คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #30 : Chapter : 27 หวาน ฉ่ำ...
รถยนต์คันสีดำสนิทจอดเทียบข้างถนนหน้าร้านสะดวกซื้อ
หลังจากที่ใช้เวลาขับรถกินลมไปรอบๆ เมืองแบคฮยอนก็เริ่มท้องหิว
พวกเขาจอดรถก่อนที่จะพากันลงไปหาขนมและเครื่องดื่มเย็นๆ มาตุนไว้เผื่อไปนอนเล่นตามจุดชมวิว
“กินขนมปังปะ”
“ไม่เอา จะกินก็หยิบมาเลย”
แบคฮยอนตรงไปหยิบตะกร้าตรงหน้าเคาน์เตอร์ก่อนที่จะเดินไปยืนเลือกขนมขบเคี้ยวอยู่ที่ชั้น
เขาหยิบเอามันฝรั่งอบกรอบและขนมรสชาติต่างๆ ใส่ตะกร้า โดยที่ไม่ลืมหยิบโดริโทสห่อใหญ่ที่เป็นของชอบแฟนหนุ่มติดไปด้วย
พอได้ขนมเสร็จก็เดินไปเลือกบะหมี่ในถ้วยสำเร็จรูปมาสองชาม
ในขณะที่กำลังคิดว่าจะกินอะไรอีกดี แบคฮยอนก็นึกขึ้นได้ว่ายังมีใครบางคนนอนเหงาอยู่ที่บ้านพัก
คนตัวเล็กหยิบเอาโทรศัพท์ขึ้นมากดส่งข้อความหารุ่นน้องว่าอยากจะได้อะไรไหม ตอนนี้อยู่ที่ร้านสะดวกซื้อ
พอส่งเสร็จก็เก็บมันแล้วเดินไปทางชั้นขนมปัง
“ไม่ต้องใส่ถุง”
แบคฮยอนมองเห็นแฟนเขากำลังยืนซื้ออะไรบางอย่างอยู่ที่หน้าเคาน์เตอร์ด้วยท่าทางลับๆ
ล่อๆ แต่ยังไม่ทันจะได้เอ่ยทัก พอสายตาหลุบไปเห็นสิ่งที่คนรักกำลังเก็บใส่กระเป๋ากางเกงรอยยิ้มเล็กๆ
ก็ผุดขึ้นมาบนใบหน้า
แบคฮยอนหยิบขนมปังใส่ตะกร้าแล้วเลือกที่จะไม่ทักอะไรออกไป
เขาแสร้งทำเป็นหยิบขนมขึ้นมาดูทำทีเหมือนไม่ได้กำลังสนใจแฟนหนุ่ม พอซื้อของเสร็จชานยอลก็ขยำใบเสร็จเก็บลงกระเป๋า
ก่อนจะเดินไปยังชั้นวางอาหารสำเร็จรูปตรงโซนของเย็น
พอเลือกขนมปังเสร็จคนตัวเล็กก็เดินไปหาแฟนหนุ่มตรงชั้นวางเครื่องดื่ม
ชานยอลเลือกน้ำเปล่ากับน้ำอัดลมลงตะกร้าไป 3 – 4 กระป๋อง เขาจะรับไปถือแทนเมื่อเห็นว่าของเริ่มเยอะแล้ว
“พอละมั้ง แค่นี้ก็อิ่มละ”
“งั้นก็ไปจ่ายเงิน” ชานยอลถือตะกร้าเดินกลับไปยังเคาน์เตอร์อีกครั้ง
เขาไม่ลืมสั่งอเมิรกาโน่แก้วใหญ่มาด้วยก่อนที่จะล้วงกระเป๋าสตางค์ออกมาจากางเกงเพื่อจ่ายเงิน
.
.
.
ใช้เวลาแค่ไม่กี่นาทีหลังจากที่ซื้อของเสร็จ
รถยนต์คันเดิมก็ขับรถมาจอดบนถนโล่งๆ เรียบชายหาด
ชานยอลเปิดกระจกรถลงก่อนจะหยิบแก้วกาแฟอุ่นๆ มาประคองไว้ในมือ ขณะที่เคาะนิ้วลงกับพวงมาลัยรถ
ตอนนี้นาฬิกาบอกเวลาใกล้เที่ยงคืนแล้ว อากาศด้านนอกเย็นเฉียบ
ไม่นับรวมลมแรงๆ ที่พัดแข่งกับเสียงคุยของคนในรถ
ในขณะที่ชานยอลนั่งจิบกาแฟเพื่อบรรเทาความหนาว แบคฮยอนก็บีบก้อนข้าวปั้นใส่ถ้วยมาม่าที่มีน้ำคลุกคลิกอยู่ก้นถ้วย
ก่อนที่จะใช้ตะเกียบคนแล้วเทผงปรุงรสที่แอบขยักไว้ลงไปเพิ่ม ท่าทางการกินที่แสนมีความสุขของแฟนตัวเล็กทำชานยอลเห็นแล้วอดหัวเราะออกมาไม่ได้ ดวงตากลมโตเอาแต่จับจ้องไปยังริมฝีปากเล็กๆ
ที่กำลังเคี้ยวขมุมบขมิบไม่หยุด แก้มของแบคฮยอนบวมตุ่ยเพราะเม็ดข้าวแถมยังขึ้นสีแดงระเรื่อจากอากาศหนาว
มันช่างเป็นภาพที่น่าเอ็นดู
ชานยอลชอบมองแฟนเขาเวลากินมากที่สุด
เพราะแบคฮยอนมีความสุขที่สุดเวลาได้กิน แล้วในก็ทำให้ชานยอลมีความสุข
“กินปะ”
“ไม่เอา”
“ชอบกินกาแฟอ่อ หรือหนาว” คนตัวเล็กเอ่ยถามออกไปในขณะที่ปากยังเคี้ยวข้าวตุ้ยๆ
แบคฮยอนคีบปลาแซลม่อนชิ้นสุดท้ายเข้าปากก่อนที่จะเก็บชามลงถูกขยะแล้วหยิบน้ำขึ้นมาดื่ม
“อือ มันหอมดี”
“ชิมมั่งดิ”
“ระวังนะ ร้อน”
ชานยอลยื่นแก้วกาแฟอเมริกาโน่ของเขาไปจ่อปากแฟนตัวเล็ก ก่อนที่จะยกมือขึ้นช่วยปาดคราบซอสที่เลอะอยู่ตรงมุมออก
แล้วเช็ดมันลงกับกางเกงตัวเอง
เขาพยายามจะไม่ยกแก้วกาแฟให้สูงเกินไป ทว่ายังไม่ทันที่อเมริกาโน่อึกใหญ่จะได้ไหล่ผ่านลำคอ
เพียงแค่ลิ้นของแบคฮยอนแตะโดนช่องที่กาแฟไหล เขาก็ร้องแหวะแล้วก็ทำหน้าตาพะอืดพะอมแถมยังแลบลิ้นออกมาอีก
ดูยังกับลูกแมวเวลากินผัก
“แหวะ ขมอะ โคตรขมเลย มันไม่มีรสนมกับน้ำตาลเลยอะ”
คนตัวเล็กทำหน้าแหยะก่อนจะรีบหยิบเอาน้ำอัดลมมากินล้างปาก
ตอนแรกแบคฮยอนนึกว่ากาแฟชานยอลจะหวานๆ เหมือนนมรสกาแฟซะอีก เห็นชอบกินของจืดๆ
ไม่คิดว่าจะกินรสชาติผู้ใหญ่ขนาดนี้
“ก็มันเป็นอเมริกาโน่”
“มันคือไรอะ”
“มันก็ใส่แต่กาแฟไง”
“กาแฟชงน้ำร้อนเปล่าๆ อะนะ หือ... กินไปได้ไงวะ เป็นกูกินไม่ได้อะ
กินละใจสั่น ตาแข็งตาย”
“ลิ้นเด็กว่ะ”
“เด็กอะแระ ทีตัวเองยังไม่กินเผ็ดเลย แล้วก็มาว่าคนอื่น”
“หึ... ไปนั่งข้างหลังกัน” ชานยอลไม่ได้เถียงอะไร เขาเพียงแค่ส่งเสียงหัวเราะออกมาแล้วยกแก้วกาแฟขึ้นดื่ม ก่อนที่จะกดปุ่มปรับพนักเก้าอี้ด้านหลังให้เอนลงเรียบเสมอกันเหมือนเป็นเตียงนอนขนาดใหญ่
เสียงเพลงจากเครื่องเล่นถูกเปิดให้ดังคลอเบาๆ
เรียวนิ้วยาวเคาะกับพวงมาลัยอย่างสบายอารมณ์ บรรยากาศรอบข้างเงียบจนได้ยินเสียงหวีดจากลมทะเล
“มึงจะเอากูอะดิ กูรู้”
อยู่ๆ คนตัวเล็กก็พูดขึ้นมาในขณะที่เก็บซองขนมลงถุง
ทำเอาคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ถึงกับสำลักกาแฟแถมยังหลุดหัวเราะออกมาเสียงดัง ชานยอลถึงกับกลั้นขำไม่ไหว
พอแบคฮยอนเห็นอย่างนั้นเขาก็ยิ่งมั่นใจว่าสิ่งที่ตัวเองคิดนั้นถูกต้อง
เชื่อเลยว่าคนเป็นแฟนกันยังไงมันก็ไม่พ้นเรื่องทันความคิดหรอก
“เอาที่ไหนละ แค่ชวนไปนั่งเล่นเฉยๆ” คนถูกกล่าวหาว่าทั้งที่ใบหน้ายังยิ้มไม่หุบ
ชานยอลรีบหยิบเอาทิชชู่มาเช็ดคราบกาแฟบนนิ้วมือก่อนที่จะวางมันลงตรงที่วางข้างกระปุกเกียร์
“ไม่เอาแล้วมึงซื้อถุงยางมาทำไม กูเห็นนะ
อย่ามาโกหก” มือบางเอื้อมไปบีบคางแฟนเด็กจอมเจ้าเล่ห์ไว้ด้วยความหมั่นไส้
ยิ่งได้เห็นรอยยิ้มกวนประสาทของชานยอล เขาก็ยิ่งคิดว่าเจ้าเด็กตรงหน้านี่มันร้ายกาจจริงๆ
“ก็ซื้อไว้เฉยๆ”
“ซื้อเผื่อไว้แต่ไม่ได้จะเอา?”
“ถ้าจะเอาจริงๆ ไม่ต้องใช้หรอก” ชานยอลว่าแล้วยกยิ้มขึ้นที่มุมปากก่อนจะส่งเสียงหัวเราะออกมาจากในลำคอ
เขาก็แค่ซื้อถุงยางมาไว้เผื่อว่าจะได้ใช้เอง เพราะถ้าอยากทำจริงๆ ถึงไม่มีมันก็ไม่จำเป็นหรอก
...
“ร้ายว่ะ แม่ง” แบคฮยอนใช้มือตบลงบนแก้มคนรักเบาๆ
ก่อนที่จะย้ายตัวเองปีนข้ามไปยังเบาะด้านหลัง
เขากดกระจกทางฝั่งซ้ายให้ลดลงครึ่งนึง แล้วคลานไปหยิบเอาผ้าห่มผืนนุ่มมากอดเอาไว้
กลิ่นของมันยังคงเหมือนเดิมไม่ต่างจากวันก่อนๆ ที่เคยใช้ คนตัวเล็กคลานกลับไปนั่งนอนพิงหลังกับประตูตรงที่เดิมอีกครั้ง
แล้วสะบัดผ้าห่มคลุมปลายเท้า พอแฟนหนุ่มย้ายตัวเองข้ามเบาะมาเขาก็หดขาเพื่อให้อีกฝ่ายขยับตัวได้ถนัดขึ้น
“อาทิตย์หน้าไปอยู่คอนโดด้วยกันปะ” ชานยอลว่าในขณะที่คลานเข้าไปจุ๊บริมฝีปากแฟนตัวเล็กเบาๆ
เขาปรับกระจกให้สูงขึ้นอีกนิดเพื่อที่จะได้ไม่มีใครบังเอิญมาเห็นเข้า
“ทำไมอะ แล้วไม่กลับบ้านอ่อ?”
“หึ ไม่กลับ บอกแม่แล้วว่าจะไปอยู่นู่น เพราะว่าอาทิตย์หน้าผมไม่ต้องทำงาน”
“เอ้า ทำไมไม่ทำอะ”
“ก็ทำ แต่ไปทำแค่ที่แผนกไอที
ไม่ต้องคอยขับรถให้แม่” ว่าแล้วก็ริมฝีปากร้อนผ่าวก็จูบประทับลงบนพวงแก้มนุ่มอีกครั้ง
กลิ่นหอมของแบคฮยอนทำให้สติชานยอลเริ่มไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เขาวางมือลงบนเอวขอดก่อนที่จะสอดแขนเข้าไปซ้อนแผ่นหลังแล้วดึงรั้งร่างอีกฝ่ายขยับเข้ามาใกล้กว่าเดิม
“อ๋อ อยากให้ไปปะล่ะ”
“ก็อยากให้ไปไงถึงชวน”
ลมหายใจร้อนๆ ที่เป่ารดข้างแก้มเริ่มทำให้แบคฮยอนขนลุก
คราวนี้คนตัวเล็กเริ่มรู้สึกได้ถึงความไม่ชอบมาพากลในน้ำเสียงที่แหบพร่ากับมือที่อยู่ไม่สุขของแฟนหนุ่ม
แบคฮยอนยกมือขึ้นดันแผ่นอกคนตรงหน้าให้ถอยออกห่างก่อนที่จะเอ่ยถามออกมาพร้อมกับเสียงหัวเราะ
“มึงมีอารมณ์ปะเนี่ย....”
“.............”
“เอาดีๆ”
“.............”
ไม่มีคำตอบใดจากเด็กหนุ่ม ดวงกลมโตจ้องลึกลงไปในแววตาของคนรัก ก่อนที่ริมฝีปากร้อนผ่าวจะเคลื่อนเข้าบดขยี้กับกลีบปากเรียวเล็กแทนคำตอบ ชานยอลบดคลึงริมฝีปากของเขาลงกับกลีบปากบางสลับกับดูดเม้มมันอย่างหนักหน่วง
เป็นการส่งสัญญาณแกมบังคับให้คนตัวเล็กเปิดปากออก เพราะยิ่งฝืนจูบก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้น
สุดท้ายแบคฮยอนก็ต้องยอมอ้าปากให้ลิ้นร้อนๆ สอดแทรกเข้ามาเกี่ยวกระหวัดอย่างเอาแต่ใจ
ทันทีที่ปลายลิ้นสัมผัสกันมือไม้ที่เคยแข็งก็อ่อนยวบยาบ เรียวแขนบางทั้งสองโอบตวัดรอบลำคอเจ้าของจูบที่แสนตะกรุมตะกราม เสียงปะทะกันของริมฝีปากดังจ๊วบจ๊าบไปทั่วคันรถ ไม่ต้องบอกแบคฮยอนก็รู้ได้ว่าแฟนเขาโหยหาการสัมผัสร่างกายขนาดไหน
ฝ่ามือร้อนๆ เริ่มสอดเข้าไปลูบไล้ผิวกายภายใต้เสื้อของคนรัก
เสียงหอบหายใจดังขึ้นเรื่อยๆ แต่ก่อนที่อะไรจะเลยเถิด ชานยอลก็ถูกผลักให้ละใบหน้าออก
ริมฝีปากเขาเคลือบอาบไปด้วยคราบน้ำลาย เพียงแค่ได้จูบกัน ความต้องการที่อดกลั้นมาตลอดสัปดาห์ก็พากันหลั่งไหลมาอัดรวมตัวอยู่ที่ส่วนกลางของร่างกายจนรู้สึกอึดอัดไปหมด
“ไม่เอา ไม่ทำตรงนี้....”
คนตัวเล็กนิ่วพร้อมกับวางมือลงทาบแก้มของแฟนหนุ่ม ถึงจะรู้สึกสงสารอีกฝ่ายมากแค่ไหนแต่แบคฮยอนก็ไม่สามารถยอมให้ชานยอลทำตรงนี้ได้
เพราะเขาไม่อยากให้ใครมาเห็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าบังเอิญมีคนรู้จักของชานยอลมาเจอมันก็ยิ่งแย่ใหญ่
“งั้นทำให้หน่อย...” เด็กหนุ่มตัวสูงกล่าวออกไปด้วยน้ำเสียงแหบพร่า
พลางเลื่อนใบหน้าลงไปวางซบลงบนซอกคอขาว
เมื่อแบคฮยอนไม่อยากทำชานยอลก็เคารพสิทธิ์ในตัวคนรัก.. ริมฝีปากอิ่มขบเม้มเบาๆ ลงบนซอกคอก่อนที่มือหนาจะเลื่อนไปจับฝ่ามือบางมาทาบบนเป้ากางเกงที่กำลังแข็งตึง
cut
.
.
.
“พรุ่งนี้กลับกี่โมงอะ”
“คงเย็นๆ อะ อาจจะถึงตอนค่ำ กลับแล้วไปข้างนอกกันไหม”
ที่เบาะหลังรถยนต์คันเดิมเสียงพูดคุยดังขึ้นเบาๆ ท่ามกลางความเงียบ
แบคฮยอนนั่งหดตัวอยู่ใต้ผ้าห่มโดยมีแฟนหนุ่มนั่งพิงอยู่ข้างๆ อากาศหนาวในยามดึกทำให้ต้องปิดกระจกรถหมดทั้งสี่ด้าน
แบคฮยอนสวมถุงเท้าลายเชยๆ ที่ซื้อมาจากร้านสะดวกคู่กับชานยอล
ปลายเท้าทั้งสี่ข้างเอาแต่เขี่ยกันไปมาอยู่ใต้ผืนผ้านวม
กลิ่นกาแฟที่ลอยคลุ้งอยู่ในรถทำให้บรรยากาศยิ่งชวนให้นึกถึงฤดูหนาว
“ไปไหนอะ”
“อยากไปขับรถเล่น ก็จะได้ไปนอนที่คอนโดเลย ตอนเช้าจะได้ไปทำงานพร้อมกัน” ชานยอลว่าในขณะที่เลื่อนดูมือถือของแฟนตัวเล็กไปด้วย เขากดเข้าไปดูรูปถ่ายในคลังภาพ โดยหวังว่าจะเห็นภาพลับ แต่สุดท้ายก็เสียเวลาเปล่า เมื่อเจอแต่รูปหมามงรยงกับเซลฟี่ตลกๆ
“เดี๋ยวดูก่อน ถ้าถึงไวหน่อยเดี๋ยวบอก”
“อือ”
“เออ มึงรู้จักเซฮุนปะ ไอ้รุ่นน้องที่กูบอก”
อยู่ๆ แบคฮยอนก็เอ่ยถามขึ้นมาถึงรุ่นน้องที่ตัวเองกำลังสนใจอยู่ เขาเห็นแฟนหนุ่มเหลือบตาขึ้นมาเพียงครู่
ก็ครางตอบรับออกมาจากในลำคอ
“อือ”
“เอ้า
มึงรู้จักมันแล้วมึงก็ไม่คิดจะบอกกูเลยหรอว่ามึงรู้จักมัน?”
“ก็เคยเห็นในบริษัท แต่ไม่รู้ว่าเป็นใครไง
รู้ว่าเป็นพนักงานแต่ไม่เคยคุยกัน” คนตัวสูงตอบกลับไปด้วยท่าทีสบายๆ ชานยอลพอจะรู้บ้างว่าใครคือเซฮุน
เขาเคยได้ยินชื่อนี้อยู่ แต่ก็ไม่ได้สนใจเท่าไหร่เพราะเข้าใจว่าเป็นแค่พนักงานในบริษัทคนหนึ่ง
“มึงรู้ปะว่ามันทำงานกับแม่มึงอะ”
“อือ รู้ แต่แม่ผมมีพนักงานหลายคนอะ เคยได้ยินว่าญาติเค้าฝากเข้ามา
แต่เป็นญาติห่างๆ กัน ผมไม่ค่อยรู้จักหรอก”
“หรอ... มันร้ายปะวะ”
“ก็ยังไม่เคยเห็นพนักงานของแม่ไม่ร้ายสักคน” เด็กหนุ่มว่าแล้วก็ส่งเสียงหัวเราะออกมา
ชานยอลไม่ได้จะขายแม่ตัวเองหรอกแต่เขายังไม่เคยเจอพนักงานคนไหนในสายแม่ที่เป็นคนซื่อๆ
เลย อย่างน้อยถ้าจะมาทำงานกับประธานได้ก็คงต้องเป็นคนเก่งพอตัวล่ะ แต่จะมีสกิลความร้ายกาจอะไรที่ทำให้แม่ถูกใจก็ต้องว่ากันอีกที
“หรอ...”
“เค้าทำไมอะ เค้ามาจีบพี่อ่อ”
“เปล่า กูเห็นมันคุยกับแม่มึง ไม่รู้ว่ารู้จักกัน”
แบคฮยอนเลือกที่จะไม่พูดถึงเรื่องที่ได้รับรู้มา ไม่ใช่ว่าอยากจะปกปิด
แต่เขาไม่ต้องการเอาเรื่องที่มันผ่านไปแล้วมาสร้างความไม่สบายใจกับใครอีก
ยังไงชานยอลก็เป็นลูกประธาน เขาต้องสนิทกับแม่ตัวเองมากกว่าใครอยู่แล้ว ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นชานยอลก็คงต้องรู้อยู่ดี
“อือ ก็คงเป็นพนักงานของแม่แหละ”
“มึงไม่กลัวว่าเค้าให้มันมาตามสืบกูมั่งอ่อวะ”
“เค้าทำอยู่แล้วแหละ”
คำพูดที่ถูกเอ่ยออกมาด้วยท่าทีและสีหน้าไม่ทุกข์ร้อนของแฟนหนุ่มทำแบคฮยอนถึงกับต้องนิ่วหน้า
ชานยอลพูดเหมือนกับว่าเรื่องนี้มันไม่สำคัญ แล้วนั่นก็ทำให้แบคฮยอนอดคิดไม่ได้ว่าทั้งหมดนี้เขาคิดไปเองคนเดียวหรอ?
“เอ้า แล้วมึงไม่กลัวอ่อ?”
“กลัวไร”
“แบบถ้าเค้าให้คนมาตามสืบกูแล้วเค้าก็รู้เรื่องมึงกับกูอะ?”
“แล้วไงอะ”
“เอ้า ก็มึงไม่อยากให้เค้ารู้ไม่ใช่อ่อ?
มึงไม่กลัวเค้ามางั้นงี้กับมึงอ่อ?”
“ผมไม่เคยไม่อยากให้เค้ารู้นะ ผมแค่ไม่ได้บอก เพราะยังไงเดี๋ยวเค้าก็ต้องรู้อยู่ดี”
ชานยอลว่าแล้วก็ส่งเสียงหัวเราะออกมาเหมือนกำลังฟังเรื่องตลกเกี่ยวกับฝนฟ้า
ตลอดเวลาที่ผ่านมาชานยอลไม่เคยปกปิดแม่เลยว่ากำลังคบกับใครอยู่
เขาแสดงออกอย่างชัดเจน เพียงแค่ไม่ได้พูดออกไปตรงๆ เพราะรู้ว่าแม่ไม่ชอบ
มันจะได้ไม่ดูเป็นการยั่วโมโหหรือเป็นการข้ามหน้า เพราะถึงยังไงแม่ก็ต้องรู้อยู่ดี
มันอยู่แค่ที่ว่าจะยอมรับเรื่องนี้ได้เร็วช้าแค่ไหน ก็ไม่ต่างอะไรกับทุกเรื่องที่ผ่านๆ
มา
“เอ้า งั้นอย่างงี้เค้าก็รู้อยู่แล้วดิ?”
“รู้ดิ จริงๆ เค้าก็รู้ทุกเรื่องแหละ แต่เค้าไม่พูดหรอก
ผมแค่ไม่ได้บอกตรงๆ แต่ผมก็ไม่ได้ปิดบังนะ ผมรู้ว่าเค้าไม่ชอบก็ต้องระวังหน่อย”
“แต่มึงก็ไม่ฟังเค้าอยู่ดีถูกปะ? เพราะถึงมึงรู้ว่าแม่ไม่ชอบแต่มึงก็ยังจะทำอยู่ดีอะ?
สุดท้ายยังไงก็คือไม่สนใช่แมะ?”
“ก็ประมาณนั้น แต่ผมพูดไปตรงๆ ไม่ได้ไง ต้องค่อยๆ ทำให้เค้าเห็น ให้เค้ารู้ว่าเค้าห้ามผมไม่ได้นะถึงผมจะรู้ว่าเค้าไม่ชอบ ผมไม่เถียงแต่ผมไม่ยอมไง แล้วก็ปล่อยให้เค้าชินเอง แรกๆ ก็อาจจะมีปัญหา แต่เดี๋ยวเค้าก็ชินเองแหละ”
ยิ่งได้ฟังคำตอบแบคฮยอนก็ยิ่งสับสนกับความสัมพันธ์ที่แปลกประหลาดของสองแม่ลูก
เขาเหลือเชื่อเลยกับการแสดงความต่อต้านแบบเนียนๆ ของชานยอล
ก่อนหน้านี้แบคฮยอนเคยคิดว่าแฟนเขาเป็นคนกวนประสาทมาก
ชานยอลมักจะชอบทำอะไรที่รู้ว่าแม่ไม่ชอบเป็นการท้าทายอำนาจอยู่เสมอ เหมือนต่อหน้าทำเป็นไม่อยากให้รู้
แต่ลับหลังกลับกวนด้วยการแอบอัพรูปหรือทำอะไรที่เป็นนัยยะบ่งบอกอยู่ตลอด
แบคฮยอนรู้ว่าการโกหกแบบที่ให้รู้ว่าโกหกคือนิสัยของชานยอลแต่ไม่คิดว่าจะเป็นกับเรื่องนี้ด้วย
นี่คือสิ่งที่เขาบอกให้รอหรอ
นี่คือสิ่งที่ชานยอลบอกให้เชื่อใจหรอ เขาใช้วิธีนี้บอกแม่ว่ากำลังคบกับใครจริงๆ
หรอ?
“แล้วถ้าเค้าไม่ชินอะ ถ้ายังไงเค้าก็ไม่ยอมอะ”
“แล้วทำไงได้อะ ก็ต้องทำต่อไปเรื่อยๆ มันต้องมีสักคนที่ยอมอะ แค่พยายามไม่ทะเลาะกันแบบซึ่งๆ หน้าก็พอ แต่แม่เค้าก็เหมือนผมนะ เวลาผมทำอะไรที่เค้าไม่ชอบเค้าก็หาทางกีดกันของเค้า แต่ต่อหน้าไม่ค่อยทะเลาะกันหรอก ถ้ามันไม่ไหวจริงๆ
เพราะถ้าเค้ามาแรงๆ ใส่ผมผมก็ไม่ยอมเหมือนกัน”
“หือ... คือกลัวจะอารมณ์แรงใส่กันทั้งคู่ ก็เลยหลีกเลี่ยงไม่พูดกันตรงๆ
งี้... แต่ก็แสดงจุดยืนชัดเจน”
“อือ ประมาณนั้น”
“มึงเหมือนเค้ามากเลยอะรู้ตัวปะ”
ยิ่งได้ฟังแบคฮยอนก็ยิ่งคิดว่าชานยอลเหมือนกับท่านประธานยูรินมากจริงๆ เขาได้รับอิทธิพลจากแม่มาเต็มๆ เลยไม่ว่าจะรู้ตัวหรือไม่ ทั้งเรื่องการกิน เรื่องระบบความคิด หรือแม้แต่เรื่องการแสดงออกแบบย้อนแย้ง ซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่แปลกดีสำหรับคนที่มีครอบครัวนิสัยตรงไปตรงมาแบบแบคฮยอน
“อือ”
“แล้วเดี๋ยวนี้ทะเลาะกันแรงๆ มั่งไหมอะ”
“ก็วันศุกร์ที่แล้วไง ที่ผมพัง”
“เรื่องกูอะหรอ...” คิ้วเรียวขมวดย่นเข้าหันด้วยความลำบากใจ แบคฮยอนไม่ชอบเลยที่ได้ยินว่าชานยอลทะเลาะกับแม่เพราะเรื่องของเขา มันมีหลายสิ่งหลายอย่างในชีวิตชานยอลที่แบคฮยอนเข้าไม่ถึง และไม่สามารถช่วยเหลือได้ ถ้าเกิดตัวเขาเป็นต้นเหตุให้คนรักต้องตกที่นั่งลำบากแบคฮยอนก็ไม่สบายใจ
“เปล่า เรื่องผมเองนี่แหละ”
“งั้นมึงก็หัดทำตัวให้มันดีๆ หน่อย ถ้าอยากให้เค้ารักกูมึงก็อย่าไปกวนตีนเค้ามาก
เค้าจะได้ไม่มาหมั่นไส้กู”
“ผมทำไม่ได้อะ ฮ่ะๆๆ” คนตัวสูงว่าพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี
ชานยอลรู้ว่าเขาไม่มีทางเลิกพฤติกรรมแบบนี้ได้หรอกเพราะมันกลายเป็นส่วนหนึ่งของนิสัยที่แก้ไม่หายไปแล้ว
ยิ่งชานยอลรู้ว่าแม่ไม่ชอบอะไรเขาก็ยิ่งอยากทำให้เห็น
และก็พยายามทำมันไปในกรอบที่พอจะทำได้นั่นแหละ
มันคือการแสดงจุดยืนอย่างหนึ่งของเขา เหมือนกับที่แม่หักเงินเดือนแบคฮยอนเป็นการแสดงออกถึงความไม่เห็นดีเห็นงามกับเรื่องนี้
“เนี่ย มึงชอบกวนตีนอย่างเงี้ย แล้วกูก็ซวยทุกทีอะ”
“ผมก็พยายามเอาใจเค้าอยู่นี่ไง
อาทิตย์นี้ผมทำงานทุกวัน เพราอาทิตย์หน้าผมจะขอหยุดแล้วไปอยู่คอนโดแทน”
“เออ ดีแล้ว หัดทำตัวดีๆ เค้าจะได้รักกูมั่ง
เผื่อเค้าจะคืนเงินเดือนให้กู”
“ถ้าจะให้คืนเงินเดือนต้องขอพ่อ
ถ้าขอพ่ออะได้ชัวร์”
“เออ คนที่หล่อๆ
นั่นพ่อมึงใช่ปะ ที่ใส่สูทอะ แนะนำให้กูรู้จักมั่งดิ”
“หื้อ?”
“ก็ถ้าเผื่อแม่มึงเค้าไม่ปล่อยมึงให้กูไง กูจะได้ไปเอาพ่อมึงแทนไง
รวยกว่าด้วย” คนตัวเล็กว่าแล้วก็ส่งเสียงหัวเราะออกมาก่อนที่จะพูดต่อ “ดีปะ
จะได้เลื่อนขั้นจากพนักงานขายเป็นเมียประธาน”
“ทำไมอะ ชอบอ่อ”
“ก็เจ้าของบริษัทปะวะ~
ใครไม่อยากเป็นมั่งอะเมียประธานอะ”
“ถ้าพี่คบพ่อผมพี่ก็จะได้เป็นเมียประธานอีกประมาณ
30 ปี ถ้าพ่อผมตายก่อน แต่ถ้าพี่เป็นแฟนผมพี่จะได้เป็นอีกหลายสิบปีเลยนะ”
“เออว่ะ พูดดี ฮ่าๆๆๆ งั้นขอให้แม่มึงเลิกเขม่นกูไวๆ
แล้วกัน”
“แต่ผมก็บอกเค้าแล้วนะว่าคนนี้ผมรักจริงๆ”
พอได้ทีชานยอลก็ไม่ลืมหันไปหยอดแฟนตัวเล็กพร้อมกับหันหน้าไปกดจูบลงบนพวงแก้มแล้วส่งเสียงหัวเราะออกมา
“แหม~ ปากหวาน~ มาจุ๊บทีดิ”
คำพูดหวานๆ ของเจ้าจอมขี้หยอดทำแบคฮยอนได้ฟังแล้วถึงกับอดยิ้มไม่ได้ เขายกมือขึ้นประคองใบหน้าคนรักก่อนที่จะหันไปรับจูบเบาๆ จากริมฝีปากอิ่ม ความห่างเพียงแค่ปลายจมูกชิดทำให้กลิ่นหอมจากกาแฟที่ชานยอลเพิ่งดื่มไปลอยคลุ้งออกมา มันหอมมากซะจนอยากจะตามเข้าไปชิมถึงข้างในเลย
“รักผมปะ...”
“ต้องถามด้วยอ่อวะ”
“งั้นทำไมรักผมอะ”
“ก็รู้อยู่แล้วปะ”
“เพราะผมหล่ออ่อ”
“บ้า ไม่เกี่ยวหรอก
หล่อไม่หล่อ มึงก็รู้ว่ากูชอบมึงเพราะอะไร แหม...”
“ทะลึ่งว่ะ...”
“กูยังไม่ได้พูดไรเลย มึงนั่นแหละทะลึ่ง! ฮ่าๆๆๆ!”
ว่าแล้วคนตัวเล็กระเบิดเสียงหัวเราะออกมาด้วยความชอบใจ และในขณะที่ยังไม่ทันจะได้ตั้งตัว อีกฝ่ายก็โถมร่างเข้ามาช่วงชิงจูบจากริมฝีปากอย่างหนักหน่วง น้ำหนักตัวที่มากกว่าเกือบครึ่งดันร่างของแบคฮยอนให้ล้มลงกับเบาะเหมือนตุ๊กตาไม้
ความอบอุ่นจากเรียวลิ้นที่สอดแทรกเข้ามาอย่างนุ่มนวลแล่นลามเข้าไปโอบล้อมถึงหัวใจ
เสียงจูบดังเคล้าไปเบาๆ กับเสียงเพลงจากเครื่องเล่น
รสขมของอเมริกาโน่ที่ติดอยู่ปลายลิ้นไม่สามารถกลบความหวานจากจูบที่แสนนุ่มนวลได้ ตรงกันข้าม มันกลายเป็นจูบที่รสชาติอดีที่สุดเท่าที่แบคฮยอนเคยได้ลอง…
.
.
.
เวลาบ่ายโมงเศษๆ ภายในห้องประชุมที่น่าเบื่อหน่ายกับหัวข้อการพัฒนาบุคลากรเพื่อความก้าวหน้าที่ยั่งยืนของบริษัท
แบคฮยอนแทบจะหลับกับการอภิปรายที่ยาวเหยียดของหัวหน้าฝ่ายบุคคล
และหนึ่งในกรรมการบริหารที่ยกเอาเรื่องของตัวเองมาเล่าซะส่วนใหญ่
ที่ข้างเวทีมีโต๊ะสำหรับบุคคลสำคัญของบริษัทนั่งอยู่
และสีหน้าของเหล่าประธานเองก็ดูเบื่อไม่แพ้พนักงานเลย
ยกเว้นก็แต่คุณแม่ของชานยอลที่วางท่าเหมือนกำลังให้ความสนใจการบรรยายอยู่
ผิดกับสามีของเธอที่ทำตัวสบายเหลือเกิน
แบคฮยอนคิดว่าชานยอลดูเหมือนแม่มากกว่าพ่อซะอีก
ทั้งท่าทางและการแสดงออกของเขาเหมือนแม่มากอย่างกับโคลนนิ่งกันมา
ในขณะที่กำลังคิดอะไรไปเพลินๆ อยู่ๆ ลูกชายของท่านประธานที่ควรจะสนใจจอสไลด์บนเวทีก็หันหน้ามา
แบคฮยอนสบตาเข้ากับแฟนเขาอย่างจัง คนตัวเล็กได้แต่แอบระบายยิ้มจางๆ ขึ้นบนใบหน้าเพื่อไม่ให้ใครสังเกตเห็น
และเมื่อตั้งใจมองดูดีๆ ใบหน้าของชานยอลเองก็ดูเหมือนจะอมยิ้มอยู่เหมือนกัน
คนตัวสูงแสร้งทำเป็นหันไปมองจออีกครั้งในขณะที่เคาะนิ้วชี้ลงกับโต๊ะเป็นการส่งสัญญาณอะไรบางอย่าง
พอแบคฮยอนเหลือบตาลงมองดูข้างล่างก็เห็นว่าแฟนหนุ่มยกส้นเท้าออกจากรองเท้า
โชว์ให้เห็นลายหัวใจสีแดงเด่นบนถุงเท้าสีดำ
พอเห็นแบบนั้นอยู่ๆ ก็รู้สึกอยากจะหัวเราะออกมา
แบคฮยอนก้มหน้าลงซบกับฝ่ามือแล้วแอบยิ้มคนเดียวเพราะคิดว่าไม่มีใครเห็น
โดยที่ลืมไปเลยว่าตัวเองกำลังเป็นที่จับตามองอยู่
“กูจะอ้วก” รองผู้จัดการหนุ่มที่มองเห็นการกระทำทั้งหมดของคนที่นั่งอยู่ข้างเวทีหันไปกระซิบใส่หูรุ่นน้องด้วยความหมั่นไส้
ถึงแม้ว่าใบหน้าของโจควอนจะนิ่งสนิทแต่ในใจเขากลับกำลังหวีดร้องด้วยความอัดอั้นใจ
“อะไร”
“กูเห็นนะ”
แบคฮยอนหัวเราะขำ
ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันแน่นอย่างพยายามกลั้นยิ้ม
ดวงตาเรียวรีหลุบลงมองถุงเท้าของตัวเองที่เป็นลายเดียวกันกับเจ้าแฟนเด็กขี้แกล้ง อยู่ๆ
ก็รู้สึกเหมือนใบหน้าร้อนเห่อขึ้นมา ไม่รู้ว่าควรเขินกับถุงเท้าคู่หรือลายบนถุงเท้าก่อนดี
ขนาดคบกันมาเป็นเดือน
ชานยอลก็ยังทำให้ใจสั่นได้เหมือนวันแรกๆ ที่เจอกันด้วยความเป็นตัวเองของเขา
จนถึงตอนนี้แบคฮยอนคิดว่าเขาเสพติดความเป็นชานยอลไปแล้ว
ไม่ว่าจะเป็นมุมที่น่ารักของเขา ความเป็นผู้ใหญ่ หรือแม้แต่ความเอาแต่ใจแบบเด็กๆ
ความหลายร่างของชานยอลกลายเป็นเสน่ห์ที่ทำให้ตัวเขาสมบูรณ์แบบ รวมถึงแรงผลักและแรงดึงจากภายใน
บางทีก็รู้สึกเหมือนมีแฟนเด็ก
บางทีก็รู้สึกเหมือนมีแฟนผู้ใหญ่ แต่ไม่ว่าจะแบบไหนก็ทำให้กระชุ่มกระชวยหัวใจได้เหมือนกันทั้งนั้น
ทำไมถึงได้เป็นคนน่ารักแบบนี้นะ...
ในขณะที่ใครบางคนกำลังตกอยู่ในห้วงแห่งความรัก
ความรู้สึกกระอักกระอ่วนใจก็เกิดขึ้นกับใครอีกคน.. โอ
เซฮุนเคาะปากกาลงกับกระดาษด้วยใบหน้าเรียบเฉย เขายกแขนขึ้นกอดอกก่อนจะเบือนหน้าหนีภาพที่ไม่อยากมองไปทางอื่น
ทำไมต้องเป็นชานยอล... ทำไมถึงต้องเป็นชานยอลทุกที...
#ฟิคกวาง
สวัสดีค่ะ สารภาพว่าที่หายไปเป็นชาติเนื่องจากหนีไปทำเล่ม sf มาแล้วก็ยุ่งหลายอย่าง แต่ก็จะมาต่อตามปกติแล้ว ขอโทษที่หายไปน๊านนาน ช่วงนี้เหน็ดเหนื่อยหัวใจเหลื๊อเกิน คัทหาได้ด้วยการใส่คำว่า cut หน้าแท็กฟิคแล้วค้นหาในทวิตเตอร์นะคะ ขอบคุณที่อ่านค่ะ เอ็นจอยรีดดิ้ง และอย่าลืม #ฟิคกวาง นะ :D โจ๊ะๆ
ความคิดเห็น