คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #20 : THE ROOMMATE - 19
เสียงโหวกเหวกโวยวายดังระงมไปทั่วทั้งชั้น คยองซูปรายตาไปมองที่กลุ่มของนักศึกษากลุ่มเจ้าของเสียงอย่างเบื่อหน่าย ก่อนที่แบคฮยอนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เบื่อหน่ายเช่นกัน
“ทำไมไร้มารยาทกันขนาดนี้นะ”
“ขนาดในห้องสมุดนะ นี่ถ้าเป็นที่อื่นคงหนักกว่านี้แน่” คยองซูปิดหนังสือตรงหน้าลง ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินตรงไปยังบรรณารักษ์ที่กำลังงุ่นอยู่กับการจิ้มโทรศัพท์มือถือโดยที่ไม่ได้สนใจบรรยากาศในขณะนี้เลย
แบคฮยอนมองตามคยองซูแล้วปรือตาขึ้นพร้อมกับขำเล็กน้อย
โชคดีนะพี่บรรณารักษ์…
วันนี้แบคฮยอน คยองซูและจงอินพากันมาอ่านหนังสือที่ห้องสมุดต้อนรับการสอบปลายภาคที่กำลังจะมาถึง แต่เอาจริง ๆ แล้วก็คงจะมีแค่แบคฮยอนและคยองซูที่มาอ่านจริง ๆ ส่วนจงอินก็ยังคงอยู่ในห้วงนิทราตั้งแต่เข้ามาจนถึงตอนนี้ แม้ขณะนี้ในห้องสมุดจะเสียงดังขนาดไหนก็ตาม…
“ไม่เหนื่อยบ้างรึไง”
“ไม่เลย กำลังใจยังเยอะอยู่”
“ฉันหมายถึงที่นายรีบเดินแบบนี้น่ะ นายไม่เหนื่อยแต่ฉันเหนื่อยนะ” อี้ชิงพูดค้อนเพื่อนสนิทขึ้น ก่อนจะหยุดเดินแล้วคว้าแขนคนตัวสูงเอาไว้
“โถ่ แค่นี้เหนื่อยแล้วหรอ เราเพิ่งเดินกันแปปเดียวเองนะ” ชานยอลหันมาพูดด้วยน้ำเสียงงอแง
“อ่อครับ เดินข้ามคณะมาเป็นโลนี่ไม่เหนื่อยเลยครับ” อี้ชิงพูดพร้อมกับถอนหายใจ ก่อนจะปล่อยแขนชานยอลแล้วเดินนำหน้าไป “แล้วนี่แต่ละวันนายรู้ได้ยังไงอ่ะว่าแบคฮยอนไปไหนบ้าง”
“มีญาณวิเศษ”
“เอาดี ๆ ดิ”
“ก็จริง ๆ เนี่ย ที่ที่แบคฮยอนจะไปมีไม่กี่ที่ในมหาลัยหรอก แล้วที่ไปหาแต่ละทีมันก็ดันเจอทุกที แบบนี้อ่ะ นายว่ามันวิเศษป่ะล่ะ”
อี้ชิงไม่ได้ตอบอะไร เพียงแต่หันหน้ามาแล้วพยักหน้าน้อย ๆ เหมือนจะพยายามเข้าใจ
ไม่กี่นาทีต่อมา ทั้งคู่ก็อยู่ในหอสมุดเป็นที่เรียบร้อย ก่อนจะช่วยกันเดินวนทุกชั้นเพื่อหาตัวแบคฮยอน
“เห้ย นั่นไง” อี้ชิงชี้ไปยังกลุ่มของแบคฮยอน ก่อนที่ชานยอลจะมองตามแล้วรีบตรงปรี่เข้าไปทันที
ทางด้านแบคฮยอนที่นั่งหันหน้ามาทางชานยอลพอดี เมื่อเห็นคนตัวสูงเดินเข้ามาก็ได้แต่ถอนหายใจแล้วก้มลงอ่านหนังสือต่อโดยไม่ได้สนใจอะไร
“หวัดดีคยองซู” ชานยอลเข้าไปนั่งข้าง ๆ แบคฮยอนพร้อมกับเอ่ยทักทายคยองซูขึ้น
ส่วนจงอินเมื่อได้ยินเสียงอดีตคู่ปรับก็ตื่นขึ้นก่อนจะมองหน้าชานยอลด้วยความรำคาญเล็กน้อย
“มาทำอะไรทุกวัน ไม่เห็นรอมีแต่คนรำคาญ”
คยองซูหันไปทำหนาดุใส่จงอิน ในขณะอี้ชิงที่เดินตามหลังชานยอลมามาถึงโต๊ะของทุกคนพอดี
“อี้ชิงก็มาด้วยหรอ” คยองซูถามขึ้น
“โดนลากให้มาน่ะสิ ฉันน่ะเบื่อชานยอลมากกว่าพวกนายอีก” อี้ชิงพูดพร้อมกับนั่งลงเก้าอี้ ก่อนจะหันไปยิ้มให้จงอินกับแบคฮยอน
“คราวหลังนายก็ไม่ต้องไปตามใจชานยอลหรอก รั้ง ๆ เอาไว้แล้วพากันไปหาอะไรที่ดีกว่ามาตามฉันเถอะ” ประโยคหลังแบคฮยอนพูดพร้อมกับหันหน้าไปทางชานยอล
“แบคฮยอนอ่า…” ชานยอลพูดด้วยสีหน้าที่น้อยใจ พร้อมกับยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ๆ คนตัวเล็ก จนผู้ถูกจู่โจมต้องเบือนหน้านี้ก่อนจะลุกเดินหนีไป
“ปัญญาอ่อนฉิบ…” จงอินพูดพร้อมกับส่ายหัว
“นายก็ทำแบบนั้นออกจะบ่อย ไม่รู้ตัวรึไง” คยองซูพูดค้อนจงอินด้วยสีหน้าเรียบเฉย ทำให้จงอินขมวดคิ้วด้วยความขัดใจ ก่อนจะก้มลงหมอบเพื่อนอนต่อ
อี้ชิงมองจงอินแล้วได้แต่ขำออกมา ก่อนที่จะหันไปชวนคยองซูคุย “แล้วนายไม่เบื่อชานยอลบ้างหรอ”
“ไม่อ่ะ ฉันเบื่อแบคฮยอนมากกว่า”
“ทำไมล่ะ”
“ไม่รู้สิ… เอ่อ งั้นเอาเป็นว่าเบื่อทั้งคู่ละกัน ฉันว่าชานยอลรุกผิดวิธี ส่วนแบคฮยอนก็เอาแต่หนี มันดูเหมือนพ่อแม่แง่แม่งอนในละครยังไงไม่รู้”
“นั่นสินะ” อี้ชิงพูดพร้อมหัวเราะออกมาเล็กน้อย ก่อนที่ทั้งคู่จะชวนกันคุยเรื่องจิปาถะหลาย ๆ เรื่องแทน
ดูเหมือนว่าตอนนี้อี้ชิงได้กลายเป็นเพื่อนกับคยองซูจงอินไปแล้ว สาเหตุก็หนีไม่พ้นชานยอลที่ชอบมายุ่มย่ามกับแบคฮยอนแทบจะทุกวัน จึงทำให้ทั้งสามได้ได้มีโอกาสพูดคุยกันและได้รู้ถึงสาเหตุของปัญหาระหว่างชานยอลกับแบคฮยอน ถึงแม้จะไม่ได้ละเอียดนักก็ตาม
“แบคฮยอน แบคฮยอน!”
แบคฮยอนหันขวับมาด้วยความรำคาญเมื่อรูมเมทเจ้าปัญหาได้เรียกเสียงดังขึ้นเรื่อย ๆ
“จะเดินไปไหนกัน ชั้นหนังสือชั้นนี้ก็มีอยู่แค่นี้เอง”
“แล้วนายอ่ะมีอะไร ฉันเบื่อจริง ๆ แล้วนะ เบื่อจริง ๆ แบบเบื่อไม่ไหวแล้วอ่ะ”
ชานยอลค่อย ๆ หุบยิ้มลง ก่อนจะหลุบตาลงต่ำ “…ฉันขอโทษ”
แบคฮยอนเลิกคิ้วข้างหนึ่งขึ้นแล้วมองชานยอลและไม่ได้ตอบอะไรกลับ ก่อนที่ชานยอลจะเงยหน้าขึ้นมาแล้วมองหน้ากลับไปโดยที่ไม่ได้พูดอะไรเช่นกัน
“ขอร้องเถอะชานยอล ถ้านายไม่มีธุระจริง ๆ นายอย่ามาตามฉันเลย ให้เราเป็นแค่รูมเมทธรรมดา ๆ เหมือนคนอื่นเข้าเถอะ ตอนนี้คนเขาใจผิดไปหมดแล้ว”
หลังจากที่คนตัวเล็กพูดจบ ชานยอลก็ได้แต่จ้องตาอีกฝ่ายอย่างเขม็ง ก่อนที่จะค่อย ๆ เดินเข้าไปประชิดจนแบคฮยอนต้องถอยร่นจนหลังไปชนกับชั้นวางหนังสือ
“…แต่วันนี้ฉันมีธุระ”
แบคฮยอนถอนหายใจแกมาอย่างโล่งอก ก่อนที่จะผลักชานยอลให้ออกห่างจากตัวเองเล็กน้อย “มีอะไรว่ามา”
“วันนี้ไปงานวันเกิดพี่จงซูกันไหม เห็นว่าจะมีปาร์ตี้กันยิ่งใหญ่เลยนะ”
แบคฮยอนมองหน้าชานยอลอย่างบึ้งตึงและไม่เข้าใจ
“นายจำพี่จงซูไม่ได้หรอก ไม่ได้ไปร้านแค่สองเดือนกว่า ๆ นี่ลืมคนในนั้นหมดแล้วหรือยังไง”
แบคฮยอนถอนหายใจ
ทำไมจะจำไม่ได้ล่ะ…
พี่จงซูเป็นหนึ่งในรุ่นพี่ในร้านที่แบคฮยอนทำงานอยู่และมีหน้าที่เป็นหัวหน้าพนักงาน แต่สิ่งที่ทำให้เขาไม่ค่อยชอบและไม่ยอมเข้าไปเยี่ยมร้านเป็นเวลาสองเดือนเต็ม ๆ ก็มีสาเหตุมาจากชานยอลนั่นแหละ
“แล้วนายล่ะ ไปร้านฉันบ่อย ๆ แบบนี้สนิทกับทุกคนรึยัง”
“ร้านนายหรอ ได้ข่าวว่าไม่ได้ทำงานที่นั่นแล้วหนิ”
แบคฮยอนจิ๊ปากอย่างขัดใจเมื่อได้ยินคำพูดที่มาพร้อมกับสีหน้าชวนโมโหของรูมเมทตัวสูง ก่อนจะหันหน้าหนีอีกครั้งแล้วเดินนำไปทางอื่น
“นายอยากไปก็ไปเถอะ ฉันจะอ่านหนังสือ”
“แต่ก่อนต่อให้นายไม่ว่างแค่ไหนก็หาทางไปจนได้ไม่ใช่หรอ”
แบคฮยอนหันหลังมามองหน้าชานยอล
“ฉัน ไม่ ไป”
คำพูดที่ชัดถ้อยชัดคำของแบคฮยอนทำให้ชานยอลต้องถอนหายใจออกมาเหมือนจะปลง
“ช่วยไม่ได้นี่เนอะ ไม่ไปก็เรื่องของนายแล้วกัน” พูดจบแล้วร่างสูงก็เดินผ่านตัวแบคฮยอนไปเลยที่ไม่ได้ตื๊ออะไรต่ออีก ทำให้เจ้าตัวต้องมองตามหลังด้วยความแปลกใจเล็กน้อย
แต่หลังจากเดินไปได้ไม่กี่ก้าว ชานยอลก็หันหน้ากลับมา
“บางทีการไปนั่งฟังคนในร้านคนพูดถึงเรื่องนายมันคงสนุกกว่ามาเดินตามนายแล้วให้นายอารมณ์เสียใส่แบบนี้ ใช่แน่ ๆ แบบนี้แหละฉันว่ามันคงดีกว่า”
ร่างสูงหันกลับไปแล้วเดินออกจากบริเวณนั้นทันที
แบคฮยอนถอนลมหายใจหนัก ๆ ออกมาอีกครั้ง
ไม่รู้ว่าตอนนี้จะโกรธพี่ในร้านที่ยอมเหล่าทุกอย่างของเจ้าตัวให้กับชานยอลฟังหรือจะน้อยใจที่ตอนนี้คนเหล่านั้นดูเหมือนจะสนิทกับชานยอลมากกว่าตัวเองดี…
“ไอ้บ้าชานยอล…”
“เดี๋ยวนี้แกติดโทรศัพท์จัง”
เซฮุนละสายตาจากโทรศัพท์มือถือ ก่อนจะทำหน้าเหรอหราแล้วพูดติดตลกกับพี่ชาย
“สาวเยอะไง ดูเบ้าน้องชายด้วย”
คริสเลิกคิ้วขึ้นเหมือนจะไม่เชื่อน้องชาย ก่อนจะหยิบแก้วไวน์ขึ้นมาดื่มแล้วเอนตัวพิงพนักเก้าอี้แขนสุดหรูเพื่อรอคำตอบของน้องชายอีกครั้ง
“…ช่วงนี้แบคฮยอนมีปัญหานิดหน่อยน่ะ ผมเลยกลายเป็นที่ปรึกษาที่ทำงานหนักกว่าเดิม”
คริสวางแก้วในมือลง “แบคฮยอน?”
“พี่จำแบคฮยอนไม่ได้หรอ”
คริสขมวดคิ้วขึ้น ก่อนจะทำหน้าเหมือนนึกออก “ไอ้เด็กอ้วนคนนั้นน่ะนะ?”
“ใช่แล้วพี่! แต่ตอนนี้แบคฮยอนไม่ได้เหมือนแต่ก่อนแล้วนะ หน้าดีขึ้นเยอะ”
“เรื่องของแบคฮยอนเถอะ”
เซฮุนยักไหล่ ก่อนจะชวนพี่ชายทานอาหารที่วางเรียงรายอยู่ตรงหน้าอย่างจริงจัง
วันนี้คริสกับเซฮุนได้ออกมาทานข้าวนอกบ้านด้วยกันสองคนในรอบหลายเดือน แต่ตั้งแต่ไปรับจากหอมาเซฮุนก็เอาแต่จดจ่ออยู่กับสมาร์ทโฟนโดยที่ไม่ได้ค่อยสนใจพี่ชายสักเท่าไหร่ ทำให้คริสต้องเอ่ยปากขึ้น เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเห็นเซฮุนเป็นแบบนี้ โดยเฉพาะช่วงหลัง ๆ มานี้
“ตอนนี้พี่ได้คบใครอยู่รึเปล่า” เซฮุนได้เริ่มบทสนทนาอีกครั้ง หลังจากที่ทั้งคู่ได้วางช้อนลงหลังจากกินอะไรอิ่มแล้ว
“ถามทำไม”
“ก็อยากรู้”
“แล้วแกน่ะคบใครอยู่รึเปล่า”
“ไม่มีหรอก”
“เห็นช่วงนี่ติดโทรศัพท์”
“ก็ผมคุยกับแบคฮยอนไงพี่”
“คุยกันเรื่องอะไร ทำไมดีใจขนาดนั้นตอนที่มีข้อความขึ้น”
เซฮุนมองหน้าพี่ชาย ก่อนจะพะงึมพะงำเพราะไม่รู้จะตอบอะไร “ก็…”
“แล้วแบคฮยอนนี่มีเรื่องทุกข์ใจมากขนาดนั้นเลยหรอ ทำไมบางทีต้องทำหน้ากังวลขนาดนั้น”
“นี่พี่สังเกตผมขนาดนั้นเลยหรอ?”
คริสหัวเราะในลำคอ ก่อนจะหยิบทิชชู่ที่วางไว้ข้าง ๆ จานแล้วปาใส่น้องชายไม่แรงนัก “สังเกตอะไร แกนั่นแหละที่เปลี่ยนไปเยอะ เปลี่ยนจนใครเขาก็รู้สึกได้เองกันหมดแล้ว”
เซฮุนยกมือขึ้นมาลูบหัวตัวเอง เพราะไม่รู้จะตอบโต้อย่างไร
“แกกลัวที่จะบอกฉันหรอกว่ามีแฟน”
“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก แต่… มันยังไม่ถึงเวลา”
คริสหัวเราะออกมาอีกครั้ง
“ไม่ถึงเวลางั้นหรอ ตลกสิ้นดี”
“มันน่าขำตรงไหนนี่เฮีย ผมเขินบ้างไม่ได้รึไง” เซฮุนยู่ปากพูดด้วยสีหน้าจริงจัง ทำให้พี่ยิ่งขำหนักมากกว่าเดิม
“มันก็ขำตรงที่แกเขินนี่แหละ”
เซฮุนไม่ได้ตอบโต้อะไรกลับ เพียงแต่หยิบแก้วน้ำเปล่าขึ้นมาดื่มแล้วเบนหน้าไปทิศทางอื่นเพื่อมองบรรยากาศรอบ ๆ ร้าน
“ถ้าฉันอยากจะรู้จริง ๆ ฉันจะส่งคนไปสืบ แบบนี้มันคงง่ายกว่ามานั่งเค้นแกตั้งเยอะ”
เซฮุนหันกลับมามองพีชายอีกครั้งด้วยสีหน้าที่ตื่นตระหนก
“ฉันล้อเล่น” คริสพูดพร้อมกับหัวเราะออกมาน้อย ๆ ทำให้เซฮุนถอนหายใจอย่างโล่งอก
“เรื่องของผมมันไม่มีอะไรน่าอยากรู้หรอก พี่ไม่ต้องเสียเวลาหรอก”
พูดจบเซฮุนก็เบี่ยงประเด็นโดยการชวนพี่ชายคุยเรื่องอื่น โดยที่ไม่รู้เลยว่าพฤติกรรมนี้ยิ่งทำให้คริสแปลกใจและอยากจะรู้เรื่องราวของตัวเองมากขึ้นไปอีก…
เวลาห้าทุ่มเศษ ๆ แบคฮยอนนั่งหมุนปากเล่นอย่างไร้จุดหมายหลังจากที่อ่านหนังสือเสร็จ คนตัวเล็กถอนหายใจออกมาเล็กน้อยเมื่อนึกเสียดายที่ไม่ได้ไปร่วมงานวันเกิดพี่ชายคนสนิท มือเรียววางปากกาลง ก่อนจะหยิบสมาร์ทโฟนที่มีรูปวอลเปเปอร์เป็นรูปของตัวเองคู่กับพี่สาวคนสวยขึ้นมาปลดล็อคหน้าจอแล้วกดเข้าไปในแอปพลิเคชั่นเฟซบุ๊ค
แบคฮยอนเลื่อนหน้าจอลงไปเรื่อย ๆ และได้ไปหยุดที่รูปงานปาร์ตี้งานเดียวกันที่วันนี้เขาไม่ได้ไปร่วมจากการโพสต์ของพี่อีกคนหนึ่ง
โทรศัพท์ถูกวางลง
ใบหน้าของชานยอลที่ปรากฏอยู่ในภาพนั้นดูเหมือนจะมีความสุขมากเลยทีเดียว ทำเอาแบคฮยอนเกิดอาการนอยด์ขึ้นมาด้วยสาเหตุที่เจ้าตัวเองก็ยังไม่สามารถจะอธิบายได้
เขาพยายามสลัดความคิดนี้ทิ้งด้วยการหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดเพลง ก่อนจะลุกไปเข้าห้องน้ำเพื่อแปรงฟันเข้านอน แต่ยังไม่ทันจะหยิบแปรงสีฟันขึ้นมาเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น
แบคฮยอนเดินออกมาเปิดประตู ก่อนจะพบกับรูมเมทตัวสูงที่ยืนอยู่หน้าห้อง กลิ่นแอลกอฮอล์อ่อน ๆ บ่งบอกว่าเจ้าตัวเพิ่งดื่มมา
ชานยอลเดินผ่านแบคฮยอนไป ก่อนจะยกมือขึ้นมาบีบขมับตัวเองแล้วทิ้งตัวลงที่นอน
แบคฮยอนมองตามรูมเมทตัวเองแต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก คนตัวเล็กเดินกลับเข้าไปทำธุระส่วนตัวจนเสร็จ แต่เมื่อเดินออกมาแล้วก็พบว่าชานยอนยังคงบีบหัวตัวเองแล้วนอนขดอย่างน่าเป็นห่วง
เสียงเพลงจากโทรศัพท์มือถือถูกปิดลง
“ชานยอล”
ชานยอลพลิกตัวมาตามเสียงเรียก แล้วมองหน้าเหมือนรอคำถามจากแบคฮยอนโดยที่ไม่ได้พูดตอบอะไร
“เป็นอะไร”
“ฉันปวดหัว” พูดจบแล้วร่างสูงก็หลับตาลง
“ทำไมไม่ไปอาบน้ำ มันอาจจะเบาหัวลงก็ได้” แบคฮยอนพูดด้วยน้ำเสียงที่ดุเล็กน้อย ก่อนที่ชานยอลจะตอบกลับมาอีกครั้งและก็ยังคงหลับตาอยู่
“ถ้าลุกตอนนี้มันจะปวดหัวแล้วก็หนักหัวมาก ขอลองงีบสักแปปหน่อยละกัน”
แบคฮยอนเออออแล้วไม่ได้ซักถามอะไรต่อ ร่างบางนอนลงบนเตียงของตัวเองก่อนจะหยิบหนังสือการ์ตูนขึ้นมาอ่านเพื่อรอเวลาเข้านอน
ไม่ใช่เรื่องผิดแปลกอะไรที่ชานยอลเมินเฉยกับแบคฮยอน หรือที่แบคฮยอนเป็นฝ่ายที่ชวนชานยอลพูดคุยก่อน ชานยอลมักจะมีอาการแบบนี้เสมอเมื่อเหนื่อยหรือเครียดอะไรมามาก ๆ ส่วนแบคฮยอนเองก็ไม่ได้ใจไม้ไส้ระกำจนถึงขนาดไม่ถามสารทุกข์สุขดิบกับรูมเมทเมื่อมีอาการไม่ค่อยดีมาเห็น ส่วนใหญ่เรื่องที่ทำให้แบคฮยอนต้องคอยเดินหนีและรำคาญเป็นประจำก็คงจะเป็นพฤติกรรมที่ไม่น่าพิศวาสของชานยอลเท่านั้น
ก็เห็นอยู่ว่าถ้าเลิกงี่เง่าตื๊อฉันเมื่อไหร่ฉันก็จะไม่รำคาญหรือหนีนาย ทำไมไม่ทำนะชานยอล?
เวลาเกือบจะเที่ยงคืน แบคฮยอนปิดหนังสือการ์ตูนแล้ววางไว้ข้างเตียงเหมือนเดิม ก่อนจะเอื้อมมือไปปิดไฟบนโต๊ะของตัวเองที่อยู่ข้าง ๆ เพื่อที่จะนอนหลับ
ร่างเล็กปิดเปลือกตาลง แต่ยังไม่ทันที่จะเคลิ้มหลับ เจ้าตัวก็รู้สึกได้ว่ารูมเมทตัวสูงได้พลิกตัวไปมาโดยไม่มีท่าทีจะหยุดร่วมหลายนาที ก่อนที่จะได้ยินเสียงฝีเท้าหนัก ๆ ก้าวลงมาจากเตียงแล้วนั่งลงกับพื้น
แบคฮยอนลุกขึ้น มือเอื้อมไปเปิดไฟอีกครั้ง ก่อนที่จะหันไปเห็นร่างสูงจากข้างเตียงอีกฝั่งนั่งพะอืดพะอมอยู่กับพื้น
แบคฮยอนไม่รอช้าที่จะลุกเข้าไปดูอาการของชานยอลใกล้ ๆ
“ไหวไหม” ร่างเล็กพูดพร้อมกับนั่งลงไปแตะหลังชานยอลเบา ๆ ก่อนที่อีกฝ่ายจะส่ายหน้าแล้วโก่งคอเหมือนจะอ้วก
แบคฮยอนมองดูอาการของรูมเมทด้วยความตื่นตระหนก จนแทบไม่รู้ว่าอีกฝ่ายได้อาเจียนออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ มือเรียวค่อย ๆ ลูบไปที่แผ่นหลังกว้างตามสัญชาตญาณ จนกระทั่งคนตัวสูงได้หยุดแล้วพิงหลังลงขอบเตียงด้วยความเหนื่อยอ่อน
ขวดน้ำใกล้ ๆ ถูกขว้ามาโดยมือของแบคฮยอนก่อนจะส่งให้ชานยอลดื่มเพราะคิดอะไรไม่ค่อยออก
ชานยอลกระดกน้ำเข้าไปเล็กน้อยแล้ววางลง ก่อนที่จะทำท่าจะอ้วกขึ้นมาอีกครั้งแล้วก็อ้วกจริง ๆ
กว่าสิบนาทีที่แบคฮยอนต้องคอยลุ้นกับอาการคลื่นไส้ของรูมเมท และหลังจากนั้นก็ไม่ได้เกิดอะไรขึ้นอีก ชานอลถูกให้ไปอาบน้ำเพราะกลิ่นอ้วก แต่จนแล้วจนรอดเจ้าตัวก็ไม่ยอม แบคฮยอนจึงยอมผ่อนปรนให้แค่ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก็พอ จึงทำให้ร่างสูงยอมลุกถึงแม้ค่อนข้างจะอืดอาดอยู่มาก
คนตัวเล็กมองร่องรอยอารายธรรมที่รูมเมทตัวดีทิ้งไว้ ก่อนจะตัดสินใจหันไปสั่งให้อีกคนรีบมาจัดการให้หมด แต่หลังจากหันไปแล้วเจอกับสภาพที่ยังไม่ต่างจากเดิมเท่าไหร่นัก แบคฮยอนก็ได้แต่ถอนหายหายแล้วกลั้นใจไปขนถังน้ำกับไม้ถูพื้นมาจัดการเอง
ชานยอลมองแบคฮยอนด้วยความอึ้งปนกับตกใจ
“แบคฮยอน ให้ฉันทำเองก็ได้” คนตัวสูงพูดด้วยน้ำเสียงที่เกรงใจปน ๆ กับเสียงสั่น ๆ เพราะอาการไม่ค่อยดีของตัวเองเล็กน้อย
“จะทำเมื่อไหร่ละ” แบคฮยอนหันมามองค้อน
“หลังจากงีบแปปนึง”
“รอจนป่านนั้นฉันคงได้อ้วกตามนายพอดี กลิ่นหึ่งซะขนาดนี้” ว่าแล้วก็หันกลับไปเช็ดถูต่อ
ชานยอลเดินเข้ามาดูใกล้ ๆ แบบไม่รู้จะช่วยยังไง แบคฮยอนจึงหันกลับมาเอ็ดอีกครั้งแล้วไล่ให้ไปนอนพักที่เตียงของตัวเอง เพราะตอนนี้สภาพรอบเตียงชานยอลไม่มีที่ว่างและไม่สมควรจะเดินลุยเข้าไปเลย
“นายมียาดมไหม”
“อยู่ในลิ้นชักที่โต๊ะอ่ะ เปิดเอาเลย”
ชานยอลเปิดลิ้นชักตามที่อีกคนบอก ก่อนจะทิ้งตัวลงบนเตียงหลังจากที่ได้หาเจอแล้ว
“เออ ยาแก้อ้วกก็อยู่ในนั้นน่ะ กินซะสิ”
ชานยอลเด้งตัวขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนจะเริ่มคุ้ยหายาตามที่แบคฮยอนบอก
“ทำไมนายถึงมีพร้อมจัง”
“อะไรที่คิดว่าคงได้ใช้ก็ซื้อ ๆ มาแค่นั้น” คนตัวเล็กตอบพร้อมกับยกถังน้ำเข้าไปในห้องน้ำแล้วเปลี่ยนน้ำใหม่
ชานยอลมองการกระทำของรูมเมทพร้อมกับยิ้มออกมาน้อย ๆ
“ทำไมใจดีกับฉันแบบนี้ล่ะ”
“ไม่ใจดีคืนนี้ฉันคงนอนไม่ได้หรอก” แบคฮยอนตอบพร้อมกับทำหน้ามุ่ยเพราะความเซ็ง
ในขณะที่ชานยอลที่หลังจากกินยาแล้วก็ได้แต่นอนยิ้มแล้วมองดูแบคฮยอนอยู่อย่างนั้น จนกระทั่งแบคฮยอนจัดการทุกอย่างเสร็จ
“อีกสักพักพื้นคงแห้ง พอแห้งแล้วนายก็กลับไปเตียงตัวเองได้ละ ฉันว่าจะไปอาบน้ำใหม่ก่อน”
พูดจบแบคฮยอนก็เตรียมจะยกอุปกรณ์ทั้งหมดขึ้น ก่อนที่ชานยอลจะพูดรั้งเอาไว้ซะก่อน
“เดี๋ยวก่อนแบคฮยอน”
“มีอะไร”
“มาคุยกันก่อนได้ไหม ฉันง่วงแล้ว กลัวจะหลับก่อนนายออกมา”
“ง่วงก็นอนไปสิ ไว้คุยวันหลังก็ได้” คนตัวเล็กไม่ได้รอฟังคำตอบของอีกคน แล้วเตรียมยกทุกอย่างขึ้นอีกครั้ง จนชานยอลต้องลุกขึ้นมาแล้วรั้งไว้อีกรอบ
“ฉันรู้จักผู้หญิงคนนั้นแล้วนะ!”
แบคฮยอนหันมาขมวดคิ้วใส่เพราะไม่เข้าใจคำพูดของอีกคน
“พี่กาอินไง พี่ที่นายไม่ยอมตอบฉันว่าเป็นใคร”
“แล้วไง?”
“แค่อยากบอก เพื่อวันหลังนายจะแปลกใจที่ฉันจะไม่ได้ถามเรื่องนี้อีก”
“นี่ ฉันไม่ได้สนใจเรื่องของนายขนาดนั้นหรอกนะ ”
“พี่เขาน่ารักดีน…”
“มีอะไรอีกไหม” แบคฮยอนรีบพูดตัดบทรูมเมทตัวสูงเพราะขี้เกียจจะฟังเรื่องไร้สาระอีก
ชานยอลยักไหล่ “มีแต่คนถามถึงนาย”
“แล้วนายตอบไปว่าไง”
“นายขี้เกียจมา”
แบคฮยอนอ้าปากหวอขึ้น ก่อนจะวางของในมือลงแล้วก็เดินไปหาชานยอลพร้อมกับทำท่าจะตี
“เฮ้ย ๆ ฉันล้อเล่น” พูดแล้วก็หัวเราะคิก ๆ
“เอาดี ๆ สิวะ กวนประสาทฉันนี่สนุกมากรึไง”
“ใช่”
ครั้งนี้แบคฮยอนฟาดลงที่หลังชานยอลจริง ๆ แบบไม่ยอมฟังอะไรต่อ ก่อนที่ชานยอลจะยกมือขึ้นสู้จนคนตัวเล็กยอมสงบ
“ฉันไม่สบายอยู่นะ นี่ยังจะใจร้ายมาตีกันอีกหรอ”
“ปากดีอย่างนี้คงหายแล้วมั้ง”
ชานยอลเบ้ปาก “ก็ตอบตามความจริงนี่แหละ พี่เขาเลยให้ฉันกรอกเหล้าแทนนายที่ไม่ได้ไปเลยไง”
“แล้วนายก็ยอมงี้นี่หรอ?” แบคฮยอนค้ำเอวถาม
“ก็แค่นิดเดียว”
“กลับมาก็เลยกลายมาเป็นภาระให้ฉันอย่างนี้สินะ”
“มันไม่ใช่เพราะเหล้าทั้งหมดซะหน่อย ก่อนไปฉันเวียนหัวนิดหน่อยอยู่แล้ว”
“แล้วก็ยังจะกิน” แบคฮยอนมองหน้าชานยอลอย่างเอาเรื่อง ในขณะที่ชานยอลเองก็ไม่ได้ตอบโต้อะไรไปและได้แค่ทำหน้าสำนึกผิดอยู่อย่างนั้น
“ถ้ามาสภาพนี้อีกนะฉันจะไล่นายไปนอนนอกห้อง”
“ใจร้าย…”
แบคฮยอนยิ้มแหย ๆ ให้เป็นคำตอบ ก่อนที่จะเปลี่ยนมาเป็นสีหน้าดุอีกครั้ง
“ฉันไปได้รึยัง?”
ชานยอลพยักหน้า ก่อนจะมองตามหลังรูมเมทตัวเล็กที่กำลังถือของพะรุงพะรังออกไปนอกระเบียง
รอยยิ้มแห่งความสุขกลับมาอีกครั้ง
ชานยอลนอนลงที่เดิม
ถึงแม้ว่าแบคฮยอนจะโกรธหรือรำคาญอะไรชานยอลมากแค่ไหน แต่ถ้ามีเรื่องอะไรมาความห่วงใยในสายตาแบคฮยอนก็ไม่เคยเปลี่ยน
ชานยอลนั่งอยู่กับความคิดของตัวเอง ก่อนจะคิดได้ว่าบางทีสิ่งทำให้แบคฮยอนคอยหนีอาจจะไม่ใช่ด้วยเหตุผลเพราะว่าเขาคือชานยอล ชานยอลคนที่เคยทำให้แบคฮยอนเสียใจ… แต่คงจะเป็นเพราะความน่ารำคาญและการตามติดที่มากเกินไปของตัวเอง เพราะก่อนหน้านั้นที่คนตัวเล็กมีความรู้สึกดี ๆ ให้ตนเอง ก็ไม่ใช่เพราะเหตุผลที่เขาพยายามจะเข้าหาหรือเอาใจใส่มากขนาดนี้
ชานยอลยิ้มให้กับตัวเอง
“ต่อไปนี้อาจจะคิดถึงมากขึ้น แต่งจะทำให้เหนื่อยน้อยลงแล้วก็คงไม่ทำให้นายรำคาญแล้ว”
ร่างสูงหลับตาลง ก่อนจะหลับใหลไปอย่างง่ายดายด้วยความง่วง
01.24
หลังจากออกจากห้องน้ำ แบคฮยอนมองเข็มนาฬิกาแล้วได้แต่ถอนหายใจ
ถึงแม้พรุ่งนี้แบคฮยอนจะเรียนตอนบ่าย แต่เจ้าตัวก็อยากนอนเร็ว ๆ เพื่อที่จะได้รีบตอนเช้าแล้วใช้เวลาว่างให้คุ้มที่สุดในตอนใกล้สอบ แต่ในเมื่อเรื่องวันนี้มันเป็นเหตุสุดวิสัย ร่างเล็กเลยไม่ได้คิดอะไรมากนัก เพียงแต่นึกเสียดายเวลานอนเล็กน้อยเพียงเท่านั้น
ร่างเหยียดยาวของชานยอลนอนหลับตาพริ้มเหมือนคนที่กำลังหลับลึก แบคฮยอนเข้าไปมองดูใกล้ ๆ แล้วได้แต่คิดว่าจะปลุกดีไหม แล้วสุดท้ายก็ไม่ปลุก เพราะอยากให้อีกคนพักเต็มที่ และกลัวว่าถ้าเกิดตื่นขึ้นมาคนตัวสูงอาจจะพูดโน่นพูดนี่ไม่หยุดอีก
ดวงตาคมมองไปรอบ ๆ ห้อง แล้วก็พบว่าไม่มีที่ไหนที่เขาจะสามารถนอนได้เลยนอกจากพื้นและก็เตียงของชานยอล
ร่างเล็กตัดสินใจเดินไปนั่งลงที่เตียงอีกฝั่ง
อย่างน้อยนอนตรงนี้ก็คงดีกว่าไปดึงดันนอนเตียงตัวเองหรือนอนพื้น…
แบคฮยอนจัดการพลิกหมอนเพราะไม่อยากใช้หน้าหนุนลงด้านเดียวกับชานยอล แต่ในจังหวะที่กำลังยกหมอนขึ้นก็ได้เหลือบไปเห็นสมุดบันทึกที่ถูกวางไว้ใต้หมอน
แบคฮยอนเพ่งมองดู แล้วก็พบว่ามีรูปถ่ายรูปหนึ่งที่ยื่นออกมาจากในสมุดเล่มนั้น
หมอนถูกวางลงอีกด้านหนึ่ง และไม่รู้ว่าอะไรที่ดลใจให้แบคฮยอนถือวิสาสะหยิบมันขึ้นมาดู
สมูกบันทึกถูกเปิดขึ้น แล้วก็พบว่าในสมุดเล่มนี้ไม่ได้มีการคิดเขียนอะไรเลยแทบทุกหน้า แต่กลับไปที่ใช้เก็บรูปที่ถ่ายโดยชานยอล รูปของลู่หาน…
รูปทั้งหมดนี้ถ่ายจากกล้องโพลาลอยด์ และเขาเองก็เคยเห็นชานยอลเอาขึ้นมาจับเล่นอยู่บ่อยครั้ง
แบคฮยอนหยิบขึ้นมาดูทีละรูป แล้วจู่ ๆ หัวใจก็เกิดเต้นแรงขึ้นมาอย่างไม่รู้สาเหตุ
ลมหายใจถูกพรูออกมา ตอนนี้เขาไม่รู้ว่าจะไม่เข้าใจตัวเองหรือไม่เข้าใจชานยอลดี
ชานยอลยังไม่ได้เลิกรู้สึกอะไรกับลู่หานหรอ?
แล้วทำไมเขาต้องรู้สึกไม่ดีที่เห็นอะไรอย่างนี้ด้วย?
มือเรียวจัดการเก็บรูปถ่ายเข้าที่อีกครั้ง ก่อนจะหยิบหมอนโดยที่ไม่ได้สนใจด้วยซ้ำว่าต้องพลิกด้านไหนมาทับลงไว้เหมือนเดิม ก่อนจะล้มตัวนอนลงแล้วพยายามที่จะไม่คิดอะไรต่อ
และกว่าที่เจ้าตัวจะหลับได้ก็นานอยู่เหมือนกัน…
ต้องากลับไปอ่านใหม่อีกรอบแล้วค่ะ เวรกรรมจริงๆ อิอิอิ รู้ว่ามีคนแอบรออยู่(ถึงจะน้อยมา55555) เลยกลับมาต่อให้ ขอบคุณนะคะ T _ T
คราวนี้ถ้าไรท์หายไปอีกก็ขอให้มีความหวังอีกนะคะ นี่หายไปเป็นปีกว่ายังกลับมาต่อได้ #แต่คงจะไม่หายแล้วเพราะขี้เกียจอ่านอีก #ร้องไห้หนักมก
CRY .q
ความคิดเห็น