คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : ( -㉦-)----> Chapter 7 - โพสท์อิท
Puppy Doll
Author: mizallsunday
Pairing: Chanyeol ☆ Baekhyun
*Rate: PG13 - NC*
..................................................
Chapter 7 – โพสท์อิท –
หลังจากงานประกวดเฟรชชี่ประจำปี จงอินก็อาสาไปส่งที่บ้านผมอย่างเคยโดยที่ไม่มีชานยอลกลับมาด้วย รายนั้นอาสาจะไปส่ง แฟนเก่า ที่ไม่ได้เจอกันนาน
แสงไฟและวิวทิวทัศน์ยามค่ำคืนบนรถยนต์คันหรูที่ขับไม่เร็วมากนัก เหมาะกับเป็นอาหารตาที่รอให้ผมได้เชยชม แต่มันก็ไม่ได้ดึงความสนใจของผมไปได้มากเท่ากับประโยคบอกเล่าสั้นๆ ของสารถีเจ้าประจำของผม
“ฮเยจินเป็นแฟนเก่าชานยอลน่ะ”
หลังจากได้ฟังเรื่องราวของ ชานยอล และ ฮเยจิน จากปากของจงอิน ตั้งแต่เรื่องที่พวกเขาทั้งสามคนเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ตอนเรียนมัธยมต้น และชานยอลกับฮเยจินก็คบกันมาตั้งแต่ตอนนั้น
เรื่องราวอันแสนประทับใจมากมาย ที่ทำให้หัวใจของผมรู้สึกเจ็บเบาๆ จนต้องกระชับเสื้อคลุมแขนยาวเพื่อปกปิดมือที่กุมบริเวณหัวใจตนเองไว้ไม่ให้จงอินล่วงรู้
การสารภาพรักของชานยอลและการขอคบในห้องเรียนท่ามกลางเพื่อนๆ ร่วมชั้น การบอกรักของชานยอลให้แก่ฮเยจินในวันที่ชานยอลขึ้นประกวดวงดนตรีในวันงานโรงเรียน ของขวัญวันครบรอบกับดอกกุหลาบสีขาวช่อโต และมีเดทแสนวิเศษในวันหยุดสุดสัปดาห์ และเรื่องราวความรักต่างๆ มากมายที่ทำให้คนทั้งโรงเรียนขนานนามทั้งคู่ว่าเป็น คู่รักที่น่าอิจฉาที่สุด ในโรงเรียน ก่อนที่ทั้งสองจะเลิกกันไปเพราะชานยอลต้องตามครอบครัวไปต่างประเทศ
เรื่องราวที่ฟังจากคำบอกเล่าผ่านจงอินนั้น ยอมรับว่าผมอิจฉาครับ ขนาดจงอินยังคิดว่าคู่นี้น่ารักและเหมาะสมกันมากๆ เลย แต่ก็ไม่รู้ทำไม...หัวใจของผมมันถึงเจ็บปวด ระหว่างทางกลับบ้านในวันนี้จึงเงียบกว่าปกติ ไม่มีบทสนทนาใดๆ เกิดขึ้นระหว่างผมและจงอินอีกเลย
“ขอบใจมากนะจงอิน”
“อย่าลืมหาอะไรกิน และรีบเข้านอนนะ”
“อื้ม...” ผมตอบรับความหวังดีของจงอิน ก่อนที่จะเห็นเขาขับรถออกไป
ผมคงต้องขอโทษจงอินที่ตอบรับความหวังดีของเขาไว้ เพราะผมไม่มั่นใจว่าตัวเองจะทำได้อย่างที่รับปากหรือเปล่า?
ผมพาร่างกายอันอ่อนล้าของตัวเองเข้ามาภายในบ้าน ผมไขกุญแจ.... ถอดรองเท้า... และเปิดไฟให้สว่าง
ภายในบ้านที่วังเวงไร้คนอื่นอาศัย มันชวนให้หดหู่และเกิดความเหงาขึ้นมาได้ไม่ยาก บวกกับอารมณ์ของผมตอนนี้ ทำให้บ้านนี้ยิ่งดูชวนหดหู่และชวนให้เหงามากกว่าเดิม
ร่างกายอันอ่อนล้ากำลังฝืนตัวเองให้เดินไปที่โต๊ะกินข้าวที่มักจะมีอาหารหน้าตาหน้ากินวางอยู่เสมอตั้งแต่มีเพื่อนมาร่วมอาศัยด้วย
เพียงแต่วันนี้อาจไม่เหมือนเดิมและในทุกๆ วัน เพราะมี โพสท์อิท สีฟ้าวางอยู่ในตำแหน่งเดิมเหมือนเมื่อตอนเช้า ผมอาบน้ำแต่งตัวเตรียมตัวไปมหาลัย และตรงดิ่งมายังโต๊ะกินข้าวด้วยความคาดหวังว่า วันนี้อาจจะโชคดีเพราะชานยอลทำอาหารเช้าไว้ให้ก่อนไปมหาลัย
...แต่ผมก็ต้องผิดหวัง เพราะเช้านี้ก็เป็นเช่นเดียวกับวันอื่นในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ความว่างเปล่าบนโต๊ะที่ไร้อาหารหน้าตาน่ากิน
บนโต๊ะว่างเปล่า ไม่มีไข่ดาว ไม่มีไส้กรอก ไม่มีโบโลน่า ไม่มีขนมปัง หรือแม้แต่โจ๊กหมูใส่ไข่ของโปรดของผมเหมือนอย่างทุกที แต่กลับมีโพสท์อิทใบเล็กสีฟ้าสดวางอยู่บนนั้น
สายตาผมสะดุดกับกระดาษสีฟ้าแผ่นเล็กที่วางอยู่บนโต๊ะก่อนที่จะได้มีอารมณ์น้อยใจ ข้อความสั้นๆ ในนั้นมีอิทธิพลมากพอที่ทำให้ความน้อยใจที่กำลังจะก่อตัวขึ้นหายวับไปในทันที และแทนที่ด้วยรอยยิ้มกว้างที่ทำให้ดวงตาผมกลายเป็นเส้นตรงจนมองไม่เห็นดวงตา และมาพร้อมกับหัวใจที่เต้นแรงจนผิดปกติ
“คืนนี้เตรียมกินมื้อใหญ่นะ ฉลองที่ได้รางวัลเฟรชชี่ล่ะ(มั้ง) ฮ่าฮ่าฮ่า” :)
แต่คืนนี้คงไม่มีอาหารมื้อนั้นอีกแล้วล่ะมั้ง เขาอาจจะไปกินข้าวข้างนอกมาแล้วก็ได้ แถมนี่ก็ดึกมากแล้วด้วย
ผมตั้งตารอให้วันนี้ผ่านไปอย่างเร่งรีบ เพื่อที่จะได้ถึงช่วงเวลาที่รอคอย แต่มันก็แค่...
คำบอกเล่าผ่าน ‘โพสท์อิท’ เล็กๆ ...ไม่ใช่คำสัญญาที่มาจากคำพูด ซะหน่อย
คงไม่ต้องใส่ใจอะไรหรอกมั้ง...
ตาผมเริ่มพร่ามัว ความร้อนเริ่มจับกุมที่เบ้าตา ก่อนที่จะปล่อยให้น้ำตาไหลลงมา
ผมเสียใจที่เพิ่งมารู้ว่า... ตัวเองอาจเผลอใจให้กับเพื่อนร่วมบ้านที่เจอกันได้เพียงหนึ่งเดือนคนนี้
เสียใจ... ที่รู้ว่าไม่มีทางเป็นไปได้
และเสียใจ... ที่มารู้ตัวช้าไป...
….เพราะคนรักของเขากลับมาแล้ว...
แต่ลึกๆ ผมก็ยังเชื่อใจและหวังว่าชานยอลจะรีบกลับมา แล้วเตรียมอาหารมื้อใหญ่อย่างที่เขาเขียนไว้ในโพสท์อิทแผ่นนี้
เพราะชานยอลไม่เคยโกหกผม เพราะงั้นผมเชื่อใจเขาได้ใช่ไหม?
ผมจะรอชานยอลอยู่ตรงนี้แหละ...
“ฉันจะรอนายนะชานยอล... รีบๆ กลับมาซะที”
ผมได้แต่ภาวนาในใจ และหวังว่าสิ่งที่อยู่ในโพสท์อิทจะเป็นจริง...
ช่วยเป็นกำลังใจให้ฉันด้วยนะโพสท์อิท...
…..…..…..…..…............…..…..…..…..…..
วันนี้เป็นวันที่เซอร์ไพรส์ที่สุดในรอบหลายปีของชีวิตผม ผมกลายเป็นเฟรชชี่ของมหาวิทยาลัย และได้เจอ ฮเยจิน คนรักเก่า ผมจำเธอได้ทันทีที่พบกันอีกครั้ง อารมณ์ของผมตอนนั้นมันหลากหลายจนไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วผมรู้สึกอย่างไร ดีใจ ตื่นเต้น หรือประหม่า แต่ความรู้สึกที่มันชัดเจนที่สุดคือเจ็บหน่วงๆ ในใจเมื่อเห็นสายตาแห่งความผิดหวังของแบคฮยอนที่ถูกส่งมา เมื่อผมบอกให้เค้ากลับบ้านไปก่อน ผมต้องจำใจยอมรับสายตานั้นไว้และเลือกทำในสิ่งที่ควรทำ ผมต้องไปส่ง ฮเยจิน เพราะมันดึกมากแล้ว ผู้หญิงกลับบ้านคนเดียวดึกดื่นมันอันตราย ผมจึงตัดสินใจไปส่งเธอ อย่างน้อยผมก็ไม่ได้ปล่อยให้แบคฮยอนกลับคนเดียวเพราะจงอินจะต้องไปส่งอยู่แล้ว หวังว่าแบคฮยอนจะเข้าใจและไม่โกรธผมนะ
หลังจากที่ผมคุยสารทุกข์สุขดิบ ในช่วงชีวิตสามปีที่ห่างหายจากกันไป เราสองคนก็แลกไลน์กัน ฮเยจินบอกกับผมว่า
"ขอบคุณนะที่กลับมา"
รอยยิ้มและน้ำเสียงอบอุ่นที่คุ้นเคยทำให้ผมยิ้มออกมา ก่อนที่ผมจะเตรียมตัวกลับ ผมรู้สึกเหมือนว่าเรากำลังย้อนกลับไปในช่วงที่เรากำลังคบกันอยู่ บรรยากาศแห่งความสุขที่คุ้นเคยทำให้ผมยิ้มไม่หุบแม้ว่าเธอจะเดินจนหายลับไปจากสายตานานแล้วก็ตาม ก่อนที่รอยยิ้มจะเลือนหายไปทันทีที่นึกถึงใครอีกคนที่ผมคิดว่าคงกำลังน้อยใจผมอยู่เป็นแน่
ผมรีบโบกแท็กซี่เพื่อกลับบ้าน ก่อนที่จะรีบส่งข้อความทางไลน์หาแบคฮยอนที่ไม่รู้ว่าหลับไปแล้วหรือยัง ในมือถือสมาร์ทโฟนคู่ใจไว้แบบนั้นและหวังว่าเจ้าตัวอาจจะยังไม่หลับและตอบข้อความกลับมา แต่ก็ไร้ซึ่งการตอบกลับ จะโทรไปก็กลัวว่าเจ้าตัวจะหลับไปแล้ว
วันนี้ผมตั้งใจกับหลายอย่างมากจริงๆ ตั้งใจเต็มที่กับการประกวดเฟรชชี่ และตั้งใจกับการคิดเมนูอาหารมื้อใหญ่ให้เพื่อนตัวเล็กที่บ่นว่าไม่ได้กินอาหารผมมานานพักใหญ่
แต่แผนของผม...มันอาจจะไม่เป็นอย่างที่ตั้งใจซะแล้ว
“เดี๋ยวครับโชเฟอร์...ช่วยจอดรถตรงหน้าหมู่บ้านด้วยครับ” ผมรีบบอกโชเฟอร์ให้จอดรถทันทีที่เหลือบไปเห็นเจ้าม่อนน้อยจอดอยู่ที่หน้าหมู่บ้าน แบคฮยอนคงให้จงอินขับรถไปส่งที่บ้านเลย
ผมลงจากรถแล้วรีบเดินไปยังเจ้าม่อนน้อยที่ถูกจอดทิ้งตากน้ำค้างไว้ ถ้าผมไม่ปั่นกลับบ้านคืนนี้ พรุ่งนี้คงต้องเดินออกมากันแน่ๆ ถ้าจะให้ไอจงอินมารับมีหวังได้ไปเรียนสายกันพอดี ผมเลยตัดสินใจปั่นเจ้าม่อนสารถีคนเก่งกลับบ้าน
ยังไม่ทันจะปั่นถึงครึ่งทางฝนก็เทลงมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ผมปั่นเจ้าม่อนน้อยเข้าไปหลบในที่กำบังแทบไม่ทัน นี่ถ้ามันตกเปาะแปะก็ยังพอปั่นกลับได้ แต่นี่ฝนตกอย่างกับฟ้ารั่ว ผมคงต้องรอให้ฝนซาก่อน
บ้าชะมัดเลย!! ยังซวยแค่นั้นไม่พอตอนนี้มือถือสมาร์ทโฟนตัวเก่งของผมก็สั่นเบาๆ เป็นสัญญาณว่าแบตเตอรี่หมดเกลี้ยงและดับไปในทันที
“เฮ้อออ... เหนื่อยชะมัด อยากกลับบ้านแล้ว”
ตอนนี้ผมทั้งเหนื่อย เพลีย หนาว แล้วก็หิวมาก ฮเยจินชวนผมให้ไปกินข้าวด้วยกันกับเธอ แต่ผมปฏิเสธไปเพราะผมนัดกับแบคฮยอนไว้แล้วว่าจะกลับมาเตรียมอาหารมื้อใหญ่ไว้ให้ แต่เหมือนกำหนดการของผมมันจะคลาดเคลื่อนไปมากโข ที่สำคัญไม่รู้ว่าแบคฮยอนยังรอผมอยู่หรือเปล่า หรือว่าจะกินข้าวกับจงอินไปแล้วก็ไม่รู้ ตอนนี้ก็คงจะนอนหลับปุ๋ยไปแล้วล่ะมั้ง
ผ่านไปนานพักใหญ่ฝนก็ไม่มีทีท่าว่าจะเบาลงสักนิด และดูเหมือนจะตกหนักมากขึ้นเรื่อยๆ อากาศก็เริ่มเย็นลง ผมเช็คสัมภาระสำคัญในกระเป๋าและถอดเสื้อแจ็กเก็ตห่อกระเป๋าตัวเองไว้ และตัดสินใจฝ่าฝนไปโดยไม่รอฝนที่ไม่มีหวังว่าจะหยุดเลยแม้แต่น้อย
ความหนาวเย็นของสายฝนที่ปะทะเข้ากับใบหน้าทำให้ผมรู้สึกชาไปหมด ตัวผมสั่นเพราะความหนาวอย่างห้ามไม่อยู่ ผมกลั้นใจกัดริมฝีปากแน่นและรีบปั่นจักรยานให้ถึงบ้านให้เร็วที่สุด
“แฮ่ก...แฮ่ก...สู้โว้ย!!!”
เมื่อถึงที่หมายผมก็รีบลงจากจักรยาน เปิดประตูรั้วบ้าน ก่อนจะรีบจูงเจ้าม่อนน้อยไว้ที่ลานจอด และวิ่งกลับออกไปด้านนอกอีกครั้งเพื่อปิดประตูรั้ว
ตอนนี้ผมกำลังยืนสั่นและสลัดไล่น้ำที่เกาะตามตัวและหัวอยู่ออกไป ก่อนจะเดินเข้าไปในบ้าน ไฟในบ้านยังคงเปิดเอาไว้ ผมค่อยๆ เดินสั่นๆ เข้าไปในบ้านเพื่อหาความอบอุ่น ผมวางกองเสื้อที่หุ้มกระเป๋าเอาไว้ที่โต๊ะ ก่อนที่สายตาจะสะดุดกับบางอย่างบนโซฟา
แบคฮยอนกำลังนอนขดตัวอยู่บนโซฟา ผมเห็นแบบนั้นจึงเดินเข้าไปใกล้ เหมือนเจ้าตัวจะรู้สึกตัวแล้วงัวเงียตื่นขึ้นมา เราสองคนจ้องหน้ากันแบบนั้น แบคฮยอนที่หน้าดูยุ่งๆ และยังคงดูงงๆ กับผมที่ยืนสั่นเพราะตัวเปียกฝนไปทั้งตัว
เมื่อแบคฮยอนตื่นเต็มตาเค้าก็ทำหน้าตกใจสุดขีด ก่อนจะรีบลุกขึ้นจากโซฟาแล้วมายืนเบื้องหน้าผม
“นี่ฝนตกหรอเนี่ย!? ทำไมไม่นั่งแท็กซี่กลับมาล่ะ!?”
“...”
“...แล้วนี่ทำไมไม่รีบไปอาบน้ำล่ะเดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก!?...”
แบคฮยอนตะโกนถามออกมายาวเหยียดโดยไม่พักหายใจ พูดจบก็ยืนหอบตัวโยนอย่างน่าสงสัย ดวงตาเรียวเล็กปริ่มน้ำใสๆ ที่พร้อมจะไหลได้ทุกเมื่อ
แล้วนี่ผมจะทำไงดีล่ะเนี่ย?? จะตอบคำถามไหนก่อนดี อยากจะเดินไปกอดปลอบก็ทำไม่ได้กลัวว่าเค้าจะเปียกเพราะผม
ไม่ทันได้พูดหรือตัดสินใจทำอะไรแบคฮยอนก็วิ่งเข้ามาใกล้แล้วโผกอดผมเต็มแรงจนผมเซไปข้างหลังเล็กน้อย ผมได้แต่ยืนอึ้งอยู่แบบนั้น ไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัวหรือพูดอะไรออกมา แล้วนี่แบคฮยอนร้องไห้ด้วยหรอ??
ผมสัมผัสได้ถึงแรงสั่นน้อยๆ จากเค้าที่ซบอยู่บนอกของผม ไม่รู้ว่าเค้าหนาวเพราะเสื้อผ้าที่เปียกโชกของผมหรือร้องไห้จริงๆ
หรืออาจจะทั้งสองอย่าง
ผมใช้เวลาสิบวินาทีรวบรวมสมาธิแล้วค่อยๆ ดึงแบคฮยอนออกจากอ้อมอกของผม สรุปว่าแบคฮยอนทั้งร้องไห้และหนาวเลยใช่ไหมเนี่ย?
ผมค่อยๆ ใช้นิ้วปาดน้ำตาที่ไหลลงอาบแก้มใสๆ ของเจ้าตัว
“ขอโทษนะแบคฮยอน...ขอโทษที่ทำให้นายร้องไห้”
“ฮึก...ฮึก...น่ะ..นายทำไมเปียกกลับมาแบบนี้ล่ะ?”
“ฉันลงแท็กซี่ที่หน้าหมู่บ้านแล้วปั่นเจ้าม่อนกลับมาน่ะ กลัวว่าพรุ่งนี้เราจะไปมหาลัยไม่ได้”
“....”
“...กำลังปั่นท้าลมอยู่ดีๆ ฝนก็ตกลงมาเฉยเลย ก็เลยเปียกแบบนี้ไง” แบคฮยอนนิ่งไปสักพักแล้วค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมามองผม
“แล้วทำไมไม่โทรบอกจะได้เอาร่มไปรับ” ใบหน้าใสที่ยังคงเปรอะเปื้อนน้ำตาจางๆ เอ่ยถามผมออกมา
“...แบตมันหมดพอดีน่ะ อีกอย่างฉันก็ไลน์ไปหานายแล้วแต่นายไม่ตอบก็เลยคิดว่าหลับไปแล้ว”
“ฉันจะหลับได้ยังไงเล่า...ฉันก็มานั่งรอนายนี่แหละ...”
“ขอโทษนะที่ทำให้เป็นห่วง”
“อืม...ขอโทษเหมือนกันที่ไม่ตอบไลน์...ฉันเผลอหลับไปน่ะ”
เราสองคนหัวเราะเบาๆ ออกมาอย่างโล่งใจ...
ผมดีใจที่รับรู้ว่ายังมีใครซักคนรอคอยให้ผมกลับมา มีสถานที่ที่เรียกว่าบ้านได้อย่างเต็มปาก สถานที่ที่ทำให้ผมอยู่อย่างสุขใจ มันทำให้ผมเกิดความรู้สึกไว้ใจ สามารถปล่อยวาง และรู้สึกได้ถึงความอบอุ่น จนทำให้ผมลืมความเหน็บหนาวจากสายฝนได้อย่างน่าประหลาด
จ๊อกกก...จ๊อกกก...
เสียงท้องผมที่ร้องออกมาทำให้ผมกับแบคฮยอนสบตากันก่อนที่จะหัวเราะออกมาพร้อมกันอีกครั้ง
“หิวหรอ?” แบคฮยอนถามผม
“ก็ใช่น่ะสิ...นี่ก็กะมาทำให้นายกินนั่นแหละ ไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่เย็นแล้วอ่า”
“งั้นก็รีบไปอาบน้ำเดี๋ยวนี้เลยนะ ฉันก็หิวแล้วเหมือนกัน” แบคฮยอนพูดก่อนจะยิ้มกว้าง และรีบวิ่งขึ้นห้องไป
“นี่แบคฮยอน...นายไม่ได้กินข้าวเย็นกับจงอินมาแล้วหรอ?”
แบคฮยอนที่ยืนอยู่บันไดขั้นบนสุดหันหน้ากลับมาทั้งที่ปากยังยิ้มกว้างอยู่แบบนั้น
“ก็นายบอกจะทำมื้อใหญ่ให้กินไม่ใช่หรอไง? ฉันก็รอนายมาทำให้กินอยู่เนี่ย”
“...”
“ถ้าฉันเป็นโรคกระเพาะนี่ฉันจะโทษนายเลยนะ ปล่อยให้รอนานจนไส้กิ่วหมดแล้ว รีบไปอาบน้ำแล้วมาทำเลยนะ ฉันก็จะไปอาบน้ำเหมือนกัน”
ผมได้แต่มองแบคฮยอนที่เดินเข้าห้องไปอย่างอารมณ์ดี ทั้งที่เมื่อกี้ยังร้องไห้งอแงน่าสงสารอยู่เลย อารมณ์เปลี่ยนไวจังแฮะ แต่ก็ดีแล้วล่ะนะ...
ไม่รู้ว่าผมเผลอยิ้มตามเพื่อนตัวเล็กไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ความกังวลในเรื่องราวต่างๆ มากมายในวันนี้ก็แทบจะลืมไปหมด หัวสมองของผมตอนนี้มีแต่เมนูอาหารที่ผมคิดไว้ตั้งแต่เมื่อสามวันก่อน และรู้เพียงแค่ว่าต้องรีบไปอาบน้ำเท่านั้น
ไม่นึกว่าจะได้ทำตามกำหนดการสำคัญที่ตระเตรียมไว้ มื้ออาหารที่ตั้งใจเตรียมไว้ขอโทษแบคฮยอนที่ละเลยไม่ทำตามสัญญาที่เคยพูดเอาไว้ตั้งแต่ผมย้ายมา ว่าผมจะเป็นคนดูแลปากท้องให้เค้า แต่ผมก็ละเลยมาแล้วสองอาทิตย์ เลยตั้งใจจะชดเชยและขอโทษเค้าด้วย
ผมเหลือบตาไปยังโต๊ะกินข้าวที่ยังคงมีโพสท์อิทที่ผมเขียนข้อความอยู่ตรงนั้น แบคฮยอนคงได้อ่านมันสินะ นึกว่าฉันจะเป็นคนเดียวที่ตั้งตารอซะอีก ขอบคุณที่เชื่อใจและรอฉันนะแบคฮยอน
ทำได้ดีมาก เจ้าโพสท์อิท
.....
....
...
บรรยากาศแห่งความสุขและความอบอุ่นภายในบ้าน ไม่ได้ทำให้ใครอีกคนที่ยืนมองภาพเหล่านั้นรู้สึกซึบซับบรรยากาศแสนหวานนั้นได้เลย กลับมีแต่ความสับสน สงสัย และหวาดกลัวในสิ่งที่ตนคิด
ด้วยความเป็นห่วงเพื่อนรักทั้งสองคนที่ไม่สามารถติดต่อได้ ตนจึงขับรถกลับมาที่นี่อีกครั้ง แต่เรื่องราวที่ได้เห็นทั้งหมดนั้น มันทำให้เค้าตัดสินใจหันหลังกลับและขับรถออกไปท่ามกลางสายฝนที่เทลงมาอย่างดุเดือดไม่แพ้ใจของเขาตอนนี้ที่กำลังดุเดือดในใจไม่แพ้กัน
ผมคิดผิดหรือเปล่านะ? ที่พาชานยอลมารู้จักกับแบคฮยอนของผม
.................................................................................
writer talk: กลับมาต่อให้ครบร้อยเปอร์เซ็นแล้วนะคะ หายไปนานเลยหวังว่าจะมีคนรออ่านอยู่นะคะ เรื่องราวมันดูเนิบนาบไปไหม 5555 แต่นี้ก็เริ่มเข้มข้นแล้วน้า...อย่าเพิ่งทิ้งกันไปก่อนล่ะ อิอิ ไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้นกับชานยอล แบคฮยอน และจงอินยังไงกันนะ แล้วคยองซูเมื่อไหร่จะมา รอติดตามค่ะ ตอนหน้าจัดไคโด้ตามคำขอเลย ^^; พูดถึงเรื่องนี้อย่าลืมแท็ก #puppydoll #ppd #แบคกลัวหมา นะคะ แท็กอันไหนก็ได้จ้ะ
-- รักคนอ่านแต่รักคนเม้นท์มากกว่านิดนึง --
ความคิดเห็น