ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic HSJ] Painted Boy ฉันจะร้าย..ถ้านายไม่รัก

    ลำดับตอนที่ #26 : คำเตือน

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 395
      2
      20 เม.ย. 55

            
           
    บรรยากาศภายในห้องซ้อมยังคงเงียบสงัดเนื่องจากยังไม่มีใครอยู่ภายในห้องตามที่ยาบุได้นัดหมายเอาไว้ เรียวสุเกะวางกระเป๋าเป้ของตนลงที่มุมห้องพลางเหลือบมองนาฬิกาข้อมือของตนก่อนจะพบว่าตัวเองมาถึงก่อนเวลานัดจึงตัดสินใจยืนชมวิวอยู่ที่หน้าต่างในห้องซ้อมฆ่าเวลาไปเพลินๆ

     

                    ใบหน้าหวานปรากฎรอยยิ้มน้อยๆ เมื่อเจ้าตัวนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวาน หลังจากที่เขากับยูโตะเข้าใจกันดีแล้ว ยูโตะก็ทำตัวร่าเริงปกติเป็นยูโตะที่น่ารักของเขาเหมือนที่เคยเป็น ทั้งเดินไปส่งเขาที่บ้าน ดูแลประคบประหงมอย่างดี มันทำให้ชีวิตที่มืดมนของเขากลับมามีแสงสว่างนำทางอีกครั้งหนึ่ง

     

                    “ขอโทษนะยามะจัง....ที่ชั้นเย็นชากับยามะจังมาตลอดน่ะ” ร่างสูงกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนที่แฝงไปด้วยความรู้สึกผิดจากใจจริง คนฟังได้แต่อมยิ้มก่อนจะควงแขนแกร่งอีกฝ่ายให้เดินเร็วขึ้นโดยไม่ได้สนใจว่าจะมีใครมองและจำพวกเขาทั้งสองได้

               
        

                    “ไม่เป็นไรหรอกยูโตะ แค่วันนี้นายเลิกเย็นชาใส่ชั้นแค่นั้นชั้นก็ดีใจแล้ว” เรียวสุเกะพูดพลางจับแขนอีกฝ่ายไว้แน่นเพื่อย้ำความรู้สึกให้ยูโตะได้รับรู้ว่าสิ่งที่พูดไปนั้นเป็นความรู้สึกของผู้พูดจริงๆ

     

                    มือแกร่งของยูโตะเชยคางของคนหน้ากลมก่อนจะประทับริมฝีปากของตนลงบนริมฝีปากของอีกฝ่ายอย่างนุ่มนวลโดยไม่ให้เรียวสุเกะได้ตั้งตัว ใบหน้ากลมแดงซ่านท่ามกลางแสงไฟสีนวลจากสวนสาธารณะยามพลบค่ำ สัมผัสอันชวนให้โหยหานั้นทำให้เรียวสุเกะรู้สึกราวกับโลกหยุดหมุน ราวกับตัวเองไร้ลมหายใจ อยากจะหยุดเวลาไว้อย่างนั้นตลอดไป...

     

                    “ชั้นรักยามะจังเสมอนะ...”



     

                    ครืดดดด.........

     

                    เสียงใครบางคนเปิดประตูเข้ามาในห้องทำให้คนที่กำลังคิดอะไรเพลินๆ ต้องสะดุ้งตกใจ เมื่อเห็นว่าคนที่เข้ามาใหม่นั้นเป็นรุ่นพี่ที่แสนจะคุ้นเคย ใบหน้ากลมจึงปรากฎรอยยิ้มหวานแทนคำทักทาย

     

                    “ไม่ได้มาพร้อมรุ่นพี่ยาบุหรอกเหรอ พี่ฮิคารุ” เสียงหวานเอ่ยถามพลางจับจ้องมองอีกฝ่ายที่เพิ่งจะเหวี่ยงกระเป๋าเป้ของตนเองไว้ที่มุมห้องด้วยสีหน้าเรียบเฉย

     

                    “ตัวไม่ได้ติดกันนี่ถึงจะต้องมาพร้อมกันน่ะ” ยาโอโตเมะตอบด้วยน้ำเสียงขุ่นมัวไม่สบอารมณ์ ทำเอาคนถามถึงกับจ๋อยไปเล็กน้อย

     

                    “วันนี้ก็มาเร็วดีนี่ แสดงว่าช่วงเช้าไม่ได้มีงานล่ะสิ” ฮิคารุถามพลางเปิดกระเป๋าความหาอะไรบางอย่างอยู่

    “ฮะ ปกติจะมีงานทุกเสาร์อาทิตย์ แต่ว่าเมื่อวานมีมีทติ้งเอ็นวายซีไปแล้ว วันนี้ก็เลยไม่มีงานฮะ มีแค่มาซ้อมเต้น”

     

                    “งั้นเหรอ...ขอดูตารางงานของนายหน่อยได้มั้ย? เผื่อว่าวันไหนมีว่างตรงกันจะได้หาเวลาไปกินหม้อไฟด้วยกันซะหน่อย” ฮิคารุเปรย เรียวสุเกะจึงเปิดประเป๋าแล้วหยิบสมุดปกหนังสีน้ำตาลของตนออกมาแล้วยื่นให้อีกฝ่าย

     

                    ยาโอโตเมะรับมันมาก่อนจะเปิดดูตารางงานที่ถูกเขียนด้วยลายมือสะอาดเรียบร้อย  ทุกๆ ตัวอักษรถูกเขียนด้วยดินสอ 2B ที่เจ้าตัวชอบพกและใช้วาดรูปเมื่อมีเวลาว่าง ฮิคารุหัวเราะเบาๆ หลังจากพิจารณาทุกตัวอักษรก่อนจะใช้ยางลบที่เขากำเอาไว้ในมือลบทุกตัวอักษรออก ตารางตั้งแต่วันพรุ่งนี้จนถึงเดือนหน้าถูกลบทิ้งอย่างรวดเร็วท่ามกลางความตกใจของผู้เป็นเจ้าของสมุด

     

                    “ฮิคารุจะทำอะไรน่ะ? มาลบตารางงานของผมออกทำไมกัน?” ยามาดะถามรัวอย่างตกใจพลางคว้าสมุดงานของตนออกจากมือของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว

     

                    “นายชอบใช้ดินสอเขียนตารางงานเหมือนชิเนนเลยนะ มิน่าล่ะ...” ยาโอโตเมะเปรยพลางอมยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์

     

                    “มิน่าอะไร?” ผู้เสียหายถามกลับอย่างไม่พอใจที่เห็นคนตรงหน้าทำท่ากระหยิ่มยิ้มเยาะราวกับกำลังจะเอาชนะเขาให้ได้ หากว่าคนตรงหน้าเป็นชิเนน เขาจะไม่แปลกใจอะไรเลย แต่นี่คือรุ่นพี่ในวงที่เขาเคารพไม่ต่างจากยาบุซึ่งในวันนี้รุ่นพี่คนนี้มีท่าทีที่เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด

     

                    “เพราะนายรู้ว่าชิเนนมีนิสัยชอบใช้ดินสอจดตารางงานของตัวเองลงในสมุด นายก็เลยแอบมาค้นกระเป๋าชิเนนแล้วลบตารางเมื่อวานของชิเนนออกใช่มั้ย?”

     

                    คำพูดที่ออกมาจากปากฮิคารุทำเอาเรียวสุเกะถึงกับอึ้งพูดอะไรไม่ออก ที่จู่ๆ ก็โดนกล่าวหาว่าไปลบตารางงานของชิเนนออกทำให้เจ้าตัวลืมงานมีทติ้งเอ็นวายซีที่แสนจะสำคัญสุดๆ ไป

     

                    “พูดบ้าอะไรของพี่เนี่ย? ผมจะทำยังงั้นไปทำไม?”

    “จะเอาคืนชั้นไงล่ะ...” ร่างเล็กที่เพิ่งเปิดประตูเข้ามาร่วมเกี่ยวข้องในบทสนทนาอย่างรวดเร็วราวกับได้ยินการสนทนนามาตั้งแต่ต้น ร่างอวบได้แต่ยืนงงกับเหตุการณ์ประหลาดรอบข้าง

     

                    “นายแค้นที่ชั้นตบหน้านาย นายก็เลยแอบมาลบตารางงานของชั้นเพราะรู้ว่าชั้นชอบจดงานด้วยดินสอ แต่น่าเสียดายที่ฮิคารุแอบมาเห็นนายค้นกระเป๋าแล้วลบงานของชั้นออก ทีนี้ชั้นก็มีพยานรู้เห็นเพียงพอที่จะให้ทุกคนเชื่อและนายก็จะโดนเกลียด โดนไล่ออก น่าสงสารนายจริงๆ ยามาดะ....” ชิเนนอธิบายก่อนจะตบท้ายด้วยแววตาแห่งชัยชนะที่เจ้าตัวมั่นใจว่าหนนี้ตัวเองชนะอย่างแน่นอน แต่ร่างอวบที่กำลังโดนรุมกลับยิ้มด้วยรอยยิ้มที่มั่นใจมากกว่า

     

                    “แน่ใจเหรอว่ามีหลักฐาน...ขอโทษนะ ร่องรอยการลบยังไม่มีให้เห็น ขนาดนายเองยังไม่สังเกตเห็นเลยชิเนน กลับไปบ้านกินนมแม่เถอะนะ” เรียวสุเกะตอกกลับก่อนจะเมินหน้าหนี แต่กลับโดนฮิคารุกระชากแขนจนเสียหลักล้มลงกับพื้นก่อนที่ฮิคารุจะกระโดดขึ้นคร่อมตัวเขาอย่างรวดเร็ว

     

                    “ขอโทษทีนะ ชั้นไม่ขออยู่ฝ่ายนาย ยามะจัง....ชั้นเห็นมากับตาว่านายเป็นคนทำเพราะฉะนั้นนายต้องยอมรับผิด นายต้องไปสารภาพกับทุกคนซะ!!” ยาโอโตเมะขู่แกมบังคับพลางกดไหล่ของร่างอวบให้ตรึงติดอยู่กับที่





    ... N eL’ L


    ครืดดดด........

     

                    ร่างสูงเปิดประตูพรวดเข้ามาภายในห้องซ้อมที่เต็มไปด้วยบรรยากาศอันมาคุ สายตาคมเห็นภาพคนรักของตนกำลังถูกรุ่นพี่คุกคาม ด้วยความโมโหปนตกใจ เจ้าตัวจึงรีบตรงเข้าไปกระชากรุ่นพี่ของตนก่อนจะผลักไปจนเสียหลักแล้วค่อยๆ ประคับประคองคนรักอย่างทะนุถนอม

     

                    “นี่มันอะไรกัน? ฮิคารุ นายทำบ้าอะไรเนี่ย?” ยูโตะถามอย่างเกรี้ยวกราดพลางจ้องหน้าคนถูกถามอย่างเอาเรื่อง ยังไม่ทันที่จะได้ฟังคำตอบ ร่างสูงก็เหลือบไปเห็นอีกคนที่ยืนอยู่ในเหตุการณ์นั้นเช่นกัน

     

                    “ชิเนน...ฝีมือนายใช่มะ?” คนหล่อถามด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว

    “ทำไม? ห่วงมันมากนักเหรอไง !!! ชั้นเพิ่งจะรู้เดี๋ยวนี้เองว่าคนดีของนายน่ะเป็นคนลบตารางงานของชั้นออก ฮิคารุเป็นพยานได้ นั่นคือสาเหตุที่ชั้นพลาดไม่ได้ไปงานมีทติ้งเอ็นวายซีไงล่ะ!!” ร่างเล็กตอบอย่างสะใจ ดวงตาเรียวสบกับดวงตากลมของศัตรูอย่างมีชัย รอยยิ้มแห่งชัยชนะปรากฎขึ้นราวกับมั่นใจมากเสียจนทำให้ยูโตะต้องหันมาหาพยานรู้เห็นอีกคน

     

                    “จริงๆ นะยูโตะ ชั้นเห็นกับตาเลย ปกติยูริชอบจดตารางงานด้วยดินสอ..นายเองก็รู้นี่” ยาโอโตเมะยืนยัน นากาจิม่าทำท่าเริ่มจะคล้อยตาม ทำเอาเรียวสุเกะต้องเม้มริมฝีปากเก็บอารมณ์ขุ่นเคืองเอาไว้ภายใน

     

                    “แต่ว่ามันไม่มีรอยลบบนสมุดของชิเนนเลยนี่ แล้วก็นะ..เพราะเรื่องแค่นี้ไม่เห็นจำเป็นต้องมาลบตารางงานของชั้นเลยนี่นา...” ยามาดะสวนกลับพลางจับแขนของยูโตะเอาไว้แน่น มือแกร่งรีบคว้าสมุดเจ้าปัญหาจากมือคนรักมาเปิดดูเพื่อยืนยันสิ่งที่ตนเองได้ยินว่าเป็นจริงหรือไม่

     

                    “นี่มันไร้เหตุผลไปหน่อยหรือเปล่า? หลักฐานอะไรก็ไม่มีให้มันชัดเจนแล้วจะมาทำแบบนี้กับคนอื่นได้ยังไง ตัวโตมีความรู้เสียเปล่า...ทำอะไรไม่รู้จักคิดให้มันรอบคอบ เสียแรงที่เคารพนับถือให้เป็นรุ่นพี่ที่ดี เสียดายความรู้สึกโว้ย!!!” นากาจิม่าฉุนขาดพลางตะคอกใส่หน้ารุ่นพี่อย่างไร้สิ้นความนับถือที่มี ทุกคนที่อยู่เหตุการณ์ต่างนิ่งอึ้งอย่างตกใจแม้กระทั่งตัวเรียวสุเกะเอง

     

                    “โฮ่ยๆ คู่รักข้าวใหม่ปลามันกำลังส่งเสียงเอะอะเสียงดังอะไรกันน้า...” เสียงใครบางคนดังขึ้นพร้อมกับการมาเยือนของรุ่นพี่อีกคนหนึ่งในจั๊มพ์ที่อยู่ในสภาพง่วงเหงาหาวนอนเดินเข้ามาขัดจังหวะขุ่นมัวภายในห้อง

     

                    “ไม่มีอะไรหรอก นี่ยูโตะ วันนี้คุณแม่ทำชีสบอลไว้ตั้งเยอะล่ะ ชั้นก็เลยเอามาเผื่อนายด้วย อยากจะชิมมั้ยยูโตะคุง?” เรียวสุเกะรีบกลบเกลื่อนก่อนจะส่งเสียงออดอ้อนพลางลากยูโตะไปอีกมุมหนึ่งของห้องเผื่อที่จะคลี่คลายสถานการณ์

     

                    “ทาคากิ นายนี่มันชอบขัดจังหวะชาวบ้านเค้าจริงๆ เลย” ฮิคารุบ่นพลางฟาดท่อนแขนของตนเข้ากับหน้าท้องของผู้มาใหม่จนจุกเสียดก่อนจะเดินหลบไปอีกมุมหนึ่งของห้อง ทิ้งให้ชิเนนยืนนิ่งคอยจ้องมองคนรักที่กำลังสวีทหวานกันอย่างไม่เกรงใจใคร

     

                    “ขอโทษนะยามะจัง...นายคงลำบากมากสินะที่โดนแกล้งอยู่แบบนี้”  คนหน้าหล่อกล่าวก่อนจะกัดชีสบอลในมือเพื่อชิมรสชาติ คนถูกขอโทษได้แต่ส่งยิ้มหวานชวนละลายให้อีกฝ่าย

     

                    “ไม่เป็นไรหรอก  ทำงานในวงการนี้มันก็ต้องโดนแบบนี้กันอยู่บ้างล่ะ ชั้นเจอมาจนชินแล้ว” เรียวสุเกะตอบเสียงหวาน

     

                    “แน่ใจนะ...แค่กๆ โอ้ย มันติดคออ่ะ ยามะจังขอน้ำหน่อย” ยูโตะที่กำลังจะถามกลับด้วยท่าทีเคร่งเครียดกลับต้องชะงักเพราะของอร่อยติดคอ ได้แต่ไอจนน้ำตาเล็ด มือบางจึงรีบคว้าขวดน้ำแล้วส่งให้คนรักอย่างตกใจ พลันความรู้สึกก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของความโกรธเคืองจากใครบางคนที่อยู่ที่มุมห้อง ใบหน้าหวานหันไปมองต้นทางด้วยแววตาและสีหน้าเยาะเย้ย

     

                    นายพลาดซะแล้วล่ะชิเนน...

     



                    ร่างเล็กเกิดอาการกระฟัดกระเฟียดทันทีที่เห็นแววตาและความรู้สึกที่ยามาดะพยายามจะบอกทางสายตาเย้ยหยันนั่น ฮิคารุรีบบีบไหล่บางเป็นเชิงปรามไม่ให้ออกอาการมากจนผิดสังเกต ชิเนนได้แต่กำหมัดแน่นเพื่อระบายความรู้สึกที่สุมอยู่ในใจ ใช่...เขาพลาดไปจริงๆ

     

                    “ยามะจัง...” เสียงหล่อดึงความสนใจของเรียวสุเกะให้หันเหมาทางนากาจิม่าที่อาการดีขึ้น แววตาคมเข้มที่จ้องมองเขาอย่างจริงจังปนสงสัยทำให้เรียวสุเกะเกิดอาการตื่นตระหนก หากคนรักจะแอบเห็นแววตาและสีหน้าที่เขาส่งให้ชิเนนเมื่อครู่ เม็ดเหงื่อเล็กๆ เริ่มผุดบนใบหน้าหวานแต่ดวงตากลมยังคงจดจ้องยูโตะอย่างสงสัยและพยายามปิดบังความวิตกกังวลในแววตาไม่ให้อีกฝ่ายเห็น

     

                    นากาจิม่าโน้มใบหน้าและริมฝีปากเข้ามาใกล้คนรักมากยิ่งขึ้น มากเสียจนไร้ซึ่งช่องว่างระหว่างริมฝีปากของคนทั้งสอง พยานทั้งสามชีวิตผู้เห็นเหตุการณ์ได้แต่เมินหน้าหนี ไม่อยากรับรู้ฉากสวีทหวานของคู่รักคู่นี้เท่าไรนัก เป็นเวลาเนิ่นนานเท่าไรไม่อาจทราบได้ แต่กว่าคนรุกรานจะยอมปล่อยให้เรียวสุเกะเป็นอิสระก็นานพอควร นานเสียจนใบหน้าของเรียวสุเกะแดงจัดและเหงื่อออกเพราะความตื่นเต้น

     

                    “ชั้นก็แค่เป็นห่วงน่ะ...มีอะไรก็บอกชั้นได้อย่างเคยนะ.....ยามะจัง อย่าทำหน้าน่ารักแบบนั้นสิ ถ้าชั้นอดใจไม่ไหวจูบอีกรอบทำไงล่ะ >_<ยูโตะเอ่ยทำลายความเงียบก่อนจะเริ่มเก็บอาการไม่อยู่เมื่อเห็นคนตรงหน้าหน้าแดงกล่ำ ริมฝีปากที่ปกติก็ชมพูระเรื่ออยู่แล้ว ก็ยิ่งขึ้นสีชมพูเข้มขึ้นมาอีกเพราะจูบเมื่อครู่ นัยน์ตาสีดำกลมโตที่นิ่งอึ้งนั่น ยิ่งทำให้อีกฝ่ายดูน่ารักน่าทะนุถนอมมากขึ้นกว่าปกติ

     

                    “โฮ่ยๆ เลิกบ้าได้แล้วยูโตะ มาสวีทอะไรต่อหน้าชาวบ้านเขาเนี่ย อิจฉาเป็นนะเว้ย” ทาคากิโยนผ้าขนหนูใส่รุ่นน้องพลางโวยวายด้วยความอิจฉา นากาจิม่าที่โดนผ้าขนหนูโปะอยู่บนหน้าแต่ได้หัวเราะเอิ้กอ้ากอย่างสนุกสนาน

     

                    “ฮี่ๆ คนโสดนี่ขี้อิจฉาจริงๆ เลยน้า” นากาจิม่าหัวเราะเยาะใส่รุ่นพี่อย่างไม่เกรงใจ คนถูกหัวเราะถึงกับฉุดขาดเดินตรงเข้ามาฉุดกระชากลากถูคนปากเสียไปตรงหน้าประตู

     

                    “โอ้ยๆ เจ็บนะทาคากิ จะพาชั้นไปไหน ยามะจังช่วยด้วย ทาคากิมันจะฉุดชั้นไปข่มขื๊นนน!!!” ยูโตะร้องโวยวายขอความช่วยเหลือพลางดิ้นพราดๆ อยู่ที่พื้น

     

                    “จะบ้าเรอะ จะให้ไปซุปเปอร์เป็นเพื่อนกันหน่อยเท่านั้นเอง ชั้นจะได้เห็นใครบางคนดิ้นพราดที่ต้องอยู่ห่างยามะจังสิบนาทีไง” ยูยะตอบก่อนจะหันไปสบตาคนถูกพาดพิงที่นั่งหัวเราะน้ำตาเล็ดกับพฤติกรรมของคนรัก

     

                    “ไปเถอะยูโตะ อย่าลืมโคอาล่ามาร์ชกับสตอเบอร์รี่สดๆ สักกล่องใหญ่ๆ นะ” คนหน้าหวานกล่าวลาพลางโบกมือลาเป็นเชิงอนุญาต ทาคากิที่ได้รับการอนุมัติจึงลากร่างสูงออกจากห้องไป บรรยากาศภายในห้องจึงเงียบสงบลงในทันที

     

                    เป็นดังที่เรียวสุเกะคาดไว้ สองคนนั้นเดินตรงดิ่งเข้ามาหาเขาราวกับจะหาเรื่องเพราะในตอนนี้ไร้ซึ่งยูโตะและคนอื่นเข้ามาช่วยปกป้อง เรียวสุเกะลุกขึ้นยืนเผชิญหน้าทั้งสองคนก่อนจะโปรยยิ้มหวานที่แสนเชือดเฉือนหัวใจผู้ที่ยืนมองได้เป็นอย่างดี

     


                    “เป็นฝีมือนายจริงๆ สินะ” ฮิคารุเปรยอย่างมั่นใจหลังจากเห็นรอยยิ้มนั่น

    “พี่ก็เห็นตอนที่ผมลบตารางงานของชิเนนกับตาตัวเองแล้วนี่..ไม่น่าถาม”

     

                    “แก...ทีอยู่ต่อหน้ายูโตะก็ทำเป็นใสซื่อ ลับหลังก็ร้ายถึงขนาดพยายามทำให้ชั้นโดนไล่ออกเลยเหรอ? แล้วนายมาลบตารางงานชั้นตอนไหนกัน ชั้นไม่เห็นรู้เรื่องเลย ดีนะที่ฮิคารุเห็นแล้วมาบอกชั้น” ยูริชี้หน้าคนตรงหน้าอย่างเกรี้ยวกราด ผิดกับคนที่ถูกต่อว่าที่ยืนยิ้มสงบเสงี่ยมรับฟังโดยไม่มีทีท่าโกรธเคืองแต่อย่างใด

     

                    “เผารองเท้าสุดรักของนาย ชั้นก็ทำมาแล้วนี่ เรื่องแค่นี้ง่ายจะตาย...” เรียวสุเกะส่งยิ้มอำมหิตพร้อมคำพูดที่แทงใจดำคนตัวเล็กได้เป็นอย่างดี หยาดน้ำตาของชิเนนไหลรินลงมาช้าๆ เพราะคำพูดนั้น ฮิคารุรีบประคองร่างเล็กที่กำลังจะทรุดตัวลงให้ยืนขึ้นสู้

     


     

                    “แล้วอีกอย่างนะ นี่ก็แค่การเตือนเท่านั้น” ยามาดะกล่าวต่อหลังจากเห็นปฏิกิริยาของชิเนนและฮิคารุ

    “เตือนอะไรกัน?” ยาโอโตเมะถามแทนชิเนนที่ตอนนี้ดูไร้เรี่ยวแรงที่จะเอ่ยคำใดๆ ออกมา

     

                    “ชั้นจะไม่ถือสาเรื่องที่ผ่านมา ในเมื่อตอนนี้ชั้นได้ยูโตะของชั้นคืนแล้ว ฉะนั้นชั้นไม่จำเป็นต้องร้ายกับใคร..แต่ถ้านายไม่เลิก อย่ามาหาว่าชั้นใจร้ายก็แล้วกัน” เรียวสุเกะโปรยยิ้มหวานอีกครั้งหนึ่ง สายตาโกรธแค้นของชิเนนจ้องเขม็งไปที่ใบหน้าหวานนั้น น้ำตายังไหลไม่หยุด ความคับแค้นใจที่ยามาดะแย่งคนสำคัญของเขาไปหมด รวมทั้งเผารองเท้าสุดหวงคู่นั้นที่นับว่าเป็นเรื่องที่ทำร้ายจิตใจเขามากที่สุดในชีวิต วันนี้หากเขาไม่มีรุ่นพี่ยาโอโตเมะที่เห็นเหตุการณ์และมาบอกเขาเรื่องนี้ เขาต้องกลายเป็นคนน่าสมเพชที่โดนแกล้งโดยไม่รู้ตัวแม้แต่น้อย

     

                    “เรื่องมันไม่จบง่ายๆ หรอกนะ..อย่าลืมสิว่าชั้นเคยทำให้นายเกือบตายมาแล้ว” ชิเนนยิ้มเยาะหลังจากที่พูดจบ “ชั้นเป็นคนใช้มือถือของไดกิ ทำทีเป็นยูโตะแล้วส่งข้อความให้ยูมะพานายไปที่ร้านดอกไม้นั่น ถ้านายไม่โชคดีที่มีคนไปช่วย นายได้ตายเป็นผีแช่ตู้เย็นไปแล้ว!!

     

                    เรียวสุเกะและฮิคารุตาเบิกกว้างกับสิ่งที่ได้ยิน คนที่ตำรวจพยายามค้นหา แต่ว่าเขาตกลงกับไดกิให้ยอมความจนคดีเงียบไป ไม่นึกเลยว่าเบื้องหลังนั้นจะเป็นคนตรงหน้าเขาที่พยายามจะฆ่าเขาโดยใช้มือของคนอื่น ไม่นึกเลยว่าชิเนนจะกล้าทำได้ถึงขนาดนั้น...

     

                    ผลั่วะ.....

     

                    ร่างของชิเนนกระเด็นไปตามแรงกระแทกจากรองเท้าผ้าใบไนกี้สีดำแดงรุ่นระบายอากาศและรองรับกระแทกของยามาดะ คนถูกกระทำลงไปนอนจุกอยู่ที่พื้นทั้งน้ำตา ในขณะที่คนที่มีท่าสุขุมสงบเสงี่ยมมาตั้งแต่ต้นเริ่มจะมีอาการกระฟัดกระเฟียดแล้วเช่นเดียวกัน ไม่เช่นนั้นคงไม่ประทับบาทาเข้าที่หน้าท้องของคนตัวเล็กกว่าเต็มแรงถึงเพียงนั้น

     

                    “ขอเตือนเป็นครั้งสุดท้าย...ถ้าไม่หยุดก็อย่าหาว่าชั้นใจร้ายนะ!!

     

     



    ............................


    อัพมาเต็มตอนสักทีค่า โตะกับยามะสวีทได้อีก อร๊ายยยยย (เขินเองซะงั้น)
    แล้วชิเนนกับยามะจะเปิดสงครามกันหรือไม่...ติดตามตอนต่อปายยยย
    ปิดเทอมนี้จะพยายามอัพบ่อยๆ นะคะ ไรท์เตอร์ยังอยู่ เพราะฉะนั้นอย่าหายไปไหนน้า





    MusicPlaylist
    Music Playlist at MixPod.com
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×