ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC] Puppy Doll :: ChanBaek

    ลำดับตอนที่ #8 : ( -㉦-)----> Chapter 7 - โพสท์อิท

    • อัปเดตล่าสุด 2 พ.ย. 56









    Puppy Doll

    Author: mizallsunday

    Pairing: Chanyeol  Baekhyun

    *Rate: PG13 - NC*




    ..................................................


    Chapter 7 โพสท์อิท






     

    หลังจากงานประกวดเฟรชชี่ประจำปี  จงอินก็อาสาไปส่งที่บ้านผมอย่างเคยโดยที่ไม่มีชานยอลกลับมาด้วย  รายนั้นอาสาจะไปส่ง แฟนเก่า ที่ไม่ได้เจอกันนาน


    แสงไฟและวิวทิวทัศน์ยามค่ำคืนบนรถยนต์คันหรูที่ขับไม่เร็วมากนัก  เหมาะกับเป็นอาหารตาที่รอให้ผมได้เชยชม  แต่มันก็ไม่ได้ดึงความสนใจของผมไปได้มากเท่ากับประโยคบอกเล่าสั้นๆ ของสารถีเจ้าประจำของผม


    “ฮเยจินเป็นแฟนเก่าชานยอลน่ะ”


    หลังจากได้ฟังเรื่องราวของ ชานยอล และ ฮเยจิน จากปากของจงอิน  ตั้งแต่เรื่องที่พวกเขาทั้งสามคนเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ตอนเรียนมัธยมต้น  และชานยอลกับฮเยจินก็คบกันมาตั้งแต่ตอนนั้น


    เรื่องราวอันแสนประทับใจมากมาย  ที่ทำให้หัวใจของผมรู้สึกเจ็บเบาๆ จนต้องกระชับเสื้อคลุมแขนยาวเพื่อปกปิดมือที่กุมบริเวณหัวใจตนเองไว้ไม่ให้จงอินล่วงรู้


    การสารภาพรักของชานยอลและการขอคบในห้องเรียนท่ามกลางเพื่อนๆ ร่วมชั้น การบอกรักของชานยอลให้แก่ฮเยจินในวันที่ชานยอลขึ้นประกวดวงดนตรีในวันงานโรงเรียน   ของขวัญวันครบรอบกับดอกกุหลาบสีขาวช่อโต  และมีเดทแสนวิเศษในวันหยุดสุดสัปดาห์  และเรื่องราวความรักต่างๆ มากมายที่ทำให้คนทั้งโรงเรียนขนานนามทั้งคู่ว่าเป็น คู่รักที่น่าอิจฉาที่สุด ในโรงเรียน  ก่อนที่ทั้งสองจะเลิกกันไปเพราะชานยอลต้องตามครอบครัวไปต่างประเทศ


    เรื่องราวที่ฟังจากคำบอกเล่าผ่านจงอินนั้น   ยอมรับว่าผมอิจฉาครับ  ขนาดจงอินยังคิดว่าคู่นี้น่ารักและเหมาะสมกันมากๆ เลย  แต่ก็ไม่รู้ทำไม...หัวใจของผมมันถึงเจ็บปวด ระหว่างทางกลับบ้านในวันนี้จึงเงียบกว่าปกติ  ไม่มีบทสนทนาใดๆ เกิดขึ้นระหว่างผมและจงอินอีกเลย


    “ขอบใจมากนะจงอิน”


    “อย่าลืมหาอะไรกิน และรีบเข้านอนนะ”


    “อื้ม...” ผมตอบรับความหวังดีของจงอิน  ก่อนที่จะเห็นเขาขับรถออกไป


    ผมคงต้องขอโทษจงอินที่ตอบรับความหวังดีของเขาไว้  เพราะผมไม่มั่นใจว่าตัวเองจะทำได้อย่างที่รับปากหรือเปล่า?


    ผมพาร่างกายอันอ่อนล้าของตัวเองเข้ามาภายในบ้าน  ผมไขกุญแจ.... ถอดรองเท้า... และเปิดไฟให้สว่าง


    ภายในบ้านที่วังเวงไร้คนอื่นอาศัย  มันชวนให้หดหู่และเกิดความเหงาขึ้นมาได้ไม่ยาก  บวกกับอารมณ์ของผมตอนนี้  ทำให้บ้านนี้ยิ่งดูชวนหดหู่และชวนให้เหงามากกว่าเดิม


    ร่างกายอันอ่อนล้ากำลังฝืนตัวเองให้เดินไปที่โต๊ะกินข้าวที่มักจะมีอาหารหน้าตาหน้ากินวางอยู่เสมอตั้งแต่มีเพื่อนมาร่วมอาศัยด้วย

     

    เพียงแต่วันนี้อาจไม่เหมือนเดิมและในทุกๆ วัน  เพราะมี โพสท์อิท สีฟ้าวางอยู่ในตำแหน่งเดิมเหมือนเมื่อตอนเช้า  ผมอาบน้ำแต่งตัวเตรียมตัวไปมหาลัย  และตรงดิ่งมายังโต๊ะกินข้าวด้วยความคาดหวังว่า  วันนี้อาจจะโชคดีเพราะชานยอลทำอาหารเช้าไว้ให้ก่อนไปมหาลัย 


    ...แต่ผมก็ต้องผิดหวัง เพราะเช้านี้ก็เป็นเช่นเดียวกับวันอื่นในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา  ความว่างเปล่าบนโต๊ะที่ไร้อาหารหน้าตาน่ากิน



    บนโต๊ะว่างเปล่า  ไม่มีไข่ดาว  ไม่มีไส้กรอก  ไม่มีโบโลน่า  ไม่มีขนมปัง  หรือแม้แต่โจ๊กหมูใส่ไข่ของโปรดของผมเหมือนอย่างทุกที  แต่กลับมีโพสท์อิทใบเล็กสีฟ้าสดวางอยู่บนนั้น


    สายตาผมสะดุดกับกระดาษสีฟ้าแผ่นเล็กที่วางอยู่บนโต๊ะก่อนที่จะได้มีอารมณ์น้อยใจ  ข้อความสั้นๆ ในนั้นมีอิทธิพลมากพอที่ทำให้ความน้อยใจที่กำลังจะก่อตัวขึ้นหายวับไปในทันที  และแทนที่ด้วยรอยยิ้มกว้างที่ทำให้ดวงตาผมกลายเป็นเส้นตรงจนมองไม่เห็นดวงตา  และมาพร้อมกับหัวใจที่เต้นแรงจนผิดปกติ


    “คืนนี้เตรียมกินมื้อใหญ่นะ ฉลองที่ได้รางวัลเฟรชชี่ล่ะ(มั้ง) ฮ่าฮ่าฮ่า”  :)


    แต่คืนนี้คงไม่มีอาหารมื้อนั้นอีกแล้วล่ะมั้ง  เขาอาจจะไปกินข้าวข้างนอกมาแล้วก็ได้  แถมนี่ก็ดึกมากแล้วด้วย


    ผมตั้งตารอให้วันนี้ผ่านไปอย่างเร่งรีบ  เพื่อที่จะได้ถึงช่วงเวลาที่รอคอย  แต่มันก็แค่...









    คำบอกเล่าผ่าน โพสท์อิท เล็กๆ ...ไม่ใช่คำสัญญาที่มาจากคำพูด ซะหน่อย





    คงไม่ต้องใส่ใจอะไรหรอกมั้ง...



    ตาผมเริ่มพร่ามัว  ความร้อนเริ่มจับกุมที่เบ้าตา  ก่อนที่จะปล่อยให้น้ำตาไหลลงมา


    ผมเสียใจที่เพิ่งมารู้ว่า... ตัวเองอาจเผลอใจให้กับเพื่อนร่วมบ้านที่เจอกันได้เพียงหนึ่งเดือนคนนี้


    เสียใจ... ที่รู้ว่าไม่มีทางเป็นไปได้


    และเสียใจ... ที่มารู้ตัวช้าไป...


    ….เพราะคนรักของเขากลับมาแล้ว...


    แต่ลึกๆ ผมก็ยังเชื่อใจและหวังว่าชานยอลจะรีบกลับมา  แล้วเตรียมอาหารมื้อใหญ่อย่างที่เขาเขียนไว้ในโพสท์อิทแผ่นนี้


    เพราะชานยอลไม่เคยโกหกผม  เพราะงั้นผมเชื่อใจเขาได้ใช่ไหม?


    ผมจะรอชานยอลอยู่ตรงนี้แหละ...


    “ฉันจะรอนายนะชานยอล... รีบๆ กลับมาซะที”


    ผมได้แต่ภาวนาในใจ  และหวังว่าสิ่งที่อยู่ในโพสท์อิทจะเป็นจริง...


    ช่วยเป็นกำลังใจให้ฉันด้วยนะโพสท์อิท...









    …..…..…..…..…............…..…..…..…..…..

     


     

    วันนี้เป็นวันที่เซอร์ไพรส์ที่สุดในรอบหลายปีของชีวิตผม ผมกลายเป็นเฟรชชี่ของมหาวิทยาลัย และได้เจอ ฮเยจิน คนรักเก่า ผมจำเธอได้ทันทีที่พบกันอีกครั้ง  อารมณ์ของผมตอนนั้นมันหลากหลายจนไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วผมรู้สึกอย่างไร  ดีใจ  ตื่นเต้น  หรือประหม่า  แต่ความรู้สึกที่มันชัดเจนที่สุดคือเจ็บหน่วงๆ ในใจเมื่อเห็นสายตาแห่งความผิดหวังของแบคฮยอนที่ถูกส่งมา เมื่อผมบอกให้เค้ากลับบ้านไปก่อน ผมต้องจำใจยอมรับสายตานั้นไว้และเลือกทำในสิ่งที่ควรทำ ผมต้องไปส่ง ฮเยจิน เพราะมันดึกมากแล้ว  ผู้หญิงกลับบ้านคนเดียวดึกดื่นมันอันตราย ผมจึงตัดสินใจไปส่งเธอ อย่างน้อยผมก็ไม่ได้ปล่อยให้แบคฮยอนกลับคนเดียวเพราะจงอินจะต้องไปส่งอยู่แล้ว หวังว่าแบคฮยอนจะเข้าใจและไม่โกรธผมนะ 


     

    หลังจากที่ผมคุยสารทุกข์สุขดิบ  ในช่วงชีวิตสามปีที่ห่างหายจากกันไป เราสองคนก็แลกไลน์กัน  ฮเยจินบอกกับผมว่า



    "ขอบคุณนะที่กลับมา"  



    รอยยิ้มและน้ำเสียงอบอุ่นที่คุ้นเคยทำให้ผมยิ้มออกมา  ก่อนที่ผมจะเตรียมตัวกลับ
      ผมรู้สึกเหมือนว่าเรากำลังย้อนกลับไปในช่วงที่เรากำลังคบกันอยู่  บรรยากาศแห่งความสุขที่คุ้นเคยทำให้ผมยิ้มไม่หุบแม้ว่าเธอจะเดินจนหายลับไปจากสายตานานแล้วก็ตาม  ก่อนที่รอยยิ้มจะเลือนหายไปทันทีที่นึกถึงใครอีกคนที่ผมคิดว่าคงกำลังน้อยใจผมอยู่เป็นแน่




    ผมรีบโบกแท็กซี่เพื่อกลับบ้าน ก่อนที่จะรีบส่งข้อความทางไลน์หาแบคฮยอนที่ไม่รู้ว่าหลับไปแล้วหรือยัง ในมือถือสมาร์ทโฟนคู่ใจไว้แบบนั้นและหวังว่าเจ้าตัวอาจจะยังไม่หลับและตอบข้อความกลับมา  แต่ก็ไร้ซึ่งการตอบกลับ  จะโทรไปก็กลัวว่าเจ้าตัวจะหลับไปแล้ว


     

    วันนี้ผมตั้งใจกับหลายอย่างมากจริงๆ  ตั้งใจเต็มที่กับการประกวดเฟรชชี่  และตั้งใจกับการคิดเมนูอาหารมื้อใหญ่ให้เพื่อนตัวเล็กที่บ่นว่าไม่ได้กินอาหารผมมานานพักใหญ่ 



    แต่แผนของผม...มันอาจจะไม่เป็นอย่างที่ตั้งใจซะแล้ว




    “เดี๋ยวครับโชเฟอร์...ช่วยจอดรถตรงหน้าหมู่บ้านด้วยครับ”  ผมรีบบอกโชเฟอร์ให้จอดรถทันทีที่เหลือบไปเห็นเจ้าม่อนน้อยจอดอยู่ที่หน้าหมู่บ้าน  แบคฮยอนคงให้จงอินขับรถไปส่งที่บ้านเลย 


    ผมลงจากรถแล้วรีบเดินไปยังเจ้าม่อนน้อยที่ถูกจอดทิ้งตากน้ำค้างไว้  ถ้าผมไม่ปั่นกลับบ้านคืนนี้  พรุ่งนี้คงต้องเดินออกมากันแน่ๆ ถ้าจะให้ไอจงอินมารับมีหวังได้ไปเรียนสายกันพอดี  ผมเลยตัดสินใจปั่นเจ้าม่อนสารถีคนเก่งกลับบ้าน


    ยังไม่ทันจะปั่นถึงครึ่งทางฝนก็เทลงมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ผมปั่นเจ้าม่อนน้อยเข้าไปหลบในที่กำบังแทบไม่ทัน  นี่ถ้ามันตกเปาะแปะก็ยังพอปั่นกลับได้  แต่นี่ฝนตกอย่างกับฟ้ารั่ว  ผมคงต้องรอให้ฝนซาก่อน


    บ้าชะมัดเลย
    !!   ยังซวยแค่นั้นไม่พอตอนนี้มือถือสมาร์ทโฟนตัวเก่งของผมก็สั่นเบาๆ เป็นสัญญาณว่าแบตเตอรี่หมดเกลี้ยงและดับไปในทันที




    “เฮ้อออ... เหนื่อยชะมัด  อยากกลับบ้านแล้ว”



    ตอนนี้ผมทั้งเหนื่อย เพลีย  หนาว  แล้วก็หิวมาก  ฮเยจินชวนผมให้ไปกินข้าวด้วยกันกับเธอ  แต่ผมปฏิเสธไปเพราะผมนัดกับแบคฮยอนไว้แล้วว่าจะกลับมาเตรียมอาหารมื้อใหญ่ไว้ให้  แต่เหมือนกำหนดการของผมมันจะคลาดเคลื่อนไปมากโข ที่สำคัญไม่รู้ว่าแบคฮยอนยังรอผมอยู่หรือเปล่า  หรือว่าจะกินข้าวกับจงอินไปแล้วก็ไม่รู้ ตอนนี้ก็คงจะนอนหลับปุ๋ยไปแล้วล่ะมั้ง
     


    ผ่านไปนานพักใหญ่ฝนก็ไม่มีทีท่าว่าจะเบาลงสักนิด  และดูเหมือนจะตกหนักมากขึ้นเรื่อยๆ  อากาศก็เริ่มเย็นลง ผมเช็คสัมภาระสำคัญในกระเป๋าและถอดเสื้อแจ็กเก็ตห่อกระเป๋าตัวเองไว้  และตัดสินใจฝ่าฝนไปโดยไม่รอฝนที่ไม่มีหวังว่าจะหยุดเลยแม้แต่น้อย




    ความหนาวเย็นของสายฝนที่ปะทะเข้ากับใบหน้าทำให้ผมรู้สึกชาไปหมด  ตัวผมสั่นเพราะความหนาวอย่างห้ามไม่อยู่  ผมกลั้นใจกัดริมฝีปากแน่นและรีบปั่นจักรยานให้ถึงบ้านให้เร็วที่สุด



    “แฮ่ก...แฮ่ก...สู้โว้ย!!!




    เมื่อถึงที่หมายผมก็รีบลงจากจักรยาน  เปิดประตูรั้วบ้าน  ก่อนจะรีบจูงเจ้าม่อนน้อยไว้ที่ลานจอด และวิ่งกลับออกไปด้านนอกอีกครั้งเพื่อปิดประตูรั้ว



    ตอนนี้ผมกำลังยืนสั่นและสลัดไล่น้ำที่เกาะตามตัวและหัวอยู่ออกไป ก่อนจะเดินเข้าไปในบ้าน  ไฟในบ้านยังคงเปิดเอาไว้  ผมค่อยๆ เดินสั่นๆ เข้าไปในบ้านเพื่อหาความอบอุ่น ผมวางกองเสื้อที่หุ้มกระเป๋าเอาไว้ที่โต๊ะ  ก่อนที่สายตาจะสะดุดกับบางอย่างบนโซฟา



    แบคฮยอนกำลังนอนขดตัวอยู่บนโซฟา ผมเห็นแบบนั้นจึงเดินเข้าไปใกล้  เหมือนเจ้าตัวจะรู้สึกตัวแล้วงัวเงียตื่นขึ้นมา เราสองคนจ้องหน้ากันแบบนั้น แบคฮยอนที่หน้าดูยุ่งๆ และยังคงดูงงๆ กับผมที่ยืนสั่นเพราะตัวเปียกฝนไปทั้งตัว



    เมื่อแบคฮยอนตื่นเต็มตาเค้าก็ทำหน้าตกใจสุดขีด  ก่อนจะรีบลุกขึ้นจากโซฟาแล้วมายืนเบื้องหน้าผม



    “นี่ฝนตกหรอเนี่ย!? ทำไมไม่นั่งแท็กซี่กลับมาล่ะ!?



    “...”



    “...แล้วนี่ทำไมไม่รีบไปอาบน้ำล่ะเดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก!?...”



    แบคฮยอนตะโกนถามออกมายาวเหยียดโดยไม่พักหายใจ พูดจบก็ยืนหอบตัวโยนอย่างน่าสงสัย  ดวงตาเรียวเล็กปริ่มน้ำใสๆ ที่พร้อมจะไหลได้ทุกเมื่อ



    แล้วนี่ผมจะทำไงดีล่ะเนี่ย?? จะตอบคำถามไหนก่อนดี อยากจะเดินไปกอดปลอบก็ทำไม่ได้กลัวว่าเค้าจะเปียกเพราะผม




    ไม่ทันได้พูดหรือตัดสินใจทำอะไรแบคฮยอนก็วิ่งเข้ามาใกล้แล้วโผกอดผมเต็มแรงจนผมเซไปข้างหลังเล็กน้อย  ผมได้แต่ยืนอึ้งอยู่แบบนั้น  ไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัวหรือพูดอะไรออกมา แล้วนี่แบคฮยอนร้องไห้ด้วยหรอ??

     

     

    ผมสัมผัสได้ถึงแรงสั่นน้อยๆ จากเค้าที่ซบอยู่บนอกของผม  ไม่รู้ว่าเค้าหนาวเพราะเสื้อผ้าที่เปียกโชกของผมหรือร้องไห้จริงๆ

    หรืออาจจะทั้งสองอย่าง 




    ผมใช้เวลาสิบวินาทีรวบรวมสมาธิแล้วค่อยๆ ดึงแบคฮยอนออกจากอ้อมอกของผม สรุปว่าแบคฮยอนทั้งร้องไห้และหนาวเลยใช่ไหมเนี่ย?



    ผมค่อยๆ ใช้นิ้วปาดน้ำตาที่ไหลลงอาบแก้มใสๆ ของเจ้าตัว



    “ขอโทษนะแบคฮยอน...ขอโทษที่ทำให้นายร้องไห้”



    “ฮึก...ฮึก...น่ะ..นายทำไมเปียกกลับมาแบบนี้ล่ะ?”



    “ฉันลงแท็กซี่ที่หน้าหมู่บ้านแล้วปั่นเจ้าม่อนกลับมาน่ะ กลัวว่าพรุ่งนี้เราจะไปมหาลัยไม่ได้”



    “....”



    “...กำลังปั่นท้าลมอยู่ดีๆ ฝนก็ตกลงมาเฉยเลย ก็เลยเปียกแบบนี้ไง” แบคฮยอนนิ่งไปสักพักแล้วค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมามองผม  


     

    “แล้วทำไมไม่โทรบอกจะได้เอาร่มไปรับ” ใบหน้าใสที่ยังคงเปรอะเปื้อนน้ำตาจางๆ เอ่ยถามผมออกมา



    “...แบตมันหมดพอดีน่ะ  อีกอย่างฉันก็ไลน์ไปหานายแล้วแต่นายไม่ตอบก็เลยคิดว่าหลับไปแล้ว”



    “ฉันจะหลับได้ยังไงเล่า...ฉันก็มานั่งรอนายนี่แหละ...”



    “ขอโทษนะที่ทำให้เป็นห่วง”



    “อืม...ขอโทษเหมือนกันที่ไม่ตอบไลน์...ฉันเผลอหลับไปน่ะ”



    เราสองคนหัวเราะเบาๆ ออกมาอย่างโล่งใจ...


     

    ผมดีใจที่รับรู้ว่ายังมีใครซักคนรอคอยให้ผมกลับมา  มีสถานที่ที่เรียกว่าบ้านได้อย่างเต็มปาก  สถานที่ที่ทำให้ผมอยู่อย่างสุขใจ  มันทำให้ผมเกิดความรู้สึกไว้ใจ สามารถปล่อยวาง  และรู้สึกได้ถึงความอบอุ่น จนทำให้ผมลืมความเหน็บหนาวจากสายฝนได้อย่างน่าประหลาด



    จ๊อกกก...จ๊อกกก...



    เสียงท้องผมที่ร้องออกมาทำให้ผมกับแบคฮยอนสบตากันก่อนที่จะหัวเราะออกมาพร้อมกันอีกครั้ง



    “หิวหรอ?” แบคฮยอนถามผม



    “ก็ใช่น่ะสิ...นี่ก็กะมาทำให้นายกินนั่นแหละ ไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่เย็นแล้วอ่า”



    “งั้นก็รีบไปอาบน้ำเดี๋ยวนี้เลยนะ  ฉันก็หิวแล้วเหมือนกัน” แบคฮยอนพูดก่อนจะยิ้มกว้าง และรีบวิ่งขึ้นห้องไป



    “นี่แบคฮยอน...นายไม่ได้กินข้าวเย็นกับจงอินมาแล้วหรอ?”



    แบคฮยอนที่ยืนอยู่บันไดขั้นบนสุดหันหน้ากลับมาทั้งที่ปากยังยิ้มกว้างอยู่แบบนั้น



    “ก็นายบอกจะทำมื้อใหญ่ให้กินไม่ใช่หรอไง? ฉันก็รอนายมาทำให้กินอยู่เนี่ย”



    “...”



    “ถ้าฉันเป็นโรคกระเพาะนี่ฉันจะโทษนายเลยนะ ปล่อยให้รอนานจนไส้กิ่วหมดแล้ว  รีบไปอาบน้ำแล้วมาทำเลยนะ  ฉันก็จะไปอาบน้ำเหมือนกัน”



    ผมได้แต่มองแบคฮยอนที่เดินเข้าห้องไปอย่างอารมณ์ดี  ทั้งที่เมื่อกี้ยังร้องไห้งอแงน่าสงสารอยู่เลย  อารมณ์เปลี่ยนไวจังแฮะ  แต่ก็ดีแล้วล่ะนะ...



    ไม่รู้ว่าผมเผลอยิ้มตามเพื่อนตัวเล็กไปตั้งแต่เมื่อไหร่  ความกังวลในเรื่องราวต่างๆ มากมายในวันนี้ก็แทบจะลืมไปหมด หัวสมองของผมตอนนี้มีแต่เมนูอาหารที่ผมคิดไว้ตั้งแต่เมื่อสามวันก่อน และรู้เพียงแค่ว่าต้องรีบไปอาบน้ำเท่านั้น



    ไม่นึกว่าจะได้ทำตามกำหนดการสำคัญที่ตระเตรียมไว้  มื้ออาหารที่ตั้งใจเตรียมไว้ขอโทษแบคฮยอนที่ละเลยไม่ทำตามสัญญาที่เคยพูดเอาไว้ตั้งแต่ผมย้ายมา ว่าผมจะเป็นคนดูแลปากท้องให้เค้า  แต่ผมก็ละเลยมาแล้วสองอาทิตย์ เลยตั้งใจจะชดเชยและขอโทษเค้าด้วย



    ผมเหลือบตาไปยังโต๊ะกินข้าวที่ยังคงมีโพสท์อิทที่ผมเขียนข้อความอยู่ตรงนั้น  แบคฮยอนคงได้อ่านมันสินะ  นึกว่าฉันจะเป็นคนเดียวที่ตั้งตารอซะอีก  ขอบคุณที่เชื่อใจและรอฉันนะแบคฮยอน



    ทำได้ดีมาก เจ้าโพสท์อิท




    .....
    ....
    ...









     

    บรรยากาศแห่งความสุขและความอบอุ่นภายในบ้าน  ไม่ได้ทำให้ใครอีกคนที่ยืนมองภาพเหล่านั้นรู้สึกซึบซับบรรยากาศแสนหวานนั้นได้เลย  กลับมีแต่ความสับสน สงสัย  และหวาดกลัวในสิ่งที่ตนคิด


    ด้วยความเป็นห่วงเพื่อนรักทั้งสองคนที่ไม่สามารถติดต่อได้  ตนจึงขับรถกลับมาที่นี่อีกครั้ง แต่เรื่องราวที่ได้เห็นทั้งหมดนั้น  มันทำให้เค้าตัดสินใจหันหลังกลับและขับรถออกไปท่ามกลางสายฝนที่เทลงมาอย่างดุเดือดไม่แพ้ใจของเขาตอนนี้ที่กำลังดุเดือดในใจไม่แพ้กัน


    ผมคิดผิดหรือเปล่านะ? ที่พาชานยอลมารู้จักกับแบคฮยอนของผม






     

    .................................................................................




     

     

    writer talk: กลับมาต่อให้ครบร้อยเปอร์เซ็นแล้วนะคะ หายไปนานเลยหวังว่าจะมีคนรออ่านอยู่นะคะ เรื่องราวมันดูเนิบนาบไปไหม 5555 แต่นี้ก็เริ่มเข้มข้นแล้วน้า...อย่าเพิ่งทิ้งกันไปก่อนล่ะ อิอิ  ไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้นกับชานยอล แบคฮยอน และจงอินยังไงกันนะ แล้วคยองซูเมื่อไหร่จะมา รอติดตามค่ะ ตอนหน้าจัดไคโด้ตามคำขอเลย ^^; พูดถึงเรื่องนี้อย่าลืมแท็ก #puppydoll #ppd #แบคกลัวหมา นะคะ แท็กอันไหนก็ได้จ้ะ

     


    -- รักคนอ่านแต่รักคนเม้นท์มากกว่านิดนึง --





     

     :)
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×