ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กำเนิดเทพมารสวงสวรรค์

    ลำดับตอนที่ #8 : กำเนิดที่ 7 : หาเรื่องผิดคน

    • อัปเดตล่าสุด 15 ต.ค. 61





         ฟิ้ววว  ฟิ้ววว


    หลังจากเชือดหมาป่าทมิฬเรียบร้อย ชิงหลางก็ใช้ ก้าวไร้จุดจบ มุ่งหน้าไปยังเมือง บุปผาสวรรค์ หลี่อิ่งก็ใช้ ก้าวแห่งแสง ตามไปด้วยเช่นกัน


         " อีกไม่กี่เมตรก็จะถึงแล้วเจ้าคะ "


    หลี่อิ่งที่ใช้ ก้าวแห่งแสง ตามหลังกล่าวขึ้นมา ชิงหลางก็พยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ


         ตุบ ตุบ


    ชิงหลางหยุดตัวลงไปหยุดอยู่กับพื้นตามด้วยหลี่อิ่ง เพียงอีกไม่กี่ก้าวก็จะออกจาก ป่าอันดับ 8 แห่งนี้ ข้างหน้าของชิงหลางเป็นเส้นถนนแบบพื้นดินยาวไปเรื่อยๆ มีผู้คนสัญจรไปมามากมาย ทั้งค้าขายบ้าง อะไรบ้าง....


    ชิงหลางกับหลี่อิ่งก็เลือกเส้นทางในการเดินทาง อีกเพียงไม่กี่เมตรก็จะถึงเมือง บุปผาสวรรค์ พอเห็นกำแพงปุบชิงหลางก็เดาได้เลยว่า เมืองที่ก่อนจะมาปิดบ่มเพาะก็คือเมือง บุปผาสวรรค์ ที่เจอกับ ฉางเย่ว


    กำแพงล้อมรอบเมืองขนาดใหญ่สูงกว่า 10 เมตร มีทหารฝ้าประตูราวๆ 4 คน มีแถวที่แบ่งแยกอย่างชัดเจน แถวหนึ่งสำหรับนักเดินทาง อีกแถวหนึ่งสำหรับพ่อค้าแม่ค้าที่มาค้าขายกัน...


    ชิงหลางก็จับมือหลี่อิ่งแล้วพอเดินไปยังแถวของนักเดินทาง


    รอได้สักพักก็มาถึงคิวของชิงหลาง ทหารเฝ้าประตูสองคนปรายตามองหน้าชิงหลางแล้วหันมองดูทรวดทรงของหลี่อิ่ง หน้าตาของพวกมันราวกับสัตว์หื่นกระหาย หลี่อิ่งนี้แทบอยากจะพุ่งฆ่าให้มันตายๆไปอยู่แล้วถ้าไม่ติดที่ว่าเจ้านายของตนทำมือเป็นเชิงว่า หยุดไว้ก่อน


    ทหารเฝ้าประตูที่ตื่นจากอาการหื่นกระหายก็พูดกับชิงหลางด้วยคำพูดเรียบๆ


        " 1 เหรียญทอง "


    ชิงหลางถึงกับคิ้วกระตุก คนที่ต่ออยู่ข้างหน้าชิงหลางเสียเพียง 1เหรียญเงินแต่ที่กับข้าเสียถึง 1 เหรียญทอง


         " นี่... พี่ชาย ทำไมถึงเก็บเงินจากข้าถึงแพงนัก "


    ชิงหลางกล่าวออกมาพร้อมรอยยิ้ม พวกมันยิ้มเยาะในใจ แล้วกล่าวออกมา


         " ถ้าไม่มีก็ไม่ต้องเข้า ..... "


    ทหารเฝ้าประตูพูดขึ้นอย่างเรียบๆแล้วปรายตามองหลี่อิ่ง


         " แต่ถ้าเจ้าให้พวกข้ายืมผู้หญิงคนนี้สักคืนข้าจะให้เข้า "


    ทหารเฝ้าประตูมองหน้ากันและกันแล้วแสระยิ้ม เป็นเพียงแค่เด็กอายุ 15 ปี กับผู้หญิงอายุราวๆ 18 ปี เท่านั้น จะมีเงินเยอะขนาดนั้นได้ไง


        " อ่อ หรอ "


    เสียงของชิงหลางเริ่มทีความเย็นชา อุณหภูมิรอบข้างฉับพลันลดฮวบลง อาการหนาวเย็นเริ่มเข้ามาแทรก ชิงหลางเริ่มเดินหน้าไปหาพวกมัน ดีดเหรียญทองไปให้พวกมัน


         " อ่ะ นั้น 1 เหรียญทอง "


    ชิงหลางกล่างด้วยรอยยิ้มแล้วพาหลี่อิ่งเข้าไปในเมือง ไม่สนว่า พวกมันจะมีอาการอย่างไร  พอเดินออกมาจนเลยประตูเมืองมาเล็กน้อย ก็ได้ยินเสียงทรมาณอยู่หน้าประตู



         อ๊ากกกก !! หน้าของข้าา



         ควบคุมสสาร : ระเหิด


    ก่อนหน้าที่จะมีเสียงทรมาณดังออกมาจากหน้าประตู ชิงหลางได้ทำให้เหรียญทองระเหิดออกมาคล้ายควันแล้วแปรสภาพให้เป็นกรด ผู้เฝ้าประตูต่างจับหน้าตัวแล้วกรีดร้องอย่างทุกข์ทรมาณ


    หลี่อิ่งก็พอเดาได้ เพราะผู้เฝ้าประตูสองคนนั้นล่วงเกินชิงหลางไปแล้วคงไม่น่ารอดยังน้อยก็ต้องมีแผลสักแผล...


    ถ้าไม่นับผู้เฝ้าประตูพวกนั้น เมืองนี้นับว่ามีชีวิตชีวา มีผู้ฝึกจอมยุทธมากมายเดินผ่านไปมา ตอนนี้ชิงหลางและหลี่อิ่งมี ซากอสูรหมาป่าทมิฬระดับราชา ตัวหนึ่ง ต้องหาร้านที่รับซากสัตว์อสูร


    พอเห็นป้ายทีชี้บ่งบอกว่ารับซื้อซากสัตว์ชิงหลางก็จูงมือ ( แตะอั่ง ) พาเข้าไปในร้านทันที


        ร้านรับซื้อซากสัตว์อสูร


    มีชายชราถือไม้เท้าอยู่ข้างหน้าโต๊ะรับซื้อ กลิ่นอายที่ปล่ดปล่อยออกมา เป็นระดับลมปราณ นภา ขั้นที่ 3


        " มีอะไรต้องการหรือจะเอาอะไรมาขายหรือเจ้าหนู "


    ชายชราที่เห็นคนเข้าร้านเป็นเด็กหนุ่มอายุ 15 ปี เดินเข้ามาในร้านก็เอ่ยออกมา


        " ข้าเพียงแค่มาถามราคาในการรับซื้อเท่านั้นขอรับ "


    ชิงหลางที่เห็นว่าป็นชายชราที่ดูมีเมตตาก็อ้อนน้อมทันที หลี่อิ่งก็คำนับพอเป็นพิธี


        " อ่อ เจ้าว่ามาเลย อยากรู้ราคาสัตว์อสูรระดับไหน "


    ชายชราที่เห็นชิงหลางมีความอ้อนน้อมก็พยักหน้าราวกับถูกใจคนตรงหน้า


         " ข้าอยากรู้ราคาของสัตว์อสูรระดับราชาอสูร "


    ชายชราที่เห็นชิงหลางถามก็สงสัยเล็กน้อยแต่ก็ตอบไป


         " ไม่มีราคาที่ตายตัว ส่วนใหญ่ของพวกนี้เขาจะเอาไปประมูลกันหมด ราคาอย่างต่ำก็ 500 เหรียญทอง "


    ชายชรากล่าวออกมา ชิงหลางก็พยักหน้าเป็นชเงิเข้าใจ

     
         " ถึงจะราคาดีแต่มันอันตรายอย่างมากสัตว์อสูรระดับราชานั้นแข็งแกร่งมาก อย่าทำอะไรวูบวามล่ะ "


    ถึงจะไม่รู้จุดประสงค์ที่ชิงหลางถามแต่ก็เตือนด้ววความหวังดี


         " ข้าเข้าใจแล้ว ขอบคุณท่านมาก "


    ชิงกล่าวจบก็พาหลี่อิ่งไปยังโรงประมูลแห่งเดียวของเมืองหลังจากถามผู้คนตามท้องถนน มันเป็นโรงประมูลของตระกูลฉาง ซึ่งเป็น 1 ใน 4 ในตระกูลใหญ่ของอาณาจักร ตระกูลฉางปกครองเมืองบุปผาสวรรค์แห่งนี้ หรือจะเรียกอีกอย่างว่า จวนเจ้าเมือง ส่วนอีก 3 ตระกูลที่เหลือก็เป็นเหมือนกัน เมืองหลวงจะมีกษัตริย์ปกครองอยู่


    ชิงหลางเงยหน้ามองสถานที่ที่เรียกว่า โรงประมูลของตระกูลฉาง ทั้งชิงหลางและหลี่อิ่งก็ใส่ผ้าคลุมสีดำไว้อีกชั้นเพื่อป้องกันการเห็นเพราะไม่อยากให้เกิดเรื่องวุ่ยวายหลังจากเอาซากอสูรระดับราชามาประมูล..


    ชิงหลางยังชมตัวเองในใจว่า เรานี้ฉลาดจริงๆ ...


    พอจะก้าวเข้าไปก็ถูกผู้เฝ้าประตูขวางทางไว้ เพราะใส่ผ้าคลุมสีดำมันดูหน้าพิรุธ

     
         " พวกข้ามาเอาของเข้าประมูล "


    ชิงหลางกล่าวออกไป และกำลังเดินต่อไป


         " หยุดก่อน !! ข้าจะนำเจ้าไปเอง "


    ผู้เฝ้าประตูคนหนึ่งปล่ดปล่อยกลิ่ยอายระดับนภา จะเป็นคนนำทางชิงหลางและหลี่อิ่ง เพื่อให้แน่ใยว่าเอาของมาประมูลจริงๆ เขาปล่อยสัมผัมแต่ก็ไม่สามารถรู้ระดับลมปราณของทั้งสองคนได้เลย ราวกับหลุมดำมืดที่ดูดเข้าไปสู่ความตายถ้าไปยุ่งกับคนๆนี้


    พอส่งมาถึงเคาเตอร์ทำการ ก็กลับไปทำหน้าที่ของตนเองต่อทันที

     
         " มีอะไรให้รับใช้เจ้าคะ "


    แม้จะสงสัยทำไมต้องคลุมผ้า หญิงสาวหน้าตสดีก็เอ่ยต้อนรับใบหน้าที่ประดับด้วยรอยยิ้ม


         " ข้ามาเอาซากอสูรมาประมูลน่ะ "


    ชิงหลางกล่าวออกไป


         " ระดับอะไรเจ้าคะ "


    หญิงสาวที่พูดออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ


    " ระดับราชาอสูร "


    หญิงสาวถึงกับแข็งค้าง พอได้สติก็รีบวิ่งหายไปหลังเคาเตอร์ทันที


    หญิงสาวหน้างดงามผมสีดำสลวยเงางาม อยู่ในห้องทำงานซึ่งเป็นสถานที่ของ เจ้าของโรงประมูล เธอที่มีหน้าที่ต้องตรวจสอบสินค้าที่มาประมูล และอีกหลายๆอย่าง ทันใดนั้นหญิงสาวได้ยินเสียง


        ตึก ตึก ตึก


    มาจากหน้าห้องที่เหมือนมีคนกำลังเร่งรีบเดินตรงมาทางห้องนี้


        ก็อกๆ



    เสียงเคาะประตู


        " เข้ามา "


    เสียงที่ฟังแล้วเพราะมากๆดังขึ้น ประตูเปิดออกมาเผยให้เห็นหญิงสาวที่เฝ้าเคาเตอร์เดินเข้ามาในห้อง


        " กวนหลี่ มีอะไรหรือเปล่า "


    หญิงสาวผู้งดงามละสายตาจากใบรายละเอียดข้อมูลต่างๆ


        " มีเจ้าคะคุณหนู มีคนเอาซากอสูรระดับราชาอสูรมาประมูล "


    ผู้ที่ถูกเรียกว่ากวนหลี่ กำลังจะบอกเรื่องที่ต้องรีบมาแจ้ง


         " ใช่ ยอดฝีมือหรือเปล่า กวนหลี่ "


    ผู้ที่ถูกเรียกว่าคุณหนูได้กล่าวออกไปพร้อมลุกขึ้นออกจากเก้าอี้


         " ไม่ทราบเจ้าคะ ก่อนที่จะมากวนหลี่ตรวจสอบระดับลมปราณแล้ว แต่ไม่รู้ระดับพลังลมปราณเลยเจ้าคะ "


    ผู้ที่ถูกเรียกว่าคุณหนูพยักหน้าที่งดงามช้าๆ


         " ข้าเข้าใจแล้ว พาพวกเขาไปห้องรับรอง "


         " เข้าใจแล้วเจ้าคะ คุณหนูฉางเย่ว "




    #อย่าลืม เม้น


    #อย่าลืม กดหัวใจ


    #เป็น กำลังใจ ให้ไรต์นะ





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนเปิดให้แสดงความคิดเห็น “เฉพาะสมาชิก” เท่านั้น
    ×