คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #37 : Chapter : 33 พักใจ
แกร๊ก...
บานประตูห้องถูกปิดลงช้าๆ ถุงสีขาวถูกนำไปวางไว้บนเตียง
หลังจากที่ใช้เวลาเดินเล่นผ่อนคลายตัวเองจนรู้สึกดีขึ้นแบคฮยอนก็กลับมาห้องพร้อมของจากมินิมาร์ทถุงใหญ่สำหรับซุป
เขาถอดกระเป๋าออกวางไว้บนพื้นห้อง หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเช็คข้อความ กดเปิดเพลงก่อนจะเดินไปหยิบหม้อไฟฟ้ามาตั้งข้างเตียง
ในวันที่อากาศหนาวและโดดเดี่ยวแบบนี้ไม่มีอะไรดีไปกว่าการได้นั่งซดซุปร้อนพร้อมกับดูหนังเรื่องโปรด
แบคฮยอนถอดเสื้อเชิ้ตของเขาเปลี่ยนออกเป็นเสื้อนอนตัวหลวมโดยที่ไม่ลืมหยิบเอาเสื้อไม่พรมมาสวมทับ
เขาคลานไปโน้ตบุ๊กมาวางไว้ข้างตัวพร้อมกับเปิดมันขึ้น
ในขณะที่หหยิบเอาต้นหอมญี่ปุ่น กับของสดต่างๆ ออกมาจากถุงเพื่อเตรียมหั่นของ
เสียงเพลงจากมือถือยังคงดังไปไปตามท่วงทำนอง
ที่ข้างเตียงนอนการประกอบอาหารมื้อค่ำเล็กๆ เกิดขึ้น
แบคฮยอนยอมจ่ายเงินเยอะหน่อยเพื่อที่จะได้กินของอร่อย เพราะของอร่อยเยียวหัวใจเขาได้เสมอ
คนตัวเล็กส่งเสียงฮัมเพลงงึมงำ ในขณะที่หยิบมีดและเขียงมาเริ่มหั่นพักกาด ตอนนี้นาฬิกาบอกเวลาหนึ่งทุ่มเศษแล้ว ถ้าเป็นที่บ้านก็คงหนาวมาก มงรยงจะต้องไปนอนซุกกับแม่อยู่ใต้เก้าอี้แน่ แบคฮยอนคิดถึงทั้งแม่นมและแม่จริงๆ ของเขา
ตอนนี้ในหัวไม่คิดอะไรนอกจากการกลับบ้านในวันหยุด
การอยู่ตัวคนเดียวท่ามกลางอากาศหนาวเหน็บทำแบคฮยอนเหงาจับใจ
ถ้ากลับบ้านก็คงจะอุ่นกว่านี้
ถ้ามีอี้ชิงอยู่ด้วยกันก็คงจะสุขกว่านี้...
.
.
.
“แม่เอาอีอ้วนมาคุยหน่อย มันอยู่ไหนอะ”
เสียงหม้อต้มซุปกิมจิเดือดปุดๆ พ่นควันลอยปุดส่งกลิ่นหอมฉุยไปทั่ว
แบคฮยอนปิดเตาไฟฟ้าก่อนจะย้ายโน้ตบุ๊กขึ้นไปวางบนที่นอนพร้อมกับหม้อใส่ซุปกิมจิ
เขาเห็นแม่กำลังเดินตามหามงรยงไปทั่วบ้านพร้อมกับโทรศัพท์มือถือในมือ
[มันอยู่แถวนี้แหละ
เมื่อกี้ยังเห็นอยู่เลย นั่นไง มงรยง~ มานี่เร็ว~ มาคุยกับพี่แบคฮยอน]
“มงรยง~” แบคฮยอนส่งเสียงเรียกเข้าไปในลำโพงพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะออกมา
เขาเห็นแม่นั่งลงบนพื้นหน้าโซฟาก่อนที่เจ้าหมาอ้วนส้มจะรีบวิ่งขึ้นมามุดตัก
มันทำท่าดีใจเหมือนได้เจอเจ้าของ
เห่าแล้วก็เดินวนไปมาจนแบคฮยอนแทบอยากจะทะลุตัวเข้าไปกอด
มงรยงพยายามจะเดินวนไปรอบๆ มือถือเพื่อหาตัวแบคฮยอน แถมยังเอาแต่ส่งเสียงครางหงิงสลับกับเห่าออกมาไม่หยุด
“มงรยง~ กินข้าวยาง”
[แม่เพิ่งคลุกตับให้มันกิน]
“แล้วไปเอาเสื้อใครมาใส่” เสื้อเด็กลายเจ้าหญิงที่ถูกผูกไว้ลวกๆ
บนตัวเจ้ามาอ้วนเตี้ยทำแบคฮยอนอดขำไม่ได้ ที่จริงมันก็เข้ากับแม่มงมรยงดี แต่มันควรจะเป็นลายที่โตกว่านี้เพราะแม่มงของเขาเริ่มจะแก่แล้ว
[เสื้อน้องแทจุน มันไปเล่นข้างบ้านแล้วเค้าใส่ให้มา]
“เดี๋ยวหนูซื้อตัวสวยๆ จากโซลไปให้
แถวที่ทำงานมีเต็มเลย”
[แม่กำลังถักให้มันอยู่
อันนี้ให้มันใส่ไปก่อน กลางคืนมันหนาวสั่นจนต้องเอาถุงน้ำร้อนให้มัน
นี่แม่ก็ต้มน้ำให้มันอยู่ กลางคืนมันก็มานอนซุกอยู่ด้วยกัน]
“เดี๋ยวซื้อเสื้อไปให้เยอะๆ เลย”
น้ำเสียงของแม่และเรื่องเล่าของมงรยงทำแบคฮยอนเกือบจะน้ำตาไหลออกมาด้วยความคิดถึงแต่ก็ต้องอดทนเอาไว้
เพราะว่าอีกแค่ไม่กี่วันเขาก็จะได้กลับไปบ้านแล้ว
[ทำอะไรกิน]
“ทำซุปกิน ตอนแรกหนูอยากทำซุปวัวอะ แต่ทำไม่เป็น
หาของไม่ได้ด้วยก็เลยไม่ทำ”
[ไว้กลับบ้านมาทำกินกัน]
เสียงสนทนายังคงดังต่อไปไปเรื่อยๆ
แบคฮยอนซดซุปฮวบๆ มันทำให้เขาหายหนาวแล้วก็อารมณ์ดีขึ้นเยอะ
หมึกทอดกรอบรสเค็มถูกวางลงบนข้าวที่พร่องไปเกือบหมดแล้ว ข้อความเตือนจากแชทของแฟนหนุ่มที่เด้งขึ้นมาทำให้คนตัวเล็กต้องวางถ้วยข้าวแล้วเอื้อมมือไปพิมพ์ตอบกลับ
Chanyeol park : ถึงยัง
Chanyeol park : ไม่รับโทรศัพท์อะ
Bhyun Baekhyun : คุยกับแม่อยู่
Bhyun Baekhyun : เด่วโทรกลับ
Chanyeol park : k
การสนทนาจบลงสั้นๆ อย่างรวดเร็ว
แบคฮยอนกดปิดแท็บแล้วเข้าไปพิมพ์ตอบข้อความของเพื่อนรักบ้าง วันนี้เขายังไม่ได้โทรหาอี้ชิงเรื่องที่จะเมาท์กันเลย
Byun baekhyun : เดี๋ยวกูโทรไป
Byun baekhyun : คุยกับแม่แปบ
.
.
.
[เดี๋ยวแม่ดูหนังก่อนน้า
ไว้ค่อยโทรมาใหม่]
“จ้า~ เดี๋ยวหนูโทรหานะ”
หลังจากที่ได้คุยโทรศัพทเก็บเกี่ยวกำลังใจจนพอแล้วแบคฮยอนก็ถึงเวลาต้องวางสายเมื่อแม่และมงรยงจะไปดูละครหลังข่าว เขากดวางสายวิดีโอแล้วย้ายหม้อใส่ซุปไปวางไว้บนพื้นข้างเตียงหลังจากที่จัดการมันจนเหลือค่อนหม้อ
ตอนนี้เป็นเวลาสองทุ่มเกือบจะครึ่งแล้ว แบคฮยอนยังไม่ได้โทรหาชานยอลแต่ก็ส่งข้อความไปหาอยู่เรื่อยๆ ดูเหมือนว่าแฟนเขาจะต้องนอนค้างที่ห้องพักผู้ป่วยอีกแล้ว และแบคฮยอนก็ได้แต่หวังว่าชานยอลจะไม่ทำอะไรกับเพื่อนสาวในห้องที่แม่เองตัวนอนพักอยู่
คนตัวเล็กหยิบหมอนมาวางรองใต้อกพลางหมอบตัวลงหน้าโน้ตบุ๊กในขณะที่สายวิดีคอลกำลังถูกต่อไปหาเพื่อนรัก
เพียงไม่นานอี้ชิงก็กดรับสาย เหมือนเขาแสตนบายรอสายเรียกเข้ามานานแล้ว
[ฮัลโหล~ ว่าไงคะ]
“อิดอก เพิ่งคุยกับแม่เสร็จ ไหนมีไรเมาท์ว่ามา”
[ก็ไม่มีไรหรอก เรื่องคลิปนั่นแหละ ก็ตามที่บอก แบบกูไปเจอคนที่บังเอิญรู้จักมันกับเพื่อนกลุ่มมันไง
กูก็ถามมาให้เผื่อเพื่อนอยากรู้]
“เออ แล้วมึงไปได้คลิปมาจากไหนวะ”
[จากเด็กกู เด็กที่กูคุยอยู่
มันเรียนโรงเรียนเดียวกับชานยอล รุ่นเดียวกันด้วย
คลิปบนเครื่องบินอะเพื่อนอีชานยอลเป็นคนถ่าย ละอัพแกล้งกันบนเฟสบุ้ก แล้วมีคนไปขอคลิปได้มา
ก็เลยมาถึงมืออีเด็กที่กูคุยด้วยอยู่เนี่ย มันบอกว่ามันไม่ได้ขอมานะ
เพื่อนมันส่งมาให้ดู แล้วมันก็บังเอิ๊ญ~ เก็บไว้]
“หรอ อีดอก ถ้ากูไม่เห็นกูก็คงไม่รู้อะว่ามันเอาเพื่อนมัน”
คนตัวเล็กถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เขาไม่ได้กำลังหึงหวงอะไรกับคลิปเหล่านั้นหรอก
มันก็แค่เรื่องในอดีต แต่ก็มีบางสิ่งบางอย่างที่ทำให้แบคฮยอนรู้สึกไม่สบายใจและไม่สามารถจัดการได้
[มึงก็เคยถามมันแล้วไม่ใช่อ่อวะ]
“ก็เคยถามแหละ แต่มันก็ตอบเท่าที่ถาม
ถามว่าเป็นอะไรกันมันก็บอกว่าเพื่อน รู้จักกันมานาน แบบครอบครัวสนิทกันเงี้ย
แต่ไม่ได้บอกว่าเอากัน”
[เพื่อนนี่เยกันด้วยหรอวะ]
“ก็คงเพื่อนในแบบของมันอะ แม่ง กูเฟลว่ะ
กูไม่รู้จะรู้สึกยังไง” ริมฝีปากบางงอคว่ำ แบคฮยอนรู้สึกเหมือนเขากำลังเดินวนอยู่ที่เดิมกับความรู้สึกเดิมๆ
แล้วพอคิดว่าจะต้องจะต้องเดินหน้าต่อเขาก็กลับไปเดินวนอีก
มันเป็นความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก
[แต่คลิปมันนานแล้วนะ ป่านนี้คงเลิกกันแล้วแหละมั้ง
กูตกใจตรงที่แม่งกล้าเอากันบนเครื่องบินนี่แหละ กูยอมเลย อีผู้หญิงนี่ไม่ดีจริงก็ทำไม่ได้นะ]
“มึงคิดเหมือนกูใช่ปะ กูไม่ได้คิดไปเองใช่ปะ”
[ก็อยากจะได้ซะขนาดนั้นอะ อีเหี้ย
เกินไปว่ะ เป็นกูนะกูด่าอะ]
“แต่กูทำไม่ได้ไงมึง กูจะเอาอะไรไปด่าเค้า
แค่นี้บ้านเค้าก็เกลียดกูพอละ กูไม่ชอบเลยว่ะ”
[แล้วมึงคุยกับผัวยังอะ]
“ยังเลย ไว้รอให้สถานการณ์มันดีกว่านี้ก่อน
ตอนนี้แม่มันก็ป่วยจะไปเอาไรกับมัน” แบคฮยอนถอนหายใจออกมาอีกครั้งอย่างหมดสิ้นหนทาง เขาไม่อยากทำให้ชานยอลรู้สึกแย่อีกตอนนี้ มันคงไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรสำหรับเขา
[แล้วมึงเป็นไงอะ กูเห็นมึงบ่นไรในเฟส]
“เออ ไม่ได้เป็นไรหรอก กูอยากพักฮีลตัวเองเฉยๆ กูเหนื่อยหลายเรื่องอะ กูก็ไม่รู้นะว่ากูเป็นไร กูไม่ได้อยู่บ้านด้วยมั้งมันเลยแบบ บอกไม่ถูกอะ” แบคฮยอนที่แสนโดดเดี่ยวมุ่ยหน้าพลางพ่นลมหายใจออกมาก่อนจะว่าต่อ “อยู่นี่กูอยู่คนเดียวอะ ทำไรกูก็กลัวนะ เมื่อก่อนเคยอยู่บ้าน เคยอยู่กับหมา แบบอยู่กับเพื่อน พอมาอยู่นี่กูอยู่คนเดียวแล้วกูก็ฟุ้งซ่านอะ”
เสียงเล็กๆ เริ่มสั่นไหว
แบคฮยอนไม่อยากพูดถึงมันนักแต่เขาก็อดไม่ได้
ทั้งความเหงาที่จับกินอยู่ใต้ก้นบึ้งของหัวใจ
ชานยอลอาจทำให้แบคฮยอนมีความสุขและอบอุ่นได้แต่มันก็ไม่เหมือนบ้านอยู่ดี
[ร้องไห้อีกละ]
“เปล่า แต่แบบ... มันเหงานะเว้ย
กูมีเพื่อนก็จริงแต่มันก็ไม่เหมือนบ้านอะ แล้วกูมีมันแค่คนเดียวอะ กูก็มีความสุขนะ ก็รู้ตัวแหละ บางทีกูนอนอยู่คนเดียวกูก็คิดว่าวันนี้กูมีความสุขมาก
วันนึงมันจะหายไปไหมวะ มันจะหายไปเมื่อไหร่ เหมือนมีความสุขรอวันทุกข์อะ” มือเล็กๆ
ยกชึ้นเช็ดหยดน้ำตาที่คลอหน่วยอยู่เต็มเบ้า แบคฮยอนไม่ได้ร้องไห้ฟูมฟายและเขาจะไม่ทำอย่างนั้นอีกแล้ว
มันเป็นเพียงแค่หยดน้ำตาที่จะช่วยทำให้ทุกอย่างดีขึ้น
“วันนี้มันให้กูไปหาที่โรงบาล กูก็ไป
แล้วมันก็เป็นอย่างที่กูบอกอะ กูก็คิดมากนะเว้ย บางทีอะ
ถ้าเป็นกูลองทำแบบนั้นกับไอ้ฮุนดิ อยากรู้มันจะทนได้ไหม
กูไม่ได้หึงนะเว้ยกูพูดจริงๆ แต่แบบ เวลากูทำอะไรที่มันไม่สบายใจ
มันไม่ชอบกูก็ไม่ทำ พยายามทำให้มันสบายใจ
แต่กูไม่รู้อะว่าถ้ากูไม่สบายใจบ้างมันจะคิดเหมือนกูไหม”
[มึงอยากร้องไห้มึงก็ร้องออกมา
กูรู้ว่ามันไม่ง่ายหรอก ยังไงกูก็เข้าข้างมึงอยู่ดี]
คำพูดของเพื่อนสนิทยิ่งทำให้หนูขี้แยอย่างแบคฮยอนรู้สึกอ่อนแอ
เขาคว้าเอาผ้าขนหนูมาเช็ดรอยน้ำตาลวกๆ ก่อนจะพูดต่อ
“กูก็รู้แหละว่ามันเคยเป็นไง เออ กูไม่สนใจหรอก
แต่แบบ...”
[มึงอยากพูดไรมึงก็พูดมาเลย
มึงไม่ต้องอ้อมค้อม]
“กูไม่รู้จะทำไงว่ะ อีเหี้ยเพื่อนมันอะ ทำไมกูเจอมันทีไรมันต้องพยายามทำเหมือนเป็นเจ้าของผัวกูด้วยวะ
มันชอบมาขิงใส่กูอะ ทำเหมือนเป็นเพื่อนสนิทนะ มาก่อนนะ
แล้วอีเหี้ยชานยอลก็ไม่ทำไรเลยอะ คนดีๆ เค้าทำกันปะวะ ถ้ากูมีเพื่อนกูรู้ว่าเพื่อนกูมีแฟนแล้วเงี้ยอะ
ถ้าเป็นมึงอะ มึงจะทำตัวแบบนี้ไหมอะ ทั้งที่มึงอยู่ต่อหน้าแฟนเค้าอะ”
[อีเหี้ย]
“มันหลายรอบละนะ กูพยายามไม่คิดมากนะเว้ย
กูคิดว่ากูคิดไปเอง แต่พอเห็นแบบนี้แล้วกูว่ามันไม่ใช่อะ
มึงมันเคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันมาก่อน คือถ้ากูไม่รู้กูก็ต้องคิดว่าเป็นเพราะตัวกูไม่มั่นใจไปตลอดเลยใช่ไหมวะ”
ยิ่งพูดก็ยิ่งรู้สึกหดหู่
แบคฮยอนนึกอยากจะขำออกมาที่ตลอดเวลาเขาเอาแต่โทษตัวเองที่ไม่มั่นใจมากพอทั้งๆ
ที่ความจริงแล้วมันไม่ใช่เลย ทำไมโคลอี้ต้องให้ของขวัญพิเศษกับชานยอล
ของขวัญที่ทำให้พวกเขานึกถึงเวลาที่ได้ใช้ชีวิตด้วยกันในต่างประเทศ
ทำไมต้องทำตัวติดกันตลอด และแบคฮยอนก็ไม่ได้คิดไปเอง
“กูรู้สึกเหมือนมันยอมให้เพื่อนมันมาเย้ยกูอะ
ยอมให้มันมาแสดงความเป็นเจ้าของทั้งๆ ที่มันเป็นของกูอะ แล้วมึงจะให้กูคิดยังไงวะ...
แบบไม่เห็นใจกูเลยใช่ปะ กูไม่หึงหรอกเพื่อนอะ
เมียเก่ามึงกี่คน มึงคุยผู้หญิงกี่คนกูเคยหึงเคยขอเช็คโทรศัพท์ปะ กูไม่เคยอะ แต่ทำไมต้องให้มันมาทำแบบนี้ด้วยวะ”
รู้สึกได้ถึงความชื้นจากหยดน้ำตาที่ไหลซึมออกมาอีกครั้ง คนตัวเล็กสูดน้ำมูกฟืดใหญ่ พยายามจะคุมเสียงตัวเองไม่ให้สั่น แบคฮยอนไม่อยากจะร้องไห้อีกแล้ว
เขาเหนื่อยใจมากกว่าจะเสียใจกับปัญหาเดิมๆ
มันเป็นความรู้สึกที่ทำให้อยากถอนหายใจออกมามากกว่าจะร้องไห้
[ก็มันเหี้ยไงมึง
ถ้าไม่เหี้ยจะกล้าเอากันบนเครื่องบินอ่อวะกูถาม]
“แล้วสายตาที่เพื่อนมันมองกูอะ มองกูแบบ
กูเป็นใครอะ มึงคิดดูดิ เค้ามากับแม่เค้า
กับเพื่อนเค้าแล้วมึงต้องทำเหมือนไม่รู้จักเค้า
แล้วเพื่อนมันก็ทำเหมือนกูเป็นคนนอกอีกคนอะ มันหลายครั้งแล้วนะเว้ย ที่สัมมนาตัวติดกันทั้งงานกูเคยพูดปะ
ขนาดพี่โจควอนยังบอกเลย ทำไมทำแบบนี้อะ
แบบมึงให้เกรียติเพื่อนมึงแต่มึงไม่นึกถึงกูเลยหรอวะ มึงคบมันมานานใช่ปะ
มันเป็นเพื่อนมึง มันสำคัญกว่า มึงก็ไม่ต้องเห็นกูสำคัญก็ได้หรอ
กูเชื่อนะว่ามันรักกู แต่แบบ...”
“ให้กูไปหาที่โรงบาล
รู้ว่าที่บ้านรู้ว่ากูเป็นพนักงานบริษัท รู้ว่ากูไม่กล้าไปแต่ก็ชวนคนอื่นไปด้วยอะ
จะเอากูไปอยู่ตรงนั้นทำไมวะ จะทำให้กูอึดอัดทำไม มึงอยู่กับเค้าก็อยู่ไปดิ แล้วมึงค่อยมาหากูก็ได้กูก็ไม่ว่าหรอก”
[เรื่องเดิมๆ ว่ะ]
“กูรู้นะว่ากูนอยด์แล้วกูก็พาล แต่แบบกูทำทุกอย่างเพื่อให้มันสบายใจ
แต่พอเป็นเรื่องของกูบ้างกูก็ไม่กล้าพูดอะไร แม่ง กูเบื่อว่ะ มึงก็รู้ปะ ทำไมกูไม่กล้าพูด
เพราะกูไม่มั่นใจไงว่าถ้าพูดไปแล้วมันจะเลือกกู
แบบกูมาทีหลังแต่ชีวิตมันเป็นแบบนั้นมันอยู่แบบนั้นมาตลอดอะ”
“กูรักมันนะ กูก็รู้ว่ามันรักกู แต่กูไม่รู้จะพูดยังไงว่ะ...”
พอได้ระบายทีแบคฮยอนก็เอาแต่พูดๆๆๆ ออกมาจนหมด
นี่เป็นช่วงเวลาเดียวที่เขาจะสามารถระบายความรู้สึกออกมาได้ แบคฮยอนมีเพื่อนที่ดี
มีครอบครัวที่น่ารัก
เขาไม่กลัวอะไรทั้งนั้นถ้ายังมีพวกเขาเหล่านี้คอยสนับสนุนอยู่ข้างหลังเสมอ
ไม่ว่าจะกำลังเผชิญกับความรู้สึกแบบไหน
[เฮ้อ...]
“แล้วมันบอกกูว่าโคลอี้เป็นเพื่อนมัน
แต่แม่งเอากันอะ อย่างงี้มันก็คือแฟนเก่าแล้วปะวะ มึงเคยชอบเค้า เคยพิเศษกับเค้า
มึงบอกกูดิอีอี้ว่ากูคิดมากอะ ไม่เข้าใจเลยอะ
ทำไมต้องมีมันอยู่ด้วยตอนที่อยู่กับกูอะ ทำไมต้องยอมให้มันทำแบบนี้กับกูวะ”
“กูเสียใจนะเว้ย แฟนเก่ามาแสดงความเป็นเจ้าของ
มาแสดงความเป็นคนรู้ใจแล้วแฟนเราก็ปล่อยให้เค้าทำอะ เออ รู้ว่าเพื่อนสนิท แต่ใจกูไม่สำคัญเลยใช่ปะวะ”
เอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงกึ่งจะใส่อารมณ์ก่อนที่จะถอนลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่ด้วยความเหนื่อยใจ
แบคฮยอนพยายามจะไม่จมดิ่งไปกับความเศร้าของตัวเอง เขารู้ว่ามันเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ไม่รู้เลยว่าทำไมถึงทำให้รู้สึกหมดกำลังใจขนาดนี้
“เหมือนกูผิดที่คิดมากเพราะเค้ามาก่อนอะ
เค้าอยู่ตรงนั้นมาตั้งนานแล้ว กูมาทีหลังแล้วกูก็คิดไปเอง มันแบบ อีเหี้ย...”
[ตบเลยปะล่ะอีสัส จะได้จบ
ให้แม่งจบๆ ไป ผัวคนเดียวหาใหม่ก็ได้]
“กูรักมันอะ แม่งพูดแล้วก็เฟลว่ะ กับแม่มันอะ
กูก็คิดว่ามันดีขึ้นแล้วนะเว้ย ไอ้ฮุนมันก็บอกว่าเดี๋ยวนี้เค้าไม่ได้พูดอะไรถึงกูแล้ว
แต่อีนี่คือแบบ ไม่จบอะ ตั้งแต่วันแรกกูรู้สึกกับมันยังไง
กูก็ยังรู้สึกอย่างงั้นอะ”
[แล้วมึงจะทำไงอะ ถ้ามันเป็นอย่างงี้อะ]
“ก็คงต้องรอคุยกับมันตรงๆ แหละ แต่มันจะรับรู้หรือไม่รับรู้ก็ช่างมันเหอะ กูไม่ได้อยากเก็บเรื่องเก่าๆ มาคิดนะ เรื่องคลิปเรื่องไรเงี้ย มันผ่านไปแล้วก็ผ่านไป แต่เรื่องวันนี้แบบ... นะ ตอนวันเกิดมันบอกว่าอยากฉลองคริสต์มาสด้วยกันกูก็วางแผน
กูก็ขอเค้าทำงานแลกวันหยุด แล้วก็มาบอกกูว่าต้องไปต่างประเทศ กูก็เข้าใจ”
“แม่มันโดนรถชน กูก็ไปนั่งเป็นเพื่อนทั้งคืน
มันแบบ... กูไม่ได้จะทวงบุญคุณอะไรนะ แต่ตอนลำบากกูอยู่กับมัน แล้วพอทุกอย่างดีขึ้นมันกลับไปอยู่กับอีกคน
แล้วมันก็แบบ... เหมือนมันไม่สนใจกูอะ รู้ว่ากูไม่ชอบเค้า ก็ชวนเค้ามาอะ”
คนตัวเล็กหยุดพูดเมื่อรู้สึกเหมือนน้ำตาจะไหลอออกมาซ้ำ แบคฮยอนกลืนก้อนน้ำตาลงคอ สูดลมหายใจเข้าลึกเต็มปอดก่อนจะพูดต่อ
“กูเข้าใจนะว่ามันบินมาไกล
แต่ถ้าเป็นงั้นก็ไม่ต้องชวนกูก็ได้ปะวะ แบบกูนึกไม่ออกเลยอะว่ากูจะรู้สึกยังไงถ้ากูเข้าไปนั่งอยู่ในห้องอะ
พ่อเค้า แม่เค้า เพื่อนเค้า แล้วห้องแบบ อิเหี้ย กูนึกว่าโรงแรม
เป็นห้องพักที่มีห้องรับแขกในห้องอะ กูคงเป็นธาตุเป็นอากาศอะ”
[ฟังแล้วกูโมโหว่ะ
ทำไมมันไม่เคยเรียนรู้เหี้ยไรเลยวะ ผัวมึงดูแล้วก็เป็นคนไม่เอาใครนะ คงยากแหละว่ะ
ถ้าไม่ให้มันเลือกมันก็คงทำเบลอๆ แบบนี้ไปจนมึงเลิกกันอะ มันเหมือนเด็กยังไม่โตอะ มึงก็ต้องบังคับมันหน่อยแหละ ไม่งั้นมันก็ผิดลู่ผิดทางแบบนี้ไปตลอดอะ]
“แล้วปีนี้เพื่อนมันเรียนปีสุดท้ายแล้ว ปีหน้าจะกลับมาอยู่เกาหลี คือขนาดมึงอยู่ต่างประเทศมึงยังมาหาผัวกูบ่อยขนาดนี้ ถ้าอยู่เกาหลีด้วยกันไม่อยู่กับผัวกูมากกว่ากูเลยอ่อวะ
คงแบบอยู่ด้วยกันจันทร์ถึงศุกร์ แล้วเสาร์ –
อาทิตย์ก็เป็นเวลาของเมียน้อยอย่างกูงี้อะ”
[โอ้ยย อีเหี้ย เกลียดว่ะ
กูโคตรเกลียดผู้หญิงบบนี้อะ มันคงคิดว่ามันจองไว้นานแล้วอะดิ แบบยังไงก็ต้องได้อะ
คิดว่ายังไงตัวเองก็เหนือกว่างี้อะ]
“เออ สายตามันที่มองกู การกระทำแม่งแบบนี้เลย”
[งั้นมึงก็รอให้มันดีๆ ก่อน
ค่อยพูดกับมัน ไม่รู้เรื่องก็ตบอิสัส]
“ก็คงอย่างงั้นแหละ กูโกรธมันไม่นานหรอก กูได้ระบายเดี๋ยวกูก็หายละเนี่ย” แบคฮยอนสูดน้ำมูกอีกครั้ง เขาทำหน้าบึ้งใส่กล้องก่อนจะเลื่อนมาส์ไปยังแท็บ youtube เพื่อเปิดเพลงเศร้าให้เข้ากับอารมณ์
แบคฮยอนรู้ตัวว่าเขาโกรธชานยอลได้ไม่เคยนาน ถึงจะงอนแค่ไหนพอกลับไปคุยกันทีไรก็ใจอ่อนทุกที
[แต่มันก็ไม่ได้แก้ปัญหาปะวะ
ถึงมึงบอกมึงแค่นอยด์เดี๋ยวก็หาย แต่ถ้าเป็นแบบนี้บ่อยๆ ปัญหามันยิ่งทับถมนะเว้ย]
“ก็เดี๋ยวค่อยพูดกับมันแหละ กูไม่อยากคิดเองเออเอง เดี๋ยวก็มาหาว่ากูคิดมาก คิดไปเองอีก”
[แล้วเป็นเหี้ยไรเปิดเพลงเศร้าบิ้วตัวเอง]
“ก็กูเศร้าอ้ะ” คนตัวเล็กทำหน้านิ่ว ก็ตอนนี้แบคฮยอนเศร้าเขาเลยอยากฟังเพลงเศร้าๆ ให้มันสะเทือนใจเล่น เดี๋ยวคืนดีกับชานยอลแล้วจะไม่ได้เศร้าอีก แน่นอนแบคฮยอนยังคาดหวังว่าเขาจะได้ปรับความเข้าใจกับคนรักเร็วๆ นี้ก่อนที่จะคิดทุกอย่างไปเองจนกลัวไปหมด
เสียงเพลงเพลงยังคงไปเรื่อยๆ คนตัวเล็กส่ายหัวไปมา
ขยับปากร้องเพลงอย่างกินอารมณ์ คนเศร้ากับเพลงเศร้าที่เป็นของคู่กัน
ในคืนวันอันหนาวเหน็บ แบคฮยอนคว้าเอาโทรศัพท์มากดเช็คโซเชี่ยลต่างๆ เขาเข้าไปในแอพ
Instagram เพื่อดูว่าแฟนหนุ่มอัพอะไรบ้าง แต่ก็ไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ
คนตัวเล็กชั่งใจอยู่นานว่าจะกดเข้าไปดูไอจีของผู้หญิงคนั้นดีไหม
สุดท้ายเขาก็อดใจเข้าไปสอดรู้ไม่ได้ อินสตาแกรมของโคลอี้ลี เธอไม่ได้อัพเดทอะไรแต่มีอัพ IG story ใหม่โผล่ขึ้นมา
แบคฮยอนได้แต่ภาวนากับตัวเองว่าขอให้มันไม่ใช่เรื่องเกี่ยวกับชานยอล
เขาหรี่ตากลั้นใจแล้วกดเข้าไปดูอย่างไว แต่แล้วคำภาวนะก็ถูกทำลาย
คนตัวเล็กได้แต่เบ้หน้าใส่จอมือถืออย่างนึกเซ็ง
โคลอี้อัพรูปชานยอลที่กำลังนอนหลับอยู่บนโซฟาพร้อมกับแคปชั่น Sleepy bear และอีโมติค่อนหมีน่ารัก
ถ้าหากว่าใครไม่รู้ก็คงจะเข้าใจผิดคิดว่าเป็นแฟนกัน
“อีอี้ มึงดู มึงดูความร่านของมัน” แบคฮยอนหันหน้าจอมือถือโชว์ใส่กล้องให้เพื่อนซี้ดู ตอนนี้ใจเขาเดือดดาลด้วยความโกรธมากกว่าจะรู้สึกน้อยใจเมื่อรู้ว่านี่คือสิ่งที่หญิงสาวพยายามทำในขณะที่แฟนตัวจริงต้องนอนร้องไห้
[กะหรี่ อีสัส แม่งหน้าด้านว่ะ
เหมือนพยายามจะอวดเลย ดูต้องการให้คนเข้าใจผิดอะ]
“มึงคิดเหมือนกูใช่แมะ?”
[มึงไม่คิดอะ แม่งเรื่องจริงเลย]
“แล้วแบบนี้มันจะให้กูคิดยังไงวะ
ตั้งแต่กูคบกับมันมานะกูไม่เคยอัพรูปมันลงเฟสสักอัน
กูรู้ว่าพ่อแม่เค้ามีหน้ามีตากูก็ไม่อยากอะไรมาก แล้วมึงดูมันทำดิ กูเป็นแฟนกูต้องวางตัวหลบๆ
ซ่อนๆ แล้วมึงดูเพื่อนสนิทมัน เหมือนกูไว้หน้ามันแต่แม่งไม่เคยไว้หน้ากูเลยอะ
เหมือนถูกเยาะเย้ยปะ?”
นึกแล้วก็โมโหขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
แบคฮยอนเชื่อเลยว่าถ้าเขาถามชานยอลว่าทำไมโคลอี้ต้องอัพรูปนี้
ชานยอลคงบอกว่าไม่มีอะไร โคลอี้ก็แค่ทำเหมือนอย่างทุกที ใช่ ก็มันไม่มีอะไร
แบคฮยอนนั่นแหละที่คิดมากไปเอง
[ทักไปด่าเลยปะล่ะ สัส ไม่จบก็ตบ
เรียนสูงซะเปล่า ผู้ดีซะเปล่า มารยาทแค่เนี้ยไม่รู้จัก สวยแต่เสือกไร้สมอง ต้องตบให้คิดได้]
“คิดไม่ได้หรือคิดได้แต่ไม่อยากทำวะ? แม่ง โมโหว่ะ”
[ด่าแม่งออกเฟส
เอาให้สะเทือนทั้งผัวทั้งเมีย]
“เดี๋ยว ผัวนี่ผัวกูปะ ไม่ใช่ผัวมัน”
แบคฮยอนมุ่ยหน้าด้วยความไม่พอใจก่อนจะกดเข้าไปที่แอพฯ เฟสบุ้กของเขา เล้วเข้าไปในสเตตัสเพื่อพิมพ์ข้อความจิกกัดเล็กๆ ให้พอแสบคัน
Byun baekhyun
ไม่ห่างเขา ห่างกะเราก็ได้นะ
Byun baekhyun
สำคัญระดับไหนบอก
จะได้เว้นระยะถูก
[กูบอกให้นะ
อีพวกเหี้ยเนี่ยกูเจอบ่อย แม่งจองมาแต่แรกแล้วดิ มันคือคนพิเศษอะมึง ซึ่งมันก็แล้วแต่ว่าผัวมึงจัดลำดับคนพิเศษกับแฟนไว้ยังไง
เนี่ยกูไม่ได้พูดให้คิดมากนะ อิเด็กกูยังบอกเลยว่าใครก็คิดว่าเค้าคบกัน]
“มึงรู้ปะ อีฮุนอะ
ขนาดมันบอกว่ามันชอบกูมันยังไม่ยุ่มยามเลยนะเว้ย แบบไม่เคยเลยอะ
ตั้งแต่กูบอกมันว่าแฟนกูไม่ชอบมันก็ไม่อะไรเลยนะ แต่ก็ยังเป็นเพื่อนกันปกติอะ
นี่คือสิ่งคนมีสติเค้าทำกันปะวะ”
ยังไม่ทันจะได้เลื่อนไทม์ไลน์ไปไหนสายเรียกเข้าที่ดังขึ้นกับรายชื่อปลายสายก็ทำแบคฮยอนถึงกับต้องหัวเราะหึ
เขาโชว์มันให้กับเพื่อนซี้ดูก่อนจะบอกให้อีกฝ่ายเงียบแล้วกดรับสาย
“มันโทรมาละ มึงเงียบนะ”
[แหม ทีนี้ล่ะไวเชียวนะ]
“ฮัลโหล” แบคฮยอนกดปิดเพลงในโน้ตบุ๊ก
เขาพลิกตัวนอนหงายก่อนจะหยัดตัวขึ้นนั่ง
[ทำไร นอนยัง]
“ยังอะ ยังคุยกับเพื่อนอยู่เลย”
[คุยกับใคร ยังคุยไม่เสร็จอีกอ่อ]
“คุยกับอีอี้ แล้วนี่อยู่ไหนอะ อยู่โรงบาลปะ”
[อือ เมื่อกี้เผลอหลับ
คุยกับเพื่อนเสร็จยังอะ]
“เสร็จแล้วๆ แม่ดีขึ้นมั่งยังอะ”
[อือ รู้ตัวแล้ว แต่หมอให้ยาก็เลยหลับๆ
ตื่นๆ]
“เออ ดีละ ละนี่อยู่กับใครอะ” แบคฮยอนหันไปมองกล้องพร้อมกับยกยิ้มให้เพื่อนซี้ เขาอยากรู้ว่าชานยอลจะตอบยังไงถ้าถูกถามแบบนี้ เขาจะโกหกไหม หรือแค่ยอมรับแต่ก็ไม่อธิบายอะไรเหมือนอย่างทุกที
[อยู่กับเพื่อน ทำไรอยู่อะ]
การเปลี่ยนคำถามที่แสนชานฉลาดของแฟนหนุ่มทำคนตัวเล็กถึงกับต้องหัวเราะออกมา
ในใจเขารู้สึกเจ็บอยู่ลึกๆ แต่ก็ไม่รู้จะพูดมันออกไปยังไง แบคฮยอนจะเอาเรื่องในหัวเขาไปเป็นปัญหาของชานยอลได้ยังไง
ในเมื่อจริงๆ แล้วมันเป็นปัญหาของเขาเอง
“อ๋อ เพื่อนค้างปะ หรือมาแล้วก็กลับ”
[ก็นอนนี่แหละ มันมีที่ให้นอน]
“อือ”
[เป็นอะไรปะ]
“เป็นไรอะ”
[เห็นโพสต์อะไรในเฟส]
“ก็บ่นไปงั้นแหละ เบื่อๆ ฟังเพลงแล้วก็เหงา”
[แน่ใจว่าไม่ได้โกรธผมอะ]
“จะโกรธเรื่องไรอะ” ถึงจะบอกว่าไม่โกรธแต่แบคฮยอนก็รู้ดีว่าชานยอลต้องรู้ตัวอยู่แล้ว
มันอยู่ที่ว่าเขาจะพูดมันออกมาไหมก็แค่นั้นเพราะมันเป็นเรื่องเดิมๆ
ที่เคยมีปัญหากันไปแล้ว ตั้งแต่ก่อนคบกันแบคฮยอนก็ถูกโคลอี้ห้ำหั่นจนเสียหลัก
ถ้าชานยอลยังไม่รู้ตัวอีกเขาก็ไม่รู้จะพูดยังไงแล้ว
[พูดงี้แสดงว่ามีเรื่องโกรธแน่เลย
ให้เดา เรื่องเพื่อนปะ]
“ทำไมถึงคิดว่าเป็นเรื่องเพื่อนอะ”
[ก็มันไม่มีเรื่องอื่นแล้วอะ]
“อือ... ก็นะ ไม่ได้โกรธหรอก”
แบคฮยอนอยากจะพูดออกไปว่า รู้ตัวด้วยหรอ แต่ก็ทำไม่ได้
เขาได้แต่ถอนหายใจออกมาก่อนจะกลิ้งตัวไปนอนบนหมอนอีกครั้ง
ชานยอลยังคงเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบฟังดูเหมือนไม่ได้รู้สึกทุกข์ร้อนเหมือนอย่างทุกที แบคฮยอนล่ะอยากรู้จริงๆ ว่าข้างในเขากำลังรู้สึกแบบนั้นไหม หรือแค่พยายามทำเหมือนควบคุมสถานการณ์อยู่
[งั้นเรื่องไร]
“มันไม่มีไรหรอก เหนื่อยหลายอย่าง... แล้วก็คิดมากอะ”
[หึงอ่อ]
“หึงได้ด้วยอ่อ?”
[งั้นหึงแน่เลย หึ... เค้ามาเยี่ยมแม่เฉยๆ เดี๋ยวก็กลับแล้ว]
“อือ ก็รู้แหละ...”
[รู้ได้ไงอะว่าผมอยู่กับเพื่อน]
“จะไม่รู้ได้ไงอะ ก็เพื่อนมึงประกาศซะขนาดนั้นอะ”
[ประกาศไร]
“หึ... ในไอจีอะไม่เห็นอ่อ ไม่บอกนี่กูนึกว่าอวดผัวนะ”
[เค้าก็อัพไปงั้นอะ]
“มึงดูไม่ออกจริงดิ”
[ดูไรอะ คิดมากอะ]
และแล้วคำพูดที่ไม่อยากได้ยินที่สุดก็ถูกเอ่ยออกมา รู้สึกราวกับมีมือที่มองไม่เห็นกำลังบีบหัวใจจนปวดหน่วง แบคฮยอนได้แต่ถอนลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่กับความรู้สึกที่แสนหนักหนา เขาได้แต่หลุบตาลงมองฝ่ามือแห่งความน่าอดสูของตัวเอง
“อือ... กูไม่อยากพูดเพราะกูไม่อยากได้ยินคำนี้ไง
เหมือนกูผิดอะ ไม่น่าพูดเลยว่ะ มึงปล่อยให้กูฮีลตัวเองไปก็ดีละ”
[ไม่ ผมไม่ได้หมายความว่างั้น จะให้ผมบอกให้เค้าลบปะล่ะ
จะได้สบายใจ]
“ไม่ต้องหรอก มันไม่เกี่ยวไรกับเค้านี่”
[เดี๋ยวเค้าก็กลับแล้ว จะมาเยี่ยมไหม]
“คงไม่ไปหรอก ไม่รู้จะไปทำไรว่ะ
ถ้าแม่มึงดีขึ้นก็ดีแล้ว จะได้ตื่นมาโขกสับกูต่อ” เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้เห็นความสำคัญในเรื่องนี้และพยายามจะเปลี่ยนเรื่องแบคฮยอนก็ไม่อยากพูดอะไรต่อ
เขาเหลือบตาไปมองหน้าจอโน้ตบุ๊กและเห็นว่าอี้ชิงวางสายไปแล้ว ตรงมุมขวาด้านบนจอมีการแจ้งเตือนเล็กๆ
แสดงอยู่
คนตัวเล็กหยิบหูฟังมาเสียบต่อมือถือแล้วเข้าไปเช็คข้อความในเฟสบุ้กขณะที่ยังต่อสายคุยกับแฟนหนุ่มไปด้วย
오 세훈 แสดงความคิดเห็นบนโพสต์ของคุณ
Byun baekhyun : สำคัญระดับไหนบอก จะได้เว้นระยะถูก
오 세훈 : สำคัญระดับไหนจะได้เป็นแฟนอะ
ข้อความสุดอ้อร้อจากรุ่นน้องทำแบคฮยอนอดหัวเราะออกมาไม่ได้
เขารีบรัวนิ้วลงบนแป้นพิมพ์เพื่อส่งข้อความตอบกลับไปทันที
Byun baekhun : เด๋วมึงหมี่เหลืองฮุน
[เดี๋ยวพรุ่งนี้ไปรับที่ทำงาน
ไปหาไรกินกัน]
“แล้วไม่เฝ้าแม่อ่อ”
[แม่มีพยาบาลเฝ้าแล้ว]
“อือ มาดิ แต่สักสองทุ่มได้ปะ ต้องไปเลือกของขวัญจับปีใหม่ก่อนอะ”
[ได้ เลิกตอนไหนก็โทรบอก]
“อือ งั้นเดี๋ยวเจอกัน”
[แล้วตกลงหายโกรธยัง]
“ก็บอกละว่าไม่ได้โกรธ เดี๋ยวค่อยคุยกันพรุ่งนี้ก็ได้” คนตัวเล็กเผลอถอนหายใจออกมาเสียงดังจนอดคิดไม่ได้ว่าคนในสายอาจจะได้ยิน
แบคฮยอนไม่อยากพูดอะไรตอนนี้เพราะเขากำลังจะโกรธ
โกรธไปหมดทุกอย่างจนอยากจะพูดอะไรแรงๆ ออกไป
แต่ถ้าทำอย่างนั้นสุดท้ายแล้วคนที่จะมานั่งเสียใจกับคำพูดนั้นก็คงมีแต่แบคฮยอนเอง
เกลียดที่สุดเวลาที่คุยกันตอนอารมณ์ไม่ดีแล้วต่างฝ่ายก็ต่างสาดคำพูดแย่ๆ
ทำร้ายจิตใจกัน ไม่ว่าจะเป็นตัวเขาหรือใคร
สุดท้ายก็มีแต่แบคฮยอนที่มักจะถูกทำร้ายอยู่คนเดียวเสมอเพราะใจไม่แข็งพอที่จะทำร้ายจิตใจคนอื่น
[คุยตอนนี้ก็ได้]
“จะคุยอะไรอะ บอกละว่าเดี๋ยวก็หายโกรธ”
[ไม่คุยเดี๋ยวก็เก็บไปคิดมากอีก]
“แล้วมึงจะให้กูทำไงอะ หยุดคิดอ่อ
กูทำได้กูไม่นั่งคิดมาถึงตอนนี้หรอก...”
[ผมขอโทษ เดี๋ยวผมบอกเค้าให้ลบ
โอเคปะ]
“มันไม่เกี่ยวเรื่องลบไม่ลบหรอกรูปอะ ถามจริง ทำไมเค้าต้องทำเหมือนเป็นแฟนมึงด้วยวะ”
[ก็เป็นเพื่อนกันอะ เค้าไม่รู้ตัวหรอก
แต่ถ้าไม่สบายใจเดี๋ยวผมบอกให้]
คำพูดที่ฟังดูเหมือนจะปกป้องเพื่อนสนิททำแบคฮยอนเริ่มหวั่นอีกครั้ง คิ้วเรียวขมวดย่นเข้าหากัน ริมฝีปากบางงอคว่ำด้วยความน้อยใจ ทำไมชานยอลถึงไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังพูดให้คนรักเสียกำลังใจอยู่ มันทำให้แบคฮยอนอดเสียความรู้สึกไม่ได้
“ถามจริงๆ นะเว้ย ถามตรงๆ เลย
ไม่ต้องอ้อมค้อม มึงกับเค้านี่เคยเป็นอะไรเกินเพื่อนกันใช่ไหม อาจจะไม่ใช่แฟนก็ได้
แต่ไม่ใช่แค่เพื่อนอะ อย่าโกหกกูนะ ถ้าโกหกกูวางเลยนะ”
[ทำไมคิด...]
"แค่ตอบว่าใช่ไม่ใช่"
[...…..]
คนปลายสายไม่ได้ตอบอะไร
และความเงียบก็เป็นสิ่งที่ยืนยันคำตอบได้เป็นอย่างดี คนตัวเล็กได้แต่ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
สุดท้ายชานยอลก็แค่พยายามปกป้องป้องตัวเขาเอง
เขาอาจจะอ้างก็ได้ว่าที่ไม่บอกเพราะไม่อยากให้กังวล
แต่แบบนี้มันไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลย
“ใช่ปะ เค้าเคยเป็นคนพิเศษมึง”
[ทำไมคิดงั้นอะ]
“มึงจะทำเหมือนกูโง่ไปอีกนานแค่ไหนวะ
มึงคิดว่าถ้าไม่บอกอะไรกูก็จะไม่รู้เลยใช่ปะ
มึงคิดว่ามึงเข้าถึงกูได้คนเดียวอ่อวะ”
[ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างงั้น
เค้าป็นเพื่อนผม มันไม่มีอะไร แต่ผมบอกแล้วว่าถ้าพี่ไม่ชอบให้เค้าทำแบบนี้ผมจะบอกเค้า]
“ทำไมมึงต้องบอกเค้าวะ
เค้าไม่รู้อ่อว่ามันไม่ควรทำอะ ทั้งมึงทั้งเค้าด้วย
มึงอาจจะอ้างว่ามึงไม่คิดอะไรก็ได้ แต่ไม่รู้ดิ
บางทีกูก็รู้สึกเหมือนมึงยอมให้เค้าทำอะ กูอาจจะคิดมากไปเองก็ได้นะ
แต่ถ้ากูมีเพื่อนแล้วเพื่อนกูมีแฟนกูไม่ทำแบบนี้หรอกว่ะ ไปไหนมาไหนตัวติดกัน
จับมือ ทำให้คนอื่นคิดว่าอยู่ด้วยกัน ถ้าเป็นกูนะกูไม่ทำหรอก”
[ผมขอโทษ...
ผมไม่รู้ว่าทำให้พี่รู้สึกแบบนี้... ขอโทษครับ...]
“อือ ก็รู้สึกแหละ รู้สึกมานานแล้วด้วย ไม่รู้นะว่ามีเหตุผลอะไร
แต่กูไม่สบายใจหรอก”
[ออกมาเจอกันไหม]
“ไม่ออกไปแล่ว หนาว เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยเจอกัน”
[ผมไม่รู้ว่าทำให้คิดมากอะ แต่ผมจะบอกเค้านะ]
“ถามจริงๆ นะ มึงยังชอบโคลอี้อยู่ปะวะ”
[ผมไม่เคยชอบเค้า]
คำตอบของแฟนหนุ่มยิ่งตอกย้ำให้แบคฮยอนเข้าใจถึงบางสิ่ง เขาเชื่อในสิ่งที่ชานยอลพูดจริงๆ แล้วก็ไว้ใจด้วย แต่แบคฮยอนไม่ชอบโคลอี้เลย เธอทำเหมือนรอกลับไปยืนตำแหน่งเดิมตลอดเวลา และชานยอลก็ยอมให้เธอยืนอยู่ตรงนั้น ไม่ว่ามันจะด้วยเหตุผลอะไร
“แต่ดูท่าทางเค้าชอบมึงนะ”
[แล้วผมต้องทำไงอะ เค้ามาแค่วันนี้
เดี๋ยวก็กลับไปเรียนต่อแล้ว ตอนเค้าถ่ายรูปผมไม่รู้ด้วยซ้ำ]
“มันไม่ใช่เรื่องรูปมึง มันหลายเรื่อง หลายทีแล้ว”
[ผมก็ทำแล้ว
ผมพยายามห่างเค้าแล้วแต่จะให้ผมทำไงอะ ผมไม่ดูแลเค้าก็ไม่ได้อะ มันก็แค่นานๆ ที]
“............”
แบคฮยอนถึงกับพูดไม่ออก
เขาพอจะเข้าใจความอึดอัดใจของแฟนหนุ่มในฐานะคนกลางแต่ก็ยังน้อยใจอยู่ดี
ชานยอลต้องดูแลโคลอี้เพราะว่าเขายังมีใจกับเธอ หรือทำเพราะอะไรก็ไม่มีใครทราบ แต่แบคฮยอนคนนี้ล่ะสำคัญหรือเปล่า ไม่รู้ว่าชานยอลกำลังคิดอะไรแต่มันทำให้แบคฮยอนอึดอัดใจได้ไม่แพ้กัน
[ทำไมเงียบอะ]
“ถามจริง
ระหว่างเค้ากับกูมึงแคร์ใครมากกว่ากันวะ”
[ก็ต้องเป็นพี่ดิ]
“มึงไม่ได้มีสายสัมพันธ์อะไรกับเค้าใช่ปะ
มึงห้ามโกหกกูนะ”
[ไม่มีครับ]
“กูจะแน่ใจได้ไงอะว่ามึงไม่ได้โกหกกูอะ”
[นี่โกรธผมแค่เรื่องภาพใช่ปะ
ไม่ได้มีเรื่องอื่นใช่ไหม?]
“อือ มันก็หลายเรื่องแหละ กูบอกละกูเหนื่อยแล้วกูก็นอยด์ แต่เอาไว้คุยกันพรุ่งนี้ก็ได้ กูไม่ได้โกรธไรแล่ว”
[พูดอย่างงี้ผมไม่สบายใจนะ
เหมือนผมไปทำไรผิดไว้เลยอะ]
“หึ ความผิดมึงเยอะขนาดนึกไม่ออกเลยอ่อ” คนตัวเล็กว่าแล้วก็ส่งเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะคลานไปปิดโน้ตบุ๊กเมื่อเริ่มรู้สึกง่วง
อย่างน้อยตอนนี้แค่ชานยอลยอมพูดคำว่าขอโทษก็ดีแล้ว เขาขอโทษออกมาโดยที่ไม่เถียงอะไรสักคำ และนั่นก็ทำให้แบคฮยอนใจเย็นลงมาก ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงต้องใช้เวลาเป็นวันกว่าชานยอลจะยอมรับความผิดตัวเองแล้วพูดว่าขอโทษ อย่างน้อยมันก็แสดงให้เห็นว่าเขาแคร์จริงๆ และยอมอ่อนให้แทนที่จะเถียงกันเรื่องที่ว่าใครงี่เง่า และอันที่จริงมันก็เริ่มทำให้แบคฮยอนใจอ่อนแล้ว ถ้าไม่นับว่ามีเรื่องนั้นอยู่ในใจ
[แสดงว่ามีอย่างอื่นอีกใช่ไหม]
“มีไรจะสารภาพปะอะ”
[ไม่มีอะ ช่วงนี้ผมไม่ได้ทำไรเลยนะ]
“เออ ไว้คุยกันพรุ่งนี้”
ผ้าห่มผืนหนาถูกถลกขึ้นคลุมถึงคอ แบคฮยอนพลิกตัวนอนตะแคงกอดหมอนเน่าของเขาเอาไว้พลางซุกหน้าลงคลอเคลีย
เสียงของแฟนหนุ่มยังคงดังอยู่ในหู ชานยอลเริ่มเดาไปต่างๆ นาๆ ด้วยความกระวนกระวายและมันก็ทำให้คนตัวเล็กนึกขำ
เด็กชายผู้แตกสลายที่คว้าทุกอย่างเอาไว้เป็นกำลังใจเป็นหลักสำคัญให้ตัวเอง
แต่กลับไม่เคยรู้วิธีที่จะให้ความสำคัญกับใคร เขาเติบโตมาด้วยทรัพย์สินและความว่างเปล่าในจิตใจ
และคิดว่าเงินทองที่สร้างความสะดวกสบายจะสามารถซื้อทุกอย่างได้
มันเป็นเรื่องที่น่าเศร้าเมื่อไม่มีใครถูกหรือผิดเลย
ชานยอลก็แค่เป็นตัวเขา และแบคฮยอนก็แค่เป็นตัวเอง
แบคฮยอนที่ไม่ชอบให้คนอื่นต้องมาเซื่องซึมไปด้วยเพราะปัญหาของตัวเอง แล้วก็ไม่ชอบสถานการณ์ที่น่าอึดอัดใจเอามากๆ
แบคฮยอนที่มีพลังวิเศษสามารถเยียวยาหัวใจของใครๆ
ให้สดใสได้ ทำไมคนถึงชอบคิดว่าเขาจะไม่เป็นไร การที่แบคฮยอนสมารถเยียวยาตัวเองได้และไม่จมอยู่กับความทุกข์นานๆ
มันไม่ได้แปลว่าใครจะทำให้เขารู้สึกแย่สักกี่ครั้งก็ได้ แบคฮยอนที่มักจะสนุกสนาน
หาความสุขให้ตัวเองได้ง่ายๆ และชอบที่จะให้ผู้คนสดใสร่าเริง
แบคฮยอนที่ต้องร้องไห้หลายครั้งด้วยเรื่องความรัก
เพราะเขามีความปารถนาที่จะทำให้คนอื่นมีความสุขอยู่ตลอดเวลา พอแคร์ใครมากๆ เข้าก็มักจะเก็บเรื่องหยุมหยิมมาคิดให้ตัวเองเสียใจอยู่เรื่อย
แล้วก็เจ็บเองคนเดียวทุกที
เป็นแบคฮยอนที่อ่อนไหวแต่ไม่จมปลักอยู่กับความทุกข์
เขาอดทนและเข้มแข็ง แบคฮยอนที่ต้องการเพียงแค่กระเป๋าเล็กๆ
ใส่กำลังใจสำรองของเขาที่ได้จากการเก็บเกี่ยวความสุขง่ายๆ ในแต่ละวัน และเขาพร้อมที่จะแบ่งปันมันให้ผู้อื่นเสมอ
ชานยอลอาจคิดว่าเขามีกำลังใจสำรองที่ไม่จำกัดแต่มันผิดถนัด แบคฮยอนเองก็ท้อแท้ได้เหมือนกันเพียงแค่เขาพยายามจะพยุงตัวเองให้ผ่านไปได้โดยที่ไม่ร่ำร้องบอกใคร ไม่ใช่ว่าไม่รับรู้ความพยายามที่จะแสดงความรักของชานยอล แบคฮยอนรับรู้มาตลอดและรู้สึกดีกับมันอยู่เสมอ แต่สิ่งเดียวที่เขาต้องการตอนนี้มีเพียงความเชื่อมั่นและความสบายใจ
สำหรับแบคฮยอนแล้วไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าสองสิ่งนี้ ถ้าชานยอลอยากจะทำให้ความรักครั้งนี้มั่นคงและยืนยาว เขาควรจะต้องให้สิ่งที่แบคฮยอนต้องการจริงๆ สักที…
#ฟิคกวาง
ความคิดเห็น