คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ( -㉦-)----> Chapter 1 - การเริ่มต้น
Puppy Doll
Author: mizallsunday
Pairing: Chanyeol ☆ Baekhyun
*Rate: PG13 - NC*
..................................................
Chapter 1 -- การเริ่มต้น --
ตื่อ..ดือ..ดือ..ดือ... ตื่อ..ดื๊อ..ดื่อ..ดืออออ...~~ ♬
ตอนนี้ผมกำลังนั่งสลอนอยู่เก้าอี้แถวหน้าสุด ด้วยชุดสูทสีขาวที่สวมทับเสื้อเชิ้ตสีชมพูอ่อน ที่ทำให้ผมดูหล่อมากๆ
ผมกำลังนั่งมองพี่ชายของผมที่กำลังจูงมือเจ้าสาวแสนสวย (ซึ่งสวยมากๆ ในสายตาผม) และกำลังอิจฉาไอ้พี่ชายของผมที่ได้คู่ชีวิตที่ดีและสวยสง่าขนาดนี้ และผมก็ไม่แปลกใจเลยที่พี่ผมจะเลือกผู้หญิงคนนี้และทิ้งผมน้องชายที่แสนจะงี่เง่าและเอาแต่ใจคนนี้ไว้ ผมจะไม่ง้องแง้งเลยนะ ถ้าผมยังมีสมาชิกคนอื่นๆ ในครอบครัวอยู่กับผมด้วย แต่ว่าพ่อและแม่ของผมเสียชีวิตไปตั้งแต่ผมยังเรียนชั้นม.ต้นอยู่เลย แล้วนี่พอไอ้พี่ชายของผมคนนี้แต่งงานแทนที่จะพาเจ้าสาวเข้ามาอยู่ที่บ้าน แต่มันกำลังจะทิ้งผมและไปฮันนีมูนที่ต่างประเทศด้วย และที่สำคัญคือพวกเค้าจะไม่กลับมานี่สิ
'ความฝันของซุนมีคือได้เปิดร้านทำขนมที่นั่นน่ะ และถ้ามันทำให้ฝันเธอเป็นจริงและทำให้คนที่เรารักมีความสุขพี่ก็คงต้องเลือกสิ่งนั้นนะ'
ไอ้พี่เฮงซวยต้องไปทำงานที่ฝรั่งเศส และพี่สะใภ้ผมก็คงต้องตามไปด้วย แล้วทีนี้ผมจะทำยังไงดีล่ะ บ้านก็กว้างมากๆ แล้วให้อยู่คนเดียวเนี่ยนะ พี่ใจร้ายเกินไปแล้ว นี่ผมเพิ่งจะเข้ามหาลัยเป็นเฟรชชี่เองนะ TT^TT
คร่ำครวญในใจได้ไม่นาน เสียงปรบมือของเหล่าผู้มาร่วมงานเพื่อแสดงความยินดีให้พี่ผมกับว่าที่พี่สะใภ้ผมก็ดังกึกก้องปลุกผมให้หลุดจากภวังค์ ผมมองตามเจ้าบ่าวและเจ้าสาวที่ตอนนี้กำลังเดินควงแขนกันเพื่อทำพิธีสาบานต่อหน้าบาทหลวง
บาทหลวง : พยอน มินฮยอน กับ และคิม ซุนมี ท่านทั้งสองมาที่นี่โดยไม่ถูกบังคับ แต่มาด้วยความสมัครใจอย่างแท้จริง เพื่อเข้าพิธีสมรสใช่หรือไม่?
เจ้าบ่าว : ครับ
เจ้าสาว: ค่ะ
บาทหลวง : เมื่อเข้าสู่พิธีสมรสเช่นนี้แล้ว ท่านทั้งสองพร้อมที่จะรัก และยกย่องให้เกียรติแก่กันและกันจนตลอดชีวิตหรือไม่?
เจ้าบ่าว : ครับ
เจ้าสาว: ค่ะ
บาทหลวง : ท่านทั้งสองพร้อมที่จะน้อมรับบุตร ซึ่งพระเจ้าจะประทานให้และอบรมเลี้ยงดู ตามกฎของพระคริสตเจ้า และพระศาสนจักรหรือไม่?
เจ้าบ่าว : ครับ
เจ้าสาว: ค่ะ
บาทหลวง : ท่านทั้งสองมีเจตจำนงที่จะสมรสกัน ขอให้ท่านจับมือขวาของกันและกัน และแสดงความสมัครใจ ต่อหน้าพระเป็นเจ้า และพระศาสนจักรของพระองค์
สิ้นประโยคนั้นของบาทหลวงพี่ชายของผมก็เอื้อมมือไปกุมมือของเจ้าสาวเอาไว้ และกล่าวออกมาว่า
ผมพยอน มินฮยอน ขอรับคิม ซุนมี เป็นภรรยา และขอสัญญาว่าจะซื่อสัตย์ต่อเธอ ทั้งในยามสุขและยามทุกข์ ทั้งในเวลาป่วยและเวลาสบาย เพื่อรักและยกย่องให้เกียรติเธอ จนกว่าชีวิตจะหาไม่
ดิฉันคิม ซุนมี ขอรับพยอน มินฮยอน เป็นสามี และขอสัญญาว่าจะซื่อสัตย์ต่อเขา ทั้งในยามสุขและยามทุกข์ ทั้งในเวลาป่วยและเวลาสบาย เพื่อรักและยกย่องให้เกียรติเขา จนกว่าชีวิตจะหาไม่
บาทหลวง : ความสมัครใจที่ท่านทั้งสองได้แสดงต่อหน้าพระศาสนจักรนี้ ขอพระเจ้าทรงพระเมตตาทะนุบำรุงให้เข้มแข็ง และประทานพระพรแก่ท่านทั้งสองอย่างอุดมสมบูรณ์เทอญ~
เจ้าบ่าว : อาเมน
เจ้าสาว : อาเมน
จากนั้นพี่ชายผมก็บรรจงสวมแหวนทองคำขาวให้กับพี่สะใภ้
มันน่าอิจแกๆ เลยนะฮะ ผมดีใจที่พี่ชายผมมีความสุขได้ซักที แต่อีกใจนึงก็แอบเหงานะ สักวันผมจะมีโอกาสแบบนี้บ้างหรือเปล่า ผมก็ไม่ใช่คนดีเด่อะไร และผมก็ไม่ค่อยจะสนใครด้วย ผมแค่ได้อยู่กับแก๊งค์เพื่อนๆ ก็ดีใจแล้วครับ คิดแล้วน้ำตาแทบไหล T^T
เสียงปรบมือดังขึ้นปลุกผมให้หลุดจากภวังค์อีกครั้ง พร้อมกับสายตาผมที่เหลือบไปหญิงสาวจำนวนมากที่ลุกจากเก้าอี้แล้วกรูกันเข้าไปด้านหน้าประตู
อ้อ..มาแล้วสินะ ไอพิธีกรรมรับดอกไม้จากเจ้าสาว เพราะ (อาจ) จะได้แต่งงานเป็นรายต่อไป
โธ่ครับ.. ไอความเชื่ออะไรเทือกนี้ก็ไม่เคยมีอยู่ในหัวสมองผมซักกะนิด คนมันจะแต่งงานไม่ได้หรอกนะ ถ้าไม่มีเจ้าบ่าวน่ะ
ผมทำหน้าซังกะตายก่อนที่จะเดินล้วงกระเป๋าก่อนที่จะลุกจากเก้าอี้ แล้วเดินไปรวมตัวกับหนุ่มๆ ที่แอบอยู่ข้างๆ และสาวโสดจำนวนมากที่ด้านหน้าของประตูทางเข้าโบสถ์ และจะให้ผมนั่งอยู่กับเก้าอี้คนเดียวก็ใช่เรื่อง คนเค้าลุกกันหมด ผมก็ต้องลุกตามสิครับ
ระหว่างที่ผมกำลังเดินใจลอยเพื่อไปรวมตัวกับคนอื่นๆ ที่หน้าประตูนั้น ผมก็ได้ยินเสียงกรี๊ดและเสียงโห่ร้องของคนทั้งโบสถ์ ผมรู้สึกได้ถึงสายตาอันตกใจของคนเหล่านั้น ก่อนจะหันหน้ากลับไปเพื่อหาต้นเหตุแห่งเสียงนั้น ก่อนที่จะรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่กระแทกอย่างแรงที่บนศีรษะ ก่อนที่มันจะร่วงลงสู่อ้อมแขนของผม
ไม่นะครับบบบบบ.... มาได้ไงเนี่ย!!!
ช่อดอกลิลลี่ช่อโตกระแทกใส่หัวผมอย่างจัง
เจ็บครับ!!!!
และนี่มันอะไรกันนนนน... ผมไม่มีเจ้าบ่าวจะแต่งด้วยหรอกนะ แล้วผมก็เป็นผู้ชายด้วยนะครับ
อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!!
..................................................
เช้าวันหยุดสุดแสนสบาย ที่น่าจะใช้เวลาทิ้งตัวกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียงตลอดทั้งวัน แต่ผมกลับตื่นแต่เช้ามานั่งเก็บกวาดบ้านทั้งหลัง และจัดของให้เรียบร้อย เพื่อเตรียมต้อนรับสมาชิกใหม่ชั่วคราวของบ้าน
ว่าแต่ไอ้จงอินเพื่อนผมบอกว่าเพื่อนมัน ปาร์ค ชานฮยอน จะมาถึงตอนสิบโมงนี่นา นี่สิบโมงสิบนาทีแล้ว หลงรึเปล่าหว่า?
ผมนึกไปถึงบุคคลที่ยังไม่เคยพบเจอมาก่อน แต่เคยเห็นรูปชานฮยอนตอนมัธยมต้นนะ หน้าตาก็โอเคล่ะมั้ง ใส่แว่นด้วย เห็นว่าสายตาสั้น ไม่รู้ว่าสามปีผ่านไปจะเป็นไงบ้าง
เพราะสามปีนี่นานพอจะเปลี่ยนแปลงคนๆ นึงได้เลย ขนาดไอ้จงอินเพื่อนผม แต่ก่อนหน้าตามันดูได้ซะที่ไหนล่ะ เดี๋ยวนี้แม่งสูงเอาๆ แถมหน้าตาก็ดูดีจนหนุ่มๆ สาวๆ ติดกันตรึม เห็นแล้วมันอิจฉาครับ
แต่ถึงผมไม่หล่อเท่ามัน ก็มีคนชมผมว่าน่ารักเยอะนะ ผมเหมาะกับคำว่า น่ารัก มากกว่า หล่อ ซะอีก ใครๆ ก็พูดกันแบบนั้นน่ะ ฮ่าฮ่าฮ่า (หัวเราะขมขื่น) - -
ผมว่าหน้าตาผมน่ารักแบบนี้ก็ดีอยู่แล้วล่ะ สิ่งที่เปลี่ยนไปจากตัวผมเมื่อสามปีก่อนไม่ใช่เพราะความน่ารัก ความฉลาด หรือความสูงหรอก แต่อาจจะเป็นความเข้มแข็งในจิตใจที่มันเพิ่มขึ้น จากสามปีนั้นขึ้นอย่างมาก
ขณะที่มือผมกำลังสะละวนอยู่กับเหล่าของเครื่องใช้ในบ้าน เพื่อจัดให้เข้าที่เข้าทางให้เรียบร้อย ก่อนที่ผู้อาศัยที่เป็นผู้เช่าห้องคนใหม่จะมาอยู่ด้วย เห็นบ้านมันกว้างๆ ก็แบ่งให้เช่าซะเลย อีกอย่างผมจะได้มีรายได้เพิ่มขึ้นด้วย ผมเองก็ไม่อยากจะรบกวนพี่ชายผมมากไปกว่านี้ การฮันนีมูนของพี่ก็คงต้องใช้เงินมาก ไหนจะต้องส่งเสียผมเรียน และเงินค่าใช้จ่ายทุกๆ เดือนอีก ผมก็เลยต้องหารายได้อย่างอื่นบ้าง และการที่ให้คนอื่นมาเช่าบ้านแบบนี้ผมก็บอกพี่ไปเรียบร้อยแล้ว อีกอย่างผู้เช่ารายนี้เป็นเพื่อนของเพื่อนผมอีกที ผมคิดว่าคงไม่มีปัญหาอะไร
พอมองไปรอบๆ บ้านเห็นสิ่งของเครื่องใช้ที่ยังเหมือนเดิมไม่ได้ลดน้อยลงไป ถึงแม้ว่าพี่มินฮยอนกับพี่ซุนมีจะไม่ได้ขนอะไรไปเลยแม้ซักชิ้น เว้นแต่เสื้อผ้าเท่านั้นที่ขนไปจนหมด พูดแล้วก็เศร้าครับ
ไม่รู้ทำไมผมถึงรู้สึกว่าบ้านมันกว้างแปลกๆ แถมยังได้กลิ่นความเหงาลอยฟุ้งไปทั่ว และความเงียบที่เข้าปกคลุมบ้านทั่วทั้งหลัง
แต่เอาเถอะครับ อีกไม่นานผมจะได้คนมาอยู่เป็นเพื่อนแล้ว บ้านผมออกจะใหญ่โต อยู่คนเดียวคงเบื่อตายเลย หาคนมาช่วยทำความสะอาดบ้านดีกว่า แถมได้เงินค่าเช่ารายเดือนด้วยนะ อิอิ <3
“แอ๊ดดด...” เสียงเปิดประตูรั้วดังขึ้นมา เรียกให้ผมหันขวับในทันที ไม่รู้ว่าเขาจะเป็นคนยังไง รู้แต่ไอ้เพื่อนจงอินของผม มันการันตีเหลือเกินว่าเพื่อนมันดีนักดีหนา ไว้ใจได้ รักสะอาด ที่สำคัญทำงานบ้านได้ด้วย เรื่องอาหารก็พอได้ ผ่านครับ ฮ่าฮ่าฮ่า~
ลุ้นครับลุ้น ลุ้นมากว่าเขาจะหน้าตาเป็นยังไง ไอพวกที่เป็นงานบ้านทุกอย่าง รักสะอาด ทำอะไรได้เทือกนี้ก็คงเป็นพวกเด็กเนิร์ด แต่งตัวเชยๆ ล่ะมั้ง
เอ..ชื่ออะไรนะ รู้สึกจะปาร์ค ชานยอน?? เอ้ย..ปาร์ค ชานฮยอน
สิ่งที่ปรากฏให้เห็นในสายตาตอนนี้ทำให้ผมชะงัก และรู้สึกสงสัยขึ้นมา
ผู้ชายรูปร่างสูงยาว หุ่นได้สัดส่วน ซึ่งค่อนข้างจะดูผอมแต่เฟิร์มมาก ที่สำคัญหน้าตาดี ไม่สิถึงขั้นดีมากเลยก็ว่าได้
ที่สำคัญแค่กางเกงยีนส์สีซีดกับเสื้อยืดสกรีนลายกราฟฟิคที่ดูธรรมดาแต่ดูมีสไตล์ แถมไอ้หมวกแก๊ปสีดำที่เหน็บไว้ข้างกางเกงยีนส์นั้นก็ทำให้ดูเท่ไปอีกหลายขุม ข้างๆ เป็น กระเป๋าเดินทางอีกใบใหญ่หนึ่งใบ
แป๊บนึงนะครับ... ขอเรียกสติให้กลับมารวมกันแปบ
เดี๋ยวนะครับไอผู้ชายรักสะอาด ทำงานบ้านได้ ทำอาหารเป็น หน้าตาแบบนี้หรอ!? แม่งมาผิดบ้านป๊ะว่ะ
“ขอโทษนะครับ นี่ใช่บ้านแบคฮยอนหรือเปล่าครับ?”
หาเมื่อกี้นายนี่เอ่ยชื่อผมหรอ? ใช่จริงๆ หรอเนี่ย? แม่งผิดคาดชิบ มิน่าผมซื้อล็อตเตอรี่ทีไรไม่เคยถูกซักที - -
“เอ่อ..” ผมเริ่มพูดไม่ออก เพราะยังตกใจไม่หาย “นายปาร์ค ชานฮยอน หรอ?”
“ไม่ใช่ครับ!!” เค้าตอบออกมาอย่างรวดเร็วและชัดถ้อยชัดคำมาก ว่าแล้วว่าต้องมาผิดบ้าน อย่างปาร์ค ชานฮยอน นายนั่นต้องดูเฉิ่มๆ เชยๆ สิถึงจะถูก
“มาผิดบ้านใช่ไหม? แล้วนายจะไปบ้านใครอ่า? แถวนี้ฉันรู้จักทุกหลังเลย” แต่เดี๋ยวนะ เมื่อกี้มันถามนี่หว่า ว่าใช่บ้านแบคฮยอนหรือเปล่า?
อ้าวววว... งั้นมันก็มาถูกบ้านแล้วอ่ะดิ แต่ไม่ใช่ปาร์ค ชานฮยอนหรอ? หรือว่าไอจงอินมันเปลี่ยนให้คนอื่นมาแทนวะ ไม่ทันได้ไขข้อสงสัยในใจ ชายแปลกหน้าเบื้องหน้าก็โพล่งออกมาซะก่อน
“ผมเป็นเพื่อนจงอินครับ จะมาเช่าบ้านของคนที่ชื่อแบคฮยอนน่ะครับ....” เขาหยุดประโยคไปซักแปปนึงก่อนที่จะเอ่ยออกมาต่ออีกว่า
“และผมชื่อปาร์ค ชานยอล ครับ ไม่ใช่ปาร์ค ชานฮยอน” ตายครับตาย หน้าแตกสิครับ นอกจากจะเดาอะไรผิดคาดไปหมด ยังปล่อยไก่ตัวโตให้คนที่เพิ่งเจอกันครั้งแรกด้วย
โอ๊ยยยยย....พยอน แบคฮยอน อยากจะเป็นลมจริงๆ (‘’’- -)~
“เอ่อ...คือ... คือ..สวัสดีชาน..เอ่อ..ชานยอล” ผมระมัดระวังคำพูดของตัวเองสุดๆ กลัวจะเผลอเรียกชื่อเค้าผิดอีก TT^TT
“ครับ ยินดีที่รู้จักนะครับ แบคฮยอนใช่ไหม แต่ตัวเล็กๆ ขาวๆ น่ารักๆ อย่างที่ไอจงอินบอกนะครับ”
หาอะไรนะ? ตัวเล็กๆ ขาวๆ น่ารักอย่างนั้นหรอ?? ถึงมันจะเป็นแบบนั้นจริงๆ ก็เถอะมาพูดแบบนี้กับคนที่เจอกันครั้งแรกแบบนี้ได้ยังไง ดูล่วงละเมิดแปลกๆ นะ (แล้วแกจะเขินเผื่อ?? - - *)
“แล้วนี่นายมีกระเป๋าใบเดียวหรอ? มีของอย่างอื่นอีกไหม? เดี๋ยวช่วยยก” ผมรีบเปลี่ยนเรื่องให้นายนี่รีบๆ เข้ามาดีกว่า ยืนข้างนอกนานๆ แบบนั้น เดี๋ยวหาว่าเจ้าของบ้านอย่างผมไม่มีมารยาท
“มีแค่กระเป๋าใบเดียวแหละ ต่อไปนี้ก็ฝากตัวด้วยนะ”
ผมผายมือเพื่อเชื้อเชิญให้สมาชิกใหม่ของบ้านเข้ามา คนที่จะมาอยู่เป็นเพื่อนผม ทำงานบ้านให้ผม ทำกับข้าวให้ผม อิอิอิ >.<
ผมเดินนำให้เขาขึ้นมาบนบ้านชั้นสอง และเดินนำเข้าไปยังห้องว่างข้างๆ ห้องผม ซึ่งเป็นห้องว่างอีกห้องที่ผมและพี่ไม่ได้ใช้มันมานาน ตอนนี้ห้องว่างๆ ห้องนี้ผมทำความสะอาดซะเอี่ยมอ่อง เปลี่ยนผ้าปูที่นอนให้ด้วยนะ
“โหวว..ใช้ได้เลยนี่นา ห้องพร้อมใช้เลย” เขาพูดพลางมองไปรอบๆ ห้องไปด้วย “ขอบคุณนะครับ” แล้วเขาก็พูดขอบคุณผมด้วย
“ขอแนะนำตัวอย่างเป็นทางการ...” ชานยอลเอ่ยออกมา ทำเอาผมตั้งตัวไม่ค่อยทัน
ก่อนที่จะเอ่ยแนะนำตัวออกมายืดยาว และฝากเนื้อฝากตัวเสร็จสรรพ
“ฉันปาร์ค ชานยอล เป็นคนเกาหลีเกิดที่โซล แต่ฉันไปอยู่ที่แคนาดาตั้งแต่อายุ 15 ปี ฉันมีพี่ชายต่างแม่หนึ่งคน และฉันก็เป็นเพื่อนของจงอินเพื่อนของนายด้วย ยังไงก็ฝากตัวด้วยนะ”
“เอ่อ..สวัสดี ฉันพยอน แบคฮยอน ตอนนี้ฉันไม่มีครอบครัวอยู่ที่เกาหลีแล้ว ฉันมีพี่ชายคนเดียวที่เพิ่งแต่งงานและย้ายไปอยู่ฝรั่งเศสเมื่อไม่นานมานี้เอง ฉันเองก็ฝากตัวด้วยนะ”
“อ่า..ฉันได้ยินเรื่องของนายมาจากจงอินบ้างแล้ว เสียใจเรื่องพ่อแม่ด้วยนะ แล้วก็ถ้ามีอะไรที่ไม่ชอบ หรืออะไรที่ห้ามทำในบ้านนี้ก็บอกนะ” ผมรู้สึกอึ้งกับมิตรไมตรีที่ถูกหยิบยื่นให้ผมอย่างง่ายดาย ทั้งๆ ที่เราไม่เคยพบกันมาก่อนด้วยซ้ำ ปาร์ค ชานยอลคนนี้ดูจะเป็นคนดีเกินไปหรือเปล่านะ
“เอ่อ..ก็ไม่มีอะไรมากหรอก แค่ช่วยทำงาน และก็ทำอาหารบ้างแค่นั้นแหละ” ผมบอกออกไปอย่างที่ใจคิด เพราะตัวผมเองนั้นก็ไม่ได้ทำงานบ้างเก่งขั้นเทพ หรือทำอาหารได้เอร็ดอร่อยซักเท่าไหร่นัก ก็เลยอยากให้ช่วยบ้าง และคำตอบจากเค้าก็ทำให้ผมรู้สึกว่าการใช้ชีวิตใหม่กับเพื่อนใหม่คนนี้ไม่ได้เลวร้ายหรือน่ากลัวอย่างที่ผมเป็นกังวล
“สบายมาก เรื่องแค่นี้เอง ฉันเป็นคนมาขอเช่าบ้านนายนะ แค่นี้ก็ต้องทำให้ได้อยู่แล้ว”
“แต่มีอีกเรื่องนะ...” ผมชั่งใจเล็กน้อยก่อนจะพูดออกไปแผ่วเบาราวกับเสียงกระซิบ
“นายห้ามพาผู้หญิง หรือบรรดาแฟนนายมาที่นี่นะ..ฉันไม่ค่อยชอบน่ะ” พูดจบผมก็ก้มหน้างุด ไม่กล้าสบตากับเจ้าของตาโตๆ คู่นั้น
ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมตัวเองถึงเป็นแบบนั้น
“หึหึ” เสียงหัวเราะเบาๆ ในลำคอของคนตรงหน้าเรียกให้ผมเงยหน้าขึ้นอย่างเร็วแล้วจ้องมองกลับทันที
หัวเราะแบบนี้หมายความว่าไง??
“อะไรของนาย ฉันบอกไว้ก่อนเลยนะ ห้ามพามาเด็ดขาดเลยนะ”
“โอเค..ไม่มีปัญหา ถ้าฉันจะพาใครมาก็มีแค่ไอจงอินนี่แหละ คนอื่นฉันไม่กล้าพามาหรอก แล้วฉันก็ไม่มีเพื่อนที่ไหนแล้วด้วยนอกจากไอจงอินนี่แหละ” ^^
“ดีมาก” ผมพูดพลางยกยิ้มจนตาหยี จนไม่ทันได้สังเกตว่าคนตรงหน้ากำลังทำอะไร
สายตาผมเหลือบไปอีกทีก็เจอกับตัวอะไรซักอย่างขาวๆ ขนปุกปุยน่ารักแต่ดูน่าขนลุกสำหรับผม ไอเจ้าตัวนั้นกำลังทำหน้าตาบ๊องแบ๊วอยู่ในมือของเพื่อนคนใหม่ของผม
“เห็นจงอินบอกว่านายชอบตุ๊กตามาก ฉันก็เลยซื้อมันมาให้จากแคนาดาน่ะ ไอลูกหมาตัวนี้น่ารักไหม?”
ผมเห็น มัน ที่อยู่ในมือของชานยอลกำลังเข้ามาใกล้ๆ ผมมากขึ้น..มากขึ้น จนผมรู้สึกได้ถึงสีหน้าวิตกปนตกใจของชานยอลที่จ้องมองกลับมาอย่างสงสัย
ผมไม่พูดอะไร และค่อยๆ ถอยหลังไปเรื่อยๆ จนชิดกำแพง รู้สึกถึงเหงื่อที่ผุดขึ้นตามใบหน้า และลมหายใจที่เริ่มติดขัด ก่อนที่ผมจะกรีดร้องจนเป็นลมและหมดสติไป
อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!
..................................................
writer talk: มาลงตอนแรกให้เรียบร้อยแล้วนะคะ ทิ้งปมเรื่องไว้นิดหน่อยให้ค้างกันเล่น แต่ไม่ต้องห่วงนะคะ ไรเตอร์จะอัพทุกสัปดาห์เลย ไม่ด๊องไม่ดองยกเว้นเอ็กโซมาไทยนะ เพราะอาจจะแว่บไปติ่ง ฮ่าฮ่าฮ่า แล้วเจอกันตอนหน้าน้า (^㉦^)
ความคิดเห็น