คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทนำ (ฉบับปรับปรุง) 19.11.65
บทนำ
“วินลูก” เสียงเรียกชื่อบุตรชายคนโตเบาจนแทบเป็นเสียงกระซิบ เมื่อร่างสูงโปร่งถูกแบกเข้ามาในสภาพเมามายพร้อมผู้หญิงขนาบข้างซ้ายขวา คนรับใช้ผู้ชายเดินเข้ามารับร่างของมาวินไปพยุงไว้ คุณหญิงวารีไม่สนใจผู้หญิงที่แบกบุตรชายมาแม้กระทั่งหางตา ท่านส่งสัญญาณให้คนของตัวเองจัดการ ก่อนเดินตามร่างของบุตรชายที่ถูกหิ้วปีกไปด้วยความกังวล
“เชิญคุณๆ กลับได้แล้วครับ” ‘วรันย์’ คนข้างกายของคุณหญิงวารีผายมือส่งหญิงสาวสองคนด้วยแววตาเรียบนิ่ง สองสาวลังเล กัดริมฝีปากครุ่นคิด หากเมื่อร่างเล็กที่เดินเข้ามาส่งเช็คเงินสดจำนวนหนึ่งให้ทั้งคู่ แววตาลังเลจึงแปรเปลี่ยน แม้จะขัดเคือง แต่ก็ยอมจากไปแต่โดยดี
คล้อยหลังสองร่างสะโอดสะองที่เดินนวยนาดจากไปไกลแล้ว วรันย์จึงหันมาสั่งหญิงสาวมาใหม่เสียงราบเรียบอันเป็นเอกลักษณ์
“หนูอัยย์ขึ้นไปดูคุณหญิงหน่อยเถอะ”
หญิงสาวพยักหน้ารับ เดินก้มหน้าขึ้นชั้นสองตามคำสั่ง มุ่งหน้าไปยังห้องนอนของมาวิน เป็นจังหวะที่เดินสวนกับคนรับใช้ที่แบกร่างของมาวินขึ้นมาส่งพอดี อีกฝ่ายชะงัก แย้มยิ้มแล้วเอ่ยถาม
“จะเข้าไปช่วยคุณหญิงเหรออัยย์”
‘อัยริน’ ขานตอบเสียงเบาพร้อมพยักหน้ารับ จึงค่อยเดินไปยังจุดหมายต่อ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
หญิงสาวเคาะประตูเบาๆ ก่อนแง้มเปิดทันทีตามปกติ ทว่าจังหวะที่ก้าวขาเข้ามาในห้อง บางอย่างก็ลอยหวือเฉียดใบหน้ารูปไข่ไปกระแทกกับประตูอย่างแรง
เพล้ง!
ก่อนของสิ่งนั้นจะร่วงลงแตกละเอียดบนพื้น น้ำสีอำพันไหลนองจนเป็นแอ่งเล็กๆ
อัยรินเงยหน้าขึ้น หัวใจเต้นแรงจนแทบกระดอนออกจากอก ทั้งตกใจทั้งหวาดหวั่นจนต้องกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ หากไม่ได้ปริปากร้องสิ่งใดออกมา หญิงสาวหลับตาลงสงบจิตใจ และรวบรวมสติพักใหญ่จึงลืมตาขึ้น กวาดมองร่างชายหญิงต่างวัยตรงหน้า ก่อนสาวเท้าเข้าหาคนที่ตนเคารพรักมากที่สุด
“กรี๊ด!”
เสียงกรีดร้องของคุณหญิงวารีปวดร้าวปานจะขาดใจ ก่อนทรุดกายระหงลงบนพื้น ทำนบน้ำตา และความอึดอัดคับข้องใจแปรเปลี่ยนเป็นน้ำตาที่รินไหลไม่ขาดสายออกมา
อัยรินเร่งฝีเท้าเป็นวิ่งเข้าหาทันที จนฝ่าเท้าเหยียบลงบนเศษแก้วที่แตกละเอียดบนพื้น ฝ่าเท้านุ่มนิ่มที่มีเพียงสลิปเปอร์สีขาวคู่บางเป็นแผลกว้าง เลือดสีแดงสดไหลรินจนรองเท้าคู่บางกลายเป็นสีแดงจาง ทว่าเจ้าของร่างกลับไม่ใส่ใจ
“คุณหญิง” หญิงสาวประคองร่างระหงที่สะอื้นไห้จนร่างสะท้านไหวมากอดเอาไว้ สายตากวาดมองร่างในอ้อมแขนอย่างละเอียดด้วยความห่วงใย “เป็นอะไรไหมคะ”
คุณหญิงวารีส่ายหน้า หลับตาลง หากริมฝีปากสีซีดก็ยังขยับเอ่ยถามบุตรชายเสียงแผ่วเบา
“วินทำไมลูกทำตัวแบบนี้ บริษัทกำลังแย่ ลูกควรตั้งใจดูแลมันไม่ใช่ปล่อยทิ้งเอาไว้แบบนั้น ถ้าคุณตา / พอ!”
เสียงตวาดกร้าวสวนกลับแทบจะทันที จนร่างสองร่างที่กอดกันอยู่บนพื้นสะดุ้งโหยง
‘มาวิน’ คล้ายขาดสติไปแล้วจึงตะโกนพูดทั้งดวงตาสองข้างที่แดงก่ำ
“เลิกเอาคุณตามาขู่ผมสักที เลิกกรอกหูผมว่าต้องเป็นแบบนั้นแบบนี้ได้ไหม ผมเหนื่อย!”
เขาเหนื่อย… เหนื่อยกับการเป็นตุ๊กตาให้บิดามารดาจับแต่งตัว ขีดเส้นทางแล้วจูงก้าวไปข้างหน้าตามอำเภอใจเหลือเกิน เหนื่อยจนไม่อยากทำอะไร แม้กระทั่งหายใจ!
“ผมเหนื่อยจริง ฮึก”
ความรู้สึกที่สะสมมาตลอดชีวิตของการเป็นลูกที่ได้รับแต่แรงกดดันทำให้มาวินเก็บกด ชายหนุ่มตะเบ็งเสียงจนเส้นเอ็นที่คอขึ้นเขียว ทั้งเกลียดทั้งโกรธจนไม่รู้จะทำอย่างไร
“บางครั้งผมก็เกลียดแม่!”
เขาสะอื้นไห้ไปกับความเสียใจที่สาดซัดเข้ามา
“รู้ไหมว่าที่ผ่านมาผมทรมานแค่ไหน แม่ทำลายชีวิตผม!”
ชีวิตที่เหมือนจะสมบูรณ์แบบจนใครต่อใครอิจฉา ทว่า… ความจริงแล้วมันขาดๆ เกินๆ จนแทบไม่เป็นผู้เป็นคน
เขารักกลอยใจ… หากความรักของเขากลับไปไม่ถึงฝั่งฝัน
เขาเสียกลอยใจไปแล้ว และเสียให้กับ… น้องชาย
“แม่ทำร้ายผม แม่ทำให้ผมเสียกลอยไป!”
กลอยใจไม่มีวันกลับมา เขารู้… ไม่ว่าจะในสถานะไหนเขาก็ไม่มีวันได้เข้าใกล้หล่อนอีก
“ผมไม่เหลืออะไรอีกแล้ว ฮึก!”
ไม่เหลือแม้กระทั่งตัวตน
คุณหญิงวารีปล่อยโฮออกมายามมองใบหน้าหล่อเหลาเปรอะเปื้อนน้ำตาตรงหน้า แม่ที่เลี้ยงบุตรชายสุดที่รักมาสองมือ โอบประคอง ทะนุถนอมมาอย่างดีกลับได้ยินคำพูดตัดพ้อจากยอดดวงใจ ใครจะทนไหว
“วินลูก ฮือ”
หากท่านไม่รู้จะทำสิ่งใด ไม่รู้เลยว่าจะแก้ไขสิ่งเหล่านี้ได้อย่างไร
“มาวิน ฮือ”
มาวินไม่อาจทำใจให้เข้าใจความรู้สึกของมารดา ในเมื่อเขาเจ็บปวด เสียใจ และสูญเสียมากมายถึงขนาดนี้ แค่เพราะคำว่า ‘รัก’ จากมารดาก็จะขจัดปัดเป่าความรู้สึกจริงๆ ข้างในของเขาได้แล้วหรือ ชายหนุ่มสะอื้นไห้ ก่อนจะปล่อยโฮออกมาอย่างสุดกลั้นพลางทรุดกายลงบนพื้น มือที่กำแน่นกระแทกลงบนพื้นเต็มแรงเพื่อระบายอะไร
ทำไม… ทำไมถึงเป็นแบบนี้
แล้วเขาจะทำอย่างไร จะทำอย่างไรต่อไปดี…
มาวินราวกับคนหลงทาง เขาไม่รู้อะไรเลย ไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร
ในเมื่อกลอยใจคือสิ่งยึดเหนี่ยวเดียวในชีวิตที่เป็นสิ่งที่เขาปรารถนาจริงๆ เพียงอย่างเดียว การสูญเสียสิ่งสิ่งเดียวนี้ไป เขาก็ราวกับคนที่สูญเสียทุกอย่าง ไม่มีเรี่ยวแรงให้ก้าวเดินต่อไปอีกแล้ว
หลังมือหนาที่อ่อนบางตามประสาคนไม่เคยทำงานแตกช้ำจนเลือดไหลนอง หากมาวินกลับไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดอีกแล้ว เขาราวกับหลุดออกไปในโลกใบที่ไม่มีใครเลยนอกจากตัวเอง ดวงตาดวงก่ำเหม่อมองออกไปไกลแสนไกลด้วยความสับสน และสูญเสีย
คุณหญิงวารีเห็นบุตรชายสุดที่รักเป็นเช่นนี้ก็ราวกับจะขาดใจ ถลาเข้าไปโอบกอดด้วยความรัก
ทว่า…
ผลัก!
มาวินผลักร่างของมารดาออกห่าง กระทั่งร่างระหงกระเด็นไปกระแทกกับเตียงก็ยังไม่รู้สึกตัว
“คุณหญิง” เป็นอัยรินที่ถลาเข้าไปประคองผู้มีพระคุณของตนขึ้น กอดปลอบร่างระหงที่ชอกช้ำทั้งกายทั้งใจเอาไว้ด้วยความเห็นอกเห็นใจ
เพราะไม่ว่าท่านจะทำสิ่งใด เหตุผลล้วนมาจากความรักที่มีต่อบุตรชายทั้งนั้น
หากบุตรชายของท่าน… กลับต้องการ
“อยากให้ผมแต่งงานนักเหรอ” มาวินถามส่งเสียงถามพร้อมหัวเราะลงคอยามมองใบหน้าซีดเซียวของมารดา ชายหนุ่มละสายตาจากผู้ให้กำเนิดมายังร่างเล็กข้างกายของท่าน
หากจำไม่ผิด เด็กคนนี้มารดาประเคนให้เขาหลายต่อหลายครั้งแล้ว!
“ได้!”
ร่างสูงโปร่งขยับลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เชิดหน้าด้วยความเย่อหยิ่ง หางตาเหลือบมองมารดากับเด็กของท่านด้วยแววตาเย็นชาระคนปวดร้าว
ที่ผ่านมาเขาพยายามเหลือเกิน พยายามเป็นลูกที่ดี เป็นหลานที่ดี และเป็นพี่ชายที่ดี
ทว่าไม่มีใครถามเขาสักคำว่าเขาอยากเป็นคนดีๆ แบบนั้นหรือไม่
เขาก็แค่ผู้ชายคนหนึ่ง เป็นมนุษย์มีเลือดเนื้อมีหัวใจ และมีสิ่งที่พึงพอใจอยู่ไม่กี่อย่าง แต่ความพึงพอใจของเขากลับเป็นสิ่งที่มารดาไม่ปรารถนา ท่านไม่ส่งเสริม แต่เลือกจะพรากมันไป… ตลอดกาล
ชายหนุ่มทั้งเจ็บปวดทั้งคับแค้นใจจนต้องขบกรามแน่น กลอยใจไม่อาจเป็นคนที่เคียงข้างกันได้อีกแล้ว รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และเสียงเรียกชื่อของเขาในอดีตกำลังค่อยๆ เลือนหายไปจากความทรงจำ… ของเธอ
เขาจะเป็นเพียง ‘พี่ชาย’ หรือไม่ก็… คนรู้จักเท่านั้น ไม่มีวันได้เป็นคนของหัวใจอีกต่อไปแล้ว
มาวินรู้ดีว่าเมื่อกลอยใจเลือกเดินจากไป หล่อนจะไม่มีวันหวนกลับมา เมื่อหันหลังให้แล้วจะไม่มีหันหน้ากลับมา… อีกต่อไป
ผู้หญิงที่เขารักเป็นคนแรก และเป็นคนที่เขาปรารถนาจะยืนเคียงข้าง บัดนี้ได้กลายเป็นของคนอื่นอย่างสมบูรณ์แล้ว ไม่ใช่แค่นิตินัย แต่ยังรวมไปถึงพฤตินัยอีกด้วย
กลอยใจเป็นภรรยาของน้องชายเขาอย่างสมบูรณ์แล้ว
ส่วนเขา… ในสายตาของหล่อนคงเป็นเพียงฝุ่นผงในอากาศ ไม่หลงเหลือตะกอนความรู้สึกใดมอบให้ผู้ชายคนนี้อีกต่อไป
มาวินสูดลมหายใจเข้าลึก ดวงตาแดงก่ำที่จ้องมองมารดามีความเย็นกระด้างมากขึ้นยามเอ่ย
“ผมจะแต่งงานให้สมใจคุณแม่!”
เขาหัวเราะอย่างบ้าคลั่งพลางเดินเข้าไปกระชากร่างเล็กที่กำลังประคองร่างของมารดาเข้าหาตัว จ้องมองอีกฝ่ายด้วยดวงตาแข็งกร้าว
“แต่ผู้หญิงคนนั้นต้องเป็นเด็กคนนี้!”
เด็กที่คุณแม่ของเขาชุบเลี้ยงมาเพื่อประเคนให้เขาไม่ใช่หรือ!
ดี! เขาจะทำตามความปรารถนาของท่าน ในเมื่อท่านเห็นว่าอัยรินดีราวกับนางฟ้า น่ารักน่าเอ็นดูในสายตานัก เขาก็จะขย้ำจนไม่เหลือชิ้นดี มารดาของเขาจะต้องรับรู้ว่าความเจ็บปวดจากการทนมองคนที่รักทุกข์ทรมานมันเป็นเช่นไร!
“นอกจากเธอ ผมจะไม่แต่งกับใครทั้งนั้น ผมจะบินกลับอเมริกา ใช้ชีวิตที่นั่น และทิ้งแอลเอ็นกรุปทันที!”
ประกาศิตที่ประกาศลั่นส่งผลให้คนฟังทั้งสองชะงักค้าง คุณหญิงวารีปล่อยโฮออกมาอย่างสุดกลั้นพร้อมๆ กับทรุดกายลงบนพื้นอย่างอ่อนแรง ตระหนักได้ในวินาทีนี้ว่าบาปกรรมที่ทำกับลูกชายคนเล็กย้อนคืนมาในเวลาอันสั้นนัก
แม้เคยคาดหวังให้อัยรินเป็นคนเปลี่ยนหัวใจของบุตรชาย ทว่าก็ไม่ได้ต้องการให้อีกฝ่ายชดใช้ความผิดแทนตน
“วินลูก ยัยอัยย์ไม่เกี่ยวอะไรด้วยเลยนะลูก ปล่อยน้องไปเถอะ”
“ไม่! ถ้าเด็กที่คุณแม่ราดข้าวแดงแกงร้อนเลี้ยงมาอยากตอบแทนพระคุณมากนักก็มาเป็นเมีย…” เขาเว้นช่องวางพร้อมยกยิ้มมุมปากแล้วเอ่ยต่อ “เมียบำเรอของลูกจะเป็นอะไรไป!”
คุณหญิงวารีส่ายหน้า ม่านน้ำตาทะลักไหล ร่ำไห้อย่างเจ็บปวดที่บุตรชายสุดที่รักกลายเป็น… ใครอีกคนที่ท่านไม่รู้จัก มาวินกำลังกลายร่างเป็นคนไร้หัวใจ!
อัยรินเพียงนิ่งฟัง ยังไม่โต้แย้ง มองคุณหญิงวารีแล้วถอนหายใจ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองบุตรชายของท่าน เม้มปากเล็กน้อย ก่อนตัดสินใจได้เด็ดขาด
อย่างไรเสียชีวิตนี้ก็เติบใหญ่มาได้เพราะเลิศวรานนท์ หากจะต้องตายภายใต้เงื้อมมือของทายาทของเลิศวรานนท์ก็คงไม่ผิดอะไร หากเขาอยากย่ำยีความรู้สึกของเธอ อยากเอาคืนคุณหญิงวารีแทนคนรัก เธอก็พร้อมเป็นทาสรองรับความอารมณ์ของเขา
ทว่า…
ดวงตากลมโตช้อนมองร่างสูงโปร่งตรงหน้าไม่ละไปไหน แววตาไม่หวาดหวั่นระคนมุ่งมั่นจนคนมองต้องย่นหัวคิ้ว
“ได้ค่ะ” อัยรินตอบเสียงดังฉะฉาน แววตาเด็ดเดี่ยวไม่มีความหวาดหวั่นใดๆ ทั้งนั้น มีเพียงความเข้มแข็งที่ปรากฏชัดทั้งสองตา
“อัยย์จะแต่งงานกับเขาเอง”
ฝากหนูอัยย์ฉบับปรับปรุงด้วยนะคะ
ค่อยๆ ปรับแก้เนื้อหา และทยอยลงให้อ่านกันค่ะ
ความคิดเห็น