คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 2 มันจะเกิดขึ้นมาจาก ............ เลยเหรอ .........(Rewrite V.1)
Chapter 2 มันจะเกิดขึ้นมาจาก ............ เลยเหรอ .........
- อย่าลืมให้ความสำคัญกับชีวิตตนเองนะ -
.....................................
...........................
ผมนั่งบนเก้าอี้ภายในอุโบสถขนาดเล็ก ของวัดแห่งหนึ่งไม่ห่างจากเวทยาลัยที่ผมเรียน
เพื่อใช้ประกอบพิธีสำหรับคนที่มีเงินต่ำ
ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า คนที่อยู่ภายในโลงเบื้องหน้าผม ....
จะไม่มีญาติ.... ครอบครัว หรืออะไรทั้งสิ้น
เธอไม่ต่างจากผม....
มายด์ ยอมสละชีวิตตนเองเพื่อช่วยผมให้รอดจากการโดนเหล็กก่อสร้างทับตาย
.......
ไม่นานหลังจากนั้น ตำรวจและพยาบาลก็เข้ามาเพื่อตรวจสอบ... แต่ ... คำพูดของพวกเขา...
................
-ทางเราตรวจสอบพบแล้วว่าเป็นพลังของผู้ใช้เวทย์ ที่มีแรงมหาศาลพอจะเคลื่อนสิงของหนักเป็นตันได้-
-จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่า แท่งเหล็กนั้นโดนเวทย์ยกจากด้านใต้ ไม่ใช่การผลัก-
-เราไม่สามารถตรวจสอบได้เลยว่า ใครกันแน่เป็นคนใช้เวทย์ เพราะไม่อาจจับวิถีทางของเวทย์ที่แน่นอนได้-
.................
ทำไมถึงไม่มีใครรู้! นั่นเป็นความคิดแรก ..... และมันก็ต้องมีความคิดอื่นแล่นออกมา ...
เออ ...
เหล็กแท่งขนาดยักษ์นั่น หล่นลงมาก็ต้องเป็นความรับผิดชอบของห้างสิ คนงานนั่นแหละ!
...............
-ไม่มีคนของทางเราอยู่ด้านบนอาคารตึกเพื่อใช้เวทย์-
-ไม่มีผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง หรือรับผิดชอบ ในงานก่อสร้างอยู่ภายในบริเวณนั้นเลย-
-เราสามารถตรวจสอบคนงานของเราได้ และเพราะตอนนั้น คนงานของเราประชุมกันอยู่-
-จึงเป็นเรื่องที่แน่นอนว่า ไม่ใช่บุคคลภายในอย่างแน่นอน-
-แต่ถึงอย่างไร ทางเราก็จะช่วยเหลือเงิน ในการทำศพให้-
.................
มันคุ้มค่ากับชีวิตผู้หญิงคนหนึ่งที่มีอนาคตรุ่งเรือง จะต้องมาตายเหรอ
กับเงินในการจัดพิธีศพแบบง่ายๆจัดแค่ 1 วันแบบนี้
เธอเป็นถึงเด็กที่แทบจะติดท็อปด้านทฤษฎีของโรงเรียนเชียวนะ!!!
เพื่อนๆภายในห้องและคนที่รู้จักเธอ เดินทางมาร่วมพิธีศพ....
.....ไม่มีญาติของเธอ หรือคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องที่รู้จักเธอเลย
แปลก ..... แปลกจริงๆ
ผมนั่งเงียบและคิดแบบนั้นอยู่ภายในอุโบสถทั้งวัน ร่วมพิธีต่างๆ ตั้งแต่เช้าจรดเย็น....
และ เผา....
ใช่.... เธอถูกเผาภายในเมรุ กลายเป็นควันไฟ และลอยหายไปบนอากาศด้วยเวทมนตร์
สำหรับยุคนี้ คนที่ไม่มีเงินมากพอจะจ่ายค่าแม่น้ำ ไม่มีสิทธิ์ได้ลอยอังคารกันเลย
เหงื่อของผมมันไหลรินออกมาจากดวงตา
ที่เธอเข้ามาทำตัวดี ตีสนิทกับผม อาจจะไม่ใช่เพราะเธอเวทนา สงสารหรือเห็นใจผม
เพียงแต่เธออาจจะเข้าใจผม เพราะเธอก็ไร้ซึ่งครอบครัวเหมือนกัน
ผมคิดผิดมาตลอด ผมน่าจะ.... ทำตัวดีกับเธอบ้าง
..............................................
2 วันผ่านไป นับจากวันที่เกิดเหตุการณ์นั้น
ผมมาเรียนตามปกติ
ให้ตายเถอะ จะทำอะไรได้มากกว่านี้นอกจากมาเรียนหละ
อย่างน้อยๆ วันนี้ผมก็มาเช้ากว่าปกติ
ผมนั่งมองบรรยากาศภายในห้อง ที่เงียบเชียบ
ถึงมายด์จะเป็นคนที่ไม่ได้สนิทกับเพื่อนๆทุกคนนัก แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่จะปล่อยทิ้งกันง่ายๆ
แม้แต่อาจารย์ที่เดินเข้ามาสอนในวันนี้ ยังมีท่าทีซึมๆไม่ต่างจากนักเรียน
ถ้าถามว่าผมไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอ ?
ผมตอบได้เลยว่า..... มันแย่มาก
แต่จะให้นั่งอมทุกข์ แบบตัวละครปัญญาอ่อนในหนัง หรือละคร คงจะไม่ใช่แล้วหละ
ผมต้องเรียนรู้ และพยายามต่อไปสิ ผมจะต้อง..... หาคนร้ายให้เจอให้ได้
"ก่อนอื่นเลย เราจะมาเรียนรู้แบบแรกกันก่อน นั่นคือการอัญเชิญแบบชั่วครั้งชั่วคราว ...."
อาจารย์ธิดาเริ่มสอนต่อจากเมื่อวันก่อนๆทันที ไม่ปล่อยให้อารมณ์มาบดบังหน้าที่
เธออธิบายว่า การอัญเชิญแบบชั่วครั้งชั่วคราวนั้น ก็เหมือนการเรียนรู้ที่จะเรียก หรือเสกบางสิ่งออกมา
เป็นคาถาที่ใช้งานได้ตั้งแต่ระดับสายอัญเชิญต่ำ ไปยันสายอัญเชิญระดับสูง
แถมยังใช้งานร่วมได้กับกลุ่มธาตุหลักทั้ง 5 นับเป็นสายเวทย์ที่มีลูกเล่นหลากหลาย
ส่วนใหญ่จะอัญเชิญออกมาเป็นสัตว์ประหลาด สัตว์เวทย์ หรือยืมพลังของเทพและปีศาจมาใช้
ผู้ที่เข้าสู่เส้นทางของสายนี้ จะไม่สามารถเรียนรู้สายถาวร ได้
ต่อด้วย
สายอัญเชิญถาวร ที่จะเรียกบางสิ่งบางอย่างออกมา และผูกไว้กับวิญญาณตนเองเพื่อเอาไว้รับใช้
บางคนก็สามารถอัญเชิญออกมาได้หลายตน บ้างก็อัญเชิญออกมาได้ตนเดียว
สิ่งที่อัญเชิญออกมานั้นสามารถพัฒนาตนเองขึ้น และแกร่งขึ้นไปพร้อมกับเจ้าของได้
เป็นได้ทั้งเพื่อน ทั้งทาส คู่หูและอื่นๆอีกมาก แต่...
แน่นอนว่ามันลำบาก เมื่อสิ่งที่อัญเชิญมานั้นตาย จะทำให้ผู้ที่อัญเชิญมันออกมาอ่อนแอลง หรืออาจจะตายได้
จึงจำเป็นจะต้องรักษาทั้งตนเอง และสิ่งที่อัญเชิญออกมาให้ดี
ข้อเสียของผู้ที่จะเข้าสู่เส้นทางสายอัญเชิญถาวร จะต้องสละสายชั่วครั้งชั่วคราวไป
ต่อด้วยอีก 3 สาย
ที่เป็นเหมือนการ ใช้งานร่วมกับสิ่งที่อัญเชิญออกมานั้น ให้กลายเป็นเหมือนอุปกรณ์ หรือเครื่องมือ หรือเพิ่มพลังให้กับ ผู้เรียกเพื่อใช้ในการต่อสู้
เป็นการเรียนที่ค่อนข้างยาวจริงๆ อาจารย์ธิดาก็สอนละเอียดเสียจนหมดเวลา 3 ชั่วโมงไปอีกแล้ว
เพื่อนๆ ต่างลุกไปกินข้าวกันตามปกติที่โรงอาหาร
-ชั้นซื้อนมกล่องมาให้ กินสิ-
"มายด์!!!!!"
ผมหันควับไปกับเสียงกระซิบเล็กๆนั้น .... แต่ ไม่ใช่ มันเป็นแค่ภาพหลอนติดตาและหูของผม
"พยายาม ไปกินไรกันมั้ย..."
แม็กซ์ เดินเข้ามาเอ่ยเพื่อชักชวนผม ..... ปกติก็ไม่ถูกหน้ากันอยู่แล้ว ...
สงสัยวันนี้ ... คงจะสงสารผมหละนะ
"ไม่หละ ชั้นไม่ค่อยชอบทานข้าวเที่ยงหน่ะ จัดเย็นทีเดียวเลย"
"เออ งั้นพวกเราไปกินไรก่อนนะ .... อย่าคิดมากหละ"
เขาตบไหล่ผมแล้วเดินจากไป
อ่า .... ให้ตายเหอะ ไม่อยากจะคิดมากเลยจริงๆนั่นแหละ
แต่จะให้มันลืมลงได้ไงวะ ....บัดซบที่สุด!!
ทำไมตรูถึงได้อ่อนแอแบบนี้ .... ก็เพราะปล่อยชีวิตเรื่อยเปื่อยมาตลอดหรือไงกัน....
แต่เรามันนักเรียนสายสามัญ ... จะให้ทำยังไงหละ ...กว่าจะมาสายนี้ได้ก็แทบแย่แล้ว....
...........................
ครืนนนนนน .... ครืนนนนน .... ซ่า~~~~~
"ชิบหาย ฝนก็ดันมาตกอีก"
ผมพ่นคำพูดแย่ๆออกมา หลังจากที่เรียนวิชาสังคมจบและกำลังจะกลับบ้าน
ผมได้แต่คิดว่า จะเอาไงดี อยากจะกลับบ้านจริงๆเลย ไม่อยากจะอยู่ที่โรงเรียนนี้จริง ให้ตายเหอะ
กลับบ้านไปนั่งเล่นเกม อ่านการ์ตูนให้มันหายคิดมากจะดีกว่า
อืม คิดไปขามันก็ออกตัวเดินไปเอง จนไปหยุดหน้าอาคารเรียน
สายตาผมหันไปจ้องมองกับกระเป๋าเป้ที่ราคาแพงใช้ได้ กันน้ำได้อย่างดี แต่ก็มีส่วนที่เป็นซิบซึ่งน้ำอาจจะหยดเข้าไปในซอกซิบก็เป็นได้
"ช่างมันเหอะวะ"
ผมเอ่ยแล้วรูดซิบมาด้านข้างเพื่อลดความเสี่ยงน้ำเข้าก่อนจะวิ่งฝ่าฝน เพื่อไปเอาจักรยาน
เส้นทางในการปั่นก็ไม่ได้ต่างไปจากเดิมเลยจริงๆ ... เออ จะผ่านต่างได้ไง ...
และผมก็ปั่นเลยโรงเรียน ผ่านหัวโค้ง ถนน ... จนมาถึงบริเวณห้างที่เกิดเหตุ
ไร้ซึ่งผู้คน
มันมีป้ายห้ามผ่านอยู่ ..... พร้อมกับ รั้วที่ล้อมปิดทางเอาไว้
"อะไรของมันวะเนี่ย!! เห้ย เมื่อเช้ายังไม่มีเลยนี่"
เออ อะไรของมันเนี่ย ตอนเช้า ก็ขี่ผ่านมาได้ ตอนเย็นดันมาปิด
นี่พวกเอ็งทำงานช้ากันขนาดนั้นเลยหรือไงกัน โถ่เว้ย ถ้าต้องอ้อมหละ ไกลโคตรๆเลย
แต่ก็นั่นแหละ บ่นได้ แต่ฝ่าฝืนไม่ได้
ผมตัดสินใจหันจักรยานกลับ แล้วเลี่ยงไปใช้ ซอยด้านข้างแทนถนนใหญ่ที่เป็นเส้นอ้อม
อย่างน้อยๆก็ร่นระยะทางได้ละกัน...
ผมปั่นเข้าซอยขนาดเล็ก แนวกั้นรั้วกำแพงมากมาย ลึกเข้าไปจนถึงที่โล่งกว้างไม่มีคนใช้งาน
ผ่านมาถึงทุ่งหญ้าแห้งกว้างๆ ที่ตอนนี้เปียกเพราะฝน
ไม่มีอะไรภายในทุ่งหญ้า นอกจากพวกเศษขยะเกลื่อนกลาด รูปปั้นเก่าๆพังๆดูรูปร่างไม่ออกเต็มไปหมด
และคนใส่ชุดกันฝนคลุมฮู้ดสีดำไม่เห็นหน้าถือดาบสมัยยุคสงครามเมื่อ 700 กว่าปีก่อน
................................
..........................
..............
.....
เหอ ?
อะไรวะ? คนใส่ชุดกันฝนถือดาบนั่นมันมายืนทำซากอะไรตรงนั้นคนเดียวหละนั่น
ผมคิดแล้วชะลอรถจักรยานพลางหันไปมองช้าๆ
............
มันไม่ได้มองผม ... ผมพยายามคิดแบบนั้น
แต่ผมเห็นมันยกมือขึ้น พร้อมกับรูปปั้นที่ลอยตามมือ แล้วพุ่งมาทางด้านหน้าผม
"เห้ย ...."
ผมอุทานขึ้น ก่อนจะหยุดรถทันที
ตู้มมม!!!
รูปปั้นนั่นผ่าหน้ารถจักรยานและผมไป ไม่ถึง 20 เซน จนชนกำแพงของอีกฟาก
โชคดีจริงๆ ที่มันกะเผื่อว่ารถจักรยานผมจะไถไปข้างหน้า แต่ผมดันหยุดรถเอาไว้ทัน
หน้าของผมซีดเผือด หันไปมองมันอีกรอบ
มันเริ่มเดินมาหาผมช้าๆ ในมือลากดาบยุคเก่าแต่ดันคมกริบมาตามพื้น
ดาบนั้นแค่ผ่านเศษขยะและกระป๋อง มันก็โดนตัดผ่าออกทันทีโดยไม่ต้องออกแรง
ไม่ ผมไม่มองมันแล้ว
"เห้ย ... เห้ย .... เหี้ยแล้วไง!!"
ผมอุทานแบบไม่คิด ก่อนจะเริ่มเร่งถีบจักรยานต่อทันที
ผมไม่รู้อะไรทั้งสิ้น นอกจากต้องเร่งฝีเท้าขึ้น มากกว่านี้ มากกว่านี้
ในหัวมันว่างเปล่า คิดแค่ว่า นี่มันอะไรกันวะเนี่ย
.....................
...........
.......
...
แคร้งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง!!!!!!!!!
เสียง!!! เสียงอะไรวะ!!!
ผมที่แม้จะไม่อยากหันไปมองก็ต้องหัน
"ชิบหายแล้ว!! มึงเป็นเหี้ยอะไรกับกูวะ!! ตามมาทำไม!!!"
ผมตะโกนออกมาทันทีเมื่อเห็นมันวิ่งลากดาบผ่าฝนมาตามทางนั้นอย่างรวดเร็วจนไม่อยากจะเชื่อสายตา
แทบจะตามจักรยานของผมทันแล้ว เสียงดาบของมันดังยิ่งกว่าเสียงฝนเสียอีก
ผม ต้องหันกลับมาเร่งปั่นด้วยความกลัว ใบหน้าของผมซีดเผือด
"มึงจะเอาอะไรกับกูวะ!! มึงต้องการอะไร!!!"
ผมตะโกนถามไปอีกโดยไม่มองระหว่างเร่งความเร็วเพิ่มขึ้น และเพิ่มขึ้น
มันไม่ตอบผม นอกจากเสียงลากดาบไปกับพื้นคอนกรีตดังระงม
แคร้งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง!!!
เสียงนั้นตามมาติดๆ
มันบีบคั้นหัวใจผมมาก
ผมใกล้จะออกจากซอยบ้าๆนี่เข้าถนนใหญ่แล้ว อีกไม่ถึง 60 เมตร
แคร้งงงงงงงงงงงงงงง ..... !!!
เสียงลากดาบนั้นเงียบไป
เพียงเสี้ยวหัวใจและชั่วความคิด ผมรู้เลยว่า มันต้องยกดาบขึ้นมาจากพื้นแล้ว
ผมตัดสินใจพลิกตัวบิดจักรยานไปด้านข้าง เอียงตัวให้จักรยานล้มแล้วดีดตัวออกไปด้านหน้า
สายตาผมหันไปสบกับมันเพียงแค่ชั่วอึดใจ
... ไม่เห็น .... ใบหน้า ....
ควับ!!!!!!!
คมดาบเฉี่ยวขาผมไป แค่ปลายซอกเล็บ ..... ผ่าจักรยานของผมออกเป็น 2 ซีก อย่างรวดเร็ว
ภาพทั้งหมดมันเร็วมาก ก่อนที่ผมจะตัวลอยสะบัดหมุนกลิ้งออกไปจากจุดนั้น ร่วม 10 เมตร
ผมหายใจหอบ ... สั่น ....
"แฮ่ก ... แฮ่ก ... แม่ง!!!! มันจะฆ่ากูทำซากอะไรวะ!!!! แฮ่ก... แฮ่ก... สัตว์!!!"
ผมเอ่ยโวยระหว่างผลักตัววิ่งต่อทันที โดยไม่คิดอะไรให้ยุ่งยากทั้งนั้น สมองผมมันสั่งให้เอาชีวิตรอดก็พอ
ผมหันไปมองมันที่หยุดนิ่ง .... แตไม่เห็นใบหน้าของมัน.... รู้แค่ว่าตัวมันไม่ได้สูงอย่างที่คิด
เมื่อเห็นมันไม่ได้วิ่งตามมา ผมก็ตัดสินใจจะไม่มองต่อ....
ตึกๆๆ .. ตึก
และ ... ผมได้ออกมาถึงถนนใหญ่ แล้ว
............................
.................
ผมหอบเหนื่อยมองเหล่ารถยนต์ ที่กำลังแล่น ผู้คนที่ใช้ร่ม รวมถึงคนที่ใส่ชุดกันฝนคลุมฮู้ดเดินกันให้ควัก ก่อนจะหันกลับเข้าไปมองภายในซอยนั้น แต่ก็ไม่เห็นทั้งตัวมัน และรถจักรยานแล้ว
".... รอด?"
ผมเอ่ยออกมาก่อนจะเดินเซๆ เหนื่อยๆ ปะปนกับฝูงคน เพื่อไปแจ้งความ ......
ตำรวจลงบันทึกประจำวันเรียบร้อย
และมาตรวจสอบทันที
แต่
..........................
มันไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย
ไม่มีรอยดาบ
ไม่มีรอยกำแพงที่โดนรูปปั้นชน
ไม่มีร่องรอยการต่อสู้
ไม่มีอะไรเลย
แม้แต่จักรยานของผม ก็ไม่ได้ขาดครึ่งอย่างที่ผมเล่า
ตำรวจจึงส่งผมไปพบแพทย์
และแพทย์ก็สรุปว่าผม เครียดจากเรื่องราวของเพื่อน จนเกิดเป็นภาพหลอน....
ภาพหลอนอะไรวะ ก็เห็นมันจริงๆ ....
ผมได้แต่คิดแบบนั้น แต่หลักฐานมันคาตา ทั้งจักรยานที่กลับเป็นเหมือนเดิม และสภาพสิ่งของที่ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงเลย ทำให้สรุปได้ว่า ผมเห็นภาพหลอนจากความเครียด
..................................................
ตุ้บ!!!
"มันจะเกิดขึ้นมาจากความเครียดได้ทั้งเสียง ทั้งภาพเลยเหรอวะ"
ผมเอ่ยพลางทุบกำแพงห้องน้ำ ระหว่างแก้ผ้าใต้ฝักบัว
หลังจากโดนโรงพยาบาลพามาส่งตัวที่บ้าน โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เพราะทำประกันไว้กับทางเวทยาลัย
ผมก็ได้แต่ครุ่นคิดถึงมัน แม้จะรู้ว่าเป็นภาพหลอน แต่ก็ไม่ลืมที่จะล็อคกลอนประตูอย่างแน่นหนา
หวังว่า ผมจะไม่เครียดแล้วเจอมันภายในบ้านหรือบริเวณนี้อีกนะ...
...............
ผมอาบน้ำจนสะอาด เดินมาเก็บผ้าที่โยนลงถังซักพร้อมปั่นแห้งเอาไว้ไปตากในบ้าน เพราะฝนยังไม่หยุดตก
แล้วเดินกลับเข้าห้องนอน พลางเอนตัวลงนอนบนเตียง อย่างเมื่อยล้า
"อะไรกันนักหนาวะเนี่ย!!....."
ผมอุทานขึ้น ก่อนจะหันไปมองคอมพิวเตอร์ จะเล่น ... ไม่เล่น ......
..... ไม่เอาละ นอนเลยแล้วกัน
แน่นอนว่า หลังจากผ่านเหตุการณ์เมื่อกี้ เล่นเอาผมขี้เกียจจะไปเปิดคอมเล่นเกมเลย
ผมตัดสินใจ ข่มตาหลับตั้งแต่ตอน 18.10 น.
ผ่านไปไม่นาน ผมก็หลับไปจริงๆ .........
...............................
.........................
.....................................................................................................
ซ่า~~~~~~~~~~
เสียงฝนพรำ ยังคงไม่หยุด มันดังระงมไปทั่วทั้งเมือง จนน้ำขังเจิ่งนอง
จ๋อม ... แจ๋ม .... จ๋อม แจ๋ม ...
มีเพียงบุคคลในชุดเสื้อกันฝนคลุมฮู้ดสีดำ เดินเล่นอยู่บนถนนทางเดินมืดๆ
เพราะหลอดไฟที่ยังไม่ติดเนื่องจากยังไม่ถึงเวลาเปิดไฟอัตโนมัติของทางราชการ ในเวลา 19.00 น.
ก่อนจะหยุดเดินลงที่หน้าบ้านของพยายามแล้วเงยหน้ามองขึ้นมาผ่านกระจกชั้นสอง
ครื่นนนนนนนนนนนนน!!!!
เสียงฟ้าร้องนั้น ทำให้เห็นช่วงปากผ่านฮู้ดนั้น ....
ช่วงริมฝีปาก ที่กำลังยิ้มหวานให้กับบ้านของพยายามอยู่
มันขยับ .... ขยับช้าๆ ... ท่องเป็นคำพูด ... อะไรสักอย่าง ... แค่ 3 พยางค์
แม้จะไม่มีเสียงออกมา แต่ก็สามารถอ่านใจความของปากได้
พะ .. ยะ .. ยาม ...
.........................................................................................................
End Chapter 2 มันจะเกิดขึ้นมาจากความเครียดได้ทั้งเสียง ทั้งภาพเลยเหรอวะ
Old 17/3/2557
Rewrite 28/4/2557
ความคิดเห็น