ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ที่แห่งนี้ .. มีความรัก

    ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่ 3

    • อัปเดตล่าสุด 22 ก.พ. 56


    [3]

    สวนสาธารณะ

     

     

                เพราะไอ้บ้าพี่ชาเลย... คุณย่าถึงได้อบรมหนูลีเสียจนหูชาว่าทำตัวไม่สมกับเป็นกุลสตรีแล้วก็นั่งร่ายคุณสมบัติของผู้ดีอยู่อีกสามชั่วโมงเต็ม!

              อย่าให้เจอวันนี้นะ หนูลีจะจัดให้หนักเลย

                ความคิดแล่นไปไกลถึงคนที่เป็นสาเหตุให้วลีวิไลต้องฟังคุณย่าจนหูแฉะ ขณะที่เธออยู่ในชุดทำงานและกำลังจะไปเปลี่ยนเป็นชุดกีฬาที่ห้องน้ำภายในสวนสาธารณะแห่งเดิม ยามเช้าก่อนไปทำงานเช่นเดิม

                ดวงของเธอและปกรณ์คงสมพงศ์กันแปลกๆ เพราะไม่ทันขาดคำดีที่เธอท้าจะเจอเขาในใจ ปกรณ์ก็ปรากฏตัวขึ้นในม่านสายตาหวาน

              รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นบนริมฝีปากบาง หนูลีมาดหมายในใจถึงปฏิบัติการเอาคืนที่ความคิดร่างขึ้นในหัวอย่างรวดเร็ว

               

                ที่ข้างๆ ต้นไม้ต้นใหญ่ซึ่งอยู่ใกล้กับลานวงกลมซึ่งเป็นที่ตั้งของบ่อน้ำพุ มีร่างของหญิงสาวบอบบางยืนแอบอยู่เพื่อซุ่มรอผู้ชายคนหนึ่ง สายตาเจ้าเล่ห์มุ่งมาดที่จะเอาคืนให้สำเร็จ

                ปกรณ์วิ่งเหยาะผ่านมาอย่างที่เธอรออยู่ รอยยิ้มหวานหยดเคลือบบนกลีบปากเล็ก เธอก้าวออกไปตามหลังปกรณ์ที่วิ่งตรงไปยังบ่อน้ำพุ วลีวิไลยิ้มหวานกว่าเดิมแล้วรีบก้าวเท้าเร็วๆ จนเกือบเป็นวิ่งไปใกล้เขาจากทางด้านหลัง สองมือบางยื่นออกไปหมายจะผลักแผ่นหลังกว้างของปกรณ์

    ทว่าในเสี้ยววินาทีความผิดพลาดก็เกิดขึ้นอย่างไม่ทันให้ตั้งตัว

    ตู้ม!!

    แทนที่จะเป็นปกรณ์ตกลงไปในบ่อน้ำพุอย่างที่วลีวิไลหมายใจไว้ กลับกลายเป็นเธอเองที่หล่นลงไปในบ่อจนน้ำกระจายไปรอบทิศทาง หญิงสาวเปียกปอนไปหมดทั้งตัวตั้งแต่เส้นผมยันปลายรองเท้า

    คนที่ถูกประทุษร้ายในตอนแรกจึงหยุดวิ่งแล้วเหลียวหลังกลับมามอง เขาเดินกลับมาริมบ่อน้ำพุ แว้บหนึ่งวลีวิไลสาบานได้ว่าเธอเห็นเขาอมยิ้ม...

    ปกรณ์เดินมาหยุดที่ขอบบ่อน้ำพุ เขายื่นมือมาตรงหน้าของเธอที่อยู่ในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอนหงายหลังอยู่ในน้ำ เธอสบตากับเขาแล้วยกมือขึ้นปัดมือเขาทิ้งก่อนจะพยายามตะเกียกตะกายลุกขึ้นมายืนเอง

    ส้นสูงสีขาวกระแทกลงบนหินที่เป็นขอบบ่อน้ำพุ ร่างบางเอนเอียงไปมาคล้ายจะตกเพราะทรงตัวได้ไม่ดี ชายหนุ่มตัดสินใจคว้าเอวบางไว้ทันทีเมื่อเธอตกลงมาจากขอบบ่อน้ำพุ

    วลีวิไลแหงนหน้ามองปกรณ์อย่างเอาเรื่อง เธอถลึงตาใส่เขาก่อนจะสะบัดตัวหนีแล้วยืนด้วยตัวเองแทน

    ไม่ขอบคุณหรอกนะ ไม่ได้ขอให้ช่วยสักหน่อยหนูลีกอดอกแน่นแล้วหันหน้าหนี ทำตัวหยิ่งใส่อีกฝ่ายทั้งที่เนื้อตัวเปียกปอนไม่เหลืออะไรให้ดูดีสักนิด

    สาบานได้อีกครั้งว่าหนูลีได้ยินเสียงหัวเราะ! เธอหันไปมองเขาตาขวางจนปกรณ์ต้องกลั้นหัวเราะแล้วเปลี่ยนไปอมยิ้มแทน

    ครับ ไม่ขอบคุณก็ได้ พี่ไม่ว่าอะไรหนูลีหรอกเขาพูดพลางอมยิ้ม ก่อนจะล้วงหยิบผ้าเช็ดหน้าส่งให้เธอ

    พี่ให้นะ เอาไว้เช็ดหน้าเช็ดตาหนูลีมองอยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะถูกพี่ชายัดผ้าเช็ดหน้าใส่มือพร้อมกับคำบอกลาสั้นๆ ง่ายๆ และเดินจากไป

    พี่ไปแล้วนะหนูลี บ๊ายบายครับ

    หนูลีมองตามไปพร้อมทั้งเม้มริมฝีปากแน่น แต่ในที่สุดเธอก็ยอมยกผ้าเช็ดหน้าสีน้ำเงินเข้มผืนนั้นขึ้นมาเช็ดหน้าเช็ดตาของตัวเองโดยดี

     

    ที่สวนสาธารณะใหญ่ใจกลางเมือง ท่ามกลางต้นไม้สีเขียวขจีที่ปลูกเรียงราย วลีวิไลปั่นจักรยานสีชมพูสดใสไปรอบๆ สวนตามทางที่มีไว้ให้สำหรับจักรยาน ในใจของหญิงสาวหมายมั่นปั้นมือถึงการกลั่นแกล้งเอาคืนเขามากกว่าเก่า           

    ไม่รู้เหมือนกันว่าเธอไปเอาความมั่นใจมาจากไหนว่าวันนี้เขาจะมาออกกำลังกายยามเช้าเหมือนทุกวัน เธอถึงได้ถ่อเอาจักรยานมาจากบ้านเพื่อมากลั่นแกล้งเขาโดยเฉพาะ

    ต้องมาอยู่แล้วล่ะ หนูลีมั่นใจ!

    ขณะที่ปั่นจักรยานรับลมเย็นยามเช้าไปได้ครึ่งสวนสาธาณะ วลีวิไลก็กระตุกยิ้มทันทีที่เห็นแผ่นหลังที่คุ้นตา ที่เธอกำลังเฝ้ารออยู่...

    จักรยานทะยานไปข้างหน้าอย่างเร็วเมื่อวลีวิไลปั่นจักรยานแบบมีแรงเท่าไรใส่ไปไม่ยั้งตรงไปยังปกรณ์ เธอไม่คิดจะเรียกหรือทักทายอะไรเขาใดใดทั้งนั้น

    เพราะจุดมุ่งหมายของเธอคือ ชน!

    เสี้ยววินาทีเดียวที่ล้อจักรยานด้านหน้าจะชนถูกหลังขาของชายหนุ่มซึ่งกำลังวิ่งอยู่ เขาก็เกิดเอี้ยวตัวหลบไปด้านข้างจนทำให้เธอต้องเบิกตากว้างขึ้น เพราะเมื่อเขาหลบพ้นไปจากเส้นทางจักรยานของเธอ สิ่งที่ปรากฏต่อหน้าต่อตาก็คือต้นไม้ใหญ่ที่แสนจะแข็งแรงกับระยะห่างที่เธอไม่มีทางหักจักรยานหลบพ้น

    วลีวิไลจึงตัดสินใจเหยียดขาให้ตึงที่สุดแล้วยันไว้กับพื้นเพื่อเบรคจักรยานที่กำลังจะทะยานไปหาต้นไม้

    อ๊ากก..กก

    พลั่ก!

     

    หน้าผากของวลีวิไลปูนโปดเป็นดวงกลมๆ สีแดงคล้ำ มือน้อยยกขึ้นแตะรอยช้ำพลางปากก็ร้องซีดซ๊าดไปด้วย

    ฮึ่ม! วันนี้ฉันต้องเอาคืนให้ได้!!”

    หญิงสาวเดินหาคู่แค้นไปเรื่อยๆ ตามทางเดินในสวนสาธารณะ ขณะที่ไม่ยอมละมือออกจากรอยแผลฟกช้ำเลย และเธอก็เอาแต่บ่นไปตลอดทาง

    นั่น...

    จนในที่สุดก็เจอชายหนุ่ม ปกรณ์วิ่งเหยาะเหมือนในทุกๆ วัน เธอวางแผนไว้แล้วว่าวันนี้จะหลอกให้เขาหมดตัวให้ได้!

    พี่ชาคะ... พี่ชา

    ครับชายหนุ่มหันมาพร้อมกับขานรับก่อนจะพึมพำเบาๆ กับตัวเองว่า อ้าว หนูลีนี่เอง

    วลีวิไลตัดสินใจส่งยิ้มให้เขาเพื่อแสดงถึงมิตรภาพ ก่อนจะพยายามพูดกับพี่ชาด้วยน้ำเสียงออดอ้อนที่หวานที่สุดเท่าที่เธอจะทำได้

    พี่ชาดูสิคะ แผลที่เกิดเมื่อวานตอนที่หนูลีจะปั่นจักรยานไปทักพี่ชาแล้วดันไปชนต้นไม้น่ะบวมมากเลย

    อืม หึๆ ไม่หรอกครับ เดี๋ยวก็หายนะปกรณ์มองหน้าผากของหญิงสาวแล้วก็ต้องยิ้มกว้างออกมา เขาพยายามกลั้นหัวเราะเพื่อไม่ให้หญิงสาวงอนแต่ก็ทำได้ยากเต็มที

    เอ่อ พี่ชาคะ หนูลีหิวน้ำมากเลย เลี้ยงน้ำหนูลีหน่อยนะ

    ตกลงครับ ไป...ไปซื้อกันหลังจากที่เขายอมตกลง เธอก็รีบพูดแทรกขึ้นทันที สำเร็จ! สำเร็จ!

    ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวหนูลีไปซื้อเอง แล้วเดี๋ยวพี่ชาค่อยไปจ่ายเงินให้หนูลีตอนจะกลับก็ได้ค่ะ จะได้ไม่ต้องเดินไปเดินมา หญิงสาวแย้มยิ้ม

    อ่อ เอาอย่างงั้นก็ได้ครับปกรณ์ตอบตกลงทั้งที่งงๆ อยู่ แต่ก็เลือกที่จะไม่คิดอะไรมากเพราะแค่หญิงสาวยอมญาติดีกับเขาเสียทีก็ดีมากแล้ว

    วลีวิไลรีบแล่นไปที่ซุ้มขายน้ำดื่มกับของจิปาถะที่อยู่ติดกับลานจอดรถ เธอเจรจาบางอย่างกับเจ้าของร้านจนในที่สุดก็ได้น้ำดื่มมาถือไว้หนึ่งขวด...

    รอยยิ้มแจ่มใสฉายบนดวงหน้าหวานเมื่อเธอผินหน้าออกมาจากร้านแล้วเดินกลับมาที่ที่ปกรณ์ยืนอยู่ ก่อนจะตะโกนออกไปว่า

    อย่าลืมมาจ่ายเงินนะคะพี่ชา

    ในขณะเดียวกันนั้นเจ้าของร้านเอาน้ำดื่มออกมาเรียงไว้บนโต๊ะและเขียนป้ายที่มีข้อความ น้ำดื่มฟรีวางไว้ด้านหน้า

    หมดตัวแน่ๆ พี่ชาขา...

     

                ผ้าม่านสีชมพูดอ่อนพลิ้วไสวตามแรงลมของยามค่ำคืน ใครคนหนึ่งยืนอยู่ริมระเบียงพร้อมทั้งคุยโทรศัพท์ไปด้วยอย่างออกรส

                พี่ชาของแฟน่ะสมควรจะโดนแบบนี้แล้วแหละ ชอบแกล้งเราดีนักหญิงสาวเจ้าของห้องนอนกรอกเสียงลงไปในโทรศัพท์มือถือที่แนบอยู่ข้างแก้มขาว ผมปลิวล้อไปกับแรงลม

                มีอย่างที่ไหน แกล้งพี่ชายแล้วมาเล่าให้น้องสาวฟังหือ!” เสียงที่ทำเป็นดุนี้เป็นของปิ่นสุดาหรือกาแฟ เพื่อนวัยเดียวกันที่สนิทสนมกันมากแม้ว่าตัวจะอยู่ไกลกันถึงคนละจังหวัดก็ตาม และอีกสถานภาพหนึ่ง ปิ่นสุดาคือน้องสาวของปกรณ์

                ก็เรารู้ว่ายังไงแฟก็ต้องเข้าข้างเรานี่นาหนูลียิ้มอารมณ์ดี

                ใครบอกว่าเราจะเข้าข้างหนูลีล่ะ เนี่ย...เมื่อกี๊พี่ชาเพิ่งโทรมาบ่นเรื่องหนูลีกับเราเลย เขาฝากบอกว่าหนูลีน่ะแสบมากนะ ทำเอาเขาเกือบหมดตัว

                เว่อร์ พี่ชาของแฟน่ะเว่อร์ใหญ่ละ เขาจะหมดตัวเพราะแค่น้ำดื่มไม่กี่โหลได้ยังไงหื้มมม

                ฮ่าๆ ก็จริงของหนูลี แต่ก็เลิกแกล้งพี่ชาเขาได้แล้ว ถือว่าเจ๊าๆ กันไปนะ

                ไม่ได้หรอก... ไม่มีทาง ฮ่าๆ

                เอ้... หนูลีนี่เจ้าคิดเจ้าแค้นจริง

               

                ก๊อกๆ

    ย่าเอานมมาให้จ้ะหนูลีเสียงอบอุ่นของผู้สูงวัยทำให้วลีวิไลต้องรีบวางสายของปิ่นสุดาเพื่อนรัก

                แค่นี้ก่อนนะแฟ คุณย่ามาที่ห้องน่ะ เดี๋ยวค่อยคุยกันใหม่นะหลังจากวางสายและเดินกลับเข้ามาในห้องนอนอีกครั้งก็พอดีกับที่คุณย่าวางแก้วนมสดลงบนโต๊ะทำงาน

                ขอบคุณค่ะคุณย่า ทำไมยกมาให้หนูลีเองเลยละคะ วันหลังใช้คนอื่นให้ยกมาให้นะคะ คุณย่าจะได้ไม่เมื่อยวลีวิไลบอกเสียงออดอ้อนก่อนจะเข้าไปบีบๆ นวดๆ ท่อนแขนของรัมภา

                ก็ย่าอยากจะแวะมาหาหนูลีก่อนนอนนี่จ๊ะ แล้วเมื่อกี๊คุยอะไรกับแม่แฟอยู่เหรอ? เห็นคุยกันสนุกเชียว

                เรื่องพี่ชาสุดที่รักของย่านั่นแหละค่ะ หนูก็แค่แกล้งอะไรพี่เขานิดหน่อย

                อ้าว แล้วไปแกล้งพี่เขาทำไมล่ะลูก พี่เขาทำอะไรเราเหรอ?”

    ไม่รู้ ไม่ชี้ แกล้งไปแล้วหลานสาวพึมพำแล้วยักไหล่อย่างไม่ยอมเล่าให้คุณย่าฟังเต็มๆ เพราะเกรงว่าจะถูกคุณย่าสุดที่รักอบรมเหยียดยาวอีกครั้ง

    หญิงสาวอ่อนวัยกว่ายกแก้วนมสดขึ้นมาก่อนจะดื่มเสียอึกใหญ่ ขณะที่หญิงสูงวัยกว่าเอ่ยถามหลานรักอย่างคาดคั้น

    เล่ามาให้หมดเลยนะหนูลี อย่าให้ย่าต้องเค้นถามนะ!”

    หญิงสาวยังคงดื่มนมต่อไปอย่างเชื่องช้าจนถูกคุณย่าตีแหมะๆ ที่ต้นแขนไปหลายที เธอจึงยอมกระดกก้นแก้ว เทนมสดลงไปในคอให้หมดสักที

    ก็ได้ค่ะ ก็ได้ เล่าแล้วก็ได้

    วลีวิไลวางแก้วนมสดลงแล้วเริ่มต้นเล่าเรื่องทั้งหมดให้คุณย่าฟัง เธอบิดเบือนไปบิดเบือนมาจนแทบจะไม่เหลือเค้าเดิม แต่คุณย่าก็รู้ความจริงอยู่ดี เพราะว่าคนสูงวัยรู้ดีว่าหลานสาวชอบเอาดีเข้าตัว เอาชั่วให้เขาอื่น พูดอะไรก็ต้องเอาล้านไปหารด้วย

    โอ๊ย คุณย่าตีหนูลีทำไมคะ!”

                ก็เราน่ะแกล้งพี่เขาแรงไปนะ ต้องตีจะได้จำว่าไม่ควรทำแบบนี้รัมภาขมวดคิ้วเป็นปม น้ำเสียงเข็มงวดทำให้วลีวิไลทำหน้างอ

                แกล้งแค่นี้เอง พี่เขาไม่เป็นไรหรอก แต่คุณย่าตีหนูลีแบบนี้หนูลีเจ็บนะคะ

                เจ็บนี่แหละดี จะได้เลิกทำ ที่ย่าสั่งสอนเราไปเป็นกระบุงเมื่อวันก่อนนี่ไม่เข้าหัวเลยใช่ไหม?”

                โธ่ คุณย่าอะ หนูลีขอโทษก็ได้

                ขอโทษไม่พอ สัญญากับย่าเลยว่าจะไม่แกล้งพี่ชาอีก

                “...”

                หนูลี

                ก็ได้ค่ะ ก็ได้ หนูลีสัญญาว่าจะไม่แกล้งพี่ชาแล้วก็ได้

                พอได้ยินหลานสาวยอมตกปากรับคำอย่างนี้ คนเป็นย่าจึงพยักหน้าให้แล้วเลิกพูดเรื่องนี้ไปในที่สุด




     

               

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×