ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    แสงเทียนในเงาจันทร์ (ย้อนยุคอยุธยา)

    ลำดับตอนที่ #6 : บทที่ ๕ :: หม่อมราชวงศ์ปุณณมา 100%

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 133
      1
      20 พ.ย. 63

    แสงเทียนในเงาจันทร์

    ______________

     

    บทที่ ๕ :: หม่อมราชวงศ์ปุณณมา

     

                ชายปุณณ์ พายไปดูชุดงานหมั้นไม่ได้แล้วอะคนปลายสายทำน้ำเสียงเหมือนคนรู้สึกผิด เธอไปไม่ได้จริงๆ เพราะงานโปรเจ็กต์จบของตัวเธอนั้นเหลืออีกเยอะมาก ปลีกตัวไปไหนไม่ได้อีกแล้ว ไม่งั้นเธอไม่จบเทอมนี้แน่ๆ วันๆ ก็คือนั่งเรนเดอร์แบบจนตาเกือบพัง ถ้าเครื่องแมคค้างก็คือบัดซบทันที

                “เฮ้อ ทำไมพายยุ่งกว่าเจ้าของโรงแรมอย่างผมอีกเนี่ยปุณณมาถอนหายใจด้วยท่วงท่าหนักใจเพราะจงใจแกล้งว่าที่คู่หมั้นสาว และเพราะเธอไม่เห็นหน้าของเขาตอนนี้เลยไม่มีทางรู้ว่าเขากำลังกระตุกรอยยิ้มที่มุมปาก นัยน์ตาพราวระยับเพราะกะจะหยอกเหย้าอีกฝ่าย

                ก็... ก็มันไม่ได้จริงๆ อะ เค้าขอโทษสุดท้ายไม่รู้จะแก้ตัวยังไงเลยทำเสียงรู้สึกผิดกว่าเดิมอีกเท่านึงแล้วพึมพำขอโทษ

    ฮะๆ ไม่ต้องขอโทษแล้วครับ ผมไม่ได้ว่าอะไรพายสักหน่อย เลื่อนไปก่อนก็ได้ชายหนุ่มลุกออกจากโต๊ะทำงานแล้วเดินไปชิดผนังห้องที่เป็นกระจกก่อนจะทอดสายตามองออกไปบนฟ้าเหนือตึกสูงระฟ้าที่เขาเป็นเจ้าของตึกนี้ กระจกเงาสะท้อนรอยยิ้มมีความสุขในดวงตา ก่อนเขาจะต้องเหลียวกลับไปมองทางหน้าห้องเมื่อเลขาส่วนตัวเคาะประตูแล้วเดินเข้ามาพร้อมเอกสารในมือ เขาหันไปพยักหน้ารับรู้ให้กันธิมาที่ทำงานร่วมกันกับเขามาได้ปีกว่าตั้งแต่เขาเพิ่งเริ่มต้นงานที่นี่และปล่อยให้เธอเดินออกจากห้องไปโดยไม่ได้พูดคุยอะไรหลังจากที่มาส่งเอกสารไว้บนโต๊ะเรียบร้อย

    ถึงแม้ว่าปุณณมาจะเรียบจบมาได้ไม่นานและยังทำงานไม่คล่อง แต่เพราะสายสัมพันธ์ความเป็นพ่อลูกล้วนๆ ไม่เจือปนด้วยคุณสมบัติอื่นก็ทำให้เขาได้รับห้องทำงานของรองประธานกรรมการ บมจ. มนณรา (มน-นะ-รา) โฮเทล โรงแรมชั้นนำระดับประเทศทันทีหลังจากเรียนจบเพียงปริญญาตรีสาขาบริหาร จะเป็นรองก็แต่เพียงคุณพ่อ และถือเป็นไฟลต์บังคับให้เขาต้องรีบเป็นงานให้เร็วที่สุดเพราะในอนาคตปุณณมาจะต้องรับสืบทอดดูแลบริหารงานโรงแรมต่อไป

    ไม่ ไม่เลื่อน เดี๋ยวเค้าให้น้องฝันไปเลือกแทน ชายปุณณ์ไปกับน้องฝันได้ไหมคะเธอรู้ดีว่าปุณณมาต้องรีบหมั้นกับเธอเพราะว่าเขากำลังจะบินไปไกลถึงอีกซีกโลก เพื่อเรียนต่อปริญญาโทภาควิชาเศรษฐศาสตร์ ณ มหาวิทยาลัยเก่าแก่แห่งเกาะอังกฤษ ซึ่งนี่เป็นเหตุผลหลักที่ทำให้แม้จะยุ่งแทบตายแต่เธอก็ต้องการจะหมั้นกับเขาให้เรียบร้อยตามความต้องการของเขาและเธอก่อนที่เขาจะบินไปเรียน

                คำถามของหญิงสาวอันเป็นที่รักทำให้เขาเผลอย่นคิ้วเข้าหากันอย่างใช้ความคิด จริงๆ มันไม่น่ามีปัญหา ถ้าเพียงแต่ครั้งก่อนที่เจอกัน น้องสาวของพายหวานจะไม่ได้พูดจาประหลาดและมีท่าทีแปลกๆ กับเขา ชายหนุ่มเงียบอยู่นานและมองหน้าตัวเองที่สะท้อนในผนังซึ่งเป็นกระจก เขานิ่งคิดถึงจี้รูปพระจันทร์เสี้ยวและความเกี่ยวข้องในสายเลือดพระจันทร์ของตนเอง คำพูดแว่วหวานแต่เบาหวิวจากทีปภาดังแผ่วอยู่ริมอกในวันนั้น คิดถึงท่านจันทร์

                ฮัลโหลๆ ตัวเองยังอยู่หรือเปล่าคะปุณณ์เสียงตามสายอันแสนคุ้นเคยจากณัฐฐิตาปลุกสติของปุณณมาให้ออกจากภวังค์ความคิด เขากรอกเสียงตอบกลับไป

                “อยู่ครับ โอเคครับพาย ให้ไปตามนัดวันเดิมหรือเปล่า

    ค่ะ ขอโทษจริงๆ นะชายปุณณ์ ช่วงนี้ก็ยุ่งจนไม่ว่างเจอเลย ไว้มาเป็นสารถีให้พายเหมือนวันก่อนอีกนะคะพายหวานหมายถึงวันที่ปุณณมาได้เจอกับทีปภาครั้งแรกเพราะอาสามาขับรถให้เธอทั้งวันหลังจากที่ไม่ได้เจอหน้ากันมาร่วมสองอาทิตย์เพราะปริมาณงานของทั้งเธอและชายหนุ่มมากจนล้นมือ เขาไม่ได้ฟังสิ่งที่ณัฐฐิตาพูดเพราะมัวแต่คิดถึงน้องสาวของเธอ ตามนัดเดิมก็คือเย็นวันมะรืนที่จะถึงนี้ ความอบอุ่นจากกายนวลของหญิงสาวอีกคนยังคล้ายกับวนเวียนอยู่ที่กลางแผงอกกว้าง...

                เมื่อว่างเว้นจากภารกิจหน้าที่ของตนในค่ำคืนนั้น ปุณณมาก็พลิกเปิดหนังสือเล่มหนาที่ทั้งแข็งแรงและใหญ่โตกว่าสองคนโอบ หนังสือเล่มนี้เป็นของตระกูลอริยะสว่างวงศ์ เป็นหนังสือแสดงสาแหรกตั้งแต่ต้นตระกูลเท่าที่จะสืบได้และเป็นที่รู้โดยทั่วกันว่าตระกูลของเขานั้นสืบเชื้อสายจากหนึ่งในห้าราชวงศ์สมัยอยุธยา สายตาคมเหลือบมองตัวอักษร ราชวงศ์สุพรรณภูมิ” เขาเพิ่งหอบมาวางไว้บนโต๊ะทำงาน

                “ทำไมลูกยังไม่นอนอีก มัวดูอะไรอยู่หรือชายปุณณ์” ผู้เป็นแม่เดินตรงดิ่งมาใกล้และหยุดที่โต๊ะทำงานในห้องนอนส่วนตัวของชายหนุ่ม หญิงวัยกลางคนค่อนไปทางปลายแต่ยังมีหน้าตาและผิวพรรณสวยงามจากการดูแลเป็นอย่างดีระบายยิ้มให้ลูกชายคนเดียว ก่อนจะเหลือบมองหนังสือสาแหรกในมือของปุณณมา

                ดูนี่เพลินๆ น่ะค่ะท่านแม่ เอ้อ... ชายอยากถามอะไรสักหน่อยเกี่ยวกับเรื่องที่เขาข้องใจก็ดูจะหนีไม่พ้นไปจากหญิงสาวผู้เป็นน้องของว่าที่คู่หมั้น

                เอาสิ มีอะไรเหรอ ดูสำคัญนะชายปุณณ์ถึงกับเอ่ยปากถาม

                “ไม่หรอกค่ะท่านแม่ ชายแค่อยากรู้ว่าทำไมต้นตระกูลเราถึงได้นับถือพระจันทร์ล่ะคะ ชายคุ้นว่าท่านแม่เคยเล่าให้ชายฟังตอนเด็กๆ แต่ตอนนี้ชายจำไม่ค่อยได้แล้ว

    หม่อมราชวงศ์ปุณณมารู้ดีว่าสายเลือดของตนนั้นมีความเกี่ยวข้องกับพระจันทร์อย่างมาก ครอบครัวของเขานับถือพระจันทร์และบรรพบุรุษยังให้ความสำคัญกับพระจันทร์มากมาย ถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำตระกูล และสร้อยจี้รูปพระจันทร์เสี้ยวที่ทีปภาเอ่ยถามเขานั้นก็สำคัญกับเขามาก ท่านแม่เป็นคนให้เขากับมือและขอให้เก็บรักษาให้ดีเนื่องจากสร้อยเส้นนั้นถูกส่งต่อกันมาหลายช่วงอายุคนแล้ว        

                 เรามีธรรมเนียมปฏิบัติเกี่ยวกับพระจันทร์ตลอดมาอย่างที่ลูกก็รู้ดีว่าทุกวันเพ็ญเมื่อพระจันทร์เต็มดวงเราจะบูชาพระจันทร์ด้วยของคาวหวาน 9 อย่างเพื่อเป็นสิริมงคลแก่วงศ์ตระกูล รวมถึงเป็นการแสดงความเคารพแก่สิ่งศักดิ์ศรีที่ปกปักษ์รักษาอริยะสว่างวงศ์ ด้วยนามสกุลของตระกูลเรา อริยะสว่างวงศ์ มีความหมายว่า ตระกูลที่ส่องแสงอันประเสริฐ และท่านตาบอกกับแม่ไว้ว่านั่นหมายถึงแสงของพระจันทร์” แม่ของหม่อมราชวงศ์ปุณณ์ผู้มีศักดิ์เป็นหม่อมเจ้าอธิบายด้วยน้ำเสียงราบเรียบฟังดูน่าเลื่อมใส แต่สิ่งที่ปุณณมาต้องการรู้นั้นดูเหมือนจะยังไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจน

                แล้วทำไมล่ะคะท่านแม่ มันต้องมีเรื่องราวอะไรบางอย่างหรือเปล่าคะที่ทำให้วงศ์ของเราต้องนับถือพระจันทร์หนังสือเล่มโตที่เปิดค้างไว้ถูกงับปิดลงด้วยมือที่มีรอยเหี่ยวย่นเล็กน้อย ทุกอย่างเงียบเชียบอยู่ชั่วครู่ท่ามกลางสายตาจ้องเขม็งของชายหนุ่มผู้เป็นลูก เขาสงสัยและต้องการคำตอบไม่ให้ค้างคาใจ

                อืม... มันมีบางเหตุการณ์ ที่จริงน่าจะยังไม่ถึงเวลาที่ชายปุณณ์ควรรู้นะ แม่คิดว่าวันนี้พอแค่นี้ก่อนดีกว่า ดึกมากแล้วนะเจ้าลูกชายหน้าตาที่ปรากฏแววใจดีอยู่เสมอของหญิงวัยกลางคนที่ปุณณมาแสนรักฉายชัดถึงความหนักใจ หากเพียงครู่ก็หลีกลี้บทสนทนาออกไปทันที

    แต่ชายอยากทราบ...”

    ไว้วันหลังนะชายปุณณ์ แม่ขอสาแหรกเล่มนี้ไปเก็บที่ชั้นหนังสือของแม่นะ ส่วนชายก็เข้านอนได้แล้ว แม่ได้ยินมาว่าพรุ่งนี้มีบางคนต้องไปเตรียมตัวเป็นว่าที่เจ้าบ่าวไม่ใช่หรือใบหน้าที่ยังเรียบเนียนไร้ร่องรอยของอายุที่มากขึ้นจนเกือบเข้าใกล้เลขหกอยู่รอมร่อฉายรอยยิ้มชัด ก่อนที่จะสั่งให้ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนนำหนังสือเล่มหนาหนักนั้นไปเก็บที่ห้องนอนของผู้เป็นแม่ หล่อนวางมือลงบนไหล่ขวาของชายหนุ่มเป็นเชิงขอบคุณหลังจากที่เขาจัดเก็บหนังสือเล่มโตเรียบร้อย

    “แต่อันที่จริงชายไปตอนเย็นๆ ค่ะ ไม่ต้องรีบนอนก็ได้เขายิ้มกว้างเต็มทั้งปากและตาคมที่มักปรากฎรอยเย็นชาที่เคยคุ้นมากกว่าอารมณ์อบอุ่นอ่อนหวานที่เป็นอยู่ในยามนี้ แต่สายตาหยอกล้อถึงเรื่องอันน่ายินดีในวันพรุ่งจากบุพการีก็ทำให้ปุณณมาต้องรีบออกตัวแก้ต่างเพิ่มเติมอุตลุด

    แล้วอีกอย่าง... ชายแค่หมั้นนะคะ ยังไม่ได้จะแต่งนะคะท่านแม่

    ในนิทรากาลที่ไม่อาจบอกได้ว่าเขาดำดิ่งลึกลงไปสู่ได้อย่างไรกำลังทำให้หัวใจของชายหนุ่มสั่นไหว เหตุมาจากความรู้สึกบางอย่างที่มากล้นไปด้วยความวาบหวาม

    เจ้าจะหนีข้าไปไหนบุรุษหนุ่มที่หน้าตาละม้ายคล้ายเขาและในความรู้สึก...นั่นคือเขาเอง กำลังรั้งข้อมือแบบบางของหญิงสาวห่มชุดไทยสไบเฉียงสีงาช้าง ท่ามกลางสายตาหลายสิบคู่จับจ้อง เพราะที่ทั้งสองคนอยู่คือเรือนไทยยกสูงของหญิงสาวตรงหน้า

    ท่านหญิงเทียนหอม เขารู้ว่าเธอชื่อนี้ แต่มิอาจรู้ว่ารู้ได้อย่างไร 

    ปล่อยข้านะ ท่านมาที่นี่ได้อย่างไรกันหญิงสาวเจ้าของใบหน้างามล้ำและกรุ่นกลิ่นหอมดั่งชื่อเจ้าตัวอยู่ตลอดเวลา หล่อนบิดข้อมืออย่างยากลำบากเพราะไม่อาจหลุดจากการเกาะกุมแน่นหนานั้นได้

    ข้ามากับท่านพ่อ...” เป็นความสัตย์จริง และเขาไม่เคยคาดคิดว่าจะทำให้เขาได้พบเจอกับหญิงประหลาดตรงหน้าอีกครั้งในวันนี้ ที่เรือนแห่งนี้ และที่สำคัญเหลือเกิน...จนหัวใจวัยหนุ่มฉกรรจ์เต้นระส่ำระสายก็คือ ท่านพ่อของนางกับท่านพ่อของเขาเป็นสหายกัน นั่นทำให้เขายิ้มกริ่มอย่างไม่รู้ตัวและอาจเป็นครั้งแรกที่เขาแสดงอาการเยี่ยงนี้

    แล้วข้าก็บอกเจ้าครั้งก่อนแล้ว ถ้าวันใดข้าเจอเจ้าอีก ข้าจะให้ท่านพ่อสู่ขอเจ้ามาเป็นเมียข้าอีกหนึ่งความสัตย์จริงเช่นกัน ท่ามกลางความตื่นเต้นยินดีของเขา ความตะลึงงันของเธอ และเกือบจะเป็นความแตกตื่นของข้าทาสในเรือนหญิงเทียน ทั้งหมดหารู้ไม่ว่าความปรารถนาของพระจันทร์หนุ่มนั้นมิอาจเป็นจริงได้เลย

    เขากระตุกข้อมือตนเองเพียงหนึ่งครั้ง เธอก็ร่วงหล่นลงสู่อ้อมแขนของเขาจนได้

    ปล่อยข้านะ!” อรชนอ้อนแอ้นดิ้นขลุกขลักบนแผงอกแกร่ง แขนแข็งแรงล้อมรอบเธอจนมิอาจหลุดพ้นไปในทางใด ทำได้เพียงส่งเสียงอื้ออึงบ่งความไม่ยินยอมกับใบหน้างามงอนที่งอง้ำลง

    ไม่-ปล่อยเสียงที่หนักแน่นกล้าแกร่งกระซิบกระซาบริมหูซ้าย ริมฝีปากบางเฉียบของชายหนุ่มเฉียดผิวของร่างน้อย กระนั้นสัมผัสผะแผ่วดังกล่าวก็ยังเรียกเลือดให้ซับจางๆ บนใบหน้างอง้ำจากความเขินอายทั้งเขินตนและเขินบ่าวไพร่ที่นั่งสลอนกันเต็มเรือน

    แม้ชายหนุ่มหญิงสาวคู่นี้จะกำลังดื่มด่ำความหวานจากรสแห่งรักที่พันผูกก่อร่างสร้างขึ้นอย่างเนิบช้าในความรู้สึกแต่ละฝ่าย ก็มิอาจทัดทานความจริงที่กำลังเกิดขึ้นได้เลย

    การเจรจาเตรียมพิธีสมรส...แก่เขาและพี่สาวของเธอกำลังดำเนินไปโดยที่ทั้งคู่ไม่ล่วงรู้ ไม่แม้แต่จะสะกิดใจใดๆ

    เจ้าสาวของเขาคือพี่สาวของเธอ ท่านหญิงแก้ว...

    ไม่ใช่เธอ ท่านหญิงเทียน คนที่เป็นเหตุแห่งความหลงรักปักใจ



                   ตรงที่เกี่ยวกับพระจันทร์และราชวงศ์สุพรรณภูมินี่คือความมโนของคนเขียนล้วนๆ ค่ะ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์จริงนะคะ เป็นเพียงเรื่องแต่งเพื่ออรรถรสค่ะ แต่จะมีแอบบอกเล่าถึงประวัติศาสตร์บ้างในบางช่วงนะ  

              แล้วก็หม่อมราชวงศ์ถือเป็นชั้นสามัญชนนะคะเลยไม่ใช้ราชาศัพท์ 

              อธิบายเพิ่มเติมอีกนี้ดด คือชายปุณณ์ใช้นามสกุลฝั่งแม่นะคะ ส่วนพ่อเป็นนักธุรกิจเจ้าของโรมแรมจ้ะ


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×