คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ( -㉦-)----> Chapter 4 - เพื่อนเก่ากับเพื่อนใหม่
Puppy Doll
Author: mizallsunday
Pairing: Chanyeol ☆ Baekhyun
*Rate: PG13 - NC*
..................................................
Chapter 4 -- เพื่อนเก่ากับเพื่อนใหม่ --
หลังจากที่ผ่านเรื่องราวเลวร้ายมาเมื่อไม่นาน ตอนนี้เหมือนทุกอย่างเริ่มจะดีขึ้น...
ผมกำลังช่วยชานยอลเก็บข้าวของเครื่องใช้ และเสื้อผ้าอยู่ในห้องของเขา
ตอนนี้ผมรู้สึกอาการดีขึ้นจนเป็นปกติแล้ว จึงมาช่วยชานยอลเก็บของต่อให้เสร็จเรียบร้อย ข้าวของของเขามีไม่มาก
เขาบอกผมว่า “เดี๋ยวค่อยซื้อใหม่เอา ขี้เกียจแบกมาเยอะ” เราเลยมีแพลนว่าจะไปช้อปปิ้งหลังจากเก็บของเสร็จหมดทุกอย่างแล้ว
ผมหยิบผ้าเช็ดตัวของเขาเป็นอย่างสุดท้าย ก่อนจะนำไปแขวนไว้ที่ด้านนอกระเบียงห้องให้
จากนั้นผมก็อาสาเอาชามโจ๊กสองใบที่เรากินกันจนเกลี้ยงชามไปล้าง ผมล้างชามโจ๊กไปพลางนึกย้อนถึงเรื่องราวที่เพิ่งผ่านมา มันช่างรวดเร็วและไม่ทันได้ตั้งตัว
ใครจะไปคิดว่าชานยอลคนนั้นจะบังเอิญให้ของขวัญชิ้นนั้นมา...
จะบังเอิญว่าของขวัญชิ้นนั้นเป็นสิ่งที่ผมขยาดมันมากที่สุดในชีวิต...
และจะบังเอิญไปมากไหมที่เขามาล่วงรู้ความลับที่ผมอยากจะเก็บมันเอาไว้ให้ลึกที่สุด... และไม่อยากให้ใครต้องมารับรู้เลย
แต่ ความลับ อาจจะไม่มีในโลกนี้... อย่างนั้นหรอ?
แต่อย่างน้อยก็มีแค่เขาเท่านั้นที่รู้ และหวังว่าเขาจะไม่หลุดปากบอกคนอื่นล่ะนะ
ออด..ออด..ออดดด...
เสียงกริ่งหน้าบ้านดังขึ้นเรียกให้ผมที่กำลังคิดอะไรเรื่อยเปื่อยต้องหันไปมองยังประตูหน้าบ้าน ก่อนจะรีบล้างมือและเดินไปต้อนรับแขก
ผมไม่แปลกใจเท่าไหร่ที่เห็นแขกที่มาเยือนบ้านผมคนนี้ เพราะเขามาออกจะบ่อย และวันนี้คงไม่พลาดที่จะมาหาผม เพราะนอกจากเขาจะเป็นเพื่อนของผมแล้ว เขายังเป็นเพื่อนเก่าของชานยอลที่เป็นเพื่อนใหม่ของผมอีกด้วย
“ไง จงอิน มาแล้วหรอ?” ผมถามออกไปอย่างที่ไม่ต้องการคำตอบ เพราะรู้อยู่แล้วว่ายังไงเขาก็ต้องมาแน่นอน เพียงแค่สงสัยว่าทำไมถึงมาช้าแค่นั้น
ถ้าจะตื่นสายก็ไม่น่าจะมาเกินเที่ยงวัน แต่นี่ปาเข้าไปเกือบบ่ายสามแล้ว ตื่นสายขนาดนั้นเชียว?
“อืม.. เหนื่อยชะมัดเลย ขอน้ำเย็นๆ ซักแก้วนะแบคกี้”
“เข้ามาสิ เพื่อนนายมาถึงซักพักแล้วนะ”
“แล้วมันอยู่ไหนล่ะเนี่ย ไม่มาต้อนรับเพื่อนฝูงเลย”
“ไงมึง ไม่เจอกันนานเลย”
เสียงใครบางคนที่ถูกกล่าวถึงดังขึ้นมา ก่อนที่จงอินจะถลึงตา และแสดงท่าทางดีใจจนแสดงออกมาทางสีหน้าอย่างปิดไม่มิด
“เชี่ยชานยอล ไม่เจอกันนานเลยมึง กูโคตรคิดถึงมึงเลย”
จงอินพูดก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปกอดเพื่อนตัวเอง
นี่ถ้าผมไม่รู้ว่าเขาสองคนเป็นเพื่อนกันนะ ผมคงคิดว่าเขาเป็นคู่ขากันแน่ๆ ภาพผู้ชายสองคนวิ่งโผเข้าหาอ้อมกอดกันแบบเต็มรัก แต่แบบว่าสูงเปรตกันทั้งคู่ - -*
“เชี่ยมึงหล่อขึ้นนะเว้ย แถมดำขึ้นอีกต่างหาก ฮ่าฮ่าฮ่า”
โป๊กก!!
เสียงฝ่ามือพิฆาตของจงอินที่กระทบลงบนหัวของชานยอล....
ผมเห็นชานยอลลูบหัวตัวเองเล็กน้อย ท่าจะเจ็บน่าดูนะนั่น
“มึงก็หูกางเหมือนเดิมนะมึง เก็บหูมึงหน่อย”
“ไอเชี่ยนี่ กูกลับมาทั้งทีนี่หรอที่บอกว่าคิดถึงกู กูงอนมึงแล้ว เชี่ย”
เอิ่ม.. เดี๋ยวก่อนนะครับ นอกจากจะเหมือนคู่ขาตัวโย่งแล้ว นี่ยังมางงมางอนกันอีก ชักจะเหมือนมากเกินไปแล้ว
ผมคิดเพ้อเจ้อได้ไม่นานแขนยาวๆ ของจงอินก็โอบเข้าที่ไหล่ของผมก่อนจะลากผมเข้าบ้านไป ปล่อยให้ชานยอลยืนงอนอยู่หน้าบ้านแบบนั้น แต่ยืนงอนไม่นานชานยอลก็เดินตามเข้าบ้านมาด้วยอีกคน
จงอินและชานยอลเดินไปนั่งที่โซฟา ก่อนที่ทั้งสองคนจะคุยกันตามประสาเพื่อนสนิทที่ไม่เจอกันนาน ผมจึงค่อยๆ ปลีกตัวออกมาเพื่อเข้าครัวไปหาน้ำเย็นๆ มาเสิร์ฟให้ และปล่อยให้คนที่ไม่ได้เจอกันนานได้มีเวลาส่วนตัวกันสองคน
“มึงอยู่นี่ก็ช่วยดูแลแบคกี้กูด้วยนะ ถ้ามึงดูแลไม่ดีกูจะตามมาตื๊บมึง”
“อะไรของมึง จริงๆ แล้วแบคกี้ของมึงต้องมาดูแลกูดิ”
“ไอเชี่ย เดี๋ยวกูตบให้หูลีบเลย”
ผมได้ยินบทสนทนาที่มีชื่อผมเข้าไปเกี่ยวด้วย ก่อนที่จะวางน้ำเย็นทั้งสามแก้วที่โต๊ะ
“พวกนายนินทาอะไรฉันเนี่ย”
“เปล่านะแบคกี้ ฉันก็แค่บอกให้ชานยอลดูแลนายให้ดีๆ เท่านั้นเอง”
“ไม่ต้องห่วงหรอก ชานยอลอยู่นี่คงช่วยฉันได้หลายอย่างเลย อย่างน้อยๆ ชานยอลก็ทำอาหารเป็นใช่ไหมล่ะ แค่นี้ก็ช่วยได้เยอะเลย”
“งั้นก็ดีแล้ว ฉันจะได้ไม่ต้องห่วงอะไรมาก ไว้ฉันจะมาค้างด้วยบ่อยๆ นะ”
“มึงนี่ หัดเกรงใจเจ้าของบ้านอย่างแบคฮยอนบ้างดิว่ะ พูดเองเออเองตลอดนะมึง”
“มึงเงียบไปเลย แบคกี้เค้าไม่เห็นว่าอะไรกูซักคำ”
ผมยิ้มออกมาให้กับมิตรภาพของเพื่อนสองคนตรงหน้า ถึงจะไม่เจอกันนานแต่พวกเขาก็ดูสนิทกันดีนะ
“ฉันว่าพวกเราช่วยกันเก็บของ แล้วพาชานยอลไปซื้อของดีกว่า แล้วตอนเย็นก็กินข้างนอกกันเลยดีไหม?”
ผมเสนอความคิดออกไป ก่อนจะได้รับสายตาที่แสดงถึงความดีใจ
“โอเคแบคกี้ มาๆ ห้องไอยอลอยู่ไหน เดี๋ยวฉันช่วยเอง”
“ชั้นสองห้องข้างๆ ฉันน่ะ”
ผมพูดพลางเดินนำขึ้นไปห้องบนชั้นสอง ก่อนที่ชานยอลจะเดินตามขึ้นมาด้วย
“นี่แบคกี้ รู้ไหมว่าตอนที่ฉันขับรถมาบ้านนาย ฉันขับรถชนคนด้วยนะ”
“ห๊าาาา!!!”
ผมตกใจกับคำบอกเล่าจากจงอิน นี่เขาไปขับรถชนคนมาหรอ!?
“แล้วนี่เค้าเป็นไงมั้ง แล้วนายบาดเจ็บตรงไหนเปล่า?”
ผมรีบทิ้งผ้าสำหรับทำความสะอาดที่ถือไว้ในมือ ก่อนจะตรงดิ่งเข้าไปสำรวจร่างกายของจงอิน
ผมได้ยินเสียงหัวเราะนิดๆ ของจงอิน ก่อนที่ผมจะเงยหน้าสบตากับเขา บ่งบอกว่าผมจริงจัง
“ฉันไม่เป็นไรหรอก คนที่โดนชนที่สิเป็น....” จงอินจบประโยคนั้น ผมตกใจมาก
นี่เค้าขับรถชนคนอื่นบาดเจ็บด้วยงั้นหรอ!!??
จงอินหัวเราะเบาๆ อีกครั้งก่อนจะเอ่ยออกมาต่อว่า “..ก็เป็นนะ แต่แค่หัวเข่าถลอกน่ะ ไม่ได้เป็นอุบัติเหตุร้ายแรงอะไรหรอก แล้วฉันก็ไปส่งเค้าที่บ้านเรียบร้อยแล้วด้วย”
“แล้วนี่นายขับรถประสาอะไร ถึงได้ไปชนเค้าแบบนั้นเนี่ย”
“เปล่าซะหน่อย ฉันก็แค่จะโทรศัพท์มาหานายนั่นแหละ รู้สึกตัวอีกทีก็ชนไปแล้ว”
“นายนี่น้า น่าตีชะมัด คราวหน้าก็ระวังหน่อย อุบัติเหตุไม่ใช่เรื่องน่าตลกนะ”
ผมค้อนกลับไปให้จงอินอย่างเคืองๆ ที่เขาเห็นอุบัติเหตุเป็นเรื่องน่าตลกแบบนี้ ทั้งๆ ที่อุบัติเหตุมันพรากสิ่งสำคัญที่สุดของชีวิตผมไป ผมเลยรู้สึกโกรธจงอินมาหน่อยๆ
และเหมือนจงอินจะรู้ตัวเลย ส่งมือมาตบบ่าผมเบาๆ เป็นการขอโทษ ก่อนที่จะส่งมือมาหยิกแก้มผมเบาๆ
“ขอโทษนะแบคกี้ คราวหน้าฉันจะระวังนะ”
ผมยู่ปากเล็กน้อยให้จงอิน
“ให้มันจริงนะจงอิน”
“ครับผม”
แล้วผมก็เดินไปหยิบผ้าที่ทำตกไว้เพื่อจะเตรียมตัวทำความสะอาดต่อไป แต่ยังไม่ทันที่จะได้ทำอย่างที่ตั้งใจ ผ้าที่มือก็หลุดจากมือล่วงไปอยู่ที่ๆ มันวางอยู่เมื่อครู่ อีกครั้ง
“พวกนายคบกันอยู่หรอ?”
คำถามที่ดังมาจากบุคคลที่สาม ทำให้ผมและจงอินต้องตกใจและสบตากันได้แว่บนึง ก่อนที่จะหันหน้าไปคนละทาง
และก็เป็นจงอินที่เป็นคนตอบคำถามที่น่าอึดอัดนั้น
“เปล่าหรอก พวกกูไม่ได้คบกันหรอก”
ผมรู้ครับ รู้ถึงความหมายที่ซ่อนอยู่ในคำตอบนั้นของจงอิน ผมรู้ว่าเขาชอบผม แต่ผมก็ยังไม่พร้อมกับการที่ต้องมีใครซักคนหรือต้องดูแลใครซักคน ผมชอบเขามากแบบเพื่อนคนหนึ่ง เขาใจดี อบอุ่น และดูแลผมอย่างดีมาตลอด
แต่จงอินก็ยังไม่เคยพูดออกมานะครับ เขาไม่เคยขอผมคบหรือบอกรักผมเลย แต่มันอาจจะยังไม่ถึงเวลาที่เขาพร้อม
แต่ผมคิดว่าที่เราเป็นแบบนี้มันก็ดีอยู่แล้ว และก็อยากจะให้มันเป็นอยู่แบบนี้ต่อไป
ผมกลัวว่าถ้าสถานะเปลี่ยนไป... เราสองคนจะไม่เหมือนเดิม...
“งั้นหรอ”
ผมรู้สึกขอบคุณชานยอลที่ไม่ได้ถามอะไรเซ้าซี้ต่อ และตั้งใจเก็บข้าวของตัวเองต่อไป
บรรยากาศภายในห้องตกอยู่ในความเงียบ ต่างคนต่างตั้งใจทำหน้าที่ในส่วนของตน ส่วนผมก็รีบช่วยยกข้าวของจัดให้เข้าที่เข้าทาง และไม่นานการจัดห้องของชานยอลก็เสร็จเรียบร้อย
เตียงนอน ผ้าปู ผ้าห่ม รวมถึงผ้าม่านสีเทาครบเซ็ต โต๊ะเขียนหนังสือที่มีโคมไฟรูปดวงดาวที่ผมเตรียมไว้ให้ และเครื่องประทินผิวของชานยอลที่มีเพียงหยิบมือ จนไม่น่าเชื่อว่าหน้าตาและผิวพรรณเขาจะดีได้ขนาดนี้
เสร็จแล้ว...
เราสามคนนั่งพิงขอบเตียง ผมนั่งอยู่ตรงกลางโดยมีชานยอลและจงอินนั่งขนาบด้านข้างผม
ผมมองหน้าชานยอลและจงอินก่อนจะหัวเราะออกมาเล็กน้อย
“เหนื่อยแล้วอ่า ไปช้อปปิ้งแล้วไปหาอะไรกินกันเถอะ”
ชานยอลและจงอินพยักหน้าทั้งรอยยิ้ม ก่อนจะลุกขึ้นยืนพร้อมกัน แล้วเดินนำผมออกไปจากห้อง
ถึงชีวิตผมจะไม่สมบูรณ์ อย่างน้อยผมก็มีพี่ชายและพี่สะใภ้ที่ดีและเป็นห่วงผม ถึงแม้ว่าพี่เขาจะไปอยู่ต่างประเทศก็เถอะ แต่เขาก็คอยเมลมาและคอลไลน์มาหาผมตลอด
แล้วผมยังมีเพื่อนที่ดีที่คอยดูแลและเป็นห่วงเป็นใยกันแบบนี้ก็เพียงพอแล้วครับสำหรับผม
ขอบคุณพ่อคุณแม่นะครับที่ช่วยส่งเพื่อนดีๆ แบบนี้มาให้ผม ผมจะมีความสุขให้ได้เพื่อพ่อกับแม่นะครับ
ผมนึกขอบคุณมิตรภาพที่ผมได้รับ ก่อนที่จะรีบเดินตามเพื่อนทั้งสองของผมออกไป
จากวันนี้ไปคงเป็นวันที่น่าสนุก และมีความสุขของผมนะ
ผมหวังแบบนั้นจริงๆ
....................................................................
ตอนนี้ผมกำลังเลือกซื้อของใช้ส่วนตัวอยู่ โดยมีไอเพื่อนซี้ตัวแสบอย่างจงอินคอยกวนตีนอยู่ข้างๆ ตลอด แถมยังมีแบคฮยอนที่คอยพูดเรื่องโปรโมชั่น ชิ้นนั้นลดราคา ชิ้นนี้ดี ชิ้นนี้ถูก แล้วลากผมไปมา
ผมเริ่มสงสัยแล้วว่านี่ผมกำลังซื้อของให้ตัวเอง หรือกำลังมาซื้อให้แบคฮยอนกันแน่
แต่เขาก็ตลกดีนะ
ผมเห็นแบคฮยอนเดินไปทางนั้นที ทางนู้นทีแบบผู้ชำนาญทาง โดยมีจงอินคอยเดินประกบอยู่ไม่ห่าง
นี่ถ้าไอจงอินไม่บอกว่ามันไม่ได้คบกันแบคฮยอนอยู่ล่ะก็ ผมคงคิดว่าเขาสองคนคงเป็นแฟนกันจริงๆ นะ ดูๆ ไปแล้วแบคฮยอนก็สเปคจงอินมันเลย แถมมันแสดงออกมากขนาดนี้ เป็นใครก็ดูออกแหละครับ
แต่ดูท่าทีของแบคฮยอนตอนที่ผมถามทั้งคู่ไปว่า “พวกนายคบกันอยู่หรอ?”
แบคฮยอนมีท่าทีแปลกไป แต่ดูเหมือนว่าตัวเขาเองก็รู้ความรู้สึกของจงอินดีด้วย แต่ทำไมไม่ได้คบกันนั้น ผมเองก็ไม่รู้หรอก ปล่อยให้เป็นเรื่องของเขาสองคนดีกว่า
ผมกำลังเดินไปยังโซนตามแบคฮยอนไป แล้วหยิบของใส่รถเข็นที่จงอินอาสาจะเข็นเอง ซึ่งผมเองก็ไม่ได้ขัดใจมัน
เราสามคนเดินไปจนทั่วซุปเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่นี้ แล้วผมก็ได้ของใช้ต่างๆ รวมถึงเสื้อซับใน ชุดไปรเวท และอันเดอร์แวร์อย่างครบถ้วน
ก็น่าจะครบถ้วนนะครับ เพราะมันเกือบจะล้นออกมานอกรถเข็นอยู่แล้ว
“นี่ๆ ชานยอล เราซื้ออาหารแห้ง และอาหารสดไว้ในบ้านด้วยเลยดีกว่าไหม?”
“ก็ได้” ผมอึ้งไปเล็กน้อยแต่ก็ตบปากรับคำไป เพียงแต่แค่สงสัยว่าผมต้องไปเข็นรถเข็นคันใหม่มาเพิ่มใช่ไหมเนี่ย? เพราะรถเข็นคันเดิมเต็มไปด้วยของๆ ผมทั้งหมดจนเต็มคันแล้วนี่นา
คราวนี้กลายเป็นผมได้เข็นรถตามแบคฮยอนบ้าง และคอยบอกแบคฮยอนว่าเราควรจะมีอะไรติดบ้านไว้ เราเลือกพวกอาหารแห้งพวกปลากระป๋อง อาหารกึ่งสำเร็จรูปหลากหลายไว้ทำกินเมื่อตอนที่เราเหนื่อยจนไม่อยากจะทำอาหาร หรือเราเกิดเบื่อๆ ขึ้นมา ที่ขาดไม่ได้เลยก็ต้อง โจ๊ก นี่แหละนะ แบคฮยอนบอกว่าชอบกินโจ๊กหมู ผมเลยซื้อเก็บมันไว้สองแพ็คใหญ่ไปเลย
อาหารสดก็เลือกไว้บ้างไม่มาก แบคฮยอนบอกว่าเขาไม่ชอบกินแตงกว่า นอกนั้นก็กินได้หมด ผมเลยซื้อพวกเนื้อไว้นิดหน่อย กับผักสดสามสี่อย่างไว้ ก่อนที่จะไปเลือกเฟรนช์ฟรายด์อาหารโปรดของผมเอง อิอิ
จัดไปอีกสองถุงโตๆ เลยครับ >+++<
เมื่อจ่ายเงินเสร็จเรียบร้อย เราสามคนก็ช่วยกันแบกของทั้งหมดไปไว้ที่รถของจงอิน ก่อนที่เราทั้งสามคนจะไปนั่งที่ร้านบุฟเฟ่ต์ร้านนึงในห้างนี้
“ขอชุดเนื้อพิเศษมาสองที่เลยครับคุณป้า”
แบคฮยอนสั่งออเดอร์ออกมาคนแรกโดยที่ไม่ได้เปิดเมนูเลยซัดนิดสงสัยจะมาบ่อย
“เครื่องดื่มของเป็นโคล่ารีฟิลนะครับ”
ไอจงอินอีกคนสั่งไปโดยไม่ถามกันเลยนะ แต่ถือว่ามันเป็นเพื่อนทีดีเลยนะ มันยังจำได้ใช่ไหมว่าผมชอบกินโคล่าน่ะ
“มึงจำได้ด้วยหรอจงอิน ว่ากูชอบโคล่า”
“..กูเพื่อนมึงไง” ไอดำนี่หนิ อยากจะจูบมันซักทีจริงๆ ฮ่าฮ่าฮ่า
เพื่อนที่สนิทกับผมที่สุดตั้งแต่สมัย ม.ต้น ก็มีมันนี่แหละครับ ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้เรียน ม.ปลาย ที่เดียวกัน แต่มันก็ยังเหมือนเดิมนะครับ มันเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของผมเลยก็ว่าได้
“ผมขอเพิ่มซี่โครงหมู แล้วก็ซูชิแซลมอนเซ็ตครับ”
ผมสั่งอาหารเพิ่มบ้าง ในส่วนที่ผมอยากจะกิน
“เย้.. ชานยอลฉันกินด้วยน้า”
แบคฮยอนยิ้มแป้น และยิ้มราวกับเด็กน้อย
“ฉันว่าจะสั่งซูชิแซลมอนพอดี” >ㅅ<
“เอาสิ ฉันกินคนเดียวไม่หมดอยู่แล้ว”
แล้วผมสามคนก็หัวเราะ และพูดคุยกันอย่างสนุกสนานภายในห้องวีไอพีนี่ ก่อนที่จะเงียบไปเพราะอาหารมาเสิร์ฟ
เราสามคนกินอาหารอย่างเอร็ดอร่อยมากจริงๆ เพราะเราสามคนคุยกันน้อยมากๆ ทั้งๆ ที่ผมและไอจงอินไม่เจอกันนาน นึกว่ามันจะชวนผมคุยมากกว่านี้ซะอีก ผิดคาดจริงๆ ท่าจะหิวมากเลยนะเนี่ย
หลังจากจบมื้อเย็นสุดแสนอร่อยแล้ว พวกเราสามคนยังคงเดินเล่นในห้างเพื่อย่อยกันต่อ ก่อนที่ไอจงอินจะดี๊ด๊าแล้ววิ่งเข้าไปในเกมเซนเตอร์
ไอจงอินเห็นเท่ๆ เซ็กซี่ และป็อปปูล่าร์ในหมู่สาวๆ ขนาดนี้ แต่จริงๆ แล้วนิสัยมันเรียบร้อยและน่าเอ็นดูเหมือนเด็กมากๆ
ผมส่ายหน้าเบาๆ ให้กับภาพเด็กน้อยจงอินตรงหน้า ก่อนที่ผมและแบคฮยอนจะเดินตามเข้าไปในนั้น
จงอินดูตาประกายระยิบระยับก่อนจะรีบวิ่งไปแลกเหรียญสำหรับเล่นเกม
ตอนนี้ผมกับจงอินกำลังเล่นเกมยิงปืนล่าซอมบี้กันล่ะ
ซึ่งรางวัลของผู้ชนะจะเป็นตุ๊กตาเท็ดดี้แบร์ที่เจ้าของร้านเตรียมไว้ให้ ดูท่าไอจงอินจะไม่ยอมอ่อนข้อให้เลยนะเนี่ย
เย้!!!!!!!!!!!!!
เสียงดีใจดังกึกก้องไปทั้งเกมเซ็นเตอร์ แน่นอนว่าจงอินชนะ
ผมไม่ค่อยแปลกใจเท่าไหร่หรอกนะครับ จงอินน่ะกูรูเกมตัวจริง ผมยังไม่เคยเล่นเกมชนะมันเลยซักครั้งเดียว
จงอินยังคงโห่ร้องและกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจไม่หยุด ผิดกับผมที่นิ่งเงียบไปเลย
ผมเห็นตุ๊กตาเท็ดดี้แบร์ตัวใหญ่เบ้อเริ่มเทิ้มที่เจ้าของร้านแบกมันมาให้กับจงอิน จงอินดี๊ด๊าและกอดรัดฟัดมันซะแน่นเชียว และที่แน่ๆ แบคฮยอนก็ดี๊ด๊าดีใจมากไม่ต่างกัน เพราะแบคฮยอนคงรู้ว่ายังไงจงอินก็ต้องให้ไอเจ้าหมีนั่นกับเค้าแน่ๆ
นั่นไง..ผมทายผิดซะที่ไหนล่ะ
จงอินเดินเข้าแบกตุ๊กตาเท็ดดี้แบร์มาให้แบคฮยอน ก่อนจะยื่นมาไปให้และบอกว่า...
“อ่ะแบคกี้ ฉันให้นาย” จงอินส่งยิ้มยียวนมาให้ผมก่อนที่จะส่งยิ้มหวานไปให้แบคฮยอนที่ยื่นมือมารับตุ๊กตามาไว้ในอ้อมกอดอย่างเร็ว พร้อมส่งยิ้มกลับไปให้
“ขอบคุณนะจงอิน”
ไม่นานเจ้าของร้านเดินมาหาพวกผมอีกครั้งพร้อมกับถือพวงกุญแจตุ๊กตาหมาน้อยตัวเล็ก มาก่อนที่จะยื่นให้ผม และบอกว่าให้เป็นของขวัญกับผู้แพ้น่ะ
ผมรีบกล่าวขอบคุณเจ้าของร้านเกมเซ็นเตอร์แล้วรีบเก็บมันลงในกระเป๋าอย่างรวดเร็ว
ถ้าผมมองไม่ผิดนั่นมันไอตุ๊กตาหมาใช่ไหม!?
ผมแปลกใจว่าทำไมแบคฮยอนเห็นมันคราวนี้แล้วไม่เป็นลม
“นี่ ไอยอล มึงจะแฮ๊บตุ๊กตาไว้หรอมึง ไม่ให้แบคกี้หรอไง”
“เอ่อออ..กู”
“ให้เดี๋ยวนี้เลยมึง ไม่รู้หรือไงว่าแบคกี้ชอบน่ะ”
“..กูรู้.. รู้ดีเลย”
ผมมองหน้าจงอินและแบคฮยอนสลับกันไปมา แน่นอนว่าแบคฮยอนรู้ว่าผมรู้ความลับของเขาแล้ว แต่จงอินไม่รู้
แปลกที่ว่าจงอินเป็นเพื่อนแบคฮยอนมาตั้งนาน ทำไมถึงไม่รู้กันนะ
“..เดี๋ยวกูค่อยให้...” ผมพูดแค่นั้นก่อนจะเดินนำออกจากร้านเกมเซ็นเตอร์นี้ไป
“ไอเชี่ยยอลรอกูด้วย จะรีบไปไหนวะ... ป่ะแบคกี้” จงอินหันมาตะโกนใส่ผม ก่อนที่จะหันไปพูดกับแบคฮยอนแล้วจูงมือให้ออกจากร้านไปด้วยกัน
เมื่อจงอินขับรถมาส่งผมและแบคฮยอนที่บ้านแล้ว เราทั้งสามคนก็ช่วยกันแบกข้าวของเข้าบ้านจนเสร็จ แล้วจงอินก็ขอตัวกลับ
ตอนนี้ผมกับแบคฮยอนกำลังช่วยกันเก็บของเข้าครัว ก่อนที่จะช่วยกันแบกของใช้ส่วนตัวอันมหาศาลของผมขึ้นมาบนห้อง
เราสองคนใช้เวลานานร่วมชั่วโมงในการจัดข้าวของ ก่อนที่ผมจะเห็นเด็กน้อยแบคฮยอนนั่งเอาหัวซบกับตุ๊กตาเท็ดดี้แบร์ตัวยักษ์อยู่บนเก้าอี้
ท่าจะเหนื่อยมากนะเนี่ย
“ดูนายจะชอบตุ๊กตานั่นมากเลยนะ”
ผมพูดกับแบคฮยอน ทั้งๆ ที่เขายังนอนหลับตากอดมันไว้อยู่
“แน่ล่ะ ฉันชอบมันมากตราบใดที่มันไม่ใช่หมาน่ะ”
“งั้นรางวัลที่ฉันได้มาก็ไร้ค่าเลยน่ะสิ”
“มันก็ใช้น่ะนะ แต่ตัวมันเล็กมากฉันเลยไม่ค่อยกลัวมันเท่าไหร่ แต่ก็ไม่กล้ามองและจับล่ะนะ”
อ๋อ..แบบนี้นี่เอง มิน่าตอนแบคฮยอนเห็นมันที่เกมเซ็นเตอร์ถึงไม่เป็นลม เราเงียบกันไปซักพัก ก่อนที่ผมจะพูดขึ้นมาว่า
“นายเคยลองอยากชนะมันบ้างไหม?”
“.....” แบคฮยอนไม่ได้ตอบอะไรออกมา เขายังคงเงียบและนอนซุกหน้าไว้กับตุ๊กตาเท็ดดี้แบร์ตัวนั้นอยู่
“นายจะยอมแพ้มันแบบนี้ไปตลอดชีวิตเลยหรอ?”
“ไม่... ฉันก็ไม่อยากเป็นแบบนี้นักหรอก”
“นายเคยพยายามจะสู้กับมันหรือยัง?”
“เคยสิ.. ทำไมฉันจะไม่เคย”
“แล้วทำไม...”
“นายไม่เข้าใจหรอก!!” แบคฮยอนตะคอกใส่ผม คงเพราะอาจจะทนกับความกดดันในคำถามนั้นไม่ไหว และผมอาจจะไม่เข้าใจความรู้สึกเขาจริงๆ อย่างที่เขาบอกก็ได้
“นายจะไปรู้อะไร!! นายไม่เข้าใจหรอกว่าฉันรู้สึกยังไง!! มันยากแค่ไหนกับการที่ต้องเป็นแบบนี้ !! ไม่มีใครช่วยได้หรอก!!” แบคฮยอนตะคอกออกมาอีกครั้ง พร้อมกับปล่อยน้ำตาให้ไหลรินออกมาจนเลอะกับเจ้าตุ๊กตาเท็ดดี้แบร์ในอ้อมกอดของเขา
“ถ้าไม่มีใครช่วยได้.. งั้นฉันจะช่วยนายเอง”
ผมมองไปที่แบคฮยอนที่น้ำตานองหน้า ก่อนที่จะผมตัดสินใจเดินเข้าไปหาแบคฮยอนและดึงเขาลงมากอดไว้ แบคฮยอนคงตกใจจนเผลอปล่อยมือจากตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ ก่อนที่เขาจะค่อยๆ ซบหน้าลงบนอกของผม
ผมรู้สึกถึงน้ำตาที่ยังคงไหลลงมาบนอกของผมเรื่อยๆ จนเสื้อผมเปียกชุ่มไปหมด
ผมยกมือไปโอบกอดแบคฮยอนไว้ แล้วค่อยๆ ลูบหัวเค้าเบาๆ เหมือนต้องการปลอบประโลมเด็กน้อยขี้แย
ผมไม่รู้ว่าแบคฮยอนร้องไห้ไปมากแค่ไหน รู้สึกตัวอีกครั้งก็รู้สึกว่าเสื้อของผมชุ่มไปด้วยน้ำตาของเขาซะแล้ว
แบคฮยอนค่อยๆ ผละออกมาจากอกผมที่ชุ่มไปด้วยน้ำตา ผมเอื้อมมือตัวเองไปกุมมือเค้าไว้พร้อมกับกระซิบเบาๆ ที่ข้างหูเล็กๆ นั้นว่า
“ฉันจะช่วยนายเอง”
"......." T///T
"....เพราะงั้นมาพยายามด้วยกันนะ"
“แล้วนายจะทำยังไง” แบคฮยอนสบตากับผมอย่างค้นหาคำตอบ เขาร้องไห้จนตาบวมแดง และหน้าก็แดงกล่ำไปทั้งใบหน้าเรียวเล็กนั่น
“นายเชื่อใจฉันหรือเปล่า?”
“หืม??” แบคฮยอนส่ายหน้าไปมาอย่างไม่เข้าใจ
“เชื่อใจฉันไหม”
ผมส่งยิ้มจริงใจในแบบฉบับของผมไปให้ ผมเห็นแบคฮยอนยกยิ้มน้อยๆ ตอบกลับมา
“อ..อื้มม..” แบคฮยอนตอบรับในลำคอเบาๆ อย่างหวั่นๆ เล็กน้อย
“งั้นหลับตาก่อน”
“ทำไมต้องหลับตาด้วยล่ะ”
“ฉันสัญญาว่าจะไม่ทำให้นายกลัว แต่ถึงนายจะกลัว..นายก็ยังมีฉันอยู่ตรงนี้นะ ...”
“นายพูดอะไรน่ะ นายจะทำอะไร” แบคฮยอนเผลอบีบมือของผมแน่น เขาคงรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา
“ฉันกำลังจะช่วยนายไง” ผมพยักหน้าให้เขาและส่งยิ้มเป็นกำลังใจไปให้
เชื่อฉันนะแบคฮยอน
แบคฮยอนค่อยๆ หลับตาลง
“แบคฮยอนแบมือหน่อยนะ” เขาค่อยๆ ยื่นมือมาข้างหน้าอย่างกล้าๆ กลัวๆ
“เอาละนะ”
ผมหยิบพวงกุญแจตุ๊กตาหมาน้อยในกระเป๋ากางเกงออกมา และวางมันไว้บนมือของแบคฮยอน
“ช.... ช......ชาน...ย... ยอล..” แบคฮยอนมือสั่นไม่หยุดและน้ำเสียงก็สั่นอย่างควบคุมไม่ได้
“ไม่ต้องกลัวนะแบคฮยอน ฉันอยู่ตรงนี้นะ” ผมรีบบีบมือแบคฮยอนที่ถือ ไอเจ้าตุ๊กตาหมา ตัวที่ผมได้มาจากร้านเกมเซ็นเตอร์ พร้อมกับบีบมือแบคฮยอนเป็นระยะ
ผมเห็นแบคฮยอนน้ำตาไหลออกมาทั้งที่ยังหลับตาอยู่
“ชานยอล ... ฉันจะไม่ไหวแล้วนะ”
“ไม่เป็นไรนะแบคฮยอน เห็นไหมนายสัมผัสมันได้”
“....”
“มันก็แค่ตุ๊กตาตัวนึงเอง ไม่เห็นน่ากลัวเลย แถมน่ารักอีกด้วย”
“ชานยอลฉันไม่ไหวแล้วจริงๆ นะ”
“....”
ผมไม่พูดอะไรและค่อยๆ หยิบไอเจ้านั่นออกจากอุ้งมือของแบคฮยอน เขาค่อยๆ ลืมตาขึ้นก่อนจะหลับตาลงอีกครั้ง
“ชานยอลทำไม่ไม่เก็บไปล่ะ นี่นายแกล้งฉันหรอ!?”
“เปล่าแกล้งนะ ฉันแค่พยายามจะช่วยนายต่างหาก”
“เก็บมันไปเลยนะ”
“ฉันจะให้นายไว้ละกัน” แบคฮยอนตกใจจนตัวสะดุ้งทั้งที่ยังหลับตา
“ก็ถ้าเป็นตัวใหญ่ นายคงไม่รับไว้ แต่เจ้าตัวนี้ตัวเล็กๆ น่าจะรับไว้นะ”
“...ถึงฉันจะไม่กลัวเพราะมันตัวเล็ก แต่ฉันก็ไม่อยากเก็บมันไว้หรอกนะ”
“อย่างน้อยตอนนี้นายก็กล้าจับมันแล้วนะ”
“....”
แบคฮยอนเงียบไปเหมือนกำลังใช้ความคิด
“รับไว้นะ ฉันเชื่อว่านายจะเข้มแข็งได้...”
“จริงหรอชานยอล... ฉันจะเข้มแข็งขึ้น จะเลิกกลัวได้จริงๆ หรอ”
“อื้ม.. เชื่อฉันสิ”
“งั้น..ฉันจะรับไว้นะ”
“เก็บไว้ติดตัวก็ได้นะ ถ้านายเอามาห้อยกระเป๋าได้เลยยิ่งดีนะ ฮ่าฮ่าฮ่า”
แบคฮยอนลืมตาขึ้นทันทีที่ผมหัวเราะออกมา
แบคฮยอนค่อยๆ หยิบตุ๊กตาพวงกุญแจเจ้านั่นขึ้นมาอย่างกล้าๆ กลัวๆ ก่อนจะเก็บมันใส่กระเป๋ากางเกงไปทันที
“วิธีนี้ได้ผลแน่หรอ”
“ชัวร์อยู่แล้ว เชื่อฉันสิ”
“ฉันจะเชื่อนายแล้วกันชานยอล”
“อื้ม.. พยายามเข้านะ”
ผมไม่รู้ว่าสิ่งที่ผมทำนั้นจะช่วยให้แบคฮยอนหายหวาดกลัวเจ้าตุ๊กตาหมาน้อยได้หรือไม่
แต่ผมเชื่อว่า... การเริ่มต้นเผชิญหน้ากับสิ่งที่กลัว มันจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่จะช่วยให้ความหวาดกลัวค่อยๆ หมดไป และเราจะสามารถยืนหยัดสู้กับมันได้
ผมจะลองช่วยแบคฮยอนดูซักตั้งล่ะกัน
สู้ๆ นะ เพื่อนใหม่ตัวเล็กที่น่ารักของฉัน
.................................................................................
writer talk : อย่าเพิ่งเขวี้ยงอะไรใส่ไรเตอร์น้าาาาา.... หายไปนาน..น๊าน..นาน ไม่รู้รีดเดอร์ที่น่ารักจะยังอยู่กันไหม? ยอมรับเลยว่าฉากตอนนี้เขียนยากมากๆ เลย ค้างเติ่งนานเลย 5555 แต่ก็แต่งจบมาแล้วหวังว่าจะชอบกันนะคะ ตอนหน้าสัญญาว่าจะไม่นานขนาดนี้ค่ะ
ใครอยากเม้าท์ อยากทวงฟิคมาตามได้ที่นี่เลยค่ะ >> @Puppy_House ค่ะ หรือถ้าพูดถึงฟิคก็ติดแท็ก #puppydoll ได้นะ จะตามไปแอบอ่าน อิอิ เจอกันตอนหน้าค้าาาา~~~~
ป.ล. ใครชอบกินโจ๊กหมูกับเฟรนช์ฟรายด์กันบ้างอ่ะ ไรเตอร์ชอบเฟรนช์ฟรายด์นะ (โดยเฉพาะแมคฯ ตอนลด 50% อิอิ)
รักคนอ่านแต่รักคนเม้นท์มากกว่านะ... จุ๊บๆ >3<
ความคิดเห็น