ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เวทยาลัย ศาสตร์มนตร์ดำรงเวทยา

    ลำดับตอนที่ #1 : Chapter 1 นี่มัน........อะไรกัน......... (Rewrite V.1)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 6.1K
      44
      28 เม.ย. 57

    Chapter 1 นี่มัน........อะไรกัน.........

     

    "ไม่เป็นไรครับ ผมจะปกป้องคุณเอง"

    เสียงมันก้องกังวานมาจากความมืด .... ที่ไหนสักแห่ง อ่ะ ... จริงสิ นี่มันฝันนี่ แล้วไหงตรูถึงรู้ว่ามันเป็นฝันละฟระ .... ช่างมันเถอะ แต่เสียงที่ได้ยินมันเป็นเสียงผู้หญิงนี่หว่า .... แล้วไหงถึงได้พูดครับหละเนี่ย ตลกเป็นบ้าเลยแฮะ ... อะ ไม่สิ หรือว่านี่จะเป็นความฝันเกี่ยวกับชายรักชายกันฟระ? ไม่หละมั้ง ตรูไม่ใช่สายบอยเลิฟนะเห้ย ... นอนต่อเหอะ

    ... .... ..... ...... ....... ........

    -สัญญาณต่อไปนี้ เป็นสัญญาณบอกเวลา แปดนาฬิกา ศูนย์นาที ศูนย์วินาที-

    -ติ้ด-

    -ธงชาติและเพลงชาติ............. เราจงร่วมใจกันยืนตรงเคารพธงชาติ เพื่อ......-

    "ชิบหาย แปดโมงเช้าแล้ว!!!!!"

    ผมลุกพรวดขึ้นมาจากภวังค์ทันที ที่เสียงวิทยุจากร้านขายข้าวแกงข้างบ้านผมดังขึ้น

    ให้ตายเหอะ ... นี่มันปาไปครึ่งเทอมแล้วนะเว้ยเรา .... ทำไมตรูยังตื่นสายแบบนี้วะเนี่ย เมื่อไหร่จะโตเป็นผู้ใหญ่สักทีวะ

     

    ผมวิ่งแก้ผ้าโทงๆเข้าห้องน้ำไปพร้อมกับผ้าเช็ดตัว อาบน้ำพอผ่านๆ สบู่ถูแค่จุดซ่อนเร้นที่มีสิทธิ์ส่งกลิ่นเหม็น แล้วเร่งเช็ดตัวออกมาจากห้องน้ำ ใส่เสื้อผ้าในตู้เสื้อผ้า รีบวิ่งลงบันไดจากห้องอาบน้ำลงมาผ่านทางเดินออกจากบ้าน พลางก่อนจะต้องหยุดนิ่ง ..... มอง .....

    ใช่แล้วหละ

    ดวงตาของผมได้แต่มองทอดยาวไปยังมุมโต๊ะกินข้าวอันสว่างไสวของบ้าน ที่มีพ่อ แม่ น้องสาว และคนรับใช้หญิงอีกคนกำลังพูดคุยกันสนุกสนาน แล้วหันมาส่งยิ้มให้ผม ก่อนที่ภาพเหล่านั้น ... จะค่อยๆจางหายไป กลายเป็นโต๊ะกินข้าวที่ว่างเปล่า ไม่มีอะไรเหลือเลย แม้แต่แสงสว่างจากหลอดไฟ

    ไม่มีแม้แต่เสียงอะไรทั้งนั้น แม้แต่ ...

    .....

    -ครับ นี่ก็เป็นช่วงสุดท้ายของเรื่องเล่าสายนี้แล้วนะครับ-

     

    "ชิบหาย ไม่มีเวลามาคิดอะไรไร้สาระแล้ว!"

    อ่า .....

    ใช่แล้ว ช่วงรายการเรื่องเล่าสายนี้ ช่วงสุดท้าย มันก็ราวๆ 8.15 น. ได้ เรียนโฮมรูม 8.30 อย่างน้อยๆ ขอไปให้ทันคาบแรกเหอะ

     

    ผมคว้ากระเป๋าเป้ใบเก่งสะพาย ออกจากบ้าน ล็อคประตู

    แล้วดิ่งตรงไปโรงเรียนด้วยรถจักรยานแม่บ้านคู่ใจทันที

     

    ...................................

     

    พอพูดถึงเวทมนตร์ ทุกคนอาจจะต้องคิดถึงคำพูดสุดแกร่ง

    คาถาร่ายสุดเท่อย่าง "เอสเปรซโซ่ คาปูชิโน่"

    หรือแม้แต่ชื่อโรงเรียนเด่นดังเป็นภาษาอังกฤษ อย่าง "ฮอร์ทดอร์ก"

    ขอโทษเถอะ ที่นี่มันประเทศอะไร ... ยังไงเราก็รักศิลปะ และภาษาของประเทศเราหละนะ

     

    ฮ่าๆๆ...

     ใช่! ผมกำลังเกริ่นถึงชื่อโรงเรียน ... อ่า.... ไม่สิ ต้องเรียกว่า เวทยาลัย ที่ผมกำลังจะตรงไปเรียนต่อไปนี้

    ............

    ผมเลี้ยวเข้าไปภายในรั้วของสถานที่ ที่มีป้ายพื้นสีดำตัวหนังสือสีทองเหลืองตั้งตระหง่านด้านหน้า

    .....

     - เวทยาลัย ศาสตร์มนตร์ดำรงเวทยา -

    เวทยาลัยนี้ ติดอันดับ 1 ใน 100 ของประเทศ

    จัดสอนตามหลักสูตรแกนกลางเวทศึกษาขั้นพื้นฐาน

    เวทศักราชที่ 212 หรือ คริสต์ศักราชที่ 2234

    ว่าด้วยเรื่อง เวทย์และวิทย์ เป็นของที่คู่กัน

    การบ่มเพาะของชาติจำเป็นจะต้องควบคู่กันไป ทั้งเวทมนตร์ศาสตร์ และวิทยาศาสตร์

    โดยผู้สำเร็จการศึกษา จะต้องประกอบไปด้วย

    1. ความรู้ในการใช้ชีวิตอยู่ร่วมภายในสังคม

    2. ศาสตร์เวทย์เฉพาะด้านของผู้เรียน ตามที่ถนัด เพื่องานอาชีพและกีฬา

    3. คุณธรรม จริยธรรม ต่อประเทศชาติ

     

    ให้ตายเถอะ .... ไม่อยากจะด่าอะไรหรอกนะ คุณธรรมจริยธรรม

    แต่สุดท้ายก็ส่งนักเวทย์ไปร่วมแข่งขันกีฬาเวทย์ เพื่อชิงความเป็นหนึ่งของโลก และเพื่อภาษีที่ไหลเข้าประเทศ มันมีแต่แก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกันชัดๆ

     

    เอาหละ ....

    ผมเดินตรงเปิดประตูเข้าไปยังห้องเรียนอย่างสง่า ... และผ่าเผย

     

    เปรี้ยง!!!

     

    แปรงลบกระดานไวท์บอร์ด พุ่งเข้าหน้าของผมอย่างทันท่วงที

     

    "อั่ก!!!"

    ผมหงายเงิบแอ่นเอวไปข้างหลัง 30 องศา ท่ามกลางเสียงหัวเราะของเพื่อนๆในห้อง

    ให้ตายสิ ทำไมตรูถึงได้กากอย่างงี้ฟระ แค่ใช้พลังเวทย์ป้องกันแปรงลบกระดานยังทำไม่ได้เลย

     

    "ไอ้คุณพยายามที่รักคะ .... เมื่อไหร่ไอ้คุณพยายามจะเลิกมาสายสักทีคะ ไม่เห็นว่าไอ้คุณพยายาม จะมีความพยายามตามชื่อตรงไหนเลยนะคะ"

    เสียงหวานหยดย้อยคำลงท้ายแสนสุภาพ แต่นั่นไม่ได้ลบคำพูดก่อนหน้าคำว่าคุณออกไป เจ้าของเสียงยิ้มหวานมาทางผม เธอคืออาจารย์ธิดาหญิงสาวที่มีหน้าตาน่ารัก สูงราวๆร้อยสี่สิบเซนไว้ผมสั้นเพราะหวังจะดูเหมือนผู้ใหญ่ แต่ดันยิ่งทำให้พวกนักเรียนชายคลั่งเด็กเห็นแล้วหายใจหอบหื่นเสียมากกว่า

     

    ผมหยิบแปรงลบกระดานออกจากหน้า แล้วมองตรงไปยังอาจารย์สาวที่แสนน่ารัก

    ก่อนจะเอ่ยด้วยใบหน้าอันมุ่งมั่นเสียยิ่งกว่าอะไรว่า

    "ขอโทษครับ! ผมหลับฝันเห็นอาจารย์ธิดา กลายเป็นสาวสวยอกสะบึมยืนสอนหน้าห้อง เลยไม่อยากจะตื่นขึ้นมาจนกว่าอาจารย์ธิดาในฝันจะสอนเสร็จครับ!!"

    สิ้นเสียงของผม

    สิ่งของแข็งๆอีกชิ้นก็พุ่งเข้าพุงของผม ......

    .....มันคือ ... ปากกาไวท์บอร์ด

    คราวนี้ ผมได้แต่โค้งตัวไปข้างหน้าอย่าง

     .... จุก ....

    เออ สิ จุกว้อย!!!

     

    -ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ -

    แล้วพวกแกจะหัวเราะชั้นทำไมฟระ เลิกหัวเราะสักทีเหอะเห้ย!!!

     

    "หยิบทั้งสองอย่างมาวางไว้บนโต๊ะแล้วไปนั่งที่ซะ วันนี้สอนเรื่องอะไร ไอ้คุณพยายามควรรู้ด้วยนะคะ ที่ดิชั้นสอนไม่ได้เนี่ย ก็เพราะไอ้คุณพยายามเนี่ยแหละค่ะ ...."

    อาจารย์สาวเอ่ยบอก แล้วนั่งลงบนเก้าอี้ขนาดพอดีตัว

    แล้วยกแขนขึ้นมากอดอกเซ็งๆ

     

    ยังงี้นี่เอง ....... ผมเข้าใจหละ คงต้องพูดแบบนี้ก่อน ...

    "เห .... อ๋อ ถึงเรื่อง สายเวทย์ของผมพอดีใช่ไหมครับ ... ขอโทษจริงๆครับอาจารย์ธิดา ผมจะรีบไปนั่งเรียนเดี๋ยวนี้แหละครับ"

     

    ใช่แล้ว .....

    ถึงจะปากร้ายและมือหนัก แต่อาจารย์ก็เป็นคนเข้าใจเด็ก และต้องการให้เด็กได้ความรู้จริงๆ

    วันนี้สอนถึงเรื่องสายเวทย์ที่ผมถูกจัดประเภทให้อยู่ ซึ่งสายของผมก็คือสายอัญเชิญ

    ผมรีบเดินเข้าที่นั่งของผม ที่อยู่แถวที่ 3 เกือบกลางพอดี

     

    "ไม่เป็นไรนะ พยายาม"

    เสียงเอ่ยจากหญิงสาวด้านขวามือของผม ที่ไว้ผมยาวตรง สวยแบบไม่แต่งเติมอะไรมากมาย

    เธอชื่อมายด์ ...

     

    บอกก็บอกเถอะ ... เธอเนี่ย

    เป็นเพื่อนสาวที่เรียกว่า ไม่รู้ทำไมถึงพยายามเข้าหาและตีสนิทกับผมมาตั้งแต่มัธยมปลายแล้ว

    ทั้งๆที่ก็ไม่เคยรู้จักมาก่อน และก็ไม่เคยยุ่งเกี่ยวอะไรด้วยเลย แถมยังรู้เรื่องที่ครอบครัวผม .... เห้อ

    ขอบอกเลยว่า ผมไม่ได้รู้สึกดีใจเลยสักนิด ที่จะมีผู้หญิงสวยๆมาคอยเป็นห่วงหน่ะนะ

    .....

     

    .... ใช่ครับ ....

    มันทำให้ผมเหนื่อยใจมากกว่า

    .... แต่จะให้พูดอะไร มากไปกว่านี้ก็คงไม่ดี ...

     

    "อ่า ไม่เป็นไรหรอกมายด์"

    ผมตอบแล้วหันไปฟังอาจารย์สอนทันที

     

    "หลังจากที่ต้นเทอม พวกเราได้เรียน เวทย์สายตรงไปแล้ว 5 สาย ได้แก่ ดิน น้ำ ลม ไฟ สายฟ้า ต่อไป ก็คือ..."

    อาจารย์อธิบายต่อจากต้นเทอม ที่ โลกใบนี้ นอกจากจะมี 5 เวทย์สายตรงพื้นฐาน ที่ต่อยอดไประดับสูงแล้ว

    ยังมีเวทย์ ในสายอื่นๆอีก ที่หลายๆคนสามารถเรียนได้ หรือบางคนอาจจะเกิดมาเป็นลักษณะพิเศษกับสายนั้นๆ อย่าง เวทย์สายอัญเชิญ เวทย์สายเสริมกาย เวทย์สายแปลงสภาพ เป็นต้น

    และวันนี้ อาจารย์ก็ได้สอน เกี่ยวกับข้อจำกัดและวิธีการอัญเชิญให้

    ซึ่งประเภทอัญเชิญแบ่งไปด้วย

    อัญเชิญมาใช้งานชั่วครั้งชั่วคราว

    อัญเชิญมารับใช้ถาวร

    อัญเชิญมาเสริมพลัง

    อัญเชิญมาเป็นเครื่องสวมใส่หรืออาวุธ

    และอัญเชิญเพื่อมารวมร่าง

    แต่กว่าอาจารย์จะได้อธิบายจนหมด ก็หมดเวลาพักเที่ยงเสียแล้ว เวลาที่เรียนกับอาจารย์นี่มันไวจริงๆแฮะ ขนาดอาจารย์ไม่ปล่อยพักยังไม่มีนักเรียนคนไหนบ่นเลย

     

    แต่ ...ให้ตายเหอะ อีกแค่ไม่กี่เดือนก็ใกล้จะสอบปฏิบัติ ตามสายปลายปีแล้วสิน้า

    จะเป็นพวกอัญเชิญแบบไหนกัน

    ผมนั่งคิดเหม่อลอย ...

    น่านสิน้า ถ้าอัญเชิญได้สาวครึ่งสัตว์สวยๆมาได้คงดี

     

    "พยายาม ชั้นจดโน้ตไว้ให้พยายามด้วยนะ นี่จ้ะ..."

    มายด์เอ่ยแทรกขัดจังหวะความเพ้อของผม พลางยื่นสมุดปกอ่อนสีน้ำตาลมาให้

     

    "อ่า..... มายด์ .... ชั้นไม่ได้ขอให้เธอจดสักหน่อย"

     

    "ไม่เป็นไรหรอก ชั้นยินดีจดให้"

     

    ให้ตายเหอะ มันอะไรของยัยนี่กันเนี่ย ..... อ่า.... จะรับไว้แล้วกัน

    "อืม ขอบใจนะ"

     

    "เห้ยๆ ผัวเมียคู่นี้มันจีบกันต้นคาบยันท้ายคาบเลยหวะ"

    แม็กซ์ เพื่อนชายที่หน้าตาดูดีใช้ได้ ปากกวนๆ เอ่ยเย้ยเยาะ ตามด้วยกลุ่มผู้ชายอีก สามถึงสี่คน

     

    "น่านสิ ไปสนใจอะไรเจ้าพยายามมันนักหนาหน่ะ มายด์"

    ดวงใจ เพื่อนสาวในห้องที่หน้าตาหวานๆดูไม่มีพิษภัย แต่จริงๆแล้วเป็นพวกขานำเที่ยวกลางคืนประจำห้อง กับแก๊งสาวๆเที่ยวกลางคืนประจำห้อง เอ่ยท้วงขึ้นมาตามทันที

     

    .......

    มายด์หยุดนิ่ง .... มองไปทุกๆคน ... แล้วฉีกยิ้มออกมาเล็กๆ ดูราวนางงามรักโลก

    แล้วเอ่ยเสียงเรียบ แต่หวานหยดย้อยว่า ....

    "พรหมลิขิตหน่ะ"

     

    พรูดดดดดดดดดด

    เสียงของการสำลักน้ำลายดังขึ้น ....

    และ ...ใช่....

    ไม่ใช่แค่ผมหรอก... ทุกคนที่ได้ยินก็สำลักน้ำลายกันหมด

     

    โอ้ย อายแทบแทรกแผ่นดินโว้ยยยย ยัยมายด์ เมื่อไหร่ เธอจะเลิกทำให้คนอื่นเข้าใจผิดสักทีฟระ

     

    "เห้ยๆ ดูดิ เพราะพรหมลิขิต แหละเว้ยยยยย"

    "ฮี้วววววว"

    "กริ้วๆๆ"

    "พรหมลิขิตหละ เธอ!!! ยอดๆ"

     

    เออ ดี ล้อกันเข้าไปเหอะ ตรูไม่สนใจอะไรทั้งนั้นแล้ว!!!

     

    ........................................

     

    ผมปล่อยเวลาคาบเที่ยงไปกับการนั่งหาว ยัยมายด์ก็ไม่รู้จะไปซื้อนมกล่องมาให้ผมทำไม

    เอาเถอะ ซื้อมาแล้วจะทิ้งก็เสียดาย ดื่มสักหน่อยละกัน

     

    ครืดดดดดด ....

     

    และ เวลาตลอดช่วงบ่ายของผม ก็เต็มไปด้วยความง่วงกับวิชาประวัติศาสตร์

    ง่วงชะมัดเลยแฮะ .....

    ง่วง .....

     

    ..................................................

     

    อ่า เราเห็น เครื่องบิน .... ใช่แล้วหละ วันนั้นมัน .......

    ...........................

     

    "พ่อ ขอเหอะ ยังไงผมก็ยังอยากจะอยู่บ้านอะ เกมมันมีกิจกรรมคูณสามเลยนะพ่อ!"

     

    "พยายาม เอ็งนี่มันไม่ไหวเลยนะ! อายไอ้อดทนมันมั่งไหม"

    พ่อของผมโวยใส่ตัวผม พลางชี้ใส่หน้าพยายาม

     

    "เอาเถอะพ่อ ให้ ยัยเพลงไปแทนก็ได้"

    แม่รีบเดินเข้ามาเอ่ยระงับอารมณ์พ่อและเสนอให้ พี่เพลง

    ซึ่งเป็นสาวใช้ประจำบ้านมายาวนานไปแทน

     

    .......

     

    และสองวันต่อจากนั้น ระหว่างที่ผม ... กำลังนั่งเล่นเกมพลางเปิดทีวีทิ้งไว้ฟังไปด้วย

    ข่าวก็ได้รายงานว่า กลุ่มสัตว์ประหลาดนอกเมืองปริศนาบุกทำร้ายเครื่องบิน จนร่วงตก

    ผม ... ต้องผละตัวออกจาก เกม.....

    ลุกขึ้นมา ..... แล้วจ้องมองข่าวนั้น ...

    ใช่.... ใช่ ... ถึงจะอยากให้ไม่ใช่ ... แต่มันใช่....

    สายการบินที่ทั้งสี่ นั่งไป ........ เที่ยวบินที่ทั้งสี่ นั่งไปนั่นหนะ.........

    ทำไมกันนะ ทำไมแม่ไม่โกรธ แล้วลากให้ผมไป พวกเราสี่คนจะได้ ....

     

    .................................................

     

    "พยายาม พยายาม เย็นแล้วนะ กลับบ้านกันเถอะ"

    เสียงของยัยมายด์สินะ ...

    อ่า .... ปลุกชั้นจากภวังค์ได้ดีพอๆกับสัญญาณบอกเวลาเคารพธงชาติเลยนะ

     

    "อืมมม กี่โมงแล้วเนี่ย"

    ผมเงยหน้าขึ้นมาถาม

     

    "บ่ายสามโมง สิบนาทีแล้วหน่ะ"

    เธอมองหน้าผมด้วยรอยยิ้ม

     

    อ่า... เวทยาลัยเรา เลิกเรียนกันตอน บ่ายสามหละนะ

    พอเลิกเสร็จ ทุกคนก็รีบแยกย้ายไปชมรม ไม่ก็กิจกรรม หรือกลับบ้านไม่มีใครรอใครกันเท่าไหร่

    "แล้วไหงเธอไม่กลับไปก่อนหละเห้ย มายด์"

     

    "ก็ รอไปส่งพยายามที่บ้านนี่นา"

     

    อย่ามายิ้มแบบนั้นให้ชั้นนะเว้ย มันไม่ได้ทำให้ชั้นชอบเธอขึ้นมาหรอกนะ

    .... แต่จะโวยอะไรได้ .... เห้อ ....

    "อ่า งั้นกลับกันเลยปะ"

     

    ......

     

    แล้วผม กับ มายด์ ก็กลับบ้านด้วยกัน เธอนั้น เดินตามผม

    ส่วนผมก็คงต้องเข็นจักรยานเดินหละนะ ไม่งั้นมันจะเสียมารยาท

     

    ให้ตายเหอะ จะมีอะไรน่ารำคาญกว่านี้อีกไหมเนี่ย

    ให้ยัยนี่เลิกตามแล้วรีบกลับบ้านไปซะที....จะได้ปั่นกลับบ้านง่ายๆ

     

    ผมและมายด์เดินไปเรื่อยๆ จนถึงเขตห้างที่ใกล้จะเปิดบริการในอีกไม่ช้า ผมไมได้คิดอะไรมากนักหรอก มันก็แค่ห้าง ที่เปิดกันเกลื่อนในยุคสมัยนี้

     

    "นี่พยายาม คิดว่าชีวิตคนเราเนี่ย สำคัญมั้ย?"

    จู่ๆ เสียงของมายด์ก็ดังขึ้นข้างหูของผม

     

    ในหัวผมกลวงไปเลยหละ ถามอะไรของหล่อนฟระ

    "อ่า สำคัญสิ จะถามทำไมเนี่ย"

     

    "ก็อยากรู้นี่นา...."

    เธอตอบแล้วเงียบไปแปบหนึ่ง หันมองผม ...

    "ยังไงซะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พยายามจะต้องมองเห็นชีวิตของพยายามสำคัญเข้าไว้นะ"

     

    ..............

    อึ้งไปสัก 0.5 วินาที ก่อนจะต้องคิดในใจแบบนี้ ....

    ฮี้ เฮะๆๆๆ อะไรของหล่อนเนี่ย พูดซะอยากจะขำให้ท้องแข็ง

    พูดซะยังกะจะไปออกรบแล้วตายยังงั้นแหละ

    "อ่า อืม..."

    ผมตอบรับสั้นๆ เพราะไม่อยากเอ่ยเยอะ เดี๋ยวจะขำ

    ..........

     

    ใช่แล้วหละ ชีวิตมันก็เรียบง่ายยังงี้แหละนะ

    เท้าที่ก้าวเดินไปพร้อมกับเข็นจักรยานข้างๆยัยบ้านี่ มันไม่ได้เป็นตัวชี้วัดว่าผมจะต้องทำอะไรต่อจริงๆ

    .........

     

    "ระวัง ระวัง"

    "พวกน้องระวัง"

    "หนีเร็ววววว!!!!!"

    "เห้ยใหญ่ขนาดนั้นไม่ทันแล้ว"

    "ระวังงง!!!"

     

    อะไร? ..... เสียงโหวกเหวกอะไรกันนักหนา?

    ผมได้แต่คิดแล้วคิดว่า อะไรของพวกเขากันนะ?

     

    "พยายาม.... อย่าลืมให้ความสำคัญกับชีวิตตนเองนะ"

    เพียงเสี้ยววินาทีนั้น เสียงของมายด์ก็ดังขึ้นมาข้างๆใบหูผม

     

    "อ่า?"

    ไม่มีอะไรเว้นว่างให้ผมได้ตอบยาวกว่านั้น

    เพราะสิ้นเสียงเธอแล้ว ร่างกายอันเรียวบางของมายด์ก็พุ่งเข้าผลักผมออกอย่างรุนแรง..... ?

     

    เอ้ะ?

    ผมคิดในใจ ร่างกายผมลอยละลิ่วกระเด็นผิดคาด

    แต่ที่ทำให้ลืมเรื่องลอยกระเด็นนั้นคือ

     

    แท่นเหล็กก่อสร้าง ขนาดยักษ์นั้นหล่นลงมาบดร่างกายของหญิงสาวเบื้องหน้า....

    .... เพื่อน.... ตั้งแต่มัธยมปลายของผมที่คอยตามดูแลผมตลอดเวลา

    ยัยบ้า ที่วันๆพูดแต่เรื่องอะไรไม่รู้ มาปั่นป่วนความคิดของเรา....

     

    ผมเห็น ... กะโหลกและใบหน้าอันสวยงามค่อยๆยุบบดบี้เละลงไปรวมกับหน้าอก ท้อง แบนลงไปถึงขา

    ดวงตาค่อยๆ ปลิ้นและพุ่งออกมาจากเบ้า แขนข้างที่ไม่ได้โดนทับนั้น ขาดออกปลิวกระเด็นตามร่างกายของผมมาติดๆ เลือดค่อยๆพุ่งกระเซ็นออกมาตาม

    ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเพียงแวบเสี้ยววินาที ที่ร่างกายผมลอยไป

     

    ตุบ!

    "อั่ก!!"

    ร่างกายผม กระแทกเข้ากับกำแพง ห่างจากจุดเกิดเหตุร่วม 10 เมตร

     

    "มะ มายด์..."

    -แปะ-

    ไม่ทันที่ผมจะได้เอ่ยอะไร แขนขวาของเธอก็กระเด็นมาวางอยู่เบื้องหน้าผม มันยัง ... ขยับและเกร็งได้อยู่เลย

     

    ผมหยุดนิ่งไปราวๆ 5 วินาที .... มองมือ ... และมองแท่นเหล็กก่อสร้างนั้น ....

    "อึก ... นี่มันอะไรกันวะ ฮ้ะ ฮึก ... ฮึก .... "

    น้ำตาผมไหล ..... ใช่ ... ผมพูด .... ทั้งน้ำตาที่ไหลออกมา .... จากดวงตา

     

    เออ นี่มันอะไรกันวะ!! ทำไมวะ!! มันเกิดอะไรขึ้นวะ!!

    "มันเกิดอะไรขึ้นกันวะ!! ทำไม ชีวิตมันไม่มีความสุขเลยวะ!! ครอบครัวก็ทนได้แล้ว แล้วนี่ยังเพื่อนอีก .... เพื่อนคนสำคัญ..... เห้ย!!! ... มันเกิดอะไรขึ้นวะ แม่งเอ้ยย!!!!! ใครก็ได้บอกกูที นี่มันเหี้ยอะไรกันวะ!!!"

    ผมได้แต่โวยวาย ตะโกนกู่ร้องอย่างบ้าคลั่ง ร้องไห้ ไม่เข้าใจไปกับสถานการณ์นั้น

    ไม่มีใครเข้าใจผม ผมยังไม่เข้าใจตนเองเลย ใครก็ได้ บอกผมทีเถอะ...

     

    -อย่าลืมว่าชีวิตของพยายามหน่ะ สำคัญที่สุดเข้าใจมั้ย-

     

    End Chapter 1 นี่มันเหี้ยอะไรกันวะ!!!

     

    Old 17/3/2557

    Rewrite 28/4/2557

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×