อากาศในตอนเย็นของวันเริ่มเย็นตัวลงเรื่อยๆ พร้อมกับพระอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้าไป ทำให้บรรยากาศในช่วงนี้สวยงามราวกับภาพวาดเหลือเกิน ร่างบางในชุดเดรสยาวสีเหลืองอ่อน กำลังถือช่อดอกลิลลี่สีขาว เดินขึ้นไปบนภูเขาที่เธอมักจะมาเป็นประจำสม่ำเสมอ เพื่อมาหาบุคคลที่เป็นที่รัก
หญิงสาวหยุดลงตรงหน้าหลุมศพของบุคคลที่สำคัญที่สุดในชีวิต พร้อมกับนั่งลงและวางดอกลิลลี่ข้างๆหลุมศพของผู้เป็นแม่อย่างเบามือ
“แม่คะ เป็นยังไงบ้างคะวันนี้ หลับสบายรึปล่าว” เสียงหวานพูดไถ่ถามบุคคลที่จากไปแล้ว ทั้งๆที่รู้ว่าจะไม่ได้คำตอบกลับมา แต่เธอก็สบายใจที่จะได้พูดมัน
“วันนี้ ครบรอบหนึ่งปีที่แม่หลับไปแล้วนะคะ” หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงหมองหม่น น้ำใสๆที่เริ่มไหลออกมาจากดวงตา บอกได้ดีว่าตอนนี้เธอกำลังเสียใจ
“หนูคิดถึงแม่จังเลยค่ะ ชีวิตนี่ลำบากจังเลยนะคะ หนูเหนื่อยจังเลยค่ะ” เสียงใสยังคงพูดต่อไปเรื่อยๆ พร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างไม่ขาดสาย
“ไม่เอาดีกว่า หนูไม่ร้องไห้แล้ว แม่คงไม่ชอบที่หนูร้องไห้ใช่มั้ยคะ” มือเรียวสวยยกขึ้นเช็ดน้ำตาของตนให้ออกไปจากใบหน้า
“หนูเอาดอกลิลลี่มาให้แม่ด้วยค่ะ หวังว่าแม่จะชอบมันนะคะ” เสียงใสพูดขึ้นอีกครั้งราวกลับว่าการร้องไห้เมื่อครู่นั้นไม่เคยเกิดขึ้นกับตน
“เหนื่อยจังเลยค่ะ ขอพักหน่อยนะคะแม่” พูดจบหญิงสาวก็ล้มตัวลงข้างๆหลุมศพของผู้เป็นแม่ พร้อมกับหลับตาลง วันนี้เธอเหนื่อยมากจริงๆ ขอนอนพักหน่อยเถอะ
ยุนอามักจะมาที่นี่เสมอเวลาที่เธอรู้สึกเหนื่อย หรือโอกาสสำคัญต่างๆ เธอมักจะมาเล่าเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นในชีวิตให้ผู้เป็นแม่ฟัง ถึงแม้แม่จะไม่เคยตอบหรือปลอบประโลมเธอสักครั้ง แต่เธอก็ยินดีที่จะพูดมัน เพราะเธอรู้สึกเหมือนแม่อยู่กับเธอตลอดเวลาที่เธอพูดเรื่องราวต่างๆของตัวเอง
“ยุนอา” เสียงหวานของผู้หญิงวัยกลางคนดังขึ้น ปลุกให้ร่างบางตื่นขึ้นมา
“แม่คะ” ร่างบางพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแสดงความตกใจอย่างปิดไม่อยู่ อะไรกัน ผู้หญิงตรงหน้าตอนนี้คือแม่ของเธอจริงๆเหรอ
“หนูคิดถึงแม่จังเลยค่ะ แม่อย่าจากหนูไปไหนอีกนะคะ” พูดจบหญิงสาวก็โผลงเข้ากอดคนถูกเรียกว่าแม่ทันที ความอบอุ่นจากอ้อมกอดของผู้เป็นแม่ที่หายไปตลอดหนึ่งปี ถูกกลับมาเติมเต็มอีกครั้ง จนทำให้เจ้าตัวต้องหลั่งน้ำตาให้กับสัมผัสนี้
“ลูกเป็นยังไงบ้าง คงเหนื่อยมากเลยสินะ” น้ำเสียงแสดงความเป็นห่วงจากผู้เป็นมารดา ทำให้ร่างบางร้องไห้หนักขึ้นอีก
“ฮึก ฮึก มันลำบากมากเลยค่ะแม่ การที่ต้องยืนอยู่คนเดียวบนโลกนี้”
“ลูกไม่ต้องกลัวนะ สักวันคนที่จะอยู่เคียงข้างลูกจะมาตามสัญญา”
“แม่พูดอะไรคะ หนูไม่เข้าใจ”
“คำสัญญามีความหมายมากนะลูก แม่ขอให้ลูกเชื่อในคำสัญญานั้น แล้วสักวันลูกก็ไม่ต้องโดดเดี่ยวอีกต่อไปนะจ้ะ”
“แม่จะไปแล้วเหรอคะ” เสียงใสถามขึ้นอย่างแปลกใจเมื่อร่างของมารดาค่อยๆเลือนหายออกไปจากสายตา
“อย่าลืมดูแลตัวเองนะลูก แม่รักหนูเสมอ จำคำที่แม่พูดไว้นะยุนอา จงเชื่อมั่นในคำสัญญา”
ร่างบางสะดุ้งตื่นขึ้นมาทันที ที่เหตุการณ์ในฝันเมื่อครู่นี้จบลง คราบน้ำตาที่ติดอยู่ตรงแก้มและความอบอุ่นจากอ้อมกอดของมารดาเมื่อครู่นี้ เป็นเพียงแค่ฝันหรอกหรือ
“คำสัญญาเหรอคะแม่” แต่เธอก็ตกอยู่ในห้องความคิดของตนไม่ได้นานเมื่อท้องฟ้าเริ่มส่งเสียงเป็นสัญญาณว่าอีกไม่นาน ฝนห่าใหญ่ต้องตกลงมาอย่างแน่นอน
“ต้องรีบกลับแล้วสินะ”
ซ่า ซ่า ซ่า
ไม่ทันที่ยุนอาจะวิ่งถึงศาลาที่เธอมารอรถเพื่อกลับบ้านเป็นประจำทุกครั้งที่มาที่นี่ ฝนก็ตกลงมาอย่างหนัก ทำให้เธอต้องหยุดวิ่งและหาที่หลบฝน คงจะมีแต่ศาลาหลังเก่าที่ผุๆพังๆเท่านั้น ที่พอจะเป็นที่หลบฝนได้
“อะไรกัน รีบตกจังเลย ขอให้กลับถึงบ้านก่อนก็ไม่ได้” เสียงบ่นอย่างอารมณ์เสียของร่างบางยังคงมีอยู่เรื่อยๆแข่งกับสายฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก โดยไม่สนใจเลยว่าคนข้างล่างกำลังบ่นให้กับเทวดาบนฟ้าที่สั่งฝนให้ตกลงมาตอนนี้
“เฮ้ยยยยยยยยยยย ฝนตกได้ไง โอ๊ยยยยย ตายแล้วกระดาษเปียกหมดเลย”
เสียงโวยวายของร่างสูงที่กำลังปั่นจักรยานกลับบ้านดังขึ้น แสดงให้เห็นว่าเจ้าตัวกำลังอารมณ์เสียความความเสียหายครั้งนี้มากแค่ไหน
“ตายแล้ววว ฉันต้องส่งงานพรุ่งนี้แล้วนะ เปียกหมดแบบนี้แล้วจะเอางานที่ไหนไปส่ง”
ปากพูดไปพร้อมกับเท้าที่ตอนนี้กำลังวิ่งหาที่หลบฝนอย่างเอาเป็นเอาตาย จนได้พบกับศาลาที่สภาพไม่ต้อนรับใครแล้ว แต่จะทำไงได้หล่ะ จะมีที่ไหนดีกว่านี้อีกไหม
“แฮ่กกกกๆ เหนื่อย”
เสียงหอบของบุคคลที่มาใหม่ดังขึ้น ทำให้ร่างบางที่นั่งอยู่ก่อนต้องหันมามอง ร่างสูงในชุดเสื้อยืดสีดำและกางเกงขาสั้นเท่าเข่าสีน้ำตาล ใบหน้าที่สวยคมได้รูป ริมฝีปากสีชมพูเข้ากันได้ดีกับดวงตาสีน้ำตาลเข้มและจมูกโด่งเป็นรูปสวย พร้อมกับท่าเสยผมนั่น ทำเอายุนอาถึงกับใจเต้นรัว ผู้หญิงอะไรฮ็อตเป็นบ้าเลย
ทันทีที่ได้สติยูริก็เริ่มสำรวจรอบๆตัว สิ่งที่สะดุดตาที่สุดก็คงเป็นร่างบางตรงหน้าของเธอ ดวงตาคู่สวยที่ทอประกายความสดใสอยู่ในดวงตา ริมฝีบางน่าสัมผัสนั่น ทำเอายูริถึงกับทำตัวไม่ถูก ยิ่งเธออยู่ในชุดเดรสสีขาวแบบนี้แล้ว ยิ่งทำให้คนตรงหน้าดูหน้าทะนุถนอมราวกับนางฟ้าตัวน้อยๆนัก
“รบกวนด้วยนะคะ” เสียงของยูริพูดขึ้นพร้อมกับโค้งตัวลงให้ยุนอาอย่างสุภาพ
“ได้สิคะ ถ้าคุณไม่รังเกียจ”
ความเงียบระหว่างคนทั้งสองเกิดขึ้น พร้อมกับฝนที่ตกลงมาเรื่อยๆอย่างไม่ขาดสายทำเอาคนไม่ชอบความเงียบพูดขึ้นเพื่อทำลายความมืดนั้นเสีย
“คุณเป็นคนแถวนี้เหรอคะ”
“ใช่แล้ว บ้านฉันอยู่ถัดเข้าไปอีกนิดเดียวเอง”
“แล้วคุณมาทำอะไรเหรอคะ”
“มาวาดรูปหน่ะ ต้องส่งพรุ่งนี้ แต่มันเปียกหมดแล้วนี่สิ”
“แย่จังเลยนะคะ”
“แล้วคุณหล่ะ”
“ฉันมาหาแม่หน่ะค่ะ”
“แล้วกลับช้าขนาดนี้เลยเหรอ”
“ป่าวหรอกค่ะ ฉันเผลอหลับไปหน่ะ ตื่นมาฝนก็ตกแล้ว แหะๆ”
“ฮ่า ๆ แย่เลยนะ ฝนตกแบบนี้ไปไหนไม่ได้เลย”
“นั่นสิคะ แต่ฉันชอบมันนะคะ สายฝนหน่ะดีกว่าที่หลายคนคิดไว้ซะอีก”
“นั่นสินะ ฉันก็คิดเหมือนกัน สายฝนอ่อนโยนกว่าที่คิดเสียอีก”
“สายฝนมักจะมาพร้อมกับใครบางคนเสมอ”
“สายฝนมักจะมาพร้อมความอ่อนโยนเสมอ”
“ฮ่าๆๆ/ฮ่าๆ”
“ฉันยุนอาค่ะ อิมยุนอา”
“ฉันยูริ ควอนยูริ”
“คุณเชื่อเรื่องคำสัญญาในสายฝนมั้ยคะ”
“ฉันเชื่อนะ ฉันเชื่อว่าสายฝนเป็นพยานที่ดีให้ใครหลายคนได้”
“นั่นสินะคะ แล้วเมื่อไหร่คนที่เค้าสัญญากับเราจะมาสักทีหล่ะ”
“ถ้าเธอเชื่อมั่น ฉันเชื่อว่าอีกไม่นานหรอก” ยิ้มของร่างสูงที่ส่งมาให้เจ้าของคำถาม ทำเอายุนอาถึงกับใจสั่นรอยยิ้มของเธอคนนี้ช่างคุ้นเคยเสียจริง
“ฉันหน่ะ เคยสัญญาไว้กับคนคนนึงในวันที่ฝนตกแบบนี้แหละ” น้ำเสียงของยูริเรียกยุนอาที่กำลังตกอยู่ในห้วงความคิดของตนเองได้ดี ร่างบางต้องหันมาสนใจคนตรงหน้าอีกครั้ง
“ตอนนั้นฉันแค่สามขวบเองหล่ะมั้ง”
20 ปีก่อน
“ยุนอาอย่าไปไหนไกลนะลูก ฝนจะตกแล้ว”
“ค่ะ คุณแม่” บทสนทนาสั้นๆของสองแม่ลูกดังขึ้นที่สนามเด็กเล่นในหมู่บ้านที่พักอาศัยอยู่ เด็กน้อยยุนอากำลังวิ่งเล่นอย่างสนุกสนานอยู่คนเดียวโดยมีคุณแม่คอยเป็นห่วงและจับตามองตลอดเวลา
“ว้าววววววว มีบ้านด้วยแหละ” เสียงเจื้อยแจ้วของหนูน้อยดังขึ้นเมื่อค้นพบของเล่นชิ้นใหม่ บ้านจำลองขนาดเล็กที่สามารถเข้าไปอยู่ได้ประมาณสองคน เรียกความสนใจจากเด็กหญิงได้เป็นอย่างดี ยุนอาเดินเข้าไปอยู่ในนั้นและปิดประตูบ้านจำลองลง และเธอก็นั่งอยู่ในนั้นเป็นเวลานานอย่างไม่รู้เบื่อ จนเจ้าตัวผล็อยหลับไป
“ยุนอา อยู่ไหนลูก ถึงเวลากลับบ้านแล้วนะคะ” เสียงของคนเป็นแม่ดังขึ้น เพื่อเรียกหาลูกสาวตัวน้อยของตน แต่ก็ไม่พบเธอสักที ไม่รู้ซนไปถึงไหนแล้ว
“ยุนอาคะ แม่จะกลับแล้วนะถ้าหนูไม่ออกมา” เสียยงตะโกนของมารดายังดังต่อไปเรื่อยๆแต่ไม่มีวี่แววของหนูน้อยยุนอาสักนิด
ท้องฟ้าที่มืดครึ้ม เป็นสัญญาณบอกว่าฝนกำลังจะตกลงมาแล้ว แต่คนเป็นแม่ก็ยังหาลูกสาวของตนไม่พบ
ซ่า ซ่า ซ่า
“นี่ ขอเข้าไปเล่นด้วยคนสิ ข้างนอกฝนตกหนักมากเลย” เสียงใสของเด็กหญิงอีกคนหนึ่งดังขึ้นที่หน้าประตูบ้านจำลอง ทำให้ร่างเล็กที่นอนหมดสติไปตื่นขึ้นมา
“เข้ามาสิ มาเล่นด้วยกัน” น้ำเสียงตื่นเต้นดีใจของหนูน้อยยุนอาดังขึ้นด้วยความดีใจ วันนี้เธอมีเพื่อนเล่นแล้ว
“เธอชื่ออะไรอ่ะ เราชื่อยูรินะ”
“เราชื่อยุนอา ยินดีที่ได้รู้จักนะ”
“อื้อ เธอพึ่งย้ายมาอยู่ใหม่เหรอ”
“ช่ายยยยย พึ่งมาเมื่อวานเอง เรายังไม่มีเพื่อนเล่นเลย” น้ำเสียงที่อ่อนลงของเด็กหญิงยุนอา ทำให้ร่างเล็กตรงหน้าเห็นใจ
“เล่นกับเราก็ได้ เรามาที่นี่ทุกวันเลย”
“จริงเหรอ เราจะเล่นกับยูริได้เหรอ”
“ได้สิ แต่เธอมาสัญญากับเราก่อนนะว่าจะไม่ไปไหน”
“ได้สิ เราจะอยู่เล่นกับยูริตลอดไปเลย” เสียงใสของเด็กหญิงยุนอาดังขึ้นพร้อมกับรอยยิ้ม
“เกี่ยวก้อยนะ”
“ได้สิ เกี่ยวก้อยกัน” นิ้วก้อยเล็กๆของเด็กทั้งสองเกี่ยวกันไว้อย่างแนบแน่นราวกับกำลังสัญญาว่าพวกเข้าจะไม่มีวันลืมสิ่งนี้
ซ่า ซ่า ซ่า
“ฝนตกแหละยูริ”
“นี่รู้มั้ย แม่เราบอกว่าใครที่สัญญากันในวันฝนตกจะมีสายฝนเป็นพยานด้วยนะ”
“จริงเหรอ ดีจังเลยเนอะ”
“คำสัญญาของเรา มีสายฝนเป็นพยานด้วยนะ เธอต้องรักษาคำสัญญาหล่ะ”
“ได้สิ เราจะไม่ลืมมันเลย”
“แต่ตั้งแต่วันนั้นฉันก็ต้องย้ายบ้าน แล้วก็ไม่ได้เจอกับเธอคนนั้นอีกเลย เศร้าเหมือนกันนะ ทั้งๆที่สัญญากันไว้แล้วแท้ๆ” การเล่าเรื่องของยูริจบลง ทำให้ยุนอาถึงกับตกใจในเรื่องราวที่เธอได้ฟัง
“เธอคือเด็กคนนั้นเองเหรอ เธอจำฉันได้มั้ย”
“ทำไมเหรอ”
“เกี่ยวก้อยกัน” แล้วยุนอาก็ยื่นนิ้วก้อยออกไป ทำให้ยูริต้องยื่นนิ้วก้อยออกมาเกี่ยวนิ้วก้อยของยุนอาไว้
“เธอคือเด็กคนนั้น เธอคือยุนอาคนนั้น”
“ใช่ฉันเอง เธอก็เด็กคนนั้นสินะ ยูริคนนั้น”
“ใช่ ฉันเองแหละ ขอโทษจริงๆนะที่วันนั้นไม่ได้มาเล่นกับเธออีกเลย”
“ฉันโกรธเธอมากเลยรู้รึปล่าว ฉันเล่นกับเพื่อนคนอื่นก็ไม่สนุกเท่ากับเล่นกับเธอเลย”
“ฮ่า ๆ ขอโทษจริงๆนะ”
ความเงียบเกิดขึ้นอีกครั้ง ในเมื่อต่างฝ่ายต่างอมยิ้มและคิดถึงเรื่องราวในวัยเด็กของคนทั้งสอง ถึงเมื้อจะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่มันก็มีความหมายมากสำหรับพวกเขา
“ฉันยังไม่ลืมสัญญานั้นหรอกนะ” เสียงของยูริพูดขึ้นหลังจากที่เงียบไปนาน
“ฉันก็ไม่เคยลืมมันหรอก”
“ฉันจะอยู่กับเธอตลอดไป/ฉันจะอยู่กับเธอตลอดไป”
ไร้ซึ่งเสียงพูดคุยที่เปล่งออกมาจากคนทั้งสอง คงจะมีเพียงแต่สายฝนเท่านั้นที่ตกลงมาอย่างหนักราวกับแสดงความยินดีกับบุคคลทั้งสอง ในที่สุดทั้งสองก็ได้พบกันและพร้อมที่จะมาทำสัญญานั้นให้มั่นคงตลอดกาล
_____________.
Talk : เป็นยังไงบ้างคะทุกคน ? สนุกมั้ยยยยยยยยยย ติชมไรท์เคอร์ด้วยน้ออ ไม่ได้อัพฟิคที่นี่ซะนานเลย เดี๋ยวปิดเทอมไรท์เตอร์จะพยายามแต่งเรื่องยาวยุนเฮ ออกมาซักเรื่องให้ทุกคนได้อ่านกัน ตอนนี้เอายุนยูลไปก่อนนะคะ ฮ่า ๆๆๆ
ใครมีอะไรอยากจะติชมก็แปะไว้เลยนะคะ > < พูดคุยกับไรท์เตอได้ทางทวิตเตอร์ค่ะ @MY_Fahmui นะคะ ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนค่ะ :)
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น