ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    องค์กรลับ นักเรียนอันตราย

    ลำดับตอนที่ #3 : คำเตือนของบิลลี่

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 31
      0
      6 ก.ค. 47

                ไม่มีวันใดของจาคอบที่จะทั้งเหน็ดเหนื่อยและยาวนานเช่นวันนี้ ข้อความบนแผ่นกระดาษที่เขียนด้วยลายมือหวัด ๆ ของไรอัน ยังคง

    ติดตรึงอยู่ในความคิดขณะที่เขาวิ่งขึ้นบันไดทีละสองก้าวไปยังห้องนอน โดยลืมที่จะทักทายอย่างสุภาพกับนางแอนนา เดลี่ เพื่อนบ้านที่แวะ

    เอาพายบลูเบอร์รี่ดูน่าอร่อยมาให้





                 “เอาวางไว้บนนั้นแหละครับ” เขาชี้มือไปทางโต๊ะขัดมันในห้องครัว “ขอบคุณฮะ”



                  

                  จาคอบขึ้นมาถึงหน้าห้องนอนพอดีกับที่นางเดลี่ออกไปจากบ้าน เสียงปิดประตูที่ดังกว่าทุกครั้งของเธอบอกให้เขารู้ว่าเธอไม่พอใจท่าทีของเขาอย่างมาก   แต่เขาก็ไม่มีเวลาสนใจ    ในตอนนี้ เรื่องอื่น ๆ สำคัญกว่ามารยาทมากนัก



                  

                  จาคอบเดินเข้าไปในห้อง เหวี่ยงกระเป๋าลงบนเตียงก่อนจะทิ้งตัวตามลงไป ความคิดต่าง ๆ หลั่งไหลเข้ามาราวกับสายน้ำที่เชี่ยวกราด เขานึกถึงใบหน้าของไรอัน ข้อความในกระดาษ ข่าวพาดหัวในหนังสือพิมพ์ เดอะ เอสเติลเบิร์น โพสต์ ลิซ เบอร์เนส จิมมี่ แคสตันใบหน้าของไรอัน ข้อความในกระดาษ และ- -



                  

                  “ซาร่าห์ พอลลี่ “ จาคอบพึมพำกับตัวเอง ตอนนี้หัวของเขาปวดตุบ ๆ ราวกับกำลังจะระเบิด เขาหลับตาเพื่อรวบรวมสมาธิอีกครั้ง ก่อนจะเอื้อมไปหยิบกระเป๋าข้าง ๆ ตัวขึ้นมาเปิดออกและดึง เดอะ เฮสเติลเบิร์น โพสต์ขึ้นมาอ่านเป็นรอบที่สี่



                                                            

                                                          ฆาตกรรมสยองขวัญ นักเรียนเฮสเติลเบอร์รี่



                   เมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมา เกิดเหตุชวนให้ทั้งโรงเรียนเฮสเติลเบร์รี่ต้องผวา เมื่อนักเรียนหญิงคนหนึ่งถูกฆาตกรรมอย่างโหดเหี้ยมในบ้านของตัวเอง





                   รอส สแตน สมาชิกชมรมหนังสือพิมพ์ที่บังเอิญได้ทราบข้อมูลของเรื่องนี้โดยตรงรายงานว่า เมื่อคืนวันอังคารที่สิบหก กรกฎาคม เวลาประมาณสี่ทุ่มยี่สิบนาที นายแจ็ค พอลลี่ได้เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่สถานีตำรวจบีชแองเกิลว่า นางสาวซาร่าห์ กลอเรีย พอลลี่ ลูกสาววัยสิบเจ็ดปี ถูกฆาตกรรมภายในบ้านพักหมายเลขหกสิบสาม ถนนบีชแองเกิล ชานเมืองเฮสเติลพาเลซ โดยนายพอลลี่เล่าให้เจ้าหน้าที่ฟังว่า ซาร่าห์ มีร่องรอยถูกตีที่ศีรษะและน่าจะถูกรัดคอจนเสียชีวิต





                  เจ้าหน้าที่โอลิเวอร์ แคนท์ ผู้รับผิดชอบในคดีนี้ได้เข้าไปตรวจสอบยังสถานที่เกิดเหตุ กล่าวว่า ซาร่าห์ ถูกฆาตกรรมจริง เมื่อเวลาประมาณสองทุ่มถึงสามทุ่มครึ่ง โดยสาเหตุน่าจะมาจากการฆ่าเพื่อชิงทรัพย์ เพราะภายในบ้านมีร่องรอยของการรื้อค้นและพบว่าทรัพย์สินมีค่าบางอย่างหายไป





                  อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่แคนท์ยังไม่สามารถระบุตัวผู้ต้องสงสัยหรือคนร้ายได้ พร้อมกันนี้เจ้าหน้าที่แคนท์ ยังได้เตือนให้นักเรียนและผู้ปกครองอย่าอยู่บ้านตามลำพังช่วงเวลากลางคืนในระยะนี้อีกด้วย





                  “มันเป็นเรื่องที่จำเป็นมาก ที่เราจะต้องมั่นใจว่าจะไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก” เจ้าหน้าที่แคนท์ให้สัมภาษณ์ “แน่นอนว่าเรารู้สึกตกใจกับเรื่องนี้มาก แต่เราสัญญาว่าจะต้องตามหาตัวฆาตกรรายนี้มาให้ได้” เขาบอกกับผู้สื่อข่าวของเรา และเขายังได้ขอให้ทางโรงเรียนให้ความร่วมมือในการสอบปากคำอาจารย์และนักเรียนที่อาจเกี่ยวข้องด้วย







                   จาคอบเหวี่ยงหนังสือพิมพ์ลงถังขยะเมื่ออ่านจบ นี่ก็แสดงว่ามีการฆาตกรรมนักเรียนของเฮสเติลเบอร์รี่จริง ๆ สินะ และเขา- -ที่ไม่อยากจะยอมรับความจริงข้อนี้เลย- -จำเป็นจะต้องพาตัวเองเข้าไปเกี่ยวข้องอย่างไม่มีทางเลือก เพียงเพราะเหตุผลบ้า ๆ ขององค์กรลับเท่านั้น





                   จาคอบล้วงลงไปในกระเป๋าอีกครั้ง ดึงเอาสมุดเล่มเล็กกับปากกาออกมาเพื่อจดรายละเอียดต่าง ๆ ที่ได้จาก เดอะ เฮสเติลเบิร์นฯ พลางนึกสงสัยว่าทำไมวันนี้ตู้ล็อกเกอร์ของเขาจึงว่างเปล่า ทั้งที่ควรจะมีข้อมูลเรื่องการฆาตกรรมที่มาจากลิซ เบอร์เนส บางทีเธออาจคิดว่าข้อมูลจากหนังสือพิม์นั้นน่าจะเพียงพอแล้วหรือบางทีเธออาจจะเหมือนเขา ที่ไม่ต้องการดึงเรื่องนี้เข้ามาเกี่ยวข้องกับตัวเองก็ได้



                  

                    จาคอบกำลังคิดถึงสิ่งที่ต้องทำหลังจากจดบันทึกข้อมูลเสร็จ ก็พอดีมีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เขาสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะลุกขึ้นไปรับสาย





                   “ยังเกอร์ครับ” จาคอบพูด



                  

                   “อ้อ ลูกเองหรือจ๊ะ ดีจริง แม่คิดว่าลูกยังไม่กลับถึงบ้านเสียอีก” เสียงของนางยังเกอร์ลอดมาตามสาย



      

                   นางแคทเธอรีน ยังเกอร์ เป็นบรรณาธิการนิตยาสารเกี่ยวกับการท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงฉบับหนึ่ง เธอพักและทำงานอยู่นอกเมืองเฮสเติลพาเลซ และนาน ๆ ครั้งจึงจะมีเวลากลับมาเยี่ยมบ้านและจาคอบได้ แต่เธอก็มักจะโทรมาทักทายเขาอยู่เสมอโดยเฉพาะเวลาที่ต้องเดินทางไปไกล ๆ





                  “ผมถึงบ้านนานแล้วล่ะครับ” จาคอบว่า “แม่สบายดีหรือครับ”





                  “จ้ะ แม่สบายดี แค่คิดถึงลูกน่ะ แล้วลูกล่ะจ๊ะ เป็นไง” เธอถาม



                  “ผมก็สบายดีครับ” จาคอบโกหก





                  “อ้อ ทายซิว่าตอนนี้แม่อยู่ไหน” เธอถามด้วยน้ำเสียงร่าเริง



          

                 “เอ่อ โรมหรือปารีสล่ะครับ” จาคอบว่า “หรือว่ามาดริด”





                  “เปล่าจ้ะ เปล่า ตอนนี้แม่อยู่ที่อียิปต์น่ะ” เธอพูดอย่างตื่นเต้น “ที่นี่ยอดมากเลยล่ะจ้ะ ยอดจริง ๆ ”



                  “หรือครับ แล้วแม่จะกลับบ้านเมื่อไหร่ครับ” เขาถามต่อ





                  “โอ้ แม่เพิ่งจะมาถึงเมื่อสองชั่วโมงที่แล้วเองนะลูก” เธอหัวเราะ “แต่คราวนี้คงะอยู่ไม่นานหรอกจ้ะ อาจจะแค่สามหรือสี่วัน บ่ายนี้เราจะไปถ่ายรูปกันนิดหน่อยแล้วก็- -ลูกแน่ใจเหรอจ๊ะว่าสบายดี น้ำเสียงลูกฟังดูแย่จังเลย”





                   จาคอบพยายามทำเสียงให้สดใสขึ้น “ไม่มีอะไรหรอกครับ ผมแค่เหนื่อยเท่านั้นเอง แม่ก็รู้นี่ครับว่าปีสุดท้ายต้องเรียนหนักแค่ไหน”





                  “จริงด้วยสินะ” เธอหัวเราะอีกครั้ง “แม่ชอบลืมทุกทีเลยว่าลูกกำลังจะใช้ชีวิตเด็กมัธยมสมบูรณ์แล้ว” เธอเงียบไป ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจังขึ้น “และแม่ก็รู้ด้วยว่าแม่ไม่ได้ทำตัวเป็นเม่ที่ดีเท่าไหร่…”





                  “โธ่ พอเถอะครับ” จาคอบขัดขึ้น แม้ว่าเขาจะเคยเห็นด้วยกับสิ่งที่เธอพูดบ้างเป็นบางครั้งคราว แต่เขาก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า เกือบสิบแปดปีของชีวิตเขาแทบจะไม่มีอะไรที่ตกหล่นหรือขาดหายไปเลย





                  “แม่เป็นแม่ที่ดีจริง ๆ ครับ” จาคอบพูดออกมาจากใจจริงและได้ยินเสียงนางยังเกอร์สูดจมูกเบา ๆ “โธ่ไม่เห็นต้องร้องไห้เลยนี่ครับ” เขาพูดล้อ ๆ





                  “แม่ไม่ได้ร้องซักหน่อย” เธอกลับมาพูดด้วยน้ำเสียงร่าเริงอีกครั้ง “เอาล่ะจ้ะ ถ้าลูกสบายดี แม่ก็หมดห่วงแล้วล่ะ เอาไว้เจอกันอาทิตย์หน้านะลูก”





                  “เอ่อ แม่ครับ” จาคอบโพล่งออกไปโดยไม่ทันรู้ตัว จู่ ๆ เขาก็นึกอยากบอกนางยังเกอร์ทั้งเรื่องขององค์กรลับ ซาร่าห์ พอลลี่ และอีกหลาย ๆ เรื่องที่เขาไม่เคยได้บอกเธอมาก่อนขึ้นมา เขาอยากบอกเธอว่าจริง ๆ แล้วเขารักเธอมากแค่ไหน และต้องการให้เธออยู่กับเขามากเพียงใด โดยเฉพาะในเวลาที่เขาต้องทนแบกรับภาระที่ไม่เกี่ยวข้องกับตัวเขาเองแม้แต่น้อยเช่นนี้





                   “ว่าไงจ๊ะลูก” นางยังเกอร์กระตุ้นลูกชาย





                  “ไม่มีอะไรครับ” จาคอบรีบพูด  “เที่ยวให้สนุกนะครับ แล้วอย่าลืมของฝากผมด้วย” เขาเสริมด้วยน้ำเสียงที่แกล้งทำเป็นสดชื่น





                 “จ้ะ แม่ไม่ลืมแน่ แล้วเจอกันนะลูก แม่รักลูกนะ” เธอบอกเขา “ครับ แล้วเจอกัน บายครับ”





                 จาคอบวางหูโทรศัพท์และกำลังเดินกลับไปยังสมุดบันทึกเพื่อจดข้อมูลต่อ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นเป็นครั้งที่สอง





                “ว่าไงครับ” เขาถาม คิดว่าคงเป็นนางยังเกอร์ที่โทรกลับมาสั่งให้เขารดน้ำต้นไม้ ตัดหญ้าหรือทำความสะอาดโรงรถเหมือนทุกครั้งที่เธอไม่อยู่บ้านนาน ๆ





               “ก็ไม่ว่าไงหรอก ยังเกอร์” เสียงค่อนข้างคุ้นหูดังขึ้น “แค่โทรมา…ตามหน้าที่เท่านั้น” เสียงนั้นพูดต่อไปเรื่อย ๆ ราวกับกำลังท่องบทกวีแสนไพเราะให้คู่สนทนาฟัง





               “บิลลี่” จาคอบกระซิบ รู้สึกปั่นป่วนในช่องท้อง “คุณก็รู้ว่าไม่ควรโทรมา มันมีกฎที่ว่า- -“





               “ฉันรู้เรื่องกฎดีน่า น้องเอ๋ย” บิลลี่พูดกลั้วหัวเราะ “จำได้ขึ้นใจเลยล่ะ แล้วฉันไม่ใช่สมาชิกองค์กรแล้ว จำได้ไหม ฉันเป็นแค่อดีตสมาชิกเท่านั้น”





                จาคอบรู้ว่าเขาพูดถูก บิลลี่ มอร์แรน เป็นประธานองค์กรลับรุ่นที่สิบสอง เขาเป็นคนที่ส่งต่อหน้าที่ประธานให้กับจาคอบเอง บิลลี่ทำงานได้ยอดเยี่ยมมากเมื่อตอนที่ยังอยู่ในองค์กร เขาเป็นที่ยอมรับและไว้วางใจของสมาชิกคนอื่น ๆ และโดยส่วนตัวลึก ๆ แล้ว จาคอบเองก็คิดว่าเขาเป็นที่ปรึกษาที่ดีและเป็นคนที่น่าคบคนหนึ่ง หากมองข้ามเรื่องที่ว่า บิลลี่ คนเก่งคนนี้ คือคนที่ยัดเยียดภาระอันหนักอึ้งมาให้เขาเอง





                “จริงสิครับ” จาคอบพูดอย่างยอมจำนน “แต่ผมไม่ยักรู้ว่าอดีตสมาชิกจะสามารถโทรหาสมาชิกปัจจุบันได้ด้วย  คือมันจะไม่ดูเป็นการก้าวก่ายกันหรอกหรือครับ” เขาถาม พยายามเน้นคำว่าก้าวก่ายอย่างจงใจ





                “ไม่หรอก” บิลลี่ว่า “เฉพาะสมาชิกปัจจุบันเท่านั้นที่โทรศัพท์ติดต่อกันไม่ได้ เพราะ- - ไม่รู้สิ มันเป็นกฎโบร่ำโบราณที่เราแก้ไขไม่ได้น่ะ- - แล้วก็นะ ยังเกอร์ นายไม่ต้องมาประชดฉันหรอก” เขาพูดอย่างรู้ทัน





                “งั้นคุณโทรมาทำไมครับ” จาคอบถาม ทั้ง ๆ ที่พอจะเดาเหตุผลได้





                “เพื่อเตือน” บิลลี่พูดเรียบ ๆ “เรื่องซาร่าห์ พอลลี่ หรือครับ” จาคอบถามต่อ





                “ใช่ และก็เรื่องอื่น ๆ ด้วย” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจังมากขึ้น



              

                 “ฟังนะ ยังเกอร์ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ห้ามพวกนายทิ้งเรื่องนี้เด็ดขาด เข้าใจไหม” เขาถาม แต่ฟังดูเหมือนเป็นคำสั่งมากกว่า “สมาชิกรุ่นก่อน ๆ หลายคน รวมทั้งฉันด้วยเห็นว่า- -“





                 “อะไรนะครับ” จาคอบถามอย่างประหลาดใจ “สมาชิกรุ่นก่อน ๆ นี่หมายความว่าพวกคุณยังติดต่อกันอยู่อีกหรือครับ แล้วทุกรุ่นเลยหรือเปล่าครับ ผมคิดว่า- -“





                “ยังเกอร์”  บิลลี่พูดขึ้นอย่างหมดความอดทน “ช่วยฟังให้จบ ๆ ก่อนได้ไหม แล้วค่อยตั้งคำถาม” เขาถอนหายใจ “นายนี่ช่างไม่มีมารยาทซะเลยจริง ๆ\"





                วูบหนึ่งจาคอบนึกอยากจะพูดอะไรแรง ๆ ใส่บิลลี่ แต่เขาห้ามตัวเองไว้ทัน คงไม่ใช่ความคิดที่ดีแน่ถ้าจะหาเรื่องปวดหัวเพิ่มขึ้นอีก ในเมื่อตอนนี้มันก็มีมากพอที่จะทำให้เขาเป็นบ้าได้อยู่แล้ว





                “ขอโทษครับ” เขาพึมพำเบา ๆ อย่างไม่ค่อยเต็มใจ





                “ช่างมันเถอะ” บิลลี่ว่า “ที่ฉันจะพูดก็คือ สมาชิกเก่า ๆ หลายคนรวมทั้งฉันเองรู้ว่าเรื่องนี้เป็นภาระที่หนักหนามากสำหรับพวกนายทุกคน” เขาพูดต่อไปด้วยน้ำเสียงที่เจือความเห็นใจเล็กน้อย “แต่ก็มีบางคนที่คิดว่าเป็นเรื่องสนุกสนาน พวกเขาว่า ไม่เคยมีองค์กรลับรุ่นไหนได้รับเกียรติให้ทำงานที่ท้าทายอย่างนี้มาก่อน”



                

                 “ว่าไงนะครับ” จาคอบถามอย่างไม่เชื่อหู “เรื่องสนุกสนานและเป็นเกียรติหรือครับ” เขาหัวเราะอย่างไม่นึกขำ “น่าสมเพชสิ้นดี” เขาจบประโยคอย่างรังเกียจ





                  “ใช่ ฉันเห็นด้วยกับนาย” บิลลี่พูดอย่างอ่อนใจ “แต่นี่แหละที่เป็นปัญหา” เขาหยุดนิดหนึ่ง ราวกับกำลังตัดสินใจอะไรบางอย่าง ก่อนจะพูดต่อไป “นายรู้จักอลัน ฮัดสัน ใช่ไหม”





                  “ครับ รู้จัก เขาเป็นประธานคนที่สามขององค์กร” จาคอบตอบ นึกถึงหนังสือเกี่ยวกับประวัติของสมาชิกองค์กรลับที่เขาอ่านมาแล้วไม่ต่ำกว่าสิบรอบ “คุณถามทำไมหรือครับ”





                  “เพราะเขาคือตัวปัญหาของพวกเราน่ะสิ” บิลลี่ตอบอย่างไม่สบอารมณ์





                  “ทำไมล่ะครับ”





                  “นายจำฉายาของเขาได้ไหมล่ะ” บิลลี่ถาม



                  “จำได้สิครับ” จาคอบว่า “ฮัดสัน เดอะ ฮันติ้ง(ฮัดสัน ยอดนักล่า)”

                



                  “ใช่ แล้วนายรู้ไหมว่าทำไมเขาถึงได้ฉายานั้น” บิลลี่ถามต่อไปในขณะที่จาคอบรู้สึกงุนงงขึ้นเรื่อย ๆ





                  “เห็นว่าเขาเป็นจอมโหดที่ไม่ปล่อยให้เรื่องหลุดไปง่าย ๆ นี่ครับ ผมว่าคงเพราะอย่างนั้นก็เลย....\"





                  “เปล่าเลย ไม่ใช่” บิลลี่หัวเราะอย่างไม่มีความหมาย “นั่นเพราะเขาเป็นเดอะ ฮันติ้งจริง ๆ น่ะสิ”





                  เขาอธิบายต่อไปเมื่อเห็นจาคอบยังคงเงียบอยู่ “องค์กรของเราทุกรุ่นที่รับช่วงต่อจากเขา ถูกเขาตามรังควานจนแทบไม่เป็นอันทำอะไรเลยทีเดียว ทั้งเอียน ริชาร์ด รุ่นหก เทรซี่ นีเวอร์ รุ่นเจ็ด แล้วก็อีกหลายคนเลยล่ะ”



                  บิลลี่ถอนหายใจหนัก ๆ อีกครั้ง  “มันแย่มากทีเดียว เขาเพิ่งจะหยุดทำแบบนี้ไปเมื่อตอนที่อเล็กซ์ ยีนส์ เข้ามารับตำแหน่งก่อนฉันนี่เอง”



                 “ถ้างั้นพวกคุณก็คิดว่า เขาจะตามมารังควานผมอย่างนั้นหรือครับ” จาคอบถาม เขารู้สึกหวั่น ๆ ขึ้นมาเล็กน้อย “เพราะเขาเห็นว่านี่เป็นเรื่องสนุกและมีเกียรติหรือครับ”





                 “เราคาดว่าจะเป็นอย่างนั้น” บิลลี่ตอบ “เพราะงั้นฉันถึงต้องมาเตือนเธอนี่ไงล่ะ”



                 “แต่พวกคุณที่ไม่เห็นด้วยกับเขาก็มีเยอะกว่าไม่ใช่เหรอครับ” จาคอบถาม “พวกคุณน่าจะห้ามเขาได้สิครับ”





                 “ไม่ได้หรอก มันยาก” เขาพูด “มีคนสนับสนุนเขาอยู่ ส่วนมากก็เป็นพวกลูกน้องของเขาเองนั่นแหละ แล้วพวกนี้ก็เป็นจอมโหดพอ ๆ กับเขาเลย แถมยังเป็นสมาชิดรุ่นบุกเบิกอีกด้วย” เขาพูดอย่างเหนื่อยใจ “เราแทบไม่มีใครอยากยุ่งกับเขา”





                “พวกคุณกลัวเขาหรือครับ” จาคอบถามอย่างไม่เชื่อ “ทั้งที่มีคนมากกว่าน่ะหรือ”





                “ใช่ พวกเรากลัว” บิลลี่กระชากเสียง และจาคอบรู้ว่าเขาเพิ่งแทงใจดำของบิลลี่เข้าอย่างจัง “และถ้านายรู้เรื่องของเขาทั้งมดล่ะก็ นายจะไม่พูดจาถือดีอย่างนี้แน่” เขาว่า





                “ทำไมครับ” จาคอบถาม และนึกได้ว่าไม่น่าถามเลย





                “เขาเคยฆ่าคนตายมาแล้วน่ะสิ” บิลลี่พูดด้วยน้ำเสียงหวาดหวั่น



                “อะ- -อะไรนะครับ ฆ่าคนหรือครับ” จาคอบทวนคำ พลันรู้สึกเหมือนหัวใจดิ่งลงไปในเหว คำตอบของบิลลี่ห่างไกลจากที่เขาจินตนาการไว้ไกลพอควร





                อย่างไรก็ตามเมื่อบิลลี่พูดขึ้นอีกครั้ง น้ำเสียงของเขาฟังดูสงบลงอย่างน่าชื่นชมทีเดียว “ใช่ แต่เขาก็รอดมาได้ ใช้เส้นของเขาแล้วก็อะไรต่อมิอะไรน่ะ”





                “พวกคุณคงไม่คิดว่าเขาจะฆ่าผมหรอกนะครับ” จาคอบถาม พยายามทำให้ดูเหมือนเป็นเรื่องตลก “แค่เพราะเรื่ององค์กรเท่านั้น”



                “บอกตรง ๆ ว่าเราไม่รู้ ยังเกอร์” บิลลี่ว่า “แต่มันแสดงให้เห็นชัดแล้วไม่ใช่หรือว่า เขาเป็นคนไม่แคร์อะไรแล้วก็ชอบใช้ความรุนแรง เขาอาจจะทำอะไรก็ได้ ถ้าเกิดเห็นว่านายไม่สมควรจะรับผิดชอบต่อองค์กรที่เขาเทิดทูนบูชา”





                จาคอบนึกอยากตั้งคำถามกับบิลลี่อีกมากมายหลายข้อ แต่เขาก็นึกคำพูดไม่ออก เท่าที่เขารู้คือ ตอนนี้เขาอาจจะกำลังตกอยู่ในอันตราย รวมทั้งเพื่อนอีกสามคน คือไรอัน ลิซและจิมมี่ด้วย





                “ไม่ต้องห่วงหรอกยังเกอร์” จู่ ๆ บิลลี่พูดขึ้น และราวกับอ่านใจจาคอบได้ เขาพูดต่อไปว่า “แล้วอย่าได้โทษตัวเองด้วย เรากำลังจะช่วยนาย องค์กรลับจะไม่ทิ้งกันหรอก” เขาพูดอย่างให้ความมั่นใจ  “ฉันรู้ว่านายคิดว่ามันไร้สาระ แต่เรามีเหตุผลที่ตั้งองค์กรขึ้นมา นายจะรู้ในเร็ว ๆ นี้แหละ ฉันว่านะ





                 “เอาล่ะ ฉันคงต้องวางซะที เราคงได้พบกันอีกนะ ยังเกอร์” เขาพูดอย่างร่าเริง





                 “พบกันหรือครับ” จาคอบถามอย่างร้อนรน  “คุณจะมาพบผมหรือครับ”



                

                 “อาจจะเร็ว ๆ นี้ แล้วอย่าลืมบอกเพื่อน ๆ ของเธอด้วย เอาล่ะ แค่นี้นะ สวัสดียังเกอร์”





                 บิลลี่วางหูไปก่อนที่จาคอบจะได้ถามว่า เร็ว ๆ นี้ของเขาคือเมื่อไหร่ จาคอบลุกขึ้นเดินไปยังสมุดบันทึกที่เขียนค้างไว้และเก็บมันใส่กระเป๋าตามเดิมก่อนจะเดินลงไปในครัว เขาเห็นกล่องใส่พายบลูเบอร์รี่ของนางเดลี่วางอยู่บนโต๊ะ และรู้สึกผิดขึ้นมานิด ๆ ที่ทำตัวไม่มีมารยาทกับเธอ เขานั่งลง และหยิบพายขึ้นมากินชิ้นหนึ่งพร้อมกับตั้งใจว่าจะซื้อเค้กไปฝากนางเดลี่ เพื่อเป็นการขอโทษในวันพรุ่งนี้.



                                                        ********************************























    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×