คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : บทที่ 2 เลิศวรานนท์ (100%) รีไรท์
“ได้ครับ ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัว จะได้รีบไปเตรียมตัว”
ที่ผ่านมาเขาทำทุกอย่างเพื่อมารดา ท่องมาตั้งแต่จำความได้ว่า ‘แม่เสียสละ’ หลายอย่างเพื่อให้เขา และน้องมีชีวิตที่ดี ทว่าพอเติบโตขึ้นมาทุกอย่างกลับไม่ได้เป็นเช่นนั้น ปัญหาระหว่างมารดากับบิดา เขาไม่เข้าใจ แม้เติบโตมาขนาดนี้ก็ยังไม่เข้าใจ เหตุใดคนที่รักกันต้องหย่าร้างกัน หลายครั้งที่เอ่ยปากถามบิดา เว้าวอนขอความจริงจากมารดา ท่านทั้งสองก็มักบ่ายเบี่ยง บ่อยเข้าบิดาถึงขั้นเมินเฉย และห่างเหินออกไปจนเขาใจหาย
มาวินฉลาดพอที่จะหยุด ชายหนุ่มเลิกตั้งคำถามกับทุกสิ่งในชีวิต เมื่อมารดาเลือกให้ต้องเดินไปตามเส้นทาง ไม่ออกนอกกรอบที่สร้างไว้ เขาก็ทำ แม้หัวใจของเขาจะทนทรมานก็ตาม
สองขาก้าวออกจากห้องรับแขก มุ่งหน้าสู่ชั้นสองของบ้าน ทว่าเมื่อเหลือบสายตาไปยังประตูห้องนอนของน้องชาย ขาที่ก้าวไปข้างหน้าก็ชะงักงัน ก่อนเปลี่ยนเส้นทางทันที
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
รอไม่นาน บานประตูก็เปิดออกพร้อมใบหน้าเรียบนิ่งคุ้นตา
“ทำการบ้านอยู่เหรอ ให้พี่สอนไหม” ท้ายประโยคเขาหัวเราะลงคอ คนที่ได้ที่หนึ่งในสายชั้นหรือจะสู้คนที่ได้ที่หนึ่งของประเทศ สำหรับวาคินแล้วไม่ว่าจะวิชาไหน เรียนอะไร น้องชายคนนี้ไม่เคยมีคำว่าที่สอง
วาคินเหลือบตามอง ส่ายหน้าตอบ ก่อนเดินนำเข้าไปในห้องนอน
กองหนังสือมากมายหลากหลายภาษาวางเกลื่อนกลาดอยู่บนพื้นห้อง บนโต๊ะ และเก้าอี้ มีร่างของหนุ่มลูกครึ่งอีกคนนอนราบ หายใจสม่ำเสมออยู่ใกล้ ๆ เตียง
“ทัศมานอนด้วยเหรอ”
ใบหน้าที่กำลังก้มลงใช้มือกวาดหนังสือออกเพื่อให้พี่ชายนั่งพยักตอบสองสามที
มาวินจึงทิ้งกายลงนั่งบริเวณที่น้องชายจัดเตรียมไว้ให้ไม่มีอิดออด
“พี่จะไปอเมริกาต้นเดือนหน้านะ” เขาบอกเรียบ ๆ แล้วยิ้มเผล่ เมื่อร่างของน้องที่กำลังจะนั่งลงบนพื้นชะงักกึก เงยหน้ามองเขาด้วยดวงตาหรี่เล็ก ก่อนถอนหายใจแล้วทิ้งกายลงนั่งตาม
“คุณหญิงสั่งหรือครับ”
แม้จะเดาได้ตั้งแต่แรกก็ตาม เพราะทุกอย่างในชีวิตของมาวินมีคนเพียงคนเดียวขีดเส้นให้เดิน
“อืม พี่แค่จะมาฝากเราให้ช่วยดูแลคุณแม่ เพราะไม่รู้เมื่อไหร่พี่จะได้กลับมา”
ท้ายประโยคน้ำเสียงพร่าสั่น หากใบหน้ายังมีรอยยิ้มบาง ๆ ประดับเสมอ วาคินมองแล้วถอนหายใจหนัก ๆ
“ไม่อยากไปทำไมไม่บอกไปตามตรง” เพราะมาวินมี ‘บางสิ่ง’ ให้ผูกพันจนไม่อาจตัดใจจากไปได้ง่าย
ทว่ามาวินกลับยิ้มตอบ “บางทีไปที่อื่นอาจดีกว่าอยู่ที่นี่”
ที่ผ่านมามีเรื่องราวมากมาย และหลายเหตุการณ์ที่ผ่านมาหนักมากสำหรับเขา เมืองไทยจึงไม่ใช่สถานที่ที่ดีอีกต่อไป ตั้งแต่ ‘วันนั้น’ ชายหนุ่มก็ไม่สามารถวาดภาพใด ๆ ได้อีกเลย ทุกครั้งที่จับพู่กันหรือดินสอ มือไม้จะสั่นเทา ภาพใบหน้าของใครบางคนที่อยากลบให้หายไปจากความทรงจำจะทอวาบกลับมาพร้อมคำสาปแช่ง
เขาเกลียด… ไม่ได้กลัว เกลียดความรู้สึกหวาดหวั่นสั่นไหวรุนแรงข้างในหัวใจของตนจนไม่อาจทนยืนอยู่บนแผ่นดินที่คนคนนั้นเคยย่ำเหยียบหรือคนรอบข้างมองมาด้วยสายตาบางอย่างได้อีกต่อไป
เขาผิด… อย่างนั้นหรือ ทั้ง ๆ ที่คนผิดจริง ๆ คือคนที่ถูกมองว่าน่าสงสาร ทุกอย่างเกิดขึ้นจากความละโมบของคนคนหนึ่ง หากเขากลับกลายเป็นจำเลยของทุกคน เพียงเพราะไม่ต้องการแบกรับในสิ่งที่ไม่ใช่หน้าที่!
“พี่วิน” เสียงของวาคินปลุกมาวินจากภวังค์ความรู้สึกด้านลบ ชายหนุ่มยิ้มกลบเกลื่อน ก่อนเงยหน้าถาม
“ว่าไง”
“คุณหญิงกังวลเรื่องนั้นหรือ” เรื่องราวในอดีตที่แสนเจ็บปวดของมาวิน เขารู้อีกฝ่ายบาดเจ็บจากเหตุการณ์นั้นมากที่สุด ภาพเหตุการณ์ในวันนั้นคงปรากฏในห้วงฝันทุกค่ำคืนของพี่ชาย ไม่เช่นนั้นทุกวันฝนตก พี่ชายของเขาจะไม่หอบหมอนมาขอนอนด้วยอย่างแน่นอน หากวาคินไม่คิดย้อนรำลึกหรือถามออกไปตรง ๆ
ทว่า… คุณหญิงวารีไม่เป็นเช่นนั้น เพราะท่านเอาแต่พร่ำรำพันกับเรื่องราวที่ผ่านมา ต่อให้ปฏิเสธสักร้อยเท่าพันเท่าก็ไม่เข้าไปในความรู้สึกของท่าน ทั้ง ๆ ที่มาวินไม่ใช่คนผิด แต่ก็ไม่มีใครเชื่อในคำพูดของผู้ชายตรงหน้า
ที่สำคัญคนเป็นแม่ที่ไหน ไม่เชื่อใจลูกชายของตนเอง
แต่หากจะโทษคงต้องโทษ มาวินเลือกจะโทษตนเอง เพราะเขามันไม่ดีเอง ปล่อยให้เรื่องราวบานปลาย คนมากมายเข้ามาข้องเกี่ยว ในบ้านหลังนี้คนเดียวที่รับฟัง และเชื่อคำพูดของเขาก็มีเพียงวาคิน นอกจากวาคินแล้วอีกคนหนึ่งที่เขาปรารถนาจะให้ยืนเคียงก็คือ… กลอยใจ
เมื่อพูดถึงกลอยใจเขาก็เผลอยิ้มอย่างจริงใจออกมา หญิงสาวไม่เคยทวงถามหาความจริงกับเรื่องในอดีตของเขา แม้ผู้คนจะพูดไปอย่างไร แต่รอยยิ้มของเด็กสาวยังคงจริงใจไม่เปลี่ยนแปลง
ทว่าสถานะของกลอยใจไม่มีทางเป็นที่ยอมรับของคนในบ้านเลิศวรานนท์ ต่อให้เขาจะยังคงใช้นามสกุลของบิดา ทว่าชายหนุ่มไม่แน่ใจนักว่าจะ ‘ต้านทาน’ ความต้องการของคนรอบข้างได้ถึงเมื่อไหร่
“สักวันแกก็ต้องเปลี่ยนมาใช้นามสกุลของฉัน เพราะถ้าแกไม่เปลี่ยน เงินสักสตางค์แดงเดียวฉันก็จะไม่ให้!”
คุณตาของเขาเป็นเช่นนี้เสมอ กระทั่งวินาทีสุดท้ายของลมหายใจ ยังยืนยันเสียงแข็งถึงการเปลี่ยนมาใช้นามสกุลของท่าน แม้ปัจจุบันเขาจะไม่ยินยอม ทว่าเมื่อถึงเวลา บิดาเองก็คงสั่งให้เขายอมเพื่อลดปัญหา และแรงปะทะจากทุกคน
ไม่มีใครสักคนถามหาความต้องการของเขาจากใจจริง
สิ่งที่เขาชอบ สิ่งที่เขารัก ล้วนเป็นเรื่อง ‘ไร้สาระ’ ในสายตาของคนรอบข้าง
ปีนี้เขาอยู่ปีสองกำลังอยู่ในช่วงปรับตัวเข้ากับเพื่อนในคณะได้ดี ส่วนวาคินอยู่ ม.ต้น แม้จะยังเหมือนเด็กมาก แต่เด็กลูกครึ่งที่อยู่เมืองนอกมาตั้งแต่เกิดจนแปดขวบย่อมแตกต่างจากเขาโดยสิ้นเชิง น้องชายมีสิ่งที่ชอบ เขาเหลือบมองหนังสือเกี่ยวกับการซื้อขายหุ้นที่กองพะเนินข้าง ๆ แล้วระบายยิ้ม แตกต่างจากเขาโดยสิ้นเชิง
กระทั่งการวาดภาพก็ยังเป็นเพียงงานอดิเรกที่เขาเลือกทำ เพียงเพราะถูกสั่งห้ามน้อยที่สุด เขาทำทุกอย่างตามกรอบ และแบบแผนที่คุณตากับมารดาวางไว้ทุกอย่าง กระทั่งตอนนี้ก็ไม่รู้แน่ชัดแล้วว่าอะไรคือสิ่งที่เขา ‘รัก’ จริง ๆ แม้กระทั่งกลอยใจ…
หลังจากบอกลาน้องชาย อยู่พูดคุยกันอีกพักใหญ่ก็กลับออกจากห้องนอนของอีกฝ่าย ตรงกลับเข้าห้องนอนของตน ถอนหายใจ ยามทิ้งกายลงนอนราบบนเตียงกว้าง หลับตาลงเพื่อพักกายพักใจให้สงบเงียบ
ทว่ายามที่เปลือกตาหนาหนักปิดสนิท ภาพใบหน้าหวาดระแวงกับดวงตาหรี่เล็กลงของ ‘เด็กคนนั้น’ กลับทอวาบเข้ามาในหัว กระทั่งหลับไม่ลงจึงกระเด้งกายลุกขึ้น เดินไปทิ้งกายลงนั่งที่เก้าอี้บริเวณระเบียงเพื่อผ่อนคลายความรู้สึก
หากเพียงก้าวขาออกไป ภาพที่ควรเป็นทิวทัศน์แมกไม้หลังบ้านกับสวนสวยงามตากลับมีใครอีกคนแปลกแยกแฝงเร้นอยู่
ร่างเล็ก ๆ กำลังก้ม ๆ เงย ๆ กับผืนดินขนาดไม่ใหญ่นักพร้อมเสียม ขะมักเขม้นขุดดินจนเหงื่อไคลหยดย้อยจนแผ่นหลังเปียกชุ่ม กลางแสงแดดใกล้เที่ยงจนเขาต้องหรี่ตามอง ข้างกันมีร่างของบอดีการ์ดประจำตัวของมารดากำลังใช้จอบขุดดิน ไม่ไกลกันมีนมแม้นคัดเลือกต้นพันธุ์ที่จะลงเพาะปลูก
มาวินกระตุกยิ้มมุมปาก แค่นเสียงในลำคอ
นี่กำลังทำไร่ทำสวนในสวนทรอปิคอลของเขากันหรือ…
ชายหนุ่มจ้องแผ่นหลังเล็ก ๆ เปียกชื้นเขม็ง ทว่าสุดท้ายก็คล้ายปลงได้จึงพ่นลมหายใจออกมาแรง ๆ ก็เด็กคนนั้นเป็น ‘น้องสาว’ ของเขาแล้วนี่ มีสิทธิ์มีเสียงในบ้านนี้ไม่แตกต่างจากเขากับวาคิน ชายหนุ่มจึงหมุนตัวกลับเข้าห้องนอน ทิ้งกายลงบนเตียงอีกครั้ง ทว่าครั้งนี้เขาพลิกตะแคงนอนหนุนมือตนเองมองออกไปยังระเบียงที่เพิ่งเดินจากมา
ไม่ได้ทราบความเป็นมาของเด็กหญิงนัก หากก็พอจะเดาได้ว่าคงลำบากมามากทีเดียว เพราะบ้านพร้อมรักเป็นสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าในการอุปถัมภ์ของคุณพร้อมรัก และคุณหญิงวารี มาวินถอนหายใจหนัก ๆ มองจ้องราวกับจะให้ทะลุไปถึง ‘เด็กคนนั้น’ พร้อมรำพันว่า…
“ถ้าฉันเป็นเธอ ฉันจะไม่เข้ามาในบ้านหลังนี้เด็ดขาดอัยริน”
หลังจากนั้นสองสัปดาห์ มาวินก็เดินทางไปอเมริกาโดยมีคุณหญิงวารี และวรันย์ตามไปส่ง ทั้งบ้านจึงเหลือเพียงอัยรินกับวาคินเป็นเจ้านายเพียงสองคน มีนมแม้นคอยดูแลทั้งสองอย่างระมัดระวัง
อัยรินเริ่มเข้าเรียนในโรงเรียนเตรียมอนุบาล และพบจิตแพทย์เด็กอย่างสม่ำเสมอเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเข้าสู่สังคมอย่างเต็มตัว ส่วนวาคิน เขายังคงเป็นเด็กมัธยมต้นสุดอัจฉริยะ มีคู่หูอย่างทัศนัยคอยเคียงข้าง บางครั้งเป็นเพื่อน บางครั้งเป็นพี่ชาย ทุกอย่างเดินไปตามเส้นทางของแต่ละคนอย่างเป็นระเบียบ นับจากวันที่เห็นกันเพียงผ่านไปมา อัยรินก็ไม่มีโอกาสได้พบพี่ชายร่วมบ้านอีก เด็กหญิงใช้เวลาส่วนใหญ่กับนมแม้น และคนรับใช้ในบ้าน ทำให้การพบปะกันเป็นเรื่องยาก แม้จะอยู่อาศัยในบ้านเดียวกัน
ทว่าหลังจากนั้นหนึ่งเดือน คุณหญิงวารี และวรันย์ก็เดินทางกลับมาจากอเมริกา หากการกลับมาครั้งนี้ คุณหญิงผู้ใจดีของอัยรินเปลี่ยนไปมากขึ้น เคร่งเครียด จริงจัง และบางครั้งดูเศร้าซึม
เมื่อผู้ปกครองอย่างเป็นทางการของเด็กหญิงกลับมา นมแม้นจึงกลับไปทำหน้าที่ปรนนิบัติคุณหญิงวารีอย่างเต็มที่ ทิ้งหน้าที่เลี้ยงเด็กสามขวบให้เป็นของวรันย์อย่างเต็มตัว
ชายวัยกลางคนเลี้ยงเด็กผู้หญิงตามแบบของตน ไม่ได้อ่อนโยนตามใจมากนัก หากก็ไม่ได้แข็งกระด้างอย่างที่เขาแสดงออก อัยรินติด ‘คุณลุง’ ของเธอมาก ทว่าทุกคืนหลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้วเธอจะเดินกอดตุ๊กตาเก่า ๆ ที่มองไม่ออกว่าเป็นตัวอะไร เพราะปะเย็บจนไม่เหลือเค้าเดิมมานอนกับ ‘คุณท่าน’ ทุกคืน
คืนนี้ก็เช่นกัน…
“อุ้ย!” ร่างกระจ้อยร่อยที่กำลังก้มคุยกับตุ๊กตาในมือกระดอนกลับไปข้างหลังทันทีที่ปะทะกับร่างซึ่งสูงใหญ่กว่าตนเองมากนัก เด็กหญิงเงยหน้าขึ้น ดวงตากลมโศกกะพริบปริบ ๆ มองเจ้าของร่างพร้อมเอียงคอ
เจ้าของร่างที่ถูกชนเองก็ชะงักฝีเท้าที่กำลังก้าวไปข้างหน้า เงยหน้าขึ้นจากหน้าหนังสือซึ่งเปิดอ่านไปพร้อมกัน จ้องมองดวงหน้าเล็กจ้อยกับร่างกะทัดรัดตรงหน้าเขม็ง
แผ่นหลังที่หยุดกะทันหันส่งผลให้คนที่เดินพูดตามมาไม่มองทางชนเข้าเต็มรัก
อัก!
ร่างของวาคินถลาไปข้างหน้า เห็นเพียงดวงตากลมโศกของคนตัวน้อยเบิกโพลง ปากอ้าค้าง ก่อนจะกลายเป็นพื้นไม้ลามิเนตสีน้ำตาลเข้มแทน หากก่อนจะถลาลงไปกองบนพื้นเขาพอมีสติเหลือจึงยันกายเอาไว้ด้วยสองมือทัน
“คะ คุณวา!”
ไม่เช่นนั้น ร่างกระจ้อยร่อยคงแบนติดพื้นบ้านแน่นอน
วาคินรู้สึกยุกยิกที่บริเวณท้อง จึงขยับตัวลุกขึ้น หลังจากยืนเรียบร้อยจึงหันไปตวัดสายตาคม ๆ ให้คนสนิทที่เดินไม่ดูทาง แล้วหันกลับมาจ้องเด็กหญิงตัวน้อยที่กำลังนั่งกอดตุ๊กตาสีตุ่น ใบหน้าซีดเผือด เม้มปากช้อนตามองมาอย่างคาดโทษ เด็กหนุ่มถอนหายใจแรง ๆ ยื่นมือข้างที่ว่างออกไปให้
“มาสิ” สาวน้อยกลอกตาไปมาคล้ายครุ่นคิด ก่อนส่งมือสั่นน้อย ๆ มาให้
วาคินรวบมือน้อยไว้ในอุ้งมือแล้วดึงคนตัวเล็กขึ้นยืน เมื่อร่างกระจิริดยืนได้ที่ เขายอบตัวลงไป ปัดแข้งปัดขาที่ไม่มีรอยขีดข่วนเบา ๆ เป็นการปลอบ และบอกขอโทษอยู่ในที
“ไม่เจ็บใช่ไหม”
คนที่กอดตุ๊กตาสีตุ่นก้มหน้า ขยับศีรษะเล็ก ๆ สองทีพร้อมเสียงอ้อมแอ้ม “ค่ะ”
เมื่อได้คำตอบแล้ว คนที่ยอบตัวอยู่จึงยืนขึ้นเต็มความสูง ร่างสูงสง่าตามสายเลือดฝั่งบิดาไม่เหมือนเด็กมัธยมต้นเลยด้วยซ้ำ มองดี ๆ ดวงตาสีเทาเข้มเรียบนิ่งคู่นั้นก็เหมือนคนขบคิดหลายอย่างจนน่าแปลกใจ
วาคินไม่ได้พูดอะไรอีก เพียงถอนหายใจทิ้ง เดินเลี่ยงไปอีกทางแล้วตรงไปยังห้องนอนของตน มีทัศนัยเดินตามก้นต้อย ๆ พร้อมกับส่งยิ้มให้สาวน้อยยามเดินผ่านกัน
ทว่าเพียงเดินไปถึงบานประตูห้องของตน ร่างที่สง่างามในสายตาเด็กหญิงก็หยุดนิ่ง ก่อนหันกลับมา
ดวงตาสีเทาเข้มอันเป็นเอกลักษณ์ที่มักเย็นชาเสมอจ้องมองมานิ่ง ๆ หากแววตาวูบไหว ก่อนริมฝีปากหนาจะขยับเอ่ยเสียงราบเรียบ
“เธอชื่ออะไร”
ฝากหนูอัยย์กับมาวินด้วยนะคะ
เนื้อหาที่ลงยังไม่มีการปรับแก้ ตรวจคำผิด
อาจมีบางส่วนผิดพลาดต้องขออภัยด้วยนะคะ
ขอบคุณที่ติดตามกันมาตลอด ทุกๆ เรื่องเลยนะคะ
รัก... เอริณ
ความคิดเห็น