คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #36 : Chapter : 32 มรสุมใจ
ติ๊ด... ติ๊ด..
ก๊อกๆๆๆ
เวลาสิบเอ็ดโมงภายในห้องนอนสีเทา เสียงเคาะประตูเรียกเจ้าของห้องให้ต้องลุกขึ้นจากเตียงด้วยสภาพงัวเงีย
คนตัวสูงนิ่วหน้าด้วยความหงุดหงิดใจก่อนจะลุกขึ้นเดินไปเปิดประตูให้กับผู้เป็นแม่ที่ยืนประจันอยู่เบื้องหน้า
ชานยอลอ้าปากหาวออกมาวอดใหญ่ มือหนายกขึ้นเกาต้นคอ
ดวงตากลมโตหรี่ปรือจนแทบลืมไม่ขึ้น
“ยังไม่ตื่นอีกหรอ”
“อือ”
“แม่จะมาบอกชานยอลว่าวันที่ 25 ถึงวันที่ 30
เราไปสวิสฯ กันนะ จะกลับไปเยี่ยมญาติ” หญิงวัยกลางคนกล่าวพลางยกมือขึ้นกอดอก
ยูรินกวาดสายตามองลูกชายที่ชักสีหน้าหงุดหงิดใส่เธอ ทำเหมือนไม่อยากเชื่อหูตัวเองก่อนจะพูดต่อ
“แม่จองตั๋วไว้แล้ว ยังไงเราก็ต้องไป”
“ห้ะ?” คำพูดของผู้เป็นแม่ทำชายหนุ่มถึงกับต้องขมวดคิ้วนิ่วหน้า
ชานยอลอยากบอกตัวเองว่าเขาได้ยินสิ่งที่แม่พูดผิดไป “ทำไมอะ
ผมบอกแม่แล้วไงว่าผมขอวันหยุดยาว”
“ใช่ แต่วันหยุดยาวของชานยอลเป็นหลังปีใหม่
ก่อนปีใหม่ชานยอลต้องไปกับแม่”
“ผมนึกว่าเราคุยกันรู้เรื่องแล้วอะ”
คนตัวสูงส่งเสียงจิ๊จ๊ะออกมาจากในลำคอด้วยความรู้สึกขัดใจ
สีหน้าชักอารมณ์อย่างเห็นได้ชัด
ชานยอลนึกว่าเขาคุยกับแม่รู้เรื่องแล้วซะอีกเรื่องวันหยุดยาว แบบนี้มันไม่ตลกเลย
“ชานยอลเอาแต่ตัวเองไม่ได้ เราต้องไปเยี่ยมญาติ
บิน 24 นี้นะ แม่จะไปเคลียร์ธุระที่บริษัทให้เสร็จก่อน” คนเป็นแม่ยังคงยืนยันคำเดิม
ยูรินปล่อยให้ลูกชายของเธอใช้วันหยุดอย่างว่างเปล่าไปกับเรื่องไม่เป็นเรื่องทั้งสิบวันไม่ได้
อย่างน้อยระหว่างนี้แบคฮยอนก็ไม่ได้หยุดงาน ชานยอลควรไปเจอครอบครัวบ้างไม่ใช่สนใจอยู่แต่กับคนรักของเขา
“จิ๊...”
“ไม่ต้องมาทำเสียงจิ๊จ๊ะใส่แม่ แค่ไม่กี่วันไม่ถึงกับตายหรอก
แล้วก็ลงไปกินข้าวได้แล้ว แม่จะออกไปข้างนอกนะ”
หญิงสาวกล่าวแค่นั้นแล้วก็หันหลังเดินลงบันได
ปล่อยให้ลูกชายได้แต่ยืนมุ่ยหน้าอย่างนึกเซ็งอยู่คนเดียว
ชานยอลที่ไม่สามารถทำอะไรได้ก็ได้แต่ปิดงับประตูแล้วเดินโซเซกลับไปทิ้งตัวนอนลงบนเตียงด้วยความขุ่นมัวใจ
เขาคว้าเอาโทรศัพท์ขึ้นมากดต่อสายหาแฟนตัวเล็ก พร้อมกับกดเปิดลำโพงเอาไว้ในขณะที่ซุกหน้าลงกับหมอนใบนุ่มและผืนผ้านวม
ความฝันที่จะได้ฉลองคริสต์มาสกลับแบคฮยอนหายวับไปกับตาราวกับเป็นเพียงแค่ฝุ่นผง
ตัวเลขบอกวันที่ 23 บนหน้าจอมือถือทำชานยอลยิ่งหงุดหงิด
เขาไม่แปลกใจเลยที่แม่เพิ่งจะมาบอกเอาตอนนี้ เพราะถ้ามาบอกก่อนหน้านี้สักหนึ่งอาทิตย์ชานยอลคงเตรียมตัวปฏิเสธได้ทันแน่
เสียงตู๊ดของโทรศัพท์ดังอยู่หลายครั้งก่อนที่มันจะดับลง
คนตัวสูงได้แต่ถอนลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่เมื่อคิดว่าตอนนี้คนรักของเขาคงจะทำงานอยู่
สุดท้ายก็ต้องหยัดตัวขึ้นจากเตียงด้วยความหงุดหงิดใจเพื่อที่จะล้างหน้าชำระความขุ่นข้องต่างๆ
ให้หายไป
.
.
.
เสียงบีทเพลงหนักๆ ของดนตรีสังเคาะห์ส่งเสียงดังออกมาจากลำโพงคุณภาพสูง
เจ้าของห้องโยกหัวไปตามจังหวะเบาๆ ชามสลัดผักราดซอสรสเปรี้ยวอมหวานถูกย้ายมาวางบนตัก
ชานยอลเลือกกินแต่แซลมอนและเบคอนกับขนมปังกรอบและผักกาดที่เขาชอบ และไม่ยอมกินหัวหอมที่ตัวเองเกลียดแสนเกลียด
เท้าทั้งสองข้างวางพาดลงกับโต๊ะทำงาน
ตอนนี้เป็นเวลาหกโมงเย็นแล้ว ชานยอลยังไม่ยอมออกจากห้องไปไหนตั้งแต่เช้า เขาใช้เวลาทั้งวันไปกับการขัดเกลาเพลงใหม่
และวางแผนเที่ยวสำหรับวันหยุดที่สั้นขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า
“วันที่
30 ไปญี่ปุ่นกัน”
[ไปทำไรญี่ปุ่น]
“ไปเที่ยวไง กลับวันที่ 4”
ชานยอลย้ายชามสลัดไปวางบนโต๊ะแล้วสไลด์เก้าอี้เลื่อนไปยังแผงคีย์บอร์ด
เขาใช้เท้าผลักตัวเองให้หมุนไปมาด้วยความเบื่อหน่าย
ถึงแม้ว่าชานยอลจะหงุดหงิดแค่ไหนกับวันหยุดที่ต้องเสียไปแต่เขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้
เพราะสุดท้ายก็มีแต่จะโมโหตัวเอง
[เค้าหยุดถึงวันที่ 2 อะ]
“ก็ลาสองวัน”
[ลาไม่ได้ มันมีคนลาเยอะแล้ว
พี่แฮจินด่าตาย]
“............”
[ไม่ต้องไปไกลหรอก ไปเที่ยวใกล้ๆ
ก็พอ เงินไม่ค่อยมีด้วย]
คนตัวสูงถอนลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่อย่างพยายามอดกลั้นความรู้สึกไม่สบอารมณ์ในใจ
เมื่อทุกอย่างที่วางแผนไว้พังหมด
“วันที่ 25 ผมไปต่างประเทศนะ กลับ 30”
[อ้าว หรอ
งั้นก็ไม่ได้ฉลองคริสมาสต์ด้วยกันอะดิ]
“อือ... ผมไม่อยากไปหรอก”
แม้จะเป็นแค่ความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยแต่มันก็สามารถทำให้ชานยอลรู้สึกเครียดได้ง่ายๆ
คนตัวสูงย้ายตัวเองจากเก้าอี้ไปนอนอยู่บนเตียง ดวงตากลมโตจ้องมองเพดานห้องด้วยความรู้สึกเหนื่อยหน่าย
[ไปทำไรอะ ไปทำงานอ่อ]
“เปล่า ไปเยี่ยมญาติ”
[อ่อ เสียดายเลยอะ…]
“เปิดกล้องได้ปะ”
[งั้นเดี๋ยวสักชั่วโมงนึงได้ปะ
อยู่ข้างนอกอะ ยังไม่เลิกงานเลย]
“จะเลิกยังเดี๋ยวไปรับ”
[เค เลิกประมาณทุ่มนึงอะ]
ตู๊ด... ตู๊ด... ตู๊ด....
“เดี๋ยวแป๊บนึงนะ”
เสียงสัญญาณแจ้งสายเรียกเข้าซ้อนเรียกชานยอลให้ต้องยกโทรศัพท์ออกมาดูหมายเลขบนจอ
เขาถอนลมหายใจออกมาอีกครั้งแล้วกดรับด้วยน้ำเสียงเนือยๆ ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปหยิบกุญแจรถ
คนตัวสูงคว้าเอาแจ๊คเก็ตนวมมาสวมให้กับตัวเองในขณะที่มืออีกข้างก็ยกโทรศัพท์คุยไปด้วย
“ครับ”
[ชานยอลอยู่ไหนลูก]
“ผมอยู่บ้าน”
[ออกมาหาแม่หน่อยได้ไหม มารับแม่หน่อย]
“แม่อยู่ไหน” คนตัวสูงคว้ากระเป๋าสตางค์ในเสื้อแล้วเดินไปกดเปิดโหมด
Hibernate ให้กับโน้ตบุ๊ก
เสียงประกาศจากวิทยุบอกชานยอลให้รู้แม่เขากำลังอยู่ในรถ ชานยอลได้ยินเสียงติ๊กๆ
เบาๆ มันฟังดูเหมือนเสียงเปิดไฟเลี้ยว
[แม่กำลังไปที่โรงแรม
ออกมารับแม่หน่อย พอดีคุณนายอนเค้าต้องรีบไปทำธุระก่อน]
“ทำไมแม่ไม่ให้คนขับรถไป”
[ก็แม่อยากให้ชานยอลมารับหนิ]
“ครับ เดี๋ยวผมไป”
[งั้นเดี๋ยวแม่โทรหานะ แม่กำลังจะถึง...
กรี๊ดดดดดดดดดดดดด!!]
[เอี๊ยดดดด โครม!!!]
เสียงร้องกรี๊ดของผู้เป็นแม่และเสียงเบรกยาวๆ
ก่อนที่จะตามมาด้วยเสียงดังโครมทำชานยอลได้แต่ยืนนิ่ง
เขาได้ยินเสียงดังตูมพร้อมกับเสียงดังขลุ่กๆๆ ในหูเหมือนโทรศัพท์กำลังกระเด็นไปมา
เพียงแค่เสี้ยววินาทีที่ทุกอย่างเกิดขึ้น
ก่อนที่ความเงียบจะทำให้ชายหนุ่มเริ่มใจไม่ดี
“แม่...”
ไม่มีเสียงตอบรับใดจากปลายสาย
สันหลังชานยอลเย็นวาบ ราวกับอากาศรอบตัวได้หายไปจนหมด
แม้แต่จะคิดจินตนาการก็ยังไม่กล้า
“แม่!!”
.
.
.
หน้าตึกศูนย์การค้าเพื่อบ้าน
พนักงานตัวเล็กกำลังยืนมองนาฬิกาข้อมืออยู่หน้าลานจอดรถ
ตอนนี้หนึ่งทุ่มครึ่งแล้วแบคฮยอนยังไม่เห็นวี่แววของแฟนหนุ่ม
และไม่สามารถติดต่อเขาได้ตั้งแต่เลิกงาน
คนตัวเล็กเดินไปนั่งลงบนม้านั่งสีขาว ปลายเท้าแกว่งไปมาด้วยความเบื่อหน่าย
ดวงตาเรียวรีกวาดมองดูลานจอดรถเบื้องหน้าโดยที่ในใจก็หวังว่าจะเจอรถยนต์ของแฟนหนุ่ม
ตอนนี้มันเลยเวลานัดมานานแล้วและชานยอลยังไม่โทรมา เขาไม่ยอมตอบข้อความ แบคฮยอนก็เลยได้แต่นั่งกังวลใจอยู่ตรงนี้
Rrrrrrrrrrrr
เสียงเข้าจากโทรศัพท์และรายชื่อที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอเรียกรอยยิ้มเล็กๆ
จากคนที่นั่งรอมาแสนนาน แบคฮยอนรีบกดรับสายทันที
แต่ยังไม่ทันจะได้พูดอะไรน้ำเสียงแปลกๆ ของแฟนหนุ่มก็ทำให้เขาต้องหุบยิ้มลงทั้งที่ยังไม่ได้พูดอะไรสักคำ
[ฮัลโหล... อยู่ไหนอะ]
“อยู่ที่ทำงาน มึงอยู่ไหนอะ”
[อยู่โรงบาล มาหาได้ปะ...]
ใช้เวลาแค่ไม่ถึง 20
นาทีกับการนั่งรถแท็กซี่มายังโรงพยาบาลใกล้ๆ แบคฮยอนรีบสาวเท้าเดินไวๆ
เข้าไปในอาคารแล้วตรงไปยังหน้าห้องฉุกเฉินทันที
เขามองเห็นแฟนหนุ่มกำลังนั่งก้มหน้าอยู่บนเก้าอี้สีเขียว บนพื้นมีหยดเลือดที่แม่บ้านกำลังทำความสะอาด
แบคฮยอนรีบเดินไปจับไหล่คนรักของเขาที่นั่งเอามือปิดหน้าอยู่บนเก้าอี้
ขอบตามีร่องรอยแดงช้ำจากการร้องไห้ แบคฮยอนพูดอะไรไม่ออก เขาได้แต่คว้ามือชานยอลมาจับเอาไว้แน่น
“แม่เป็นไงบ้าง”
“ไม่รู้ ยังไม่รู้” คนตัวสูงเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงที่ทั้งแหบพร่าและสั่นเครือ
ชานยอลยกมือขึ้นลูบใบหน้า ลมหายใจถูกผ่อนออกมาหลายครั้ง
ไม่รู้ว่ามันผ่านไปนานเท่าไหร่แล้วที่ร่างชุ่มเลือดของแม่ถูกเข็นเข้าไปในห้องฉุกเฉิน
ชานยอลเห็นเพียงแค่พยาบาลกับหมอวิ่งเข้าวิ่งออกกันให้วุ่น
เขารู้สึกเหมือนถูกกระชากขาลงจากตึกสิบชั้น
ความกระวนกระวายและความเป็นกังวลถาโถมเข้ามาไม่หยุด ชานยอลมองไม่เห็นใครอีกในเวลานี้
เขารู้สึกเหมือนในท้องมันว่างไปหมด หายใจเข้าไปเท่าไหร่ก็ไม่รู้สึกพอสักที
“แล้วพ่ออะ”
“พ่อกำลังมา”
“แม่เข้าไปนานยัง” แบคฮยอนย้ายตัวเองไปนั่งลงบนเก้าอี้ข้างคนรัก
เขาพยายามจะชวนแฟนหนุ่มให้คุยกับตนเพื่อลดความเป็นกังวล มืบางบีบกระชับฝ่ามือเย็นเฉียบเอาไว้แน่น
ความเงียบทำให้บรรยากาศรอบข้างยิ่งหนาวเหน็บ สายตาที่เต็มไปด้วยความกังวลเอาแต่จับจ้องไปยังประตูหน้าห้องฉุกเฉินไม่วางตา
“สักพักแล้ว”
“อือ...”
“ใครญาติคนไข้คะ”
บานประตูหน้าห้องฉุกเฉินถูกเปิดออกพร้อมกับร่างของพยาบาลสาว
ชานยอลรีบลุกขึ้นทันที ความรู้สึกเสียววูบแล่นไปจนถึงปลายนิ้วมือและนิ้วเท้า
เขาพยายามจะกลืนก้อนน้ำลายลงคอ
และยกมือขึ้นเช็ดคราบน้ำตาบนใบหน้าเพื่อปกปิดความอ่อนแอของตัวเอง
“ผมครับ”
“เป็นอะไรกับคนไข้คะ”
“ลูกชายครับ”
“ตอนนี้คนไข้เสียเลือดมาก ความดันตก มีเลือดออกในช่องท้อง
อวัยวะฉีกภายในฉีกขาด หมอกำลังกระตุ้นชีพจรแล้วก็ต้องผ่าตัดด่วน โอกาสรอดยังบอกไม่ได้
เพราะผู้ป่วยช็อคเพราะเสียเลือดมาก ส่วนอีกคนนึงที่นั่งฝั่งคนขับหมอกำลังเอกซเรย์ดูอวัยวะภายใน”
ชานยอลแทบล้มทั้งยืนเมื่อได้ยินว่าแม่ของเขากำลังอยู่ในสภาวะเฉียดตาย
ฝ่ามือทั้งสองข้างเย็นเฉียบ ถึงจะอยากบอกตัวเองให้ตื่นจากฝันนี้เสียทีแต่ก็ไม่สามารถทำได้เพราะชานยอลอยู่ในชีวิตจริง
ปลายเท้าของเขาเบาหวิว รู้สึกราวกับถูกผลักให้ตกลงไปในกล่องสีดำที่มืดแปดด้าน
“ตอนนี้หมอยังบอกอะไรไม่ได้มาก
แต่ก็จะพยายามสุดความสามารถ”
“ครับ ขอบคุณครับ” แบคฮยอนพยักหน้าหงึกหงัก
พอพยาบาลสาวกล่าวจบก็รีบเดินกลับเข้าไปในห้องฉุกเฉินทันที
ถึงแม้ว่าตอนนี้จะเป็นเวลาหัวค่ำแต่บรรยากาศด้านนอกเงียบสงัดและเย็นเยือกเสียยิ่งกว่าคืนที่หิมะตก
มือบางวางลงบนแผ่นหลังของคนรัก แบคฮยอนไม่รู้ว่าควรต้องพูดอะไรในสถานการณ์แบบนี้ เขาเงยหน้าขึ้นมองแฟนหนุ่มที่กำลังเม้มริมฝีปากกลั้นหยาดน้ำตาอย่างสุดความสามารถ
ดวงตากลมโตเอ่อคลอไปด้วยหยดน้ำตา ชานยอลเลือกที่จะหันหน้าหนีแล้วกลับไปนั่งบนเก้าอี้อีกครั้ง
เขาเอาแต่นั่งก้มหน้า แบคฮยอนที่เห็นอย่างนั้นก็ได้แต่เดินไปนั่งลงข้างๆ
“ฮึก... ฮึก...”
เสียงร้องไห้เริ่มดังขึ้นเบาๆ แผ่นหลังของชายหนุ่มกำลังสั่นไหว
และแบคฮยอนก็ทำได้เพียงแค่เอนตัวลงไปซบพร้อมกับใช้ท่อนแขนโอบไหล่กว้างเอาไว้เป็นการปลอบใจ
มันคงดีถ้าคืนนี้จะเป็นเพียงแค่คืนแย่ๆ ที่จะผ่านพ้นไปอีกวัน...
“กินหน่อยไหม”
นมช็อคโกแลตยี่ห้อโปรดถูกยื่นไปตรงหน้าคนที่ยังเอาแต่นั่งนิ่ง
ชานยอลส่ายหน้าปฏิเสธเพราะเขายังกินอะไรไม่ลงตอนนี้ ถึงแม้ว่าชายหนุ่มจะยังไม่ยอมพูดอะไรมากแต่เขาก็จับมือคนรักเอาไว้อยู่ตลอดราวกับว่ามันเป็นหลักยึดเดียวที่ถ้าเพียงแค่ปล่อยไปเพียงเสี้ยววินาที
ชานยอลที่แสนเปราะบางคนนี้ก็จะล้มลง
“เลือดกำเดาไหลอีกแล้ว” แบคฮยอนนิ่วหน้าเอ่ยออกไปด้วยความเป็นห่วง
จากกล่องนมถูกเปลี่ยนเป็นกระดาษทิชชู่ผืนเล็ก
แบคฮยอนส่งมันให้แฟนเขาที่เริ่มมีเลือดกำเดาไหลออกมาอีกแล้วหลังจากที่มันเพิ่งจะหยุดไปได้ไม่นาน
ตอนนี้นาฬิกาเพิ่งบอกเวลาเที่ยงคืนเศษ แต่แบคฮยอนกลับรู้สึกเหมือนมันผ่านไปหลายชั่วโมง
ทุกอย่างผ่านไปอย่างเชื่องช้า
พวกเขาทำได้เพียงแค่มองดูหมอและพยาบาลเดินผ่านไปมาอย่างรีบร้อน
“คิดว่าแม่ผมจะรอดไหม”
ประโยคแรกที่ยาวที่สุดถูกเอ่ยออกมาจากปากชายหนุ่มผู้เริ่มสิ้นหวัง
ยิ่งเวลาผ่านไปนานความกดดันก็ยิ่งกดทับอกเขาจนจะแตก
ชานยอลเอาแต่คิดซ้ำไปซ้ำมาในหัวว่าจะเป็นยังไงถ้าแม่ไม่รอด
เขาเลือกที่จะไม่รับรู้มันได้ไหม จะเป็นยังไงถ้ามันเกิดขึ้นมา
“อย่าพูดอย่างงั้นดิ หมอเค้าเก่งนะ”
“ญาติคนไข้คะ”
พูดยังไม่ทันขาดคำพยาบาลสาวคนเดิมก็เดินออกมาอีกครั้ง
แบคฮยอนรีบลุกขึ้นทันที หัวใจของเขาลุ้นไม่ต่างจากชานยอล
“ตอนนี้คุณหมอห้ามเลือดได้แล้ว ชีพจรกับความดันคงที่
แต่ถือว่ายังไม่พ้นขีดอันตราย ต้องเฝ้าดูอาการใน 72 ชั่วโมงก่อน ถ้าอาการทรงตัวกว่านี้หมอจะส่งตัวไปโรงพยาบาลอีกที่ให้
แล้วก็จะย้ายผู้ป่วยไป”
คำพูดของพยาบาลสาวทำคนตัวเล็กถึงกับต้องถอนลมหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
ถึงแม้ว่าจะยังไม่พ้นขีดอันตรายแต่อาการที่ดีขึ้นแม้เพียงเล็กน้อยก็ทำให้พอจะมีกำลังใจขึ้นมาบ้าง
แรงสั่นจากมือถือในกระเป๋ากางเกงเรียกแบคฮยอนให้ต้องเดินละออกมาจากพยาบาล
เขาล้วงเอามือถือขึ้นมากดรับแล้วเดินห่างออกไปเพื่อไม่ให้เสียงสนทนารบกวนการพูดคุย
“ฮัลโหลเจ๊”
[เออ ประธานเป็นไงมั่งวะ]
“ตอนนี้หมอห้ามเลือดได้แล้วแต่ยังไม่พ้นขีดอันตรายเลย”
[อือ
แล้ววันนี้มึงจะกลับบ้านนอนไหม หรือจะค้างนู่น]
“หนูไม่แน่ใจว่ะ อาจจะไม่ได้กลับหรอก ต้องดูก่อน
ดูอาการชานยอลมันไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เผลอๆ พรุ่งนี้อาจจะไม่ได้ไปทำงานด้วย
แต่ก็ต้องดูก่อนอะ”
[เออ ถ้ายังไงก็โทรบอกกูแล้วกัน
เดี๋ยวกูจัดการเรื่องลาให้ เมื่อกี้ไอ้ฮุนก็เพิ่งออกไปจากบริษัท ท่าทางรีบเลย]
“หรอ ขอบคุณมากเจ๊ เดี๋ยวหนูโทรหาอีกทีนะ”
[เออๆ]
เมื่อการสนทนาจบลงแบคฮยอนก็รีบวางสายแล้วเดินกลับไปหาแฟนหนุ่มที่ยืนคุยอยู่กับคุณหมอด้วยท่าทางเคร่งเครียด
ฟังดูเหมือนอาการของประธานจะยังไม่ดีขึ้นเท่าไหร่แต่ก็ไม่แย่เท่าตอนมาแล้ว
และมีแนวโน้มว่าจะดีขึ้นถ้าผ่านคืนนี้ไปได้โดยที่ไม่มีอาการแทรกซ้อนต่างๆ
“ตอนนี้ต้องคอยระวังว่าจะมีเลือดออกในช่องท้องอีกไหม
กับพวกอาการติดเชื้อ หมอจะย้ายผู้ป่วยไปห้องไอซียูแล้วจะทำการแสกนสมองด้วย
ถ้าในสมองไม่มีเลือดออกก็ถือว่ายังดี ส่วนเรื่องย้ายผู้ป่วยหมอกำลังทำการปรึกษากับทางโรงพยาบาลนู้นอยู่
ถ้าพร้อมเมื่อไหร่ก็สามารถย้ายได้ทันที
แต่หมอแนะนำให้อยู่ดูอาการที่นี่ต่ออีกสักพัก” คุณหมอหนุ่มกล่าว
แบคฮยอนไม่แน่ใจว่าสิ่งที่หมอพูดนั้นเป็นเรื่องดีไหม
เหมือนเขาจะยังไม่สามารถให้คำตอบอะไรได้เลยตอนนี้
“ครับ ขอบคุณครับ” ชานยอลไม่ได้พูดอะไรมาก
เขาเพียงแค่กล่าวขอบคุณกับหมอก่อนจะหยิบเอาโทรศัพท์มือถือขึ้นมาพิมพ์ข้อความส่งหาผู้เป็นพ่อ
อย่างน้อยแค่ได้รู้ว่าอาการของแม่ไม่แย่ลงชานยอลก็ยังพอมีหวังอยู่บ้างแม้ว่ามันจะแค่เล็กน้อยก็ตาม
ทุกอย่างที่เกิดเร็วไปหมดจนตั้งตัวแทบไม่ทัน มันแค่เสียววินาทีเดียว
เพียงแค่หนึ่งวันที่ควรจะเริ่มต้นและจบลงอย่างปกติสุข ชานยอลได้แต่ถามตัวเองว่าทำไม
ทำไมต้องเป็นเม่ ทำไมถึงไม่ใช่คนอื่น เขาอยากบอกตัวเองว่ามันเป็นแค่ฝัน
แต่ก็ทำไม่ได้
“พ่อจะมาเมื่อไหร่อะ” คนตัวเล็กเดินไปนั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆ
คนรัก แค่ได้เห็นสีหน้าของเขามีความหวังขึ้นมานิดหน่อยมันก็เป็นเรื่องที่น่าดีใจ
แม้ว่าจะง่วงจนใกล้หลับแค่ไหนแบคฮยอนก็ยังฝืนตานั่งอยู่เป็นเพื่อนชานยอล
เขาไม่กล้าทิ้งแฟนหนุ่มเอาไว้เพราะกลัวว่าความฟุ้งซ่านในใจจะทำชานยอลเป็นบ้าไปอีกคน
“ถึงพรุ่งนี้เย็นๆ”
“อือ แล้วจะนอนไหม หรือจะนั่งเฝ้าอยู่นี่”
“คงอยู่นี่แหละ ง่วงแล้วหรอ”
ชานยอลวางมือลงบนศีรษะแฟนตัวเล็กก่อนจะเลื่อนแขนลงไปโอบไหล่รั้งร่างให้อีกฝ่ายเอนลงมานอนซบกับไหล่
ชานยอลรู้ว่าเขากำลังรบกวนแบคฮยอนอยู่ แต่ตอนนี้ไม่มีอะไรดึงสติชานยอลไว้ได้ดีกว่านี้แล้ว
ชานยอลไม่อยากต้องทนฟังข่าวร้ายคนเดียวถ้าแม่เป็นอะไรขึ้นมา “นอนไหม”
“ยังไม่ง่วงหรอก อยู่ด้วยกันนี่แหละ” ถึงจะพูดอย่างนั้นแต่ดวงตาเรียวรีก็หลับลง
ตอนนี้แบคฮยอนอยากได้ผ้าห่มสักผืนกับหมอน
เขาจะนอนมันบนเก้าอี้นี่แหละเพราะยังไงก็ไม่มีห้องให้พักอยู่แล้ว
“งั้นอยู่ด้วยกันก่อนนะ” ว่าแล้วคนตัวสูงก็หันไปกดจูบลงบนศีรษะทุยที่พิงอยู่บนไหล่
ในค่ำคืนที่แสนยากลำบาก กำลังใจของชานยอลอยู่ตรงนี้ที่เดิม
ในที่ๆ เขาสามารถเอื้อมคว้าเอาไว้ได้ในยามที่รู้สึกอ่อนไหว
แบคฮยอนยังเป็นสิ่งเดียวที่พยุงให้เรือไร้หลักอย่างชานยอลผ่านคืนวันที่พายุโหมซัดกระหน่ำไปได้....
.
.
.
“หมอเช็คล่าสุดไม่มีอาการเลือดออกแล้วนะครับ
ชีพจรกับความดันขึ้นมานิดหน่อย ผลเอกซเรย์ไม่มีเลือดออกในสมอง
แต่ผู้ป่วยยังไม่รู้สึกตัว ถือว่ายังอยู่ในอาการโคม่า
วันนี้โรงพยาบาลจะมารับตัวผู้ป่วยไปรักษาต่อ
หมอแจ้งอาการและผลตรวจทั้งหมดไปกับทางโรงพยาบาลแล้วนะครับ”
“ครับ ขอบคุณครับ”
เวลาเที่ยงตรงที่แบคฮยอนไม่แน่ใจว่าเป็นวันที่ดีไหม
เขาไม่ได้ไปทำงานและนั่งอยู่หน้า ICU แทบจะทั้งคืนพลัดกันหลับผลัดกันตื่นจนกระทั่งเช้า
และเวลาส่งตัวก็มาถึง ดูเหมือนทุกอย่างจะกำลังดีขึ้น
เพราะอย่างน้อยอาการของประธานก็ไม่แย่ลง
“ผมจะไปโรงพยาบาลนะ จะกลับไปนอนไหม” ชานยอลหันมาจับใบหน้าที่แสนอ่อนล้าของคนรักพลางระบายยิ้มออกมา
วันนี้แบคฮยอนอยู่เป็นเพื่อนเขามาทั้งคืนแล้ว
มันคงถึงเวลาที่จะต้องปล่อยให้เขาไปนอนบ้าง
“กูไปได้อ่อ มึงไปก่อนก็ได้ เดี๋ยวกลับไปอาบน้ำก่อนแล้วเดี๋ยวกูตามไปหา
พ่อก็จะมาแล้วนี่”
“อือ งั้นเดี๋ยวผมไปส่ง”
“ไม่ต้องก็ได้ กูนั่งรถแป๊บเดียวเอง
มีอะไรก็โทรมานะ” คนตัวเล็กกระชับสายสะพายกระเป๋าแน่น
พอเห็นว่าแฟนหนุ่มพยักหน้าเขาก็ส่งยิ้มให้ก่อนจะค่อยๆ เดินถอยออกมาโดยที่ไม่ลืมโบกมือบ๊ายบ่ายด้วย
แบคฮยอนไม่ชอบสถานการณ์แบบนี้เลย มันทำให้เขารู้สึกเหมือนจะป่วยตามไปด้วย
แต่ถ้าแบคฮยอนหดหู่ขึ้นมา
ใครจะเป็นคนรักษาใจชานยอลล่ะ อย่างน้อยตอนนี้ทุกอย่างก็เริ่มจะดีขึ้นมาแล้ว
.
.
.
บริเวณหน้าโรงพยาบาลที่ดูไม่ต่างจากโรงแรมหรู
แบคอยอนได้แต่เดินวนไปมาแล้วถามตัวเองว่าเขามาถูกที่แล้วหรือเปล่า คนตัวเล็กอ่านชื่อโรงพยาบาลซ้ำและยืนคิดอยู่นานก่อนที่จะตัดสินใจเดินตรงไปหาเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ของคุณพยาบาลที่ตั้งอยู่ตรงหน้าด้วยท่าทางสุดงกเงิ่น
“ขอโทษครับ มาเยี่ยมผู้ป่วยต้องไปตึกไหน”
“เยี่ยมผู้ป่วยหรอคะ แผนกไหนคะ”
พยาบาลสาววางหูโทรศัพท์ลง เธอหันมายิ้มให้และถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ไม่ทราบเหมือนกันครับ แต่เพิ่งย้ายตัวมาเมื่อวานจากไอซียู”
“รบกวนขอทราบชื่อหน่อยนะคะ”
“ยูรินครับ ปาร์ค ยูริน”
“คุณยูรินนะคะ ผู้ป่วยย้ายมาเมื่อวาน
ไม่ทราบว่าชื่ออะไรคะ”
“แบคฮยอนครับ”
“คุณแบคฮยอน ในนี้ไม่มีชื่อให้เข้าเยี่ยมนะคะ
ผู้ป่วยพิเศษจะสามารถเยี่ยมได้เฉพาะคนที่มีชื่อ ไม่ทราบว่าติดต่อกับใครไว้หรือเปล่าคะ”
“เอ่อ...” แบคฮยอนได้แต่อ้ำอึ้งเพราะตอบไม่ถูก
เขาไม่กล้าตอบว่าใครชวนมาเพราะเกรงว่าจะไม่ได้ถูกชวน “งั้นไม่เป็นไรครับ”
สุดท้ายคนตัวเล็กก็ได้แต่กล่าวขอบคุณ ก่อนจะเดินออกมาจากเคานเตอร์แล้วตัดสินใจเดินไปยังลิฟท์แทน
ที่หน้าลิฟท์มีป้ายติดบอกแผนกต่างๆ ชัดเจน
แบคฮยอนเดินเข้าไปอย่างมั่นใจแล้วกดขึ้นไปยังแผนกผู้ป่วยในทันที
ใช้เวลาเพียงไม่นานลิฟท์ก็เลื่อนขึ้นมาจนถึงชั้น 14 คนตัวเล็กก้าวเท้าออกมาพร้อมกับมองซ้ายมองขวา
ทางเดินและโถงกว้างที่มีเก้าอี้จัดไว้อย่างกับโรงแรมทำแบคฮยอนเริ่มสับสน
เขาเดินมองป้ายไปเรื่อยๆ จนถึงห้องที่มีป้ายเขียนไว้ว่า Park yoorin ที่หน้าห้องไม่มีใครอยู่สักคน
แบคฮยอนยกกำปั้นขึ้นเตรียมเคาะประตู แต่แล้วก็ต้องหยุดชะงัก
เขาตัดสินใจเดินไปแนบใบหน้าลงกับกระจกตรงประตูแทน แบคฮยอนมองเห็นแฟนหนุ่มของเขายืนอยู่ข้างหญิงสาวที่แสนคุ้นเคยข้างเตียงผู้ป่วย
ชานยอลจับมือเพื่อนสนิทของเขาเอาไว้แน่น ก่อนจะหันหน้าไปซบลงกับลาดไหล่ของเธอ
สิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้าทำแบคฮยอนได้แต่ยืนอึ้ง
พอชานยอลละใบหน้าออกเขาก็นั่งลงบนเก้าอี้ ความสับสนเริ่มประดังเข้ามาในหัวอีกครั้ง
เขาไม่กล้าที่จะเคาะประตูเมื่อเห็นว่าแฟนหนุ่มและครอบครัวกำลังใช้เวลาด้วยกัน
แถมมันยังเป็นห้องแบบส่วนตัวอีกต่างหาก แบคฮยอนเริ่มไม่แน่ใจว่าเขามีธุระที่นี่ไหม
คนตัวเล็กถอนลมหายใจออกมาก่อนจะเดินถอยหลังออกจากประตูไปเพื่อจะกลับไปยังลิฟท์
เขาไม่ลืมหยิบเอามือถือขึ้นมากดส่งข้อความหาคนรักด้วย แม้ว่าจะมีความลำบากใจเล็กๆ
เกิดขึ้นแต่แบคฮยอนก็ยังเป็นห่วงชานยอลอยู่ดี
Baekhyun : ขึ้นไปไม่ได้อะ
พยาบาลไม่ให้เยี่ยม บอกไม่ใช่ญาติ
Chn10e : อยู่ไหน
Baekhyun : อยู่ข้างล่าง
Chn10e : เดี๋ยวลงไปรับ
Baekhyun : ไม่ต้องก็ได้ ไว้เดี๋ยวค่อยเจอกัน
ดูแม่ไปเหอะ
คนตัวเล็กพิมพ์ข้อความตอบไปแค่นั้นก็เก็บมือถือลงกระเป๋า
ในขณะที่ประตูลิฟท์กำลังปิดลงเขาก็เห็นท่านประธานใหญ่เดินผ่านหน้าไป แบคฮยอนได้แต่ขอบคุณตัวเองที่คิดไม่ผิดเรื่องที่ไม่ยอมเคาะประตู
มันคงประหลาดพิลึกถ้าเขาต้องไปนั่งเป็นส่วนเกินของครอบครัวในห้องนั้น
อย่างน้อยตอนนี้ได้รู้ว่าประธานอาการดีขึ้นก็ดีแล้ว
ชานยอลเองก็ได้อยู่กับครอบครัวมันคงเป็นเวลาที่ไม่เหมาะสมสำหรับคนนอกเท่าไหร่
แรงสั่นจากในกระเป๋าบอกแบคฮยอนให้ต้องหยิบมือถือขึ้นมาเช็คอีกครั้ง
คราวนี้ไม่ใช่แค่ข้อความจากชานยอลที่ถูกส่งมา เขาสไลด์หน้าจอแล้วกดเข้าไปดูข้อความจากเพื่อนซี้ทันที
Zhang Yixing : มึง
Zhang Yixing : กูมีไรจะให้ดู
Zhang Yixing : กูไม่รู้ว่ามึงอยากดูไหม
Zhang Yixing : คลิปผัวมึง
คำว่า มึง เดี่ยวๆ
ที่มักจะตามมาด้วยเรื่องน่าตื่นเต้นเสมอทำแบคฮยอนใจคอไม่ดี เขาได้แต่ถามตัวเองว่านี่มันเรื่องอะไรกันอีกก่อนจะรีบพิมพ์ข้อความตอบกลับไป
Byun Baekkhyun : คลิปไรวะ
Zhang Yixing : ผัวมึงกับเมียเก่า
Zhang yixing : เอากันบนเครื่องบิน
.
.
.
บนรถเมล์สายยาวที่วิ่งอย่างไม่มีทีท่าว่าจะจอดพัก
แบคฮยอนกดเล่นคลิปวิดีโอที่ได้รับมาจากเพื่อนซี้ดูเป็นร้อยๆ ครั้ง
ขณะที่จิตใจเต็มไปด้วยคำถามมากมาย ตอนนี้นาฬิกาบอกเวลาเที่ยงแล้ว ตอนแรกแบคฮยอนตั้งใจจะไปทำงานแต่ก็ไม่ได้ไปเพราะความรู้สึกมากมายที่ถาโถมเข้ามาในทีเดียวทำให้เขารู้สึกเหนื่อยเกินกว่าจะรับไหว
พอล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าก็รู้ว่ากำลังใจที่พกไว้สำรองเริ่มร่อยหรอแล้ว
เชื้อเพลิงความสุขของแบคฮยอนกำลังจะหมดเพราะเขาใช้มันออกไปแทบตลอดโดยที่ไม่มีการเติมเข้าเลย
ดวงตาเรียวรีจับจ้องไปยังคลิปวิดีโอของหญิงสาวผมบลอนด์ที่กำลังนอนตะแคงนัวเนียอยู่กับชายหนุ่มที่กอดเธอจากด้านหลัง
และแบคฮยอนคุ้นกับผู้ชายคนนั้นดีเหลือเกิน มือใหญ่ๆ ของเขาบีบขย้ำทรวงอกของหญิงสาวที่ซ่อนอยู่ภายใต้เสื้อชั้นในตัวบาง
ชานยอลซุกหน้าลงกับซอกคอของนางแบบสาวสวย กดริมฝีปากและปลายจมูกลงกับพวงแก้มพลางเหลือบตาขึ้นมองกล้อง
พร้อมทั้งยกยิ้มเจ้าเล่ห์ใส่ก่อนจะเอียงหน้าลงบดขยี้ริมฝีปากของหญิสาวอีกครั้ง พวกเขาคุยกันด้วยภาษาที่แบคฮยอนฟังไม่เข้าใจ
ที่จริงเขาก็ไม่เข้าใจทั้งหมดนั่นแหละ อยู่ๆ
ก็มีคลิปชานยอลหลุดออกมาจาก snapchat
ของนางแบบคนหนึ่ง ถึงแม้ว่าจะเป็นของที่เก่าแล้ว
แบคฮยอนไม่เข้าใจว่าทำไมเวลาทำอะไรพวกเขาต้องถ่ายรูปอัพให้คนอื่นรู้
ชานยอลเองบางครั้งก็มีนิสัยอย่างนั้นเหมือนกัน
มันเป็นค่านิยมของพวกเด็กฝรั่งหรือว่ายังไง
Zhang yixing : หลุดมาจากวงใน
Zhang yixing : ดูเอา
Byun baekhyun : มันเอากับใครวะ
Byun baekhyun :คลิปบนเครื่องบินอะ
Zhang yixing : เค้าบอกเมียเก่ามัน
Byun baekhyu : ไม่ใช่อะ
แบคฮยอนย้อนกลับไปดูคลิปวิดีโออีกอันที่ถูกแอบถ่ายบนเครื่องบินหลายครั้ง
และเขาก็มั่นใจว่าผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่นางแบบเกาหลีคนไหนที่ชานยอลเคยคุยด้วย
เธอคือโคลอี้ ผู้หญิงที่ตอนนี้กำลังอยู่กับแฟนเขาในห้องผู้ป่วย
หญิงสาวผมสีน้ำตาลยาวสลวย ที่ชอบแต่งกายด้วยเสื้อผ้าพริ้วๆ
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะนอนอยู่ในเลาจ์ที่ถูกกั้นขึ้นในที่นั่งผู้โดยสารชั้น First class แต่มันก็เป็นแค่ที่กั้นเตี้ยๆ
แค่มองเห็นศรีษะของหญิงสาวที่ขยับโผล่ขึ้นมาเป็นระยะตามจังหวะร่างกาย
ให้มองจากพื้นสนามบินยังรู้เลยว่าทำอะไรกัน คลิปวิดีโอถูกถ่ายจากคนที่นั่งอยู่ด้านหลังของพวกเขาถัดไปสามแถวที่นั่ง
แบคฮยอนไม่ได้ไร้เดียงสา
มันไม่ใช่คลิปที่โจ่งแจ้งนักแต่ก็ทำให้หัวใจหวั่นไหวได้ไม่น้อยกับผู้หญิงที่คนรักของเขาเคยบอกว่าไม่ได้เป็นอะไรกัน
ซึ่งอันที่จริงชานยอลกับโคลอี้ก็อาจจะไม่ได้เป็นอะไรกันจริงๆ
ก็ได้ พวกเขาแค่สนิทกันมาก แล้วก็ทำหลายสิ่งหลายอย่างด้วยกันอย่างเช่นสิ่งนี้
และที่ไม่น่าเชื่อคือพวกเขากำลังทำมันบนเครื่องบิน
เครื่องบินที่กำลังบินอยู่เหนือท้องฟ้า เครื่องบินที่มีผู้โดยสารบางคนนั่งอยู่
แม้ว่าจะไม่ได้ชุกชุมเหมือนที่นั่งชั้นประหยัด แถมยังมีคลิปหลุดออกมา และไม่ว่าใครเป็นคนถ่ายเขารู้ว่าชานยอลเป็นใคร
เผลอๆ อาจจะเป็นเพื่อนของเขาเอง
ติ๊ง!
Zhang yixing : แล้วใครวะ
Byun baekhyun : อีโคลอี้
Byun baekhyun : มันเลยอะ
Zhang Yixing : อีเมียหลวงผัวมึงอะนะ
Byun baekhyun : เออ
Byun baekhyun : คลิปมันเมื่อไหร่วะ
Zhang yixing : ประมาณปีที่แล้ว
คนตัวเล็กย่นคิ้วลงเล็กน้อย
แบคฮยอนฝืนใจดูคลิปนั้นต่อไป เขาเห็นศีรษะของโคลอี้กำลังขยับขึ้นๆ ลงๆ อยู่เหนือฉากกั้นเลาจ์ราวกับร่างของเธอกำลังขยับกระเพื่อมอยู่บนร่างของใครบางคน
โคลอี้เองก็เหมือนจะรู้ว่ามีคนนั่งอยู่ข้างหลัง เธอเงยหน้าขึ้นหน้ามองเพียงคู่ก็หมอบตัวลงไปอีกครั้ง
เพียงไม่นานนักกิจกรรมก็เหมือนจะหยุดลง บานเลื่อนเลาจ์ถูกรูดออก
หญิงสาวในชุดกระโปรงยาวเหมือนชุดสำหรับใส่ไปทะเลเดินออกมาจากที่นั่ง โคลอี้ทำท่าเหมือนจะเดินไปทางด้านหลัง
เธอก้มลงใช้กระโปรงผ้าพลิ้วเช็ดต้นขาด้านในของตัวเองแล้วเดินหายไปจากกล้องทันที
ภาพนั้นทำแบคฮยอนถึงกับต้องเหยหน้า สงสัยจะเอากันจนน้ำเล็ดเลยถึงได้ต้องเช็ดก่อน
ไม่ใช่ว่าหึงหวงอะไรหรอก แบคฮยอนเข้าใจว่ามันเป็นเหตุการณ์ก่อนที่เขาจะได้เจอกับแฟนหนุ่ม
แต่พวกเขาทำไปได้ยังไง มีอะไรกันบนเครื่องบินทั้งๆ ที่มีคนนั่งอยู่ด้วย
โคลอี้ที่เหมือนจะแสนดีเพรียบพร้อมก็ดูจะไม่ใช่อย่างนั้นเลย
นิ้วเรียวกดรัวลงบนแป้นพิมพ์ก่อนที่ข้อความจะถูกส่งออกไป
แบคฮยอนปฏิเสธไม่ได้ว่ามันทำให้เขารู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ก็พยายามจะไม่ใส่ใจ
แบคฮยอนเชื่อใจแฟนเขา แล้วก็ไม่คิดว่ามันจะมีอะไรไปมากกว่านี้
เรื่องในอดีตก็แค่เรื่องในอดีต อย่างชานยอลคงเคยทำเรื่องไม่ดีมาอีกเป็นร้อย
และแบคฮยอนก็เซอร์ไพรส์จนชินแล้ว แต่ความรู้สึกที่เกิดขึ้นในใจก็คงห้ามได้ไหม
ในขณะที่รถขับเคลื่อนไปช้าๆ
ดวงตาเรียวรีเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง คนตัวเล็กตัดสินใจบันทึกวิดีโอนั้นลงเครื่องก่อนที่จะเก็บโทรศัพท์ลงในกระเป๋ากางเกง
มันคงไม่ใช่เวลาที่ดีนักถ้าจะถามชานยอลเรื่องนี้
อย่างน้อยก็ขอแค่ให้ผ่านช่วงนี้ไปก่อนก็ยังดี
มันไม่มีอะไรหรอก...
ก็แค่แบคฮยอนคิดมากไปเองเหมือนทุกครั้ง พอรู้สึกไม่ดีก็พาลคิดไปถึงปัญหาอื่นๆ
แล้วก็เสียใจไปเองอยู่เรื่อย ตอนนี้ชานยอลต้องการกำลังใจแบคฮยอนก็ต้องเป็นกำลังใจให้กับคนรักก่อน
แต่เขาก็เริ่มตั้งคำถามกับตัวเองว่าแล้วเวลาที่แบคฮยอนคนนี้เสียใจล่ะ...
ไม่ว่าด้วยเรื่องอะไร ชานยอลอยากเข้าใจหรือเปล่า
เขาอยากช่วยปลอบใจหรือทำให้แบคฮยอนสบายใจหรือเปล่า ถ้าชานยอลบอกให้แบคฮยอนห่างกับเซฮุนแบคฮยอนก็จะทำ
แต่ถ้าแบคฮยอนบอกให้ชานยอลห่างกับเพื่อนสาวคนสนิทของเขาล่ะ
มันจะกลายเป็นตัวแบคฮยอนเองที่คิดมากและทำตัวเจ้าปัญหาเหมือนผู้หญิงหรือเปล่า
ตอนนี้ชานยอลมีกำลังใจของเขาอยู่แล้วทั้งจากพ่อ เพื่อนสนิท และแม่ที่กำลังดีขึ้นซึ่งแบคฮยอนก็รู้สึกยินดีจริงๆ เขาขัดใจเพียงแค่ความรู้สึกเล็กๆ ในใจที่ยังไม่รูู้จะจัดการมันได้ยังไง เป็นเหมือนเสี้ยนเล็กๆ ที่ตำอยู่ในใจและแบคฮยอนยังไม่รู้วิธีที่จะจัดการมัน
ไม่รู้สิ ตอนนี้แบคฮยอนไม่อยากคิดอะไรทั้งนั้น ถ้าวันหยุดได้กลับบ้านก็คงดี อย่างน้อยเขาก็มีกำลังใจมากมายรออยู่ที่บ้าน
#ฟิคกวาง
จะเป็นไรไหม ถ้าฉันจะนั่งตรงนี้ใกล้ๆ เธอ ให้ฉันช่วยเธอ เผื่อมีอะไร ขอบคุณที่อ่านนะคะ มาช้าสักหน่อย สี่ทุ่มเลย ตอนหน้าเจอกันภายในเร็วๆ นี้แบบเร็วมากๆ ฮ่าา แล้วก็อย่าลืม #ฟิคกวาง เหมือนเคย และเอ็นจอยรีดดิ้งเหมือนเดิม ขอบคุณค่ะ :D
ปล. และอย่าลืม #ฟิคกวาง
ความคิดเห็น