คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : เด็กหนุ่มในสวนหลังโบสถ์
"มิตรภาพ..... สิ่งที่ยืนยาวและมั่นคงไม่เคยสั่นคลอน แต่ทว่ามันจะต้องมาจบลงด้วยการมี 'ความรัก' ...."
แต่ไม่มีทาง มันเป็นแค่คำพูดโบราณ...
กับแค่สิ่งบ้าๆที่เรียกว่า'ความรัก' ไม่สามารถทำลายมิตรภาพระหว่างเขาและเธอได้หรอก....
อากาศหนาวเย็นจับขั้วหัวใจ...
ฝนหิมะตกพรำๆ...ราวกับจะกลืนกินทุกสิ่งทุกอย่าง....
พื้นดินและท้องฟ้าเป็นสีขาวโพลน... ว่างเปล่า...
รวมทั้งจิตใจของเธอด้วย....
"มิตรภาพกับความรัก...ไปด้วยกันไม่ได้หรอก..." ...จะจดจำคำนี้ไปจนวันตายเลย...
_______________________________________________________
"ลูอิสสสสสสสสส เสร็จหรือยังเนี่ย!"
"อย่าเร่งสิ กำลังจะไปเดี๋ยวนี้แหละ เพอร์"
'แอ็ดดดด' เด็กหญิงเปิดประคูออก
เด็กหญิงเรือนผมสีชมพูอ่อนซึ่งถูกปล่อยสยายเต็มแผ่นหลัง กับใบหน้าอ่อนละมุนขาวผ่องอมชมพู นัยน์ตาสีชมพูใสเหมือนใส่คอนเเทคเลนส์ ริมฝีอิ่มเอิบ ในชุดนักเรียนยาวสีขาวบริสุทธิ์ปนขอบดำ หญิงสาวหันมายิ้มให้เพื่อนอย่างอ่อนละมุน ซึ่งอาจทำให้ผู้ชายที่เห็นหวั่นไหวไปตามๆกัน แต่ในที่นี่ก็มีแต่เธอกับเพื่อนที่เป็นผู้หญิงเท่านั้น....
"ช้าจังเลยนะ ลูอิส ทำไมแต่งตัวนานอย่างนี้อะ" เสียงบ่นจากเด็กหญิงผมสีน้ำตาลเข้มที่ถูกรวบไว้แน่น กับนัยน์ตาสีช็อคโกแล็ตดังขึ้น
"ขอโทษทีเพอร์ แฮะแฮะ ก็คือฉันตื่นสายน่ะจ๊ะ" ลูอิสพูดพร้อมกับแลบลิ้นอย่างเขินๆ
"แหม เห็นเธอทำท่าอย่างนี้ฉันก็โกรธไม่ลงแล้วละ เฮ้อ...ลูอิสนี่ละก็ น่ารักจริงเล้ยยยย" เพอร์เข้ามากอดลูอิสแน่นเหมือนเหมือนกอดตุ๊กตา แล้วทั้งสองก็เดินไปห้องเรียน....
---------------------------------------------------------------------
'แอ็ดดดดดด' เสียงเปิดประตูดังขึ้นทำให้เหล่านักเรียนห้องเอทุกคนหันมามองเป็นตาเดียวรวมทั้งคุณครูวิเมล่าด้วย....(ไอ้หยา-_-")
"....7 นาฬิกา 58 นาที 36 วินาที.... พวกเธอมาก่อนเวลา 1 นาที 24 วินาที แต่หักลบที่วันนี้ครูเข้าเร็วกว่าปกติ 10 นาที พวกเธอจึงถือว่ามาสาย" คุณครูวิเมล่าพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
"แต่..เอ่อครูคะ พวกเรามาทันกำหนดเวลาเข้าเรียนนะคะ" เพอร์แย้งขึ้น
"แต่พวกเธอมาไม่ทันเวลาครูสอน"
"เป็นนักเรียนต้องทำตามกฏของโรงเรียนคือมาทันเวลาเข้าเรียน แต่กฏไม่ได้บอกว่าให้มาทันเวลาครูเข้าสอนนี่คะ?" น้ำเสียงเย็นๆของคาโลรินเด็กหญิงที่เรียนเก่งที่สุดในห้องและไม่ชอบให้คนอื่นเรียกชื่อของเธอที่มีคำว่า'คาโล'ดังขึ้น...
".....เธอ...รู้สึกจะชื่อคาโลรินใช่มั้ย ถึงโรงเรียนจะมีกฏอย่างที่เธอว่าแต่พวกเธอก็เป็นนักเรียนที่อยู่ในความดูแลของครู พวกเธอก็ควรจะเชื่อฟังในสิ้งที่ครูพูดนะ"
"กฏข้อที่ 295 ในบที่ 2 วรรคที่ 7 บอกว่า 'ถึงแม้นักเรียนจะอยู่ในความดูแลของครูประจำชั้น แต่คุณครูเองก็ต้องอยู่ในความดูแลของโรงเรียนเช่นกัน ดังนั้นคำสั่งหรือกฏที่ทางโรงเรียนได้ออกไว้ถือเป็นคำเด็ดขาดที่ทั้งครูและนักเรียนต้องปฏิบัติ และไม่มีสิทธิ์ไปแก้ไขหรือเพิ่มเติม'.... จริงมั้ยคะ...คุณครูวิเมล่า?" อิงกริด เด็กหญิงที่เรียนเก่งเป็นอันดับต้นๆของห้องพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเช่นเดียวกับคาโลรินแต่แฝงไปด้วยความเคารพ...ครูวิเมล่าเงียบไปซักพัก คราวนี้คาโลรินจึงพูดต่อจากอิงกริดด้วยน้ำเสียงเย็นเฉียบยิ่งกว่าเดิม... ไม่มีความแข็งกระด้างแต่เต็มไปด้วยความนบนอบ...
"ขอโทษด้วยคะที่มาพูดขัดจังหวะการสอนของครูแต่ครูช่วยสอนต่อได้มั้ยคะ เพราะหนูเกรงว่าเพื่อนๆจะอยากเรียนกันมากกว่าคะ"
"พวกเธอ..." ครูวิเมล่าพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
"แต่...คาโลรินกับอิงกริดเค้าก็พูดถูกนะคะคุณครู" เพอร์และลูอิสรวบรวมความกล้าพูดขึ้นพร้อมกัน
" เฮอะ พวกเธอก็แค่พูดตามเพื่อนนี่นา เป็นเพื่อนกันก็ต้องเข้าข้างกันเป็นธรรมดา จริงมั้ยพวกเรา" เมมีเด็กหญิงสุดเปรี๊ยวผู้ใจกล้าหน้าไม่อาย ตะโกนขึ้นมาหวังจะปลุกระดมเพื่อนในห้องแต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับใดๆจากเพื่อนๆ ด้วยความเขินอาย(นี่เพิ่งจะรู้สึกเหรอเนี่ย) และหน้าแตก เธอจึงพูดต่อเลี่ยงๆว่า
"คาโลรินกับอิงกริดนี่ยุ่งไม่เข้าเรื่องจริงๆเล้ยยยย ทั้งๆที่ลูอิสกับเพอร์เพอร์เค้าเป็นคนผิดแท้ จริงมั้ยพวกเรา" คราวนี้มีเพื่อนบางคน(ซึ่งที่แน่ๆก็ต้องเป็นพวกสุดเปรี๊ยวที่อยู่กลุ่มเดียวกับเมมี) ส่งเสียงตอบรับ เมมีจึงได้ใจใหญ่เตรียมอ้าปากจะพูดต่อ แต่พาทิเซียก็ฉุนขาดจึงพูดขัดขึ้นว่า
"เธอก็เหมือนกันแหละเมมี เอ่อ ถึงฉันจะอยู่กลุ่มเดียวกับเพอร์แต่ฉันก็ไม่ปลุกระดมเพื่อนในกลุ่มเหมือนเธอหรอกนะ" คำพูดติดตลกของพาทิเซียทำเอาเพื่อนทั้งห้องหหัวเราะลั่น เธอหันมาขยิบตาให้เพอร์กับลูอิส ส่วนเมมีนั้นทั้งโกรธทั้งอายจนหน้างแดงยิ่งกว่าสีเลือด เธอจึงตะคอกด่าว่าพาทิเซียดังลั่น
"ฮึ่มมมมมม ยัย พาทิเซีย หนอยยยยย ยัยหมูตอน ทั้งอ้วนทั้งดำ ยังจะมาสอดไม่เข้าเรื่องอีก(ตัวเองก็เหมือนกันแหละน่า) ฮึ่มมมม ยัย ยัย ยัยยยย" พูดพลางชี้ไม้ชี้มือโชว์นิ้วต่างๆนานา
"หยุดซักทีเมมี ทำตัวน่ารำคาญจริง" น้ำเสียงเย็นชาจากปากคนที่นานๆทีจะพูดออกมาดังขึ้น
"นาย นาย เอธาน นายกล้ามาว่าฉันเรอะ เฮอะนายเด๋อ หน้าก็ไร้อารามณ์ แล้วยังยุ่งไม่เข้าเรื่องอีก(ตัวก็ด้วย") เหมาะกับยัยพาทิเซียเลย จริงมั้ยพวกเรา" ก่อนที่เพื่อนในกลุ่มของเมมีจะสนับสนุน ประโยคเรียบๆจากปากครูวิเมล่าก็ดังขึ้น ถึงจะเป็นเพียงแค่ประโยคสั้นๆ ง่ายๆ แต่ก็สามารถทำให้สงครามปากเสียงของนักเรียนห้องเอหยุดได้ในบัดดล....
"เมมี และก็ทุกคน..หยุดได้แล้ว" ห้องทั้งห้องเงียบกริบ เงียบ เงียบจนแทบจะได้ยินเสียงแบคทีเรียในอากาศร้องรำทำเพลงกันเลย...
"คาโลริน อิงกริด พวกเธอพูดถูก ครูผิดเองที่จำกฏข้อนั้นเพียงข้อเดียวไม่ได้ แต่ก็มีกฏข้อนึง ข้อที่ 261 ได้กล่าวไว้ว่า 'ครูมีสิทธิ์ทำโทษนักเรียนที่พูดหรือปฏิบัติพฤติกรรมอะไรก็ตามที่ถือเป็นการขัดจังหวะในการสอนของครูไม่ว่าจะในเวลาไหนก็ตาม' ...........จริงมั้ยคะนักเรียน?" ครูวิเมล่าพูดพลางส่งยิ้มหวานอย่างสุภาพ แต่ในความคิดของเพอร์กับลูอิสนั้น....รอยยิ้มแม่มดชัดๆ!
----------------------------------------------------------------------------
"....สุดท้ายทุกคนก็ต้องโดนมาทำความสะอาดโบสถ์หลังเลิกเรียนทั้งหมดด้วยเหตุผลที่ว่ามาเข้าเรียนขัดจังหวะการสอนอย่างเมามันของเจ๊วิเมล่านี่นะ....เฮ้อออ"
"เอาเถอะน่าเดียน่า เพราะยังไงก็ไม่เคยมีนักเรียนคนไหนเถียงชนะครูคนนี้ได้เลย" เทเลน เด็กหญิงร่างเล็กเจ้าของเสียงอันนุ่มๆพูดกับเดียน่า
"เอ่อ ยังไงฉันก็ต้องขอบคุณพวกเธอมากนะที่อาสามาช่วยพวกฉันน่ะ"
"ไม่เป็นไรหรอกน่าลูอิส ทำหลายคนจะเสร็จเร็วกว่านะ"
"นี่!พวกเธอมัวพูดพล่ามทำเพลงอะไรอีกยะ รีบๆทำความสะอาดซะสิ เอ้าเดียน่า เทเลน และก็ยัยหมูพาตี้(พาทิเซีย) พวกเธออาสามาช่วยเองก็รีบมาช่วยสิยะ!" เสียงแหลมสูงที่จะเป็นของใครไม่ได้นอกจากผู้ที่ถูกทำโทษด้วยกันซึ่งก็คือเมมี...
"...........พาทิเซียเค้าไม่ได้เป็นหมูซักหน่อยเมมี .....เธออิจฉาเค้าหรือ?" เอธานพูดด้วยเสียงเย็นๆ
"นายมายุ่งอะไรอีกห่ะเอธาน"
"ใชใช่ เธออิจฉาเค้าใช่มั้ยละเมมี ก็พาทิเซียเค้าออกจะอวบ ผิวสีแทน หน้าตาคมเข้มน่าใฝ่ปองออกอย่างนั้น" เพอร์เสริมแทนเอธานอย่างสะใจ
"ฮึ่ม-----------------" และเมมีก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเลย.....
ทุกคนทำงานอย่างขยันขันเเข็ง(ยกเว้นเมมี)จนเวลาก็ล่วงเลยมาถึงตอนเย็น(ซึ่งเมมีก็รีบแจ้นกลับไปก่อนด้วยสาเหตุที่ว่าต้องไปเรียนพิเศษ) .....
"เอ่อ.....งั้นฉันไปทิ้งขยะก่อนนะ...."
"ถือไหวมั้ยลูอิส จะให้ฉันไปเป็นเพื่อน...หรือเปล่า?"
"แหม แหม พวกเธอสองคน... หวานกันจังเลยนะ" เสียงล้อเลียนดังขึ้นจากเด็กหญิงหัวโจกจอมล้อเลียนประจำกลุ่ม
"ว้าย! พูดอะไรน่ะเพอร์ ไม่ใช่ซักหน่อย! เอ่อ..เอธาน ฉันถือไหวไม่ต้องไปช่วยก็ได้ ขอบคุณจ๊ะ..." ลูอิสพูดขึ้นอย่างรวดเร็วจนแทบจะฟังไม่ทัน หน้าของเธอแดงก่ำจนแทบจะไปถึงหู ....ที่จริงลูอิสก็แอบชื่นชมเอธานในความเป็นสุภาพบุรุษ แต่ด้วยความเขินอายเธอก็ไม่กล้าเอ่ยอะไรกับเอธานมากนักเพราะกลัวเพื่อนจะล้อ....
____________________________________________________________
แสงแดดยามเย็นทอส่องมายังต้นไม้ในสวน(ป่า?)หลังโรงเรียนเป็นประกายสีทองระยิบระยับดุจดั่งแพรไหมสื่อถึงลมหายใจสุดท้ายของพระอาทิตย์ที่ได้มอบแสงสีทองอาบทั่วผืนพนาดรในแต่ละวัน เด็กหญิงนามลูอิสเดินอยู่ท่ามกล่างแมกไม้เหล่านี้ เรือนผมสีชมพูของเธอสะท้อนกับแสงสีทองทำให้ดูเป็นประกายสวยยิ่งขึ้น ชุดนักเรียนสีขาวที่พริ้วไหวไปตามลมยิ่งทำให้เธอดูเหมือนเจ้าหญิงในเทพนิยายโบราณ ...ถ้ามองดูดีๆแล้วเธอก็เป็นเด็กหญิงที่น่ารักคนหนึ่ง...
สาเหตุที่เธอมาเดินชมธรรมชาติโดยไม่ได้มาช่วยเพื่อนทำความสะอาดโบสถ์ก็เพราะว่าครูวิเมล่าได้เดินมาเจอเธอตอนไปทิ้งขยะเลยถือโอกาศใช้เธอไปเก็บพืชพรรณสมุนไพรที่จะใช้สอนนักเรียนในวันพรุ่งนี้ แต่ลูอิสก็ไม่นึกโกรธเคืองอะไรกับครูวิเมล่ามากนักเพราะไม่งั้นตอนนี้เธอก็คงไม่ได้มายืนชมภาพอันน่าอลังการแบบนี้หรอก เธอก้มนั่งใต้ต้นไม้เก็บสมุนไพร พร้อมกับชมแสงอาทิตย์ที่สาดส่องมาอย่างตื่นเต้นเหมือนเด็กไม่มีผิดจนใครบางคนที่มาแอบดูเธออยู่นั้นอดหัวเราะไม่ได้ในความไร้เดียงสาของเธอ....
"อุ๊บ ......"
"ใคร...ใครน่ะ!" ลูอิสตะโกน เธอพยายามมองหาต้นทางของเสียง ในที่สุดเธอก็เงยหน้าขึ้นมาและพบว่ามีใครบางคนนั่งอยู่บนต้นไม้ 'ใครบางคน' ที่เธอคิดนั้นกำลังจะกระโดดลงมา และ.....
"ว้าย"
เด็กหนุ่มผมสีดำสนิท ใบหน้าคมคายภายใต้หน้ากากที่ปิดตาไว้ แต่ก็เผยให้เห็นแววตาสีแดงเพลิงที่หากใครจ้องนานๆก็อาจจะต้องมนต์สะกดได้เลยทีเดียว จมูกทรงแหลมได้รูปกับริมฝีปากบางสวยดูสมกับหน้า เขาอยู่ในชุดผ้าคลุมสีน้ำเงินเข้มจนเกือบดำ ภายใต้ผ้าคลุมเป็นชุดกางเกงสีดำสนิทเผยให้เห็นรูปร่างที่ดูสมกับเป็นชายชาตรี เขาแย้มรอยยิ้มที่มุมปาก
".....นาย....นายเป็นใคร?"
"..................."
"ได้ยินมั้ยฉัยถามว่านายเป็นใคร? ทำไมมาจากบนต้นไม้ หรือว่านายเป็นปีศาจมาจากฟ้า" ลูอิสพูดรัวจนแทบจะจับใจความไม่ได้
"อุ๊บ ปีศาจ? ฉันว่าเป็นเทวดาดีกว่ามั้ง" เด็กหนุ่มกลั้นหัวเราะภายใต้ใบหน้าสงบ
"ก็...ก็นายใส่ชุดสีเข้ม ผมก็ดำเข้ม จะให้เป็นเทวดาที่มีภาพพจน์สีขาวได้ยังไงเล่า ว่าแต่นายยังไม่ได้ตอบคำถามฉันเลย นาย เป็น ใคร"
".........ฉันเป็นบุรุษที่มาจากฟากฟ้า เป็นเหยี่ยวที่อยู่ในร่างมนุษย์ที่นามว่าหน้ากากการูด้า"
"หน้ากากการูด้า? งั้นนายก็ไม่ใช่มนุษย์"
".....จะว่าอย่างนั้นก็ได้" เหยี่ยวหนุ่มพูดพลางโน้มตัวเข้ามาใกล้ลูอิส
".....เธอเชื่ออย่างนั้นจริงเหรอ?" เขาพูดแผ่วเบา ลูอิสแทบจะตั้งตัวไม่ทันเมื่อมีเด็กหนุ่มหน้าตาดีเอาหน้าเข้ามาใกล้เธอขนาดนี้
"ใช่ แล้วทำไม" เธอพูดอย่างจริงจัง โดยไม่ทันรู้ตัวว่าเธอกำลังถูกเด็กหนุ่มนามการูด้าอุ้มอยู่
"ว้าย! นายจะทำอะไรฉัน ใครก็ได้ ..... ช่วยด้ว------ อุ๊บ"
"เงียบเถอะน่า....มีคนร้ายมานะ" การูด้ากระซิบที่ข้างหูลูอิส ลมหายใจของเขากระทบกับหูของเธออย่างแผ่วเบา เธอหน้าแดงก่ำ...
"เราหนีขึ้นต้นไม้กันก่อนดีกว่า" ว่าแล้วการูด้าก็จัดการพาลูอิสขึ้นต้นไม้ใหญ่ ลูอิสถึงแม้ว่าจะตกใจแต่ก็ไม่มีอาการดิ้นรนอะไรทำให้ทั้งสองคนขึ้นไปอยู่บนกิ่งไม้ใหญ่อย่างรวดเร็ว....
"........................"
"......เอ่อ....คนร้ายไปหรือยัง" ลูอิสกระซิบเบาๆ
".......ไม่มีคนร้ายหรอก"
"หา! นี่นายหลอกปั่นหัวฉันเล่นเหรอ ปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้นะ"
"ไม่"
"นี่นายจะเอายังไงกันแน่..........ว้าว...สวย...สวยจัง"
ลูอิสต้องตะลึงกับภาพอันงดงามที่ยิ่งกว่าดูจากบนพื้น มันเป็นภาพท้องฟ้าในยามเย็นที่เต็มไปด้วยแสงสีแดงทองราวกำมะหยี่ มันสวยจนเธอพูดไม่ออก สวยจนเธออยากจะดูอยู่ที่นี่ตลอดไป สวยจนลืมมองคนที่อมยิ้มอยู่ข้างๆ....
"เธอชอบใช่มั้ย?" เสียงเรียกทำให้เธอตื่นจากมนต์สะกด
"ก็...ชอบ.....ที่นายพาฉันมาบนนี้เพื่อจะมาดูท้องฟ้าใช่มั้ย?" ลูอิสพูด ดูเหมือนว่าเธอจะลืมความโกรธเมื่อกี้ไปซะสนิท
"..............." ไม่มีเสียงตอบรับ
"ใชมั้ย?" ผู้ถามชักเริ่มเคือง
"..............." และก็ยังคงไม่มีเสียงตอบรับ
"ใช่มั้ย?"
"..........." ผู้ถูกถามยังคงไม่ตอบเช่นเคยและคราวนี้กลับหลบหน้าไปอีกทาง ผู้ถามก็ไม่รีรอเหมือนสองครั้งที่ผ่านมา เธอใช่มือเล็กๆสองข้างจับมือเด็กหนุ่มให้หันมาพร้อมกับจ้องตาเขาเขม็ง
"อะไร" เด็กหนุ่มเอ่ยพยายามหลบหน้าไปอีกทาง
"ทำไมนายไม่ยอมสบตาฉัน ทำไมไม่พูดกับฉัน"
"เปล่า...คือฉัน..." การูด้าพูดแผ่วเบาและลูอิสเองก็กำลังจะเตรียมสวนกลับแต่ทว่าเธอก็ต้องตกตะลึงกับนัยน์ตาคู่สวยของเขา....นัยน์ตาสีแดงเพลิงที่หากใครได้มองก็คงต้องมนต์สะกด....
".....สวยจัง" เธอพึมพำเบาๆแต่การูด้ากลับได้ยิน เขาหน้าแดงเรื่อทันที
"เอ๋ อะไรกันนายก็หน้าแดงด้วยรึเนี่ย น่ารักจริงๆเลยนะ"
"....ไม่มีผู้ชายคนไหนเขาอยากให้ผู้หญิงชมว่าน่ารักหรอกนะ" การูด้าพูดแผ่วเบา เขากำลังจะอุ้มลูอิสลงจากต้นไม้
"เดี๋ยวก่อนสินาย นายการูด้า ฉันยังไม่อยากลงเลย เออจริงสิฉันเปลี่ยนชื่อให้นายดีกว่า .....เอาชื่อ......คิว..ดีมั้ย?"
"...................." การูด้าในชื่อใหม่ว่าคิวเผลอปล่อยลูอิสร่วงลงทันทีโดยไม่รู้สาเหตุ
"ว้าย!"
โชคดีที่คิวมีทักษะในด้านร่างกายที่ดีจึงรับลูอิสไว้ได้ทัน ลูอิสร่วงลงไปอยู่ในอ้อมแขนเขาทันที
ตุบ
ร่างบอบบางที่ถูกโอบกอดด้วยร่างสูงใหญ่ เรือนผมสีชมพูอ่อนมากระทบตามแขนอย่างปผ่วเบา นัยน์ตาสองคู่ประสานกัน คู่หนึ่งเป็นนัยน์ตาสีชมพูใสบริสุทธิ์ ส่วนอีกคู่หนึ่งแป็นนัยน์ตาสีแดงเพลิง... ใบหน้าสีแดงอมชมพูของลูอิสบ่งบอกว่าเธอกำลังเขินสุดขีดแต่นั่นก็ยิ่งทำให้เธอดูน่ารักยิ่ง
"...ซุ่มซ่ามจริงนะแม่นางฟ้า" คิวพูดยิ้มๆ
"บ้า นางฟ้งนางฟ้าอะไรกัน" ลูอิสน่าร้อนผ่าวยิ่งกว่าเดิม เธอรีบลงจากอ้อมกอดของคิวและวิ่งไปในบัดดล
"........ก็จริงนี่...เธอน่ารักเหมือน...นางฟ้า...นางฟ้าที่พระเจ้าประทานมาให้กับฉัน..." เด็กหนุ่มพูดแผ่วเบาพลางสะบัดผ้าคลุมปรากฏเป็นเหยี่ยวและบินจากไปในยามวิกาล...
ความคิดเห็น