เจ๊มันสวย...เลยได้ซวยไปสวรรค์ Andaman Love Story
ประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญ ตำนานรักสะท้านโลก เพราะความสวยแต่ซื่อของเธอแท้ๆ 'คิม ฮีชอล' เรื่องวุ่นๆมันถึงเกิดขึ้น ... อะไรนะ!! นี่เดือดร้อนถึงสวรรค์เชียวหรอ??
ผู้เข้าชมรวม
1,025
ผู้เข้าชมเดือนนี้
4
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
Puket -
...ดูเหมือนจะมีคู่รักอีกหลายคู่เดินกินลมชมวิวริมชายหาดที่ธรรมชาติรังสรรค์มาเพื่อเจริญหูเจริญตาของมนุษย์โลกโดยแท้นี้ น้ำทะเลสีเขียวมรกตสะท้อนกับแสงของดวงอาทิตย์ยามบ่ายมันช่างดูสวยงามเกินบรรยาย ...สมแล้ว กับสมญานาม “ไข่มุกอันดามัน”
“ทะเลเมืองไทยนี่สวยมากเลยเนอะ” ฮันกยองเอ่ยเสียงเบาถามคนข้างๆแทรกเสียงของเสียงคลื่นทะเลที่ซัดสาดเป็นระยะ ในขณะที่กำลังเดินเคียงคู่กับแฟนหนุ่มหน้าสวยอยู่ริมหาดไปพลางๆอย่างสบายใจ
“อืม...” คิม ฮีชอล ตอบในลำคอ เธอยังเกยคางมองออกไปสู่ท้องฟ้าที่สดใส และท้องทะเลที่กว้างออกไปสุดลูกหูลูกตา
มันสวยจนเธอหลงใหล
“ชอบใช่มั้ยล่ะ ...ฮันบอกแล้วว่าจ้าหญิงของฮันต้องชอบแน่ๆ”
“มันสวยมากจริงๆนะ...” ฮีชอลหันมามองหน้าแฟนหนุ่มก่อนจะยิ้มตอบด้วยสายตาลุกวาว “เอาไว้ถ้าเกิดครั้งหน้า เรามีโอกาสมาพักผ่อนอีกละก็ ...มาที่นี่อีกนะ” เสียงใสจับแขนคนตัวสูงใหญ่กว่ามาเขย่าเป็นเชิงเว้าวอน
“อ่าดิ ได้เสมอครับเจ้าหญิง”
“อืม ...จะว่าไปก็คิดถึงตอนที่เราไปทะเลที่มาเลเซียเหมือนกันเนอะ ถึงมันจะไม่สวยเท่าที่นี่ แต่ที่นั่นก็เป็นสถานที่ที่ให้ความทรงจำดีดีกับเรา”
“หืม? ความทรงจำดีดีที่ว่าน่ะคืออะไรเหรอ...” ฮันกยองถามด้วยสีหน้าครุ่นคิด เขาจำได้แค่ว่าตอนนั้นฮีชอลเหยียบเปลือกหอยเลือดไหลซิบๆ
“นี่ฮัน!!! จำไม่ได้จริงๆเหรอ” ฮีชอลตวาดสายตาจิกกัดคนรักของตน อารมณ์หลงใหลธรรมชาติถูกแทนที่ด้วยอารมณ์คุ่นเคืองคนรัก ...ตลอดเวลาที่เธอพร่ำลำรึกถึงเรื่องราวในวันนั้น แต่อีกคนกลับไม่เคยจดจำเลยงั้นเหรอ
“อ่ะ เอ่อ....”
“คนชั่วช้า...”
“...เอางี้ดีไหม เจ้าหญิง บอกใบ้หน่อย ...นิดนึงก็ยังดี”
“ไปตายเลยไป ไอ้คนความจำสั้น!!” ฮีชอลขึ้นเสียงสูง
“ไม่เอาน่า อย่าโกรธนะคนดี กำลังนึกอยู่นี่ไง”
“งั้นก็นึกต่อไป เราจะกลับห้อง ไม่ต้องตามมาเลยนะ ไปเปิดห้องใหม่เลยไป” ฮีชอลออกปากไล่ครั้งที่สอง เธอค่อนข้างเอือมระอากับพฤติกรรมความจำเสื่อมของแฟนหนุ่ม แม้จะพยายามทำตัวให้เคยชิน แต่มันก็อดทนไม่ไหวในเมื่อเรื่องนี้...มันชักจะหมดความอดทน
“อ๊ะๆ นึกออกแล้ว” เสียงของฮันกยองทำให้คนที่กำลังจะเดินจากไปหยุดชะงักอยู่กับที่ ...จำได้จริงๆเหรอ
“...” ฮีชอลหันกลับมองมาฮันกยองด้วยสายตาคาดคั้น เธอกอดอกมั่นๆพยักเพยิดหน้าเป็นเชิงถามในสิ่งที่ฮันกยองบอกว่าจำได้ ...
“เอ่อ ตอนไปทะเลที่มาเลเซียคือว่า ....เอ่อ.....คือ” ฮันกยองเหงื่อตกแหมะชุ่มไปทั่วตัว ...ให้ตายซิน่า เรื่องอะไรหว่า คิดสิคิด อ๊ากกกกกกกตรูคิดไม่ออกเลย
“ไอ้คนเฮงซวย คนตอแหล ...นี่ฮันไม่เคยใส่ใจในคำพูดของตัวเองเลยใช่ม่ะ ที่พูดไว้ก็แค่พูดลอยๆใช่มั้ย” น้ำตาที่ปริ่มในตาของเธอ แสดงให้เห็นได้ดีว่าเธอกำลังผิดหวังอย่างมาก ...ก็เธอถือคำพูดนั้นเป็นอีกหนึ่งความสำคัญที่ยิ่งใหญ่มากในชีวิตนี้ของเธอนี่
“เจ้าหญิง ฮันขอโทษ โธ่... ถึงแม้ฮันจะจำไม่ได้ว่าพูดอะไรไป แต่ทุกคำที่ฮันพูดไว้กับเจ้าหญิงก็ออกมาจากใจและด้วยความสัตย์จริงนะ ไม่เชื่อให้ฝ่าผ่าตายเลยอ่ะ” ฮันกยองมีสายตาและสีหน้าเคร่งเครียดแต่ก็พยายามไกล่เกลี่ย ...เมื่อกี้ยังคุยกันดีๆอยู่เลยนี่หว่า
“แต่เรื่องนี้ฮันควรจะจำได้บ้าง ...มันสำคัญมากนะ”
“งั้นเจ้าหญิงของฮันก็บอกมาสิ ว่า ...เรื่องที่ว่า คืออะไร”
“กรี้ดดดดดดด” ฮีชอลกระทืบเท้ากับพื้นทรายแล้วหวีดร้องเป็นผู้หญิง “ก็ฮันบอกว่าจะดูแลเราตลอด ไป จะเทคแคร์ช่วยเหลือยื่นมือเข้ามาช่วยเวลาเรามีปัญหา จะอยู่เคียงข้างเราตลอดไง” และสิ่งสำคัญที่เธอพร่ำย้ำไปย้ำมากับตัวเองตลอดก็ถูกเปิดเผยออกมา
“อ๋อ...” พูดจบ ฮันกยองก็ถึงบางอ้อ
“ไม่ต้องทำมาเป็นคิดได้เลยนะ ฮือๆๆ” ฮีชอลร้องไห้ออกมาในที่สุด แต่เธอก็อดดีใจไม่ได้ที่อย่างน้อยฮันกยองดูเหมือนจะจำเรื่องที่ว่าขึ้นมาได้แล้ว
“ฮันบอกด้วยไม่ใช่เหรอว่า ฮันจะรักเจ้าหญิงคนเดียวไม่เปลี่ยนแปลง”
“เหรอ ...จำได้จริงๆสินะ”
“เจ้าหญิงก็จำได้ไม่หมดเหมือนกันนั่นแหล่ะ” ฮันกยองเดินเข้ามาก่อนจะดึงร่างบางที่กำลังสั่นระริกเข้ามาโอบไว้ในอ้อมกอดอย่างไม่แคร์สายตาชาวไทยที่หลายคนอาจไม่คุ้นตากับภาพที่เห็น
“ฮือๆๆ...”
“ฮันรักเจ้าหญิงนะ” น้ำเสียงที่แหบพร่าพูดคำที่พูดบ่อยๆออกมาอีกครั้ง แม้เสียงมันจะเบามากแต่ฮีชอลก็ได้ยินถ้อยคำนั้นชัดเจนดี
“เราก็รักฮันเหมือนกัน ฮือๆๆๆ” ฮีชอลร้องไห้เป็นตายอยู่ในอ้อมกอดของฮันกยองเหมือนเด็กน้อยงอแง
“งั้นจูบนะ...”
“ประเจิดประเจ้อ”
จุ๊ฟฟฟฟ ....
ยังไม่ทันที่ฮีชอลจะได้ตั้งตัวหรือตกลงเอออออะไร ฮันกยองก็ประกบริมฝีปากแดงระเรื่อนั้นอย่างห้ามใจไม่ไหว ...ก็เธอมันน่ารักเองนี่เจ้าหญิงของผม
ฮีชอลรู้ตัวเองดีว่าหากจะขัดขืนหรือต่อต้านไปคงสูญเปล่า เธอได้แต่โอบท้ายทอยของแฟนหนุ่มตอบอย่างมอบอารมณ์ให้ซึ่งกันและกัน ...แม้มันจะผิดที่ไปหน่อย แต่ความต้องการที่โลดแล่นเข้ามาหรือจะฟังเหตุผลอื่นใดๆ ร่างบางได้แต่ตอบโต้และเปิดรับความหอมหวานของอีกฝ่ายอย่างท้าทาย เสียงครางเบาๆของฮีชอลยิ่งทำให้อีกคนกระชับตัวเธอให้ติดกับตัวแน่นพร้อมทั้งเลียบเลียและดูดดื่มอย่างไม่มีทีท่าจะจบลงง่ายๆ
“เฮ้ย ดูนั่น!!! น้ำทะเลลด เฮ้ยยยยยยยยย ทำไมเป็นอย่างงั้นไปได้”
“ไปจับปลากันเถอะ”
“แว๊กกกก แปลกจัง”
“แม่ๆ น้ำทะเลแห้งหมดแล้ว พ่อจ๋าปลาเยอะมาก เร็วเข้าเดี๋ยวคนอื่นจับกันหมดก่อนหรอก”
เสียงผู้คนรอบข้างปลุกให้ทั้งสองผละออกจากกัน ก่อนจะหันไปมองยังทางที่ผู้คนต่างพลุกพล่านกุลีกุจอวิ่งไปดูอย่างสนใจ
ที่ชายหาด ...ระดับน้ำทะเลลดลงไปอย่างฮวบฮาบอย่างน่าอัศจรรย์ใจ ฝูงปลาที่ดิ้นกระแด่วๆอยู่นั้นตอกย้ำว่าความเร็วของน้ำที่กระทันหันทำให้การเคลื่อนไหวของมันดูไร้ความหมาย ผู้คนต่างตะลึงงันกับปรากฏการณ์ธรรมชาติที่ไม่เคยพบเคยเจอ บ้างก็กรีดร้องอย่างตื่นเต้น บ้างก็กรีดร้องด้วยความแปลกใจ
“อะไรน่ะฮัน” ฮีชอลมองน้ำทะเลตาไม่กระพริบ มันยังคงลดลงไปเรื่อยๆ จากที่ว่ามากแล้ว มันยังลดลงไปเรื่อยๆอยู่อย่างนั้น เหมือนมีคนใช้เครื่องสูบน้ำกำลังดีจากทะเลนี้ออกไป แต่ไม่ใช่ นั่นมันเป็นไปไม่ได้หรอก
“น้ำขึ้นน้ำลงมั้ง” ฮันกยองตอบตามความคิดของตัวเองออกไป
“แต่ทำไม เฮ้ย!!!” จู่ๆแผ่นก็สั่นสะเทือนด้วยแรงมหาศาล ฮีชอลล้มลงด้วยร่างกายที่ไร้การควบคุมไปชั่วขณะ เธอจับมือของแฟนหนุ่มไว้แน่นจนเขาล้มกองลงมาตาม ...ลางสังหรณ์แปลกๆมันพุ่งเข้ามาหาทำให้เธอคิดฟุ้งซ่านไปหมดในเพียงชั่ววินาที
เสียงผู้คนต่างภาษา ต่างเชื้อชาติวุ่นวายกันให้ทั่ว บรรยากาศรอบข้างเปลี่ยนแปลงไปหมด ก่อนที่สติของฮีชอลจะประมวลออกมาได้ว่ากำลังตกอยู่ในเหตุการณ์แผ่นดินไหว ...อะไรกัน ร้อยวันพันปีประเทศไทยเคยแผ่นไหวซะที่ไหน
มันไม่ใช่เรื่องตลกนะ!!
ครึ้มมมมม
บึ้มมมมมม
เสียงของแผ่นพสุธาคำรามลั่น ตามด้วยผู้คนที่ต่างวิ่งหนีเพื่อหาความปลอดภัยกันจ้าละหวั่น แผ่นดินที่สั่นสะเทือนทำให้ตึกแถวข้างๆถล่มลงมาทับผู้คนที่กำลังวิ่งอย่างไม่คิดชีวิตให้หยุดการเคลื่อนไหวอยู่ใต้แผ่นอิฐหนาและซากปรักหักพัก ต้นไม้ใหญ่ล้มลงฟาดกับผืนทรายอย่างให้อันตราย รถยนต์ที่วิ่งอยู่บนถนนเสียหลักพลิกคว่ำเป็นแถวระเนระนาด
...นี่มันเกิดอะไรขึ้น!!!!
“เจ้าหญิงเราเข้าไปตรงนั้นกันก่อนเถอะ” ฮันกยองชี้ไปที่กระต๊อบเล็กๆหลังหนึ่ง ที่ไม่ได้ใหญ่โตและคงไม่พังลงมาโดนใครถึงกับบาดเจ็บได้ ...แต่ไม่ทันใดต้นมะพร้าวใกล้ๆก็ล้มลงมาทับมันพังเป็นระนาบในชั่วพริบตา
โครมม!!
“ฮัน นี่มันอะไรกัน ฮือๆๆ” ฮีชอลทำอะไรไม่ถูกเอาแต่ร้องไห้และมือไม้เย็นไปหมด แผ่นดินไหวที่เกาหลียังไม่น่ากลัวขนาดนี้เลย
“ไม่ต้องกลัวนะ ฮันไม่ปล่อยให้เจ้าหญิงเป็นอะไรหรอก เฮ้ย!!”
“กรี๊ดดดดด!!!!” ฮีชอลเสียหลักล้มลงหน้าคะมำกับพื้น ใครสักคนวิ่งชนพร้อมกับที่เหยียบต้นแขนของเธอแล้ววิ่งเลยผ่านไปอย่างเอาตัวรอด มือของฮีชอลและฮันกยองหลุดออกจากกัน และเธอก็มองไม่เห็นแล้วด้วยว่าฮันกยองอยู่ตรงไหน ผู้คนมากมายละลานไปทั่วทำให้เธอลายตาไปหมด
ครืนนนนน
“แค่กๆๆ” ฮีชอลลุกขึ้นนั่งกับพื้นทรายอย่างทุลักทุเล เธอสำลักเม็ดทรายเข้าไปในตอนที่ล้มลงเกลือกกลั้ว ซ้ำร้ายยังระบมไปทั้งตัวไม่รู้ใครต่อใครที่ต่างเหยียบย่ำร่างของเธออย่างไม่ใยดี
ครืนนนนน
ร่างบางตาเบิกโพลงกว้างอีกรอบเมื่อตรงหน้าคือคลื่นน้ำขนาดใหญ่มหึมา มันอยู่ตรงหน้าเธอนี่เอง น้ำที่ก่อตัวขึ้นราวกับเป็นกำแพงสูง 4 เมตรตระหง่านอยู่ตรงหน้าเธอและดูเหมือนมันจะไม่ตั้งทะล่าอยู่อย่างนั้นนานนัก
ซ่า........
คลื่นยักษ์ ‘สึนามิ’ ลูกแรกทิ้งตัวลงมายังพื้นด้วยแรงของน้ำที่ดำดิ่งกับแรงโน้มถ่วงของโลกพร้อมๆกับร่างของฮีชอลที่ปลิวไปตามกระแสน้ำอย่างเลี่ยงไม่ได้ เธอรู้สึกแสบซ่านไปทั่วหน้าและตัวที่ชาไปหมด หูที่อื้อได้ยินแต่เสียงทุ้มๆรอบกายทำให้ฮีชอลขาดสติในการควบคุมตัว จนกระทั่งร่างของเธอลอยไปกระทบกับซากของแผ่นซีเมนต์
อั่ก!!!
หลังของฮีชอลกระแทกกับความแข็งแกร่งของซากอาคารนั้นจนจุกมาถึงท้อง และความเจ็บปวดนี้เองที่ทำให้เธอลืมตาขึ้นมองสภาพแวดล้อมรอบกาย
ไม่เหลือภาพดังเดิม ...ทุกอย่างเป็นน้ำ ...ถนน หาดทราย ทางเดินและสวนหญ้าทุกอย่างหายไปเหลือเพียงผืนน้ำที่ก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว น้ำที่ขุ่นและเต็มไปด้วยซากขยะไหลไปทางเดียวกันเหมือนกระแสน้ำของน้ำตก มันพร้อมที่จะพยายามพัดพาร่างของฮีชอลให้จมดิ่งลงไปในความลึกนั้นด้วย
ฮีชอลจับเสาไฟฟ้าข้างๆไว้แน่นก่อนจะใช้เท้าขวานหาที่เหยียบให้ร่างกายหยั่งถึงพื้นโดยไม่ลอยอยู่บนกระแสน้ำเชียวแบบนี้
ครืนนนนน
ซ่า....
แต่คลื่นยักษ์มหาปะลัยอีกลูกก็ถาโถมเข้ามาซากซีเมนต์แผ่นใหญ่ข้างหลังลอยออกไปตามกระแสน้ำ เช่นเดียวกับฮีชอลที่จมดิ่งร่วงลงสู่ทะเลขุ่นๆนั้นอย่างต้านทานความแรงของน้ำไม่ไหว
บึ้มมมมม โครมมมม
โรงแรมกว่า 20 ชั้นอีกฝั่งถล่มลงมาเพราะต้านทานกระทำลายของภัยภิบัติทางธรรมชาตินี้ไม่ได้ แสดงให้เห็นถึงความร้ายกาจของมัน ที่ไม่เว้นแม้กระทั่งสิ่งก่อสร้างที่ว่าแข็งแรงแล้ว
ฮีชอลได้แต่หลับตาในสายน้ำ ร่างกายของเธอถูกขีดข่วน และกรีดแทงด้วยทุกสิ่งทุกอย่างที่บัดนี้กลายเป็นขยะไปเสียหมด
‘ฮันกยอง ...ฮันกยอง ...ฮันอยู่ไหนช่วยเราด้วย เราไม่ไหวแล้ว’
ฮีชอลพร่ำร้องหาเขาเพียงคนเดียว น้ำตาของเธอที่ไหลออกมาผสมกับน้ำสกปรกยังคงไหลอยู่อย่างนั้น เธอกลัว ...กลัวว่าเขาคนนั้นจะไม่มาช่วย กลัวว่าจะตายก่อนเขาคนนั้นทั้งที่ยังไม่ได้ร่ำลากัน
มีเพียงความทรงจำสุดท้ายที่เหลือไว้ ...เขาจะดูแลเราตลอดไป จะเทคแคร์ช่วยเหลือยื่นมือเข้ามาช่วยเวลาเรามีปัญหา และจะอยู่เคียงข้างเราตลอด ...มีเพียงคำพูดคำนี้ที่ยังพอทำให้เธอมีความหวัง
...ฮันกยองต้องมาช่วยเธอแน่นอน
และในวินาทีนั้นเอง ฮีชอลลืมตาขึ้นภายในสายน้ำที่เกรี้ยวกราดอย่างมีพิษสง กระแสน้ำยังคงต่อต้านการแวกว่ายน้ำของเธออย่างไม่หยุดหย่อน ฮีชอลว่ายน้ำสุดกำลังเพื่อที่จะหาที่ยึดเหนี่ยว และนั่น...ซากรถบรรทุกขนาดใหญ่ทำให้เธอพอมีหวังตะเกียกตะกายว่ายน้ำเข้าไปหา และเกาะขึ้นไปตามความสูงชันของรถที่ล้มคว่ำอย่างแน่นิ่ง น้ำหนักของรถยังพอต้านทานกระแสน้ำได้แม้จะเสียหลักไปแล้วก็ตาม
ฮีชอลขึ้นมาอยู่บนซากรถบรรทุกคันดังกล่าวพร้อมกับเกาะยึดไว้แน่นเมื่อคลื่นลูกใหม่ตั้งเค้าขึ้นสูงทะยานไปบนฟ้าและสาดลงมาอีกรอบ
ซ่า....
“นี่คุณ ขึ้นเรือไปกับเราสิ รถนั่นมันคงต้านแรงน้ำได้อีกไม่นาน” ชายชราที่กำลังขี่เรือมอเตอร์ลำใหญ่ผ่านมาตะโกนเรียกฮีชอลอย่างยื่นความช่วยเหลือ ร่างบางที่กำลังหนาวสั่นอยู่ย่อมฟังภาษาของคนในประเทศนี้ไม่รู้เรื่อง เธอได้แต่ส่ายหน้าแรงๆ จนกระทั่งชายชราต้องรีบเอาตัวรอดโดยการขี่เรือออกไป
“ฮือๆๆๆ ฮันกยองนายอยู่ไหน ไหนนายบอกว่าจะมาช่วยเราไง ฮือๆๆๆ” ฮีชอลเกาะกระบะรถบรรทุกไว้แน่นพร้อมกับตะโกนสุดเสียง ใกล้ๆเธอมีร่างไร้สติที่อาบไปด้วยเลือดกลิ่นคาวคลุ้งที่ลอยมาตามกระแสน้ำอย่างน่าอนาถ ศพแล้วศพเล่าที่สังเวยให้แก่ภัยพิบัติในครั้งนี้
“คุณครับ เรามีเชือกผูกอยู่ตรงนั้น ค่อยๆลงมาแล้วไต่เชือกมาขึ้นเรือนะครับ” หน่วยกู้ภัยทางน้ำที่ออกปฏิบัติหน้าที่ตะโกนเรียกฮีชอลที่ยืนร้องไห้อยู่บนหัวรถสิบล้อ
“ฮือออ ฮือๆๆ พวกคุณพูดอะไรฉันฟังไม่รู้เรื่อง!!!” ฮีชอลตะคอกชายหนุ่มคนนั้นด้วยน้ำตาที่หลั่งไหลไม่ขาดสาย มันคือความโชคร้ายยิ่งกว่าครั้งไหนๆ
สำเนียงภาษาเกาหลีที่เธอเปล่งออกมาทำให้หนึ่งในหน่วยกู้ภัยพอจะรู้ว่าการสื่อสารครั้งนี้คงยากลำบากกว่าครั้งไหนๆ แต่ความพยายามจะช่วยฮีชอลของหน่วยกู้ภัยก็ไม่ได้ลดลงเลย
“เรามาช่วยคุณนะครับ...” ชายหนุ่มคนเดิมพยายามส่งสายตาบอกฮีชอลว่าพวกเขามาเพื่อช่วยเหลือเธอ
“ฮือๆๆ ฮันกยองจะมาช่วยฉัน ฮือๆๆๆ” ฮีชอลร้องไห้ส่ายหน้าไปมาเหมือนคนบ้าสติฟั่นเฟือง
หน่วยกู้ภัยเห็นท่าว่าฮีชอลจะไม่เข้าใจในสิ่งที่พวกเขากำลังจะสื่อสารถึงวิธีช่วยเหลือให้รอดพ้นจากอันตราย ชายคนหนึ่งโยนเชือกมาที่หัวของรถบรรทุกที่ฮีชอลยึดเหนี่ยวอยู่ ตะขอที่ปลายเชือกยึดกับขอบหน้าต่างรถไว้แน่น ก่อนที่ชายคนนั้นจะค่อยๆไต่เชือกต่อสู้กับกระแสน้ำเข้ามาหาเธอ
หวืดดดด
ฉึ่ก!!!
ซากกระจกแผ่นใหญ่ที่ลอยมาตามกระแสน้ำพุ่งเข้าใส่ระหว่างลำตัวของชายหนุ่มจมหายลงไปในสายน้ำพร้อมๆกับเลือดที่แดงซ่านขึ้นมาทันใด ฮีชอลอ้าปากค้างกับภาพที่เห็น คนตายต่อหน้าต่อตาเธออย่างน่าสลด
ครืนนนนน
ไม่ทันใด คลื่นลูกต่อมาที่ดูเหมือนจะใหญ่และดูมีอันตรายกว่าครั้งไหนๆถล่มลงสู่พื้นและเพิ่มความแรงให้กระแสน้ำที่เชี่ยวกราดอยู่แล้วให้กลายเป็นสายน้ำเจ้าลมกรดดีๆนี่เอง
ซากรถสิบล้อที่ฮีชอลใช้ยึดเหนี่ยวอยู่มีการเคลื่นไหวตามสายน้ำ
แหวดดดด แหวดดดด
เฮลิคอปเตอร์คันหนึ่ง กำลังบินอยู่เหนือหัวของฮีชอล คนที่อยู่บนนั้นหย่อนบันไดเชือกลงมาที่เธออย่างช่วยเหลือ เธอจะรอด เพียงแค่ไต่บันไดขึ้นไป...
“ฮันกยองจะมาช่วยฉัน
” ฮีชอลพึมพำในลำคอ ไม่สนใจบันไดทางรอดของชีวิตตรงหน้า อย่างน้อยถ้าฮันกยองไม่มาช่วยเธอ มันก็แสดงว่าเขาก็คงตายไปในสายน้ำนี้แล้วใช่ไหม...
...งั้นเธอก็ขอตายดีกว่า (ไหม)
ถึงอย่างนั้น ร่างบางก็ยังไม่ได้เห็นศพของอีกคนเลยนี่ มันเป็นความหวังที่ริบหรี่ แต่อย่างน้อยมันก็ยังพอมีหวัง ...หวังแค่ให้เธอและเขาได้กลับไปอยู่ด้วยกันตามเดิม
ครืนนนนน
คลื่นลูกใหญ่มาอีกแล้ว และครั้งนี้ความแรงก็น้ำที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆได้พัดพาซากของรถยนต์ที่ผลิกคว่ำอยู่ใกล้ๆเข้ามายังรถบรรทุกที่ฮีชอลใช้ยึดเหนี่ยวร่างกายอยู่ แรงชนมหาศาลบวกกับความจงใจแกล้งของกระแสน้ำทำให้รถมีการเคลื่อนที่อีกครั้ง มันโคลงเคลงจนทำให้ฮีชอลที่กำลังร้องไห้อยู่ร่วงหล่นลงสู่พื้นน้ำจนเธอสัมผัสได้ถึงร่างกายที่กระแทกเข้ากับของแข็งอย่างจัง มันชาไปทั้งตัว ความเจ็บในครั้งนี้คงหาครั้งไหนมาเทียบเคียงไม่ได้...
รถสิบล้อคันดังกล่าวไม่สามารถทนต้านทานแรงของน้ำต่อไปได้ มันผลิกคว่ำอีกครั้ง กระแสน้ำพยุงให้รถหงายท้องพลิกไปอีกตลบโดยไม่แคร์ว่าตรงนั้นมีร่างของฮีชอลที่กำลังสิ้นสติอยู่ ร่างบางไม่สามารถรับรู้อะไรได้เลย ไม่สามารถรับรู้ว่าซากของรถบรรทุกที่หนักกว่าสิบตันกำลังทิ้งตัวลงมาที่ร่างของตน
คงมีแต่ความตายเท่านั้น ที่จะทำให้เธอฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง ...
>>>>>>>>> Andaman Love Story <<<<<<<<<<
สวรรค์...
ร่างกายที่บอบบางบัดนี้นอนแผ่หลาอยู่ท่ามกลางหมอกควันบนสรวงสวรรค์ ฮีชอลค่อยๆลืมตาขึ้นหลังจากที่สิ้นสติไปชั่ววินาที วิญญาณที่ล่องลอยของเธอก็มาปรากฏบนพื้นขาวสะอาดเช่นนี้
ไม่มีกระแสน้ำที่เชี่ยวกราด
ไม่มีคลื่นยักษ์ที่ถาโถมใส่อย่างไม่หยุดยั้ง
ไม่มีเสียงคำรามของผืนแผ่นพสุธา สายลมที่หนาวเหน็บ
ไม่มีศพของคนตายที่ลอยล่องไปทั่วบริเวณ ไม่มีความหลอกหลอนใดๆ
มีแต่ความสะอาดขาวของพื้นพรหม หมอกควันจางๆและกลิ่นหอมหวานของที่นี่ มันทำให้ฮีชอลปรับตัวไม่ทัน เมื่อกี้เธอไม่ได้อยู่ที่นี่ ความกลัวและหวาดหวั่นยังไม่จางหายไปหมด
“เจ้าได้เสียชีวิตตามชะตากรรมที่สวรรค์ได้สรรสร้างและลิขิตไว้แล้ว” เสียงของชายหนุ่มร่างท้วมคนหนึ่งเรียกความสนใจของฮีชอลให้ตื่นจากภวังค์ เขาคนนั้นอยู่ในชุดขาวและดูสะอาดสะอ้าน
“ซีวอน!!!” ฮีชอลตะโกนลั่นด้วยความตกใจเมื่อเห็นเจ้าของเสียง
“ข้าชื่อไชยยาเทพ หากใช่ซีวอนงี่เง่าที่เจ้าเรียกไม่”
“จะบ้าเหรอ นี่มันซีวอนชัดๆ”
“...” ความนิ่งของคนตรงหน้า และความรู้สึกที่สัมผัสได้นั้นทำให้ฮีชอลเริ่มเชื่อว่าคงเป็นแค่คนหน้าเหมือน หรือไม่ก็แฝดอีกคนของซีวอนละมั้ง แล้วก็...ที่เขาพูดเมื่อกี้ เขาว่าอะไรนะ
“ที่นี่ที่ไหนครับ แล้วเมื่อกี้คุณพูดว่าอะไรนะ” ฮีชอลถามด้วยเสียงที่แหบพร่า พร้อมกับสำรวจร่างกายที่ไร้ซึ่งบาดแผล และความเปียกชื้นของน้ำ
“สวรรค์ ...เจ้าไม่เข้าใจเหรอ เจ้าตายแล้ว”
“หา? ...มะ มะ ไม่จริง”
“เจ้าตายแล้ว ข้ามาเพื่อรับตัวเจ้าไปรายงานตัวกับเทพเจ้าแห่งสวรรค์ ผู้ที่จะตัดสินความเป็นไปของวิญญาณของเจ้า”
“นี่คุณพูดอะไร ได้โปรดอย่ามาล้อเล่น”
>>>>>>>>> Andaman Love Story <<<<<<<<<<
“นี่คุณจะพาผมไปไหน” ฮีชอลร้องโวยวายในขณะที่โดนลากให้เดินตามมาระยะหนึ่ง เส้นทางที่ดูไม่เป้นเส้นทาง มองไปทางไหนก็มีแต่ลานกว้างสีขาวและหมกควันที่คละคลุ้ง
“...”
“ถ้านี่เป็นสวรรค์จริงๆ แล้วท่านเป็นเทวดาใช่ไหม” ฮีชอลตั้งสติและเอ่ยถาม
“อืมม....” ชายหนุ่มร่างท้วมหันมาพยักหน้าให้เธอก่อนจะหยุดการเดินทางชั่วคราว “ข้าเป็นเทวดาผู้มีหน้าที่ดูแลประตูสวรรค์”
“ประตูสวรรค์?”
“ก็ประตูที่ทุกดวงวิญญาณต้องผ่านก่อนไปรายงานตัวกับเทพเจ้าแห่งสวรรค์ไง”
“งั้นผมขอถามอะไรท่านอย่างหนึ่งได้ไหมครับ” ฮีชอลทำสายตาขอร้อง
“มนุษย์นี่ช่างวุ่นวายนัก”
“ฮันกยอง ...เอ่อ ....ฮันกยองเขาตายหรือยังครับ” ฮีชอลไม่รอช้าที่จะถามในสิ่งที่เธออยากรู้ที่สุดออกไป
“ฮันกยอง... นั่นเป็นชื่อคนรักของเจ้าหรือ?” เทวดาร่างท่วมถามฮีชอลเพื่อความแน่นอน
“ใช่ เขาเป็นคนที่ผมรักมากที่สุด”
“ข้าของเวลาเพียงไม่นาน” ว่าแล้วเทวดาร่างท้วมนามว่าไชยยาเทพก็บีบข้อมือของฮีชอลแน่น เขาหลับตาลงด้วยท่าทางสงบนิ่ง มีแสงออร่าวิ้งๆแผ่ออกทั่วตัวของเขา และไม่นานอย่างที่เขาว่า เทวดาที่ว่าก็มีคำตอบให้กับฮีชอล
“ว่าไงครับท่าน”
“ชายคนนั้น ตายก่อนเจ้าเสียอีก”
“...” ฮีชอลอึ้งไปชั่วขณะ ฮันกยองตายแล้วจริงๆ ถึงแม้จะอยากใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน แต่มันไม่ใช่อย่างนี้ ...
“เจ้าจะไปกับข้าดีๆได้หรือยัง” ไชยยาเทพว่าต่อพร้อมกับทำท่าจะลากฮีชอลเดินตามไปอีกจนได้
“ดะ ดะ เดี๋ยวซิท่าน ถ้าไม่เป็นการรังเกียจ ผมอยากจะขอให้ท่านช่วยอะไรอีกหน่อยได้ไหม”
“ขอรังเกียจเจ้า ...พวกมนุษย์วิปริต”
“เอ่อ ...ท่านช่วยพาผมไปพบกับฮันกยองได้ไหม” แม้จะโกรธในคำพูดที่เทวดาร่างท้วมเปล่งสำเนียงวาจาออกมา แต่ฮีชอลก็เก็บอารมณ์นั้นไว้ แสดงออกไปเพียงความน่าสงสารที่ไม่ว่ามนุษย์หรือเทวดาก็สามารถสัมผัสได้
>>>>>>>>> Andaman Love Story <<<<<<<<<<
ฮีชอลยืนจ้องคนตรงหน้าเขม็ง คนที่เขาอยากพบหน้าเหลือเกิน จากกันเพียงไม่เท่าไหร่มันเหมือนอยู่ห่างจากคนๆนั้นเป็นศตวรรษ ...ใครจะไปเชื่อว่าเธอจะได้มาพบฮันกยองอีกทีก็เมื่อตายเป็นวิญญาณอยู่อย่างนี้
ไชยยาเทพ หรือแฝดซีวอนบอกว่าที่นี่คือประตูทางออกของสวรรค์ วิญญาณที่รายงานตัวแล้วและมีความดีความชอบ ไม่ได้กระทำผิดหรือก่อกรรมร้ายไว้บนโลกมนุษย์จะมา ณ ดินแดนแห่งนี้เพื่อรอโอกาสไปเกิดบนโลกมนุษย์อีกทีในครรภ์ของสตรีเพศ
ข้างกายของฮันกยองมีอีกหลายดวงวิญญาณที่ยังรอเวลาการได้กลับสู่โลกมนุษย์ดังเดิม
เหมือนคนถูกมองจะรู้ตัว เขาหันมามองฮีชอลที่ตอนนี้น้ำตาไหลพรากยืนจ้องเขาอยู่ก่อนแล้ว ฮันกยองยิ้มให้กับคนตรงหน้าก่อนจะเดินเข้ามาและไม่รอช้าที่จะดึงเธอเข้ามากอดอย่างคุ้นเคย
“ฮือๆๆๆ ...” ฮีชอลร้องไห้อยู่อย่างนั้น
“อย่าร้องนะคนดี ...อย่าทำให้ผมรู้สึกแย่สิ” พอฮันกยองพูดจบฮีชอลก็นึกโกรธขึ้นมาได้แล้วผลักตัวเองออกจากอ้อมกอดที่โหยหานั่น นาย...ไอ้คนผิดสัญญา
“ไอ้คนผิดสัญญา นายมันเลว!!” ฮีชอลตวาดลั่น นิสัยของเธอไม่หายไปไหน แม้จะตายแล้ว ...แม้จะอยู่บนสวรรค์ที่เต็มไปด้วยคนแปลกหน้า
“อะไรกันเจ้าหญิง ฮันผิดสัญญาอะไร”
“พูดไปได้ นี่ฮันลืมอีกแล้วใช่ไหม”
“อะไรกัน ใบ้หน่อยได้ไหม”
“พอเลย ไอ้คนชาติชั่ว นายน่าจะได้เกิดไปเป็นปลาทองนะ”
“อะไรของเจ้าหญิงเนี่ย”
“ก๊ากกกก ก็ไหนฮันบอกว่าจะยื่นมือมาช่วยเหลือเวลาเราเดือดร้อนไง ที่ไหนได้ ฮันตายก่อนเราซะอีก” ฮีชอลพูดด้วยความน้อยใจ เธออุตส่าห์นึกอยู่ตลอดว่าเขาจะมาช่วยเธอ...
“...เฮ้ออออออ”
“ถอนหายใจทำไม”
“เจ้าหญิงนี่โง่จริงๆ”
“นี่ฮันด่าเราเหรอ”
“ก็เออนะสิ”
“กรี้ดดดดด”
“ฮันไม่เคยผิดสัญญา ไม่เคยผิดคำพูดนะจะบอกให้”
“ยังจะเถียงหน้าด้านๆอีกนะ ฮันไม่ผิดสัญญาตรงไหน”
“เอ้า ...ก็ฮันส่งเรือมอเตอร์ไปช่วยก็แล้ว ส่งหน่วยกู้ภัยไปช่วยก็แล้ว ไหนจะส่งเฮลิคอปเตอร์ไปช่วยอีก เจ้าหญิงก็โง่เอาแต่ร้องไห้อยู่นั่นแหล่ะ” ฮันกยองขึ้นเสียงกลับ แต่ไม่ใช่เพราะความโกรธ ชายหนุ่มเพียงระอากับความใสสื่อและเอาจริงเอาจังกับคำพูดของเขานัก ....
“หา? ...ว่าไงนะ”
“...”
“เรือ หน่วยกู้ภัย เฮลิคอปเตอร์ ...ของฮันหรอกเหรอ พูดใหม่สิ ฮันว่าไงนะ”
“ฮันบอกว่า ฮันช่วยเจ้าหญิงแล้ว แต่เจ้าหญิงโง่เอง”
“เออ ...ใช่เซ่ ถ้าเรามันโง่แล้วฮันมาชอบเราทำไม แน่จริงชาติหน้าเกิดมาไม่ต้องมาชอบเราแล้วกัน คนอย่างคิม ฮีชอลไม่ง้อผู้ชายหน้าหม้อแบบนายฮันกยองเสมอไปหรอก”
“อ่า เจ้าหญิงอ่ะ ฮันแค่ล้อเล่นนะ ที่จริงฮันดีใจจะตายที่เจ้าหญิงยังเชื่อมั่นในรักแท้ของเรา”
“เชื่อมันแล้วไง ตายทั้งคู่เนี่ย” ฮีชอลอารมณ์เสีย
“อ้าว ...ก็เจ้าหญิงโง่เองนี่”
“ฮันกยอง!!!”
“อ๊ะๆ ขอโทษน้า เอาเป็นว่าถ้าชาติหน้ามีจริง ขอให้เราเกิดมาพบกันและรักกันอีก ...โอเคไหม” ฮันกยองยื่นคำหวานหว่านล้อมฮีชอลให้หายโกรธ
“โอเคน่ะโอเค ...แต่เรายังไม่รายงานตัวกับเทพเจ้าแห่งสวรรค์อะไรนั่นเลย แล้วอย่างนี่ฮันก็ต้องได้ลงไปเกิดก่อนเรา แถมยังไม่รู้ด้วยว่าจะได้เกิดในประเทศเดียวรึเปล่า”
“แน่ะ คิดไปถึงโน่น” ฮันกยองอดขำไม่ได้
“ก็มันจริงๆนี่นา” ฮีชอลบุ้ยปากงอนๆ
“เอาเป็นว่ายังไงซะ เราจะเป็นคู่รักสะท้านโลกให้ได้เลย ฟังดูดีป่ะ”
“เออ ให้ได้ลงไปเกิดก่อนเถอะ นี่เราทำบาปอะไรไว้บนโลกรึเปล่าหนอ” ฮีชอลเริ่มคิดหนัก เพราะเธอยังไม่รายงานตัว และไม่รู้เลยว่าจะได้ลงไปเกิดใหม่ยังโลกมนุษย์รึเปล่า ไหนอาจจะต้องเสี่ยงตกนรกก็ได้ หากว่าเทพเจ้าแห่งสวรรค์เห็นว่าเธอเป็นคนเลวจริงๆ
“ฮ่าๆๆๆๆ ความรักคืออะไรกัน ความรักคือความคงทนนั้นจริงหรือ ฮ่าๆๆๆๆ” เสียงหัวเราะดังก้องกังวานไปทั่วบริเวณ ฮีชอลและฮันกยองมองหาต้นเสียงอย่างงงๆ
“นั่นเสียงใครกัน” ฮันกยองถาม
“ข้าไง... เทพเจ้าแห่งสวรรค์ น่าอิจฉานัก ความรักของพวกเจ้ามันทำให้ข้าอยากลงไปเกิดบนโลกมนุษย์บ้างจัง ฮ่าๆๆๆๆ”
“เทพเจ้าแห่งสวรรค์ดูอารมณ์ดีจังเนอะ” ฮีชอลพงกหน้าถามความเห็นของฮันกยอง
“ติ๊งต๊องซิไม่ว่า จริงซิเจ้าหญิงยังไม่เจอหน้าเทพเจ้าแห่งสวรรค์ใช่ไหม จะบอกว่าหน้าเหมือนคังอินมาก”
“เลิกนินทาข้าได้แล้ว มนุษย์โลกผู้โหยหาในตัณหาเยี่ยงพวกเจ้าคงไม่รู้อิทธิฤทธิ์ของข้าซินะ” ยังไม่ปรากฏร่างของคนพูดแต่อย่างใด มีแต่เสียงที่สะท้อนก้องทั่วบริเวณ
“เทพเจ้าแห่งสวรรค์ เหตุใดท่านถึงมาที่นี้” เทวดาร่างท้วมนามว่าไชยยาเทพที่ยืนนิ่งอยู่นานเอ่ยถาม
“ข้าสมเพชคู่รักคู่นี้ยิ่งนัก แต่ข้าก็อยากให้พวกเขาสมหวังอีกครั้งและมีความสุขด้วยกันอีกหน่อย ตอนข้าเขียนชะตาลิขิตของพวกเขาคงลืมคิดถึงเรื่องนี้ไป ฮ่าๆๆๆๆ” พูดจบก็หัวเราะร่าอีกรอบ ...สมกับที่ฮันกยองว่าติ๊งต๊องจริงๆ ...เทพเจ้าแห่งสวรรค์
“ท่านหมายความว่าอย่างไร?” ไชยยาเทพเลิกคิ้วสูงถาม
“ด้วยอิทธิฤทธิ์แห่งสววรค์ภูมิ ข้าขอลิขิตชีวิตของวิญญาณสองดวงนี้ ...คิมฮีชอลและฮันกยอง เจ้าจงลงไปเกิดยังโลกมนุษย์และได้พบกันอีกครั้ง จงครองคู่รักกันให้สมใจอยาก ระบายตัณหาให้สมใจหมาย ฮ่าๆๆๆๆๆ”
“นี่หมายความว่า
” ฮีชอลกับฮันกยองมองหน้ากันด้วยรอยยิ้มแห่งความสมหวัง ...พวกเขาโชคดีนัก
“และเจ้า ไชยยาเทพ ....ข้ามาคิดๆดูแล้ว เจ้าก็ได้ทำหน้าที่รับใช้สวรรค์มาอย่างมานะ โอกาสนี้ข้าจะให้เจ้าลงไปเกิดพร้อมกับมนุษย์สองคนนี้ซะทีเดียวเลย มันคงน่าระทึกดี เจ้าจงเป็นคู่อริหัวใจของฮันกยอง พอเข้าใจไหม? เจ้าจงมอบความรักให้กับฮีชอลอย่างมั่นคงและจริงใจ ณ ตอนนั้นข้าจะลิขิตอีกทีเองว่า จะให้ฮีชอลเลือกใคร ฮ่าๆๆๆๆ”
“นี่ท่านสนุกนักรึไงฮะ” ฮันกยองเริ่มไม่ดีใจแล้ว อะไรกัน...เขาจะต้องมีคู่อริหัวใจงั้นรึ นี่เล่นบอกอนาคตล่วงหน้าแบบนี้ แถมยังไม่รู้จุดจบ เขาเองก็กลัวที่จะสูญเสียเจ้าหญิงของเขาไปขึ้นมาทันใด
“อย่าพูดพร่ำทำเพลงนักเลยทุกคน โอม ...เพี้ยง!!!”
สิ้นสุดเสียงของเทพแห่งสวรรค์ร่างของฮันกยอง ฮีชอล และไชยยาเทพก็ปลิวว่อนมุ่งหน้าลงสู่โลกมนุษย์ พายุที่หอบทั้งสามคนอยู่นี้ จะทำตามชะตาลิขิตวาจาลั่นของเทพเจ้าแห่งสวรรค์แน่นอน
และนี้คือ ตำนานรักฉบับน้ำเน่า ยิ่งกว่าลิเกคณะไหนๆซะอีกซิเนี่ย
>>>>>>>>> Andaman Love Story <<<<<<<<<<
ค.ศ.2009
“เจ้าหญิงครับ ฮันกยองมาแล้ว เอ๋” ฮันกยองเดินเข้ามาในบ้านของฮีชอลอย่างคุ้นเคยหลังจากที่เขาติดงานหลายวันและยุ่งอยู่นานจนไม่ค่อยมีเวลามาหาแฟนหนุ่มบ่อยเหมือนเมื่อก่อน
“ฮันกยอง...” ฮีชอลในร่างกายที่เปลือยเปล่าท่อนบนมองหน้าของฮันกยองด้วยความวิตก สายตาของเธอหวาดระแวงขึ้นมาทันใด
“มีอะไรเหรอราชินี” ซีวอนเดินออกมาจากห้องน้ำพร้อมกับหันหน้ามาสบตากับฮันกยองอย่างท้าทาย
“แฟนเก่านี่เอง นี่ราชินีของผมยังไม่บอกเลิกไปอีกเหรอ” ซีวอนพูดเหน็บแนม
“นี่หมายความว่ายังไงเจ้าหญิง”
“คือ ...” ฮีชอลอ้าปากค้างอยู่อย่างนั้น เธอคิดคำพูดที่จะอธิบายหรือแก้ตัวไม่ออก มันช่างเหมือนมีใครกดปุ่ม Pause ความคิดและสติของเธอไว้ รอเพียงการสั่งการของใครบางคนเธอก็คงจะพูดออกมาได้ ตัดสินใจออกมาได้
>>>>>>>>> Andaman Love Story <<<<<<<<<<
สวรรค์...
เทพเจ้าแห่งสวรรค์นั่งลูบเคราที่ยาวเฟื้อยของตัวเองอย่างอารมณ์ดี เขาดูสนุกสนานกับการลิขิตชีวิตของมนุษย์โลก และสิ่งที่เขาได้สรรสร้างไว้ก็ได้ดำเนินมาถึงตอนสำคัญและรอการดำเนินต่อไปแล้ว
จะให้ฮีชอลตัดสินใจเลือกใครดี
...ฮันกยอง
...ซีวอน
แล้วคุณล่ะ คิดว่าไงอยากให้ซินเดอเรลล่าของเราได้ครองชีวิตรักกับใครจ๊ะ คิกๆ
>>>>>>>>> Andaman Love Story <<<<<<<<<<
จบ(ไม่)บริบูรณ์
ผลงานอื่นๆ ของ MoMeT@Ro~!! ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ MoMeT@Ro~!!
ความคิดเห็น