ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic HSJ] Painted Boy ฉันจะร้าย..ถ้านายไม่รัก

    ลำดับตอนที่ #28 : แรงกดดัน 100%

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 144
      0
      1 พ.ย. 57

                    ภายในสตูดิโอใหญ่แถบชานเมืองโตเกียวอันเป็นสถานที่ถ่ายทำพีวีเพลงของซิงเกิ้ลล่าสุดของศิลปินดาวรุ่งของค่ายจอห์นนี่อย่างวงเฮย์เซย์จั๊มพ์ แสงไฟจากสปอตไลท์สาดแสงจ้าทำให้ห้องทั้งห้องสว่างไสวทั้งๆ ที่ด้านนอกอาคารมืดสนิท ผู้คนเกือบสามสิบชีวิตกำลังขะมักเขม้นทำงานในส่วนของตนเพื่อให้งานที่ได้รับมอบหมายเสร็จลุล่วงก่อนจะเข้าสู่เช้าวันใหม่

     

                    ทันทีที่เสียงสั่งพักกองดังขึ้น ชายหนุ่มทั้งสิบต่างก็เดินลงจากเวทีที่ถูกเซทเป็นฉากการเดินแบบ ทุกคนรีบคว้าน้ำดื่มของตนอย่างเหนื่อยล้าก่อนจะแยกย้ายกันไปนั่งหลบมุมเพื่อพักผ่อนก่อนที่จะหมดเวลาพัก เรียวสุเกะคว้าขวดน้ำกับผ้าขนหนูมาซับเหงื่อบนใบหน้าอย่างไม่รอช้า ก่อนจะหันไปหยิบหนังสือเล่มหนาจากกระเป๋า

     

                    “ยามะจัง อยากได้โกโกร้อนมั้ย? ชั้นกับริวทาโร่จะออกไปกดตู้น้ำด้านหลังน่ะ” เคย์โตะที่เดินมาหยิบกระเป๋าตังจากกระเป๋าของตนซึ่งวางอยู่ข้างๆ เรียวสุเกะเอ่ยถาม คนถูกถามได้แต่ส่ายหน้าก่อนจะนั่งลงที่โซฟาตัวใหญ่ที่มีไว้ประจำในห้องแต่งตัว

     

                    “สีหน้านายไม่ค่อยดีเลยนะยามาดะ” ริวทาโร่ทักขึ้นบ้าง “เดี๋ยวชั้นดูอะไรมาเผื่อละกันนะ เผื่อว่านายจะเปลี่ยนใจ ไปละ” ชายหนุ่มน้องเล็กของวงพูดคุยอย่างเป็นห่วง เรียวสุเกะทำได้เพียงแค่ยิ้มตอบกลับไป

     

                    ดวงตากลมจ้องมองข้าวของที่ตนเองถืออยู่ในมืออย่างหมดเรี่ยวแรง น้ำขวด ผ้าขนหนูและหนังสือเรียนวิชาประวัติศาสตร์ เขาหลับตาลงช้าๆ อย่างเหนื่อยล้าพลางยิ้มกับตัวเอง

     

                    ตอนนี้เขาไม่มีแรงแม้แต่จะเปิดขวดน้ำเพื่อจะดื่มมันหลังจากที่ถ่ายทำฉากเต้นสำหรับพีวีตัวใหม่ ไม่มีแรงแม้แต่จะยกผ้าขนหนูในมือมาเช็ดหน้าตัวเอง ไม่มีแรงแม้แต่จะพลิกเปิดหนังสือที่ถืออยู่  เพียงแค่คิดหยาดน้ำตาก็ไหลร่วงลงมาราวกับเปิดสวิทช์ โดยเฉพาะยามที่เขานึกถึงตารางอันยาวเหยียดของเขา

     

                    หลังจากที่ยามาดะ เรียวสุเกะ ได้กลับมาเป็นนัมเบอร์วันของจั๊มพ์ ทั้งงานละคร โฆษณา ถ่ายแบบ ออกทีวีโชว์ก็รุมเร้าเข้ามามากจนเขาไม่ทันตั้งตัว มันเป็นเรื่องปกติธรรมดาของคนในวงการที่มักเป็นที่ต้องการในช่วงเวลาที่กำลังเป็นที่นิยม นั่นเป็นสิ่งที่เขาต้องยอมรับและทำใจกับมัน แต่นั่นจะไม่ใช่ปัญหาเลยถ้าอีกสองอาทิตย์ที่จะถึงนี้กำลังจะเป็นช่วงสอบไฟนอล

     

                    ความกดดันที่ต้องทำงานหนักในช่วงใกล้สอบมันไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับเขา แต่ทว่าเรื่องของครอบครัวและนากาจิม่า ยูโตะกำลังทำให้เขาต้องรับแรงกดดันมากขึ้นอีกสองเท่า ช่วงหลังมานี้ทางบ้านคาดหวังกับผลสอบครั้งนี้มากเพราะว่าเขาจะต้องใช้เกรดนี้สอบชิงทุนมหาวิทยาลัยวาเซดะในอีกสามเดือนข้างหน้า  แถมตอนนี้ทางบ้านก็กดดันให้เขากับยูโตะเลิกคบหากันถึงขนาดตรวจเช็กมือถือของเขาทุกวันจนยูโตะไม่กล้าโทรหรือส่งเมล์หาเขาอีก

     

                    “ยามะจัง....” เสียงอันคุ้นเคยดังขึ้นพร้อมกับบุคคลที่เรียวสุเกะกำลังนึกถึงตรงเข้ามานั่งข้างๆ อย่างเป็นห่วง “ยามะจังลืมตามองชั้นก่อน...ยามะจัง”

                    “ยูโตะ...” เรียวสุเกะเรียกอีกฝ่ายด้วยเสียงแหบพร่า “วันนี้นายเท่สุดๆ เลยนะ ใส่บูทแบบนี้เหมาะกับขายาวๆ ของนายดีจัง”

     

                    “หิวน้ำใช่มั้ย? มา..ชั้นเปิดให้” นากาจิม่าที่มองเห็นท่าทีของคนรักจึงอาสาเปิดขวดน้ำให้ พร้อมทั้งซับเหงื่อให้อีกฝ่ายอย่างรู้ใจ คนหน้ากลมได้แต่ยิ้มรับแทนคำขอบคุณก่อนจะดื่มน้ำ

     

                    “เห็นอิโนะบอกว่ายามะจังบินตรงจากโอซาก้ามาถ่ายพีวีถึงนี่เลยเหรอ? แล้วกองถ่ายละครทางนั้นเป็นยังไงบ้าง? เหนื่อยมากเลยใช่มั้ย?” เสียงนุ่มเอ่ยถามพลางคว้ามือของอีกฝ่ายมาจุมพิตเบาๆ แทนการให้กำลังใจ  ยูโตะรู้มาตลอดว่าเรียวสุเกะเหนื่อยล้าลงไปมากในช่วงหลังถึงแม้ว่าเจ้าตัวจะไม่ยอมปริปากบ่นอะไร

     

                    “ยูโตะ..คือชั้น.....” มือเรียวถือหนังสือเรียนในมือแน่นพร้อมกับหลั่งน้ำตาออกมาอย่างต่อเนื่อง มือเล็กคู่นั้นสั่นเทาเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงความอ่อนแอของร่างกายและจิตใจของยามาดะ เรียวสุเกะ นากาจิม่าจึงรีบประคองมือนั้นไม่ให้สั่นไปมากกว่านี้

     

                    “ยามะจังทำได้...ชั้นรู้ว่างานมันเหนื่อยไปบ้าง เรื่องสอบมันอาจจะหนักไปหน่อยแต่ไม่มีอะไรที่ยากเกินความสามารถของเราหรอกเนอะ ให้ชั้นช่วยสรุปโน้ตให้มั้ย?”

     

                    “ชั้น...รัก..นาย....ยู...โตะ...” เสียงหวานดังขึ้นเบาๆ แต่คนฟังกลับได้ยินมันอย่างชัดเจน  ประโยคที่เรียวสุเกะรวบรวมแรงที่เหลือเพื่อจะพูดมันออกมาแทนคำพูดนับร้อยเพื่อที่จะบอกคนรัก

     

                    “ยามะจัง....อย่าเป็นแบบนี้..ฮึก...” ไม่บ่อยครั้งนักที่จะได้เห็นนากาจิม่า ยูโตะร้องไห้ แต่ครั้งนี้คนตัวสูงอารมณ์ดีอย่างเขาไม่อาจทนเห็นสภาพคนรักที่พักหลังนั้นกลายสภาพเป็นเหมือนหุ่นยนต์ที่ไร้แรงตอบสนองเพราะต้องโฟกัสเรื่องงานและเรียน ทั้งยังต้องเจอสภาวะกดดันของครอบครัวอีก

     

                    “เราจะผ่านเรื่องนี้ไปด้วยกันนะ...ไม่ว่ามันจะเลวร้ายแค่ไหนชั้นจะอยู่ตรงนี้นะ” ยูโตะกล่าวก่อนจะโน้มใบหน้าคมเข้าหาใบหน้าหวานของอีกฝ่ายหมายจะประทับจูบให้อีกคนรู้สึกดีขึ้น แต่มือเล็กดันอกเขาไว้เบาๆ ตามประสาคนไม่มีแรง

     

                    “อย่านะยูโตะ” เรียวสุเกะกระซิบอย่างแผ่วเบา “อย่าทำให้ชั้นเขิน...ชั้นไม่เหลือแรงจะเขินแล้วนะ ถ้านายทำชั้นเขิน ชั้นต้องสลบไปตรงนี้แน่ๆ”

     

                    นากาจิม่ายิ้มกว้างที่เห็นคนรักดูเหมือนจะร่าเริงขึ้น นิ้วเรียวบรรจงปาดคราบน้ำตาให้อีกฝ่ายอย่างเบามือ ก่อนจะบดเบียดริมฝีปากของตนกับริมฝีปากนุ่มของยามาดะ คนถูกรุกรานกำแขนเสื้อของอีกฝ่ายแน่นแต่ไม่อาจจะขัดขืนใดๆ ได้ เมื่อยูโตะละริมฝีปากออกก็ได้แต่อมยิ้มเมื่อเห็นคนตรงหน้าเกิดอาการหน้าแดงแถมมีสีหน้าคล้ายคนกำลังจะหมดสติ

     

                    “เกิดมาก็เพิ่งจะเคยเจอ..คนที่เขินจนแทบเป็นลมเนี่ย”

     

    ...................................

    ***แนะนำว่าจากตรงนี้ไป ถ้าเปิดเพลง candle แล้วอ่านต่อ จะได้อารมณ์มากจ้า - writer



     

                    ร่างเล็กที่ยืนขอบประตูอยู่รีบเดินหนีออกไปให้ไกลจากที่ๆ ตนเองเพิ่งยืนอยู่ ดวงตาเรียวสวยนั้นกำลังอาบไปด้วยหยาดน้ำตาแห่งความเสียใจ เมื่อเห็นว่ายังคงมีทีมงานอีกหลายคนกำลังเช็กงานอยู่ในสตูดิโอ เจ้าตัวจึงรีบเดินเลี่ยงออกไปด้านนอกเพื่อสูดอากาศอันเย็กยะเยือกยามค่ำคืนเผื่อว่าจะช่วยหยุดน้ำตาที่กำลังจะไหลนี้ได้

     

                    ภาพของนากาจิม่า ยูโตะและยามาดะ เรียวสุเกะยังคงวนเวียนอยู่ในความคิดของเขาตั้งแต่ตอนที่เขาเผอิญเดินไปเห็นสองคนนั่นพูดคุยกันจนถึงตอนที่จูบกัน ความรู้สึกเจ็บแปลบในหัวใจมันร้าวแผ่ซ่านไปทั้งอก ใช่..เขาเสียใจที่คนที่เขายังมีเยื่อใยให้ ได้หันกลับไปหาเจ้าของหัวใจที่แท้จริง ความเจ็บปวดของคนที่ไม่เคยได้รับความรักจากใครอย่างยูริ ชิเนน มันพอกพูนขึ้นเป็นทวีคูณ เขารู้สึกโกรธยูโตะที่ทิ้งขว้างเขา ทั้งแค้นใจยามาดะที่แย่งคนสำคัญของเขาไปอีก แต่ความรู้สึกนั้นมันกลับยิ่งจุกแน่นอยู่ในอกเมื่อเขาได้เห็นแววตาคู่นั้นของยูโตะ

     

                    สายตาที่แม้แต่คนนอกอย่างเขาก็มองออกชัดเจนว่าพร้อมจะรักและอยู่เคียงข้างคนรัก สายตาที่เต็มไปด้วยความอบอุ่น ความห่วงใย ความรัก ความเอ็นดูและความซื่อสัตย์ สายตานั้นที่จ้องมองเพียงแค่ยามาดะ เรียวสุเกะเพียงคนเดียว รอยยิ้มอันอ่อนโยนที่มีเพียงยามาดะ เรียวสุเกะที่จะได้เป็นเจ้าของมัน น้ำตาที่แสนจะมีค่าของยูโตะที่ต้องหลั่งให้ยามาดะ เรียวสุเกะเพียงคนเดียว....เขาพูดได้แค่ว่า ยูโตะรักเรียวสุเกะมากจริงๆ

     

                    ยิ่งคิดน้ำตาของยูริก็ยิ่งไหลออกมา ที่จริงเขาควรจะรู้สึกโกรธแค้นเรียวสุเกะ แต่ทุกอย่างที่เขาเห็นมันทำให้เขารู้สึกผิด ยูโตะแสดงท่าทีจริงจังกับการกลับมาคบกันครั้งนี้มากจนเขาทำลายมันไม่ลง นากาจิม่าดูมีความสุขที่ได้อยู่กับคนที่เขารัก ถึงแม้คนๆ นั้นจะเป็นคนที่เขาเกลียด นี่เขาจะทำลายความสุขของเพื่อนคนที่เขาเคยมีความรู้สึกดีๆ ด้วยได้อย่างไรกัน?

     

                    “เป็นอะไรไปยูริ?” เสียงทุ้มของใครบางคนเข้ามาขัดจังหวะ มือเล็กรีบปาดน้ำตาออกจากใบหน้าหวานก่อนจะหันไปค้อนคนขัดจังหวะอย่างไม่พอใจ

     

                    “นายจะยุ่งอะไรนักหนายูยะ? ว่างมากเรอะ” เสียงแหลมเหวี่ยงกลับไป คนถูกเหวี่ยงได้แต่หัวเราะเบาๆ

    “ชั้นก็คิดว่าจะมีใครบางคนที่จะมายืนร้องไห้เพราะเห็นคู่รักเขาสวีทกันอยู่ซะอีก”

     

                    “จะตามมาหัวเราะชั้นละสิ ! ตามสบายเลย..” ยูริตัดบทก่อนจะหันหน้าหนีทั้งๆ ที่น้ำตาเจ้ากรรมยิ่งไหลมากขึ้นตั้งแต่ตอนที่เห็นหน้าทาคากิ

     

                    “ชั้นก็แค่เป็นห่วง...ช่วงนี้ยามะจังทำงานหนักมาก ยูโตะก็ต้องดูแลดีเป็นพิเศษอยู่แล้ว ถึงแม้ว่านายเพิ่งจะตัดใจจากริวทาโร่ แต่นายก็ยังรู้สึกผูกพันกับยูโตะอยู่ใช่หรือเปล่าล่ะ?” ยูยะพูดทุกอย่างออกมาตามที่คิดตามสไตล์ แต่คนฟังแทบจะยืนไม่อยู่เพราะทุกคำพูดนั้นเสียดแทงเข้าไปในใจทุกถ้อยคำ

     

                    “ใช่...ชั้นยังหวงยูโตะอยู่ ยามาดะแย่งคนสำคัญของชั้นไปอีกแล้ว แต่ครั้งนี้มันไม่เหมือนกัน...”

    “ยังไงล่ะ?” ทาคากิถามพลางเดินไปหาอีกฝ่ายเพื่อที่จะมองใบหน้าเปื้อนน้ำตานั้นให้ชัดขึ้นซึ่งเจ้าตัวก็ไม่ขัดขืน

     

                    “ยูโตะดูเหมือนจะรักยามาดะมาก หมอนั่นจริงจังมากจนชั้นยังตกใจ แววตานั่นมันไม่เหลือที่ให้ใครแล้วนอกจากยามาดะ ใช่...ชั้นยิ่งรู้สึกแค้นมัน แต่ท่าทีของยูโตะดูมีความสุขมาก...มากจนทำให้ชั้นฉุกคิดได้ว่าอย่างน้อยยูโตะก็เป็นเพื่อนชั้น แล้วชั้นจะทำลายความสุขของเพื่อนได้ลงเหรอ..”

     

                    ชิเนนอธิบายก่อนจะสบตาเพื่อถามความเห็นจากทาคากิ สิ่งที่ได้กลับมามีเพียงรอยยิ้มอันอ่อนโยนกับสัมผัสของมืออุ่นๆ ที่จับเข้าที่ไหล่บางเป็นการให้กำลังใจ

     

                    “ในเมื่อตอนนี้ยูโตะกำลังมีความสุขกับคนที่เขารัก ทำไมนายไม่ยินดีกับยูโตะล่ะ? ถึงแม้นายกับเรียวสุเกะจะไม่ถูกกัน แต่นายก็น่าจะรู้นี่ว่ายามะจังไม่ใช่คนไม่ดีและยามะจังก็รักยูโตะมากเหมือนกัน นายควรจะยินดีที่เขาเจอคนดีๆ ที่รักเขามากไม่ใช่เหรอ?” ทาคากิเปรย ยูริพยักหน้าเบาๆ ยูยะจึงหยิบของบางอย่างออกมาจากกระเป๋าเสื้อพร้อมกับไฟแช็ก แล้วจุดไฟ

     

                    “ถ้างั้นเรามาภาวนาขอให้ยูโตะมีความสุข มีรอยยิ้มที่สดใสแบบนี้ตลอดไปกันเถอะนะ” ทาคากิยื่นของในมือให้ร่างเล็กเป็นฟักทองสีส้มขนาดเล็กพอดีมือที่แกะสลักเป็นหน้าแจคโอแลนเทิร์นที่มีเทียนดวงน้อยเปล่งแสงนวลอยู่ด้านใน

     

                    “อ๊ะ จริงสิ วันนี้วันฮาโลวีนนี่นา...ลืมไปซะสนิทเลย” ชิเนนอุทานก่อนจะรับฟักทองน้อยมาชื่นชมในความน่ารักของมันแล้วหันไปสบตาคนตรงหน้า แววตาที่เต็มไปด้วยความหมายคู่นั้นจ้องเขากลับจนทำให้เขานึกได้ว่าเขาควรจะทำอะไรต่อไป

     

                    ยูริหลับตาลงพลางนึกถึงภาพใบหน้าของนากาจิม่าที่เต็มไปด้วยความสุขนั่น ภาพนั้นวนซ้ำไปซ้ำมาราวกับแฟลชแบคที่กำลังย้ำเตือนถึงความจริงที่ว่ายูโตะมีความสุขมากที่ได้อยู่กับคนที่รัก ใช่....เขาควรจะยินดีและปล่อยยูโตะออกไปจากหัวใจของเขาเสียที

     

                    ยูโตะ....นายรักยามาดะมากเลยใช่มั้ย? ถึงนายไม่บอกชั้นก็รู้..ก็หน้านายมันมีความสุขซะขนาดนั้น ชั้นเองคงทำอะไรไม่ได้นอกจากจะยอมปล่อยนายกับยามาดะไป ให้นายมีความสุขกับคนที่นายรัก รักกันนานๆ นะยูโตะ...Happy Haloween นะ ยูโตะที่รักของชั้น

     

                    นิ้วเรียวของทาคากิบรรจงปากน้ำตาให้คนหน้าสวยอย่างใจเย็นเมื่อเห็นคนตัวเล็กที่กำลังอธิษฐานน้ำตาไหลเพราะคำอธิษฐานของตนเอง ความรู้สึกแน่นในอกค่อยๆ ลุกลามอย่างช้าๆ จากหัวใจของเขา ทุกๆ หยดน้ำตานั้นสร้างบาดแผลในหัวใจของทาคากิ ยูยะได้เป็นอย่างดีเมื่อเห็นอีกฝ่ายต้องเสียน้ำตาให้คนที่ตนเคยรัก

     

                    “ขอบคุณนะยูยะ” ชิเนนกล่าวเมื่อลืมตาขึ้นมาหลังอธิษฐานเสร็จ “Happy Haloween นะ”

    “ชอบนะ...”

     

                    “ห๊ะ?” เสียงแหลมอุทานเพราะไม่เชื่อในสิ่งที่ตัวเองได้ยินเมื่อครู่

    “ชอบนะ....ชอบยูริ....” เสียงนุ่มของทาคากิพูดออกมาอย่างชัดเจนเพื่อให้อีกคนเข้าใจ แต่ก็ยังมีท่าทีขัดๆ เขินๆ แต่คนฟังกลับรู้สึกโหวงๆ ในอกอย่างหาสาเหตุไม่ได้

     

                    “ชอบที่ยูริ ชิเนนกลับมาเป็นยูริที่สดใสร่าเริงและยิ้มได้อีกครั้ง ไม่ใช่ยูริจอมเจ้าคิดเจ้าแค้นคนนั้น..” คำตอบของยูยะทำให้คนฟังรู้สึกโล่งอกที่ไม่ได้เข้าใจอะไรผิดไป

     

                    “นั่นยิ่งทำให้ชั้นรักนายมากกว่าเดิม ยูริ ชิเนน...” ชิเนนเบิกตากว้างทันทีที่ฟังจบ แต่แววตาและน้ำเสียงที่จริงจังทำให้เขาก้าวขาไม่ออก ปรับอารมณ์ไม่ถูก เมื่อกี้เขาเพิ่งจะทำใจเรื่องยูโตะได้แท้ๆ อยู่ๆ รุ่นพี่บ้านี่ก็มาสารภาพรักรอบสองอีก!!!

     

                    “ยูยะ...”

    “ไม่ต้องใส่ใจหรอก ชั้นก็พูดไปเรื่อยเปื่อย” ทาคากิยิ้มก่อนจะประคองมือน้อยๆ ที่ถือฟักทองจิ๋วในมืออย่างทะนุถนอม “ขอชั้นอธิษฐานบ้างได้มั้ย?” ยูริพยักหน้าเบาๆ

     

                    “ชั้นขอให้ชิเนน ยูริคนนี้มีความสุขตลอดไป ขอให้ใบหน้านี้มีแต่รอยยิ้มอันสดใสและไม่มีหยดน้ำตามาแปดเปื้อนแบบวันนี้อีก ขอให้มีคนดีที่จะไม่ทำให้ชิเนนเสียใจมาอยู่ข้างๆ ชิเนน ยูริจะได้ไม่เหงา และขอให้ทาคากิ ยูยะ ได้รักชิเนน ยูริแบบนี้ตลอดไป...”

     

                    คนตัวเล็กยืนอึ้งเมื่อได้ยินคำอธิษฐานของอีกฝ่ายที่เจ้าตัวจงใจให้เขาได้ยินชัดเจนทุกประโยค ทุกคำขอต่างก็เป็นคำอธิษฐานให้เขามีความสุขทั้งสิ้น จะมีคนบ้าที่ไหนที่จะอธิษฐานให้คนที่ตัวเองชอบเจอกับคนอื่นที่ดี แทนที่จะขอให้ตัวเองได้สมหวังกับคนที่ชอบ เขาไม่เข้าใจเลยจริงๆ

     

                    “เป่าเทียนแล้วเปิดฝาดูสิ” ทาคากิแนะ ยูริที่กำลังยืนงงจึงทำตามอย่างงกๆ เงิ่นๆ มือเล็กเปิดหัวฟักทองออกก่อนจะหยิบก้อนเทียนออกมา พลันสายตาก็เจอกับแหวนพลาสติกเรืองแสงสีเขียวประหลาดตา มีสติ๊กเกอร์ลายใยแมงมุมสีดำอยู่โดยรอบ มือแกร่งของทาคากิหยิบมันขึ้นมาก่อนจะสวมมันเข้าที่นิ้วก้อยข้างซ้ายของชิเนน ยูริ                    

                    “Happy Haloween นะชี่จัง”

     

    ..............



    ขอทอล์กหน่อยค่าาาา
    ขอโทษจริงๆ ที่หายไปนานมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
    ตั้งแต่หนีไปเรียนต่างประเทศจนตอนนี้กลับมาไทยแล้ว
    ก็เลยจะขอกลับมาต่อฟิคเรื่องนี้ แต่ตอนนี้ขอแค่ครึ่งเดียวก่อน
    ไม่ได้แต่งมานานมาก เริ่มเบลอๆ กับเนื้อเรื่องแล้ว 5555

    เข้าสู่โหมดเนื้อเรื่องละ
    ตอนนี้แต่งเพราะความดราม่าในชีวิตช่วงนี้ 
    รู้สึกว่าหลังจากช่วงนี้ไป(คาดว่านะ)ดราม่าจะน้อยลงนะคะเพราะโตะมะกลับมาคบกันแล้ว
    แต่ว่ายังมีที่บ้านยามะจังที่ยังกีดกันอยู่
    มาดูกันว่าจะเกิดอะไรกันต่อไป
    สำหรับคนที่ยังมาคอยอ่านอยู่ก็ขอบคุณนะคะ
    ทั้งหน้าใหม่หน้าเก่า ขอบคุณมากๆ

     
    Happy Haloween  ทุกคนด้วยนะคะ
    ถึงแม้ตอนที่อัพจะเลยวันจริงไปหน่อยนึง ๕๕
    อุตส่าห์มาอัพตอนตีสองเลยนะเอ้าาาา

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×