คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #31 : chapter : 28 ขึ้นเขียงจ้า
เมื่อถึงเวลาใกล้กลับบ้าน กระเป๋าสัมภาระถูกขนขึ้นไปวางบนรถตั้งแต่เที่ยง แบคฮยอนยังมีเวลากินข้าวและเดินเล่นอีกอีก 2 – 3 ชั่วโมง พื้นรองเท้าผ้าใบเหยียบย่ำไปตามผืนชายหาดเนียนละเอียด แบคฮยอนเดินเอื่อยรับลมไปเรื่อยๆ เขามองเห็นแผ่นหลังเซฮุนเดินอยู่ไวๆ จึงรีบสาวเท้าวิ่งตามเข้าไปใกล้หวังจะทักทาย
“ฮุน!” แบคฮยอนตะโกนร้องลั่นแต่รุ่นน้องของเขาก็เดินหายไป คนตัวเล็กตัดสินใจวิ่งตามไปจนมาเกือบถึงหน้าโรงแรมที่ตัวเองมานั่งเล่นอยู่เมื่อคืน
แบคฮยอนมองเห็นรุ่นน้องของเขากำลังยืนคุยกับประธานบริษัทใหญ่อย่างพ่อของชานยอลอยู่ด้วยท่าทางจริงจัง พวกเขาคุยกันไม่นานประธานก็หันหลังขึ้นรถไป เป็นจังหวะเดียวกับที่ชายหนุ่มหันมาแบคฮยอนจึงตัดสินใจตะโกนเรียกอีกครั้งพร้อมกับโบกมือให้ พอเซฮุนเห็นเขาก็วิ่งเหยาะๆ เข้ามาหาอย่างไว
“วันนี้กลับพร้อมกันปะวะ หรือกลับทีหลัง”
“ผมกลับเย็นหน่อย ต้องไปทำธุระก่อน ทำไมอะ จะกลับพร้อมผมปะล่ะ”
“เปล่าๆ มาถามเฉยๆ นึกว่าจะกลับพร้อมกัน” แบคฮยอนไม่ได้ว่าอะไร เขาพอเข้าใจว่าเซฮุนเป็นคนของสำนักงานใหญ่ คงไม่ได้ว่างเดินเล่นไปมาเหมือนพวกพนักงานชั้นเบี้ย วันนี้ทั้งวันแบคฮยอนเห็นรุ่นน้องเขาเอาแต่นั่งเงียบ เซฮุนดูไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่ ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว เขาคงจะมีเรื่องเครียดเหมือนกัน
“อือ ผมก็อยากกลับเหมือนกัน”
“แล้ววันจันทร์จะไปทำงานปะ”
“ไป ก็คงไปแหละ ทำไม กลัวคิดถึงไง” เด็กหนุ่มว่าแล้วก็ส่งเสียงหัวเราะออกมา ความเป็นธรรมชาติของแบคฮยอนทำให้เซฮุนยิ่งรู้สึกผิด และในขณะเดียวกันความรู้สึกบางอย่างในใจเขาก็กำลังเติบโตอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก
“มึงไม่อยู่ใครจะเลี้ยงกาแฟกูวะ”
“อ๋อ กลัวไม่ได้กินขนม?”
“เออเดะ แม่งรวยละเงียบ” กำปั้นเล็กๆ ชกเข้าไปที่หน้าท้องของเด็กหนุ่มตรงหน้าเบาๆ ก่อนที่คนตัวเล็กจะส่งเสียงหัวเราะออกมา
ขาเรียวก้าวเดินขนาบข้างรุ่นน้องไปตามแนวชายหาด ดวงตาเรียวรีมองจ้องไปยังกลุ่มเพื่อนพนักงานที่กำลังเล่นน้ำทะเลเป็นการส่งท้ายอย่างสนุกสนาน การพักผ่อนที่เหมือนจะน่าเบื่อพอมานึกดูดีๆ แล้วมันก็สนุกดีเหมือนกัน อย่างน้อยก็สนุกกว่าการต้องนั่งรถไปทำงาน
“ไม่ไปเล่นน้ำกับเค้าหรอ”
“ไม่เอาอะ ขี้เกียจไปอาบน้ำ” แบคฮยอนมุ่ยหน้า เขาเดินตรงไปนั่งบนชิงช้าใต้ต้นไม้ใหญ่ก่อนที่จะพูดต่อ “มึง กูถามไรหน่อยดิ ถ้ากูพูดไรไปมึงจะเอาไปบอกประธานปะ”
“ใครอะ”
“เจ้านายมึงอะ แม่ชานยอล”
“ไม่บอกหรอก ถามดิ” เซฮุนยักไหล่ เขาแปลกใจนิดหน่อยที่แบคฮยอนยังวางใจที่จะถามเรื่องนั้นเรื่องนี้เกี่ยวกับแม่ของแฟนหนุ่มทั้งๆ ที่รู้ว่ากำลังคุยกับสายสืบของอีกฝ่ายอยู่ มันยิ่งทำให้เซฮุนคิดไปใหญ่ว่าเขาต้องเลวแค่ไหนถึงสามารถหักหลังความเชื่อใจ และความซื่อสัตย์นี้ได้
“มึงรู้จักผู้หญิงที่ชอบไปไหนมาไหนกับชานยอลปะ คนที่สวยๆ อะ”
“โคลอี้อะนะ? รู้จัก ทำไมอะ”
“เค้าเป็นเพื่อสนิทกันหรืออะไรวะ” คิ้วเรียวขมวดย่นเข้าหากันเล็กน้อย แบคฮยอนสาบานว่าเขาไม่ได้ไม่ไว้ใจชานยอล ก็แค่อยากรู้เอาไว้เผื่อว่าจะมีอะไรที่ทำให้เขาเคลือบแคลงใจอีก แบคฮยอนจะได้ไม่เก็บเรื่องเหล่านี้มาคิดมาก
“อือ เรียนมาด้วยกัน แต่ก็เคยมีข่าวลือนะว่าคบกันอยู่ช่วงนึง แต่ผมไม่รู้จริงไหม” เซฮุนตอบออกไปตามตรง เขาไม่ค่อยได้สนใจเรื่องชานยอลเท่าไหร่ เพราะว่าแทบไม่เคยได้คุยกันเลยแม้แต่ในเวลาทำงาน หรือถ้าให้พูดด้วยความรู้สึกส่วนตัว เซฮุนก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาไม่ชอบลูกชายของประธานเท่าไหร่
“หรอ แม่เค้าอยากให้คนนี้เป็นสะใภ้จริงปะวะ”
“อือ... ผมจะตอบไงดีวะ” คนตัวสูงหลุบตาลงมองพื้นพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะออกมาก่อนที่จะพูดต่อ “ถ้าเอาตามจริงก็ใช่ เค้าก็อยากให้ลูกเค้าได้คนดีๆ แหละ แต่ก็ไม่ได้บังคับถึงขนาดจับคลุมถุงชน”
“หรอ แล้วคุณโคลอี้ไรนี่เค้าชอบชานยอลปะวะ”
“ฮ่าๆๆ ทำไมต้องเรียกเค้าว่าคุณอะ ผมไม่รู้หรอกแต่ผมว่าชอบ เผลอๆ อาจจะรักเลยแหละ เค้าอยู่ด้วยกันมาตั้งนาน ตอนไปเรียนก็อยู่ด้วยกัน”
คำว่าเค้าอยู่ด้วยกันมาตั้งนานทำแบคฮยอนถึงกับหน้าจ๋อย ใจเขากำลังคิดว่าอยู่กันมาตั้งนานแล้วไงวะ อยู่ตั้งนานก็ยังไม่เห็นได้ไปซักที ไม่ใช่ว่ากำลังหึงหรอก บางทีแบคฮยอนก็แค่รู้สึกว่าเวลาที่เขาเจอโคลอี้ทีไรตัวเองเหมือนโดนเบ่งใส่ทุกที ไม่รู้ว่าคิดไปเองไหม บางทีโคลอี้ก็ชอบทำเหมือนเป็นเจ้าของชานยอล
แม้ว่าจะมีคำด่ามากมายเป็นหมื่นล้านคำในใจ แต่แบคฮยอนก็ต้องหุบปากเงียบเอาไว้ เพราะเขากำลังคุยกับสายลับของอีกฝ่ายอยู่ เอาไว้กลับบ้านเมื่อไหร่จะด่ากับอี้ชิงให้สายไหม้เลย
“แล้วชานยอลมันชอบโคลอี้ปะ”
“ผมจะรู้ปะล่ะ พี่เป็นแฟนเค้าพี่ก็ถามเค้าเองดิ ผมไม่รู้หรอก แต่เค้าก็เกรงใจกันอยู่แหละ ทำไม หึงอ่อ?” เซฮุนเลิกคิ้วขึ้นพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะหึออกมา เขาได้แต่นึกเอ็นดูกับความใสซื่อของพนักงานรุ่นพี่ แบคฮยอนไม่ควรมายุ่งกับคนพวกนี้เลย ถ้าเขารักชานยอลก็แค่ต้องอยู่กับชานยอลไป
“เปล๊า~ ก็อยากรู้เฉยๆ เวลาอยู่ที่สำนักงานใหญ่นี่มันเจ้าชู้ปะวะ”
“ถ้าเวลาทำงานไม่มีหรอก ก็ทำตามหน้าที่ไปงั้น แต่ถ้าเป็นเรื่องส่วนตัวผมไม่กล้าพูดว่ะ”
“ทำไมอะ”
“ผมว่าเค้าก็เหมือนพ่อเค้าแหละ ขนาดแฟนสวยระดับนางแบบยังหยุดไม่อยู่เลย”
“อ้าว อย่างงี้เดี๋ยวหมีเลย”
“หมีไรวะ”
“หมีเรื่องแน่ๆ ไอ้ชานยอลอะ”
“ฮ่าๆๆๆ ถ้าพี่ถามผมผมก็จะบอกว่าเค้าเจ้าชู้แหละ เพราะผมไม่อยากให้พี่คบกับเค้า” เด็กหนุ่มตัวสูงตอบอย่างตรงไปตรงมา เซฮุนไม่อยากให้แบคฮยอนไปกันดีได้กับชานยอลด้วยเหตุผลง่ายๆ คือเขาชอบแบคฮยอน และชานยอลในสายตาเซฮุนก็ไม่ใช่คนที่ดีนัก
“อ้าว ทำไมอะ”
“เพราะผมชอบพี่ไง ผมเลยอยากให้พี่เลิกกับเค้า”
“อ้าว มึงนี่ ชักไฟใส่บ้านกูอีก” คำพูดสุดตรงไปตรงกับสีหน้าเฉยชาของรุ่นน้องทำแบคฮยอนอดหมั่นไส้ไม่ได้ เขาเตะทรายใส่เด็กหนุ่มตรงหน้าก่อนจะลุกยืนขึ้น
“ผมพูดจริง ขนาดแสนดีอย่างโคลอี้ยังเอาเค้าไม่อยู่เลย ผมไม่ได้บอกว่าเค้าไม่รักพี่นะ แต่อย่างชานยอลอะ เค้าคิดอะไรใครจะรู้ปะ วันนึงเค้าเจออะไรที่น่าสนใจกว่าเค้าอาจจะไปก็ได้ ต่อให้พี่ดีกับเค้าแค่ไหนก็เหอะ”
“มึงพูดเหมือนมึงชอบโคลอี้เลยว่ะ” ทั้งคำพูดและแววตาของคนตรงหน้าทำแบคฮยอนอดคิดไม่ได้ว่าเซฮุนอาจจะแอบชอบเพื่อนสนิทของชานยอลหรือเปล่า ทำไมเขาถึงดูไม่ชอบชานยอลเลย แถมยังพูดว่าโคลอี้เป็นคนแสนดีทั้งๆ ที่ไม่ได้สนิทกัน
“ก็เคย”
“นั่นไง ว่าละ”
“แต่มันนานแล้ว ผมลืมไปแล้ว”
“ก็ว่า มึงดูไม่ชอบชานยอลเลยอะ”
“ผมไม่ได้ไม่ชอบเค้าเพราะเรื่องนี้หรอก” คนตัวสูงยักไหล่ ชานยอลอาจเป็นเด็กไม่เอาไหนในสายตาเซฮุน แต่เขาก็ไม่ได้เกลียดน้องชายคนนี้หรอก อาจจะแค่หมั่นไส้บ้างในบางครั้งคราวกับความสมบูรณ์แบบของเขา
“แล้วคราวนี้มึงก็เลยจะมาแย่งกูคืนถูกปะ?” แบคฮยอนว่าพร้อมกับเลิกคิ้วทำหน้าทะเล้น ในขณะที่ก้าวเท้าเดินต่อไป ความรู้สึกบางอย่างในใจทำเขาอึดอัดเกินกว่าจะอยากพูดอะไรต่อ
แบคฮยอนปฏิเสธไม่ได้ว่ารู้สึกไม่ดีเมื่อได้รู้ว่าเซฮุนเคยชอบเพื่อนสนิทชานยอล มันอย่างกับว่าใครๆ ก็พากันไปอยู่ในโลกที่แบคฮยอนเข้าไม่ถึงกันหมด แม้แต่เซฮุนเองก็ยังมีความลับเยอะแยะจนรู้สึกว่าเขาดูไม่ต่างจากใครๆ แบคฮยอนแค่สงสัยว่าเขาจะไว้ใจรุ่นน้องคนนี้ได้มากแค่ไหน
“ถ้าทำได้ผมทำไปแล้ว”
“มึงอะ อย่าพูดแบบนี้ดิ ยังไงกูก็รักมึงปะวะ”
“หึ”
ความใจดีของแบคฮยอนทำให้เซฮุนสมเพชตัวเอง เขาได้แต่ส่งเสียงหัวเราะหึออกมาใน ขณะที่ดวงตาจับจ้องไปยังผืนทรายด้านหน้า
แบคฮยอนเป็นคนใจดีมาก น่ารักมากซะจนเซฮุนอดรู้สึกอิจฉาไม่ได้ ทั้งๆ ที่ตอนแรกเขาเองเป็นคนคิดว่าผู้ชายคนนี้ไม่มีอะไรสะดุดตา จนกระทั่งตอนนี้ที่ได้รู้ว่าความธรรมดาคือสิ่งที่ทำให้แบคฮยอนพิเศษ ทั้งความเป็นคนเรื่อยเปื่อย ขี้ตีโพยตีพาย ผสมความทะลึ่งทะเล้นของเขา ทุกอย่างทำให้แบคฮยอนน่ารักหมด
ครั้งนึงเซฮุนเคยตกหลุมรักผู้หญิงแสนสวยที่ทั้งเก่งและฉลาด พอรู้ว่ามันเป็นของใครบางคนเขาก็ตัดใจเลิกชอบ และตอนนี้เซฮุนกำลังหลงรักผู้ชายอีกคนที่เป็นของชานยอลอีกครั้ง สาบานได้ว่าเซฮุนไม่เคยรู้สึกอิจฉาชานยอลในสิ่งที่เขาได้ ไม่เคยอยากได้อะไรที่ชานยอลมี
เซฮุนแค่คิดว่าชานยอลไม่เหมาะสมกับแบคฮยอนเลย มองดูยังไงก็ไม่น่าจะไปกันรอด ทั้งรสนิยม การใช้ชีวิต หรือแม้แต่นิสัยส่วนตัว ถ้าวันนึงชานยอลเจอคนที่ดีกว่าล่ะ ถ้าวันนั้นแบคฮยอนที่เจ้าตัวบอกว่ารักนักหนากลายเป็นแค่อดีต
หลายครั้งเซฮุนเคยคิดว่าถ้าเขาได้รับโอกาสมากมายอย่างชานยอลก็คงจะทำให้ดี และตอนนี้เซฮุนก็กำลังรู้สึกแบบนั้น
แค่โอกาสสักครั้งเดียว...
“ทำไมถึงชอบมันอะ” เอ่ยถามออกไปหวังจะได้คำตอบที่อยากรู้นักหนา แต่ดูเหมือนว่าสิ่งได้รับกลับมากลับจะยิ่งมีแต่ทำให้หัวใจฉีกขาด
“ไม่รู้ดิ ก็ชอบหมดอะ เพราะมันเป็นชานยอลมั้ง”
.
.
.
ติ๊ด...
เสียงสแกนคีย์การ์ดดังขึ้นก่อนที่บานประตูจะถูกเปิดเข้าไป หลังจากวันที่แสนเหนื่อยล้าแบคฮยอนก็กลับมาถึงคอนโดสักที เขาเดินโงนเงนตามเจ้าของห้องเข้าไปด้านในก่อนจะตรงไปล้มตัวลงนอนบนโซฟาที่แสนคิดถึง ดูเหมือนว่าห้องชานยอลจะเปลี่ยนไปนิดหน่อย แบคฮยอนจำได้ว่าผนังหลังทีวีเคยเป็นสีขาว แต่ตอนนี้มันกลายเป็นสีเทาแล้ว แถมยังมีตู้กระจกติดเรียงไปจนถึงผนังอีกฝั่ง
“ทำห้องใหม่อ่อวะ”
“อือ” เจ้าของห้องไม่ได้ตอบอะไรมาก ชานยอลนำกระเป๋าไปวางไว้บนชั้นก่อนจะเดินไปหยิบน้ำในตู้เย็นออกมาส่งให้แฟนจอมขี้เกียจที่มาถึงก็ไหลแหมะลงกองกับโซฟา โดยที่ไม่คิดจะถอดแม้แต่ถุงเท้า
“จะย้ายมาอยู่ยาวแล้วอ่อ”
“เปล่า ตอนแรกผมว่าจะปล่อยเช่าแล้วย้ายไปห้องใหม่ แต่ก็ไม่ได้ย้าย เลยต้องอยู่ต่อ”
“ทำไมจะย้ายอะ”
“ห้องมันเล็กไง ผมว่าจะย้ายไปห้องใหญ่กว่านี้แล้วทำสตูดิโอแต่แม่ผมไม่ให้ทำ เค้ากลัวผมไม่กลับบ้าน” คนตัวสูงว่าพร้อมกับหัวเราะออกมาเบาๆ มันอย่างกับว่าแม่เข้ามานั่งอยู่ในหัวชานยอลแล้วก็เดาความคิดเขาออกหมดทุกทาง
ชานยอลตั้งใจจะทำสตูดิโอที่ห้องเพราะสตูดิโออยู่ที่ไหน เขาก็อยู่ที่นั่น แล้วถ้าสตูดิโออยู่ที่คอนโดชานยอลก็คงจะอยู่ประจำที่นี่ นานๆ ทีเขาคงกลับไปนอนบ้านสักครั้ง แน่นอนว่าแม่ไม่ยอมแน่ ขนาดแค่เปรยออกไปว่าอยากย้ายไปห้องที่ใหญ่กว่าแม่ก็รีบห้ามอย่างกับกลัวว่าชานยอลจะย้ายออกไปจากบ้าน
“นี่ยังไม่ใหญ่อีกอ่อวะ” คนตัวเล็กกวาดตามองไปรอบห้องคอนโดที่ใหญ่กว่าบ้านเขาเกือบสองเท่า ไม่ต้องนับห้องนอนแยกกับห้องน้ำ มันอาจจะไม่ใหญ่เหมือนบ้าน และดูแคบเพราะเฟอร์นิเจอร์ที่อัดเข้ามาเต็มห้อง แต่ก็ไม่ได้เล็กเลย
“มันไม่มีห้องทำสตูไง ถ้าอยู่สองคนก็แคบนะ”
“มึงก็เอาสตูไว้บ้านไง ถ้าย้ายสตูดิโอออกมามึงไม่กลับบ้านดิ กูว่าแม่มึงคงไม่ยอม หรือว่าคิดจะย้ายออกมาถาวร?”
“แล้วย้ายมาอยู่ถาวรไม่ดีอ่อ” คนตัวสูงได้แต่ส่งเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ เมื่อถูกคนรู้ใจอีกคนจับได้ ชานยอลกระดกน้ำอัดลมในกระป๋องลงคอก่อนจะเอนหัวลงไปนอนพิงไหล่แฟนตัวเล็กอย่างช่างอ้อน ถ้าหากว่าชานยอลย้ายออกมาอยู่ข้างนอกแบคฮยอนก็จะมานอนเมื่อไหร่ก็ได้ แถมยังใกล้ที่ทำงาน แล้วก็จะได้เจอกันบ่อยขึ้น หรืออาจจะถึงขั้นได้ย้ายมาอยู่ด้วยกัน
“อ๋อ คิดการไกล ทำห้องเสร็จก็หลอกกูมาอยู่ด้วยใช่ปะ” แบคฮยอนยกมือขึ้นบีบคางแฟนตัวสูงด้วยความหมั่นไส้ เขารู้หรอกว่าชานยอลคิดอะไร แค่อ้าปากก็เห็นไปถึงลิ้นไก่
“แล้วไม่ดีอ่อ อาทิตย์นึงเจอกันแค่ครั้งเดียวเอง”
“บางอาทิตย์ก็หลายครั้งปะวะ มึงก็คุยกับกูทุกวัน”
“ก็ไม่ได้เจอกันอยู่ดี” ชานยอลไม่ยอมพูดออกไปว่าเขาอยากเจอแบคฮยอนแบบตัวเป็นๆ ทุกวัน อยากกอด อยากสัมผัส อยากทำอะไรที่มากกว่าแค่คุยโทรศัพท์ เจอกันแค่อาทิตย์ละครั้งสองครั้งมันไม่พอ ชานยอลต้องการมากกว่านั้น
ตอนแรกเขาก็คิดว่ามันดีแล้วที่ต่างฝ่ายมีพื้นที่ส่วนตัวให้กันแบบนี้ ชานยอลมีเวลาทำอย่างอื่น และแบคฮยอนก็จะได้ไม่รู้สึกอึดอัดกับการเข้ามาในสังคมที่ไม่คุ้ยเคย แต่พอนานวันเข้าชานยอลยิ่งเริ่มรู้สึกว่าความต้องการของเขามันไม่หยุดอยู่แค่ที่ตรงนี้ ไม่อยากเป็นแค่แฟนระยะไกล จุดเริ่มต้นของความคิดมันก็แค่นี้เอง
“ทำไม อยากเจอกูทุกวันเลยไง๊”
“อือ คิดถึง อยากกอด” ว่าแล้วก็หันไปกดปลายจมูกหอมลงบนซอกคอคนข้างๆ พร้อมกับเลื่อนแขนไปกอดรัดเอวบางไว้แน่น
“มึงไม่ต้องมาทำเป็นคิดถึงอยากกอด มึงอะชานยอล กูรู้” แบคฮยอนยิ้มกริ่มกับความน่าเอ็นดูของแฟนเด็กก่อนที่จะย่นคอหนีจูบบนลาดไหล่ที่ทำให้เขาขนลุกซู่ อย่างชานยอลเนี่ยหรอแค่อยากกอด ทุกวันนี้เขายังไม่ยอมรับเลยว่าอาทิตย์นึงช่วยตัวเองกี่ครั้ง
“อือ...”
ริมฝีปากร้อนผ่าวกดจูบลงเบาๆ ที่ซอกคอขาว ชานยอลใช้กลีบปากขบเม้มผิวเนื้อหนุ่มหยุ่นพร้อมกับไล้ปลายจมูกลงดมกลิ่นหอมสะอาดจากผิวเนื้อ ทั้งความร้อนจากลมหายใจและริมฝีปากที่เคล้าอยู่ตรงต้นคอทำแบคฮยอนขนสยิวจนต้องรีบเบี่ยงตัวหนี
“เดี๋ยวไปอาบน้ำก่อน” คนตัวเล็กว่าแล้วก็ผลักร่างแฟนหนุ่มให้ละออกก่อนจะลุกยืนขึ้นพลางยื่นมือไปใช้นิ้วแปะปิดปากแฟนตัวสูงไว้ แบคฮยอนอยากไปอาบน้ำให้ตัวหอมๆ ก่อนเพื่อที่ชานยอลจะได้ฟัดเต็มที่โดยไม่ต้องห่วงเรื่องความไม่สะอาด
“ได้...”
“รอแป๊บเดียว”
สายตาและท่าทางการใช้ริมฝีปากงับนิ้วโป้งของแฟนหนุ่มทำแบคฮยอนอดเขินปนรู้สึกตลกไม่ได้ เขาใช้มือบีบแก้มคนตรงหน้าก่อนจะหันหลังเดินไปหยิบผ้าขนหนูที่แขวนอยู่หน้าตู้เสื้อผ้า แววตาที่ชานยอลมองมาดูอย่างกับนักล่าเวลาที่มันจ้องจะขยุ้มเหยื่อ ไม่นับรวมสีหน้าเจ้าเล่ห์และยิ้มมุมปากเล็กๆ ที่ทำให้รู้สึกเหมือนกำลังถูกคาดโทษ มันทำให้แบคฮยอนรู้สึกจั๊กจี้อย่างบอกไม่ถูก เหมือนชานยอลกำลังบอกว่า หนีได้ก็หนีไป ยังไงก็หนีไม่พ้นหรอก เขารู้สึกแบบนั้นจริงๆ
ใช้เวลาแค่ไม่ถึง 15 นาทีคนตัวเล็กก็อาบน้ำตัวหอมเปลี่ยนจากเจ้าตัวมอมแมมเป็นกวางสาวแสนสวยพร้อมขึ้นแท่นบูชายันต์ในคืนวันเพ็ญ
ในระหว่างที่รอเจ้าของห้องอาบน้ำเสร็จ แบคฮยอนก็ย้ายตัวเองขึ้นมานอนรอบนเตียงพลางเล่นโทรศัพท์ฆ่าเวลาไปพลาง คนตัวเล็กถกคอเสื้อยืดที่ตัวใหญ่กว่าร่างสองไซส์ลงจนเห็นไหล่ พร้อมกับใช้มือเท้าคางก่อนจะกดถ่ายภาพเซลฟี่อัพลงทวิตให้เพื่อนๆ ชาวมนุษย์เง่นได้ตื่นตา
ติ๊ง!
Bhxx0506 : ขึ้นเขียงจ้า
Kji69 : ไปแถวไหนครับ
Bhxx0506 : ไม่ได้นัดจ้า มาห้องแฟน 555555
Kji69 : ถ่ายคลิปหน่อย
Bhxx0506 : ไม่ด้ายย ไม่ให้ดู
Kji69 : 5555555
Bucheonbuttom : อ่อย
Bhxx0506 : :P
“ทำไร”
ในขณะที่กำลังอ่านข้อความไปเพลินๆ หยดน้ำและความเปียกแฉะที่สัมผัสโดนข้างแก้มและลำคอก็เรียกแบคฮยอนให้ต้องหันไปมองแฟนตัวสูงที่คลานขึ้นมาคร่อมจากด้านหลัง ยังไม่ทันตั้งตัวริมฝีปากของเขาก็ถูกบดขยี้จูบอย่างหนักหน่วง ริมฝีปากเล็กๆ ถูกขบเม้มและดูดกลืนจนเผยออ้ากว่าอีกฝ่ายจะยอมละใบหน้าออก
“ไปเช็ดหัวให้แห้งก่อน มึงอะ กูอุตส่าห์ทาแป้งแล้ว” แบคฮยอนเอียงหน้าลงเช็ดหยดน้ำบนหน้ากับแขนเสื้อ ก่อนจะหยิบเอาผ้าขนหนูผืนเล็กไปโปะหัวแฟนหนุ่ม แล้วพลิกตัวนอนหงายพลางยกมือขึ้นขยำผ้าขนหนูเช็ดผมให้คนด้านบน
ชานยอลเองก็ยอมก้มหัวลงให้แฟนตัวเล็กช่วยดูแลอย่างว่าง่าย เขาดูเหมือนกับสุนัขตัวใหญ่ที่กำลังอ้อนให้เจ้าของเช็ดขนให้หลังจากอาบน้ำเสร็จไม่มีผิด
“ไม่เช็ดตัวให้แห้งก่อนวะ” แบคฮยอนบนอุบพร้อมกับเบี่ยงหน้าหนีหยดน้ำจากเส้นผมที่หยดลงโดนใบหน้า พอเช็ดผมเสร็จคนด้านบนก็สะบัดหัวไปมาอย่างกับลูกหมาก่อนที่จะหยัดตัวเสยผมขึ้นแล้วรับผ้าขนหนูไปเช็ดหยาดน้ำตามร่างกาย
มันเป็นภาพที่เห็นแล้วก็ทำเอาหัวใจคนมองอ่อนระทดระทวยไปหมด แบคฮยอนชอบทุกความเป็นผู้ชายในตัวชานยอล ไม่ว่าจะเป็นวิธีคิดของเขาหรือการแสดงออก ความกระหายที่จะพิสูจน์ตัวเองในแบบของผู้ชาย หรือแม้แต่ความน่ารักแบบเด็กๆ ความไม่สมบูรณ์แบบที่รวมกันเป็นความสมบูรณ์แบบ
“วันนี้ใครบอกว่าจะใช้คืนให้” ชานยอลโยนผ้าขนหนูที่ใช้เช็ดหัวลงไปข้างเตียงก่อนจะลุกขึ้นไปดับไฟ เขาคว้าเอารีโมทเล็กๆ ขึ้นมาเปิดม่านที่บังกระจกออก พอไฟในห้องมืดแสงระยิบระยับจากมหานครเบื้องหน้าก็ส่องเข้ามาให้พอมองเห็นบรรยากาศด้านในลางๆ
ภายในห้องนอนที่มีแสงจากด้านนอกส่องเข้ามาสลัวๆ หลังผนังกระจกบานใหญ่เป็นวิวเมืองหลวงที่แสนวุ่นวายในยามค่ำคืน แบคฮยอนถึงกับต้องคลานเข้าไปดูใกล้ๆ เพื่อเตือนตัวเองว่าไม่ได้ฝันไป เตียงหลังใหญ่ตั้งอยู่ห่างจากผนังหน้าต่างประมาณสามเมตร จากตรงนี้แบคฮยอนสามารมองเห็นตึกที่ทำงานเขาได้เลย
“สวยว่ะ... แต่มันจะไม่มีคนเห็นหรอวะ”
พูดยังไม่ทันจบแรงกอดรัดจากด้านหลังก็บอกแบคฮยอนให้รู้ว่านี่คือเจตนาของแฟนหนุ่ม ความไม่คุ้นเคยกับการทำเซ็กส์ในที่โล่งทำตัวเขาแข็งทื่อ ถึงจะรู้ว่าคงไม่มีใครมองเห็นจากที่ที่สูงขนาดนี้
“ไม่มีใครเห็นหรอก” กระซิบคำพูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่าลงที่ข้างใบหู ก่อนที่คนตัวสูงจะก้มหน้าลงไซ้ปลายจมูกโด่งลงกับลาดไหล่คนรักจากทางด้านหลัง ในขณะที่ฝ่ามือก็ลูบไล้ไปตามเรียวขาและหน้าท้อง
แบคฮยอนได้แต่นั่งตัวแข็งเมื่อถูกลมหายใจอุ่นๆ เป่ารดบนซอกคอ ฝ่ามือหยาบกร้านที่กำลังลูบอยู่ตรงหว่างขาทำคนตัวเล็กเสียววูบในช่องท้องจนเผลอหุบขาเข้าหากัน คางเรียวแอ่นเชิดขึ้นเมื่อริมฝีปากร้อนผ่าวเริ่มไล่จูบมาจนถึงซอกคอ รวมถึงปลายลิ้นอุ่นชื้นที่แลบเลียลงผิวเนื้อ ทั้งมันอุ่นและชื้นแฉะ
CUT
“มึงไปอดยากมาจากไหนวะ” เซ็กส์ที่เหนื่อยแสนเหนื่อยทำคนตัวเล็กอดบ่นออกมาไม่ได้ แบคฮยอนกลั้นหายใจจนแทบจะตายตอนที่เขาเกือบถึงจุดสุดยอด และการถูกบังคับให้เสร็จสองครั้งก็เป็นเรื่องที่เหนื่อยมากถึงตอนสุดท้ายจะเสียวซ่านแทบขาดใจก็เถอะ
“ก็นานๆ ที”
“ถ้าทำแบบนี้ทุกวันไม่ไหวนะ จริงๆ ไม่มีแรงไปทำงาน”
“ถ้าทำทุกวันก็รอบเดียว”
“มึงแน่ใจหรอ?”
“จริงๆ” ชานยอลว่าแล้วก็ส่งเสียงหัวเราะออกมา ความอัดอั้นทำอารมณ์เขาแตกกระเจิงจนเผลอเสร็จไปก่อนที่จะได้ทำประตู แต่ถ้าหากว่าได้อยู่กับแบคฮยอนทุกวันก็คงไม่ต้องอดกลั้นจนกว่าจะถึงวันศุกร์สุดสัปดาห์
บางทีชานยอลก็รำคาญตัวเองที่เอาแต่คิดถึงคนรักอยู่ตลอด เขากระหายที่ได้ใช้เวลากับแบคฮยอนจนเริ่มรู้สึกว่าเวลาแค่วันสองวันที่เจอกันมันไม่พอ ถ้าได้อยู่ด้วยกันอย่างน้อยสักอาทิตย์นึงก็คงดี ไม่รู้ว่ามันจะทำให้คิดถึงน้อยลนหรือโหยหามากขึ้น
“เหนื่อยเว้ย ไม่ทำ” ว่าแล้วคนตัวเล็กก็พลิกตัวหันหน้าหนีไปทางอื่นแต่ไม่ทันไรก็ถูกแฟนตัวสูงตามมางับคอจนต้องย่นคอหนี แบคฮยอนรีบกลิ้งไปหยิบเสื้อยืดมาใส่ก่อนที่จะโยนผ้าขนหนูไปคลุมร่างที่เปลือยล้อนจ้อนของแฟนหนุ่มเอาไว้
นาฬิกาบนจอมือถือบอกว่าตอนนี้เป็นเวลาสามทุ่มเศษแล้ว แบคฮยอนเกือบลืมไปเลยว่าพรุ่งนี้วันจันทร์ เพราะทุกครั้งที่ได้เจอชานยอลทีไรมักจะเป็นวันศุกร์ทุกที
“ยังไม่แก่เลย ทำไมแรงน้อย”
“เนี่ย มึงอะตัวดี แล้วแม่มึงก็ชอบมาโทษกู หาว่าทำลูกเค้าหลงผิด มึงอะตัวดีเลย”
“ฮ่ะๆ”
“พรุ่งนี้ไปทำงานกี่โมง”
“ที่จริงผมไปตอนไหนก็ได้ แต่ไปพร้อมกันก็ได้” ชานยอลหยัดตัวขึ้นนั่งแล้วหยิบเอาผ้าขนหนูมาพันเอวก่อนที่จะขยับตัวไปนอนทางหัวเตียง ดวงตากลมโตจับจ้องไปยังแผ่นรักเล็กๆ ภายใต้เสื้อยืดตัวใหญ่ของเขาไม่วางตา
“แล้วไหนบอกพรุ่งนี้ไปดูกล้อง”
“ก็ไปตอนเย็น”
“เดี๋ยวก็ซื้อนู่นซื้อนี่ ใช้เงินเหมือนเทน้ำเลยนะ เงินมันหาง่ายนักแงะ”
“ไม่รู้ดิ ไม่เคยหา”
คำตอบที่แสนน่าหมั่นไส้ของแฟนหนุ่มทำแบคฮยอนอดหันไปชกกำปั้นใส่หน้าท้องแกร่งไม่ได้ พอเห็นอีกฝ่ายหัวเราะออกมาเขาชกซ้ำลงไปอีก
“หมั่นไส้!”
“หมั่นไส้แล้วไม่รักอ่อ”
“ไม่รักหรอก”
“ไม่รักจริงอะ” ว่าแล้วคนตัวสูงก็กางแขนออกพร้อมกับหยักยิ้มเจ้าเล่ห์ส่งไปให้แฟนตัวเล็กที่นั่งทำหน้านิ่งอยู่ ไม่นานแบคฮยอนก็ต้องยอมแพ้ล้มตัวเข้าหาอ้อมกอดแฟนเด็กที่น่าหมั่นไส้ที่สุดในโลก
“รักก็ได้”
ความคิดเห็น