ไม่มีอะไรหรอก บลาบลาบลา - นิยาย ไม่มีอะไรหรอก บลาบลาบลา : Dek-D.com - Writer
×

    ไม่มีอะไรหรอก บลาบลาบลา

    มันยังคงรอใครบางคนเข้าแทนที่ มันยังคงรอคอยวันหวนคืน วิญญาณจะยังคงพร่ำหาผู้ที่มีพลังแห่งจักพรรดิ และสักวันเขาจะฟื้นคืนสู่โลกมนุษย์...

    ผู้เข้าชมรวม

    412

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    4

    ผู้เข้าชมรวม


    412

    ความคิดเห็น


    8

    คนติดตาม


    2
    หมวด :  แฟนตาซี
    จำนวนตอน :  4 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  2 มิ.ย. 56 / 00:18 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

     

    The Cursed Ring  คำสาปแหวนแห่งจักรพรรดิ

     

                นานมาแล้วบนพื้นพิภพแห่งยุคที่มนุษย์ยังคงเดินทางตามสุริยา  เฉกเช่นเดียวกับจักรพรรดิที่ได้ปกครองผืนปฐพีในทุกๆ สหัสวรรษ

                หลายพันปีที่มนุษยชาติดำรงอยู่  พวกเขาถูกปกครองด้วยจักรพรรดิสิบองค์  ทั้งสิบคือบุตรแห่งผู้วิเศษที่เฝ้ามองโลกมนุษย์จากอีกโลกนาม...โลกนิรันดร์กาล

                กษัตริย์ทั้งสิบพระองค์คือผู้ที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลพื้นพิภพแห่งนี้  พรของพวกเขามีเพียงข้อเดียวคือ  ความเป็นอมตะ

                ทว่าพรศักดิ์สิทธิ์มิอาจตกทอดแด่รัชทายาทสืบบัลลังก์  ผู้เป็นอมตะยังคงอ่อนวัยในขณะที่เชื้อไขกลับชราเฒ่า  แม้เหล่าผู้คนจำนวนไม่น้อยต้องล้มหายตายจาก  กระนั้นจักรพรรดิก็ยังคงยืนยงเกรียงไกรตราบเท่าที่โลกเดินทางตามกาลเวลา

               

                ครั้นเมื่อกาลหนึ่งก็ได้บังเกิดอุกกาบาตประหลาดขนาดมหึมา  พุ่งตรงดิ่งจากนอกโลกลงสู่หุบเขาแห่งความหลัง  ที่นั่นเต็มไปด้วยสัตว์น้อยใหญ่  พงไพร  ลำธาร  ที่นั่นอยู่ห่างจากเมืองหลวงแห่งการค้าขายมากนัก  ทว่าที่นั่นกลับมีชนเผ่าลึกลับอาศัยอยู่...พวกเขาคือเซทรา

                อุกกาบาตแปรผันเป็นหินแร่สีขาวส่องแสงสว่างวูบวาบเรืองรองอย่างน่าประหลาด  ไม่มีใครรู้ว่ามันมีเวทมนต์เหนือคำบรรยาย  กลุ่มชนเผ่าจ้องมันราวกับลืมทุกสิ่งบนโลกใบนี้  พวกเขาเริ่มลุ่มหลงในแร่ก้อนเดียว

                บางตำราว่ากันว่านั่นคือดวงดาวจากจักรวาล  ผู้แสวงหาใคร่รู้กล่าวนาม...แร่ธาตุสูงส่งแห่งโลกทั้งปวง  แล้วจะมีใครเล่า  ล่วงรู้ว่านั่นคือสิ่งล้ำค่าจากโลกนิรันดร์กาล

     

                ชะตากรรมได้ถูกกำหนดไว้  เมื่อนักผจญภัยจากเมืองหลวงเดินทางผ่านหุบเขาแห่งความหลังเพื่อค้นหาภูมิประเทศ  พวกเขาพบกับกลุ่มชนเซทราเข้าโดยบังเอิญ  และพวกเขาก็ถูกต้อนรับดั่งมิตรสหาย  หากแต่ไม่ใช่ความบังเอิญที่เกิดขึ้น...เพียงแค่เป็นกลลวงเล็กๆ

                ใช่  มันได้ตั้งตระหง่านแก่สายตาของนักผจญภัยแล้ว  ทว่าในบัดดล  เมฆก็เริ่มครึ้มทะมึนหนาทันใดเมื่อหนึ่งในผู้มาเยือนได้กล่าวบางสิ่งที่น่าหวาดหวั่นยิ่ง  นอว์บิอุส!!!

                ‘เปรี้ยง!!!’  ฟ้าร้องคำรามลั่นพายุโหมพัดกระหน่ำพร้อมสายฝนโปรยปรายลงมา

                ตราบใดที่สุรีย์ดวงยังคงทอแสงทองอร่ามจากฟากฟ้า  ตราบนั้นมนุษย์ก็ยังคงมีสัญชาตญาณของความเป็นมนุษย์ผู้กระหายอยู่วันยังค่ำ

                พวกเขาหลงใหลได้ปลื้ม  พวกเขาต้องการมัน  หรือ...?  มันกำลังพร่ำหา...!

                การต่อสู้เพื่อแย่งชิงของเพียงชิ้นเดียวระหว่างกลุ่มชนเผ่ากับนักผจญภัยได้เริ่มขึ้น  ไม่มีผู้ใดแพ้พ่ายหรือชนะ  หากแต่เพียงความโลภที่ครอบงำจิตใต้สำนึกเท่านั้น...ที่เป็นฝ่ายได้ชัยไปครอบครอง

     

                กาลเวลาล่วงเลยผ่านพ้นไม่นานนัก  ใครคนหนึ่งในนักผจญภัยมอบบางสิ่งให้แด่จักรพรรดิผู้เป็นอมตะทั้งสิบองค์  โดยหวังแลกกับความมั่งคั่งและชื่อเสียงทรัพย์สมบัติ  เขาได้ตั้งชื่อให้แร่ชิ้นนั้นว่า  เนบิวล่า’  และเขาก็มอบมันให้กับสิบจักรพรรดิผู้เป็นอมตะ

                หินแร่สีรุ้งเรืองระยับตั้งตระหง่านอยู่บนฐานแก้ว  สิบกษัตริย์ผู้เป็นอมตะแห่งโลกจดจ้องเนบิวล่าแทบลืมหายใจ

                แม้นพลังอมตะก็มิอาจหยุดยั้งความต้องการของมนุษย์

                ท่าทีของเหล่ากษัตริย์เริ่มแปรผัน  ราวกับความมืดครึ้มค่อยๆ ครอบงำนภา  ดั่งจันทร์ทราดับมืดสนิทพลัน  เฉกเช่นกษัตริย์ทั้งสิบที่ลุ่มหลงในความงดงามอันแฝงไว้ด้วยเล่ห์กล

                เหล่าจักรพรรดิเริ่มต้องการครอบครองมันไว้กับตนเอง  ความคิดเห็นต่างพ้องต้องกันจึงเกิดขึ้นภายในจิตใจ

                เสียงโต้แย้งเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ  ทุกๆ ข้อความเต็มไปด้วยคำด่าทออันรุนแรง  กระทั่งพวกเขาได้หลงลืมคุณธรรมในตนเองแทบหมดสิ้น  แน่นอน  ดูเหมือนมนุษย์ผู้เป็นอมตะกลุ่มนี้กำลังตกอยู่ภายใต้ห้วงภวังค์แห่งเวทมนต์  แต่กระนั้นกลับมีองครักษ์คนหนึ่งได้พูดบางสิ่งเกี่ยวกับมนต์ดำ  เขาเพียงพูดแค่ว่า  "ถ้าหากมันจะแยกเป็นสิบส่วนโดยมนต์ดำล่ะ"

                ทันใดนั้นเองเหล่ากษัตริย์จึงได้รีบออกคำสั่งให้พาตัวชนชั้นต่ำต้อยที่สุดมายังราชวัง  ซึ่งเมื่อนานมาแล้วพวกเขาคือผู้ที่ถูกเนรเทศออกจากประเทศ  เพราะคนพวกนั้นมีเวทมนต์ที่น่าเหลือเชื่อ  ทว่ากลับมีโฉมหน้าอันอัปลักษณ์ยิ่ง  พวกเขาถูกขนานนามว่า  การ์เลศ(Garles)  คนพวกนี้เป็นดั่งผู้ถูกสาปจากความชั่วร้าย  หรือเป็นดั่งผู้มาเยือนจากนรกโลกันตร์  และบางครั้งผู้คนที่เล่าสู่กันฟังก็ได้เรียกพวกเขาว่า...ผู้ถูกทอดทิ้งจากนรกเบื้องล่าง!  สำหรับมนุษย์แล้วพวกเขาไร้ตัวตน

                เหล่าการ์เลศตอบรับข้อเสนอกับงานชิ้นสำคัญ  ทว่าพวกเขาก็ต้องการค่าตอบแทนที่สมน้ำสมเนื้อ  นั่นก็คือการได้อยู่ร่วมกันกับเหล่ามนุษย์ในชนชั้นเดียวกัน  แน่นอน  เหล่าจักรพรรดิรับข้อเสนอ

                และแล้วแหวนก็ถูกหลอมขึ้นอย่างงดงามยิ่ง  สิบจักรพรรดิพร้อมใจกันใช้เลือดตนให้สัตย์ปฏิญาณเป็นอักขระแด่แหวน  ต่อจากนั้นมนต์แยกเนบิวล่าออกเป็นสิบส่วนก็ได้เริ่มขึ้น...กระทั่งจบลง

                จักรพรรดิเชื่อมแหวนเป็นหนึ่งเดียวกับเนบิวล่า

                เรื่องทุกอย่างน่าจะสิ้นสุดลงเมื่อเหล่าจักรพรรดิได้ครอบครองสิ่งล้ำค่าแล้ว  ทว่า...?

                ...แหวนกลับให้ผลร้ายแด่จักรพรรดิพวกเขารู้สึกถึงโรคร้ายและความชราอย่างรวดเร็ว  แน่นอน  ความอมตะกำลังมลายหายไป  นั่นคือผลลัพธ์อันน่าสะพรึงยิ่ง!!!

                สิบจักรพรรดิโกรธเกรี้ยวหนัก  เวทมนต์แห่งทวยเทพหายไปได้อย่างไร  พวกเขาได้แต่กล่าวโทษถึงความผิดพลาดของมนต์ดำ  พวกเขาไม่ต้องการให้การ์เลศมีตัวตน  จึงกล่าวคำสาปแช่งต่างๆ นานาออกสู่ประชาชนว่า  "กาเลศคือความอัปยศแห่งโลก"

                คำสัญญาที่ไม่สามารถทวงคืนได้...!

     

                กาลเวลาแปรเปลี่ยนผัน  หมุนเวียนวนเฝ้ารอวันทวงคำมั่น  ฟ้าดินพายุร้ายโหมพัดกระหน่ำ  วาจามนุษย์ช่างหาเชื่อได้ยากยิ่งนัก

                กาเลศรู้ถึงความชั่วร้ายในตัวมนุษย์  พวกเขาโกรธเคืองและเสื่อมศรัทธา  พวกเขาจึงเริ่มพิธีกรรมสาปแช่งแห่งโลกมืด  โดยการสลักอักขระไว้บนหินแห่งอำนาจด้วยประโยคที่ใช้เลือดจารึก

                คำสาปแช่งจักรพรรดิจักชั่วกาล  ตราบเท่ามารรัตติกาลครองพิภพ

                ‘กษัตริย์โลภทั้งสิบจักสยบ  เข้าบรรจบธำมรงค์แห่งนิรันดทร์

               

                เวลาของจักรพรรดิได้ล่วงมาถึงวันสิ้นอายุขัย  พวกเขานึกถึงคืนวันที่เคยเป็นอมตะ  กระนั้นก็ยังคงเฝ้าดูแหวนแสนรักของตนตราบลมหายใจสุดท้ายและดับสิ้นลง

                ประชาชนต่างร่ำไห้  อาณาจักถึงกาลแปรผัน  รูปแบบการปกครองเปลี่ยนแปลง

                ทว่า...!  คำสาปแช่งของเหล่ากาเลศเริ่มเป็นผล  แม้ร่างกายจะสูญสลายเหลือเพียงโครงกระดูกในโลงอันสวยหรู  แต่วิญญาณของเหล่าจักรพรรดิยังคงวนเวียนอยู่...ภายในแหวนแห่งคำสาปแช่ง  พวกเขายังคงรอคอยวันแห่งการหวนกลับ  หรือ...?  ใครสักคนเข้าแทนที่...!!!
     

    โพล145553

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น