธอว่างซะหน่อย

      "อือ งั้นเดี๋ยวชั้นไปเรียนก่อนนะเว้ย บายจ้า"เมื่อเพื่อนสาวเดินจากไป สาวหมวยจึงเดินไปหาชายหนุ่มต้นเรื่องบ้างว่าเพราะอะไรกันถึงให้เธอกลับไปก่อน ทันทีที่เธอเดินมาถึงห้องเรียนของประธานฯหนุ่มหน้าหล่อ ทุกคนในห้องถึงกับกลับบ้านกันหมดเเล้ว

      'สงสัยคลาดกันมั้ง'แต่ในขณะที่เธอกำลังจะเดินกลับนั้น เงาตะคุ่มๆตรงด้านหลังห้องนั้นกลับเป็นตัวเรียกความสนใจจากเธอได้เป็นอย่างดี ขณะที่สาวหมวยค่อยๆเดินมาทางหลังห้องเมื่อมองหาเงาเมื่อครู่เธอถึงกับตะลึงไปกับภาพที่เห็นด้านหน้า

      "ไม่จริง"เสียงที่เปล่งออกมาของเธอทำให้ชายหนุ่มเจ้าของเงาเบื้องหน้ารู้สึกตัวถึงถึงการมีตัวตนของเธอทันที ก่อนจะผละออกจากกัน

      "รินทร์ นี่มันไม่ใช่..."สาวหมวยถึงกับวิ่งหนีไปจากเหตุการณ์ตรงหน้าทันที เวลานี้เธอไม่อยากรับรู้อะไรทั้งสิ้นเธอรู้เพียงเเต่ว่าไม่อยากฟัง ไม่อยากฟังคำอธิบาย ไม่อยากฟังคำแก้ตัว และสุดท้ายไม่อยากฟังคำขอโทษ

             หลังจากเหตุการณ์นั้นนุชรินทร์เองคล้ายไม่รู้สึกตัวเลยว่าเธอกลับบ้านมาได้ยังไง เธอจำได้เเค่ว่าในหัวมันโล่งไปหมด นอกจากภาพผู้ชาย 2 คนกำลังยืนกอดกันตรงท้ายห้องในวันนั้นบรรยากาศแบบนั้น ทำไมเธอจะไม่รู้ในเมื่อเธอเองก็อ่านเรื่องแบบนี้มาเยอะ แต่ที่เธอไม่ไม่เข้าใจก็คือ

      'ถ้านายชอบผู้ชาย แล้วทำไมนะ ทำไมต้องมาทำใจดีกับชั้นด้วย '

              ตั้งแต่วันนั้นมา 1 อาทิตย์เธอนั้นก็คอยหลบหน้าชายหนุ่มตลอด เวรเดินตรวจโรงเรียนก็ขอแลกกับรุ่นน้องในสภาฯ เวลาประชุมก็เอาแต่ก้มหน้า ประชุมเสร็จก็รีบออกจากห้อง หากไม่มีธุระก็จะไม่โผล่ไปที่ห้องกรรมการนักเรียน ทุกคนในสภาฯเองก็ไม่กล้าถามเพราะเธอเองก็ชิ่งหนีเร็วทุกครั้ง ส่วนฝ่ายชายหนุ่มทุกคนก็เห็นพ้องกันว่า

      'ใครมันจะกล้าเป็นหน่อยเดนตายไปถาม(วะ) อุณหภูมิรอบๆอย่างกับเตาไปแช่เย็นแบบดาวพุธเลย' ดังนั้นทุกๆคนจึงได้เเต่มองอยู่ห่าง(ไม่กล้าถาม)

              วันนี้ขณะที่สาวหมวยกำลังยืนรอเพื่อนสนิทที่นัดเธอไปดูหนัง แต่เมื่อเลยเวลาไปกว่าครึ่งชั่วโมงแล้วกลับไม่พบแม้เเต่เงาของยัยเพื่อนตัวดีแม้แต่น้อย อีกทั้งฝนเองก็ดูท่าว่ากำลังจะตก ทำให้เธอเริ่มรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทีละน้อย จนในที่สุด

      'หนอยยย  ยัยส้มพรุ่งนี้เจอเมื่อไหร่จะเฉาะให้เละเลย'เธอคิดพลางเดินกลับบ้าน เม็ดฝนค่อยๆตกปรอยลงมาอย่างช้าๆ เเต่ทันทีที่เธอหันไปอีกด้าน คนตรงหน้าเธอถึงกับเป็นชายหนุ่มที่เธอไม่อยากเจอตัวมากที่สุดในตอนนี้ไปซะได้

      "ชั้นอยากอธิบาย เรื่องวันนั้นมันไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคิด"ชายหนุ่มกล่าวเสียงเรียบแต่ยังคงมีเเววร้อนรนในน้ำเสียง หากแต่หญิงสาวกลับเดินหนีไปอีกทางทันที จนชายหนุ่มต้องรั้งมือเธอไว้ ในขณะที่คนอื่นรีบวิ่งหาที่หลบฝนซึ่งกำลังตกอย่างแรงขึ้นเรื่อยๆกันหมด

      "ก็ว่ามาสิ จะได้ปล่อยชั้นซะที" เธอยังคงกล่าวเสียงเรียบบ้างหากแต่ในใจกลับพลุ่งพล่าน 'นิ่งไว้สิยัยรินทร์ แกตัดใจได้เเล้ว แกจะสนใจทำไมว่าเค้าจะพูดอะไร ยังไงแกก็ไม่สนใจไม่ใช่รึไง'

      "วันนั้นเค้ามาสารภาพรักชั้น แต่ชั้นปฏิเสธไป สุดท้ายเค้าเลยขอเเค่กอดชั้น แล้วเหตุการณ์มันก็เป็นอย่างที่เธอเห็น"เมื่อชายหนุ่มกล่าวจบจึงปล่อยมือที่รั้งสาวหมวยไว้ทันที ซึ่งเธอเองก็เดินหนีไปทันที ชายหนุ่มเห็นดังนั้นจึงเดินตามเธอบ้าง

      "ชั้นก็อธิบายไปแล้ว ทำไมเธอไม่เชื่อกันบ้างล่ะ"น้ำเสียงคราวนี้เริ่มเเสดงอารมณ์โกรธอย่างชัดเจน

      "แล้วนายจะให้ชั้นเชื่อได้ยังไง นายมีเหตุผลอะไรที่ชั้นจะต้องเชื่อว่านายจะไม่ใช่เกย์เล่า"หญิงสาวเองก็เริ่มจะกลายเป็นขึ้นเสียงบ้าง

      "ก็เพราะว่าชั้นชอบเธอไง ชอบ ชอบซะจนชั้นชักจะไม่ใช่ชั้นคนเดิมก่อนที่จะพบเธอเเล้ว ตั้งแต่เธอเข้ามาชั้นก็รู้ตัวว่าชั้นค่อยๆเปลี่ยนไปทีละน้อย แล้วชั้นจะเป็นเกย์ได้ยังไงในเมื่อตอนนี้ชั้นชอบเธอซะจนชอบใครไม่ได้เเล้วน่ะ"ชายหนุ่มขึ้นเสียงเสร็จก็ชักจะหน้าเเดง

      "แต่วันนั้นนายบอกให้ชั้นกลับไปก่อนนี่ ถ้าไม่ใช่นายวางเเผนจะพบเค้าเเล้วมันจะมีเหตุผลอะไรกัน"ถึงตอนนี้สาวหมวยเองก็เริ่มหน้าเเดงบ้างแล้ว

      "ก็เพราะว่าวันนั้นเค้านัดชั้นไปซื้อของขวัญให้แกไง ยัยเซ่อเอ้ยย"คนตอบเเทนชายหนุ่มถึงกับเป็นยัยส้มเพื่อนสนิทที่เธอรออยู่ครึ่งชั่วโมงกว่าซะได้

      "ยัยส้มแกมาได้ไงเนี่ย"หญิงสาวถามอย่างประหลาดใจ

      "พวกเราหลบอยู่ตั้งนานแล้ว เค้าเองก็ไม่กล้าออกมาจนแกจะกลับนั่นแหละถึงยอมโผล่ออกมา ชั้นนัดเอกเค้าออกมาเอง จะได้ปรับๆความเข้าใจกันซะที เฮ้อชั้นไปก่อนดีกว่าว่ะ ลาก่อนนะคะเอก"กล่าวจบเพื่อนเธอก็เดินจากไปทันที ทิ้งไว้แต่ชายหนุ่มและหญิงสาวที่ยังคงยืนตากฝนเย็นเฉียบกันอยู่ แต่ใบหน้าของทั้งคู่กลับมีเลือดมาสูบฉีดกันอย่างไม่แพ้กันทีเดียว

      "แล้วทำไมไม่บอกแต่เเรกเล่า"หญิงสาวกล่าวพลางก้มหน้าซะจนชายหนุ่มอดคิดไม่ได้ว่า น่ารัก

      "ก็จะบอกตั้งนานเเล้ว เคยยอมฟังที่ไหนล่ะ ดื้อ"ขณะที่กำลังเงยหน้าขึ้นมาด่าชายหนุ่มกลับบ้าง ตรงหน้าเธอตอนนี้กลับเป็นกล่องของขวัญสีเเดงใบเท่ากำปั้นข้างนอกผูกด้วยโบสีทอง ภาพที่เห็นตอนนี้ทำเอาเธอพูดไม่ออกทีเดียว

      "วันนี้วันเกิดไม่ใช่หรอ แฮปปี้เบิร์ดเดย์นะ"ชายหนุ่มบอกก่อนจะก้มหน้าที่เเดงไม่แพ้กล่องของขวัญทีเดียว จนหญิงสาวต้องยิ้มกับความหลุดของชายหนุ่มที่นานๆจะมีให้เห็นบ้าง ก่อนจะเเกะห่อของขวัญในมือที่ตอนนี้กระดาษห่อเริ่มจะเปื่อยด้วยน้ำฝนที่เทลงมาไม่ขาด ภายในกล่องถึงกับเป็นนาฬิกาข้อมือที่เธอจำได้ว่าเคยบ่นกับชายหนุ่มตรงหน้าว่าอยากได้เเค่ครั้งเดียวในงานโรงเรียนที่ผ่านมา ทำเอาสาวหมวยถึงกับอึ้งเพราะไม่คิดว่าชายหนุ่มจะจำได้จริงๆ

      "ขะ ขอบใจนะ"เธอกล่าวเสียงสั่นๆก่อนยิ้มให้ชายหนุ่ม

      "อะ อืม"ชายหนุ่มเองก็มีท่าทีเหมือนกับหญิงสาวเช่นกัน

      "ฮะ ฮะ ฮัดเช้ย"ทั้งคู่จามออกมาพร้อมกัน ก่อนจะหันมามองหน้ากันอีกทีเเล้วยิ้ม

              ตอนนี้เธอไม่สนใจเเล้วว่าเค้าจะชอบเพศไหนกันแน่ เธอรู้เเค่ว่าตอนนี้ชายหนุ่มตรงหน้าชอบเธอ เเละเธอเองก็ชอบเค้า มันจะสำคัญอะไรในเมื่อพวกเธอใจตรงกัน อนาคตเป็นสิ่งไม่เเน่นอน ยังไงซะเขาเเละเธออาจจะคบกันไปได้นาน หรือ อาจจะเเค่เเป๊บเดียวก็ได้ คิดเเล้วเธอก็ยิ้มให้กับตัวเอง ก่อนจะจูงมือชายหนุ่มวิ่งหาที่หลบฝนอย่างคนอื่นบ้าง

                                                                                              ************************************************************

          ยังไงก็ขอเมนต์กันบ้างนะ เราเพิ่งเเต่งเเนวนี้เป็นเรื่องเเรก

          คิดเห็นยังไงก็บอกกันมั่งล่ะ

          .....................Windy................

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×