ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (Yaoi) What is love? รักวุ่นวายร้ายเกินพิกัด (End)

    ลำดับตอนที่ #44 : -42-

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 191
      2
      5 ต.ค. 59




    -42-






    “พอเถอะครับ”


    “อย่าทำแบบนี้อีกเลย หยุดลดคุณค่าของตัวเองลงสักที”


    “ที่ผ่านมาผมอาจจะยังพูดไม่ชัดเจน”


    “แต่ตอนนี้หัวใจของผมมันไม่ใช่ของพี่อีกต่อไปแล้ว หัวใจของผมเป็นของเด็กคนนั้น ต่อให้พี่ได้ร่างกายของผมไป แต่ผมขอบอกพี่ไว้ก่อนเลยว่า ความรักของพวกเราน่ะ มันจบไปแล้วล่ะครับ”


    น้ำเสียงทุ้มเอ่ยออกมาอย่างเรียบเฉย ไหนจะนัยน์ตาคมที่มองมาทางเธออย่างไร้ความรู้สึกแบบนั้นอีก แล้วเธอจะทำอะไรได้ล่ะ นอกจากยอมปล่อยให้ผู้ชายคนนี้ เดินตามใครอีกคนที่พึ่งจะวิ่งหนีไปน่ะ...


    มือบางเลื่อนมากุมที่ท้องของตัวเองอย่างไร้เรี่ยวแรง ดวงตากลมโตปิดเข้าหากันแน่นอย่างเจ็บปวด ต่อให้พยายามมากแค่ไหนก็ไม่สามารถกลั้นให้น้ำตาของตัวเองหยุดไหลได้เลย


    “นายกำลังจะบอกพี่ว่า เด็กคนนี้ไม่มีความหมายอะไรเลยสินะ”

















    “หืม แอสตันไม่ว่างหรอ”


    น้ำเสียงทุ้มทำเอาจินสะดุ้งน้อยๆ ใบหน้าคมที่รุ่นพี่ตัวสูงแทบจะถอดแบบออกมาทำเอาเขาแอบรู้สึกประหม่า เพราะคุณคริสโตเฟอร์เป็นบุคคลในตระกูลแฮมฟอร์ดที่เขาเคยเจอหน้า และคุยด้วยน้อยที่สุดแล้วล่ะมั้ง


    ภาพของใครบางคนในห้องลอยเข้ามาในหัว ถ้าจะให้กลับไปเจอภาพบ้าๆนั่นอีกล่ะก็ เขาคงจะต้องร้องไห้เป็นบ้าเป็นหลังอีกรอบแน่ๆ ขนาดตอนนี้มันยังเจ็บๆจุกๆจนร้องไห้ไม่ค่อยออกเลย เพราะงั้น เขาควรจะรีบถอยห่างออกมาจะดีกว่า 

    ถึงได้ถอนหายใจออกมาเบาๆ รวบรวมสติอันน้อยนิดของตัวเอง พยายามนึกข้อแก้ตัวที่สมเหตุสมผลที่สุด

    “เอ่อ พี่แอสตันคุยโทรศัพท์กับเพื่อนอยู่น่ะครับ”



    อ่า...ตอนนี้ในหัวของเขามันคิดออกแค่นี้จริงๆ



    คนอายุมากกว่ามองสำรวจเด็กหนุ่มร่างบางตรงหน้า ก็ไม่ได้ตั้งใจจะจับผิดอะไรหรอกนะ แต่เพราะผ่านอะไรมามากกว่า เจอคนพยายามโกหกมาก็มาก เรื่องแค่นี้เขาพอจะดูออกอยู่หรอกว่าเด็กคนนี้กำลังพยายามปิดบังอะไรเขาอยู่

    “งั้นรออีกสักแปปก็ได้นี่ แอสตันมันคงคุยโทรศัพท์ไม่นานหรอก”


    จินอ้าปากค้างนิดหน่อย สมองตื้อๆของตัวเองพยายามคิดหาเหตุผมมาคัดค้าน พอตั้งท่าจะปฏิเสธ ยังไม่ทันได้พูดอะไรออกมาสักคำ กลับมีแรงฉุดจากข้างหลังจนร่างกายเซไปกระทบเข้ากับร่างของใครบางคน



                  ใครบางคนที่เขาไม่อยากจะเจอหน้าเลย



    “นั่นสิ แค่นี้รอพี่ไม่ได้เลยหรอ”



    นัยน์ตาเรียวสวยเบิกกว้างอย่างตกใจ เมื่อคนที่มาคว้าแขนของเขาเอาไว้ คือรุ่นพี่ตัวสูงที่พึ่งจะทำร้ายหัวใจของเขามาหยกๆ

                   จากความตกใจค่อยๆเปลี่ยนเป็นอารมณ์อย่างอื่น ที่มันผสมปนเปกันไปหมดซะจนเขาเริ่มจะหงุดหงิด โกรธ เกลียด เสียใจ รู้สึกเหมือนโดนหักหลัง แต่สุดท้ายก็รัก รักคนคนนี้มากเกินไปจนเริ่มจะกลัวหัวใจของตัวเอง


    “ก็เห็นว่าติดธุระสำคัญ เลยไม่อยากรบกวน”


    น้ำเสียงนุ่มที่พยายามแสร้งทำเสียงแข็ง ทั้งๆที่น้ำเสียงนั่นสั่นเหมือนจะร้องไห้เต็มแก่ ทำให้แอสตันรู้ตัวว่าเด็กคนนี้เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในห้องของเขา หลุดถอนหายใจยาวออกมา ก่อนจะเลื่อนสายตาไปยังคนอายุมากที่สุดในกลุ่ม


    “วันนี้ผมไม่นอนบ้านนะครับ มีรายงานที่ต้องรีบทำส่ง เอาไว้จะกลับมาบ่อยๆ”


    ไม่ได้รอคำตอบรับของคนเป็นพ่อเลยสักนิด พูดเพียงแค่นั้นก่อนจะลากตัวคนตัวเล็กกว่าออกไป ท่าทางขัดขืนของจินทำเอาคนมองอยากจะเอ่ยแย้งอยู่บ้าง แต่คนเป็นลูกกลับส่งสายตาขวางๆมาหาเขาซะอย่างนั้น


    คริสโตเฟอร์เหลือบมองท่าทางของสองหนุ่ม ก่อนจะยักไหล่เบาๆ เมื่อลูกชายตัวดีส่งสายตามาทางเขาว่าต้องการจะอยู่กับเด็กหนุ่มตัวบางเพียงลำพัง แล้วเขาจะทำอะไรได้ล่ะ นอกจากทำตามที่คุณชายจอมดื้อขอน่ะ



    “คนขับรถของผมรออยู่”


    เมื่อรู้ว่าต่อให้พยายามแกะมือของรุ่นพี่ตัวสูงยังไง คนคนนี้ก็ไม่ยอมปล่อยแขนเขาแน่ๆ แถมตอนนี้ยังรู้สึกเจ็บๆขึ้นมาแล้วด้วย ถึงได้ตัดสินใจพูดออกมา แต่คิดว่าคนเป็นพี่จะยอมฟังคำพูดของเขาดีๆมั้ย ไม่มีทางซะล่ะ

    “วันนี้จินจะไปค้างที่คอนโดผม ฝากไปบอกคุณวิษณุด้วยนะครับ”

    ไม่ยอมฟังยังว่าแย่แล้ว แต่นี่กลับเอ่ยปากบอกให้คนขับรถของเขากลับไปเสร็จสรรพ คิดเองเออเองได้เผด็จการสุดๆ พอเขาตั้งท่าจะเอ่ยแย้ง ก็จัดการยัดตัวเขาเข้ารถ กดล็อค แล้วออกรถชนิดที่ว่ายังไม่ได้หลุดคำพูดออกมาสักแอะ


    “พี่ต้องการอะไรกันแน่”


    เมื่ออยู่กันตามลำพัง และรู้ว่าตัวเองไม่มีทางเลือกอะไรอื่นแล้ว ถึงได้ตัดสินใจโวยวายออกมา เขาไม่ชอบให้ใครมาบังคับเขาแบบนี้


    “พี่แค่อยากให้จินฟังพี่อธิบาย”


    น้ำเสียงทุ้มจริงจัง แต่ไม่ได้เหลือบสายตามามองสักนิด จินที่กลัวว่าคนขับรถจะไม่รู้ว่าตัวเองไม่พอใจ ถึงได้หลุดโวยวายเสียงดังขึ้นมากอีก


    “อธิบายงั้นหรอ นี่ยังมีอะไรให้อธิบายหรอ ผมไม่ได้อยากฟังอะไรทั้งนั้นแหละ ปล่อยผมไปเถอะ พี่จะไปทำอะไรผมไม่สนหรอก”


    เสียงนุ่มตะโกนลั่น ก่อนที่น้ำเสียงแข็งๆนั่นจะค่อยๆสั่นเครือมากขึ้นเรื่อยๆ จินสบถออกมาอย่างหงุดหงิดเมื่อเขาร้องไห้ออกมาอีกแล้ว เขาไม่อยากจะทำตัวอ่อนแออีกแล้ว แต่ไอ้น้ำตานี่มันก็ไหลออกมาง่ายซะเหลือเกิน

    แอสตันเม้มริมฝีปากแน่นก่อนจะหักพวงมาลัยเอารถเข้าจอด ชนิดที่ว่าร่างบางๆของคนข้างๆเซไปข้างหน้าตามแรงจอดรถแบบกระทันหันจนหัวทุยๆนั่นโขกเข้ากับคอนโซลรถข้างหน้า จินสบถพรืดออกมาอย่างหงุดหงิด เมื่อตั้งสติได้ถึงได้ตั้งท่าโวยวายต่อ



    “พี่จะทำอะไรก็เรื่องของพี่ ผมบอกไปแล้วไงว่าจะอยู่ข้างๆพี่ ไม่ว่าในสถานะอะไรก็ตาม ฮึก”



    “เพราะงั้นไม่ต้องมาเสียเวลาอธิบายหรอก พี่จะไปเอากับใครก็เรื่องของพี่ ผมจะเจ็บเจียนตายยังไงก็เรื่องของผม”



    “ก็ผมเลือกเองนี่ เลือกที่จะอยู่ตรงนี้...”



    ไม่ทันจะได้พูดจบประโยค ริมฝีปากของเขากลับถูกริมฝีปากของใครอีกคนขโมยจูบไปเสียนี่ ริมฝีปากบางนั่นประทับแนบแน่นชนิดที่ว่าเขาไม่สามารถหลุดรอดเสียงอะไรออกมาได้เลย

    คนตัวสูงกว่าประทับจูบนิ่งค้างเอาไว้อย่างนั้น มอบสัมผัสอ่อนหวานให้คนตัวเล็กกว่า จนร่างบางๆนั่นค่อยๆนิ่งค้าง มือเรียวที่ยกขึ้นตั้งใจจะทุบเขาค่อยๆปล่อยลงข้างตัว ก่อนที่นัยน์ตาเรียวสวยจะค่อยๆหลับพริ้มลง แม้ว่าจะยังมีน้ำใสๆเอ่อล้นออกมาอยู่ก็ตาม แต่คนตัวเล็กก็ตัดสินใจยอมรับจูบของคนตรงหน้าแต่โดยดี



    “ฟังพี่นะครับคนดี”



    เมื่อเห็นว่าเด็กน้อยที่พึ่งแผลงฤทธิ์ไปเริ่มเย็นลงมามากแล้วถึงได้ตัดสินใจถอนริมฝีปากออก เอามือประคองใบหน้าคมสวยนั้น ก่อนจะใช้นิ้วโป้งเกลี่ยน้ำใสๆที่เอ่อล้นมาจากดวงตาเรียวสวยนั้นอย่างแผ่วเบา


    “ถ้าจะอยู่แอบดูก็อยู่ดูให้จบหน่อยไม่ได้รึไง”


    นัยน์ตาเรียวเบิกกว้างอยากแปลกใจ ตั้งท่าจะโวยวายออกมาอีกรอบ แต่กลับโดนริมฝีปากบางๆของคนตรงหน้าประทับลงมาปิดเสียก่อน นิ่งค้างไว้อยู่แบบนั้นจนเขาตัดสินใจเลิกพยายามที่จะพูดนั่นแหละ ไอ้รุ่นพี่นี่ถึงจะยอมถอนริมฝีปากออก



    “จินอาจจะหาว่าพี่แก้ตัว แต่พี่กับผู้หญิงคนนั้นเราไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าที่จินเห็น”



    “ยังมีได้มากกว่านี้อีกหรอ...”



    บ่นอุบอิบ ก่อนจะต้องสะดุ้งเมื่อคนตรงหน้าก้มลงมาประทับจูบเข้าที่ริมฝีปากของเขาอีก พอตั้งท่าจะโวยวายไอ้รุ่นพี่บ้านี่ก็เล่นประทับจูบลงมาซ้ำๆจนเขาตัดสินใจหุบปากฉับนั่นแหละ



    “พี่เลือกจิน”



    “ต่อให้บทสรุปของเรื่องนี้จะออกมาเป็นยังไง”



    “หัวใจของพี่จะเป็นของจิน ไม่ว่าจะในสถานะอะไรก็ตามเหมือนที่จินเคยบอกพี่ ไม่ว่าจะเป็นความรักแบบไหน แบบคนรัก แบบพี่ชาย หรืออะไรก็แล้วแต่”



    “พี่อยากให้จินรู้ไว้ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ไม่ว่าจากนี้ไปเราสองคนจะเปลี่ยนไปยังไง พี่จะรักจิน รักอยู่แบบนี้ รักแบบไม่มีเงื่อนไข จะรักตลอดไป”



    ใบหน้าคมสวยเหยเกเพราะพยายามกลั้นน้ำตาทำเอาแอสตันต้องเผลอหลุดยิ้ม ทั้งๆที่ตัวเองก็น้ำตาคลอหน่วงจะไหลออกมาอยู่เต็มแก่ แต่จะให้ทำยังไงได้ล่ะ ก็เขารักเด็กคนนี้มากจริงๆนี่นา


                   รักมากเกินไป รักจนเขาไม่อยากจะคิดเรื่องความผิดชอบชั่วดี รักจนเขาอยากจะปัดความรับผิดชอบของตัวเองทั้งหมดทิ้งไป แต่เขาทำไม่ได้หรอก ถ้าทำแบบนั้นเขามันคงจะเป็นแค่ผู้ชายเลวๆคนหนึ่ง ที่ไม่มีอะไรคู่ควรกับเด็กคนนี้เลยน่ะสิ

                   เขาไม่รู้หรอก ไม่รู้จริงๆว่าบทสรุปของเรื่องนี้มันจะเป็นยังไง แต่เขาแค่รู้ว่าหัวใจของเขาน่ะ มันเป็นของเด็กนี้

    “ไม่บอกช้าไปหน่อยหรอวะ นี่รู้มั้ยว่าผมหมดน้ำตาไปกี่ลิตรแล้ว”


    บ่นออกมาอย่างติดตลก ก่อนจะค่อยๆเลื่อนมือไปเช็ดน้ำตาที่ค่อยๆไหลออกมาจากนัยน์ตาคมมีเสน่ห์นั่นอย่างแผ่วเบา แอสตันหลุดหัวเราะ ก็มันน่าตลกไม่ใช่หรอ ไอ้การที่ผู้ชายแมนๆสองคนต่างคนต่างเช็ดน้ำตาให้กันเนี่ย


    “รักนะครับ”



    ถ้อยคำหวานซึ้งที่อยู่ดีๆก็เล่นพูดออกมาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยทำเอาคนฟังทำอะไรต่อไม่ค่อยจะถูก ถึงได้ตัดสินใจหยิกเข้าที่แก้มของรุ่นพี่ตัวสูงไม่ค่อยเบาเท่าไหร่นัก


    “พอบทจะกล้าพูดก็พูดไม่หยุดเลยนะ”


    เอ่ยแขวะออกมาเสียไม่ได้ และแน่นอนว่าสิ่งที่ได้รับกลับมาต้องเป็นเสียงหัวเราะทุ้มๆของรุ่นตัวสูงนี่อยู่แล้ว



                    ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะหัวเราะด้วยกันแบบนี้ให้นานกว่านี้อีกสักนิด สามารถสัมผัสกันได้นานกว่านี้อีกหน่อย แต่พวกเขารู้ดีว่ามันเป็นไปไม่ได้ อ่า...ความสุขอันน้อยนิดของพวกเขามันจะพังทลายลงเมื่อไหร่กันนะ
















    “ยังไงผมก็ฝากรีฟาด้วยนะครับ”


    น้ำเสียงทุ้มเอ่ยออกมาอย่างเกรงใจ แต่คนฟังก็พอจะจับความเป็นห่วงในน้ำเสียงนั้นได้ ถึงแม้เธอจะไม่ค่อยเห็นด้วยกับความดื้อรั้นของลูกสาวเธอ ที่ดึกมากแค่ไหน แต่เจ้าตัวก็ยังยืนยันว่าจะกลับมานอนกับเธอที่บ้าน แต่จะให้ทำยังไงได้ล่ะ เพราะพอเห็นสภาพของลูกสาวตัวเอง เธอดุไม่ลงจริงๆ


    “ไม่ต้องเป็นห่วงนะ ถ้ารีฟาดีขึ้นแล้วเดี๋ยวแม่จะบอกให้ติดต่อไป”


    ออสตินยิ้มรับก่อนจะขอปลีกตัวออกมา ถึงแม้ในใจของเขาจะเป็นห่วงหญิงสาวคนนั้นมากแค่ไหน แต่ตอนนี้เขารู้ว่าเขาทำอะไรไม่ได้จริงๆ การที่ปล่อยให้เธอได้อยู่กับคนที่เธอสบายใจน่าจะดีกว่า


    เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่รู้ว่าหญิงสาวคนนี้กำลังแบกรับเรื่องอะไรอยู่ เพราะเธอไม่เคยพูดหรือบอกอะไรเขาเลย ไม่ว่าเขาจะพยายามทำลายกำแพงที่กั้นระหว่างพวกเขาสองคนมากแค่ไหน แต่ผู้หญิงคนนี้กลับไม่เคยเปิดใจให้เขาเลย

    เขารัก...รักผู้หญิงคนนี้มากจริงๆ แต่ถ้าอีกฝ่ายเอาแต่ปฏิเสธความรักที่เขาหยิบยื่นให้ไป ความรักพวกนี้มันจะมีความหมายอะไรงั้นหรอ


    แต่จะให้ทำยังไงล่ะ...ก็เขารักผู้หญิงคนนี้ไปแล้วนี่นา



    ดารินยิ้มให้กับความเอาใจใส่ของผู้ชายคนนี้ ต่อให้เด็กอนุบาลยังมองออกเลยว่าออสตินรักและเป็นห่วงลูกสาวของเธอมากแค่ไหน และเธอก็มั่นใจว่าลูกสาวของเธอเองก็มองออก เพียงแต่ว่าหัวใจของเด็กคนนั้นผูกติดกับใครอีกคนมากเกินไปน่ะสิ


    “ขับรถระวังๆด้วยล่ะ”


    เอ่ยบอกลาเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะปลีกตัวเข้ามาในบ้าน ร่างบอบบางที่นอนหันหน้าเข้าหาโซฟาทำเอาเธอต้องหลุดถอนหายใจ



    “ทำตัวแบบนี้ไม่น่ารักเลยนะ”



    “ต่อให้ทำตัวยังไงก็ไม่มีใครรักหนูหรอกค่ะ”



    น้ำเสียงสั่นเครือเพราะกำลังร้องไห้ของคนเป็นลูก ทำเอาคนเป็นแม่อย่างเธอรู้สึกเจ็บปวดไม่แพ้กัน


    “มาหาแม่มา”


    พูดพร้อมกับกางแขนออก เปิดอ้ารับเอาร่างบอบบางของลูกสาวเข้าสู่อ้อมกอด รีฟาหลุดสะอื้นออกมาเบาๆ ซบเข้ากับไหล่ของคนเป็นแม่เพื่อหาที่พักพิง

    เธอไม่รู้จะพูดอะไร ตอนนี้หัวใจของเธอมันปวดหนึบไปหมด ไหนจะความคิดในหัวที่ตีกันจนยุ่งเหยิง เธอไม่รู้ว่าเรื่องราววุ่นวายพวกน้ีมันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่เรื่องทุกอย่างมันเกิดไปแล้ว แถมยังบานปลายใหญ่โตจนเธอไม่รู้ว่าจบมันยังไง


    “เหนื่อยรึเปล่า”


    น้ำเสียงอ่อนโยนของคนเป็นแม่ราวกับเป็นเหมือนกับน้ำเย็นๆที่ค่อยๆชะโลมหัวใจอันบอบช้ำของเธอ พยักหน้าเบาๆเป็นการตอบรับ และแน่นอนว่าสิ่งที่เธอได้รับกลับมาคือสัมผัสอ่อนโยนที่ค่อยๆลูบศีรษะของเธออย่างแผ่วเบา



    “ถ้ามันเหนื่อยก็เลิกยื้อ...”



    “แล้วเรามายอมรับความจริงกันดีมั้ย”



    นั่นสินะ...ในเมื่อยื้อต่อไปต่างฝ่ายต่างก็ต้องเจ็บปวดอยู่แบบนี้ บางทีเธอควรจะตัดเรื่องพวกนี้ให้จบๆไปเสียที ต่อให้คนที่เจ็บปวดที่สุดจะเป็นเธอก็ตาม




















    ----------------------------------------

    TALK : จะบอกว่านี่ขำกับคอมเม้นของตอนที่แล้วมากจริงๆ

                ตอนนี้อาจจะสั้นไปหน่อย แต่ก็ขอบคุณที่ยังติดตามนิยายเรื่องนี้นะคะ

                ปล.คือนี่ไรท์ไม่ได้ตั้งใจแต่งให้คนอ่านเกลียดรีฟาเลยจริงๆนะ เอาจริงๆไรท์แต่งไปสงสารผู้หญิงคนนี้ไป (.__.)

                ปล2. ช่วงนี้ฟีลกำลังมาจะพยายามอัพบ่อยๆนะคะ ^___^





                

                




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×