ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ที่แห่งนี้ .. มีความรัก

    ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 2

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 153
      0
      20 มิ.ย. 59

    [2]

    นักกายภาพบำบัด

     

     

                เสียงปิดกระโปรงหลังรถดังปึก! หลังจากที่วลีวิไลกวาดสารพัดของที่วางเกะกะอยู่ในรถมาเก็บไว้ข้างท้าย เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นเห็นรัมภา เสียงหวานของหญิงสาวร่างอ้อนแอ้นก็เจื้อยแจ้วทันทีกับผู้สูงอายุที่กำลังเดินมาทางรถยนต์สีขาวสว่าง

                วันนี้หลังจากตรวจหลังกับเข่าของคุณย่าเสร็จแล้ว เดี๋ยวหนูลีพาคุณย่าไปทานข้าวต่อนะคะ มีร้านที่อยากลองกินอยู่พอดี ไปกับหนูลีนะคะวันนี้เธอแต่งตัวต่างไปจากวันทำงาน วลีวิไลสวมเสื้อคอวีแขนกุดสีนวลตาซึ่งเข้ากันดีกับกางเกงยีนขายาว ทำให้เธอดูทะมัดทะแมงและปราดเปรียว แต่ก็เสริมด้วยส้นสูงสองนิ้วสีขาวให้เธอดูหวานได้อย่างไม่ขัดสายตา

                จ้ะ ดี๊ด๊าใหญ่เชียวนะ ได้ลางานทั้งทีต้องเอาให้คุ้มใช่ไหมจ๊ะรัมภาหัวเราะแผ่วและอดหยอกเอินท่าทางของหลานสาวไม่ได้

                ใช่แล้วค่ะ ยิ่งคุณพ่อออกปากอนุญาตให้ลาได้ทั้งวันอย่างนี้ยิ่งต้องเก็บให้ครบทุกเม็ดทุกหน่วยค่ะ

                วลีวิไลหันมายิ้มหน้าแป้นแล้นใส่คุณย่าพร้อมทั้งประคองเจ้าของสีผมดอกเลาขึ้นรถยนต์ของเธอด้วยท่าทางเหมือนเด็กเล็กๆ ที่คุณพ่อคุณแม่กำลังจะพาไปเที่ยวสวนสนุก แต่กลับกันที่ว่าเป็นเธอต่างหากที่พาคุณย่าไปโรงพยาบาลเพราะท่านบ่นปวดหลัง ปวดเข่ามาเป็นสัปดาห์แล้ว

                สองย่าหลานคุยกันจ้อกแจ้กไปตลอดทางท่ามกลางแอร์เย็นฉ่ำภายในรถ ขณะที่รถยนต์คันเล็กก็ทะยานไปสู่การจราจรที่หนาแน่นในช่วงเช้า ซึ่งเป็นเวลาเร่งด่วนของกรุงเทพมหานคร

     

                ได้ลงแล้วค่ะ!!” หญิงสาวส่งเสียงดังลั่นรถคล้ายกับจะแสดงความดีใจที่เจ้าหล่อนหาที่จอดในโรงพยาบาลได้สำเร็จหลังจากที่วนรถแล้ววนรถอีกอยู่สองสามชั้นจนคนแก่เริ่มรู้สึกมึนศีรษะเล็กน้อย

                วลีวิไลลงจากรถก่อนจะวิ่งปรูดเดียวไปอีกด้านของรถแล้วประคองรัมภาลงมาด้วยท่าทางน่าเอ็นดู

    เข้าไปที่วอร์ดกายภาพบำบัดให้นักกายภาพฯ ดูอาการหน่อยแล้วกันนะคะ หนูลีว่าน่าจะเป็นเพราะคุณย่าอาจจะนั่งนานไป ฮิฮิ

    ก่อนที่เสียงหัวเราะจะต้องแปรเปลี่ยนอย่างรวดเร็วเมื่อเธอถูกคุณย่าสุดที่รักตีเผียะจนได้รอยปื้นสีแดงๆ บนต้นแขนเล็ก

    โอ๊ย เจ็บแล้วค่ะเจ็บแล้วสงคราวย่อยๆ ที่นางสาววลีวิไลทำได้แค่กระโดดหลบเหย็งๆ เกิดขึ้นทันทีในพริบตาเดียวเพราะริมฝีปากบางที่เอาแต่ขยับพูดอะไรไม่เข้าเรื่องแท้ๆ ปากหนอปาก

    กระทั่งทั้งคู่มาหยุดลงที่ข้างหน้าวอร์ดกายภาพบำบัด วลีวิไลถึงค่อยรอดปลอดภัยจากมือเหี่ยวย่นที่ทำร้ายร่างกายเธอมาตลอดทางได้สำเร็จ

    วลีวิไลแจ้งจุดประสงค์ที่พาคุณย่ามาตรวจในวันนี้กับพนักงานประจำแผนก แล้วดึงใบกรอกรายละเอียดมากรอกให้คุณย่าเอง แต่ก็ต้องหันมาถามเจ้าตัวเป็นระยะอยู่ดีเพราะไม่แน่ใจว่าข้อมูลที่เธอจำได้ตรงกับความจริงมากน้อยแค่ไหน จนตอนหลังๆ คนที่จะมารับการตรวจเลยดึงใบกรอกข้อมูลมาจากหลานแล้วจรดปากกาเขียนลงไปแทน

    หลังจากกรอกเสร็จ พนักงานก็พาวลีวิไลและรัมภาไปที่ห้องตรวจทันที เพราะตอนนี้เป็นเวลาเพียงแปดนาฬิกาเศษๆ เท่านั้นจึงแทบไม่มีคนไข้รายอื่นเลย

                หญิงสาวกล่าวคำขอบคุณกับพนักงานแล้วจึงเดินตามคุณย่าเข้าไปด้านใน ภายในห้องสว่างตาที่ได้รับการดูแลสะอาดสะอ้านอย่างดี มีเตียงนอนยกสูงจากพื้นที่สามารถปรับเพิ่มลดระดับได้ซึ่งวลีวิไลเดาว่าเป็นที่ไว้สำหรับตรวจคนไข้ และแบบจำลองโครงกระดูกคนตั้งอยู่หนึ่งโครงในบริเวณถัดมาอีกหน่อย ก่อนที่เธอจะมองเลยมาถึงโต๊ะทำงานตัวใหญ่ซึ่งมีนักกายภาพบำบัดวัยหนุ่มนั่งอยู่ที่ด้านหลัง

    เขาเงยขึ้นจากแฟ้มคนไข้ที่เพิ่งอ่านรายละเอียดจบเพื่อมองมายังเธอ

                วลีวิไลมองไปยังเขาไม่วางตาก่อนที่ริ้วรอยของความตกตะลึงจะผุดผาดขึ้นเต็มดวงหน้า... ผู้ชายที่สวนสาธารณะ... พี่ชา...

              โอ๊ย หนูลีหายใจไม่ทัน จะเป็นลม โลกกล๊มกลมจริงๆ

    รอยยิ้มต้อนรับเธอกับย่าบิดอยู่บนริมฝีปากของชายหนุ่ม ก่อนที่เสียงนุ่มจะเชื้อเชิญอย่างสุภาพให้ทั้งคู่นั่งลงเชิญนั่งครับ

                เขาไม่ได้แสดงท่าทางอะไรว่าจำเธอได้จนกระทั่งสังเกตเห็นความตกใจบนใบหน้าหวานแช่มช้อย เขาจึงเอะใจแล้วค่อยนึกออก

                อ๋อ คุณนั่นเอง ที่สวนสาธารณะใช่ไหมครับ?”

                วลีวิไลสะดุ้งก่อนจะพึมพำตอบรับเสียงแผ่ว แล้วเอาแต่ก้มหน้างุด

                เอ๋ หมอกับยัยหนูลีรู้จักกันหรอคะ?” รัมภาเห็นท่าทางของทั้งคู่แล้วก็เอ่ยถามขึ้นอย่างแปลกใจ ก่อนที่สายตาของคนแก่ที่ถึงแม้จะเริ่มฝ้าฟางไปบ้างแล้วหากก็ยังใช้การได้ดีพอควรจะมองไปเห็นกรอบรูปที่บนโต๊ะของหมอ

                เด็กผู้ชายในวัยไม่เกินมัธยมปลายถ่ายคู่กับตัวเธอเองในอดีต .. ชื่อนามสกุลของใครคนหนึ่งจึงผุดวาบขึ้นมาในหัว

    ปกรณ์ เกียรติฤดี

    เกียรติฤดี... นามสกุลที่กระตุ้นความทรงจำของคนแก่ให้ทำงานได้อย่างรวดเร็ว เพราะนามสกุลนี้เป็นนามสกุลของเด็กชาย 2 คนและเด็กหญิงอีกหนึ่งซึ่งเคยอยู่บ้านหลังติดกันที่ต่างจังหวัด และเมื่อนานแสนนานมาแล้วรัมภาก็เคยรับอุปการะเด็กทั้งสามในตอนที่เด็กพวกนั้นกลายเป็นเด็กกำพร้าเมื่อพ่อแม่เกิดอุบัติเหตุเสียชีวิตอย่างกะทันหัน

    ชา... ใช่ชาหรือเปล่าลูก?”

    หลังจากคำถามของหญิงสูงวัย วลีวิไลก็หันไปมองคุณย่าอย่างไม่เข้าใจ ก่อนจะเอ่ยถามคำถามที่ก่อนหน้านี้คุณย่าเป็นฝ่ายถามเธอแต่ตอนนี้เธอกลับเป็นฝ่ายถามคุณย่าแทน

    คุณย่ารู้จักเขาเหรอคะ?” เธอพูดพลางพยักเพยิดไปยังชายหนุ่มหนึ่งเดียวในห้องนี้

    ย่าและหลานสบตากัน แววงุนงงสงสัยปรากฏถ้วนทั่วในสายตาทั้งคู่ ก่อนที่ชายหนุ่มหนึ่งเดียวในห้องนี้จะเป็นฝ่ายเฉลย

    คุณย่าหรือเปล่าครับ? คุณย่ารัมภาที่อุปการะผม พี่น้ำ น้องกาแฟใช่ไหมครับรอยแห่งความยินดีปรากฏเต็มด้วงหน้าขาวตี๋อย่างลูกเสี้ยวจีน เขาควรจะจำรัมภาได้ตั้งแต่แรก แต่เพราะมัวแต่มองวลีวิไล เขาจึงไม่ทันมองผู้หญิงสูงวัยอีกคน

    ชาใช่ไหมลูก... เรียนจบแล้วไม่กลับมาหาย่าบ้างเลย ส่งมาแต่เงินเข้าบัญชีย่าอยู่นั่นแหละ พี่น้ำกับน้องแฟที่อยู่บ้านสวนชอบโทรมาบ่นให้ย่าฟังว่าเราน่ะยุ่งจนแม้กระทั่งพี่น้องอย่างพวกเขาก็เจอหน้ายากเหลือเกิน

    หญิงสูงวัยร่ายยาวเป็นชุดเพราะความคิดถึงที่อัดแน่นอยู่ในใจ ส่วนหญิงอีกคนที่ยังสาวนั้นตอนนี้ได้แต่นั่งอ้าปากค้างมองคุณนักกายภาพบำบัดหนุ่มอย่างตกตะลึงพรึงเพริศมากกว่าเก่า

    คุณชา .. ที่สวนสาธารณะ .. กับ พี่ชา .. ที่บ้านสวน เป็นคนเดียวกัน!?!

    ก็เพิ่งบินกลับมาหลังเรียนจบที่สิงคโปร์ได้ไม่นานน่ะครับ ว่าจะแวะไปหาพี่น้ำกับน้องแฟอยู่เหมือนกัน คิดว่าจะโทรไปหาคุณย่าด้วย แต่เพิ่มเริ่มงานได้ไม่นานก็เลยยังยุ่งๆ ไม่มีเวลาน่ะครับ ขอโทษนะครับชายหนุ่มตอบอย่างแสนสุภาพ ไม่เหลือเค้าเดิมที่วลีวิไลเคยผนึกไว้ล้ำลึกสุดในช่องของความทรงจำเลยสักนิด

    ใครจะไปจำหมอนี่ได้ล่ะ อยู่ๆ ก็เกิดจะเปลี่ยนนิสัยจากเลวร้ายสุดๆ ดุจปีศาจกลายมาเป็นเทพบุตรสุดหล่อขนาดนี้

    นี่ถ้าไม่เห็นกับตาแล้วอมพระมาพูดหนูลีก็ไม่อยากเชื่ออยู่ดี แต่นี่คือต้องเชื่อแล้วสิ .. ก็ดันมีพยานหลักฐานชี้ชัดขนาดนี้ว่าเป็นคนคนเดียวกัน

    ...

    เลิกเลยนะหนูลี ! เลิกชอบนายนี่ไปได้เลย !!

     

              เด็กหญิงวลีวิไลหรือหนูลีที่อายุ 5 ขวบมักจะผูกผมแกะสองข้างและใส่ชุดกระโปรงพองๆ ที่คุณพ่อกับคุณย่าเลือกให้ เพราะได้รับบทบาทในครอบครัวเป็นนางฟ้าตัวน้อยของบ้านที่ทุกคนต่างรักใคร่และเอ็นดู

    ในตอนนั้นไม่ว่าเธอจะอยากได้ของเล่นอะไรก็ไม่เคยถูกขัดใจ จะกินหรือไม่กินอะไรก็ไม่เคยมีใครบังคับต่อว่า ดุด่าสั่งสอนอะไรก็ไม่เคยจะมีให้ขุ่นใจสักครั้งเดียว เรียกได้ว่าแม้ไม่ต้องพูดแค่ชี้สั่งอะไรก็เป็นนกเป็นไม้ได้ดั่งใจนางฟ้าตัวน้อยไปเสียทุกประการ

              จะมีอยู่อย่างนึงเท่านั้นที่หนูลีปฏิเสธจนถึงขั้นแทบจะรังเกียจเลยด้วยซ้ำ ก็คือ พี่ชา... เด็กชายวัย 7 ปีที่มาอาศัยอยู่ในบ้านเดียวกับหนูลีเพราะเป็นเด็กกำพร้าและชอบแกล้งให้หนูลีร้องไห้ทุกวันจนเป็นกิจวัตร

              น้องหนูลี... น้องหนูลี...’ เสียงเรียกจากพี่คนละพ่อคนละแม่ทำให้เด็กหญิงหันขวับทั้งที่ยังเล่นตบแปะกับเด็กหญิงอีกคนที่ชื่อว่ากาแฟอยู่

              พี่ชาเรียกหนูลีทำไมริมฝีปากงอง้ำหลังจากถามเสียงเจื้อยแจ้วออกไปเพราะถูกขัดจังหวะการเล่น

              ไม่มีอะไรหรอก นี่แหน่ะ!!’ เด็กชายชากระตุกหางแกะของเด็กหญิงหนูลีจนศีรษะเล็กหันหวืดไปตามแรงดึง ก่อนจะตามด้วยเสียงร้องไห้จ้าขึ้นมาทันที

    บางครั้งเขาก็มาแกล้งสำนึกผิดขอโทษหนูลีด้วย แต่สุดท้ายเขาก็ทำแลบลิ้นปลิ้นตาแล้วมาแกล้งหลอกหนูลีอยู่ดี หรือบางทีเขาก็แย่งของเล่นของหนูลีไป เขาชอบเอาตุ๊กตาบาร์บี้ของหนูลีไปถือไว้แล้วยืดสุดแขนเพื่อให้หนูลีต้องไปกระโดดหย็องแหย็งแย่งคืนมาจากเขา

    และนั่นเป็นกิจวัตรประจำวันของ พี่ชา ที่หนูลีแสนจะรังเกียจคนนั้น เขาชอบแกล้งหนูลี แกล้งเสร็จแล้วก็หัวเราะดีใจ ทำท่าสนุกสนานที่ได้แกล้งจนหนูลีร้องไห้จ้า ถ้าวันไหนหนูลีไม่ร้องไห้ก็ดูเขาจะไม่ค่อยมีความสุขนัก...

    เพราะฉะนั้นหนูลีล่ะฝังใจเกลี๊ยดเกลียดพี่ชามาเป็นสิบเกือบจะยี่สิบปีแล้ว

     

                แล้วทำไมวันนี้ต้องดันจ๊ะเอ๋มาเจอไอ้พี่ชาบ้านี่ด้วยล่ะ! อุตส่าห์แยกย้ายกันไปเรียนคนละมหาลัย ทำงานคนละสายงาน บ้านก็ไม่ได้อยู่ติดกันแล้ว ทำไมต้องดันมาเจอกันด้วยเนี่ย!

    เชื่อขนมกินได้เลยว่า .. ผู้ชายที่หล่อและน่าประทับใจแบบคนๆ นั้นที่หนูลีเผลอไปชายตามองน่ะไม่มีในความเป็นจริงหรอก เพราะหนูลีรับรองได้ว่าพี่ชาต้องสร้างภาพแน่นอน! ไม่ต่างจากเมื่อสมัยตอนเด็กๆ ไงที่เจ้าตัวน่ะเก่งเป็นที่หนึ่งในเรื่องการสร้างภาพจนไม่เคยถูกผู้ใหญ่จับได้จริงๆ จังๆ สักครั้งว่าเขาตั้งใจแกล้งให้หนูลีร้องไห้

    ว่าแต่...นี่หนูลีใช่ไหมครับคุณย่าคุณพี่ชายคนละครอบครัวเริ่มหันมาสนใจการมีอยู่ของหญิงสาวนามวลีวิไล เขาหันมาสบตาเธอพร้อมรอยยิ้มสว่างไสวที่ทำให้หนูลีรู้สึกเขม่นเขามากขึ้น

    เชอะ! หว่านเสน่ห์ใส่หนูลีเหรอ? ฝัน!!

    ใช่แล้วจ้ะ หนูลีจำพี่เขาได้ไหมลูกที่เราชอบเล่นกับพี่เขาตอนเด็กๆ น่ะ สวัสดีพี่ชาสิลูก

                หญิงสาวกระพุ่มมือยกขึ้นไหว้ด้วยท่าทางเสียไม่ได้จนคุณย่าตีลงไปบนมือเล็ก เธอจึงต้องประนมมือไหว้ตามมารยาทของกุลสตรีที่เธอถูกสอนเมื่อยามที่โตเป็นสาวแล้ว

    สวัสดีค่ะพี่ชาเอ่ยน้ำเสียงเย็นเยียบ ปรายตามองอย่างอาฆาต และแน่นอนว่าสีหน้าก็ย่อมต้องบอกบุญไม่รับแน่นอนอยู่แล้ว จนคนรับไหว้รู้สึกร้อนๆ ขึ้นมาเหมือนเหงื่อจะแตก

    ดุจริงๆ เลยน้องหนูลี ตอนเด็กๆ ไม่เห็นดุแบบนี้เลย

    แล้ววันนี้ย่าเป็นอะไรมาครับ เดี๋ยวชาช่วยดูแลให้สุดฝีมือเลยครับนักกายภาพบำบัดหนุ่มพยายามไม่สนใจหญิงสาวที่ทำท่าจะงับหัวเขาให้ได้จึงหันไปซักประวัติคนไข้ที่เขาต้องดูแลตอนนี้

    ก็ย่า...” ขณะที่รัมภากำลังจะบอกอาการเจ็บป่วยทั้งหมดที่เป็นอยู่ เสียงแข็งๆ ของหลานสาวก็แทรกขึ้นมาเสียก่อน

    หายแล้ว

    ใบหน้าขาวจงใจแสดงอารมณ์หงุดหงิดออกมาอย่างไม่ต้องการจะปิดบัง

    หนูลี คุณย่าเรียกชื่อของเธอพร้อมทั้งสบตาแล้วส่ายหน้าอย่างไม่พอใจเช่นกันที่เธอแสดงอาการเช่นนี้

    คุณย่าจะกลับแล้วใช่ไหมคะ?”

    หนูลี เสียงของผู้สูงวัยเข้มขึ้นอีก หัวคิ้วเริ่มขมวดมุ่นขณะที่จ้องหลานสาวอย่างไม่วางสายตา

    ปกรณ์มองท่าทางของทั้งย่าหลานฮึ่มฮั่มใส่กันแล้วใจคอไม่ดีชอบกลจึงพยายามจะช่วยไกล่เกลี่ยแต่เรื่องกลับเลวร้ายลงไปอีก

    ถ้าตอนนี้หนูลีไม่สะดวกรอคุณย่าตรวจก็ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวพี่ขอเบอร์โทรไว้แล้วนัดวันมาตรวจใหม่ก็ได้ หรือจะให้พี่ไปตรวจให้ที่บ้านก็ได้ครับ

    ไม่ต้อง! กลับค่ะคุณย่า!!” เธอตะโกนกร้าวพร้อมทั้งถลึงตาใส่ชายหนุ่ม ทำให้ปกรณ์สะดุ้งจนแทบหงายตกจากเก้าอี้เพราะความตกใจ

    วลีวิไลลากรัมภาออกไปจากห้องทำงานของเขาด้วยท่าทางฉุนเฉียว นักกายภาพฯ หนุ่มได้ตามองประตูที่ถูกกระแทกปิดลงดังปังจนเขาถึงกับสะดุ้งโหยงอีกรอบอย่างไม่เข้าใจ

    หนูลีเปลี่ยนไป... เธอเหมือนคนไปกินรังแตมาจากไหนเลย
     








    พี่ชาวัยละอ่อนน้ออออ :))))*


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×