คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : บทที่ ๔ :: คนไม่ใช่ทำยังไงก็ไม่รัก 100%
แสงเทียนในเงาจันทร์
______________
บทที่ ๔ :: คนไม่ใช่ทำยังไงก็ไม่รัก
มือเล็กกุมแน่นล้อมรอบข้อมือขาวของคนตัวสูงกว่า คนที่เป็นไม้เบื่อไม้เมาฝ่ายชายเริ่มอิดออดประท้วงด้วยการรั้งมือบางไว้ไม่ยอมเดินตามต่อไปอีก ก็พายหวานลากเขามาจนเกือบจะถึงหลังบ้านของพาฝันอยู่แล้ว คิดดูแล้วกันว่าลากมาตั้งแต่หน้าบ้านนี่มันไกลขนาดไหน ตึกแถวหลังนี้น่าจะลึกอย่างน้อยราวสี่เมตรเลย
“พอแล้วน่าพาย
ลากมาไกลขนาดนี้ ฝันได้ยินก็เว่อร์ละ”
“เออ พอก็ได้ โอเค
นายจำสัญญาของฉันได้มั้ย”
“ห้ามทำอะไรฝันเด็ดขาด/ห้ามทำอะไรฝันเด็ดขาด” น้ำเสียงสองโทนดังขึ้นพร้อมเพรียงราวกับนัดแนะมาก่อน
หากอารมณ์คนพูดฝั่งหนึ่งติดจะหงุดหงิด
ส่วนอีกฝั่งนั้นเริ่มฉายแววกวนประสาทมาแต่ไกล
“จำได้ก็ดี
นี่ฉันไว้ใจนายหรอกนะ เห็นว่ายัยฝันก็ไว้ใจนายหรอก” พายหวานพูดอย่างเสียไม่ได้
หญิงสาวกอดอกด้วยท่าทางไว้ตัวแบบที่ชอบทำกับไม้เบื่อไม้เมาตรงหน้า
ท่าแบบนี้แหละที่หนุ่มนิสิตแพทย์เห็นทีไรแล้วก็นึกอยากจะกวนประสาทเล่น
ถือตัวนักนะแม่คุณหนูพายหวาน
เดี๋ยวจะกวนประสาทซะให้เข็ด
“เข้าใจแล้วครับ”
ตะวันลากเสียงคำลงท้ายยาวอย่างยียวน รอยยิ้มบนริมฝีปากนั่นอีก
พายหวานเห็นแล้วอยากจะกรี๊ดใส่หน้าเสียจริง
“จิ๊ กวน! เข้าใจแล้วก็ดี เลิกกวนได้แล้วนะนายน่ะ!”
“โอเคๆ ยอมแพ้แล้ว ไม่กวนพายแล้ว
แต่...กฎต้องมีข้อยกเว้นเสมอเนอะ ถ้าฝันยอมก็ทำได้ใช่ไหม
เนอะ โอ๊ย!” ยังแกล้งไม่ทันจบดี
มือบางที่ไม่เบาเลยก็ฟาดใส่หัวไหล่ของชายหนุ่มเต็มแรง
“แค่นี้ยังน้อยไป เดี๋ยวเถอะ”
ร่างเล็กในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์ยกมือขึ้นชี้ผู้ชายตัวสูงกว่าอย่างคาดโทษ
แล้วเดินลิ่วๆ กลับไปทางหน้าบ้าน
คนชอบแกล้งอมยิ้มเล็กน้อยก่อนจะรีบเดินตามไปพลางตะโกนกวนประสาทหญิงสาวไปพลางๆ ด้วย
“พายไม่เห็นบอกว่าไม่ได้
งี้แสดงว่าได้ใช่ไหม”
“อย่ากวนประสาทฉันนะนายตะวัน!” เธอหันกลับมาแว้ดๆ ใส่จนสมใจอีกคนเขาล่ะ นัยน์ตาหวานถลึงมองกลับมาอย่างเอาเรื่อง ขณะที่ตะวันยืนหัวเราะหัวสั่นหัวคลอน ก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าไปเล็กน้อยเมื่อมองเลยจากหญิงสาวตรงหน้าไปเห็นพาฝันในอ้อมแขนของผู้ชายคนอื่น ...ซึ่งก็ไม่ใช่ใครอื่น
คู่หมั้นของยัยพายหวานขี้หงุดหงิดกอดพาฝันทำไม
ขณะที่ชายหนุ่มว่าที่นายแพทย์ขมวดคิ้วอย่างใช้ความคิด
ว่าที่เต็กสาวในอนาคตก็กำลังจะเหลียวหน้ากลับไป ในเสี้ยววินาทีที่จำเป็นต้องตัดสินใจ
ตะวันเรียกหญิงสาวตัวเล็กกว่าไว้โดยอัตโนมัติ
“พาย!!!”
มันดังพอจะทำให้เจ้าของชื่อตกใจ
แต่ดังไปไม่ถึงคนอีกคู่หนึ่งที่ทำให้เขาต้องเรียกชื่อหญิงสาวตรงหน้า มือแกร่งยื่นไปดึงร่างเล็กในชุดทะมัดทะแมงอย่างเสื้อยืดกางเกงยีนส์มาใกล้ตัวด้วยความรวดเร็วเพราะคิดอะไรอย่างอื่นไม่ทันแล้ว
“อะไรของนาย!”
ความตกใจทำให้เธอที่กำลังตั้งท่าจะโวยวายถลามาทางชายหนุ่มอย่างเร็วและแรง หญิงสาวปะทะเข้ากับแผ่นอกของคนตัวสูงกว่าอย่างจังแล้วทำให้พวกเขาเซล้มลงไปกับพื้นทั้งคู่
“โอ๊ย” ตะวันร้องลั่นเพราะคนที่โถมตัวทับอยู่ด้านบนนั้นศอกเข้าที่สีข้างของเขาอย่างจังเบอร์
คราวนี้ดังมากพอที่จะทำให้หญิงสาวชายหนุ่มอีกคู่นั้นหันมองมาและผละจากกันได้
ตะวันช่วยพาฝันและปุณณมาไว้ได้ พร้อมกับหมายใจว่าเขาต้องเค้นถามหาความจริงจากเธอให้ได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น...
เมื่อรถยนต์ของพี่สาวคนสนิทแล่นออกไปจากละแวกบ้านของพาฝัน
ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็เอาแต่จ้องมองมายังเธอ จนหญิงสาวไม่กล้าแม้แต่กลืนน้ำลาย
นัยน์ตากลมเหลือบมองอย่างละล้าละลัง ในวินาทีที่สบสายตาซึ่งกันและกัน
พี่ตะวันของเธอก็เป็นฝ่ายตั้งคำถามขึ้นมาหลังจากปล่อยให้ทุกอย่างนิ่งเงียบอยู่อึดใจใหญ่
“ฝันสนิทกับคุณปุณณ์หรอคะ”
สาวน้อยในชุดนิสิตมองหน้าคนที่เธอรักเหมือนพี่ชาย
ลังเลว่าควรบอกความจริงหรือปิดบังต่อไป พี่ตะวันจะยอมเชื่อเรื่องที่เธอเล่าเหรอ?
“ไม่ค่ะ” ตัดสินใจตอบไปเรียบๆ แล้วหมุนตัวจะเดินเข้าไปในตึกแถวที่เป็นอาณาเขตบ้านที่ป๊าทิ้งไว้ให้ลูกสาวคนเดียวอย่างเธอ
แต่ยังไม่ทันได้ไปไกลเกินกว่าสามก้าว
มือน้อยก็ถูกแรงฉุดรั้งจากฝ่ามืออีกคนดึงเอาไว้
“งั้นอย่าปล่อยให้เขากอดอีก
สัญญากับพี่นะ” ฝ่ามือที่กุมไว้อบอุ่นแต่เหมือนตั้งใจรั้งไว้อย่างเว้าวอน
นัยน์ตานิ่งเฉยที่ทอดมองคล้ายกับกำลังขอร้องเธออยู่
“...”
“ฝันก็รู้ว่าพี่คิดยังไง...”
มืออีกข้างของพี่ตะวันกุมสำทับมาบนมือของเธอ ปลายนิ้วกดลงเบาๆ
เพื่อกุมมือเธอให้แน่นขึ้น ราวกับพยายามจะถ่ายทอดความในใจที่หนักอึ้งผ่านสัมผัสนุ่มนวล
พาฝันสบตาด้วยอยู่เป็นนานสองนาน ก่อนที่เธอจะพยายามดึงมือออกอย่างช้าๆ และสุภาพที่สุด เพราะหญิงสาวรู้ดีว่าเธอไม่อาจรักใครอื่นได้อีกนอกจากท่านจันทร์ หากเป็นช่วงเวลาก่อนหน้าที่เธอจะได้เจอกับผู้ชายที่เธอรักที่สุดคนนั้น เธออาจจะตอบรับสัมผัสของพี่ชายตรงหน้านี้ด้วยหัวใจพองโตก็เป็นได้ แต่ตอนนี้ไม่มีวันเป็นเช่นนั้นได้เลย
“เอ่อ... ฝันขึ้นไปทำการบ้านที่ห้องนะพี่ตะวัน”
สาวน้อยที่เขารักหมดหัวใจเดินเลี่ยงจากไป พาฝันเลือกที่จะไม่พูดอะไรทั้งตอบรับหรือปฏิเสธ
และเธอก็เดินไปพร้อมๆ กับที่หัวใจของเขารู้สึกเหมือนถูกฉุดกระชาก
นัยน์ตาเรียวรีที่ปกติมักจะมองไปยังหญิงสาวอย่างอบอุ่นกลับไม่เปล่งประกายแววใดอีก
เขากลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากแล้วเดินตามร่างเล็กที่เป็นเหมือนน้องสาวเข้าไปในบ้านแบบตึกแถวของเธอ
พอจะรู้อยู่ว่าเธอไม่ได้รักเขาในแบบเดียวกับที่เขารักเธอ
“งั้นพี่ไปทำอาหารนะ
สักครึ่งชั่วโมงลงมาทานข้าวกันนะคะ”
จังหวะที่พาฝันก้าวถึงบันไดที่จะนำเธอไปสู่ชั้นสองของบ้าน ชายหนุ่มก็ตะโกนบอกเธอแล้วเดินหลบฉากไปส่วนด้านหลังบ้านซึ่งเป็นห้องครัว ไม่ได้เดินตามเธอขึ้นไปด้านบนอย่างที่ใจอยากทำ เพราะคนไม่ใช่ทำยังไงก็ไม่รัก
เครื่องเรือนส่วนใหญ่ภายในห้องนอนของพาฝันล้วนทำมาจากไม้สักแท้
ผ้าม่านสีม่วงดอกตะแบกพริ้วไหวแผ่วเบาจากลมที่พัดผ่านบานกระจกหน้าต่างที่เปิดทิ้งไว้
ร่างเพรียวระหงเดินเร็วๆ ผ่านบานประตูไม้ที่ถูกเปิดออกพร้อมด้วยเสียงเอี้ยด
หนังสือเล่มโตที่เธอยืมมาจากหอสมุดถูกวางลงบนโต๊ะทำงานก่อนที่ตัวของเธอจะนั่งลงตรงหน้ามันอีกที
พี่ตะวัน... เธอใจร้ายกับเขาไปไหมนะ?
หญิงสาวคิดใคร่ครวญแล้วก็สั่นศีรษะในอาการปฏิเสธ
ดวงตาหวานละมุนเต็มไปด้วยความสับสนก่อนที่ความคิดจะไพล่ไปถึงผู้ชายอีกคนหนึ่ง
ทำไมคุณปุณณมาถึงไม่ผลักเธอออก...
ทำไมเขาถึงเช็ดน้ำตาให้กันนะ...
ยิ่งคิดเธอก็อดระลึกไปถึงช่วงเวลาในสมัยสี่ร้อยกว่าปีก่อนหน้าไม่ได้
เขาคนนั้นก็เคยทำเหมือนคนๆ นี้ ท่านจันทร์กับคุณชายปุณณมา...
ความคล้ายคลึงของทั้งคู่ต้องไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่
บรรยากาศฟ้าโปร่ง
ธรรมชาติที่แทบไม่ถูกน้ำมือมนุษย์แตะต้อง มีสีฟ้าตัดเขียว
และเขียวตัดกับความใสของน้ำอีกที แล้วยังเงาของเหล่าต้นไม้ที่ทำตัวตามสบายทอดสะท้อนอยู่ในผืนน้ำอีก
ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนอยู่ในที่ในทางของตนเองและเป็นไปอย่างดี ยกเว้นเธอคนเดียว
น้ำตาใสกลั่นคลอในนัยน์ตาหวาน
ความอึดอัดใจมันเอ่อล้นไปหมด
‘คิดถึงบ้าน!’ หญิงสาวห่มผ้าแพรเนื้อนวลสีแดงดอกชบากำลังตั้งหน้าตั้งตาตะโกนออกไปยังกลางแม่น้ำทั้งที่ตัวเธอเพียงยืนอยู่ได้แค่ริมฝั่ง กำไลข้อมือทองกระทบกันกรุ๋งกริ๋งเมื่อเธอยกมือในลักษณะเหมือนป้องปากเพื่อทำให้เสียงตัวเองดังขึ้นไปอีก
‘เจ้ามาทำเสียงหนวกหูอะไรไกลถึงนี่รึแม่หญิง’
เสียงที่ไม่น่ามีดังขึ้นด้านหลังของเธอ
ไหล่บางสะดุ้งไหวเพราะไม่ตั้งตัวจนสไบที่ทิ้งชายยาวกระตุกเร็วๆ จนเกือบพันเข้ากับกิ่งไม้รกที่อยู่ใกล้เคียง
เธอไม่คิดว่าจะมีใครอยู่ที่นี่อีกนอกจากตัวเอง
เพราะหลายครั้งก่อนหน้านี้ที่เธอพยายามหนีแม่นมของท่านหญิงเทียนหรือแม่นมของตัวเธอในตอนนี้มาที่นี่นั้นก็ไม่เคยพบเจอใครอื่นอีก
ชายหนุ่มเจ้าของใบหน้าคม
เสื้อคอกลมผ่าหน้าสีเข้มพร้อมกับดาบเล่มยาวในมือ ดวงตากล้าแกร่งมองมายังเธอด้วยสายตาคาดคั้นรอคอยคำตอบจากคำถามที่ถามไป
‘ทำไมท่านมาอยู่ที่นี่ได้’
เธอไม่ตอบและย้อนถามเขาแทน ชายหนุ่มผิวคร้ามเพราะกร้านแดดเขยิบตัวเข้ามาชิด
หนึ่ง สอง และสามก้าวก็ทำให้เธอถอยกรูจนเกือบตกแม่น้ำ
หากวงแขนแข็งแรงของคนตรงหน้าก็วาดมาคล้องร่างเธอไว้ทันท่วงที
...เลยกลายเป็นว่าเธอกำลังถูกเขากอดอยู่
‘เจ้านั่นแหละทำไมมาอยู่ที่นี่ได้
นี่ที่พักกายหย่อนใจของข้า เจ้าตามข้ามารึ’ เจ้าของนามว่าจันทร์ก้มหน้าใกล้เธอกว่าเดิม
รอยยิ้มพึงพอใจจุดที่มุมปาก
‘ข้าเปล่า’ เธอตัดสินใจตอบหากเสียงนั้นกลับเบาหวิวราวขนนกลอยละล่อง เขายังจ้องมองมายังเธอก่อนที่นัยน์ตาคมจะแปรเปลี่ยนเมื่อพบว่าหญิงสาวในอ้อมกอดของตนนั้นมีน้ำตาเปรอะบนใบหน้านวล
นิ้วหัวแม่มือเกลี่ยแผ่วเบาบนรอยน้ำใสก่อนจะชะงักมือหยุด
‘ข้าขอโทษ
ข้าไม่ควรแตะตัวเจ้า’ สีหน้าของชายหนุ่มโบราณนั้นรู้สึกผิดจากใจ
คำกล่าวขอโทษก็เต็มไปด้วยความรู้สึกผิดเฉกเช่นเดียวกัน
วันนี้ก็คล้ายกับเหตุการณ์นั้น
เขาคนนั้นก็ทำท่าราวกับกำลังรู้สึกผิดที่สัมผัสถูกตัวเธอ
คุณชายปุณณมา...
ใช่คุณหรือเปล่าคะที่เป็นท่านจันทร์ของเทียนหอมคนนี้?
นัยน์ตาหวานทอดมองไปยังหนังสือเล่มใหญ่
บนปกแข็งอย่างดีมีกรอบสี่เหลี่ยมผืนผ้าเดินดิ้นทองล้อมชื่อหนังสือ “ราชวงศ์สุพรรณภูมิแห่งอาณาจักรกรุงศรีอยุธยา”
ความคิดเห็น