ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ฟิคเสื่อม] กวาง The series - Chanbaek

    ลำดับตอนที่ #38 : Chapter : 34 ไม่รู้ตัว

    • อัปเดตล่าสุด 6 ส.ค. 63






    เวลาสามทุ่มเศษบนถนนเลียบแม่น้ำสายเดิม เท้าเล็กๆ ก้าวเดินเอื่อยเฉื่อยไปเรื่อยๆ เพื่อรอเวลา แบคฮยอนซื้อน้ำขิงให้ตัวเองหนึ่งแก้ว กับขนมปลาทอด เขาเดินกินไปเรื่อยๆ ในขณะที่รอให้แฟนหนุ่มมาถึง

     

    ในวันคริสต์มาสอันเป็นเทศกาลแห่งการเฉลิมฉลอง บนสะพานข้ามแม่น้ำถูกประดับด้วยไฟหลากสี มันดูสวยงามและน่าหลงไหล แถมการจราจรก็โล่งมากกว่าทุกทีเพราะผู้คนเริ่มทยอยหยุดพักผ่อนกันแล้ว แบคฮยอนเองก็อยากให้ถึงวันเกิดของเขาเร็วๆ บ้าง จะได้กัลบไปหาพ่อแม่ และแม่นม

     

    [อยู่ตรงไหนอะ]

     

    “อยู่ใกล้ๆ ทางขึ้นสะพานอะ”

     

    [เจอละ]

     

    พอได้ยินคำว่าเจอแล้วคนตัวเล็กก็หันไปมองรอบตัวแล้วก็เจอแฟนหนุ่มในเสื้อนวมกันหนาวสีดำกับหมวกแก๊ป เขาเก็บโทรศัพท์แล้วยิ่งเหยาะๆ เข้ามาใกล้ ในมือถือแก้วกาแฟใบเล็ก ท่าทางยังดูปกติดีเหมือนอย่างทุกที

     

    “เดินมาจากไหนอะ” แบคฮยอนยัดขนมปังไส้ถั่วแดงเข้าปาก เขาเงยหน้าขึ้นมองแฟนหนุ่มก่อนจะสาวเท้าก้าวเดินต่อไปพร้อมๆ กัน  ลมหนาวพัดกรรโชกทำคนตัวเล็กต้องหดคอลงซุกเสื้อกันหนาวตัวหนา

     

    “ตรงลานจอดรถ ใส่มาแค่นี้ไม่หนาวอ่อ” ชานยอลล้วงเอาถุงฮ็อตแพ็คในกระเป๋าเสื้อไปยัดให้กับแฟนตัวเล็กที่กำลังสั่นหน้าไปมาท้าลมหนาวอย่างกับลูกหมาที่ต้องการความอบอุ่น

     

    “หนาวเดะ แล้วแม่เป็นไงมั่งอะวันเนี้ย”

     

    “ก็ดี เค้ามีพยาบาลดูแลอยู่”

     

    “รู้เรื่องแล้วใช่ปะ”

     

    “อือ แต่เค้าถามหาพี่ด้วยนะ ไม่รู้สมองกระเทือนเปล่า” ชานยอลว่าแล้วก็ส่งเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ เขายังจำได้ตอนที่แม่ตื่นมาด้วยสภาพเมายาหลายแขนงแล้วก็ถามว่า แบคฮยอนล่ะทั้งที่มีแค่ชานยอลกับพ่อและโคลอี้ที่อยู่ตรงนั้น ทำเอาทุกคนงงไปกันหมด

     

    “ถามว่าไรวะ”

     

    “ถามว่าแบคฮยอนล่ะ แต่เค้าเหมือนยังไม่ค่อยฟื้นเต็มที่ ผมบอกแบคฮยอนกลับบ้านไปแล้วเค้าก็พยักหน้า แล้วก็หลับ”

     

    “ป่วยละยังไม่เลิกแค้นกูอีกอ่อวะ” ถึงจะพูดไปอย่างนั้นแต่คนตัวเล็กก็หัวเราะออกมา แบคฮยอนคิดว่าประธานคงจะกังวลมากไปเอง หรือไม่ก็ฝันร้ายถึงได้พูดแบบนั้น แบคฮยอนคงไม่ใช่คนที่น่าพิสมัยนักสำหรับประธาน

     

    “ไม่รู้เค้าเหมือนกัน”

     

    ในขณะที่เท้าก้าวเดินขึ้นไปบนสะพานข้ามแม่น้ำ ลมก็ยิ่งโหมพัดแรงขึ้นเรื่อยๆ แบคฮยอนไม่แปลกใจเลยที่แทบไม่มีใครยืนอยู่ตรงนี้ทั้งๆ ที่เป็นมุมดี เขามองเห็นคู่รักคู่หนึ่งยืนอยู่ไกลๆ แล้วก็ไม่เห็นใครอีกเลย พวกคนโสดคงไม่กล้าเดินขึ้นมาไม่งั้นอาจจะหนาวทั้งกายและใจตายอยู่บนสะพาน

     

    “อีกนานปะกว่าจะออกจากโรงบาล”

     

    “ต้องดูก่อน คงอีกสักพักเพราะกระดูกหักต้องกายภาพบำบัดด้วย”

     

    “งี้ก็ไม่ได้ทำงานนานเลยดิ”

     

    “คงทำอยู่โรงบาลนั่นแหละ ไม่อยากไปเยี่ยมหรอ” คนตัวสูงหยุดเดินขณะที่ยกแก้วกาแฟขึ้นดื่ม ชานยอลเอนหลังพิงลงกับราวสะพาน กลิ่นหอมของอเมริกาโน่และลมหนาวกับไฟประดับทำให้ค่ำคืนนี้เป็นคริสต์มาสที่เกือบจะดีที่สุดถ้าไม่มีเรื่องต่างๆ ก่อนหน้านี้

     

    สุดท้ายชานยอลก็ได้ฉลองคริสต์มาสกับแบคฮยอนในแบบที่ไม่คาดคิด

     

    “ไปทำไร”

     

    “ก็ไปหาเค้าหน่อย เค้าอุตส่าห์คิดถึง” เสียงหัวเราะทุ้มๆ ดังออกมาจากในลำคอ ถึงจะไม่รู้ว่าแม่คิดถึงแบคฮยอนในรูปแบบไหนแต่ก็ยังถามหา ถ้าแบคฮยอนส่งขนมหรือดอกไม้ไปเยี่ยมบ้างก็น่าจะดี

     

    “คิดถึงหรือคิดจะฆ่ากู”

     

    “หึ... แล้วไหนบอกมีเรื่องจะคุย”

     

    คำว่ามีเรื่องจะคุยทำคนตัวเล็กนึกขึ้นได้ว่าวันนี้เขาไม่ได้มาเดินเล่นเฉยๆ แบคฮยอนถอนลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนที่ขนมปังปลาคำสุดท้ายจะถูกยัดเข้าปาก

     

    “ไม่มีไรมากหรอก เรื่องที่กูคิดมากไปเองแหละ” ดวงตาเรียวรีหลุบมองลงปลายเท้าก่อนจะเหลือบขึ้นสบตากับคนตรงหน้า แบคฮยอนเริ่มไม่อยากพูดถึงมันแล้วเพราะเขาไม่อยากรื้อฟื้นปัญหากับเรื่องเก่าๆ แต่ก็ปล่อยให้มันคาใจแบบนี้ต่อไปไม่ได้

     

    “เรื่องโคลอี้หรอ”

     

    “อือ... ถามจริงๆ นอกจากเพื่อนแล้วเป็นอะไรมากกว่านั้นปะวะ” นิ่วหน้าเอ่ยถามออกไปเสียงอ่อยด้วยความเป็นกังวล นอกเหนือจากความจริงแล้วที่แบคฮยอนกลัวจะได้ยินยิ่งกว่าคือคำโกหก

     

    “ถ้าถามผมผมก็ตอบว่าไม่ แต่คนอื่นมองแบบไหนผมไม่รู้” คนตัวสูงยกแก้วกาแฟจรดริมฝีปาก ชานยอลยังคงเป็นชานยอลอยู่วันยังค่ำ เขาเอ่ยออกมาด้วยสีหน้าเรียบเฉยและชัดเจนในความรู้สึกไม่ว่าสิ่งที่แสดงออกจะตรงข้ามสิ่งที่พูดแค่ไหนก็ตาม

     

    “แล้วเค้าอะ ชอบมึงไหม”

     

    “ผมไม่รู้”

     

    “เอาจริงๆ มึงต้องรู้ดิวะ มึงอยู่กับเค้าอะ มึงไม่รู้หรือมึงแค่ไม่อยากบอก เอาที่มึงคิดอะ”

     

    “..............” ดวงตากลมโตหลุบลงมองแก้วกาแฟในมือ ชานยอลตอบไม่ได้เต็มปาก เรื่องบางอย่างที่นึกขึ้นได้ทำให้เขาอยากจะเงียบไว้ ชานยอลไม่อยากพาดพิงถึงใครถ้าเขาไม่แน่ใจ

     

    “เค้าชอบมึงใช่ปะ”

     

    “ผมไม่รู้หรอก เค้าไม่เคยบอก”

     

    “แต่ความรู้สึกมันเป็นอย่างงั้นใช่ปะ มึงเคยชอบเค้า เค้าเคยชอบมึง เป็นคนพิเศษกัน แต่ไม่ได้เป็นแฟนจนกระทั่งกูมา แล้วมึงก็มาชอบกู แต่เค้ายังชอบมึงอยู่...”

     

    “ผมบอกแล้วไงว่าผมไม่เคยชอบเค้า ตอนนั้นผมสับสน แล้วผมก็ไม่ใช่แบบนี้” ชานยอลใช้สายตาจ้องลึกลงไปในแววตาของคนรักเป็นการแสดงออกถึงความจริงใจ หวังให้คนตัวเล็กยอมเชื่อ

     

    ชานยอลไม่อยากพูดถึงเรื่องในอดีตของตัวเอง มันเป็นช่วงเวลาที่ทุกอย่างเละเทะไปหมดจนแม้แต่ตัวเขาเองก็อยากจะวิ่งหนี แต่ว่าตอนนี้ชานยอลไม่ใช่ผู้ชายคนนั้นแล้ว แล้วเขาก็ไม่อยากรื้อฟื้นมัน

     

    “คือยังไงวะสับสน”

     

    “ผมคิดว่าผมชอบเค้า แต่ผมไม่ได้ชอบ”

     

    “แล้วมึงก็เลยให้ความหวังเค้าหรอ แบบทำกับเค้าเหมือนแฟน?”

     

    “............”

     

    “แล้วถามจริง ที่ทำอยู่ทุกวันนี้คือมีเยื่อใยกับเค้าใช่ไหมวะ”

     

    “เปล่า... ผมแค่พยายามทำให้มันไม่แย่ไปกว่านี้...”

     

    นัยน์ตาที่เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าวูบไหวไปชั่วครู่ คนตัวสูงส่ายหน้าไปมาพลางถอนลมหายใจเฮือกใหญ่ นี่เป็นสิ่งเดียวที่ชานยอลพูดมันออกมาจากใจในส่วนที่ลึกที่สุด และมันทำให้เขารู้สึกอ่อนแอได้เสมอ

     

    ชานยอลแค่ไม่อยากทิ้งทุกอย่างไปเฉยๆ เหมือนอย่างที่เคยทำ ทุกเรื่องและทุกปัญที่เขาทำเอาไว้กับเพื่อน กับที่บ้าน กับครอบครัว ชานยอลแค่พยายามจะรับผิดชอบเรื่องทั้งหมดนั้นด้วยตัวเขาเองไม่ว่ามันจะยุ่งเหยิงแค่ไหน เพราะไม่อยากจะเป็นคนวิ่งหนีปัญหาอีกต่อไปแล้ว

     

    ชานยอลไม่อยากแค่เดินไปบอกโคลอี้ว่าเขามีคนใหม่แล้ว เรื่องเบลอๆ ของเรา เรื่องให้ความหวัง ให้ลืมมันไปซะ แล้วก็ปล่อยให้เพื่อนสนิทต้องจมอยู่กับความรู้สึกคนเดียว ชานยอลแค่อยากทำให้โคลอี้รู้สึกว่าพวกเขายังเป็นเพื่อนกันได้เสมอ แม้ว่าชานยอลจะมีแฟนแล้ว เขาไม่เคยมีเจตนาจะทำให้คนรักรู้สึกไม่ดีเลย

     

    “..........”

     

    “ผมเคยให้ความหวังเค้า แล้วพอผมเจอคนที่ผมรักจริงๆ ผมก็ทิ้งไปเฉยๆ ไม่ได้ ผมดูแลเค้าในฐานะเพื่อน ผมไม่รู้ว่าเค้าทำให้พี่ไม่สบายใจ ผมบอกเค้าทุกอย่างว่าผมมีแฟนแล้ว ผมไม่คิดว่ามันมีอะไร ผมไม่ได้อยากทำให้พี่เสียใจ ผมขอโทษ...”

     

    “คือมึงพยายามจะรับผิดชอบความรู้สึกเค้าใช่ปะ”

     

    “.................”

     

    “กูไม่ได้ใส่ร้ายนะ มึงก็รู้ว่ากูไม่ใช่คนแบบนั้น แต่ทุกครั้งที่เค้าเจอกูเค้าทำเหมือนเค้าเป็นเจ้าของมึงอะ เค้าเบ่งใส่กูเหมือนเค้ามาก่อน เค้ารู้ว่าเค้ามีอำนาจเหนือกว่า เค้าทำเหมือนเค้ามีสิทธิ์แต่เค้ารู้ว่ากูไม่มีสิทธิ์อะ”

     

    “...............”

     

    “แล้วเวลาที่มึงไม่ทำอะไร มึงปล่อยให้เค้าทำแบบนั้นเพราะมึงไม่อยากขัดใจเค้า กูก็รู้สึกเหมือนมึงปล่อยให้เค้าเย้ยกูอะ ให้เค้าแสดงความเป็นเจ้าของมึง ทั้งๆ ที่มึงก็รู้ว่ากูอ่อนไหว แล้วกูก็ทำแบบนั้นไม่ได้ ในขณะที่กับเค้าแม่มึงแทบจะเอาใส่พานยกมาให้”

     

    “...............”

     

    “กูเสียใจนะเว้ย กูเสียใจมากเลยแหละ แต่กูรู้ว่าพูดไปมึงก็คงหาว่ากูคิดมาก แล้วก็กลายเป็นกูคิดไปเองอีก”

     

    คำพูดเนิบนาบภายใต้สีหน้าเรียบเฉยของแบคฮยอนทำชานยอลถึงกับน้ำตาตก เขาก้มหน้าลงใช้นิ้วมือเช็ดหยาดน้ำตาที่หัวตาก่อนจะเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง ชานยอลเสียใจมากๆ ที่ได้ยินแบบนี้ เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่ามันจะทำให้แบคฮยอนรู้สึกแย่ขนาดนี้

     

    ถึงจะรู้แต่ก็ไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องใหญ่ ไม่คิดว่าแบคฮยอนจะคิดมากขนาดนี้ และที่แย่กว่าคือเป็นชานยอลเองที่เปิดทางให้เพื่อนสนิทของเขาเข้ามาทำร้ายคนรัก นั่นคือเรื่องที่ชานยอลเสียใจมากสุดจากการกระทำของเขาและไม่มีคำแก้ตัวใด

     

    “ผมขอโทษ...”

     

    “กูรู้นะเว้ยว่ามันไม่ใช่ความผิดมึง เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นได้ทั้งนั้นแหละ แต่เพื่อนมึงอะ เค้าเป็นคนดีจริงๆ อ่อวะ เค้าไม่ได้ใช้ความรู้สึกผิดเหนี่ยวรั้งมึงไว้อ่อ สิ่งที่เค้าทำอะ เค้ารู้ว่าเค้าได้เปรียบ เค้าอยู่ในโลกของมึงมากกว่าเค้าก็มาข่มกู แล้วอัพรูปแบบนั้นอะ อยากให้ใครเข้าใจผิดวะ”

     

    “ผมบอกเค้าแล้ว”

     

    “แล้วเค้าว่าไงอะ”

     

    “เค้าไม่ได้ว่าไร บอกว่าจะลบให้แล้วก็ลบ”

     

    “กูไม่สบายใจหรอกนะเว้ย กูรู้ว่ามึงก็ต้องเอาใจเค้า เอาใจแม่ แล้วก็ต้องเอาใจกูด้วย แต่กูไม่สบายใจหรอก กูไม่อยากงี่เง่ากับมึงเพราะรู้ว่ามึงเหนื่อย แต่ให้กูแบกความรู้สึกไว้คนเดียวก็ไม่ไหวว่ะ”

     

    “ผมไม่เหนื่อยหรอก... ถ้าไม่พูดออกมาก็จะหนีไปเลยใช่ปะ” แค่นเสียงหัวเราะออกมาเยาะเย้ยตัวเองให้เจ็บใจเล่นกับความน่าสมเพช ชานยอลรู้ว่าเขาทำให้แบคฮยอนต้องอึดอัดหลายครั้ง แต่การที่เขาพูดออกมาแบบนี้มันดีกว่าเก็บไปคิดคนเดียวแล้วถึงเวลาก็หายไปเฉยๆ เยอะเลย เพราะอย่างน้อยตอนนี้ก็ยังได้คุยกัน

     

    “ไม่หนีหรอก แต่ถ้าทำกูเสียใจบ่อยๆ ก็ไม่แน่” ว่าแล้วคนตัวเล็กก็ยิ้มออกมาก่อนจะว่าต่อ “กูรู้นะเว้ยว่ามึงสนิทกับเค้ามาก่อน แต่กูไม่ได้สนิทกับมึงอ่อวะ ที่อยู่ด้วยกันมา”

     

    “จริงๆ ผมไม่ได้สนิทกับเค้ามากหรอก ถ้าถามผมผมไว้ใจพี่มากกว่าอีก แต่จะให้ผมทำยังไงเมื่อมันถูกมองแบบนี้”

     

    “หรอ แล้วสนิทขนาดไหนอะ ขนาดเอากันได้ปะ” แบคฮยอนว่าแล้วก็หัวเราะออกมา มือบางล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อหนาว เขารู้ว่าแฟนหนุ่มเคยมีช่วงชีวิตที่หนักหนาและเรื่องบ้าๆ ที่ทำให้เขารู้สึกเซอร์ไพรส์ได้เสมอ แต่ไม่รู้ว่าสำหรับเรื่องนี้มันจะปล่อยผ่านไปได้ง่ายๆ ไหม

     

    “ผมไม่เคยมีอะไรกับเค้า”

     

    “แน่ใจอ่อ อย่าโกหกกูนะ”

     

    “สาบาน ผมไม่เคยมีอะไรกับเค้า” คนตัวสูงกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นพร้อมทั้งยกมือขึ้นทำท่าสาบาน ชานยอลอาจเคยจูบโคลอี้ อาจเคยทำอะไรพิเศษๆ ด้วยกัน แต่เขาไม่เคยทำสิ่งนั้น


    ชานยอลไม่เคยมีอะไรกับโคลอี้ เพราะมันเป็นกฏของเขาและรู้ว่ามันจะยิ่งทำให้เรื่องยุ่งเหยิงมากยิ่งขึ้น แค่นี้เขาก็รู้สึกผิดมากพอแล้ว

     

    “พูดจริงอะ”

     

    “ให้ผมตกสะพานตายเลย”

     

    สีหน้าและน้ำเสียงที่จริงจังของแฟนหนุ่มทำแบคฮยอนเริ่มลังเล โทรศัพท์เครื่องบางถูกล้วงออกมาจากกระเป๋าเสื้อ ดวงตาเรียวรีเหลือบมองคนตรงหน้าอีกครั้ง แบคฮยอนเข้าไปที่คลังวิดีโอกดเล่นสิ่งนั้นแล้วยื่นไปตรงหน้า เพื่อแสดงหลักฐานที่ตัวเองได้มา

     

    “แล้วนี่อะ”

     

    ชานยอลไม่ได้พูดอะไร เขาเพียงแค่รับเอามือถือมาดูด้วยสีหน้างงๆ กึ่งเป็นกังวล คิ้วเรียวขมวดย่นลงเล็กน้อยกับวิดีโอประหลาดตรงหน้า ดูเหมือนว่ามันจะเป็นคลิปที่ถูกถ่ายบนเครื่องบิน ชานยอลมองเห็นหญิงสาวคนหนึ่งที่ดูคล้ายกับเพื่อนสาวของเขามากกำลังทำบางสิ่งบางอย่างอยู่ในเลาจ์ที่นั่งผู้โดยสารระดับ First class

     

    คนตัวสูงนิ่วหน้าด้วยความแปลกใจ ชานยอลค่อนข้างมั่นใจว่าคนในคลิปคือเพื่อนสนิทของเขาเอง แต่ไม่นึกเลยว่าโคลอี้จะทำอะไรแบบนี้ และที่สำคัญเขาไม่รู้ว่าเธอกำลังทำกับใคร

     

    “นั่นใช่โคลอี้ปะ”

     

    “ผมว่าใช่”

     

    “แล้วนั่นมึงปะ คนที่มันกำลังเอาด้วยอะ”

     

    “ไม่ใช่ผม” ชานยอลส่งโทรศัพท์คืนให้กับคนรักพร้อมกับส่ายหน้าไปมา เขาไม่รู้ว่าแบคฮยอนไปได้คลิปนี้มาจากไหนและใครเป็นคนบอกว่าคนในคลิปคือชานยอล แต่ตัวเขาเองไม่เคยเห็นคลิปนี้มาก่อนเลย และก็แปลกใจมากด้วยที่อยู่ๆ ก็ถูกกล่าวหาแบบนี้

     

    “แน่ใจอ่อ? แต่คนถ่ายเค้าบอกว่าเป็นมึงนะ”

     

    “ใครเป็นคนถ่ายอะ ถ้าบอกว่าเป็นผมก็ไปเรียกมันมาคุยเลย ไม่ใช่ผมอะ”

     

    สีหน้าจริงจังของคนรักทำให้คนตัวเล็กเริ่มเชื่อ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะใจเขาเพร้อมจะเชื่อทุกอย่างที่ชานยอลบอกอยู่แล้วหรือเพราะเชื่อว่าอีกฝ่ายจะยอมรับถ้าเขาเป็นคนทำ ชานอาจทำเรื่องเลวร้ายหลายอย่าง มีความลับเยอะแยะไปหมด แต่สิ่งที่เขาไม่เคยทำเลยคือการโกหก และแบคฮยอนก็เชื่อ...

     

    “แล้วทำไมคนถ่ายเค้าถึงบอกว่าเป็นมึงอะ”

     

    “ใครถ่ายอะ ไปถามมันดิ มันบอกว่าไร”

     

    “กูได้มาจากเพื่อนของเพื่อนๆ มึงอีกทีอะ เค้าบอกว่ามันอัพแกล้งมึงบนเฟสแล้วมีคนไปขอมาได้ก็เลยหลุด”

     

    “ใครอะ งั้นก็ไปถามชื่อมาว่าใครเป็นคนปล่อย ถ้าเป็นเพื่อนผมเดี๋ยวผมถามเอง แต่ผมสาบานผมไม่เคยมีอะไรกับเค้า ไม่เคยเอาใครบนเครื่องบินด้วย”

     

    “หรอ แล้วอันนี้อะ” แบคฮยอนกดเลื่อนไปเปิดคลิปถัดไปให้แฟนหนุ่มก่อนจะส่งเสียงหัวเราะออกมา คราวนี้ชานยอลปฏิเสธไม่ได้แน่เพราะหน้าเขาปรากฏอยู่เต็มจอ และดูเหมือนว่าเจ้าตัวเองก็ไม่อยากเห็นเท่าไหร่

     

    คนตัวสูงแกล้งทำเป็นยกแก้วกาแฟขึ้นดื่มแล้วส่งสายตามามองเหมือนเป็นเชิงถามว่า จะเอาผิดให้ได้เลยใช่ไหม

     

    “อันนี้มันตั้งนานแล้ว ผมยังเรียนอยู่เลย ดูทรงผมดิ”

     

    “นมนี่ขยำมันมือเลยนะ”

     

    “มันนานแล้ว แต่คลิปนั้นไม่ใช่ผมจริงๆ” ชานยอลยังยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเอง ที่จริงมันเป็นเรื่องร้ายแรงมากเลยกับการถูกกล่าวหาครั้งนี้ ถ้าแค่พูดกันเล่นๆ ก็คงจะไม่เป็นไรหรอก แต่ถ้ามาถึงแบคฮยอนแล้วทำให้เขาต้องทะเลาะกับแฟนขนาดนี้มันไม่ขำเลย

     

    “งั้นถ้าไม่ใช่มึงแล้วใครวะ”

     

    “ผมไม่รู้ เค้าไม่เคยบอกว่ามีแฟน”

     

    “งั้นทำไมเค้าถึงบอกว่าเป็นมึงอะ” คนตัวเล็กนิ่วหน้าด้วยความสงสัย แบคฮยอนเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋าก่อนจะเดินไปยืนเชิดหน้ารับลมอยู่ข้างแฟนหนุ่ม

     

    คิ้วเรียวขมวดย่นลงเล็กน้อยกับคงามประหลาดใจ ตอนนี้แบคฮยอนโล่งใจไปเปราะหนึ่งแล้ว แต่ก็ยังมีคำถามมากมายคาอยู่ในใจ ไม่ใช่ว่าไม่เชื่อใจคนรัก แต่มันก็อดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมถึงมีคนบอกว่าคนในคลิปคือชานยอลในเมื่อเจ้าตัวปฏิเสธว่าไม่ใช่ ถ้าเขานั่งอยู่ตรงนั้นก็ต้องเห็นสิว่าเป็นใครอยู่

     

    “ไปเอาชื่อคนถ่ายมาดิ เดี๋ยวผมถามเอง ทำงี้ผมเสียหายนะถ้าคลิปมันหลุดขึ้นมาอะ แค่นี้ก็เดือดร้อนแล้วเนี่ย”

     

    “นั่นดิ เดี๋ยวกูลองไปถามดูแล้วกัน แต่ถ้าไม่ใช่มึงก็ดีแล้ว คลิปมันคงหลุดมาหลายมือแหละ อาจจะพูดกันไป เค้าเห็นว่าเป็นโคลอี้เปล่าก็เลยคิดว่าเป็นมึงอะ”

     

    “เพราะเรื่องคลิปเนี่ยหรอถึงโกรธผม” ชานยอลพลิกตัวไปยืนซ้อนหลังแฟนตัวเล็กที่ยืนหันหน้าออกไปรับลมทางฝั่งแม่น้ำ เขาสอดแขนเข้ากอดรัดเอวบางพลางวางคางเกยกับไหล่ที่ถูกคลุมด้วยเสื้อกันหนาวผ้านวมตัวหนา ปลายจมูกโด่งซุกลงดมกลิ่นหอมจากน้ำยาปรับผ้านุ่มที่แสนคุ้นเคย

     

    ชานยอลกำลังคิดว่าจะเป็นยังไงถ้าวันนี้แบคฮยอนไม่ถามออกมาแล้วก็เก็บเอาไปคิดอยู่คนเดียว ชานยอลคงกลายเป็นพวกกินเพื่อนสนิทแถมยังมีเซ็กส์แบบไม่อายคนบนเครื่องบินไปตลอดในใจแบคฮยอน

     

    “ก็มีส่วนแต่ไม่เชิงหรอ เมื่อวานก่อนกูไปถึงโรงบาลแล้วนะเว้ย แบบกูขึ้นไปข้างบนเลย แล้วกูก็เห็นมึงยืนซบอยู่กับเพื่อนมึง กูไม่อยากเข้าไปขัด กูไม่ได้งอนนะ แต่กูรู้สึกว่ามันไม่ใช่ที่ของกูอะ กูเห็นมึงเห็นเพื่อนมึง แม่มึง ตอนกูเดินออกมากูก็เห็นพ่อมึง กูก็คิดนะว่าดีแล้วที่ไม่เข้าไป ไม่งั้นคงอึดอัดแย่เลยอะ แล้วก็ดันมาเจอคลิปอีก”

     

    ลมหายใจอุ่นๆ ถูกถอนออกมาเฮือกใหญ่ แบคฮยอนซดน้ำขิงอึกสุดท้ายลงคอก่อนจะขยำมันแล้วเก็บลงกระเป๋าเสื้อกันหนาว

     

    “ผมไปซบเค้าตอนไหนวะ”

     

    “กูเห็นนะเว้ย มึงจับมือเค้าอะ แล้วมึงก็ซบเค้า”

     

    “อ๋อ... นึกออกละ ตอนนั้นผมร้องไห้อะ ผมซบเช็ดน้ำตาแป๊บเดียวเองนะ ผมก็บอกแล้วว่าถ้ามาผมจะลงไปรับ แม่ผมเพิ่งย้ายมายังไม่ได้ใส่ชื่อให้ใครเยี่ยมเลย”

     

    “แล้วทำไมอีโคลอี้มันเข้าได้อะ”

     

    “ก็เค้ามากับพ่อ”

     

    “มึงก็ซบเค้าอยู่ดีอะ” คนตัวเล็กพลิกตัวหันหน้าเข้าหาแฟนหนุ่ม คิ้วเรียวขมวดย่นด้วยความไม่พอใจ ถึงชานยอลจะพูดยังไงเขาก็ยังถึงเนื้อถึงตัวโคลอี้อยู่ดี “มึงอะบอกไม่ให้กูทำนู่นทำนี่ แต่มึงก็ทำ กูเสียใจนะเว้ย ให้กูลองทำมั่งปะล่ะ”

     

    “ก็บอกแล้วว่าขอโทษ ผมขอโทษจริงๆ นะ ผมเสียใจจริงๆ ผมไม่ได้ตั้งใจทำให้รู้สึกไม่ดี แต่คราวหลังจะระวังกว่านี้”

     

    “ทำไมชอบทำให้กูคิดมากวะมึงอะ ” มือบางยกขึ้นจับหูกางๆ ที่กำลังแดงเพราะอากาศของคนตรงหน้าด้วยความหมั่นไส้ พอได้พูดออกมาได้ปรับความเข้าใจเรื่องอัดอั้นที่เคยฟุ้งซ่านไปล้านแปดก็หดลงเหลือเท่าเม็ดถั่ว

     

    แบคฮยอนไม่อยากมองชานยอลเป็นคนเห็นแก่ตัวที่เอาแต่คว้าเอาคนนู้นคนนี้มายึดไว้โดยที่ไม่เคยใส่ใจความรู้สึกคนเหล่านั้นเลย อย่างน้อยวันนี้แค่เขาพูดขอโทษออกมาและยอมรับผิดอย่างไม่มีข้อโต้แย้งมันก็ถือว่าดีกว่าเมื่อก่อนมากแล้ว

     

    “ผมขอโทษ บางทีผมไม่รู้ตัวหรอก ถ้าผมทำอะไรผิดก็บอก แต่อย่าเพิ่งเลิกรักกันนะ อย่าเพิ่งถอดใจ...”

     

    ว่าแล้วคนตัวสูงก็ซบใบหน้าลงกับเสื้อหนาวนุ่มฟูบนราดไหล่แฟนตัวเล็ก ชานยอลเป็นตัวเขามาทั้งชีวิต และพยายามเป็นสิ่งต่างๆ มากเกินไปจนบางทีก็สับสน มันเป็นเรื่องดีที่มีแบคฮยอนอยู่ตรงนี้ คอยดึงเขาให้กลับมาที่เดิมทุกทีที่ลืมตัว


    "พูดว่าจะทำแล้วอะทำให้ได้บ้าง มึงอะ เจอแบบนี้บ่อยๆ กูเสียใจนะเว้ย เดี๋ยวหนีแม่งเลย" 


    ถึงจะพูดอย่างนั้นแต่คนตัวเล็กก็ยิ้มออกมา เขาวางมือลงบนกลุ่มเส้นผมของคนรักพลางขยี้เบาๆ ด้วยความหมั่นเขี้ยว สุดท้ายก็ใจอ่อนทุกที ไม่เคยจะโกรธชานยอลได้นานเลย แบคฮยอนไม่เคยโกรธชานยอลได้นานเลยจริงๆ

     

    “เหนื่อยไหม...” คนผิดส่งเสียงอู้อี้ออกมาทั้งที่หน้ายังซุกอยู่กับเสื้อนวมตัวหนา ความหนาวทำให้ชานยอลต้องกอดกระชับร่างคนรักให้แน่นขึ้น

     

    “ไม่เหนื่อยหรอก แต่บางทีก็นิ๊ดนึง”

     

    “อย่าเพิ่งเลิกรักผมนะ ผมผ่านทุกอย่างมาได้เพราะพี่ ผมรู้ว่าผมยังพยายามไม่พอ แต่ผมจะพยายามอีกนะ” ชานยอลเงยหน้าขึ้นจูบหน้าผากและปลายจมูกของคนรักด้วยความรักใคร่

     

    ริมฝีปากร้อนผ่าวที่สัมผัสลงกับผิวเย็นๆ และสายตาที่เต็มไปด้วยความอ้อนวอนทำแบคฮยอนยิ่งใจอ่อนไปกันใหญ่ แบคฮยอนรู้ว่าชานยอลไม่ได้พยายามน้อยไปกว่าใคร เขาอาจจะสับสน วุ่นวาย และทำอะไรไม่ถูกที่ทางบ้างแต่ก็ยังจริงใจและพยายามอยู่เสมอ

     

    ความเป็นตัวตนที่มาพร้อมกับความรับผิดชอบที่หนักหนา แบคฮยอนไม่อาจพูดได้ว่าเข้าใจชานยอลเมื่อเขาไม่เคยต้องเรียนหนักและถูกกวดขันให้เป็นอันดับหนึ่งตลอดเวลา ต้องทำทุกอย่างที่ควรทำมากกว่าที่อยากทำ ไม่เคยอยู่กับพ่อแม่ที่ทุ่มความคาดหวังทุกอย่างมาที่ตัวเรา หรือรู้สึกอ้างว้างไม่มีใคร แบคฮยอนรู้ว่าชานยอลกำลังพยายามทำในสิ่งที่ถูกต้องอยู่ถึงแม้ว่ามันจะผิดๆ ถูกๆ ไปบ้าง แต่เขาก็ยังน่าชื่นชมอยู่ดี

     

    “ไม่ต้องกดดันตัวเองมากหรอก คบกันก็แบบนี้แหละ”

     

    “..........”

     

    “เวลากูไม่สบายใจกูก็อยากได้แค่ความสบายใจ กูรู้นะว่ามึงเหนื่อย มึงพยายามเพื่อกู ถึงกูจะไม่ค่อยเข้าใจวิธีของมึงก็เหอะ กูไม่ถอดใจหรอก ก็มาขนาดนี้แล้วปะวะ นึกถึงตอนมีความสุขด้วยกันดิ” เอ่ยออกไปพร้อมกับระบายยิ้มออกมาเหมือนอย่างที่เคยทำ

     

    มือบางยกขึ้นเช็ดหยดน้ำตาที่คลอหน่วยอยู่ในเบ้าตาของเด็กยักษ์จอมขี้แย ทั้งความอดทนและความอ่อนไหวของชานยอลแบคฮยอนเองก็รับรู้ เราทุกคนก็ต้องอดทนทั้งนั้น แบคฮยอนอาจไม่เคยทำให้ชานยอลลำบากใจ แต่ตอนที่คบกันชานยอลเองก็ต้องแบกรับความกดดันหลายอย่างเอาไว้และเขาไม่เคยพูดอะไรออกมาสักคำ

     

    แบคฮยอนยังมีบ้าน มีแม่กับพ่อ เพื่อนสนิท และหมา ยังมีหลายที่ให้พักผ่อน แต่ดูเหมือนว่าชานยอลจะไม่มีใครที่ทำให้เขารู้สึกสบายใจได้เลย ชานยอลอาจไม่เคยมีความรัก และเขาไม่รู้ว่าต้องปฏิบัติตัวยังไง ต้องแสดงความสำคัญยังไง แต่อย่างน้อยตอนนี้แค่รู้สึกผิดและยอมขอโทษก็ดีแล้ว ไม่รู้หรอกว่าจะทำได้ดีแค่ไหน แต่ก็คงต้องพยายามกันไปจนกว่ามันจะถึงที่สุด

     

    “นอกจากพี่ผมไม่ต้องการใครแล้วนะ ขอบคุณครับ รักมากๆ นะ” 


    ริมฝีปากอิ่มจูบประทับลงบนหน้าผากมนก่อนจะเลื่อนลงแตะสัมผัสกับกลีบปากที่ยังมีรสชาติของน้ำขิงติดอยู่ ใช้ริมฝีปากขบเม้มกดจูบลงซ้ำๆ อีกครั้งและอีกครั้ง ภายใต้แสงไฟประดับถนนและอากาศหนาว ทั้งคำขอโทษที่จริงใจ 


    ชานยอลกอดกระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้น เขาสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดหลังจากที่ได้เคลียร์ปัญหาที่น่าอึดอัดใจไป รู้สึกโล่งใจราวกับมีใครมายกภูเขาออกไปจากอก

     

    ชานยอลต้องพยายามให้มากกว่านี้ เพราะเขาไม่สามารถถอยกลับไปได้แล้ว รักแบคฮยอนไปหมดใจแล้ว ชานยอลต้องทำทุกอย่างเพื่อที่จะประคองความรักนี้เอาไว้ เขาถอดใจไม่ทันแล้ว...





    “แล้วสรุปคนในคลิปนั่นไม่ใช่มึงจริงๆ ใช่ปะ”

     

    “ไม่ใช่ ผมสาบาน ให้ตกน้ำตายเลย ไม่ใช่ผมจริงๆ”

     

    “งั้นถ้าไม่ใช่มึงแล้วใครวะ”

     

    “ผมไม่รู้”

     

    “ทำไมเค้าต้องใส่ร้ายมึงด้วยวะ”









    #ฟิคกวาง




    มาตามสัญญา เจอกันตอนหน้าที่เต็มไปด้วยความแฮปปี้สดใสฟรุ๊งฟริ๊งหลังมรสุมผ่านพ้น :D  อย่าลืม #ฟิคกวาง  และเอ็นจอยรีดดิ้งเหมือนเดิม 
     
    ปล. เนื่องจากตอนนี้เราพรู๊ฟคำผิดเอง อาจจะพลาดไปบ้าง ถ้าเจอก็บอกไว้ในคอมเม้นได้นะคะ บ๊ายบาย :D 

    CR.SQW
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×