คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : PHASE I (Midgard) : บทที่ 1 กำเนิดใหม่
PHASE I (Midgard) : บทที่ 1 กำเนิดใหม่
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
‘ตอนนี้เราอยู่ที่ไหนนะ อึดอัดขยับตัวไม่สะดวกเลย มืดก็มืด...’
‘อะไรมาจับรักแร้เราน่ะ แล้วแสงนี่คืออะไร อ่า....อบอุ่น ขยับตัวสบายขึ้นด้วย น้ำอะไรอยู่ที่ปากเรารสชาติไม่ได้เรื่องเลยแฮะ’
แค่กๆ อุแว้ อุแว้ ‘ทำไมเสียงเรากลายเป็นเสียงร้องไห้ของเด็กแบนี้ เราแค่จะถามว่าเอาน้ำอะไรให้เรากิน แล้วมาตีก้นเราทำไม’
อุแว้ อุแว้ อุแว้....
“เป็นเด็กผู้ชายครับ แข็งแรงมากด้วย เนื้อตัวก็ผุดผ่องไม่มีตำหนีเลยครับ” ทารกน้อยค่อยๆลืมตาขึ้นมองไปรอบๆเพื่อสำรวจถึงภาพมันจะเรือนรางไม่ค่อยชัดเจนก็เถอะ จนจุดโฟกัสสายตามาจับจ้องที่มือของตัวเอง
‘ทำไมมือเราถึงเล็กแบบนี้วะ’ เด็กทารกสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะร้องไห้กระจองอแงเสียดังลั่นบ้านหลังเล็กๆนี่
อุแว้ อุแว้ อุแว้...
‘เสียงนี้อีกแล้ว เราจะพูดอะไรก็เป็นเสียงร้องไห้ซะหมด ไม่พงไม่พูดมันละ สงสัยเราคงจะกลับกลายเป็นเด็กทารกแล้วละมั้ง ก็เห็นไอ้บ้านั่นบอกจะส่งมาเป็นทารกนี่นา คนที่อุ้มเราอยู่คงจะเป็นหมอทำคลอดสินะ’
“ลูกของพวกคุณนี่ร้องไห้เก่งจริงๆเลยนะครับ โตขึ้นคงแข็งแรงมากแน่ๆ” ชายวัยกลางคนในชุดเสื้อคลุมสีขาว กล่าวเย้าผู้หญิงที่ดูจะเหน็ดเหนื่อยหลังจากทำคลอดซึ่งตอนนี้นอนหมดสภาพอยู่บนเตียง ดวงตาสีทองภายใต้กรอบแว่นหนาก้มมองดูรูปร่างของทารกตัวน้อยในอ้อมแขน
“ฉายแววหล่อแต่เด็กเลยนะครับ โตขึ้นคงเนื้อหอมน่าดู”
“คุณหมอค่ะ ขอฉันอุ้มลูกหน่อยได้ไหม” หญิงสาวหน้าตาสะสวยแม้จะโทรมลงไปมากเนื่องจากเหน็ดเหนื่อยในการให้กำเนิดทายาท เอ่ยขอหมอวัยกลางคนอย่างอ่อนแรง
“ได้สิครับ” หญิงสาวรับตัวลูกน้อยมาแนบอ้อมกอดของเธออย่างสุขใจ ดวงหน้างดงามคลี่ยิ้มหวานอย่างเปี่ยมสุขเป็นที่สุด
“ฉันสามารถให้นมลูกได้เลยหรือเปล่าคะ หรือต้องรอแกโตกว่านี้ก่อน”
“อ่า...ตอนนี้เลยก็ได้ครับเด็กคงจะหิว ถ้าเช่นนั้นหมอขอตัวไปตามสามีคุณมาดูหน้าลูกชายหน่อยนะครับ ตอนนี้เขาคงจะตื่นเต้นจนอยู่ไม่สุขเป็นแน่” หมอวัยกลางคนพูดจบก็เดินหายไปหลังบานประตู จากนั้นไม่นานนักก็มีบุรุษวัยประมาณยี่สิบห้าปีวิ่งพรวดเข้ามาหาคนรักที่นอนซมอยู่บนเตียง
“ไหนลูกเราหรือ ดิลด์ ขอผมดูหน้าแกหน่อยซิ” ชายหนุ่มผมสีดำดวงตาสีฟ้า ใบหน้าคมคายคลี่ยิ้มให้หญิงสาวคนรักก่อนจะเอี้ยวตัวไปดูหน้าลูกน้อยที่กำลังดูดนมอย่างเอร็ดอร่อย
“รอเดี๋ยวสิคะคุณ รอลูกกินนมอิ่มก่อน คุณนี่น้าใจร้อนไม่เปลี่ยนเลยจริงๆ” หญิงสาวผู้มีผมสีเงินยวง ดวงตากลมโตสีเขียวมรกตมองหยอกล้อสามีตนเองจนชายหนุ่มอดเอื้อมมือไปบี้จมูกเรียวเล็กแต่โด่งรั้นนั่นไม่ได้ จนคิ้วเรียวสวยขมวดกันจนแทบจะเป็นปม
“คุณเลิกทำอย่างกับฉันเป็นเด็กซะที นี่ก็อยู่ด้วยกันจนมีลูกเต้าแล้ว” หญิงสาวเจ้าของนามว่าดิลด์ตีสีหน้ายุ่งอย่างไม่สบอารมณ์ก่อนจะนึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้
“กราฟคะ คุณคุยเรื่องค่าใช้จ่ายในการทำคลอดลูกของเรายัง” ชายหนุ่มหน้าเสียไปวูบหนึ่งก่อนจะตอบออกมาค่อนข้างแผ่วเบา
“คุยแล้วล่ะ แต่มันมากโขอยู่ พรุ่งนี้ผมจะออกไปทำงานรับจ้างเพิ่มขึ้นจะได้มีเงินมาจ่ายค่าหมอให้ครบไวๆ ยังดีที่หมอท่านนี้เป็นเพื่อนเก่าของพ่อผมน่ะเลยพอคุยขอผ่อนผันได้ จริงๆหมอท่านจะไม่เอาค่าทำคลอดแต่ผมเห็นว่าไม่เหมาะเลยขอเป็นผ่อนจ่ายแทนน่ะครับ”
“ฉันขอโทษด้วยนะคะ ที่หาภาระมาให้คุณ...” ดวงตากลมโตสีมรกตที่ฉายแววเศร้าออกมาก่อนจะก้มลงไปมองลูกน้อยที่กำลังดูดนมกินจนหลับผล็อยไป
“แม่ขอโทษเจ้าที่อาจจะหาอะไรมาให้เจ้าได้ไม่มาก เกิดเป็นลูกแม่ เจ้าอาจต้องลำบากแต่ลูกจงรู้ไว้ว่าแม่คนนี้จะเลี้ยงดูเจ้าด้วยความรักอย่างเต็มเปี่ยม....ลูกคือดวงใจของแม่” ชายหนุ่มนามกราฟมองภรรยาของตนที่พร่ำบอกลูกน้อยด้วยความรู้สึกผิดจนอดที่จะย่อตัวไปกอดปลอบไม่ได้
“โถ่...ที่รักเป็นผมที่ต้องขอโทษที่ดึงคุณลงมาลำบากด้วยแท้ๆ หากผมไม่ดื้อรั้นที่จะรักคุณป่านนี้คุณอาจจะมีชีวิตที่สุขสบายกว่านี้” หญิงสาวหันขวับมามองกราฟตาเขียวก่อนจะเอ่ยพูดตัดพ้อออกมา
“ทำไมคุณถึงพูดอย่างนั้นเล่ากราฟ ฉันรักคุณที่เป็นคุณถึงจะลำบากแต่ฉันก็มีความสุขแค่นี้ก็เพียงพอแล้วไม่ใช่หรือ” ชายหนุ่มได้สติเพราะเผลอพลั้งปากพูดออกไปจึงได้แต่พร่ำขอโทษโดยไม่สนลูกเต้าที่นอนหลับสบายอยู่บนตักมารดาแม้แต่น้อย
ในเมื่อพูดขอโทษออกไปเท่าใดภรรยาสุดที่รักก็ไม่ยอมเลิกน้อยใจ กราฟจึงใช้ไม้ตายสุดท้ายโดยการหอมแก้มภรรยาตนเองอย่างแรง จนดิลด์หน้าขึ้นสีตีอกกราฟด้วยความเขินก็จะพูดติดๆขัดๆเป็นเชิงตักเตือน
“อะ...อายลูกบ้างเถอะค่ะ” เมื่อเห็นอาการภรรยาสุดที่รักของตนจึงถือโอกาสฉวยหอมแก้มอีกข้างเฮือกใหญ่ก่อนจะกล่าวเสียงเย้าภรรยาตนให้อายเล่น
“ลูกยังไม่รู้เรื่องหรอกน่าดิลด์ มาขออีกข้าง” ชายหนุ่มพูดไปอย่างนั้นโดยไม่รู้เลยว่าลูกของตนนั้นไม่ได้ถือกำเนิดแบบธรรมดา ถึงภายนอกจะดูเหมือนทารกนอนหลับแต่ความจริงแล้วทุกเรื่องราวล้วนผ่านหูมาหมดสิ้น
‘พ่อแม่ใหม่ก็ไม่เลวดูรักกันดี แต่คุณแม่ดิลด์นี่สิพูดซะซึ้งเลย ยังไม่ทันผูกพันธุ์เอาซะเราเริ่มรักท่านซะแล้ว ส่วนพ่อกราฟนี่ก็นะคิดว่าลูกคนนี้ไม่รู้หรือไงว่าพวกท่านทำอะไรกัน’ ทารกน้อยได้แต่คิดในใจ โดยส่วนตัวแอนดรูว์ก็ไม่ค่อยจะสนใจฐานะเงินทองหรืออะไรเท่าไหร่ พอเขาเกิดมารู้ว่าครอบครัวตนยากจนนั้นไม่ได้เสียใจแต่อย่างใด ในทางกลับกันกลับยิ่งจะเริ่มรักครอบครัวนี้เพราะคำพูดประโยคแรกที่แม่ใหม่พูดกับเขานั้นซึ้งเสียทำเอาเขาแทบร้องไห้
อย่างที่เขาว่า ‘ความประทับใจแรกพบ’ อย่างไรล่ะ
‘เอาเถอะ เงินทองไม่ตายก็หาใหม่ได้ ตอนนี้ง่วงแฮะนอนก่อนดีกว่า’ คิดเสร็จทารกตัวน้อยก็เข้าสู่นิทราอย่างจริงจังเสียที
“ผมก็มัวแต่แกล้งคุณจนลืมถามเลยว่าคุณตั้งชื่อให้ลูกเราหรือยัง” กราฟถามดิลด์ภรรยาตนหลังจากฟัดแก้มเนียนแม้ซูบลงเพราะเหน็ดเหนื่อยไปจนหนำใจแล้ว
“ยังหรอกค่ะ ฉันก็คิดว่าจะถามคุณอยู่เหมือนกัน” ดิลด์ส่ายหน้าพลางค่อยๆอุ้มทารกน้อยวางบนเปลที่ทำจากผ้าผืนใหญ่ผูกกับเสาไม้ที่กราฟเตรียมไว้ให้
กราฟยืนหลับตานิ่งคิดหาชื่อที่เหมาะสมให้ลูกชายตนก่อนจะบอกชื่อที่ตนคิดออกไปนั้นกลับมีชื่อหนึ่งพุ่งเข้ามาในหัวอย่างปริศนา
‘แอนดรูว์…’
“งั้นชื่อ แอนดรูว์ เป็นอย่างไรบ้าง” ดิลด์พยักหน้าเห็นด้วย
“เป็นชื่อที่ดีค่ะ คุณเองก็ไปพักผ่อนเถอะพรุ่งนี้คุณต้องทำงานอีกนี่คะเดี๋ยวจะไม่ไหวเอา แล้วอย่าลืมไปส่งคุณหมอมอร์แกนด้วย ฉันเองก็ไม่ไหวแล้วเหมือนกันขอพักก่อน” ร่างบางล้มตัวลงนอนพร้อมกับทอดมองไปยังเปลที่อยู่ข้างเตียง
“ต่อไปนี้เจ้าชื่อ แอนดรูว์ มาฟเนอร์ นะลูกรัก” พูดแค่นั้นร่างบางที่อยู่บนเตียงก็เข้าสู่นิทรารมย์ โดยมีกราฟตามมานอนข้างๆหลังจากไปส่งหมอมอร์แกนเสร็จ
‘คงจะนอนกันหมดแล้วละมั้ง’ ร่างเล็กที่อยู่ในเปลค่อยๆยันตัวเกาะขอบเปล ดวงตากลมโตสีไพริณซึ่งต่างจากผู้เป็นพ่อและแม่โดยสิ้นเชิงกวาดตามองไปรอบๆ ปากจิ้มลิ้มยกยิ้มจนแก้มยุ้ยๆนั้นบวมตาม
‘ไปสำรวจบ้านดีกว่า’ ทารกน้อยพยายามตะเกียกตะกายลงจากเปลแต่ด้วยความที่เพิ่งเกิดทำให้ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงจึงขยับร่างกายไม่ได้ดั่งใจเรียกความไม่พอใจให้กลับทารกน้อยได้เป็นอย่างดี
‘ร่างกายเด็กนี่ขัดใจเราจริงๆวุ้ย ทำอะไรดีล่ะทีนี้อนไม่หลับซะด้วยสิ’ ทารกน้อยกลอกตาไปมาอย่างเบื่อหน่ายจนดวงตากลมโตไปสบเข้ากับสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่ง รูปร่างของมันคล้ายนกพิราบแต่มีสีสันสวยงามถึง 7 สีไล่เลียงไปเหมือนสีรุ้ง
‘สวยจัง อยากเห็นใกล้ๆแฮะ มานี่หน่อยเร้วว เจ้านกน้อย’ ตั้งใจจะพูดอย่างนั้นน่ะนะแต่เสียงที่ออกมาดันเป็นเสียงคิกๆคักๆของเด็กทารกแทน
แต่เหมือนเจ้านกเจ็ดสีจะรับรู้ถึงความคิดที่ทารกน้อยนามแอนดรูว์ต้องการจะสื่อค่อยๆบินมาเกาะตรงขอบเปลให้แอนดรูว์ได้ดูชัดๆ มือเล็กทำท่าไขว่ขว้าพร้อมสงสเยงคิกๆคักๆออกมา น่าแปลกที่นกเจ็ดสีตัวนี้ไม่เตลิดบินหนีไปเสีย
‘แปลกจังเลยแฮะ ทำไมไม่บินหนีไปแต่กลับนิ่งเฉย ไม่ใช่ฟังเรารู้เรื่องหรอกนา’ แอนดรูว์คิดในใจขำๆ แต่สิ่งที่แอนดรูว์เห็นกลับเป็นการพยักหน้าของนกเจ็ดสีทำเอาแอนดรูว์ตกใจจนเผลอตะโกนออกมา
‘นกฟังภาษาคนรู้เรื่อง โอ้ม่ายยย’ แต่เสียงที่ออกมากลับเป็น
อุแว้ อุแว้ อุแว้..... ด้วยเสียงที่เหมือนทารกร้องไห้ของแอนดรูว์ก็ได้ปลุกให้พ่อแม่ในโลกนี้ตื่นจากนิทรา
“คุณคะ ลูกเราร้องไห้ไม่รู้เป็นอะไรคุณไปดูลูกหน่อยสิคะ” กราฟสะลึมสะลือลุกจากที่นอนก่อนจะตรงไปอุ้มลูกชายหัวแก้วหัวแหวนแต่สายตาเจ้ากรรมดันเหลือบไปเห็นนกเจ็ดสีเกาะขอบเปลจึงออกปากไล่จนนกบินเตลิดหนี
“ชิ่ว! ไป อย่ามากวนลูกข้า” กราฟตรงไปอุ้มร่างเจ้าตัวเล็กมาแนบอกก่อนจะโยกไปมาราวกลับกล่อมให้นอนแต่เสียงร้องไห้ก็ยังไม่เงียบลง โดยไม่รู้เลยว่าไอ้เสียงร้องไห้เป็นเสียงบ่นของแอนดรูว์ที่กำลังตกใจที่เห็นนกฟังภาษาคนรู้เรื่อง และที่สำคัญแอนดรูว์ไม่ได้เปล่งคำพูดเพียงแค่คิดเท่านั้นเพราะถึงเปล่งไปก็เป็นได้เสียงอ้อๆแอ้ๆอยู่ดี
‘นี่มันโลกอะไรกันวะ จะเหลือเชื่อเกินไปแล้ว’ ถึงจะบ่นยังไงก็เปล่งออกมาได้แค่เสียง อุแว้ อุแว้...
“คุณค่ะลูกเป็นอะไรหรือค่ะ ร้องไห้กระจองอแงเสียขนาดนั้น” ดิลด์พยายามยันตัวขึ้น ดวงตาคู่งามทอดมองไปยังบุคคลที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีเธอยืนกล่อมลูกอยู่ตรงมุมห้อง แต่เสียงร้องไห้ก็ยังไม่หยุดลง
“เมี่อกี๊ผมเห็นนกเซฟฟี่มาเกาะขอบเปลลูกน่ะ สงสัยแกจะตกใจ” กราฟตอบภรรยาก่อนจะแกว่งแขนไปมาแนวระนาบพร้อมทพร่ำบอกให้ลูกน้อยตนหยุดร้อง
“เดี๋ยวฉันกล่อมลูกเองค่ะ เอาแอนดรูว์มานี่มาคุณ” กราฟอุ้มเจ้าลูกตัวดีมาให้ภรรยาสุดที่รักของตนอุ้ม ซึ่งดิลด์ก็กล่อมแบบเดียวกันแต่คำพูดที่ใช้จะอ่อนโยนกว่ากราฟอยู่มากโข
“แอนดรูว์ครับมองหน้าแม่เร็ว หยุดร้องเถอะนะเด็กดี โอ๋ๆ” กราฟลอบยิ้มให้ภรรยาในท่าทางนั้น ทางด้านแอนดรูว์เองพอตั้งสติได้ก็มาอยู่ในอ้อมแขนของดิลด์ ทารกน้อยมองมารดาตาแป๋ว
‘นี่แม่เราหรือนี่ เพิ่งเห็นชัดๆสวยใช่เล่นแฮะ’ ทารกน้อยค่อยๆเอื้อมมือป้อมๆมาทำท่าคว้าไปมาตรงข้างหน้าพลางส่งยิ้มอย่างน่ารักไปให้ดิลด์ ทั้งที่ในความคิดเจ้าตัวคือยิ้มกรุ่มกริ่มภูมิใจที่มารดาสวยแต่ภาพที่ออกมากลายเป็นอย่างนั้นซะได้
“คุณคะ ลูกยิ้มให้ฉันด้วยดูสิ” กราฟที่ยืนมองภรรยาตนกล่อมลูกน้อยห่างๆได้โอกาสจึงรวบเอวบางไว้พลางก้มมองดูไปยังลูกในไส้ของตน ซึ่งแอนดรูว์เองก็ส่งยิ้มให้กราฟมือเล็กก็เอื้อมไปมาที่เคราบางๆของกราฟพร้อมกับหัวเราะอย่างน่ารัก เพิ่มพูนความเอ็นดูให้กลับพ่อแม่ใหม่ในโลกนี้ยิ่งนัก
‘ว้าว พ่อเราก็แอบหล่อนะเนี่ย เถื่อนๆไว้เคราด้วย ฮ่าๆ’
“เดี๋ยวร้อง เดี๋ยวอารมณ์ดีลูกเรานี่ยังไง น่ารักน่าชังจริงๆ ผมว่าท่าทางลูกจะติดคุณตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอยเลยนา ผมโอ๋ยังไงลูกก็ไม่หยุดร้องพอคุณโอ๋เท่านั้นล่ะรอบเดียวอยู่” กราฟกล่าวเย้าภรรยาเล่นๆพลางก้มหอมภรรยาสุดที่รักฟอดใหญ่ก่อนจะหันมาจุ๊บหน้าผากแอนดรูว์ในอ้อมกอดภรรยา
‘ถึงจะเป็นพ่อก็เถอะ หยึยๆแปลกๆแฮะ’ แอนดรูว์คิดในใจขำๆ แต่ก็ไม่นึกรังเกียจสัมผัสนั่น เพราะนานแล้วที่เขาไม่ได้รับความอบอุ่นแบบนี้ นึกถึงก็พาให้น้ำตารินไหลจากดวงตากลมโตดิลด์ที่เห็นอย่างนั้นก็ต้องโอ๋แอนดรูว์เป็นการใหญ่
“เอ้าลูกร้องไห้เลย วันนี้หลายอารมณ์เล้วนะเนี่ยตามไม่ทัน” กราฟพูดขำๆแต่ภรรยาดันมองตนตาเขียว ตนจึงต้องจำยอมเงียบปากไป
“โอ๋ๆ เด็กดีๆ เป็นอะไรอีกล่ะครับไม่ร้องนะ นี่ก็ดึกแล้วนอนเถอะครับคนดี” ว่าจบดิลด์ก็ก้มลงไปหอมแก้มยุ้ยของแอนดรูว์ นิ้วก็คอยเกลี่ยเช็ดน้ำตาให้ มือเล็กๆของลูกน้อยกอบกุมรอบนิ้วโป้งของตนก่อนจะค่อยๆเงียบหายไปกลายเป็นเสียงหายใจอย่างสม่ำเสมอโดยไม่ยอมปล่อยนิ้วโป้งที่กำไว้
‘รู้สึกดีจัง หาววว ง่วงละ นอนดีกว่า’
“ลูกหลับแล้วค่ะคุณ แต่แกไม่ยอมปล่อยนิ้วโป้งฉันเลย วันนี้ให้แกนอนตรงกลางนะคะ” ดิลด์หันมาพูดกับกราฟที่มองภาพเมื่อสักครู่ด้วยความรู้สึกตื้นตัน
แอนดรูว์ ถือเป็นของขวัญจากพระเจ้าโดยแท้จริง....
“ว้า อย่างนี้ผมก็อดกอดคุณตอนนอนสิ” ได้โอกาสก็ขอแซวภรรยาให้หน้าแดงเล่นหน่อย ดิลด์หน้าขึ้นสีก่อนจะตีไหล่กราฟเบาๆด้วยความเขิน
“พูดมากน่ะคุณ นอนได้แล้วนี่ก็ล่วงเข้าวันใหม่แล้วพรุ่งนี้คุณต้องทำงานแต่เช้านี่คะ” ดิลด์พูดกับชายคนรักตนหลังจากหันไปมองตำแหน่งดวงจันทร์นอกหน้าต่างที่เริ่มเอนเอียงไปทางทิศตะวันตกแล้ว
“ครับๆนอนก็นอน” ว่าจบกราฟก็ล้มตัวลงนอนทันที ดิลด์เห็นดังนั้นก็ล้มตัวลงนอนบ้างพร้อมกับวางร่างทารกน้อยไว้ตรงกลางระหว่างเขาทั้งสองโดยมีมือเล็กๆกำรอบนิ้วโป้งของตนไม่ยอมปล่อย
‘ขอบคุณพระเจ้าที่ประทานดวงใจให้แก่ข้า ขอบคุณ...’
ร่างทั้งสามต่างเข้าสู่ห้วงนิทราอย่างเป็นสุขร่วมกับชีวิตใหม่ที่กำเนิดขึ้น โดยไม่ได้รู้เลยว่าพวกตนได้ให้กำเนิดบุคคลแห่งโชคชะตา ที่ในภายภาคหน้าจะต้องเลือดระหว่างทำลายกับปกป้อง โลกนี้เอาไว้
โลกแห่งเวทมนต์....เมจเจียร์
100%
ความคิดเห็น