ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ฟิคเสื่อม] กวาง The series - Chanbaek

    ลำดับตอนที่ #30 : Chapter : 27 หวาน ฉ่ำ...

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 25.91K
      384
      18 พ.ย. 62





    รถยนต์คันสีดำสนิทจอดเทียบข้างถนนหน้าร้านสะดวกซื้อ หลังจากที่ใช้เวลาขับรถกินลมไปรอบๆ เมืองแบคฮยอนก็เริ่มท้องหิว พวกเขาจอดรถก่อนที่จะพากันลงไปหาขนมและเครื่องดื่มเย็นๆ มาตุนไว้เผื่อไปนอนเล่นตามจุดชมวิว

     

    “กินขนมปังปะ”

     

    “ไม่เอา จะกินก็หยิบมาเลย”

     

    แบคฮยอนตรงไปหยิบตะกร้าตรงหน้าเคาน์เตอร์ก่อนที่จะเดินไปยืนเลือกขนมขบเคี้ยวอยู่ที่ชั้น เขาหยิบเอามันฝรั่งอบกรอบและขนมรสชาติต่างๆ ใส่ตะกร้า โดยที่ไม่ลืมหยิบโดริโทสห่อใหญ่ที่เป็นของชอบแฟนหนุ่มติดไปด้วย พอได้ขนมเสร็จก็เดินไปเลือกบะหมี่ในถ้วยสำเร็จรูปมาสองชาม

     

    ในขณะที่กำลังคิดว่าจะกินอะไรอีกดี แบคฮยอนก็นึกขึ้นได้ว่ายังมีใครบางคนนอนเหงาอยู่ที่บ้านพัก คนตัวเล็กหยิบเอาโทรศัพท์ขึ้นมากดส่งข้อความหารุ่นน้องว่าอยากจะได้อะไรไหม ตอนนี้อยู่ที่ร้านสะดวกซื้อ พอส่งเสร็จก็เก็บมันแล้วเดินไปทางชั้นขนมปัง

     

    “ไม่ต้องใส่ถุง”

     

    แบคฮยอนมองเห็นแฟนเขากำลังยืนซื้ออะไรบางอย่างอยู่ที่หน้าเคาน์เตอร์ด้วยท่าทางลับๆ ล่อๆ แต่ยังไม่ทันจะได้เอ่ยทัก พอสายตาหลุบไปเห็นสิ่งที่คนรักกำลังเก็บใส่กระเป๋ากางเกงรอยยิ้มเล็กๆ ก็ผุดขึ้นมาบนใบหน้า

     

    แบคฮยอนหยิบขนมปังใส่ตะกร้าแล้วเลือกที่จะไม่ทักอะไรออกไป เขาแสร้งทำเป็นหยิบขนมขึ้นมาดูทำทีเหมือนไม่ได้กำลังสนใจแฟนหนุ่ม พอซื้อของเสร็จชานยอลก็ขยำใบเสร็จเก็บลงกระเป๋า ก่อนจะเดินไปยังชั้นวางอาหารสำเร็จรูปตรงโซนของเย็น

     

    พอเลือกขนมปังเสร็จคนตัวเล็กก็เดินไปหาแฟนหนุ่มตรงชั้นวางเครื่องดื่ม ชานยอลเลือกน้ำเปล่ากับน้ำอัดลมลงตะกร้าไป 3 – 4 กระป๋อง เขาจะรับไปถือแทนเมื่อเห็นว่าของเริ่มเยอะแล้ว

     

    “พอละมั้ง แค่นี้ก็อิ่มละ”

     

    “งั้นก็ไปจ่ายเงิน” ชานยอลถือตะกร้าเดินกลับไปยังเคาน์เตอร์อีกครั้ง เขาไม่ลืมสั่งอเมิรกาโน่แก้วใหญ่มาด้วยก่อนที่จะล้วงกระเป๋าสตางค์ออกมาจากางเกงเพื่อจ่ายเงิน

     

     

     

    .

     

    .

     

    .

     

     

     

    ใช้เวลาแค่ไม่กี่นาทีหลังจากที่ซื้อของเสร็จ รถยนต์คันเดิมก็ขับรถมาจอดบนถนโล่งๆ เรียบชายหาด ชานยอลเปิดกระจกรถลงก่อนจะหยิบแก้วกาแฟอุ่นๆ มาประคองไว้ในมือ ขณะที่เคาะนิ้วลงกับพวงมาลัยรถ

     

    ตอนนี้นาฬิกาบอกเวลาใกล้เที่ยงคืนแล้ว อากาศด้านนอกเย็นเฉียบ ไม่นับรวมลมแรงๆ ที่พัดแข่งกับเสียงคุยของคนในรถ

     

    ในขณะที่ชานยอลนั่งจิบกาแฟเพื่อบรรเทาความหนาว แบคฮยอนก็บีบก้อนข้าวปั้นใส่ถ้วยมาม่าที่มีน้ำคลุกคลิกอยู่ก้นถ้วย ก่อนที่จะใช้ตะเกียบคนแล้วเทผงปรุงรสที่แอบขยักไว้ลงไปเพิ่ม ท่าทางการกินที่แสนมีความสุขของแฟนตัวเล็กทำชานยอลเห็นแล้วอดหัวเราะออกมาไม่ได้  ดวงตากลมโตเอาแต่จับจ้องไปยังริมฝีปากเล็กๆ ที่กำลังเคี้ยวขมุมบขมิบไม่หยุด แก้มของแบคฮยอนบวมตุ่ยเพราะเม็ดข้าวแถมยังขึ้นสีแดงระเรื่อจากอากาศหนาว มันช่างเป็นภาพที่น่าเอ็นดู

     

     ชานยอลชอบมองแฟนเขาเวลากินมากที่สุด เพราะแบคฮยอนมีความสุขที่สุดเวลาได้กิน แล้วในก็ทำให้ชานยอลมีความสุข

     

     “กินปะ”

     

    “ไม่เอา”

     

    “ชอบกินกาแฟอ่อ หรือหนาว” คนตัวเล็กเอ่ยถามออกไปในขณะที่ปากยังเคี้ยวข้าวตุ้ยๆ แบคฮยอนคีบปลาแซลม่อนชิ้นสุดท้ายเข้าปากก่อนที่จะเก็บชามลงถูกขยะแล้วหยิบน้ำขึ้นมาดื่ม

     

    “อือ มันหอมดี”

     

    “ชิมมั่งดิ”

     

    “ระวังนะ ร้อน” ชานยอลยื่นแก้วกาแฟอเมริกาโน่ของเขาไปจ่อปากแฟนตัวเล็ก ก่อนที่จะยกมือขึ้นช่วยปาดคราบซอสที่เลอะอยู่ตรงมุมออก แล้วเช็ดมันลงกับกางเกงตัวเอง

     

    เขาพยายามจะไม่ยกแก้วกาแฟให้สูงเกินไป ทว่ายังไม่ทันที่อเมริกาโน่อึกใหญ่จะได้ไหล่ผ่านลำคอ เพียงแค่ลิ้นของแบคฮยอนแตะโดนช่องที่กาแฟไหล เขาก็ร้องแหวะแล้วก็ทำหน้าตาพะอืดพะอมแถมยังแลบลิ้นออกมาอีก ดูยังกับลูกแมวเวลากินผัก

     

    “แหวะ ขมอะ โคตรขมเลย มันไม่มีรสนมกับน้ำตาลเลยอะ” คนตัวเล็กทำหน้าแหยะก่อนจะรีบหยิบเอาน้ำอัดลมมากินล้างปาก ตอนแรกแบคฮยอนนึกว่ากาแฟชานยอลจะหวานๆ เหมือนนมรสกาแฟซะอีก เห็นชอบกินของจืดๆ ไม่คิดว่าจะกินรสชาติผู้ใหญ่ขนาดนี้

     

    “ก็มันเป็นอเมริกาโน่”

     

    “มันคือไรอะ”

     

    “มันก็ใส่แต่กาแฟไง”

     

    “กาแฟชงน้ำร้อนเปล่าๆ อะนะ  หือ... กินไปได้ไงวะ เป็นกูกินไม่ได้อะ กินละใจสั่น ตาแข็งตาย”

     

    “ลิ้นเด็กว่ะ”

     

    “เด็กอะแระ ทีตัวเองยังไม่กินเผ็ดเลย แล้วก็มาว่าคนอื่น”

     

    “หึ... ไปนั่งข้างหลังกัน” ชานยอลไม่ได้เถียงอะไร เขาเพียงแค่ส่งเสียงหัวเราะออกมาแล้วยกแก้วกาแฟขึ้นดื่ม ก่อนที่จะกดปุ่มปรับพนักเก้าอี้ด้านหลังให้เอนลงเรียบเสมอกันเหมือนเป็นเตียงนอนขนาดใหญ่

     

    เสียงเพลงจากเครื่องเล่นถูกเปิดให้ดังคลอเบาๆ เรียวนิ้วยาวเคาะกับพวงมาลัยอย่างสบายอารมณ์ บรรยากาศรอบข้างเงียบจนได้ยินเสียงหวีดจากลมทะเล

     

    “มึงจะเอากูอะดิ กูรู้”

     

    อยู่ๆ คนตัวเล็กก็พูดขึ้นมาในขณะที่เก็บซองขนมลงถุง ทำเอาคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ถึงกับสำลักกาแฟแถมยังหลุดหัวเราะออกมาเสียงดัง ชานยอลถึงกับกลั้นขำไม่ไหว พอแบคฮยอนเห็นอย่างนั้นเขาก็ยิ่งมั่นใจว่าสิ่งที่ตัวเองคิดนั้นถูกต้อง เชื่อเลยว่าคนเป็นแฟนกันยังไงมันก็ไม่พ้นเรื่องทันความคิดหรอก

     

    “เอาที่ไหนละ แค่ชวนไปนั่งเล่นเฉยๆ” คนถูกกล่าวหาว่าทั้งที่ใบหน้ายังยิ้มไม่หุบ ชานยอลรีบหยิบเอาทิชชู่มาเช็ดคราบกาแฟบนนิ้วมือก่อนที่จะวางมันลงตรงที่วางข้างกระปุกเกียร์

     

    “ไม่เอาแล้วมึงซื้อถุงยางมาทำไม กูเห็นนะ อย่ามาโกหก” มือบางเอื้อมไปบีบคางแฟนเด็กจอมเจ้าเล่ห์ไว้ด้วยความหมั่นไส้ ยิ่งได้เห็นรอยยิ้มกวนประสาทของชานยอล เขาก็ยิ่งคิดว่าเจ้าเด็กตรงหน้านี่มันร้ายกาจจริงๆ

     

    “ก็ซื้อไว้เฉยๆ”

     

    “ซื้อเผื่อไว้แต่ไม่ได้จะเอา?”

     

    “ถ้าจะเอาจริงๆ ไม่ต้องใช้หรอก” ชานยอลว่าแล้วยกยิ้มขึ้นที่มุมปากก่อนจะส่งเสียงหัวเราะออกมาจากในลำคอ เขาก็แค่ซื้อถุงยางมาไว้เผื่อว่าจะได้ใช้เอง เพราะถ้าอยากทำจริงๆ ถึงไม่มีมันก็ไม่จำเป็นหรอก ...

     

    “ร้ายว่ะ แม่ง” แบคฮยอนใช้มือตบลงบนแก้มคนรักเบาๆ ก่อนที่จะย้ายตัวเองปีนข้ามไปยังเบาะด้านหลัง

     

    เขากดกระจกทางฝั่งซ้ายให้ลดลงครึ่งนึง แล้วคลานไปหยิบเอาผ้าห่มผืนนุ่มมากอดเอาไว้ กลิ่นของมันยังคงเหมือนเดิมไม่ต่างจากวันก่อนๆ ที่เคยใช้ คนตัวเล็กคลานกลับไปนั่งนอนพิงหลังกับประตูตรงที่เดิมอีกครั้ง แล้วสะบัดผ้าห่มคลุมปลายเท้า พอแฟนหนุ่มย้ายตัวเองข้ามเบาะมาเขาก็หดขาเพื่อให้อีกฝ่ายขยับตัวได้ถนัดขึ้น

     

    “อาทิตย์หน้าไปอยู่คอนโดด้วยกันปะ” ชานยอลว่าในขณะที่คลานเข้าไปจุ๊บริมฝีปากแฟนตัวเล็กเบาๆ เขาปรับกระจกให้สูงขึ้นอีกนิดเพื่อที่จะได้ไม่มีใครบังเอิญมาเห็นเข้า

     

    “ทำไมอะ แล้วไม่กลับบ้านอ่อ?”

     

    “หึ ไม่กลับ บอกแม่แล้วว่าจะไปอยู่นู่น เพราะว่าอาทิตย์หน้าผมไม่ต้องทำงาน”

     

    “เอ้า ทำไมไม่ทำอะ”

     

    “ก็ทำ แต่ไปทำแค่ที่แผนกไอที ไม่ต้องคอยขับรถให้แม่” ว่าแล้วก็ริมฝีปากร้อนผ่าวก็จูบประทับลงบนพวงแก้มนุ่มอีกครั้ง กลิ่นหอมของแบคฮยอนทำให้สติชานยอลเริ่มไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เขาวางมือลงบนเอวขอดก่อนที่จะสอดแขนเข้าไปซ้อนแผ่นหลังแล้วดึงรั้งร่างอีกฝ่ายขยับเข้ามาใกล้กว่าเดิม

     

    “อ๋อ อยากให้ไปปะล่ะ”

     

    “ก็อยากให้ไปไงถึงชวน”

     

    ลมหายใจร้อนๆ ที่เป่ารดข้างแก้มเริ่มทำให้แบคฮยอนขนลุก คราวนี้คนตัวเล็กเริ่มรู้สึกได้ถึงความไม่ชอบมาพากลในน้ำเสียงที่แหบพร่ากับมือที่อยู่ไม่สุขของแฟนหนุ่ม แบคฮยอนยกมือขึ้นดันแผ่นอกคนตรงหน้าให้ถอยออกห่างก่อนที่จะเอ่ยถามออกมาพร้อมกับเสียงหัวเราะ

     

    “มึงมีอารมณ์ปะเนี่ย....”

     

    “.............”

     

    “เอาดีๆ”

     

    “.............”

     

    ไม่มีคำตอบใดจากเด็กหนุ่ม ดวงกลมโตจ้องลึกลงไปในแววตาของคนรัก ก่อนที่ริมฝีปากร้อนผ่าวจะเคลื่อนเข้าบดขยี้กับกลีบปากเรียวเล็กแทนคำตอบ ชานยอลบดคลึงริมฝีปากของเขาลงกับกลีบปากบางสลับกับดูดเม้มมันอย่างหนักหน่วง เป็นการส่งสัญญาณแกมบังคับให้คนตัวเล็กเปิดปากออก เพราะยิ่งฝืนจูบก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้น

     

    สุดท้ายแบคฮยอนก็ต้องยอมอ้าปากให้ลิ้นร้อนๆ สอดแทรกเข้ามาเกี่ยวกระหวัดอย่างเอาแต่ใจ ทันทีที่ปลายลิ้นสัมผัสกันมือไม้ที่เคยแข็งก็อ่อนยวบยาบ เรียวแขนบางทั้งสองโอบตวัดรอบลำคอเจ้าของจูบที่แสนตะกรุมตะกราม เสียงปะทะกันของริมฝีปากดังจ๊วบจ๊าบไปทั่วคันรถ ไม่ต้องบอกแบคฮยอนก็รู้ได้ว่าแฟนเขาโหยหาการสัมผัสร่างกายขนาดไหน  

     

    ฝ่ามือร้อนๆ เริ่มสอดเข้าไปลูบไล้ผิวกายภายใต้เสื้อของคนรัก เสียงหอบหายใจดังขึ้นเรื่อยๆ แต่ก่อนที่อะไรจะเลยเถิด ชานยอลก็ถูกผลักให้ละใบหน้าออก ริมฝีปากเขาเคลือบอาบไปด้วยคราบน้ำลาย เพียงแค่ได้จูบกัน ความต้องการที่อดกลั้นมาตลอดสัปดาห์ก็พากันหลั่งไหลมาอัดรวมตัวอยู่ที่ส่วนกลางของร่างกายจนรู้สึกอึดอัดไปหมด

     

    “ไม่เอา ไม่ทำตรงนี้....”

     

    คนตัวเล็กนิ่วพร้อมกับวางมือลงทาบแก้มของแฟนหนุ่ม ถึงจะรู้สึกสงสารอีกฝ่ายมากแค่ไหนแต่แบคฮยอนก็ไม่สามารถยอมให้ชานยอลทำตรงนี้ได้ เพราะเขาไม่อยากให้ใครมาเห็น  โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าบังเอิญมีคนรู้จักของชานยอลมาเจอมันก็ยิ่งแย่ใหญ่

     

    “งั้นทำให้หน่อย...” เด็กหนุ่มตัวสูงกล่าวออกไปด้วยน้ำเสียงแหบพร่า พลางเลื่อนใบหน้าลงไปวางซบลงบนซอกคอขาว

     

     เมื่อแบคฮยอนไม่อยากทำชานยอลก็เคารพสิทธิ์ในตัวคนรัก.. ริมฝีปากอิ่มขบเม้มเบาๆ ลงบนซอกคอก่อนที่มือหนาจะเลื่อนไปจับฝ่ามือบางมาทาบบนเป้ากางเกงที่กำลังแข็งตึง

     


    cut

     

    .

     

    .

     

    .

     

     

     

    “พรุ่งนี้กลับกี่โมงอะ”

     

    “คงเย็นๆ อะ อาจจะถึงตอนค่ำ กลับแล้วไปข้างนอกกันไหม”

     

    ที่เบาะหลังรถยนต์คันเดิมเสียงพูดคุยดังขึ้นเบาๆ ท่ามกลางความเงียบ แบคฮยอนนั่งหดตัวอยู่ใต้ผ้าห่มโดยมีแฟนหนุ่มนั่งพิงอยู่ข้างๆ อากาศหนาวในยามดึกทำให้ต้องปิดกระจกรถหมดทั้งสี่ด้าน แบคฮยอนสวมถุงเท้าลายเชยๆ ที่ซื้อมาจากร้านสะดวกคู่กับชานยอล ปลายเท้าทั้งสี่ข้างเอาแต่เขี่ยกันไปมาอยู่ใต้ผืนผ้านวม กลิ่นกาแฟที่ลอยคลุ้งอยู่ในรถทำให้บรรยากาศยิ่งชวนให้นึกถึงฤดูหนาว

     

    “ไปไหนอะ”

     

    “อยากไปขับรถเล่น ก็จะได้ไปนอนที่คอนโดเลย ตอนเช้าจะได้ไปทำงานพร้อมกัน” ชานยอลว่าในขณะที่เลื่อนดูมือถือของแฟนตัวเล็กไปด้วย เขากดเข้าไปดูรูปถ่ายในคลังภาพ โดยหวังว่าจะเห็นภาพลับ แต่สุดท้ายก็เสียเวลาเปล่า เมื่อเจอแต่รูปหมามงรยงกับเซลฟี่ตลกๆ

     

    “เดี๋ยวดูก่อน ถ้าถึงไวหน่อยเดี๋ยวบอก”

     

    “อือ”

     

    “เออ มึงรู้จักเซฮุนปะ ไอ้รุ่นน้องที่กูบอก” อยู่ๆ แบคฮยอนก็เอ่ยถามขึ้นมาถึงรุ่นน้องที่ตัวเองกำลังสนใจอยู่ เขาเห็นแฟนหนุ่มเหลือบตาขึ้นมาเพียงครู่ ก็ครางตอบรับออกมาจากในลำคอ

     

     “อือ”

     

    “เอ้า มึงรู้จักมันแล้วมึงก็ไม่คิดจะบอกกูเลยหรอว่ามึงรู้จักมัน?”

     

    “ก็เคยเห็นในบริษัท แต่ไม่รู้ว่าเป็นใครไง รู้ว่าเป็นพนักงานแต่ไม่เคยคุยกัน” คนตัวสูงตอบกลับไปด้วยท่าทีสบายๆ ชานยอลพอจะรู้บ้างว่าใครคือเซฮุน เขาเคยได้ยินชื่อนี้อยู่ แต่ก็ไม่ได้สนใจเท่าไหร่เพราะเข้าใจว่าเป็นแค่พนักงานในบริษัทคนหนึ่ง

     

    “มึงรู้ปะว่ามันทำงานกับแม่มึงอะ”

     

    “อือ รู้ แต่แม่ผมมีพนักงานหลายคนอะ เคยได้ยินว่าญาติเค้าฝากเข้ามา แต่เป็นญาติห่างๆ กัน ผมไม่ค่อยรู้จักหรอก”

     

    “หรอ... มันร้ายปะวะ”

     

    “ก็ยังไม่เคยเห็นพนักงานของแม่ไม่ร้ายสักคน” เด็กหนุ่มว่าแล้วก็ส่งเสียงหัวเราะออกมา ชานยอลไม่ได้จะขายแม่ตัวเองหรอกแต่เขายังไม่เคยเจอพนักงานคนไหนในสายแม่ที่เป็นคนซื่อๆ เลย อย่างน้อยถ้าจะมาทำงานกับประธานได้ก็คงต้องเป็นคนเก่งพอตัวล่ะ แต่จะมีสกิลความร้ายกาจอะไรที่ทำให้แม่ถูกใจก็ต้องว่ากันอีกที

     

    “หรอ...”

     

    “เค้าทำไมอะ เค้ามาจีบพี่อ่อ”

     

    “เปล่า กูเห็นมันคุยกับแม่มึง ไม่รู้ว่ารู้จักกัน” แบคฮยอนเลือกที่จะไม่พูดถึงเรื่องที่ได้รับรู้มา ไม่ใช่ว่าอยากจะปกปิด แต่เขาไม่ต้องการเอาเรื่องที่มันผ่านไปแล้วมาสร้างความไม่สบายใจกับใครอีก ยังไงชานยอลก็เป็นลูกประธาน เขาต้องสนิทกับแม่ตัวเองมากกว่าใครอยู่แล้ว ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นชานยอลก็คงต้องรู้อยู่ดี

     

    “อือ ก็คงเป็นพนักงานของแม่แหละ”

     

    “มึงไม่กลัวว่าเค้าให้มันมาตามสืบกูมั่งอ่อวะ”

     

    “เค้าทำอยู่แล้วแหละ”

     

    คำพูดที่ถูกเอ่ยออกมาด้วยท่าทีและสีหน้าไม่ทุกข์ร้อนของแฟนหนุ่มทำแบคฮยอนถึงกับต้องนิ่วหน้า ชานยอลพูดเหมือนกับว่าเรื่องนี้มันไม่สำคัญ แล้วนั่นก็ทำให้แบคฮยอนอดคิดไม่ได้ว่าทั้งหมดนี้เขาคิดไปเองคนเดียวหรอ?

     

    “เอ้า แล้วมึงไม่กลัวอ่อ?”

     

    “กลัวไร”

     

    “แบบถ้าเค้าให้คนมาตามสืบกูแล้วเค้าก็รู้เรื่องมึงกับกูอะ?”

     

    “แล้วไงอะ”

     

    “เอ้า ก็มึงไม่อยากให้เค้ารู้ไม่ใช่อ่อ? มึงไม่กลัวเค้ามางั้นงี้กับมึงอ่อ?”

     

    “ผมไม่เคยไม่อยากให้เค้ารู้นะ ผมแค่ไม่ได้บอก เพราะยังไงเดี๋ยวเค้าก็ต้องรู้อยู่ดี” ชานยอลว่าแล้วก็ส่งเสียงหัวเราะออกมาเหมือนกำลังฟังเรื่องตลกเกี่ยวกับฝนฟ้า

     

    ตลอดเวลาที่ผ่านมาชานยอลไม่เคยปกปิดแม่เลยว่ากำลังคบกับใครอยู่ เขาแสดงออกอย่างชัดเจน เพียงแค่ไม่ได้พูดออกไปตรงๆ เพราะรู้ว่าแม่ไม่ชอบ มันจะได้ไม่ดูเป็นการยั่วโมโหหรือเป็นการข้ามหน้า เพราะถึงยังไงแม่ก็ต้องรู้อยู่ดี มันอยู่แค่ที่ว่าจะยอมรับเรื่องนี้ได้เร็วช้าแค่ไหน ก็ไม่ต่างอะไรกับทุกเรื่องที่ผ่านๆ มา

     

    “เอ้า งั้นอย่างงี้เค้าก็รู้อยู่แล้วดิ?”

     

    “รู้ดิ จริงๆ เค้าก็รู้ทุกเรื่องแหละ แต่เค้าไม่พูดหรอก ผมแค่ไม่ได้บอกตรงๆ แต่ผมก็ไม่ได้ปิดบังนะ ผมรู้ว่าเค้าไม่ชอบก็ต้องระวังหน่อย”

     

    “แต่มึงก็ไม่ฟังเค้าอยู่ดีถูกปะ? เพราะถึงมึงรู้ว่าแม่ไม่ชอบแต่มึงก็ยังจะทำอยู่ดีอะ? สุดท้ายยังไงก็คือไม่สนใช่แมะ?”

     

    “ก็ประมาณนั้น แต่ผมพูดไปตรงๆ ไม่ได้ไง ต้องค่อยๆ ทำให้เค้าเห็น ให้เค้ารู้ว่าเค้าห้ามผมไม่ได้นะถึงผมจะรู้ว่าเค้าไม่ชอบ ผมไม่เถียงแต่ผมไม่ยอมไง แล้วก็ปล่อยให้เค้าชินเอง แรกๆ ก็อาจจะมีปัญหา แต่เดี๋ยวเค้าก็ชินเองแหละ”

     

    ยิ่งได้ฟังคำตอบแบคฮยอนก็ยิ่งสับสนกับความสัมพันธ์ที่แปลกประหลาดของสองแม่ลูก เขาเหลือเชื่อเลยกับการแสดงความต่อต้านแบบเนียนๆ ของชานยอล

     

    ก่อนหน้านี้แบคฮยอนเคยคิดว่าแฟนเขาเป็นคนกวนประสาทมาก ชานยอลมักจะชอบทำอะไรที่รู้ว่าแม่ไม่ชอบเป็นการท้าทายอำนาจอยู่เสมอ เหมือนต่อหน้าทำเป็นไม่อยากให้รู้ แต่ลับหลังกลับกวนด้วยการแอบอัพรูปหรือทำอะไรที่เป็นนัยยะบ่งบอกอยู่ตลอด แบคฮยอนรู้ว่าการโกหกแบบที่ให้รู้ว่าโกหกคือนิสัยของชานยอลแต่ไม่คิดว่าจะเป็นกับเรื่องนี้ด้วย

     

    นี่คือสิ่งที่เขาบอกให้รอหรอ นี่คือสิ่งที่ชานยอลบอกให้เชื่อใจหรอ เขาใช้วิธีนี้บอกแม่ว่ากำลังคบกับใครจริงๆ หรอ?

     

    “แล้วถ้าเค้าไม่ชินอะ ถ้ายังไงเค้าก็ไม่ยอมอะ”

     

    “แล้วทำไงได้อะ ก็ต้องทำต่อไปเรื่อยๆ มันต้องมีสักคนที่ยอมอะ แค่พยายามไม่ทะเลาะกันแบบซึ่งๆ หน้าก็พอ แต่แม่เค้าก็เหมือนผมนะ เวลาผมทำอะไรที่เค้าไม่ชอบเค้าก็หาทางกีดกันของเค้า แต่ต่อหน้าไม่ค่อยทะเลาะกันหรอก ถ้ามันไม่ไหวจริงๆ เพราะถ้าเค้ามาแรงๆ ใส่ผมผมก็ไม่ยอมเหมือนกัน”

     

    “หือ... คือกลัวจะอารมณ์แรงใส่กันทั้งคู่ ก็เลยหลีกเลี่ยงไม่พูดกันตรงๆ งี้... แต่ก็แสดงจุดยืนชัดเจน”

     

    “อือ ประมาณนั้น”

     

    “มึงเหมือนเค้ามากเลยอะรู้ตัวปะ”

     

    ยิ่งได้ฟังแบคฮยอนก็ยิ่งคิดว่าชานยอลเหมือนกับท่านประธานยูรินมากจริงๆ เขาได้รับอิทธิพลจากแม่มาเต็มๆ เลยไม่ว่าจะรู้ตัวหรือไม่ ทั้งเรื่องการกิน เรื่องระบบความคิด หรือแม้แต่เรื่องการแสดงออกแบบย้อนแย้ง ซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่แปลกดีสำหรับคนที่มีครอบครัวนิสัยตรงไปตรงมาแบบแบคฮยอน

     

    “อือ”

     

    “แล้วเดี๋ยวนี้ทะเลาะกันแรงๆ มั่งไหมอะ”

     

    “ก็วันศุกร์ที่แล้วไง ที่ผมพัง”

     

    “เรื่องกูอะหรอ...” คิ้วเรียวขมวดย่นเข้าหันด้วยความลำบากใจ แบคฮยอนไม่ชอบเลยที่ได้ยินว่าชานยอลทะเลาะกับแม่เพราะเรื่องของเขา มันมีหลายสิ่งหลายอย่างในชีวิตชานยอลที่แบคฮยอนเข้าไม่ถึง และไม่สามารถช่วยเหลือได้ ถ้าเกิดตัวเขาเป็นต้นเหตุให้คนรักต้องตกที่นั่งลำบากแบคฮยอนก็ไม่สบายใจ

     

    “เปล่า เรื่องผมเองนี่แหละ”

     

    “งั้นมึงก็หัดทำตัวให้มันดีๆ หน่อย ถ้าอยากให้เค้ารักกูมึงก็อย่าไปกวนตีนเค้ามาก เค้าจะได้ไม่มาหมั่นไส้กู”

     

    “ผมทำไม่ได้อะ ฮ่ะๆๆ” คนตัวสูงว่าพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี ชานยอลรู้ว่าเขาไม่มีทางเลิกพฤติกรรมแบบนี้ได้หรอกเพราะมันกลายเป็นส่วนหนึ่งของนิสัยที่แก้ไม่หายไปแล้ว

     

    ยิ่งชานยอลรู้ว่าแม่ไม่ชอบอะไรเขาก็ยิ่งอยากทำให้เห็น และก็พยายามทำมันไปในกรอบที่พอจะทำได้นั่นแหละ มันคือการแสดงจุดยืนอย่างหนึ่งของเขา เหมือนกับที่แม่หักเงินเดือนแบคฮยอนเป็นการแสดงออกถึงความไม่เห็นดีเห็นงามกับเรื่องนี้

     

    “เนี่ย มึงชอบกวนตีนอย่างเงี้ย แล้วกูก็ซวยทุกทีอะ”

     

    “ผมก็พยายามเอาใจเค้าอยู่นี่ไง อาทิตย์นี้ผมทำงานทุกวัน เพราอาทิตย์หน้าผมจะขอหยุดแล้วไปอยู่คอนโดแทน”

     

    “เออ ดีแล้ว หัดทำตัวดีๆ เค้าจะได้รักกูมั่ง เผื่อเค้าจะคืนเงินเดือนให้กู”

     

    “ถ้าจะให้คืนเงินเดือนต้องขอพ่อ ถ้าขอพ่ออะได้ชัวร์”

     

     “เออ คนที่หล่อๆ นั่นพ่อมึงใช่ปะ ที่ใส่สูทอะ แนะนำให้กูรู้จักมั่งดิ”

     

    “หื้อ?”

     

    “ก็ถ้าเผื่อแม่มึงเค้าไม่ปล่อยมึงให้กูไง กูจะได้ไปเอาพ่อมึงแทนไง รวยกว่าด้วย” คนตัวเล็กว่าแล้วก็ส่งเสียงหัวเราะออกมาก่อนที่จะพูดต่อ “ดีปะ จะได้เลื่อนขั้นจากพนักงานขายเป็นเมียประธาน”

     

    “ทำไมอะ ชอบอ่อ”

     

    “ก็เจ้าของบริษัทปะวะ~ ใครไม่อยากเป็นมั่งอะเมียประธานอะ”

     

    “ถ้าพี่คบพ่อผมพี่ก็จะได้เป็นเมียประธานอีกประมาณ 30 ปี ถ้าพ่อผมตายก่อน แต่ถ้าพี่เป็นแฟนผมพี่จะได้เป็นอีกหลายสิบปีเลยนะ”

     

    “เออว่ะ พูดดี ฮ่าๆๆๆ งั้นขอให้แม่มึงเลิกเขม่นกูไวๆ แล้วกัน”

     

    “แต่ผมก็บอกเค้าแล้วนะว่าคนนี้ผมรักจริงๆ” 


    พอได้ทีชานยอลก็ไม่ลืมหันไปหยอดแฟนตัวเล็กพร้อมกับหันหน้าไปกดจูบลงบนพวงแก้มแล้วส่งเสียงหัวเราะออกมา

      

    “แหม~ ปากหวาน~ มาจุ๊บทีดิ”

     

    คำพูดหวานๆ ของเจ้าจอมขี้หยอดทำแบคฮยอนได้ฟังแล้วถึงกับอดยิ้มไม่ได้ เขายกมือขึ้นประคองใบหน้าคนรักก่อนที่จะหันไปรับจูบเบาๆ จากริมฝีปากอิ่ม ความห่างเพียงแค่ปลายจมูกชิดทำให้กลิ่นหอมจากกาแฟที่ชานยอลเพิ่งดื่มไปลอยคลุ้งออกมา มันหอมมากซะจนอยากจะตามเข้าไปชิมถึงข้างในเลย

     

    “รักผมปะ...”

     

    “ต้องถามด้วยอ่อวะ”

     

    “งั้นทำไมรักผมอะ”

     

    “ก็รู้อยู่แล้วปะ”

     

    “เพราะผมหล่ออ่อ”

     

     “บ้า ไม่เกี่ยวหรอก หล่อไม่หล่อ มึงก็รู้ว่ากูชอบมึงเพราะอะไร แหม...”

     

    “ทะลึ่งว่ะ...”

     

    “กูยังไม่ได้พูดไรเลย มึงนั่นแหละทะลึ่ง! ฮ่าๆๆๆ!

     

    ว่าแล้วคนตัวเล็กระเบิดเสียงหัวเราะออกมาด้วยความชอบใจ และในขณะที่ยังไม่ทันจะได้ตั้งตัว อีกฝ่ายก็โถมร่างเข้ามาช่วงชิงจูบจากริมฝีปากอย่างหนักหน่วง น้ำหนักตัวที่มากกว่าเกือบครึ่งดันร่างของแบคฮยอนให้ล้มลงกับเบาะเหมือนตุ๊กตาไม้

     

    ความอบอุ่นจากเรียวลิ้นที่สอดแทรกเข้ามาอย่างนุ่มนวลแล่นลามเข้าไปโอบล้อมถึงหัวใจ เสียงจูบดังเคล้าไปเบาๆ กับเสียงเพลงจากเครื่องเล่น

     

    รสขมของอเมริกาโน่ที่ติดอยู่ปลายลิ้นไม่สามารถกลบความหวานจากจูบที่แสนนุ่มนวลได้ ตรงกันข้าม มันกลายเป็นจูบที่รสชาติอดีที่สุดเท่าที่แบคฮยอนเคยได้ลอง

     

     

     

     

    .

     

    .

     

    .

     

     

     

    เวลาบ่ายโมงเศษๆ ภายในห้องประชุมที่น่าเบื่อหน่ายกับหัวข้อการพัฒนาบุคลากรเพื่อความก้าวหน้าที่ยั่งยืนของบริษัท แบคฮยอนแทบจะหลับกับการอภิปรายที่ยาวเหยียดของหัวหน้าฝ่ายบุคคล และหนึ่งในกรรมการบริหารที่ยกเอาเรื่องของตัวเองมาเล่าซะส่วนใหญ่

     

    ที่ข้างเวทีมีโต๊ะสำหรับบุคคลสำคัญของบริษัทนั่งอยู่ และสีหน้าของเหล่าประธานเองก็ดูเบื่อไม่แพ้พนักงานเลย ยกเว้นก็แต่คุณแม่ของชานยอลที่วางท่าเหมือนกำลังให้ความสนใจการบรรยายอยู่ ผิดกับสามีของเธอที่ทำตัวสบายเหลือเกิน

     

    แบคฮยอนคิดว่าชานยอลดูเหมือนแม่มากกว่าพ่อซะอีก ทั้งท่าทางและการแสดงออกของเขาเหมือนแม่มากอย่างกับโคลนนิ่งกันมา

     

    ในขณะที่กำลังคิดอะไรไปเพลินๆ อยู่ๆ ลูกชายของท่านประธานที่ควรจะสนใจจอสไลด์บนเวทีก็หันหน้ามา แบคฮยอนสบตาเข้ากับแฟนเขาอย่างจัง คนตัวเล็กได้แต่แอบระบายยิ้มจางๆ ขึ้นบนใบหน้าเพื่อไม่ให้ใครสังเกตเห็น

     

    และเมื่อตั้งใจมองดูดีๆ ใบหน้าของชานยอลเองก็ดูเหมือนจะอมยิ้มอยู่เหมือนกัน คนตัวสูงแสร้งทำเป็นหันไปมองจออีกครั้งในขณะที่เคาะนิ้วชี้ลงกับโต๊ะเป็นการส่งสัญญาณอะไรบางอย่าง พอแบคฮยอนเหลือบตาลงมองดูข้างล่างก็เห็นว่าแฟนหนุ่มยกส้นเท้าออกจากรองเท้า โชว์ให้เห็นลายหัวใจสีแดงเด่นบนถุงเท้าสีดำ

     

    พอเห็นแบบนั้นอยู่ๆ ก็รู้สึกอยากจะหัวเราะออกมา แบคฮยอนก้มหน้าลงซบกับฝ่ามือแล้วแอบยิ้มคนเดียวเพราะคิดว่าไม่มีใครเห็น โดยที่ลืมไปเลยว่าตัวเองกำลังเป็นที่จับตามองอยู่

     

    “กูจะอ้วก” รองผู้จัดการหนุ่มที่มองเห็นการกระทำทั้งหมดของคนที่นั่งอยู่ข้างเวทีหันไปกระซิบใส่หูรุ่นน้องด้วยความหมั่นไส้ ถึงแม้ว่าใบหน้าของโจควอนจะนิ่งสนิทแต่ในใจเขากลับกำลังหวีดร้องด้วยความอัดอั้นใจ

     

    “อะไร”

     

    “กูเห็นนะ”

     

    แบคฮยอนหัวเราะขำ ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันแน่นอย่างพยายามกลั้นยิ้ม ดวงตาเรียวรีหลุบลงมองถุงเท้าของตัวเองที่เป็นลายเดียวกันกับเจ้าแฟนเด็กขี้แกล้ง อยู่ๆ ก็รู้สึกเหมือนใบหน้าร้อนเห่อขึ้นมา ไม่รู้ว่าควรเขินกับถุงเท้าคู่หรือลายบนถุงเท้าก่อนดี

     

    ขนาดคบกันมาเป็นเดือน ชานยอลก็ยังทำให้ใจสั่นได้เหมือนวันแรกๆ ที่เจอกันด้วยความเป็นตัวเองของเขา

     

    จนถึงตอนนี้แบคฮยอนคิดว่าเขาเสพติดความเป็นชานยอลไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นมุมที่น่ารักของเขา ความเป็นผู้ใหญ่ หรือแม้แต่ความเอาแต่ใจแบบเด็กๆ ความหลายร่างของชานยอลกลายเป็นเสน่ห์ที่ทำให้ตัวเขาสมบูรณ์แบบ รวมถึงแรงผลักและแรงดึงจากภายใน

     

    บางทีก็รู้สึกเหมือนมีแฟนเด็ก บางทีก็รู้สึกเหมือนมีแฟนผู้ใหญ่ แต่ไม่ว่าจะแบบไหนก็ทำให้กระชุ่มกระชวยหัวใจได้เหมือนกันทั้งนั้น

     

    ทำไมถึงได้เป็นคนน่ารักแบบนี้นะ...

     

     

     

    ในขณะที่ใครบางคนกำลังตกอยู่ในห้วงแห่งความรัก ความรู้สึกกระอักกระอ่วนใจก็เกิดขึ้นกับใครอีกคน.. โอ เซฮุนเคาะปากกาลงกับกระดาษด้วยใบหน้าเรียบเฉย เขายกแขนขึ้นกอดอกก่อนจะเบือนหน้าหนีภาพที่ไม่อยากมองไปทางอื่น

     

    ทำไมต้องเป็นชานยอล... ทำไมถึงต้องเป็นชานยอลทุกที...

     

     

     

     





    #ฟิคกวาง





    สวัสดีค่ะ สารภาพว่าที่หายไปเป็นชาติเนื่องจากหนีไปทำเล่ม sf มาแล้วก็ยุ่งหลายอย่าง แต่ก็จะมาต่อตามปกติแล้ว ขอโทษที่หายไปน๊านนาน ช่วงนี้เหน็ดเหนื่อยหัวใจเหลื๊อเกิน คัทหาได้ด้วยการใส่คำว่า cut หน้าแท็กฟิคแล้วค้นหาในทวิตเตอร์นะคะ ขอบคุณที่อ่านค่ะ เอ็นจอยรีดดิ้ง และอย่าลืม #ฟิคกวาง นะ :D โจ๊ะๆ



    CR.SQW
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×