หูฟังสีขาวในวันศุกร์ (สุข) - หูฟังสีขาวในวันศุกร์ (สุข) นิยาย หูฟังสีขาวในวันศุกร์ (สุข) : Dek-D.com - Writer

    หูฟังสีขาวในวันศุกร์ (สุข)

    ใครมีเรื่องทำนองนี้เอามาแชร์กันได้น้าาา ปล.เรื่องนี้เราใช้ชื่อสมมติทั้งหมดนะคะ

    ผู้เข้าชมรวม

    157

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    5

    ผู้เข้าชมรวม


    157

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  1 ต.ค. 58 / 22:02 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

    หูฟังสีขาวในวันสุข


    ขอบคุณภาพจาก Grimay

                สวัสดีๆ สวัสดีนะผู้มาเยือนทุกท่าน เอาล่ะๆ พร้อมจะอ่านเรื่องราวเล็กๆ ของเรา

    กันหรือยัง เอ๊ะ เดี๋ยวๆๆ อย่าเพิ่งไปไหนนะ เรากำลังจะเริ่มเรื่องราวของเราแล้วววว

               

               อื้มมม ย้อนกลับไปสมัยที่เรายังเป็นเด็กมัธยมคอซอง ตอนนั้นเราอยู่แค่ ม.3 เรา

    เป็นเด็กที่เชื่อมาตลอดว่าตัวเองไม่สวย (แต่ตอนนี้เราเป็นดาวมหาวิทยาลัยแล้วนะ ฮึ่มๆ

    ๆ เหมือนฟลุค) ฮ่าๆๆ ก็เลยทำตัวนิ่งๆ หน้านิ่งๆ เป็นวิญญาณล่องลอยในห้องไปเรื่อย 

    ชีวิตก็มีแค่ เช้าไปเรียน อยู่กับเพื่อนๆ และตกเย็นที่บ้านก็จะมารับกลับบ้านทุกวัน กลุ่ม

    ของเราเป็นกลุ่มใหญ่ ใหญ่ที่สุดแล้วในห้อง มีกันตั้งเป็นสิบคน เวลาเดินไปไหนมาไหน

    ในโรงเรียนก็เลยจะเดินกันเต็มถนนแต่นั่นไม่ใช่ประเด็น...เอิ่ม แล้วเราจะร่ายมายืดยาว

    ทำไม ฮ่าๆๆ เข้าเรื่องๆ เรื่องมันมีอยู่ว่า วันนึงที่เรากับเพื่อนๆ กินข้าวเสร็จกำลังจะเดิน

    ไปรอเรียนคาบต่อไป จู่ๆ เพื่อนคนหนึ่งในกลุ่ม เราสมมุติให้ว่าชื่อป๊อปแล้วกัน จู่ๆ ป๊อ

    ปก็เดินตรงแน่วไปที่โต๊ะรุ่นพี่ผู้ชายกลุ่มหนึ่ง ซึ่งมีกี่คนเราก็จำไม่ได้แต่ในกลุ่มนั้นมี

    ฝาแฝดหน้าตาดีนั่งอยู่คู่หนึ่ง ซึ่งหนึ่งในสองคนนั้นเองที่ป๊อปเข้าไปทักทาย เราจำได้ว่า

    ป๊อปกับพี่คนนั้นคุยกันเรื่องเกมที่ชื่อ ออดิชั่น เห็นว่าพี่คนนั้นขอป๊อปแต่งงานในเกม 

    ป๊อปเลยอยากรู้ว่าใช่พี่คนนี้ไหมคุยกันแปปเดียวป๊อปก็เดินออกมา ทำเอาพวกเราที่ยืน

    งงๆ กันอยู่ตรงนั้นก็ลากตัวเองออกมาด้วย พอออกมาได้ไม่เท่าไหร่ เราก็รู้สึกถึงสายตา

    แปลกๆ ที่มองมา แต่เราก็ไม่ได้เอะใจอะไรเลยปล่อยผ่าน พอออกมาจากมุมนั้นได้สัก

    พักเพื่อนๆ ในกลุ่มเราก็ซักกันใหญ่ว่าฝาแฝดที่ป๊อปเข้าไปคุยนั่นเป็นใครอะไร ยังไง บ

    ลาๆๆ ไอ้เราก็ไม่สนใจหรอก แต่ก็อยากรู้ไงก็เลยฟังบ้างไม่ฟังบ้างและจับใจความได้ว่า 

    แฝดสองคนนั่นชื่อ ซอฟท์และโซ่ (นามสมมติ) อยู่ม.4 เท่านั้น ที่เหลือเราก็ไปสังเกต

    แยกแยะเอาเองว่าใครเป็นใครด้วยตำหนิที่ทั้งคู่มีต่างกันนั่นคือปานที่คอ เราจำแค่พี่โซ่

    จะมีปานเล็กๆ ที่คอส่วนพี่ซอฟท์จะไม่มีและที่สำคัญคือพี่ซอฟต์มีแฟนแล้วค่าาา หลัง

    จากวันนั้นเราก็เจอพี่ๆ เขาบ้างแบบบังเอิญ เช่นเวลาเปลี่ยนคาบเรียน ตอนเดินสวนกัน

    ในโรงเรียนกระทั่งตอนเราผ่านๆ สนามบาส...เราชอบกีฬานี้เป็นพิเศษล่ะ แบบชอบดูนะ

    ไม่ได้ชอบเล่น อิอิ และนั่นก็ทำให้เราได้รู้ว่า เฮ้ย พี่สองคนนี้เป็นนักบาสด้วยนะ แต่เป็น

    นักบาสของคณะสี ไม่ใช่ของโรงเรียน อา แบบนี้ก็แสดงว่างานกีฬาสีใกล้เข้ามาแล้วสินะ

    ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเราจะไปสิงที่ไหน แน่นอนว่าต้องเป็นสนามบาสอยู่แล้ว ว่าแล้วตอน

    นั้นเราก็คิดเลยว่าเราจะนั่งมุมไหนอะไรยังไงให้ฟินเวลาที่ดูพวกนักกีฬาบาสผลัดกันรุก

    ผลัดกันรับ ผลัดกันเต๊าะสาว เอ้ย ไม่ช่ายยย ฮ่าๆๆ ระหว่างที่เราคิดเพลินๆ ก็เป็นอีกครั้ง

    ที่เรารู้สึกถึงสายตาแปลกๆ ที่มองมาทางกลุ่มพวกเรา...จากใครสักคนในสองแฝดนั่น...


                แล้วเราก็ยังคงไม่คิดอะไรต่อไป...ทำไมเหมือนโง่ ฮ่าๆๆ เราปล่อยให้เรื่องสาย

    ตาแปลกๆ ที่เราสัมผัสได้นั้นไว้ที่เดิม เราไม่ได้สนใจเลยจนกระทั่งเราเรียนชั้น ม.5 แล้ว

    พี่เขาเรียน ม.6 คิดดูสิคะคู๊ณณณณณณ สองปีเลยนะที่เราเฉยกับสายตาของพี่เขา

    ขนาดนั้น ตอนนี้เรารู้แล้วว่าเจ้าของสายตาแปลกๆ คนนั้นคือใคร เขาคือพี่โซ่นั่นเอง 

    ถึงว่าล่ะ พอตกเย็นเราจะมายืนรอแม่มารับกลับบ้านเราก็มักจะเห็นพี่โซ่กับเพื่อนเขาคน

    หนึ่งเดินผ่านเราไปหลายครั้ง แต่ก็นะ เราเองก็ทำอะไรไม่ได้ จะให้เดินจะถามว่ามอง

    อะไร มองทำไม ถ้าถูกตอกกลับมาว่าพี่เปล่ามองน้อง เราก็หมาสิ ก็เลยคิดไปว่า เออ พี่

    เขาคงจำได้ว่าเราเป็นเพื่อนป๊อปมั้งก็เลยมองอะไรเทือกนั้น เพราะตอนนี้เราเองก็ไม่ได้

    อยู่กับป๊อปแล้ว กลุ่มเราแยกย้ายกันตั้งแต่จบ ม. 3 เหลือเพื่อนในกลุ่มรวมเราที่เรียนต่อ 

    ม. 4 ที่เดิมแค่สามคน เราเลยคิดว่านี่อาจเป็นอีกเหตุผลที่พี่เขามองเราก็ได้ (ก็ยังคงโง่

    อยู่ T^T) จนเย็นวันหนึ่งมันเป็นเทอมสองแล้ว และก็ใกล้เวลาที่พี่เขาจะจบแล้วด้วย ไอ้

    เราก็มายืนรอแม่ปกติทุกครั้งที่เรามายืนรอแม่ เราก็มักจะเสียบหูฟัง ฟังเพลงที่ชอบเพื่อ

    ฆ่าเวลาระหว่างรอแม่ไปเรื่อยแล้วเราก็รู้สึกถึงพลังงานบางอย่างใกล้ๆ ตัวเรา แต่เราก็

    เลือกที่จะไม่หันไปก็ยืนเกร็งๆ อยู่ตรงนั้นซึ่งก็ไม่รู้จะเกร็งไปทำไม =_= บางทีเราก็ไม่

    เข้าใจตัวเองแฮะ ก็ทำเป็นเล่นโทรศัพท์ไปเรื่อยจนแม่มาบีบแตรเราก็เงยขึ้นไปเห็นแม่ 

    เราก็รีบเดินไปหาทันที พอจังหวะที่หันมานั่นเอง...เราก็เหลือบไปเห็น ใครบางคนที่คุ้น

    เคยกำลังหันหลังเดินกลับเข้าโรงเรียนไป เขาคนนั้นก็คือ พี่โซ่ อา...เขามายืนเป็นเพื่อน

    เรางั้นเหรอหรือเราแค่คิดไปเอง ??


                หลังจากวันนั้นเราเองก็ไม่ค่อยได้เจอพวกพี่โซ่อีก อาจเป็นเพราะเป็นช่วงสอบ

    กลางภาค พี่เขาน่าจะไปสุมหัวกันอ่านหนังสือมากกว่า ฮ่าๆ ก็ใกล้จะจบกันแล้วนี่เนอะ 

    อันที่จริงเราเองก็แอบใจหายนะ ที่พวกพี่เขาจะไปแล้ว อีกแค่ไม่กี่วันเท่านั้นเอง เราไม่ได้

    เจอพี่โซ่ประมาณเกือบๆ สองอาทิตย์ได้มั้ง กระทั่งเย็นวันศุกร์วันหนึ่ง ฉันออกมายืนรอ

    แม่หน้าประตูโรงเรียนพร้อมทั้งหูฟังคู่ใจอันเดิมเพิ่มเติมคือ หนังสือนิยายเล่มโต (ช่วงนั้น

    ติดหนักมากกกกก) แต่ที่แปลกไปคือคราวนี้เราแค่เสียบไว้เฉยๆ โดยที่ไม่ได้เปิดเพลง ก็

    ยังคงสงสัยมาจนทุกวันนี้ว่าทำไมถึงไม่เปิดวะ จะเสียบไว้หาอะไร ฮ่าๆๆ แต่ก็เพราะ

    แบบนั้น ไม่นานเราก็รู้สึกถึงพลังงานบางอย่างทั้งซ้ายและขวาของตัวเอง...เอิ่ม ปกติมา

    แค่ข้างเดียว ไหงวันนี้มาสองข้างล่ะเนี่ย ก่อนที่เราจะตัดสินใจปิดนิยายในมือแล้วหันไป

    มองให้ชัดๆ ว่าพลังงานบางอย่างที่เรารู้สึกจะใช่คนที่หายไปเกือบๆ สองอาทิตย์หรือไม่

    นั่นเอง เราก็ได้ยินที่เขาพูดขึ้นมาเสียก่อนทำให้ต้องก้มอ่านนิยายต่อไปทั้งๆ ที่ความจริง

    แล้ว เราไม่มีสมาธิจะอ่านเลย เพราะประโยคที่ได้ยินนั่นไงล่ะ...


    “เฮ้ย มึงว่าถ้ากูจีบน้องเขา กูจะมีโอกาสจีบติดมั้ยวะ” เสียงนี้ฉันจำได้แม่นแม้ไม่ได้เงยหน้าขึ้นไป เสียงพี่โซ่ไงล่ะ


    “กูไม่แน่ใจว่ะ เฮ้ย มึงต้องรีบไปซ้อมแล้ว ไปๆ” และเสียงของเพื่อนพี่เขาที่ตอบกลับไป คือจะบอกว่านาทีนั้น เราเงิบมาก แบบ เฮ้ยยย พี่มึงชอบเรา มึงก็มาบอกเราสิวะ ไม่ใช่ให้เราคิดไปนู่นนนนน

    ไอ้เรามันไม่เคยมีแฟนไม่มีคนมาชอบมาสารภาพรัก ใครมันจะไปรู้วะว่าพี่ชอบเรา

    อ่ะ =_= พอเพื่อนพี่มันพูดประโยคนั้นออกมา พี่โซ่ก็เลยจำต้องเดินกลับเข้า

    โรงเรียนไปพร้อมเพื่อน ที่ว่าซ้อมก็น่าจะบาสแหละ แต่เราว่าไม่ได้ซ้อมหรอก น่า

    จะเล่นกันมากกว่า ทันทีที่พี่เขาเดินกลับไป เราก็เบือนหน้าขึ้นไปหาเลย อยากจะ

    บอกเหลือเกินว่าเราได้ยินทุกคำพูดนะเมื่อกี้น่ะ แต่พี่เขาก็ไม่ได้หันกลับมาเพราะ

    เดินคุยอยู่กับเพื่อนคนนั้น เราเห็นแค่หลังไวๆ ที่เดินเข้าโรงเรียนไป แล้วเราก็ยืน

    อยู่แบบนั้นจนแม่บีบแตรรถ เป็นสัญญาณว่าให้ขึ้นรถเพื่อกลับบ้านได้แล้ว เพราะ

    เหตุการณ์นี้เองที่ทำให้เราแปลกไปจากเดิม คือปกติเวลาเจอพี่เขา เราก็จะเดิน

    ผ่านเฉยๆ อาจมีมองตอบบ้างอะไรบ้าง แต่ตอนนี้ หลบลูกเดียวจ้าาาาาาา มันเป็น

    เหมือนปฏิกิริยาตอบสนองอัตโนมัติเวลาที่เจอพี่เขาเลยล่ะ ช่วงนั้นเป็นช่วงเวลาที่

    เรารู้สึกแบบรักเพื่อนมากกกกก คือเวลาจะเดินไปไหนมาไหนจะเดินเกาะหนึบไป

    กับเพื่อน เหมือนเป็นบ้า ฮ่าๆๆ เราว่าพี่เขาก็คง เอะใจแหละว่าทำไมเราถึง

    แปลกๆ ไป เพราะหลังจากนั้นพี่เขาก็ดูห่างๆ ไป ตอนเย็นๆ เราก็ไม่รู้สึกถึง

    พลังงานประหลาดที่มายืนใกล้ๆ เหมือนเคย...ทำไมเรารู้สึกเหงาแปลกๆ นะ T^T 

    มันเป็นแบบนั้นจนเวลาล่วงเลยไปยันวันที่พี่เขาจบ วันนั้นเราตั้งใจซื้อกุหลาบดอก

    หนึ่งไว้ให้พี่เขาเพื่อแสดงความยินดีตามปกติ เพียงแต่...เราไม่ได้ให้พี่เขา และ

    ปล่อยมันไปแบบนั้น จนเราขึ้นม.6 พี่เขาจบไปแล้ว และเราเองก็ไม่เคยเห็นพี่เขา

    กลับมา จนเปิดเรียนอาทิตย์ที่สอง เพื่อนสนิทพี่โซ่กลับมาในเย็นวันที่เรากำลังต่อ

    แถว เพื่อเดินออกไปจากโรงเรียนไปยืนรอแม่มารับ พลันสายตาก็ไปประสานเข้า

    กับเพื่อนพี่โซ่คนนั้น ทันทีที่พี่เขาเห็นเรา พี่เขาก็ล้วงมือไปกดโทรศัทพ์ต่อสายถึง

    ใครบางคนโดยที่ยังไม่ละสายตาไปจากเรา... เราก็ไม่รู้หรอกว่าคนที่เพื่อนพี่โซ่โทร

    หาจะเป็นพี่โซ่หรือไม่ แต่ก็อยากส่งต่อความรู้สึกนี้ให้พี่โซ่รู้ไว้ว่า พี่คือคนที่จะอยู่ใน

    ความทรงจำเราตลอดไป ขอบคุณที่ทำให้เรารู้สึกว่าตัวเองก็มีคนสนใจ ขอบคุณ

    ช่วงเวลาเย็นๆ ที่ทำให้เราไม่ยืนอยู่คนเดียว ขอบคุณทุกๆ อย่างที่ทำให้รู้ว่าเรามี

    ตัวตน...และขอบคุณ หูฟังสีขาวคู่ใจและอะไรก็ตามที่ดลบันดาลให้เราไม่ได้เปิด

    พลงในวันนั้น....มันทำให้วันธรรมดากลายเป็นวันศุกร์ที่มีความสุขที่สุดเลย 

    ^_____^  


    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++







    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

    ปล.เราก็ไม่ได้หวังให้พี่เขามาอ่านหรอก แต่เราอยากส่งมอบความรู้สึกของเราเท่านั้นเอง แล้วใครที่กำลังเจอเหตุการณ์แบบเรา ก็อย่าซื่อจนบื้อแบบเรานะ เดี๋ยวจะเสียใจ ฮ่าๆๆๆ Good luck Good Love นะคะทุกคนนนน

    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×