ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (Yaoi) What is love? รักวุ่นวายร้ายเกินพิกัด (End)

    ลำดับตอนที่ #43 : -41-

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 189
      3
      3 ต.ค. 59




    -41-






    บรรยากาศที่ลอยวนอยู่รอบโต๊ะอาหารทำให้จินรู้สึกอึดอัด และเขาเองก็รู้ดีว่าสาเหตุมันมาจากอะไร ก็การที่ต้องเผชิญหน้ากับใครบางคนที่ไม่อยากจะเจอหน้าเลยสักนิด แถมยังต้องแกล้งตีหน้ายิ้มเหมือนกับไม่เคยมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นแบบนี้เนี่ย มันเป็นอะไรที่เป็นไปไม่ได้สุดๆเลยจริงมั้ย


    “อิ่มแล้วหรอ”


    น้ำเสียงทุ้มที่ดังแผ่วอยู่ข้างใบหูดึงสติของเขากลับมา ก่อนจะพึ่งรู้สึกตัวว่าตัวเองทานอาหารไปเพียงไม่กี่คำเท่านั้น หลุดคลี่ยิ้มแห้งออกมาอย่างรู้สึกผิด แต่เขาไม่มีอารมณ์จะกินอะไรเท่าไหร่


    ก็ไอ้รังสีแสดงความไม่พอใจที่ส่งมาจากผู้หญิงที่นั่งตรงข้ามเขาเนี่ย มันรุนแรงซะจนเขาไม่กล้าจะตักอาหารเลยล่ะ


    แอสตันเหลือบมมองบรรยากาศบนโต๊ะอย่างลำบากใจ ก่อนจะตัดสินใจตักอาหารใส่จานให้คนตัวเล็กกว่า และแน่นอนว่านัยน์ตาใสๆนั่นต้องเหลือบมองมาทางเขาแน่ๆ ถึงได้ส่งรอยยิ้มไปให้


    “กินอีกหน่อยนะ ตัวบางจะแย่แล้ว”


    ใบหน้าขาวๆที่ค่อยๆขึ้นสีแดงระเรื่อ ไหนจะริมฝีปากรูปกระจับที่ค่อยๆยู่เข้าหากันเวลาเขิน ท่าทางน่ารักๆของเด็กคนนี้ เป็นสิ่งเดียวที่ทำให้เขากล้าที่จะเผชิญหน้ากับปัญหา



    ต่อให้จะต้องเจอกับเรื่องที่ทรมานจิตใจแค่ไหน แต่ถ้าเพื่อปกป้องเด็กคนนี้แล้วล่ะก็ เขายอม...


    “คนบางคนอาจจะลืมไปนะว่าบนโต๊ะนี้น่ะมีมนุษย์นั่งอยู่อีกสี่หน่อน่ะ”


    “น่า ให้น้องชายแกไดมีความสุขกับเค้าบ้าง”


    “คราวหน้าก็พามาเปิดตัวในฐานะลูกสะใภ้สักทีสิ นี่พ่อกับแม่ลุ้นกันจะแย่แล้ว”


    ถ้าเป็นปกติคงจะมีแค่ออสตินคนเดียวที่เอ่ยแซวน้องชายตัวแสบของตัวเอง แต่คงเป็นเพราะทุกคนอยากจะทำให้บรรยากาศบนโต๊ะอาหารดีขึ้น ถึงได้พากันช่วยกันแซวคนทั้งสองคนขนาดนั้น และแน่นอนว่าเด็กที่เขินง่ายแบบจิน จะสามารถรอดผ่านสถานการณ์แบบนี้โดยไม่หน้าแดงได้ยังไง


    ทั้งสองคนที่ค่อยๆหลุดเข้าสู่โลกของตัวเอง แถมยังเผื่อแผ่บรรยากาศหวานซึ้งมาให้คนรอบข้าง ทำให้บรรยากาศรอบโต๊ะค่อยๆดีขึ้น แต่ความรู้สึกของใครคนหนึ่งกำลังแย่ลงเรื่อยๆ


    รีฟากำมือแน่นเพื่อควบคุมอารมณ์ของตัวเอง เธอคิดเอาไว้แล้วว่าเหตุการณ์จะต้องเป็นแบบนี้ ตั้งแต่ออสตินมารับเธอที่บ้านของแม่เธอ บอกว่าวันนี้แอสตันจะกลับมากินข้าวที่บ้าน

    ตอนแรกเธอดีใจ ก็หลายวันที่ผ่านมาเด็กคนนี้เอาแต่หลบหน้าเธอมาโดยตลอด และเธอเองก็รู้ดีว่าสาเหตุมาจากอะไร




    เด็กหนุ่มตัวบางที่นั่งข้างๆแอสตันนั่นไง



    แค่นี้มันก็ชัดเจนพอแล้วล่ะว่าแอสตันเลือกใคร...



    เธอเจ็บ เจ็บจนไม่รู้จะทำยังไง เธอไม่สามารถระบายความเจ็บปวดนี้กับใครได้เลย






    “ไม่ให้พี่ไปส่งจริงๆหรอ”


    น้ำเสียงทุ้มอ้อนๆ ไหนจะการเอาแขนยาวๆนั่นมาเกี่ยวเอวของเขาเอาไว้ไม่ให้ขยับตัวไปไหนอีก ดีนะที่อยู่กันแค่สองคน แถมยังเป็นมุมอับสายตาทำให้ไม่มีใครสังเกตเห็น จินหลุดถอนหายใจยาวเหยียดกับท่าทางทำตัวเป็นเด็กของรุ่นพี่ตัวสูง


    “หื้อ ดึกแล้ว ป๊าส่งคนขับรถมาแล้วเนี่ย”


    ก็ไม่ใช่ว่าไม่อยากให้คนตัวสูงตรงหน้าไปส่งหรอกนะ อยากจะอยู่ด้วยกันให้นานกว่านี้ แต่คุณพ่อตัวแสบของเขาน่ะสิ พอรู้ว่ามากินข้าวที่บ้านรุ่นพี่ตัวสูงนี่ ก็บอกว่าขากลับจะส่งคนมารับ ไอ้เรื่องการขัดขวางความสุขของลูกเนี่ย ถนัดจริงๆล่ะ


    “อย่าทำหน้าแบบนั้นสิครับ ทางนี้ก็ไม่ใช่ว่าอยากจะบอกลาซะหน่อย”


    บ่นอุบออกมาบ้างเมื่อแฟนตัวโตมองมาทางเขาด้วยสายตาละห้อยแบบนั้น เขาเองก็ลำบากใจที่จะกลับเหมือนกันนะ


    “ขอ Goodnight kiss ได้มั้ย”


    คำขอจากคนที่เอาแต่เกี่ยวเอวเขาแน่นแบบทำเอารู้สึกหน้าร้อนขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ แถมโดนกักตัวเอาไว้แบบนี้ เขาเองก็เขินจนทำอะไรไม่ค่อยถูกเหมือนกัน ถึงได้พยายามเสหน้าไปทางอื่น ทำเป็นไม่รับรู้ถึงสายตาหวานซึ้งที่อีกคนส่งมาให้


    “ทีตอนอ่อยล่ะไม่เอา ตอนนี้ล่ะมาทำเป็นขอ”


    บ่นอุบออกมา เมื่อรู้ว่ายังไงตัวเองก็ไม่มีทางหลบหน้าคนตัวสูงได้แน่ๆ เสียงหัวเราะทุ้มๆดังขึ้นเบาๆ ก่อนจะค่อยเงียบหายไปเมื่อริมฝีปากได้รูปนั้นค่อยๆเลื่อนลงมา


    นัยน์ตาเรียวสวยหลับพริ้มลง ก่อนจะเอื้อมมือไปโอบรอบคอของคนตัวสูงกว่า



    รสจูบหวานละมุนเหมือนกับยาเสพติดที่ทำให้พวกเขาทั้งสองคนเอาแต่จะเรียกร้องขอเพิ่มอีก



    แต่จะให้ทำยังไงล่ะ ในเมื่อนี่เป็นเพียงความสุขอันน้อยนิดที่พวกเขาพอจะเก็บเกี่ยวเอาไว้ได้















    “นายดูมีความสุขนะ”


    น้ำเสียงหวานที่คุ้นเคยดึงสติของเขาให้กลับมา


    “พี่ไม่ควรเข้ามาในห้องนี้นะครับ”


    น้ำเสียงทุ้มฉายแววตำหนิ ไหนจะนัยน์ตาคมที่มองมาอย่างจริงจังแบบนั้นอีก ทั้งๆที่เธอคิดว่าผู้ชายคนนี้กำลังจะกลับไปเป็นเหมือนเดิม แต่เปล่าเลย แอสตันเปลี่ยนไปแล้ว และคงจะไม่มีทางกลับมาเป็นผู้ชายที่คอยปกป้องเธอคนนั้นอีกแล้ว


    เขาพอจะรู้ว่าสิ่งที่เขาในวันนี้มันทำให้หญิงสาวคนนี้ไม่พอใจ แต่จะให้ทำยังไงล่ะก็เพราะนี่มันเป็นห้องของเขา หญิงสาวคนนี้ไม่ควรจะมาอยู่ในห้องนี้ แต่ควรจะอยู่ที่ห้องของพี่ชายของเขาต่างหาก แอบตกใจไม่น้อยที่รีฟากล้ามานั่งอยู่บนเตียงของเขาแบบนั้น

    รีฟาหลุดแค่นหัวเราะ เด็กหนุ่มคนนี้เปลี่ยนไปมาก ตั้งแต่เด็กนั่นเข้ามา ถ้าเป็นเมื่อก่อน แอสตันไม่มีทางพูดจาแบบนี้กับเธอแน่ๆ




    เจ็บ



    “ตอนนี้คำสัญญาของพวกเรามันคงจะไม่มีความหมายอะไรแล้วสินะ”


    น้ำเสียงหวานที่สั่นเครือเอ่ยตัดพ้อจนคนฟังต้องเบือนหน้าหนี เขาไม่อยากจะสบเข้ากับดวงตากลมโตที่กำลังมองมาทางเขาด้วยความเจ็บปวดแบบนั้น อย่ามองเหมือนกับว่าหากไม่มีเขาแล้วเธอจะไม่เหลืออะไร เพราะมันไม่จริงเลย


    ได้โปรด อย่ามาคาดหวัง อย่ามาทิ้งทุกอย่างลงที่เขา เพราะเขาเองก็เจ็บปวดไม่ต่างกัน



    “คำสัญญางั้นหรอครับ”



    “จริงๆมันควรจะไม่มีความหมายตั้งแต่พี่เลือกที่จะแต่งงานกับพี่ชายของผมแล้วล่ะครับ”


    คำสัญญางั้นหรอ จะว่าไปเมื่อไหร่กันนะที่เขาคิดว่าไอ้คำสัญญานั่นมันไม่มีความหมายอีกต่อไปแล้ว


    “เลิกเอาเรื่องนี้มาอ้าง...”


    ไม่ทันจะได้พูดจบประโยค ริมฝีปากของเขากลับถูกอีกฝ่ายปิดประทับด้วยอวัยวะเดียวกัน สัมผัสนุ่มหยุ่นที่ต่อให้เวลาผ่านไปนานแค่ไหน เขาก็ไม่มีทางลืมเลือน ความทรงจำเมื่อหลายปีก่อนค่อยๆวิ่นวนเข้ามาในหัว










    เขากับรีฟาเจอกันตอนที่เขาเป็นเด็กมัธยมต้นปีสามเท่านั้น และตอนนั้นรีฟาเองก็เข้ามหาวิทยาลัยแล้ว จะหาว่าเขาปีนเกลียวก็ได้ แต่ในตอนนั้น เขาตกหลุมรักหญิงสาวคนนี้เข้าจังๆ


    เธอเป็นคนที่เข้ามาเปลี่ยน เข้ามาทำให้เขารู้สึกว่า อ่า...เขาควรจะเปลี่ยนตัวเองให้ดีขึ้นเพื่อใครสักคนหนึ่ง






    “นี่ทำไมถึงชอบมีเรื่องชกต่อยกับคนอื่นอยู่เรื่อยฮึ”


    น้ำเสียงหวานพูดฉายแววตำหนิ ขณะที่มือบางเองก็ยุ่งอยู่กับการแต้มยาให้กับเด็กหนุ่มตรงหน้า ใบหน้าคมคายราวกับรูปสลักเสไปทางอื่นฉายแววไม่สนใจ ก่อนจะต้องร้องโอ๊ยออกมา เมื่อโดนมือบางจับให้ใบหน้าหันกลับมาไม่เบาเท่าไหร่นัก


    “ก็ฝ่ายนู้นมาหาเรื่องก่อน”


    ตอบอุบอิบไม่ค่อยเต็มเสียง เพราะพอจะคาดเดาปฏิกิริยาของคนตรงหน้าออก


    “เค้ามาหาเรื่องก็ต้องไปมีเรื่องกับเค้าหรอ”


    นั่นไง น้ำเสียงหวานๆเริ่มหวีดแหลมขึ้นตามอารมณ์ เป็นการบ่งบอกว่าหญิงสาวคนนี้กำลังอารมณ์ไม่ดีขึ้นเรื่อยๆ นัยน์ตาคมสีอัลมอนด์จับจ้องไปยังท่าทางของคนตรงหน้าก่อนจะหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ


    “ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วงนะครับ”


    พอเจอคำพูดเชิงอ้อนๆแบบนั้นแล้วคิดว่าเธอจะทำยังไงล่ะ เด็กนี่รู้จุดอ่อนของเธอถึงได้ใช้วิธีนี้เอาตัวรอดอยู่เรื่อย ก็เลยหลุดพึมพำกับตัวเองออกมายาวเหยียด ก่อนจะค่อยๆติดพลาสเตอร์ที่ใบหน้าให้เด็กนี่อย่างแผ่วเบา


    “สัญญาได้มั้ยว่าจะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้อีกน่ะ”


    นัยน์ตากลมโตที่ฉายแววเป็นห่วงทำเอาคนถูกถามอึกอัก เขาไม่ใช่คนดีขนาดนั้น จะว่าเป็นเด็กมีปัญหาก็คงไม่ผิด เพราะการที่เป็นลูกชายคนเล็ก ที่มีพี่ชายที่อายุห่างกันตั้งเจ็ดปี ที่ตอนนี้กำลังจะกลายเป็นนักธุรกิจหนุ่มที่ประสบความความสำเร็จมากคนหนึ่ง และทำให้เขาไม่ถูกคาดหวังอะไรเลย



    อาจจะคิดว่ามันก็เป็นเรื่องที่ดีไม่ใช่หรอ สำหรับเขามันไม่ใช่ เหมือนกับว่าเขาจะทำอะไรก็ไม่มีใครสนใจ เหมือนกับเขาเป็นส่วนเกิน ไม่มีค่าอะไรเลย ใช่ เขารักและเคารพพี่ชายของตัวเองมาก แต่ในความรู้สึกดีๆนั่น เขายอมรับว่าอิจฉา และแอบต่อต้านพี่ชายของตัวเองอยู่ไม่น้อย


    เพราะงั้นถึงได้พยายามทำตัวให้ตรงข้ามกับออสตินทุกอย่าง สมัยที่ออสตินเป็นนักเรียน เป็นถึงประธานนักเรียน ช่วยกิจกรรมโรงเรียนทุกอย่าง เรียกว่าเป็นนักเรียนดีเด่นก็ได้

    และแน่นอนว่าเขาต้องเข้าโรงเรียนเดียวกันกับพี่ชายตัวเอง แล้วไงล่ะ แน่นอนต้องถูกเปรียบเทียบอยู่แล้ว ต่อให้เขาพยายามมากแค่ไหน ก็ไม่มีทางดีเท่าคนเป็นพี่หรอก


    มันเหนื่อย เหนื่อยจนเขาตัดสินใจยอมแพ้ และเลือกเดินทางที่ตรงข้ามกับพี่ชายของตัวเองทุกอย่าง


    มีเรื่องชกต่อยไม่เว้นวัน ก่อปัญหา ทำผิดกฏของโรงเรียน และแน่นอนว่าฝ่ายปกครองต้องเรียกพ่อแม่ของเขาไปคุยอยู่แล้ว เขาเคยคิดว่านี่อาจจะเป็นวิธีการที่เรียกร้องความสนใจจากคนเป็นพ่อแม่ได้ และแน่นอนว่ามันได้ผล แต่ผลลัพธ์ที่ออกมามันกลับตรงกันข้าม

    จากที่ไม่เคยคาดหวังอะไรในตัวเขา ตอนนี้กลับมองเขาเป็นตัวก่อปัญหาไปซะแล้ว แล้วไงล่ะ เมื่อเริ่มแล้วมันหยุดๆได้ง่ายๆเสียที่ไหน จนพ่อแม่ของเขาเอือม และตัดสินใจเลิกที่จะตักเตือนเขาแล้ว แต่เขาก็ไม่สนใจหรอก ก็ในเมื่อพ่อกับแม่มีพี่ออสติน มีลูกชายคนโตที่สามารถสืบทอดทุกอย่างได้อยู่แล้วนี่



    เขาคิดมาตลอดว่าจะทำตัวแบบนี้ไปเรื่อยๆ เพราะมันก็ไม่ได้หนักหัวใคร นี่ตัวเขาเอง ในเมื่อเขามันก็ไม่ได้มีค่าอะไรมากมายอยู่แล้วนี่



    จนมาเจอผู้หญิงคนนี้ ผู้หญิงที่ไม่เคยรู้ว่าเขาเป็นใคร รู้แค่ว่าเป็นเด็กมีปัญหาที่ชอบชกต่อยคนหนึ่ง แต่เธอก็เลือกที่จะถามเหตุผล และนั่นเป็นครั้งแรกที่เขาตัดสินใจเล่าเรื่องของตัวเองแบบที่ไม่เคยเล่าให้ใครฟังมาก่อน



    ‘แอสตันก็คือแอสตัน ถ้านายคิดว่านายไม่มีข้อดีอะไร พี่จะไล่ข้อดีของนายให้ฟังเอง’


    ‘เมื่อไหร่ที่นายมีความคิดบ้าๆแบบนั้นเกิดขึ้นอีก พี่นี่แหละ จะเป็นคนคอยตอกย้ำให้นายฟังเอง ว่าคนที่ชื่อว่าแอสตันน่ะ มีอะไรดีๆมากมายขนาดไหน’


    และเธอก็ทำอย่างที่ว่าจริงๆ ตลอดเวลาที่ฟังน้ำเสียงหวานนั่นพูดข้อดีของเขา ที่บางข้อเขาก็รู้สึกว่ามันน่าตลกสุดๆ หัวใจของเขาค่อยๆเต้นแรง ความรู้อึดอัดที่อัดอั้นอยู่ในหัวใจของเขามันค่อยๆหายไป และเขาก็รู้ตัวว่า... ในที่สุดเขาก็เจอใครสักคนที่เข้าใจเขาเสียที



    “แอสตัน”



    น้ำเสียงหวานเรียกให้เขาต้องหันไปมอง ใบหน้าน่ารักมองมาทางเขาอย่างคาดหวัง แล้วเขาจะทำอะไรได้ล่ะ



    “อื้ม จะพยายามครับ”



    ถึงได้รับปากไป เขาไม่เคยปฏิเสธคำขอของผู้หญิงคนนี้ได้หรอก รอยยิ้มกว้างค่อยๆพาดผ่านริมฝีปากอวบอิ่ม และนั่นทำให้โลกของเขาสว่างวาบขึ้นมา ถ้ามีเรื่องที่เขาจะทำให้ผู้หญิงคนนี้ยิ้มได้ล่ะก็ เขาก็จะทำ







    “มึงหงุดหงิดอะไรของมึงวะ”


    คำถามของเพื่อนสนิททำให้เขาต้องหลุดสบถออกมา ก็จะไม่ให้หงุดหงิดได้ยังไงล่ะ เพราะวันนี้เขาตั้งใจจะเอาผลสอบไปอวดหญิงสาวคนนั้นซะหน่อย นี่เขาได้คะแนนอันดับหนึ่งในชั้นเลยนะ แต่พอเขาโทรไปหา ผู้หญิงคนนั้นกลับบอกเขาว่า


    (หืม เย็นนี้พี่ไม่ค่อยสะดวกน่ะ พรุ่งนี้แล้วกันนะ)


    จะไม่ให้หงุดหงิดได้ยังไงล่ะ พอรู้ว่าวันนี้จะไม่ได้เห็นใบหน้าน่ารักๆของผู้หญิงคนนี้ เขาก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้


    “หิวจังวะ ไปหาอะไรกินกันป่ะ”


    “เออๆ เห็นว่ามีคาเฟ่เปิดใหม่ กูอยากกินอะไรหวานๆว่ะ วันนี้แม่งโคตรเหนื่อย”


    คำพูดของเพื่อนข้างๆทำให้เขาคิดอะไรขึ้นมาได้

    อืม...ถ้าไปหาแล้วใช้ข้ออ้างว่ามาซื้อขนมกลับไปฝากที่บ้านคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง






    ภาพของหญิงสาวร่างบอบบางที่กำลังถูกชายร่างกำยำผลักจนล้มลงไปกองกับพื้น ไหนจะข้าวของที่กระจัดกระจายไปทั่ว ร้านเล็กๆที่ถูกตกแต่งอย่างน่ารักตอนนี้เละจนไม่เหลือชิ้นดี เสียงร้องไห้อ้อนวอนและขอร้องให้หยุดค่อยๆเสียดแทงเข้ามาในหัวใจของเขา

    แต่เขาเป็นเพียงแค่เด็กมัธยมคนหนึ่ง ทั้งๆที่มั่นใจในฝีมือชกต่อยของตัวเองมาโดยตลอด แต่ตอนนี้ เขากลับทำอะไรไม่ได้เลย...




    เขาไม่สามารถปกป้องหญิงสาวที่เขารักจากเรื่องราวร้ายๆที่กำลังเกิดขึ้นนี่ได้เลย





    “พี่บอกแล้วไม่ใช่หรอว่าวันนี้พี่ไม่ว่าง”


    น้ำเสียงหวานใสพูดติดตลก ทั้งๆที่ดวงตากลมสวยนั่นแดงระเรื่อเพราะพึ่งผ่านการร้องไห้มาเกือบๆชั่วโมงได้ ทั้งๆที่ตัวเองก็มีรอยฟกช้ำเต็มไปหมด แต่ผู้หญิงคนนี้กลับเลือกที่จะมาทำแผลให้เขาก่อน

    ใช้เวลาเกือบๆสองชั่วโมงกว่าพวกเขาทั้งสามคนจะช่วยกันเก็บข้าวของในร้านให้เข้าที่เข้าทางได้ แม้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะเสียหายไปเกือบหมด แต่สองแม่ลูกคู่นี้กลับยิ้มให้เขา เหมือนกับว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย



    “ทำแผลให้แอสตันแล้วก็ไปเดินเล่นสูดอากาศกันหน่อยก็ดีนะ แม่ของพักสักแปปนึง”


    ต่อให้พยายามแกล้งทำเป็นเข้มแข็งมากแค่ไหน แต่เขาก็พอจะสัมผัสได้ถึงความเหนื่อยล้าของหญิงวัยกลางคนคนนี้ รีฟาคลี่ยิ้มก่อนจะพยักหน้ารับเบาๆ มือบอบบางเลื่อนมาจับเข้าที่มือของเขา ก่อนจะออกแรงเล็กน้อยเป็นการบอกให้เขาเดินตาม




    “แย่จังเลยเนอะ ที่ทำให้นายต้องมาเจอเรื่องอะไรแบบนี้”


    เมื่ออยู่เพียงลำพังกันสองคนน้ำเสียงหวานก็พูดขึ้นทำลายความเงียบ หลังจากตัดสินใจหยุดที่สนามเด็กเล่นเล็กๆที่อยู่ไม่ห่างจากร้านมากนัก นัยน์ตากลมสวยไม่ได้มองมาทางเขา แต่เหม่อมองไปที่ท้องฟ้าที่ค่อยๆเปลี่ยนสีเป็นสีน้ำเงินเข้ม

    เขาเองก็ไม่รู้จะตอบว่าอะไร ถึงได้นิ่งเงียบอยู่แบบนั้น แต่ไม่กล้าที่จะละสายตาไปจากหญิงสาวข้างๆได้เลย ร่างบอบบางนั่นราวกับว่าหากเขาสัมผัสแรงไปเล็กน้อยจะสามารถบุบสลายไปได้ง่ายๆอย่างนั้นแหละ


    “แต่พี่ไม่เป็นไรหรอก...ไอ้เรื่องแบบนี้น่ะ เจอบ่อยแล้วล่ะ”


    “ทำไงได้เนอะ ก็บ้านพี่มันจนนี่ แต่ร้านเบเกอรี่นั่นน่ะ ความฝันของพ่อพี่เชียวนะ”


    “ตอนนี้ท่านก็ไม่อยู่แล้ว ร้านนี่น่ะ...เป็นสิ่งเดียวที่คุณพ่อพี่เหลือไว้ให้ เพราะงั้นไอ้เรื่องพวกนี้น่ะ เรื่องเล็กน่ะ มันทำอะไรพี่ไม่ได้หรอก”


    “ต่อให้พวกนั้น...ฮึก มาทำเรื่องแบบนี้อีกกี่ครั้ง พี่ก็ไม่ยอมหรอก...จะรีบหาเงิน แล้วกะ...”


    พอแล้ว หยุดพูดได้แล้ว เขาไม่อยากจะฟังอะไรอีกแล้ว ถึงได้ตัดสินใจดึงตัวหญิงสาวคนนี้เข้าสู่อ้อมกอด


    “พอเถอะครับ เวลาที่พี่อยู่กับผมไม่ต้องพยายามทำตัวเข้มแข็งหรอก แค่นี้ก็พอแล้ว ผมรู้ครับว่าพี่เข้มแข็งขนาดไหน”


    “แต่ถ้ามันเหนื่อย มันเจ็บ ก็ร้องไห้ออกมาเถอะครับ”


    “…”


    รีฟาตกใจไม่น้อย แต่ดูเหมือนว่านี่ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่เธอต้องการ ตลอดเวลาเธอต้องเข้มแข้ง เพราะเธออยู่กับแม่กันแค่สองคน ครอบครัวของเธอเองก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไร ไหนจะหนี้สินที่พ่อของเธอทิ้งไว้ให้ เพราะมีกันแค่นี้ เธอจะทำตัวอ่อนแอไม่ได้เด็ดขาด จะร้องไห้ไม่ได้ เธอไม่อยากจะทำให้แม่ของเธอต้องมากังวลเรื่องของเธอเพิ่มขึ้นอีก

    แต่ในบางครั้งมันก็เหนื่อยเหลือเกิน บางครั้งเธอก็แค่ต้องการใครสักคน ใครสักคนที่เธอจะสามารถปล่อยโฮออกมาได้โดยไม่ต้องคิดอะไร ต้องการใครสักคนคอยปลอบประโลม คอยรับฟังเธอ คนที่เธอจะสามารถปกป้องเธอได้



    ทั้งๆที่แอสตันเป็นเพียงแค่เด็กมัธยมต้นคนหนึ่ง แต่เธอกลับรู้สึกว่าเด็กคนคนนี้จะเป็นคนคนนั้นได้



    “ผมจะอยู่ข้างๆพี่”



    น้ำเสียงทุ้มที่พึ่งจะแตกหนุ่มพูดพร้อมกับค่อยๆเช็ดน้ำตาให้เธออย่างทะนุถนอม นิ้วมือเรียวเกลี่ยที่รอยช้ำบนใบหน้าอย่างแผ่วเบา นัยน์ตาคมทอประกายอ่อนโยนจนหัวใจของเธอเต้นแรง


    “รอผมอีกหน่อยนะครับ ผมจะกลายเป็นคนที่ดีกว่านี้ ผมจะเป็นคนที่สามารถปกป้องพี่ให้ได้”



    “ต่อจากนี้ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นผมจะอยู่ข้างๆพี่ เพราะงั้นอย่าพยายามทำตัวเข้มแข็งท้ังๆที่ตัวเองเจ็บปวดขนาดนี้”



    “ผมสัญญาครับไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ผมจะคอยอยู่ตรงนั้น คอยเช็ดน้ำตาและปกป้องพี่เอง”



    ความเงียบค่อยๆเข้าปกคลุม เพราะริมฝีปากของพวกเขาทั้งคู่เลื่อนมาสัมผัสกันอย่างแผ่วเบา ทั้งๆที่เป็นแค่การแตะกันเบาๆ แต่หัวใจของพวกเขาทั้งสองคนกลับเต้นแรง













    มือเรียวบางเลื่อนมาปิดที่ริมฝีปากของตัวเองเพื่อกันไม่ให้เสียงอุทานหลุดลอดออกมา เพราะเขานึกขึ้นได้ว่าตัวเองลืมเอาขนมที่คุณแม่ฝากคนขับรถมาให้เขาเอามาฝากครอบครัวของรุ่นพี่ตัวสูง ถึงได้บอกให้คนขับรถวนกลับมาที่บ้านของแอสตันอีกครั้ง

    ทั้งๆที่ควรจะแค่เอาขนมฝากให้กับคุณนายแฮมฟอร์ดแล้วรีบปลีกตัวออกมา เพราะค่อนข้างจะดึกแล้ว ถ้าอยู่นานกว่านี้จะเป็นการรบกวนบ้านของครอบครัวแฮมฟอร์ดแท้ๆ แต่ดูเหมือนคนในครอบครัวนี้จะดูเขาออก คุณนายแฮมฟอร์ดถึงบอกให้เขาขึ้นมาหารุ่นพี่ตัวสูงที่ห้องได้

    ตั้งใจจะแอบมาเซอร์ไพรส์ซะหน่อย แต่ใครจะไปรู้ล่ะ...






    ว่าคนที่โดนเซอร์ไพรส์น่ะ มันคือตัวเขาเอง...



















    --------------------------------------

    TALK : โฮรกกกกกกก เป็นตอนที่แต่งได้ยากลำบากเหลือเกิน

                 ทอล์คครั้งนี้ไม่รู้จะพูดอะไรจริงๆ แฮะๆ

                 เจอกันตอนหน้า ขอบคุณที่คอยติดตามนะค้า  ^___^












    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×