คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #27 : ความยุติธรรม
ร่างของคนสองคนกำลังเดินอยู่ในเงามืด มีเพียงแสงไฟสีนวลจากเสาไฟฟ้าริมถนนที่ส่งแสงนำทางเป็นระยะและทอดยาวไปตามท้องถนนที่ทอดยาวอยู่เบื้องหน้า มือของทั้งสองกุมมือไว้แน่นราวกับกลัวว่าจะพลัดหลงจากกันท่ามกลางความมืด ใบหน้าหวานหันไปมองคนข้างๆ ตนอย่างช้าๆ ด้วยสีหน้าไม่ค่อยสบายใจนัก
“ยูโตะ..นายแน่ใจนะว่าจะไปค้างบ้านชั้นน่ะ” เรียวสุเกะเปรยขึ้นท่ามกลางความเงียบหลังจากครุ่นคิดสิ่งที่ร่างสูงบอกตนหลังจากการซ้อมเต้นในวันนี้ว่าจะมาอาศัยนอนที่บ้านของเขาคืนนี้
“แน่สิ ถึงแม้ว่าแม่ของยามะจังจะดูเหมือนไม่พอใจอยู่นิดๆ ก็เถอะนะ...” “นายไปเจอแม่ชั้นตอนไหนกัน?” ร่างเล็กรีบท้วงหลังจากฟังจบเพราะรู้สึกสงสัยในสิ่งที่อีกฝ่ายพูด ถึงแม้ว่าเขากับยูโตะจะคืนดีกันแล้ว แต่เขาก็ยังไม่เคยอนุญาตให้เจ้าคนข้างๆ นี้มาที่บ้านเขาเลยเพราะกลัวที่บ้านจะไม่พอใจกับเรื่องเก่าๆ และกระแสข่าวต่างๆ เกี่ยวกับพวกเขาสองคนที่กำลังเป็นที่สนใจของผู้คนไม่น้อย
“เมื่อเช้าชั้นว่าจะไปรับยามะจังที่บ้านน่ะ แต่ว่ายามะจังออกไปก่อนชั้นมาประมาณห้านาทีละมั้ง ชั้นก็เลยมีโอกาสได้เจอแม่ของยามะจัง..แล้วก็ขออนุญาตมานอนค้างที่บ้านยามะจังเลยนี่ไง” ยูโตะพูดพลางยิ้มระรื่นอย่างดีใจที่จะได้นอนค้างบ้านคนรักซึ่งไม่ได้มีโอกาสมาค้างนานแล้ว
“นับถือในความหน้าด้าน ชอบถือวิสาสะของนายจริงๆ เลย” ยามาดะบ่นก่อนจะหันไปเปิดประตูรั้วบ้านของตนแล้วเดินนำอีกคนไปที่ประตูบ้าน
“กลับมาแล้วคร้าบบบ...” คนร่างอวบตะโกนพลางถอดรองเท้าออกแล้วเดินเข้าไปในตัวบ้าน เพียงไม่กี่ก้าวที่เรียวสุเกะเดินเข้าไป ภาพที่เขาเห็นก็แทบจะทำให้ยามาดะ เรียวสุเกะคนนี้หยุดหายใจเมื่อมองไปที่โต๊ะกินข้าวที่มีบุคคลที่ไม่คาดว่าจะได้พบเจอ ณ วันนี้และในตอนนี้
“คุณพ่อ...”
นากาจิม่าชะงักฝีเท้าทันทีที่ได้ยินเสียงคนรัก ความรู้สึกเย็นยะเยือกได้เข้าปกคลุมเข้าไปถึงขั้วหัวใจตามมาด้วยอาการเสียวสันหลังอย่างหาสาเหตุไม่ได้ ภาพของครอบครัวยามาดะกำลังจะเริ่มลงมือรับประทานอาหารเย็นโดยมีคุณแม่ที่กำลังจัดแจงตักข้าวให้สมาชิกในครอบครัว พี่สาวน้องสาวของเรียวสุเกะ และคุณพ่อที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์หน้าบันเทิงที่พาดหัวข่าวเกี่ยวกับไฮไลท์ของคอนเสิร์ตจั๊มพ์ครั้งล่าสุดที่มีรูปใบหน้าของเรียวสุเกะและยูโตะที่ใกล้ชิดเสียจนแทบจะไร้ช่องว่าง ใบหน้าคมเข้มหันมามองลูกชายของตน (กับคนรัก?) ที่ยืนอึ้งอยู่อย่างสงสัย
“อ้าว เรียวสุเกะ...ยูโตะคุงก็ด้วย ไปล้างมือแล้วมาทานข้าวสิ หิวแล้วนะ” เสียงเข้มนั้นเป็นเสมือนมนต์สะกดให้ทั้งสองคนทำตามโดยง่าย บรรยากาศภายในบ้านเงียบกริบในทันทีหลังจากที่ทั้งสองคนกลับมานั่งที่โต๊ะกินข้าว ทำให้สองคนที่มาทีหลังสุดรู้สึกอึดอัด
“นี่...” คุณพ่อเปรยขึ้น ทุกคนในบ้านพากันสะดุ้งอย่างไม่ได้นัดหมาย ยูโตะมีอาการตกใจปนหวาดกลัวถึงขั้นทำตะเกียบร่วงจากมือเลยทีเดียว คุณแม่ของเรียวสุเกะจึงรีบกุลีกุจอหยิบตะเกียบอันใหม่มาให้
“อะไรกัน แค่นี้ใจเสาะ ทำตะเกียบร่วงเลยหรือไง?” เสียงเข้มๆ ของคุณพ่อดังขึ้นอีก จนผู้เป็นภรรยาต้องคอยปราม “แหม พ่อนี่ละก็...ทำเสียงเข้มดุขนาดนี้ใครจะไม่กลัวบ้างล่ะ”
“เออ นั่นสิ ว่าแต่เรียวสุเกะ...ไอ้ข่าวนี้เนี่ย...” ผู้เป็นพ่อหันมาถามลูกชายคนเดียวพลางเอานิ้วชี้ไปที่รูปของเขากับยูโตะในหนังสือพิมพ์ คนถูกถามรีบก้มหัวลงเป็นการขอโทษในทันที
“ขอโทษนะครับพ่อ อันนั้นมันก็เป็นแค่งานน่ะครับ ทางทีมงานเขาอยากให้คอนเสิร์ตมันมีสีสัน ผมก็เลยต้องทำอย่างนั้น ถ้าพ่อไม่ชอบผมไม่ทำอีกก็ได้นะครับ” เรียวสุเกะรีบกล่าวขอโทษอย่างรวดเร็วด้วยความกลัว ยูโตะเห็นคนข้างๆ มีท่าทีกลัวขนาดนั้นก็เริ่มใจเสีย
“ขอโทษนะครับถ้าผมทำอะไรให้ยามะจังเสื่อมเสีย ผมไม่ทำอีกก็ได้ครับ อย่าว่ายามะจังเลยนะครับ” นากาจิม่าก้มหัวลงพลางกล่าวขอโทษใส่อีกฝ่ายโดยไม่ให้อีกฝ่ายได้ปริปากใดๆ ทันใดนั้นทั้งโต๊ะก็หัวเราะออกมาดังลั่นถึงขนาดที่ว่าคุณพ่อน้ำตาเล็ดออกมาเลยทีเดียว
“ฮ่าๆๆๆ พ่อยังไม่ได้ว่าอะไรเลย แค่จะบอกว่าภาพนี้สวยมาก น่าเสียดายที่ไม่ได้ไปดูคอนเสิร์ตจริงๆ เนอะแม่” คุณพ่อพูดพลางยิ้มกริ่มราวกับมีชัยที่หลอกให้ลูกชายตัวเองกลัวจนหัวหดได้
“คอนเสิร์ตวันนั้นหนูก็ไปดูด้วยละ พี่ยามะสวยมาก ถ้าพี่สองคนเป็นแฟนกันจริงๆ หนูปลื้มตายเลย” น้องสาวของเรียวสุเกะเอ่ยขึ้นมาบ้าง
“จริงสินะ เราสองคนน่ะถึงจะเลิกกันแล้วก็ยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันอยู่ใช่มั้ย?” คุณพ่อพูดเสริมขึ้นมา เรียวสุเกะหันไปสบตากับผู้เป็นแม่ก่อนจะหันกลับมาหาเจ้าของคำถาม
“พ่อรู้เหรอฮะ?” เสียงหวานถามอย่างตกใจ คนถูกถามพยักหน้าเบาๆ
“แต่ตอนนี้เรากลับมาคบกันแล้วครับ” นากาจิม่ารีบแย้งทันทีเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่มีทีท่าคัดค้านเรื่องของเขากับเรียวสุเกะ คำพูดของร่างสูงทำให้คนทั้งโต๊ะชะงักไปครู่หนึ่ง
“พ่อไม่อนุญาต!!” เพียงแค่ประโยคเดียวทำเอาหัวใจสองดวงที่ได้ฟังร่วงลงไปอยู่ที่ตาตุ่มเรียบร้อยแล้ว
“ทำไมละครับ?” คนตัวสูงโปร่งถามอย่างไม่เกรงกลัวอีกฝ่าย คำตอบที่ได้มีเพียงสายตาเย็นชาของคนตรงหน้ากลับมา
“ไม่มีใครอยากเห็นลูกของตัวเองเจ็บเป็นครั้งที่สองหรอกนะ..”
.........................
“นี่ชิเนน...”
น้ำเสียงคมเข้มดังขึ้นท่ามกลางความเงียบสงัดของตัวโบสถ์คาทอลิคประจำกรุงโตเกียวที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากบริษัทค่ายเพลงยักษ์ใหญ่อันคุ้นเคยของพวกเขาทั้งสอง ร่างสูงผู้เป็นเจ้าของเสียงเมื่อครู่ยืนสะพายกระเป๋าเป้สีดำของตนอยู่ตรงทางเดินกลางโบสถ์ สายตาจับจ้องอยู่ที่ร่างเล็กอีกร่างหนึ่งที่กำลังยืนมองรูปปั้นพระเยซูที่ถูกตรึงอยู่บนไม้กางเขน แสงแดดยามเย็นสาดส่องผ่านหน้าต่างกระจกหลากสีของตัวโบสถ์สะท้อนกับรูปปั้นและประติมากรรมต่างๆ ภายในอาคารจนก่อให้เกิดแสงสีทองอร่ามส่องสว่างไปทั่วห้อง
“ชั้นไม่เข้าใจ...” ร่างสูงพูดต่อหลังจากที่ไม่ได้รับปฏิกิริยาตอบกลับจากอีกฝ่าย
“มันเกิดอะไรขึ้นระหว่างนายกับเรียวสุเกะกันแน่?”
คนตัวเล็กค่อยๆ หันมาหาคนขี้สงสัยอย่างช้าๆ ก่อนจะสบตาอีกฝ่ายด้วยแววตาที่แฝงไปด้วยความเจ็บปวด ริมฝีปากระเรื่อเม้มเข้าหากันเนื่องจากเจ้าตัวไม่อยากแม้แต่จะปริปากเอื้อนเอ่ยสิ่งใดออกมา แต่หากคนที่ไม่ชอบยุ่งเรื่องส่วนตัวของคนอื่นอย่างทาคากิ ยูยะ เอ่ยปากถามขึ้น ช่างยากนักที่จะเลี่ยงไม่พูดอะไรเลยเช่นนี้
“ยามาดะคงจะเคืองที่ชั้นแอบชอบยูโตะละมั้ง ไม่รู้สิ..” ยูริตอบแบบขอไปทีเพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายถามคำถามที่ถลำลึกไปมากกว่านี้ ความเคียดแค้นชิงชังและการแก้แค้นกันของเขาและยามาดะ เรียวสุเกะนั้นเป็นเรื่องที่ไม่มีใครรู้และเขามั่นใจว่ายามาดะก็ไม่อยากให้ใครรู้เรื่องนี้เช่นกัน
“แล้วฮิคารุมีส่วนเกี่ยวข้องอะไรหรือเปล่า?” ยูยะยังคงตั้งคำถามต่อ
“นี่ยูยะ ทำไมนายถึงถามมากยังงี้เนี่ยห๊ะ?” คนถูกถามย้อนกลับอย่างไม่พอใจที่อยู่ๆ รุ่นพี่ที่ไม่ได้สนิทชิดเชื้ออะไรดันมาให้ความสนใจในเรื่องที่เขาไม่อยากให้ใครมาสนใจ
“ชั้นได้ยินเรื่องที่นายกับฮิคารุกล่าวหาว่ายามะจังลบตารางงานของนาย..ยูโตะมันก็ได้ยินนะ ชั้นก็เลยไม่เข้าใจว่านายจะจงเกลียดจงชังอะไรยามะจังนักหนา” ทาคากิอธิบาย ชิเนนชักสีหน้าไม่พอใจพลางมองหน้ายูยะอย่างขุ่นเคือง
“แล้วทำไมไม่อยู่ฟังตอนที่มันสารภาพว่ามันเป็นคนทำล่ะ!! อ๋อ ที่นายถามเนี่ยเพราะว่าจะเอาเรื่องนี้ไปบอกทุกคนในจั๊มพ์ใช่มั้ย? เชิญเลย!! เกลียดชั้นกันซะให้พอ..ทั้งยูโตะ ริวทาโร่ ไดกิ ทุกๆ คนเลย เอาสิ!!!!” เสียงชิเนนตวาดลั่นดังกึกก้องไปทั่วโบสถ์ หยาดน้ำตาไหลรินออกมาจากดวงตาคู่สวย ทำเอาคนมองแทบใจหาย
“มันไม่ใช่อย่างนั้นนะ..” “แล้วมันอย่างไหนล่ะ? ไหนบอกว่าจะพามาเที่ยวโบสถ์ ที่แท้ก็หลอกมาถามเรื่องพวกนี้หรอกเหรอ? ทาคากิ นายนี่มัน...ฮึก...” ชิเนนโวยวายพลางร้องไห้ฟูมฟามโดยไม่ฟังคำทัดทานของรุ่นพี่ จนคนที่เป็นต้นเหตุให้คนตัวเล็กร้องไห้ต้องเดินเข้ามาใกล้แล้วลูบหัวอีกฝ่ายเบาๆ
“ใจเย็นๆ นะ ชั้นว่านายอาจจะเครียดเกินไป ที่ชั้นถามเพราะชั้นอยากได้ยินเหตุผลจากทั้งสองฝ่ายก่อนที่จะตัดสินใจเชื่อเรื่องทั้งหมด ก็เลยอยากให้นายเล่าให้ฟังหน่อยก็แค่นั้นเอง” ทาคากิปลอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนซึ่งก็ได้ผล ยูริเงยหน้าขึ้นมาสบตาอีกฝ่ายทั้งน้ำตา
“ยูยะ นายเคยแอบรักใครหรือเปล่า?” ชิเนนถาม ทาคากิพยักหน้าเบาๆ
“แล้วเคยมั้ยที่คนที่นายแอบรักก็ดันไปคบกันเพื่อนของนาย?” ทาคากิพยักหน้า
“เคยมั้ย ที่นายตัดใจไปรักคนอื่น แล้วไอ้เพื่อนคนนั้นของนายก็คว้าคนที่นายชอบไป?” ทาคากิส่ายหน้า
“ถ้าเป็นนาย..นายจะโกรธเพื่อนคนนั้นมั้ย หากเหตุการณ์ที่กล่าวมาทั้งหมดมันเกิดขึ้นถึงสามครั้งน่ะ?” ยูริถามพลางปาดคราบน้ำตาบนใบหน้าของตนออก
“ชั้นเคยชอบนากายามะตั้งแต่สมัยที่ยังไม่เดบิวต์เป็นวงเฮย์เซย์จั๊มพ์ แต่ชั้นก็แอบรู้มาจากไดกิว่าหมอนี่ชอบยามาดะตั้งแต่วันแรกที่เจอกันแล้ว ในช่วงนั้นยามาดะเองก็มีทีท่าสนิทสนมกับนากายามะมาก ทั้งๆ ที่เป็นเพื่อนสนิทของยูโตะแท้ๆ พอช่วงเดบิวต์ ชั้นมีโอกาสได้รู้จักยูโตะมากขึ้น ชั้นก็เลยแอบชอบยูโตะอยู่จนถึงซิงเกิ้ลที่สองยูโตะกับยามาดะก็คบกันอย่างเปิดเผย และสองคนนี้ก็เป็นคู่ที่แฟนๆ ให้การสนับสนุนอย่างมาก...” ชิเนนเล่าเพลางเหลือบมองคนฟังก่อนจะหยุดเรื่องราวทั้งหมดไว้เท่านั้น
“จริงๆ ยูโตะกับยามะจังก็รักกันมาก ชั้นเองก็ไม่รู้อะไรมากนักเลยไม่เข้าใจว่ายูโตะบอกเลิกยามะจังทำไม” ทาคากิเปรยขึ้น
“ชั้นไม่สนว่าสองคนนั้นเลิกกันเพราะอะไร แต่ชั้นจะไม่ยอมให้สองคนนั่นกลับมาดีกันอีกเด็ดขาด!!” ยูริประกาศกร้าว
“ทำไม? นายจะขัดขวางสองคนนั่นอีกทำไมในเมื่อตอนนี้นายชอบริวทาโร่ไม่ใช่เหรอ?” คนตัวสูงรีบแย้งเมื่อเห็นท่าทีจริงจังในคำพูดของอีกฝ่าย
“ให้ตายยังไงชั้นก็จะขัดขวางยามาดะทุกวิถีทาง ชั้นจะไม่ยอมให้คนที่มาแย่งโอกาสไปจากชั้นได้มีความสุขหรอก!!” ยูริยืนยันเสียงแข็ง ทาคากิมองอีกฝ่ายอย่างอ่อนใจ
“แต่ยามะจังไม่ได้ตั้งใจ ยามะจังไม่ได้ทำอะไรผิด...”
“แล้วชั้นทำอะไรผิด?”
ประโยคคำถามสั้นๆ สามารถสยบทุกความสงสัยในสมองของทาคากิ ยูยะได้หมดสิ้นเพียงเสี้ยววินาที อารมณ์โกรธเคืองกลับกลายเป็นความน้อยเนื้อต่ำใจ น้ำตาเริ่มหลั่งรินอาบแก้มนวลอีกครั้ง
“..ชั้นทำอะไรผิด? ทำไมคนที่ชั้นรักต้องลงเอยกับยามาดะทุกคน!! โลกนี้มัน..ฮึก..มันไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย” ชิเนนเอ่ยถามตนเองและคนตรงหน้าเกี่ยวกับสิ่งที่รบกวนจิตใจเขามาโดยตลอด นั่นคือความยุติธรรมทีชิเนน ยูริคนนี้ไม่เคยได้รับ และแน่นอนว่าคำตอบของคำถามนี้ไม่อาจมีใครตอบได้
ทาคากิดึงคนตัวเล็กเข้ามากอดปลอบประโลม ความรู้สึกเห็นใจและสงสารถาโถมมาแทนที่ความสงสัยจนหมดสิ้น ตอนนี้เขารู้แล้วว่าเจ้าตัวเล็กคนนี้ได้เผชิญกับความเจ็บปวดที่สาหัสจนหล่อหลอมให้ยูริกลายเป็นชิเนน ยูริที่เอาแต่ใจและเจ้าคิดเจ้าแค้น ร่างสูงกอดอีกฝ่ายแน่นเสียจนสัมผัสได้ถึงเสียงหัวใจเต้นที่กำลังเต้นจังหวะ แต่เป็นจังหวะที่ตอกย้ำความเจ็บปวดให้แก่ผู้เป็นนายอยู่ทุกวินาที
“ไม่เป็นไรนะชิเนน นายยังมีชั้น..คนที่รักนายอยู่อีกคนนะ”
...............................................................
กลับมาหลังจากห่างหายไปนานมาก
ขออภัยจริงๆ หากฟีลการอ่านมันไม่ค่อยจะปะติดปะต่อกันสักเท่าไร
ก็เลยอัพตอนนี้ให้ยาวเป็นพิเศษ โดยที่ตอนนี้จะเน้นให้ยูริเป็นตัวเด่นบ้าง
จะได้เห็นมิติของบทชี่จังมากขึ้นเนอะ
ขอโทษจริงๆ ที่หายไปนานเกิ๊น
ติดทำวีซ่าเมกาอยู่ กว่าจะเสร็จก็นานลุล่วงไปเกือบสามเดือน
สำหรับฉากทาคาชี่นี่ไม่รู้ว่าจะเซอร์ไพรส์คนอ่านบ้างหรือเปล่า
เพราะตั้งแต่แต่งมา ไม่ค่อยได้ยินฟีดแบคของคู่นี้มากเท่าไร (เพราะออกคู่กันน้ออยด้วยละ)
ฉะนั้นถ้าชอบทาคาชี่ กด 1 แล้วส่งมาที่ *5678 เอ้ย ไม่ใช่ละ
ถึงแม้จะช้า แต่ก็ตั้งใจให้อ่านกันนะคะ
หวังว่าจะชอบกันนะคะ
... N eL’
L …
ความคิดเห็น